ความคิดเห็นที่ 1 No. 9 หมีขั้วโลก จำนวนที่เหลืออยู่ ประมาณ 20,000 ตัว หมี สีขาวผู้ตกเป็นเหยื่อจาก season change (เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย)  มนุษย์ทำลายมันทางอ้อม เสมือนยิงปืนไปชนชั้นบรรยากาศแล้วลูกปืนชิ่งกลับมายังแผ่นน้ำแข็ง  ว่ากันว่าถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นๆ และแผ่นน้ำแข็งละลายลงๆ แบบนี้ หมีขั้วโลกจะสูญพันธุ์ในศตวรรษหน้า  อย่าคิดว่านานนะครับ!  นั่นถือว่าเร็วมาก เมื่อเทียบกับการวิวัฒนาการจนเกิดพวกมันขึ้นมา และถ้าดูจากพฤติกรรมของมนุษย์ในทุกวันนี้ที่ยังคงสร้างสรรค์ปรากฏการณ์โลก ร้อนอย่างต่อเนื่อง ก็คงเหลือเวลาอีกไม่มากเท่าไร สำหรับสัตว์บกกินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดนี้ แนวทางอนุรักษ์ ทั่ว โลกกำลังร่วมกันแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง (รึเปล่า)  และทาง WWF กำลังสนับสนุนการวิจัยเพื่อศึกษาว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมีผลต่อหมีขั้วโลกอย่างไร รวมทั้งได้ร่วมกับภาครัฐบาลและอุตสาหกรรมในการลดภัยคุกคามจากการเดินเรือและ การพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเขตขั้วโลกเหนือ เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ลุก ขึ้นไปปิดไฟหรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ท่านไม่ได้ใช้ หรือปิดคอมพิวเตอร์ซะเลย  ทุกครั้งที่จะเปิดแอร์ให้ท่องว่า "ฉันเย็น แต่หมีร้อน ฉันสบาย แต่หมีตายเกลี้ยง"  ทำทุกอย่างที่ช่วยไม่ให้โลกร้อน ก็น่าจะช่วยหมีได้บ้างล่ะนะ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:07:08 จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลืมรูป จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 No.8  แพนด้า จำนวนที่เหลืออยู่ 1,600 ตัว "หมี แพนด้า หมีแพนด้า เค้าว่าน่ารัก..."  แม้จะเหลืออยู่แค่พันกว่าตัว แต่ก็โชคดีที่เจ้าหมีสีขาวดำตัวนี้หน้าตาแอ๊บแบ๊วน่ารัก คนทั้งโลกจึงให้ความสนใจกับมัน  แต่อนาคตของแพนด้าก็ไม่แน่นอนเอาเสียเลย เนื่องจากถิ่นที่อยู่ของมัน ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนถูกแยกออกจากกัน  ทำให้มันอยู่กระจายเป็นหย่อมๆ ไม่สามารถไปมามาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนดีเอ็นเอกันได้  รวมทั้งการเติบโตของสารเมลามีน เอ๊ย ของเศรษฐกิจจีนก็ทำให้บ้านของมันถูกบุกรุก  สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นปัญหาการสูญพันธุ์ของมันได้ชัดคือ เราเห็นภาพแพนด้าในสวนสัตว์มากกว่าภาพในธรรมชาติ แนวทางอนุรักษ์ กอง ทุนตราหมีแพนด้าและองค์กรต่างๆ ได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์แพนด้ามานานแล้ว ปัจจุบันก็ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลจีนในการวางแผนคุ้มครอง โดยการก่อตั้งเขตอนุรักษ์ และเริ่มมีการเพาะพันธุ์ในสถานที่เลี้ยง เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ศึกษา เรื่องราวของแพนด้าให้มากขึ้น เรียนรู้ว่าแม้ช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยจะนั่งแอ๊บแบ๊วกินใบไผ่อย่างสบายอารมณ์ แต่ชีวิตจริงของพวกมันนั้นรันทดมาก  ครั้งหน้าไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่จะได้ไปเล่าให้ผู้อื่นฟังได้ว่าควรมอง แพนด้าในมุมอื่นบ้าง แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:07:56 จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 No.7  ช้างแคระบอร์เนียว จำนวนที่เหลืออยู่ ไม่เกิน 1,500 ตัว ช้าง พันธุ์แคระตัวนี้เป็นชนิดย่อยของช้างเอเชีย  พวกมันอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว  ช้างแคระบอร์เนียวคล้ายช้างในบ้านเราแต่ตัวเล็กกว่า เป็นช้างเอเชียพันธุ์ที่เล็กที่สุด  ชีวิตของมันลับแลและไม่เป็นที่รู้จักมากนัก นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจเลยว่าบรรพบุรุษของมันแต่โบราณนั้นมาจากไหน  ช้างแคระบอร์เนียวอาศัยอยู่ตามป่าที่ราบต่ำ ซึ่งถูกบุกรุกจากการทำป่าไม้และการเกษตร ทำให้ประชากรลดลง  และอีกไม่นานจา พนมคงต้องเปลี่ยนไปร้องว่า "ช้างแคระกูอยู่ไหน" แนวทางอนุรักษ์ ทาง WWF กำลังปกป้องพื้นที่ใจกลางของป่าที่ราบต่ำในเกาะบอร์เนียว  และใช้ดาวเทียมติดตามความเคลื่อนไหวของช้าง เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมมากขึ้น เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง คง ไม่ต้องถึงกับลงทุนไปเช่าดาวเทียมไทคม (จากคนที่คุณก็อยากให้สูญพันธุ์) มาศึกษาช้างแคระ  หาทางช่วยอนุรักษ์ญาติของมันในบ้านเราน่าจะดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างไทยเข้ามาติดอันดับกับเขาด้วยในอนาคต แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:08:35 จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 No.6  เฟอร์เรตตีนดำ จำนวนที่เหลืออยู่ 600 ตัว สัตว์ ชื่อไม่คุ้นหูตัวนี้หน้าตาคล้ายๆ ชะมดหรือหมาไม้ พวกมันอาศัยอยู่ตามที่ราบกว้างใหญ่ในอเมริกาเหนือ  ปัญหาชีวิตมันไม่ได้เกิดจากกการที่ตีนดำแต่อย่างไร แต่เกิดจากอาหารของมัน ซึ่งก็คือตัวแพรี่ด็อกลดจำนวนลง  แพรี่ด็อกคือสัตว์คล้ายหนูตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ใต้ดิน  เมื่อพวกมันถูกเกษตรกรปราบจนลดจำนวนไปมาก ผลจากโซ่อาหารก็เริ่มทำงาน เฟอร์เรตตีนดำจึงไม่มีอาหารกินไปด้วย  (ลองนึกภาพหนูนาที่ถูกชาวนากำจัดไปหมด ทำให้งูเห่าไม่มีอาหารกิน จนอดตายนะครับ) นับเป็นความซวยของมันแท้ๆ ที่อยู่ดีๆ ก็ต้องมารับกรรมจากมนุษย์ แนวทางอนุรักษ์ ครั้ง หนึ่งมันเกือบสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่โชคดีที่นักวิจัยสามารถเพาะพันธุ์เฟอร์เร็ตตีนดำและปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ได้  และตอนนี้ทาง WWF มีแนวทางการอนุรักษ์พวกมันรวมถึงแพร์รี่ด็อก อาหารของมันด้วย เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง การ ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปบอกเกษตรกรที่อเมริกาคงเป็นเรื่องยาก  แค่รับรู้เรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ก็พอ  ต่อไปเวลาจะฆ่าสัตว์อะไรสักตัวคงต้องคิดให้ดี  เพราะชีวิตของมันเกี่ยวพันกันด้วยโซ่อาหาร  ใครจะรู้ว่าการตบยุงตัวเดียวอาจสะเทือนไปถึงการสูญพันธุ์ของเสือโคร่งก็ได้ จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 No.5  วาฬไรท์แปซิฟิกเหนือ จำนวนที่เหลืออยู่  ไม่แน่นอน มนุษย์ มีความสามารถในการทำลายล้างขั้นเทพ ขนาดสัตว์ยักษ์ที่อยู่ในน้ำก็ยังถูกจัดการ  วาฬไรท์แปซิฟิกเหนือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่หายากที่สุดชนิดหนึ่งใน ปัจจุบัน  ในอดีตมันเคยว่ายน้ำไปมาอยู่ทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ แต่ปัจจุบันมันเกือบจะสูญพันธุ์ เพราะถูกล่าอย่างหนักในช่วงวัฒนธรรมการล่าวาฬ   นอกจากถูกล่าแล้ว ยังต้องเผชิญปัญหาหลายอย่าง ทั้งการว่ายติดอวน ว่ายชนเรือ (อย่าคิดว่ามันโง่นะครับ วาฬและโลมามีปัญหากับอวนจริงๆ)  