ความคิดเห็นที่ 1 อันนี้คงต้องโทษ UBC ที่ชอบเอาโฆษณาว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ จินตนาการ ที่ไม่มีหลักวิชาการมาสนับสนุน เขาเรียกว่า เพ้อเจ้อ นะครับ จากคุณ : Mojo So Bad - [ 23 เม.ย. 52 23:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนที่เค้าว่าไอลน์สไตน์แรกๆไงครับ เพ้อเจ้อ จากคุณ : บารูสต้า - [ 23 เม.ย. 52 23:26:40 A:118.172.54.220 X: TicketID:202751 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ได้ครับ เพราะเราเปลี่ยนมวลสาร(ร่างกาย)ให้กลายเป็นพลังงาน(แสง)แล้ว เมื่อตัวเราที่อยู่ในรูปพลังงานแล้ว เมื่อเคลื่อนที่ก็ต้องใช้พลังงานที่มีอยู่ และการที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ก็ต้องใช้พลังงานเท่าเดิม แล้วจะเอาพลังงานนั้นมาจากไหนล่ะ จากคุณ : slamer - [ 23 เม.ย. 52 23:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเห็นด้วยกับคห.3 แต่ไม่เห็นด้วยกับ คห.1 ครับ มีจินตนาการเยอะๆครับจะสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่ดีได้ จากคุณ : ว่างมากๆ - [ 23 เม.ย. 52 23:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เปล่ยนเป็นพลังงานไปแล้ว ตัวเราก็จะต้องเข้ากฏของพลังงานไปโดยปริยายด้วยครับ เช่น กระเจิง และกระจายออกตามระยะที่ได้เคลื่อนที่ ดังนั้น พอจะรวมกลับเป็นร่างกายดังเดิม พลังงานมันกระจายไปแล้ว จะรวมกลับมาเป็นคนเหมือนดิมได้ยังไงล่ะครับ จากคุณ : Styer - [ 23 เม.ย. 52 23:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คงรวมกลับเป็นมนุย์เหมือนเดิมไม่ได้หรอกครับ     อาสาสมัครคงต้องเสียสละล่ะ   แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นแสง แล้วอีกวิธีนึง ถ้าจะเปลี่ยนแสงให้เป็นสิ่งมีชีวิต   หรือ การใส่จิต สามัญสำนึกของมนุษย์ลงไปในแสงล่ะครับ.... แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 52 23:46:04 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 52 23:44:45 จากคุณ : yagioh - [ 23 เม.ย. 52 23:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องมีเครื่องส่งเปลี่ยนอะตอมเป็นโฟตอน ? แล้วปลายทางต้องมีเครื่องรับเปลี่ยนโฟตอนเป็นอะตอม ? ถ้าจะเดินทางก็แปลว่ายังไม่มีการติดตั้งเครื่องรับปลายทาง.. แสงวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย ? ผมว่า ถ้ามีการแปลงเป็นแสงได้..แต่เมื่อเดินทางไปถึงปลายทาง.. แล้ว จขกท.จะแปลงกลับได้ไงล่ะ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน คงยังไม่น่าสแกนองค์ประกอบร่ายกายระดับอะตอมได้ป่ะ ? แค่ทำเครื่องเทเลพอร์ตได้ผมว่าก็ยากละนะ >_< http://www.rmutphysics.com/charud/howstuffwork/howstuff2/teleportation/teleportationthai.htm ปล. ชอบจริงๆ เรื่องจินตนาการ ฮ่าๆ จากคุณ : ทะเลสีดำ หัวใจสีชมพู - [ 23 เม.ย. 52 23:56:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Mojo So Bad <----- เละ อิอิ จากคุณ : อิอิ - [ 24 เม.ย. 52 00:03:48 A:119.31.69.43 X: TicketID:209656 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่า ต้องไป ปรึกษา Dr.manhattan แล้วละ อุอุ โทษทีอดไม่ได้อ่ะ แต่ไอน์สไตน์ก็เคยพูดไว้เหมือนกันทั่งเรื่องทฤษฎีพวกนี้และเรื่องการเดลื่อนย้ายมวลสาร เรายังไม่รู้จนกว่าจะมีคนค้นพบ อย่างเมื่อก่อนใครจะไปรู้ว่าจะมีเครื่ิองบินบนโลก จากคุณ : แสงดาวบนปลายฟ้า - [ 24 เม.