รวมทั้งได้รับผลกระทบจากการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแถบอะแลสกา ซึ่งเป็นแหล่งอาหารในฤดูร้อนของมันอีกด้วย แนวทางอนุรักษ์ WWF กำลังพัฒนาระบบการเดินเรือที่ปลอดภัย เพื่อหลบหลีกการชนกับวาฬ และพยายามยับยั้งการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแถบอะแลสกา นอกจากนี้ก็มีการออกกฎหมายห้ามล่า เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ถ้า การขุดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีผลกระทบต่อแหล่งที่อยู่ของวาฬไรท์แปซิฟิกเหนือและสัตว์ต่างๆ  เราควรหันมาใช้พลังงานทางเลือกอย่างอื่นแทน เช่นพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการขุดหาแหล่งน้ำมันอีก... จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 No.4  เสือโคร่งสุมาตรา จำนวนที่เหลืออยู่  400-500 ตัว เสือ โคร่งสุมาตราเป็นเสือโคร่งสายพันธุ์ที่ตัวเล็กที่สุดในโลก อาศัยอยู่ที่เกาะสุมาตรา (อธิบายก่อนว่า เสือโคร่งมีชนิดย่อยถึง 9 ชนิดย่อย เสือโคร่งในบ้านเราคือชนิดย่อยอินโดจีน)  สาเหตุที่พวกมันใกล้สูญพันธุ์เนื่องมาจากป่าถูกทำลายและถูกล่า  เสือหนึ่งตัวที่ถูกล่านั้นนำไปทำอะไรได้คุ้มค่ามาก อวัยวะต่างๆ (แม้แต่จู๋) ใช้ทำยาจีนแผนโบราณ หนังและกะโหลกก็นำไปทำเป็นเครื่องประดับได้  ที่สำคัญมันมีราคาดีมากด้วย  นั่นทำให้ทุกวันนี้เสือโคร่งหายากยิ่งกว่าเสือกระบาก สาเหตุสำคัญที่นัก อนุรักษ์ให้ความสำคัญกับเสือโคร่งสุมาตรา เพราะมันเป็นชนิดย่อยที่มีรหัสพันธุกรรมต่างจากชนิดย่อยอื่นที่สุด งงไหมครับ หมายความว่ามันมีโอกาสวิวัฒนาการเป็นชนิดใหม่ได้ง่ายกว่านั่นเอง ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญในแง่วิวัฒนาการมากๆ แนวทางอนุรักษ์ มี การจัดชุดลาดตระเวน เพื่อขัดขวางการล่าของพรานป่า  ดำเนินการลดความขัดแย้งของมนุษย์กับเสือโคร่งสุมาตรา (ว่าเสือไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด) รวมทั้งการขยายพื้นที่อุทยานที่พวกมันอาศัยให้เพิ่มเป็นสองเท่า เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง เปลี่ยน ความเชื่อเรื่องสรรพคุณของยาจีนแผนโบราณ  ทำวิจัยเพื่อศึกษาว่า กระดูก เขี้ยว หรืออวัยวะอื่นๆ ของเสือ ไม่ได้เป็นยาที่วิเศษอะไรนัก  เมื่อได้ผลแล้วควรประกาศให้โลกรู้อย่างเป็นทางการ  หรือไปรณรงค์ตามร้านยาจีนแถวเยาวราช ถ้าจะให้ดีกว่านั้นควรไปรณรงค์ที่ประเทศจีนเสียเลย จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 No.3  กอริลลาครอสริเวอร์ จำนวนที่เหลืออยู่  300 ตัว มนุษย์ ต้องการกำจะจัดญาติของตัวเอง เหล่าลิงใหญ่หรือเอปที่คิดจะตีเสมอมนุษย์จึงลดจำนวนอย่างรวดเร็ว  กอริลลาครอสริเวอร์ก็เช่นกัน มันเป็นชนิดย่อยของกอริลลาเวสเทิร์น (กอริลลาชนิดที่ตัวผู้มีหลังสีเทา)  และเป็นเอปที่หายากที่สุดในโลก  มันเจออันตรายจากพรานป่า และการสูญเสียถิ่นที่อยู่ในประเทศไนจีเรียและแคเมอรูน  แม้ลิงใหญ่ชนิดนี้จะฉลาดขนาดไหน ก็สู้มนุษย์ที่มักจะฉลาดเป็นพิเศษยามความโลภครอบงำไม่ได้  ทำให้จำนวนของมันลดลงไปเรื่อยๆ แนวทางอนุรักษ์ องค์กรอนุรักษ์หลายแห่งพยายามก่อตั้งอุทยานแห่งชาติให้เป็นที่อยู่อาศัยของมันอย่างเร่งด่วน และมีการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการล่า เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ดู เป็นเรื่องไกลตัวเสียเหลือเกินในการช่วยอนุรักษ์สัตว์ที่เป็นญาติใกล้ตัวเรา เช่นนี้  อาจต้องพึ่งหมอผีในแคเมอรูนให้ช่วยปกป้องคุ้มครองกอริลลาแทน  แต่อย่างน้อยเราก็ควรระลึกไว้เสมอว่าเอป เช่น กอริลลา อุรังอุตัง หรือชิมแปนซี ล้วนเป็นสัตว์หายาก ดังนั้นไม่ควรดีใจเมื่อเห็นพวกมันมาแสดงโชว์ในสวนสัตว์ จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 No.2  โลมาวากิตา จำนวนที่เหลืออยู่  150 ตัว โลมา หน้าตาคล้ายปลาสวายตัวนี้มีขนาดเล็กที่สุดในโลกและก็หายากที่สุดด้วย  มันยาวเต็มที่ประมาณ 150 เซนติเมตร อาศัยอยู่ตามอ่าวแคลิฟอร์เนียและตอนเหนือของเม็กซิโก  โลมาวากิตาเป็นสัตว์อีกชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์เพราะเจอไซด์เอฟเฟกต์  มันไม่ได้ถูกล่าโดยตรงแต่ประสบเคราะห์กรรมจากการว่ายมาติดตาข่ายจับปลาของ ชาวประมง ทำให้ลดจำนวนลงไปอย่างรวดเร็วๆ หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ ต้องอนุรักษ์ เนื่องจากโลมาวากิตาเป็น "สัตว์ชายขอบ" หรือ Edge species ที่หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการมาเฉพาะตัว มีญาติน้อย หรือมีรูปร่างและพฤติกรรมประหลาดแตกต่าง (แพนด้ากับตุ่นปากเป็ดก็นับว่าเป็นชนิดชายขอบเช่นกัน) นั่นคือถ้ามันสูญพันธุ์ไปก็จะเสียสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะไป แนวทางอนุรักษ์ WWF กำลังร่วมกับองค์กรและชาวประมง หาทางอพยพพวกมัน รวมทั้งซื้อตาข่ายจับปลาจากชาวประมง และสร้างทางเลือกในอาชีพให้ชาวประมง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการจับปลาที่จะทำให้โลมาวากิตาได้รับผลกระทบไปด้วย เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ทุก วันนี้ชาวประมงก็จับปลาได้น้อยลงแล้ว รายได้ก็ขาดแคลน  ถ้าจะให้เขามาคำนึงเรื่องพวกนี้คงเป็นไปได้ยาก  ไม่เช่นนั้น เราก็ต้องหาทางเลือกในอาชีพให้ชาวประมงที่แคลิฟอร์เนีย  ซึ่งคงยากหน่อยในวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์เช่นนี้  อาจจะทำได้เพียงแค่ฝากความหวังไว้กับบารัก โอบามา ให้แก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:09:50 จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 No.1  แรดชวา จำนวนที่เหลืออยู่  ไม่เกิน 60 ตัว เขา ว่ากันว่า "คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก"   เห็นจะจริงครับ น่าภูมิใจที่เรามีส่วนผลักดันให้ แรดชวาติดอันดับ 1  ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดบนพื้นพิภพ   แรดชวา ก็คือ แรด ในประเทศไทยนี่แหละ ถึงแม้เราจะพูดกันบ่อยๆ ถึงคำว่า "แรด" แต่ก็แทบไม่เคยเห็นแรดกันจริงๆ เลย (ไม่นับแรดที่กลายพันธุ์มาจากคน) เพราะชาวไทยได้กำจัดพวกมันไปจากประเทศนานแล้ว เชื่อไหมว่าแรดชวาเคยเป็น แรดที่มีอาณาเขตที่อยู่อาศัยกว้างมาก ตั้งแต่ตอนใต้ของจีน อินเดีย พม่า ไทย อินโดจีน ไปยังมาเลเซีย และเกาะต่างๆ ของอินโดนีเซีย  แต่ปัจจุบัน มันอาศัยอยู่ในเขตเล็กๆ บนเกาะชวาของอินโดนีเซีย และอีกกระจุกหนึ่งในเวียดนามใต้เท่านั้น (ไม่เกิน 8 ตัว และทั้งหมดนั้นไม่มีตัวผู้เลย!) สาเหตุที่มันใกล้สูญพันธุ์เพราะนอ (ซึ่งความจริงเป็นเพียงขนที่อัดแน่น) ของมันขายได้ราคาดีเหลือเกิน ในปัจจุบันนี้ ขายได้ถึง กิโลกรัมละ 30,000 ดอลลาร์ (นับว่าเป็นขนที่มีราคาแพงที่สุดในโลก!)  พรานทั้งหลายจึงไล่ล่ามันอย่างเอาเป็นเอาตาย  นอกจากนี้แหล่งที่อยู่ของมันก็ถูกทำลายไปด้วย แนวทางอนุรักษ์ มี การปกป้องพื้นที่อนุรักษ์ในอินโดนีเซียและเวียดนาม เพราะการขยายตัวของประชากรเริ่มเข้าไปใกล้ทุกที รวมทั้งเฝ้าสังเกตแรดและปกป้องมันจากพรานป่า ส่วนการเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ นั้น ปัจจุบันยังทำไม่ได้ เราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง รู้สึก อย่างไรครับ ถ้าผมจะบอกทุกท่านว่า สายเกินไปแล้วที่จะช่วยไม่ให้มันสูญพันธุ์  ด้วยจำนวนที่เหลืออยู่ เราทำได้เพียงแค่พยายามรักษามันไว้ และนับถอยหลังรอวันที่มันจะจากไป  ที่จริงอาจจะมีความหวังเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง แต่ดูแนวโน้มในปัจจุบันแล้วคงเป็นไปได้ยาก เราคงทำได้เพียงแค่ทำใจที่จะไม่มีแรดชวาอีกแล้วในอนาคต... --------------------------------------------------------- อ้า... เอาละครับ หลังจากลองอ่านถึงปัญหาที่เกิดและแนวทางที่เราพอจะช่วยอนุรักษ์ได้แล้ว จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว ยาก และบางไอเดียก็ดูไร้สาระเหลือเกิน (ซึ่งผมคิดได้เท่านี้)  และผมเองคงไม่ทุ่มเทพอที่จะเดินทางไปแคเมอรูนเพื่อไปรณรงค์ให้ผู้คนอนุรักษ์ กอริลลา หรือไปลงทุนซื้ออวนจับปลาจากชาวประมงที่แคลิฟอร์เนียหรอก  ส่วนสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราพอทำได้จะมีผลแค่ไหนกัน อย่างการมานั่งเขียนบล็อกให้คนรับรู้ว่าสัตว์อะไรจะสูญพันธุ์บ้าง  การเดินไปปิดไฟห้องน้ำสักดวงเพื่อช่วยหมีขั้วโลก  หรือการไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะ แรดชวากำลังจะสูญพันธุ์! ก็ดูจะค่อนข้างไร้สาระ หรือมันก็อาจจะดีกว่าไม่ทำอะไร อย่างน้อยก็เพื่อให้ตัวเองดูมีจิตอนุรักษ์ขึ้นมาบ้าง... ที่สำคัญ ปัญหาของตัวเรา เรายังแก้ไม่ได้เลยครับ ยิ่งปีนี้มีหลายปัญหาเหลือเกิน ลำพังแค่ปัญหาปากท้อง การเมือง และอื่นๆ ก็แก้กันทั้งปีก็ไม่เสร็จสิ้นแล้ว เราจะมีเวลามาสนใจพวกมันได้ยังไง อย่างกับว่าเราช่วยกูปรีได้สักตัว เศรษฐกิจจะดีขึ้นอย่างงั้นแหละ หรือถ้ากระซู่จะตายไปอีกตัว ก็คงไม่น่าเศร้าเท่ากับเราโดนลดเงินเดือนหรอกนะ   ปัญหานี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของคนที่เกี่ยวข้องทำต่อไปละกันนะ หลังจากนั่งเสียเวลาเขียนเรื่องพวกมันทั้ง 9 ตัวมาหลายชั่วโมง ผมก็ต้องขอตัวไปทำอะไรอย่างอื่นเพื่อความอยู่รอดของตัวเองบ้างละครับ สุดท้ายก็ขอให้ปัญหาต่างๆ ในปีนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะครับ มนุษย์ทุกท่าน... ปล. ผมจะมีความสุขอย่างยิ่ง ถ้าท่านใดอ่านบทความนี้แล้วไม่เห็นด้วยกับผม อยากเถียง หรือรู้สึกหงุดหงิดที่ผมถอดใจ ดีแต่บ่น ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง และจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านคิดว่า "ฉันจะทำให้ดูว่าคนที่มีความหวังในการอนุรักษ์ยังมีอยู่ในโลกใบนี้" แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:11:19 จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 20:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข้อมูลอ้างอิง "สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ 9 สปีชีส์ ที่ต้องเฝ้าระวังในปี 2009" หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันเสาร์ที่ 10 มกราคม 52 www.wwf.org www.wikipedia.org www.oknation.net/blog/print.php?id=384349 คำเขียนทั้งหมดเป็นผลงานของคุณ นาฬิกาลืมเวลา ขอบคุณครับ.. ภาพประกอบ จากอินเทอร์เน็ต ไม่มีอะไรจีรัง เมื่อไหร่มนุษย์จะสูญพันธุ์น้อ  อิอิ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:14:05 จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 21:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #9 แมคซิโกก็มีนโยบายเซ็นเซอร์เข้างวดเหมือนเมืองไทยหรอครับ เห็นเซ็นเซอร์อวัยวะน้องปลา จากคุณ : Disorder - [ 25 เม.ย. 52 21:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 IUCN Red list ตั้งแต่CRลงไป จากคุณ : KL - [ 25 เม.ย. 52 21:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปาดดดดดดดดดดดด   อ่าว  ไม่ทัน   อิอิ ฮา คห 4  คนที่คุณก็อยากให้สูญพันธุ์ จากคุณ : เจ้าชายโดดเดี่ยว - [ 25 เม.ย. 52 21:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กระทู้ดีจังครับ ชอบคำแนะนำที่บอกว่า เราพอจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อจะไม่ให้สัตว์เหล่านั้นสูญพันธุ์ โหวตครับ จากคุณ : @power - [ 25 เม.ย. 52 21:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนแรกนึกว่า #1 คือพยูน... ที่จริงมันสูญพันธุ์แล้วนี่นะ T T จากคุณ : ฮ่าๆๆComeback (โฮ่งฮับตังเม) - [ 25 เม.ย. 52 21:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมก็คงไม่อ่าน หนังสือ ของคนที่คุณอยากให้สูญพันธ์ เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 21:33:59 จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 25 เม.ย. 52 21:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ด้วยเทคโนโลยี่ปัจจุบัน ไม่สามารถจะทำผสมเทียมหรือโคลนนิ่งเลยเหรอ จากคุณ : ค้างคาวอมยิ้ม - [ 25 เม.ย. 52 21:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พะยูนยังไม่สูญพันธุ์นี่? แต่น้อยมากๆแล้ว จากคุณ : Plamany - [ 25 เม.ย. 52 21:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 #9 มองผ่านๆ นึกว่าเซนเซอร์อะไร ดูดีๆ มันเป็นกระดาษอะไรพิงไว้เปล่าคะ เราว่าโคลนนิ่งก็เป็นวิธีที่ไม่ทำให้สูญพันธ์นะคะ แล้วทำไมเค้าไม่ทำหว่า จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 25 เม.ย. 52 22:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จังซี่มันต้อง "โหวต" พะยูนที่อยู่ในไทยเหลือน้อยเต็มทีค่ะ แต่ที่เมืองนอกก็ยังพอมีอยู่บ้าง มีการอนุรักษ์อยู่ค่อนข้างเข้มแข็ง การจัดอันดับเค้าคงคิดว่ายังไม่ถึง top 10 แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า top 20 ส่วนการโคลนนิ่ง ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ นะคะ ที่ได้ข่าวว่าโคลนแกะ โคลนวัวได้ สัตว์บางชนิดก็ไม่ได้โคลนได้ง่ายๆ   คิดว่าคงมีคนพยายามเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อที่จะทำอยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือ โคลนแล้วต้องถ่ายฝากตัวอ่อนไว้ให้แม่บุญทำ แล้วแม่บุญทำที่เหมาะสมเราจะหาได้จากที่ไหน แล้วจะฝากได้หรือไม่ เรื่องนี้แค่คิดก็ยาวแล้วค่ะ จากคุณ : tato_jang - [ 25 เม.ย. 52 22:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โคลนนิ่ง ผมจำได้คลับคล้ายครับคาว่าเซลล์แบ่งตัวได้ไม่เกินกี่ครั้งเอง ถ้าเราโคนเช่นเราโคนตอนเราอายุ 20 สิบ  เซลล์มันก็คือเราอายุ 20 มันแบ่งมาหลายครั้งแล้วอายุสิ่งที่โคนจะน้อยกว่าที่เกิดจากวิธีธรรมชาติ  เดี๋ยวรอคำตอบจากนักชีวะดีกว่าอิอิ จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 25 เม.ย. 52 22:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาโหวตครับผม   แรดนี่คงได้เห็นแต่ในสวนสัตว์แล้วสินะ จากคุณ : Kross_ISC - [ 25 เม.ย. 52 23:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ของพวกนี้ เอาเข้าจริงๆ ถ้ามันมาเพ่นพ่านในเมือง ก็ยิงทิ้งทั้งนั้น ใหนว่าอยู่ร่วมกัน สัตว์พวกนี้ เอาเข้าจริงๆ ถ้าท้องหิว ก็ฆ่าได้ไม่สน ทั้งท้องมันท้องเรา หิวก็ฆ่า กลัวก็ฆ่า จากคุณ : ชาเขียวเข้มๆ - [ 26 เม.