ย. 52 00:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคยได้ยินไหม "ทุกสิ่งที่มนุษย์สามารถจินตนาการได้ คือสิ่งที่เป็นไปได้" จากคุณ : Godzila - [ 24 เม.ย. 52 00:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วเวลากิน นอน นึกไม่ออกเท่าแสงต้องทำไรเนี่ย จากคุณ : โอพ่อพระ - [ 24 เม.ย. 52 01:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Logic will get you from A to B. Imagination will take you everywhere. - Albert Einstein แล้วถ้าเปลี่ยนจากร่างกายของคนให้เป็นระเบิดนิวเคลียร์ หรืออาวุธที่มีการทำลายล้างสูงๆหล่ะ จะบอมบ์ใครก็ส่งเป็นระเบิดแสงไป แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นระเบิดนิวเคลียร์ทีหลัง สงสัยคงทำสงครามกันมันระเบิดระเบ้อไปเลย งั้นเอาใหม่ เอาหลักการนี้มาประยุกต์ใช้กับการขนส่งพัสดุสิ่งของดีกว่า สร้างสรรค์กว่ากันเยอะ แบบว่าอยู่บนดาวอังคารแต่อยากกินต้มข่าไก่ก็สั่งตรงจากแหล่งผลิตโลด จากคุณ : Finnegan 'Finn' Bell - [ 24 เม.ย. 52 01:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วถ้ามันไกลออกไป หมื่นล้านปีแสงล่ะ ถ้าอายุไม่ยืดตามไปด้วยคงยากล่ะมั๊ง ที่จะไปไกลๆ จากคุณ : อุนทามะ - [ 24 เม.ย. 52 01:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทฤษฏี ส่วนใหญ่ เริ่มต้นด้วยการเพ้อเจ้อครับ เหลือแต่จะเปลี่ยนจาก เพ้อเจ้อให้กลายเป็นทฤษฏี ยังไง เพราะคนไทยส่วนมาก คิดแบบ คห.1 มันถึงไม่มีอะไรแปลกใหม่ซักที แต่แม้จะเดินทางได้เร็วเท่าแสง การไปยังสุดขอบ แกแลคซี่ก็ยังอยาก  ถ้า บังเอิญไปผ่าน หลุมดำนี่ จบเลย ไม่ต้องไปไหนแล้ว แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 02:42:08 จากคุณ : ZGMF-X10A - [ 24 เม.ย. 52 02:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ๊ากกก คห. 1 ครับ เคยดู startrek ป่าวครับ... ไอ้การเปลี่ยนมวลเป็นแสงมันก็มีในหนังน่ะครับ พร้อมๆกับ เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Display Hologram ซึ่งในที่สุดก็ทำได้... แทนที่จะมาเกรียนกันมาคิดกัน(เอาสนุกตามภาษานักวิทยาศาสตร์) ดีมั้ยครับว่าจะทำยังไง ผมคิดว่า (จากความรู้เท่าที่มีน่ะครับ) จากทฤษฏีสัมพันธ์ภาพ ก็น่าจะเป็นแนวนึงที่กล่าวว่า ถ้าวัตถุมีความเร็วเท่ากับแสง -> วัตถุนั้นจะเป็นแสง ดังนั้นความเร็วสูงสุดถึงมีค่า ใกล้ๆ ความเร็วแสง เมื่อถึงความเร็วแสง มวลจะ... ขยายตัว ... พลังงานจะถูกแปลง อีกอย่าง ถ้าอะตอม ที่มี electron วิ่งด้วยความเร็วแสงรอบๆ นิวเคลียส ดังนั้นถ้าทั้งก้อนนั้นวิ่งที่ความเร็วแสง วงโคจรของ elec ตรอนคงประหลาดดี ดังนั้น ในที่สุด การแปลงมวลเป็นแสง มันก็อาจจะเท่ากับ การเคลื่อนตัวผ่านหลุมดำ ... จากคุณ : asdf - [ 24 เม.ย. 52 03:24:23 A:124.122.163.63 X: TicketID:205742 ]