ย. 52 05:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 mammal ล้วนๆ เลยนะครับ แล้ว mammal อย่างมนุษย์เราจะว่ายังไงกันดีล่ะ จากคุณ : T7Promoter - [ 26 เม.ย. 52 08:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 vote ให้ค่ะ อยากให้มนุษย์เรา นึกถึงเพื่อนร่วมโลกให้มากๆ แชร์โลกใบเดียวกันอยู่ แต่เรากลับสร้างความเดือดร้อนให้เค้า ................ จากคุณ : เด็กหญิงจริงใจ - [ 26 เม.ย. 52 09:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เสือลายเมฆ   ด้วยครับ จากคุณ : q_cosmo - [ 26 เม.ย. 52 10:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพแรกนี่มันอะไรหรอ จากคุณ : ไม่ได้อ่าน - [ 26 เม.ย. 52 11:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่มีพวกเต่าดาว  หรือ พวกเต่าหายากชนิดอื่นๆเลยเหรอ จากคุณ : เหล่าฟาง - [ 26 เม.ย. 52 12:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตัวที่โคลนออกมา มันมักจะเป็นหมันนี่คะ คงใช้สืบพันธุ์ไม่ได้ น่าสงสาร... จากคุณ : QWERTY (Beau VIBE) - [ 26 เม.ย. 52 12:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 31 การโคลน หรือแม้แต่เอามาเลี้ยง แล้วปล่อยกลับ (captive breeding) ก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาเสมอไปครับ มันต้องไปดูว่าทำไมมันจึงมีปริมาณน้อยลงในธรรมชาติ เช่น ที่อยู่อาศัยถูกทำลายหรือเปลี่ยนไปจนไม่เหมาะสม ถูกสัตว์ต่างถิ่นรุกราน (Invasive species) อาหารไม่มี ถูกล่าในจำนวนมาก ฯลฯ ถ้าปัญหาเหล่านั้นไม่ถูกแก้ เอาไปปล่อยกลับเท่าไรก็ไม่รอดครับ เปรียบให้เห็นง่ายๆ ว่าปลามันตายเพราะในพืชน้ำอาหารของปลานี้เกิดมีพิษสะสมจากน้ำเสียที่ปล่อยมา ดังนั้นจับมาโคลน มาเลี้ยงแล้วไปปล่อยกลับที่เดิมมันก็ตาย เพราะพืชน้ำที่เป็นอาหารยังมีพิษสะสมอยู่เหมือนเดิม เข้ามาเพิ่มตัวอย่าง แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 52 13:37:47 จากคุณ : KL - [ 26 เม.ย. 52 13:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สลดใจกับน้องแรดชวา จากคุณ : เพนกวินเอาท้องสไลด์ไปกับพื้น (Obojamaza) - [ 26 เม.ย. 52 13:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โหวตก่อนเลย..เพื่อน้องแรด ฯลฯ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 26 เม.ย. 52 13:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อวานก็ดู เป็นเรื่องน่าเศร้ามาเลย ที่ เผ่าพันธุ์มันจะหายไปจากโลก เหลือเพียงรูปถ่าย แบบที่เราเคยเรียน สมัน กับ อะไรน่า เขาใหญ่ เรียนได้แค่จากรูปถ่าย จากคุณ : โทโมกะ - [ 26 เม.ย. 52 14:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สงสัยตรงนี้ครับ "สาเหตุที่มันใกล้สูญพันธุ์เพราะนอ (ซึ่งความจริงเป็นเพียงขนที่อัดแน่น)" ตกลงนอแรดนี่เป็นขนหรือเนี่ย เราก็นึกว่าเป็นกระดูก ผู้เชี่ยวชาญฟันธงทีครับ จากคุณ : Naruse_X - [ 26 เม.ย. 52 14:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมขอเสริมด้วยนะครับ ส่วนนี้คือ Red List Species 2008 ครับ คือเป็นรายชื่อของปีที่แล้ว แต่ผมคิดว่าไม่ว่าจะปีไหนเราก็สมควรต้องอนุรักษ์มันครับ ผมแปลไม่ถนัดนะครับ เลยขอลงภาษาอังกฤษ แล้วรอผู้เชี่ยวชาญมาแปลอีกทีหนึ่งนะครับ แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 52 16:13:59 แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 52 15:59:44 จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 37 October 6, 2008--Named for a French missionary, the Pere David's deer, native to China, is among the species listed as "extinct in the wild" on the 2008 International Union for Conservation of Nature's (IUCN's) Red List of Threatened Species, released today. Of the almost 45,000 species evaluated for the new list, 38 percent are close to extinction, the report authors say. The survey revealed that at least 76 mammals have become extinct since 1500. But the study also shows that conservation efforts can make a difference. Captive-bred populations of the Pere David's deer released in the 1980s, for example, have done well in recent years, raising hopes for the species' recovery. แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 52 16:01:08 จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Iberian Lynx With a population of just 84 to 143 adults in isolated pockets of Spain and Portugal, the Iberian lynx is classified as "critically endangered" on the 2008 Red List. The lynx depends on rabbits for more than 80 percent of its diet. But as European rabbit populations continue to decline due to disease, so do lynx. Accidental deaths due to road traffic and snares set for rabbits--along with disease, illegal shooting, and increasingly fragmented habitat--are also contributing to lynx declines. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 39 Tasmanian Devil Not considered a conservation concern on the previous list, Australia's Tasmanian devils have seen their numbers drop by more than 60 percent over the past ten years due to a fatal, infectious facial cancer. (Related news: "Tasmanian Devils Named Endangered Species" [May 21, 2008].) The devil is now listed as endangered on the 2008 Red List. Uninfected populations are being isolated to aid in disease management and future repopulation efforts. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Cuban Crocodile Population decreases of more than 80 percent over the last three generations have led to the Cuban crocodile being moved from "endangered" to "critically endangered" on the 2008 Red List. Hunting, hybridization with other croc species, and diminished habitat quality have contributed to the decline of the small, freshwater crocodile, which is found only in Cuba. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 41 Caspian Seal Once thought to have numbered more than a million, the Caspian seal population has dropped by about 90 percent over the past hundred years, earning it a shift from "vulnerable" to "endangered" on the 2008 Red List, released in October. The seal lives in the Caspian Sea, an enclosed body of water that borders Eastern Europe, Asia, and the Middle East. The species has been affected by disease, increasing pollution, and accidental deaths due to fishing nets. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 Fishing Cat Specialized as wetland hunters, Southeast Asia's fishing cats are good swimmers that prey primarily on fish. The cat moved from "vulnerable" to "endangered" on the 2008 Red List of Threatened Species due to severe population drops across much of its range. Wetland draining for agriculture, mangrove removal, overfishing, and increasing pollution levels have all contributed to the cat's decline. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Grey-Faced Sengi A recently discovered species of elephant shrew, the grey-faced sengi was officially described to science earlier this year after being filmed for the first time in 2005. The animal has been immediately listed as "vulnerable" on the 2008 Red List of Threatened Species, as it is known to live in just two forests in the Udzungwa Mountains of Tanzania, which are prone to fires due to drought and encroaching human settlements. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 Purple Marsh Crab Found only in the wetlands of upper Guinea in West Africa, the purple marsh crab lives in muddy holes that remain wet even during the dry season. The first living specimens of these semiterrestrial air-breathers were collected in 2005. The recent discovery of a new population of this elusive crab has led to its conservation status being reclassified from "critical" to "endangered" on the 2008 Red List of Threatened Species. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Rameshwaram Parachute Spider Restricted to a handful of plantations on the island of Rameshwaram and the nearby mainland of India, the Rameshwaram parachute spider is a critically endangered tarantula on the 2008 Red List of Threatened Species. The spider likely numbers fewer than 500 individuals, as its woodland habitat is being destroyed as plantations are converted into tourist destinations. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Holdridge's Toad The Holdridge's toad of Costa Rica is defined as extinct on the 2008 IUCN Red List of Threatened Species, released October 6. Despite numerous surveys, the amphibian has not been recorded in its rain forest habitat since 1986. Researchers think the toad might be a victim of a devastating fungal disease that has been linked to widespread declines in the world's amphibian species. จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพและเนื้อหาจาก http://news.nationalgeographic.com/news/2008/10/photogalleries/IUCN-Red-List-photos/index.html จากคุณ : Chordate - [ 26 เม.ย. 52 15:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ก้อหมีมันขั้ว(คั่ว)โลกอยู่จะไม่ให้ร้อนได้ยังไง จากคุณ : maikeet - [ 26 เม.ย. 52 16:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 49 กระทู้นี้ต้องโหวต อยางแรงครับ จากคุณ : Bierhoff - [ 26 เม.ย. 52 17:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คห 35 นอแรด เป็นขนครับ เขากวางก็เป็นขน เหมือนกัน จากคุณ : นายผี (สระนาฬิเกร์) - [ 26 เม.ย. 52 17:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สายพันธุ์ที่อ่อนแอก็ต้องสูญพันธุ์ไป จากคุณ : Jacare - [ 26 เม.ย. 52 19:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาให้กิ๊ฟพร้อมโหวตจร้า จากคุณ : iamnid - [ 26 เม.ย. 52 19:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เขา ว่ากันว่า "คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก"   เห็นจะจริงครับ น่าภูมิใจที่เรามีส่วนผลักดันให้ แรดชวาติดอันดับ 1 --- กัดได้เจ็บจริงๆ ได้ยินแล้วละอายแทนคนไทยด้วยกัน จากคุณ : Bluedonut - [ 26 เม.ย. 52 20:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สมัยก่อนภาคใต้ของไทย ก็มีช้างแคระ แต่ตอนนี้ ไม่มีนานแล้ว จากคุณ : กุ้ยเหลียง - [ 26 เม.ย. 52 20:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ดูกระทู้นี้แล้วสะเทือนใจจริงๆ มนุษย์ เรานี้แหละตัวทำลายชั้นดี ทำลายทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั้งพวกเดียวกัน จากคุณ : northside gang - [ 26 เม.ย. 52 20:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ทำไมเราต้องอนุรักษ์สัตว์พวกนี้เอาไว้แม้บางตัวมันจะอันตรายก็ตาม? "ก็เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของเราจะได้ชื่นชมความงามของมันเช่นเดียวกับที่เราได้รับเอกสิทธิ์นั้นอยู่ในตอนนี้นั้นเอง" จากคุณ : [D]iffind[O] - [ 26 เม.ย. 52 22:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โหวต เพื่อ ตระหนัก !! จากคุณ : Turn off - [ 26 เม.ย. 52 22:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 น่ารักทั้งนั้นเลยอ้ะ เสียดายนะถ้าพวกเขาจะจากเราไปด้วยฝีมือเราๆเองอ่ะ จากคุณ : coffee-more - [ 26 เม.ย. 52 22:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผู้ชายดี ๆ กำลังจะสูญพันธ์จากโลก อันนี้นับด้วยไหม จากคุณ : ซ่อนนาม - [ 26 เม.ย. 52 23:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ความคิดเห็นที่ 51 สายพันธุ์ที่อ่อนแอก็ต้องสูญพันธุ์ไป จากคุณ : Jacare มันไม่ได้อ่อนแอนะค่ะ ถ้ามนุษย์ใช้มือเปล่าล่าพวกมัน เราอาจจะเป็นฝ่ายสูญพันธ์ก็ได้ (ว่าไปนั่น) ทุกชีวิตมีคุณค่า จากคุณ : sanow - [ 26 เม.ย. 52 23:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่อยากให้มนุษย์ด้วยกันมาด่ากันเองนะครับ จากคุณ : ERWA - [ 27 เม.ย. 52 00:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 เม.ย. 52 01:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 63 "มนุษย์ที่มักจะฉลาดเป็นพิเศษยามความโลภครอบงำ" ชอบมาก แต่ว่ากิ๊ฟหมดค่ะ แหะๆ ใช้ประโยคนี้ได้กับทุกเรื่องเลยนะเนี่ย จากคุณ : ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา - [ 27 เม.ย. 52 04:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ช้างแคระ ต้องเรียกลักษณนามเป็น  เชือก  ด้วยป่าวครับ จากคุณ : pisity - [ 27 เม.ย. 52 12:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แจ่มครับ จากคุณ : Pixzz - [ 27 เม.ย. 52 13:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เห้อ น่าเศร้าจัง จากคุณ : คุณชายตี๋น้อย - [ 27 เม.ย. 52 13:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านแล้วก็เศร้า... มนุษย์เราก็ช่างทำลายได้ทุกอย่าง เมื่อไหร่มนุษย์ส่วนใหญ่จะนึกได้ซะทีว่า โลกนี้ไม่ใช้แค่ของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งอื่นๆอยู่ร่วมกันด้วย จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวเรือ - [ 27 เม.ย. 52 13:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มีสัตว์สูญพันธุ์ทุกปีเลยเนอะ - - จากคุณ : ฟินจัง - [ 27 เม.