ความคิดเห็นที่ 16 "จิตนาการสำคัญกว่าความรู้" ไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องมีความรู้ มีแต่จิตนาการก็พอ นะครับ คุณต้องมีความรู้ระดับหนึ่ง แล้วจึงต่อยอดความรู้นั้นไปตามจิตนาการบนพื้นฐานของความรู้ต่างๆ จากคุณ : ped cad - [ 24 เม.ย. 52 04:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ก็คงต้อง เปลี่ยนรหัสพันธุกรรมให้ สามารถ Decode ได้ พอ decode ได้ก็เอาไปเปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่น ตามหลักที่ว่า สะสารจะไม่หายไป แต่เปลี่ยนรูปจาก form หนึ่งไปสู่อีก form หนึ่ง อะไรประมาณนี้ อีกหน่อย เราก็จะเข้าเครื่องสแกนรหัสพันธุกรรม เปลี่ยนร่างกาย เข้า Decode 0 และ 1  เปลี่ยนรูปตัวเอง ในสัญญาณอนาล๊อคแล้วเปลี่ยนเป็นดิจิตอล แล้วแปรสภาพเป็นแสงเข้าไฟเบอร์ออฟติกไปเลย พรวด ไปโพล่อีกซีกโลกด้วยความเร็วสูง แต่อนิจจา ....  เนตความเร็วตก ไปได้แค่ครึ่งตัว เกิด error ต้องโหลดใหม่ เหอๆ  ไปคิดภาพต่อแล้วกันครับ ว่าจะเหลืออะไรไปถึงอีกฝั่งบ้าง จากคุณ : CitizenShip - [ 24 เม.ย. 52 04:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แต่ขอ applause ให้กับคำถามนี้ คิดได้ไง จินตนาการเก่งจริงๆ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 24 เม.ย. 52 08:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงจะเป็นแสงแล้ว ก็ไปได้ไม่ง่ายหรอกครับ     ขอบมันอยู่ตรงไหน เราก็ไม่รู้   ใช้เวลาเดินทางนานเท่าไร ก็ไม่รู้อีก d~_~b จากคุณ : Sakuder - [ 24 เม.ย. 52 08:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไอเดียดีครับ จขกท การตั้งสมมุติฐานก่อน แล้วค่อยหาข้อมูลมาสนับสนุน ไม่ใช่เรื่องผิดครับ ถึงรู้ทีหลังว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เราน่าจะได้อะไรจากตรงนั้นไปประยุกต์กับอย่างอื่นมั่งแหละ เหมือนกับในกระทู้การค้นพบ ที่เกิดมาโดยบังเอิญในระหวังที่เค้ากำลังวิจัยเรื่องอื่นละครับ คห 3/5/6/7/12/13//15/17 เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ครับ   จากคุณ : Silent-Viper - [ 24 เม.ย. 52 09:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สงสัย ความคิดเห็นที่ 1 ดู UBC ซึ่งใช้ชื่อว่า True Vision แล้วในปัจจุบัน มากไปหรือเปล่า ความรู้ทั้งหลายเริ่มจากการสงสัย+จินตนาการสะส่วนใ หญ่ หรือ UBC Download ความรู้ ผ่านสาย data เข้าหัวได้เลย... << ไม่แ่นอนาคตอาจทำได้อย่างที่ผมพูดก็ได้ ใครจะรู้ เพราะตอนนี้ก็เป็นเพียงจินตนาการอยู่. ตัวอย่างง่าย เราสามารคุยกันเห็นหน้ากับคนอีกซีกโลกนึง หรือคนที่อยู่ในอวกาศได้แบบทันทีทันใดในปัจจุบัน  นึกย้อนกลับไปสัก 100-200 ปี เรื่องพวกนี้ จินตนาการทั้งนั้น. แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 11:35:33 แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 11:29:16 จากคุณ : Arccyber2004 - [ 24 เม.ย. 52 11:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 งั้นคงต้องพึ่งพาแมลงวาปแล้วแหละ ให้มันพาไป 55+ จากคุณ : Culture - [ 24 เม.ย. 52 12:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แต่เราเชื่อนะว่า เทเลพอร์ตคงทำได้ในไม่อีกกี่ 10 ปี จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 24 เม.ย. 52 12:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เคยคิดคล้ายๆแบบนี้ แต่ไม่ใช่ตัวกลายเป็นแสง แต่ให้วัตถุ ติดไปกับแสง เดินทางไปพร้อมๆแสง แบบนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า จากคุณ : Multiverse - [ 24 เม.