ย. 52 14:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มนุษย์ มีความสามารถในการทำลายล้างขั้นเทพ ... จริงๆ จากคุณ : ซอสมะเขือเทศหมด - [ 27 เม.ย. 52 14:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 70 โหวต จากคุณ : Choco-Mix - [ 27 เม.ย. 52 14:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 71 #16 ถ้าผมจำไม่ผิดพะยูนยังไม่สูญพันธุ์นะครับ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไม่อนุรักษ์เค้าอยู่ดีแหละเนอะ ^^ ปอลอ สงสัยนิดนึง ที่คุณ จขกท. ใช้คำว่า "ชนิดย่อย" นี่ ความหมายเดียวกับคำว่า sub-species หรือเปล่าครับ จะได้เข้าใจถูกต้อง สงสัยอีกนิด คือทำไมจำนวนที่เหลืออยู่ของอันดับ 9 (หมีขั้วโลก) กับอันดับ 8 (แพนด้า) มันต่างกันขนาดนั้นครับ (20,000 กับ 1,900) แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 18:32:35 แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 18:31:28 จากคุณ : edicius (edicius) - [ 27 เม.ย. 52 18:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่รู้อีกหน่อยโลกเราจะเป็นยังไงเนอะ  เฮ้อออ ป.ล. ช้างน้อยหน้าตาน่ารักดี จากคุณ : auaukrub - [ 27 เม.ย. 52 19:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 73 น่าสงสารแฮะ แล้วแรด8ตัวที่อยู่ในเวียดนามนี่ ยังไงก็ต้องตายใช่มั้ย T^T ไม่มีตัวผู้ แล้วจะสืบพันธ์ยังไง ปล.มนุษย์เราบางครั้งก็ทำไปโดยที่ไม่รู้ผลตามมา จากคุณ : รักไอติม - [ 27 เม.ย. 52 22:38:26 A:58.9.253.55 X: TicketID:158765 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คห.64 ช้างที่เรียกเป็นเชือกคือช้างเลี้ยงค่ะ ช้างป่าเรียกเป็นตัว ชอบกระทู้นี้จังค่ะ ขอเอากิ๊ฟสุดท้ายมาทิ้งไว้ให้คนที่คุณก็อยากให้สูญพันธุ์ เอ๊ย ให้กระทู้ดีๆมีสาระอย่างนี้นะคะ จากคุณ : hoshikuzu - [ 27 เม.ย. 52 22:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 75 Gift หมดขอติดไว้ก่อนนะครับ จากคุณ : akatation - [ 27 เม.ย. 52 23:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เรื่องการแก้ปัญหาการใกล้สูญพันธุ์ หรือสูญพันธุ์ในถิ่นธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ทำยากและต้องพิจารณาหลายอย่างมากๆค่ะ คล้ายๆกับที่คุณ KL คคห 31 บอกไว้ ขนาดพืช ทำโคลนนิ่งได้แล้ว ยังยากที่จะเอาไปปลูกในป่าธรรมชาติที่พืชนี้สูญพันธุ์ให้รอดแบบสำเร็จสุดๆเลยค่ะ แม้ไม่ถึงกับต้องทำโคลนนิ่ง แค่เอาสัตว์จากป่านึง (เช่นป่า A หรืออื่นๆ กระทั่งสถานที่เพาะเลี้ยง) ไปปล่อยอีกที่นึง (เช่น ป่า B) ที่ชนิดนี้หายไปจากท้องที่แล้วก็ยังต้องพิจารณาเป็นรายๆไป เช่น     -  เรื่องพันธุกรรม ก็ควรจะใกล้เคียงกับกลุ่มที่เคยอยู่ในป่า B มาก่อน มันก็จะส่งผลถึงพฤติกรรม, การปรับตัว, การแลกเปลี่ยนพันธุกรรมกับพวกที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง     - เรื่องขนาดถิ่นอาศัย จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับพฤติกรรม, การหาอาหาร     - จำนวนที่จะเอาไปปล่อย แต่ละชนิดก็จะมีจำนวนที่เค้าคำนวณกันมาว่า ปล่อยไปแล้วจะมีความมั่นใจว่าจะไม่หายไปอีก ถ้าปล่อยน้อยไป ก็มีโอกาสสูงที่ พันธุกรรมจะด้อยลงเนื่องจากผสมกันเอง หรือ ไม่ได้ผสมพันธุ์     - ความใกล้ไกลผู้คน ยิ่งป่าใหญ่ ก็จะมีโอกาสไกลจากผู้คนและสิ่งรบกวนได้มาก ยิ่งใกล้ผู้คนมาก สัตว์บางชนิดอาจมาบุกรุกในเมือง, เปลี่ยนพฤติกรรมหากิน,ฯลฯ และรวมถึงเพิ่มทัศนคติที่ไม่ดี ของผู้คนต่อสัตว์เหล่านั้น(ทั้งที่ความจริงชาวบ้านต่างหากที่ไปบุกรุกที่ของสัตว์)     - ทัศนคติของชาวบ้าน   บางชนิดปล่อยไปก็เท่านั้น โดนล่าสูญกันไปอีกรอบ ขอบคุณ จขกท เอามาให้ดูกัน แต่เราว่าเค้าเอามานำเสนอแต่ตัวที่ใหญ่ๆและดูเป็นที่สนใจ ความจริงน่าจะมีตัวเล็กๆประหลาดๆที่เป็น endemic อาศัยอยู่แค่ที่เดียวอีกนะ จากคุณ : อุริ อุริ - [ 28 เม.ย. 52 01:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณจขกท.มากๆ ครับ ความคิดคุณดีมาก ผมอยากให้อ่าน #10 เยอะๆ อ่านแล้วมันรู้สึกดี เหมือนได้ตบหน้าตัวเองพิกล สิ่งละอันพันละน้อย เราก็ทำได้ เพื่อเพื่อนร่วมโลก! จากคุณ : art_sarawut - [ 28 เม.ย. 52 01:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 78 โอโหแหะ ผมได้กิ๊บมากมายเป็นครั้งแรก ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ ช่างเหมือนพุทธสุภาษิตโดยแท้  "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"  มีคน เคยกล่าวไว้ว่า  "มนุษย์เปรียบเสมือนไวรัสของโลก"  ผมว่าก็มีส่วนนะครับ เพราะมนุษย์เผาผลาญโลกมนุษย์ด้วยการใช้พลังมหาศาล  มนุษย์ไม่เคย อยู่ได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  สังเกตุมั้ยครับว่าเผ่าพันธุ์ของเราเอาแค่เวลา นอนกับพื้นมนุษย์ยังต้องถางพื้นให้เรียบเพราะนอนโดยตรงกับดินไม่ได้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเผ่าพันธ์ของเรานี้ทำไมแตกต่างกับสัตว์ทั่วไปยิ่งนัก เช่น -มนุษย์ไม่อาจจะอาศัยบนโลกไปนี้แบบเปลือยเปล่าเยี่ยงสัตว์ทั่วไปได้   อาจเพราะมนุษย์ไม่มีเกราะกำบังสภาวะอากาศเหมือนสัตว์อื่นๆ -มนุษย์ยืนตั้งฉากกับพื้นโลก ซึ่งแตกต่างกับสัตว์ชนิดอื่นๆในโลก (ยกเว้น นกเพนกวิน) - มนุษย์ไม่มีฤดูผสมพันธ์เหมือนสัตว์อื่นๆ จึงอาจเป็นสาเหตุให้เผ่าพันธ์มนุษย์ เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ - มนุษย์มีภาษาพูดซึ่งแตกต่างจากสัตว์อื่นทำให้สื่อสารกันได้ (บางสัตว์ก็มีภาษา แต่ไม่ลึกซึ้งเช่น วาฬ โลมา) - มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ตอนเกิดมาไม่สามารถเดินได้ต้องประคบประหงมโดย พ่อแม่  ซึ่งจุดนี้ต่างกับสัตว์อื่นเช่นกัน - มนุษย์มีสมองมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ทำให้มนุษย์ฉลาดกว่าสัตว์อื่น ยกตัวอย่างคร่าวๆแล้ว มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของจักรวาลเสียจริง ในอนาคตอันแสนไกลมนุษย์อาจได้ชื่อว่าไวรัสของจักรวาลหากมนุษย์ ยังมีนิสัยชอบสะดวกสบายเช่นนี้ จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 28 เม.ย. 52 04:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ให้คะแนนคห.11 ไปนิดนึง เพราะชอบ the godfather และวิธีที่ลุง marlon brando แสดงด้วยการยัดกระพุ้่งแก้มให้ดูแก่ครับ :) จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 28 เม.ย. 52 07:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อันดับ 1 most wanted ที่หายากที่สุดใกล้สุญพันธุ์ คนดี จากคุณ : Excellent liar - [ 28 เม.ย. 52 09:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ทุกชีวิตมีคุณค่าต่อโลก ถ้าสูญพันธุ์ไปเองตามกลไกธรรมชาติก็ว่าไปอย่าง แต่นี่.... เป็นผลจากมนุษย์ทั้งนั้น จากคุณ : ความสุขอยู่ที่ใจ - [ 28 เม.ย. 52 11:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ทำไมเราต้องอนุรักษ์สัตว์พวกนี้เอาไว้แม้บางตัวมันจะอันตรายก็ตาม? มนุษย์อันตรายที่สุดแล้ว สัตว์ฆ่าเพราะสัญชาตญาน แล้วมนุษย์ล่ะฆ่าเพราะอะไร ? จากคุณ : ++พ่อ_ไข่ต้ม++ - [ 28 เม.ย. 52 11:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 83 แรดชวาจัดเป็น mammal ที่ใกล้สูญพันธ์ และติดอันดับ 1 ของโลกมานานแล้วครับ แรดมันสามารถเพิ่มจำนวนได้ในระดับนึงครับ  ถ้าไม่มีคนล่า ถึงมันจะตั้งท้องนาน มีลูกน้อย แต่ลูกมันก็โอกาสรอดสูง   แต่ในแรดชวามันมีจำนวนน้อยเกินไป  ทำให้เกิดปัญหาเรื่องเลือดชิด ทำให้ลูกที่เกิดใหม่ไม่แข็งแรง  ตรงนี้แหละที่น่าห่วงมากกว่าการล่าอีก ดูอย่างแรดอินเดียตอนสำรวจเมื่อ 10 หรือ 20 ปีที่แล้วมีหลักร้อย  แต่ล่าสุดสำรวจมันก็เพิ่มมาเป็น 3500 แล้ว แล้วข้อมูลตามเว็บหลายๆที่ก็ไม่อัพเดทครับ( แถมบางที่มั่วแบบจะๆ อีกตะหาก ) และที่เอามาน่าจะกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนะครับ  ถ้านับทุกชนิดเชื่อว่า จอร์จผู้เดี่ยวดาย ติดโผแน่นอน #29 เต่าดาวมันหาไม่ยากเลยครับ  ถ้าหายากต้องพวก กาลาปาโกส ยูนิฟอร่าอะไรพวกนั้นครับ แล้วสัตว์หลายๆ อย่างสูญพันธ์ไปจากประเทศไทย  แต่ก็ยังมีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านนะครับ  อย่างพยูนนี่ก็ยังนะครับ ถ้าเป็นสัตว์เฉพาะถิ่นอย่างสมันก็หมดแล้วหมดเลยครับ จระเข้น้ำจืดของพี่ไทยก็ซัดกันซะเกลี้ยงบึงบรเพ็ดไปแล้ว  ไหนจะปลาเสือตอไทยอีก  พวกเต่า ตะพาบของไทยอีกหลายชนิดก็กำลังจะหมดครับ(ยิ่งม่านลายยิ่งน่าห่วง) จากคุณ : ผีกะหล่ำ - [ 28 เม.ย. 52 12:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เราคือคนนึงที่พยายามลดไม่ใช้ถุงพลาสติก หรือใช้ก็ต้องเกิดประโยชน์ที่สุด ปลั๊กไฟทีวี แอร์ แม้แต่แอร์รถหากจอดเราดับเครื่อง เพื่อนมันก็บ่นร้อนแต่เราก็บอกมันไปว่า กรูไม่อยากฆ่าหมีทางอ้อม พวกมันก็หัวเราะเราเหมือนตัวตลกแล้วก็บอกเหลวไหลมรึงว่าจะมีใครสักกีคนที่ทำไม่มีใครเค้าทำหรอก เราว่าก็ได้แต่คิดอย่างนี้ไงถึงไม่มีใครทำ เค้าไม่ทำเราก็ทำต่างคนต่างทำมันก็ช่วยได้เยอะ แล้วหากมีอะไรเกิดขึ้นอย่างน้อยกรูก็คือคนนึงที่ได้พยายามช่วยแล้ว พูดเสร็จแล้วมีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางงามขึ้นมาทีเดียว จากคุณ : MY PIDPEE - [ 28 เม.ย. 52 14:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ยังมีอีกหลายชนิดที่จะสูญพันธุ์ ตามมาอีกในทุกๆปี    จำได้ว่าตอนเด็กๆที่เรียนมาคือ ตัวกูปรี เกิดมาก็ไม่เคยเห็นแล้ว แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 16:41:50 จากคุณ : boxbag - [ 28 เม.ย. 52 14:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ ไม่สามารถเพาะเลี้ยงเพิ่มเติมได้เหรอครับ (อันนี้สงสัยอย่างจริงจัง) เพราะหลายครั้งที่มีข่าวว่า เพาะนู่นเพาะนี่ ทดลองทำกิ๊บนู่นนี่นั่น แต่เพราะอะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึง จะสูญพันธุ์อยู่เรื่อยๆ จากคุณ : เครื่องทำน้ำขุ่น - [ 28 เม.ย. 52 14:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 87 #86 ถ้ามันสูญพันธ์จากการที่อาหารและที่อยู่อาศัยถูกทำลาย  เพาะเลี้ยงเพิ่มมันก็ไม่มีประโยชน์ครับ แล้วจริงๆ แล้วมันยากมาก  ไม่งั้นเค้าคงทำสำเร็จไปแล้ว  และก็ไม่ต้องน่านั่งกลัวว่ามันจะสูญพันธ์หรอกครับ ขนาดกระทิงที่ยังมีอยู่  เอาเชื้อมาผสมแล้วเอาไปให้แม่วัวอุ้มท้อง  ออกมายังตายเรียบเลยครับ  แล้วสัตว์ที่สูญพันธ์ไปแล้ว  หรือหาตัวยากมากๆ( อย่างกุปรี)ที่มีข้อมูล  หรือตัวอย่างน้อยๆ มันยิ่งโอกาสน้อยมากๆครับ แล้วข่าวที่ว่าเพาะได้  มันมีสัตว์ตัวอย่างหรือสัตว์ทดลองตายไปเท่าไรกว่าจะสำเร็จ  ซึ่งในสัตว์ที่มันแทบจะไม่เหลือแล้ว  จะทดลองยังไงละครับ(อย่างแรดชวา) ขนาดกระซู่ทางมาเลเพาะเลี้ยงสำเร็จแล้ว  เค้ายังไม่เสี่ยงเข้าไปจับพวกที่อยู่ในป่ามาเพาะเพิ่มเลยครับ  เข้าไปจับมาตายไปตัวนึงก็ไม่คุ้มแล้ว แต่ยังไงการเพาะเลี้ยงมันก็มีข้อจำกัดอย่างเช่นเรื่องเลือดชิด และสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม  ของทางมาเลรู้สึกว่ามีครั้งนึงที่กระซู่ติดโรคระบาดตายในที่เลี้ยงไปหลายตัวเหมือนกัน  ในรรมชาติมันจะมีอาหารหรือของที่เหมือนเป็นยาของสัตว์  ซึ่งในที่เลี้ยงมันไม่มีเหมือนในธรรมชาติ จากคุณ : ผีกะหล่ำ - [ 28 เม.ย. 52 16:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เพิ่งจะกินเก้งผัดเผ็ดไปเมื่อวาน อยู่ใกล้ชายแดนนี่ นะเรา จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ 28 เม.ย. 52 22:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 89 สงสารสัตว์ จากคุณ : มดบิน (มดบิน) - [ 29 เม.ย. 52 00:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ต่อเนื่องจาก #36-47 Red List Species ทุกๆ ปี World  Conservation  Union หรือ IUCN จะจัดทำ Red List Species (บัญชีแดงสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์) เพื่อแสดงสายพันธุ์สัตว์ที่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากที่สุด นาฬิกาลืมเวลา แนะนำ บัญชีปี 2009 Chordate แนะนำ บัญชีปี 2008 ย้อนไปที่ บัญชีประจำปี 2007 มีรายการสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์ถึง 16,306 สายพันธุ์ นับเป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดทำมา ป้ายสถานะ SE         ปลอดภัยจากการคุกคาม DOM      เป็นสัตว์เลี้ยงหรือสวน NE         ยังไม่ประเมิน                                      Not Evaluated DD        ข้อมูลไม่เพียงพอ                                 Data Deficient LC         เสี่ยงต่ำ                                             Learst Concern NT        เสี่ยงต่ำแต่ควรรีบอนุรักษ์                       Near Threatened VU        เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์                              VUlnerable EN        เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก                         ENdangered CR        เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต                   CRitically Endangered PEW     อาจสูญพันธุ์จากธรรมชาติแล้วแต่ยังมีเพาะเลี้ยง EW       สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแต่ยังมีเพาะเลี้ยง   Extinct in the Wild PE        อาจสูญพันธุ์จากโลกนี้แล้ว EX        สูญพันธุ์จากโลกนี้แล้ว                            EXtinct แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 52 22:49:19 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 52 09:03:00 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 52 08:39:55 จากคุณ : Prof.Sirius - [ 29 เม.ย. 52 05:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จากคุณ : กระแตตาโต - [ 29 เม.