ย. 52 15:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จินตนาการ กับ ความเพ้อฝัน ต่างกันตรงไหน จินตนาการ+ความรู้ สำหรับนักวิทยาศาสตร์ นำไปสู่การคิดค้นใหม่ๆ แต่ความเพ้อฝันที่ไม่อาศัยความรู้ จึงเป็นคำถามฟุ้งไปวันๆ เหมือนจะสร้างสรรค์แต่ไม่เกิดประโยชน์จริง นอกจากถกไปวันๆแล้วก็จบ ไม่มีการต่อยอดเพื่อนำไปสู่การคิดค้น แสงเองก็ยังอยู่ในกฏที่มีข้อจำกัดขณะที่เดินทางไปเรื่อยๆในอวกาศ เพราะฉะนั้น มันก็สูญเสียตัวมันเองไปเรื่อยๆ รวมทั้งพลังานในการเปลี่ยนแปลงจากคนเป็นแสง และจากแสงเป็นคนที่จุดปลายทางจะทำไงฮึ จขกท. จากคุณ : ฝันไปเถอะหล่อน - [ 24 เม.ย. 52 15:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กลับมาอ่านอีกที โดนไปหลายดอก  :) จินตนาการก็ดี แต่ถ้าเป็นจินตนาการที่ไม่มีหลักวิชาการมารองรับ จินตนาการที่ไกลเกินไป สุดโต่งไป ก็เป็นได้แค่จินตนาการ ที่เป็นจริงไปไม่ได้  เสียเวลาไปคิดเปล่าๆ แต่กับบางความเห็น ที่บอกว่า "มีจินตนาการเยอะๆครับจะสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่ดีได้"  อันนี้ก็ต้องขออธิบายเพิ่มเติม  ผมมองว่านักวิทยาศาสตร์ที่ดี ควรจะจินตนาการ และ "ลงมือทำ" เพื่อให้จินตนาการนั้น เป็นจริงได้ ลองคิดดู ว่าสมัยก่อนที่จะมีโทรศัพท์  คุณจะจินตนาการถึงโทรศัพท์ไร้สายก็ได้  แต่เทคโนโลยีมันไม่ให้  แค่คิดถึงโทรศัพท์ที่ต้องใช้สาย และทำให้เป็นจริงให้ได้ ก็ยากพอแล้ว  ส่วนคนที่มัวแต่เพ้อฝันถึงการพัฒนาโทรศัพท์ไร้สายในยุคนั้น ทำงานจนตายก็ไม่มีผลงานออกมา ถ้าจะจินตนาการ  ไม่ต้องมองไกลหรอกตรับ  เอาง่ายๆ อย่างเช่นจินตนาการถึงแหล่งพลังงานทางเลือก  ลงมือทำอย่างจริงจัง อาจจะสำเร็จได้ในชั่วชีวิตของคุณ ผมเองก็ไม่รู้ว่า จขกท มีความรู้ขนาดไหน  แต่ก็น่าจะมากพอที่จะรู้ว่าแสงจะวิ่งออกจากทุกทิศทุกทางจากแหล่งกำเนิดแสง  ดังนั้น การเดินทาง ก็จะมีลักษณะพุ่งออกไปรอบตัวจากแหล่งกำเนิดแสง เหมือนแสงจากดวงอาทิตย์  กว่าจะเดินทางไปถึงขอบ galaxy ที่เราอยู่นี้ ความเข้มแสงก็เหลือน้อยเต็มที มาดูต่อ  ต่อไปก็ต้องกำหนดว่า ความเข้มแสงน้อยขนาดไหน จะเรียกว่าตาย คำถามต่อไป คือ ถ้ากลายเป็นแสงไปแล้ว จะทำอย่างไรให้แสงสามารถรับภาพได้  ต้องคิดต่อว่าจะเก็บสิ่งที่ได้เห็นไว้ได้อย่างไร ขอย้ำครับว่า จินตนาการ ที่ไม่มีหลักวิชาการมาสนับสนุน เขาเรียกว่า เพ้อเจ้อ นะครับ จากคุณ : Mojo So Bad - [ 24 เม.ย. 52 16:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^ Mojo So Bad ตอบได้ถูกใจให้ 3 give ครับ ยกตัวอย่างนะครับ เหมือนกับเราจินตนาการว่ามนุษย์จะปล่อยพลังคลื่นเต่าได้ไหม ? - ทำไม่ได้ มนุษย์จะยืดแขนยืดขาแบบในการ์ตูนได้ไหม? - ทำไม่ได้ มนุษย์จะใช้พลังจิตเหาะได้ไหม ? - ทำไม่ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนร่างกายเป็นแสงหรอกครับ  ทำตัวอย่างที่ผมยกไว้ข้างบนให้ได้ก่อนเถอะครับ จากคุณ : Avexter - [ 24 เม.ย. 52 19:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เฮ้ออออออออออออออออ เอาอีกแล้ว หยิกแก้มแล้วเขกหัวตัวเองดู นิ้มจิง จากคุณ : เล็กกว่าโลง - [ 24 เม.ย. 52 19:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วสงสัย ใยแก้วนำแสงนี่ทำงานยังไงเหรอครับ จากคุณ : เอ็ม - [ 24 เม.ย. 52 20:19:48 A:58.186.158.199 X: TicketID:213367 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใยแก้วนำแสงมันก็คือใยแก้วเป็นเส้นๆ เหมือนเส้นลวดเล็กๆ แต่เป็นแก้ว แล้วปล่อยแสงเข้าไปในแก้วแสงมันก็วิ่งไปตามเส้น ถ้ามันลดทอนลงก็มี ตัวทวนสัญญาณเป็นช่วงๆ จขกท. มาตั้งประเด็นใหม่ว่าถ้าจะเอาจิตไปใส่ในแสงแทนที่จะทำคนที่ให้ กลายเป็นแสง แล้วถ้าถามกลับอีกทีว่าจริงๆ แล้วจิต หรือสมอง กันแน่ ที่เป็นตัวควบคุม สั่งการ และจดจำ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 52 21:09:36 จากคุณ : 5 (-=เหมือนจะใช่=-) - [ 24 เม.ย. 52 21:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #27 ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะมากมาย ถ้าคุณคิดไม่ออกหรือมองในสิ่งที่ คห บนๆ เค้าสื่อมาไม่ออก ผมว่า จขกท ที่ว่าเพ้อเจ้อน่าสงสารแล้ว พอมาอ่านความเห็นคุณกลับน่าสงสารกว่า จขกท T.T จากคุณ : Artaria EpisodeII - [ 24 เม.ย. 52 21:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #31 งั้นคุณก็บอกมาสิครับว่าใช้หลักการอะไรที่จะให้แสงมาทำเป็นสิ่งมีชีวิต อ่านดีๆที่ผมพูดมาคือยกตัวอย่างในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้  ถึงเรียกว่าเพ้อเจ้อ ผมว่าคนที่อ่านข้อความที่ผมต้องการจะสื่อไม่ออกแบบคุณน่าสงสารยิ่งกว่า จากคุณ : Avexter - [ 24 เม.ย. 52 22:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็ทำให้เป็นเรื่องได้เนอะ จากคุณ : HamyLee - [ 24 เม.ย. 52 23:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านแล้วนึกถึงกระทู้โหวต ปลายปีที่แล้ว นี้ ทฤษฎี คล้อยตาม มีผลต่อคนตอบกระทู้ใน pantip ด้วยรึเปล่าครับ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/12/X7349680/X7349680.html ไม่ได้บอกว่าฝ่ายใดถูกหรือผิดนะ แต่ คห.1 ทำให้กระทู้นี้กลายเป็นประเด็น "จินตนาการหรือเพ้อเจ้อ" ไปเลย 5555+ จากคุณ : Multiverse - [ 25 เม.ย. 52 02:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จขกท. อ่าน Space Odyssey มารึเปล่าเนี่ย ในเรื่องนั้น พี่แกทำร่างกายให้เป็นแสงที่ "แข็งตัว" แล้วก็นำสติสัมปชัญญะใส่ไปในนั้น พอคิดจะไปที่ไหน ก็สามารถไปถึงได้เลยทันที จากคุณ : StreamRider - [ 25 เม.ย. 52 22:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เหรอครับ  มีด้วยหรือ     ไม่เคยอ่านมาก่อนเลยจริงๆครับ จากคุณ : yagioh - [ 25 เม.ย. 52 23:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมกลับคิดต่อยอดเจ้าของกระทู้ไปอีกว่า "สุดขอบจักรวาล" เป็นคำจำกัดความหรือเปล่าครับ เพราะ ความที่ผมเข้าใจ จักรวาลเป็นอะไรที่มัน หาที่สิ้นสุดไม่ได้ "Infinity"  แล้วถ้าหลุดจักรวาลไปแล้ว ต่อออกไปมันจะเป้นอะไรหรอครับ...หรือมันเป็นเพียงแค่ สมมุติฐานว่า มีจักรวาล มีที่สิ้นสุด... ชัก "งง" หลายๆ คห.อย่าว่า จขกท. เลยครับเพ้อเจ้อตรงไหน เป็นความอยากได้ใคร่รู้ แบบนี้ดีออก บางคนคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ จากคุณ : ยังมีวันพรุ่งนี้ - [ 27 เม.ย. 52 15:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มันเป็นไปได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เหมือนกับเมื่อก่อนนั่นแหละ.... ตัวอย่าง่าย ๆ คุณคิดว่าจะทำยังไงให้มีรูปคุณไปอยู่บนกระดาษได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย....แล้วตอนนี้ล่ะ กล้องถ่ายรูปมีกันเกลื่อนตลาดไปหมด จากคุณ : เกี๊ยมอี๋ - [ 23 พ.ค. 52 14:40:05 ]