ย. 52 15:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ถ้าพูดในแง่การอนุรักษ์ นี่ยังเป้นเพียงส่วนน้อยนิด ยัีงมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกมากมาย และเป็นส่วนสำคัญที่จะรักษาความเข้มแข็งทนทางของระบบนิเวศต่างๆ ของโลกไว้ และการพูดถึงแต่สัตว์ขนาดใหญ่อย่าเดียวก็ไม่พอเพียง ต้องพูดถึงสัตว์เล็ฏ แมลง และที่สำคัญพืช แต่ที่สัตว์ใหญ่ ที่มองเห็นได้ง่ายด้วยตา โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มักจะถูกทำให้เด่นชัดขึ้นมา ผมเชื่อว่า เป็นเพราะความที่มันสามารถสร้างผลกระทบทางจิตสำนึกได้ชัดเจนกว่านั่นเอง ส่วนถ้ามองทางธรรมชาติ การที่บางคนพูดถึง เรื่อง ความอยู่รอดของชนิดพันธุ์ที่แข็งแรงกว่า ก็ไม่ถึงกับผิดอะไร แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น คนชอบเอา ดาร์วิน และทฤษฎีวิวัฒนาการมาอ้างกัน แบบแยกส่วน ขาดๆ เกินๆ มันยังมีเรื่อง การสูญพันธ์ตามธรรมชาติ การปรับตัว และที่สำคัญ การมองธรรมชาติแยกส่วนเป็นสิง่มีชีวิต หรือสิ่งแวดล้อม เป็นชนิด  เป็นประเภท ไม่สามารถสร้างความเข้าใจที่สมบูรณ์เรื่อง ทฤษฎีวิวัฒนาการได้เลย มันต้องมองเชิงระบบนิเวศครับ จากคุณ : g9h - [ 29 เม.ย. 52 16:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 93 น่ารักทุกตัวเลยอะ จากคุณ : ป่ามป๊าม - [ 29 เม.ย. 52 23:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ตอนเด็กๆ เคยเห็นติดเป็นโปสเตอร์เลยนะ กูปรี (หรือโคไพร) นกแต้วแร้วท้องดำ พะยูน หรือ หมูน้ำ กระซู่ แรดชวา ควายป่า แมวลายเมฆ จำได้แค่นี้ จากคุณ : Mdiic~* - [ 30 เม.ย. 52 00:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ^ ^ นั่นมัน สัตว์ป่าสงวนของไทย ตาม พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 (1992) ปัจจุบันมี 15 ชนิด ( เมื่อฉบับแรก พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า 2503 (1960) ยังมี เนื้อทราย แต่ฉบับเอาออกไป เพราะขยายพันธุ์ได้ เป็นตัวเดียวที่ช่วยได้ทัน แต่ตัวอื่นกลับภาวะหนัก บางตัวสูญพันธุ์ไปแล้วแต่ก็ยังคงชื่อไว้เผื่อหลงมา แถมยังเพิ่มชื่ออีก ) พรบ. สัตว์ป่าสงวนและคุ้มครอง แบ่งสัตว์ป่าเป็น สัตว์ป่าสงวน และ สัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน คือ สัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ 2535 และตามพระราชกฤษฎีกา 1. นกเจ้าฟ้าหญิงสิริธร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pseudochelidon sirintarae ชื่ออื่น : นกเจ้าฟ้า ถิ่นที่อยู่ : พบในไทยเท่านั้น รายงานการค้นพบในไทย : พบครั้งแรก บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ จำแนก : วงศ์นกนางแอ่น ลักษณะ : คอสีดำเหลือบเขียวแกมฟ้า โคนหางมีแถบสีขาว วงสีขาวรอบตา โตเต็มวัยมีแกนขนหางคู่กลางยื่น 3 เส้น อุปนิสัย : สถานะ : คาดว่าสูญพันธุ์ 2. แรด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhinoceros sondaicus ชื่ออื่น :  - ถิ่นที่อยู่ : ป่าดิบชื้น มีน้ำสมบูรณ์ รายงานการค้นพบในไทย : เทือกเขาตะนาวศรี รอยต่อระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี จำแนก : สัตว์กีบตระกูลแรด ลักษณะ : เท้าหน้าและหลังมีสามกีบ หนังหนามาก ขนขึ้นห่างๆ หลังมีรอยพับหนัง 3 รอยคล้ายเสื้อเกราะ มีนอเดียว โตเต็มวัย 1.6-1.8 ม. 1,500-2,000 กก. ตัวผู้นอยาวไม่เกิน 25 ซม. ตั้งท้อง 16 ด. ตกลูกครั้งละตัว อุปนิสัย : หากินตามพื้นราบ ตาไม่ดี แต่รับกลิ่นดีมาก สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ ไม่พบในไทยอีก 3. กระซู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dicerorhinus sumatraensis ชื่ออื่น : แรดสองนอ ถิ่นที่อยู่ :   รายงานการค้นพบในไทย :   จำแนก : สัตว์กีบตระกูลแรด ลักษณะ : หนังหนา มีขนทั่วตัว หลังมีรอยพับ 1 รอยที่หลังเหนือขาคู่หน้า มี 2 นอ เล็กกว่าแรด โตเต็มวัย 1-1.5 ม. 1,00 กก. อุปนิสัย :   สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 4. โคไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bos sauveli ชื่ออื่น : วัวป่า, กูปรี (เขมร), วัวเขาเกลียว (ลาว) ถิ่นที่อยู่ : ตามป่าโปร่งสลับทุ่งหญ้า ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณแล้ง ในไทย เวียดนาม ลาว กัมพูชา รายงานการค้นพบในไทย :   จำแนก : สัตว์กีบตระกูลวัว ลักษณะ : สีคล้ำ ขาทั้งสี่มีถุงเท้าขาว ปลายเขาแตกพู่คล้ายปลายไม้กวาด ใหญ่กว่าวัวบ้าน โตเต็มวัยสูง 1.7-1.9 ม. 700-900 กก. ตั้งท้อง 9 ด. อุปนิสัย : สถานะ : สูญพันธุ์ 2525 5. ควายป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bubalus bubalis ชื่ออื่น : - ถิ่นที่อยู่ :   รายงานการค้นพบในไทย : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จำแนก : สัตว์กีบตระกูลควาย ลักษณะ : ท้องมีลายรูปตัววีสีขาว ใหญ่กว่าควายบ้าน โตเต็มวัยสูง 2 ม. มากกว่า 1,000 กก. ตั้งท้อง 15 ด. อุปนิสัย : รวมเป็นฝูง สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 6. ละมั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cervus eldi ชื่ออื่น : ละอง (ตัวผู้) ถิ่นที่อยู่ :   รายงานการค้นพบในไทย : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จำแนก : กวาง ลักษณะ : เขาทำมุมโค้งไปด้านหลังตรงกิ่งรับกับส่วนที่โค้งมาด้านหน้า โตเต็มวัย 1.2 ม. 100-150 กก. ตั้งท้อง 8 ด. อุปนิสัย :   สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 7. สมัน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cervus schomburgki ชื่ออื่น : เนื้อสมัน ถิ่นที่อยู่ : ป่าโปร่งสลับทุ่งหญ้า ในประเทศไทยเท่านั้น รายงานการค้นพบในไทย : ทุ่งรังสิตเคยมีชุกชุม จำแนก : กวาง ลักษณะ : จัดเป็นกวางเขาสวยที่สุดในโลก ตัวผู้มีเขาใหญ่มีกิ่งมาก อุปนิสัย : หากินที่โล่งแจ้งตามทุ่งหญ้า เพราะเขามีกิ่งก้านมากมักติดกิ่งไม้เถาวัลย์ สถานะ : สูญพันธุ์ 2481 8. กวางผา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nemorhaedus goral ชื่ออื่น :   ถิ่นที่อยู่ :   รายงานการค้นพบในไทย : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ตาก, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย เชียงใหม่ จำแนก : แพะ ลักษณะ : ขนสีน้ำตาล เส้นกลางหลังสีดำ เขาสีดำเป็นวงแหวน โตเต็มวัยสูง 50 ซม. 30 กก. ตกลูกครั้งละ 1-2 ตัว อุปนิสัย :   สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 9. เลียงผา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capricornis sumatraensis ชื่ออื่น : เยือง, กูรำ, โครำ ถิ่นที่อยู่ : เขาสูง รายงานการค้นพบในไทย :   จำแนก : แพะ ลักษณะ : ขนสีดำ ค่อนข้างยาว เขาหยักเป็นวง โตเต็มวัย 1 ม. อุปนิสัย : หากินพลบค่ำและเช้ามืด สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 10. เก้งหม้อ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Muntiacus feai ชื่ออื่น : - ถิ่นที่อยู่ : ลาดเขาป่าดงดิบ รายงานการค้นพบในไทย : เทือกเขาตะนาวศรี ถึงเทือกเขาภูเก็ต จำแนก : วงศ์เก้ง ลักษณะ : คล้ายเก้งธรรมดา แต่สีคล้ำเหมือนก้นหม้อ หลังสีออกน้ำตาลเข้ม คอสีขาว ด้านหน้าขาหลังมีแถบสีขาว เล็กกว่าเก้งธรรมดา โตเต็มวัย 20 กก. ตั้งท้อง 6 ด. อุปนิสัย : หากินกลางวัน สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 11. สมเสร็จ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tapirus indicus ชื่ออื่น : ผสมเสร็จ ถิ่นที่อยู่ : ป่าดงดิบ รายงานการค้นพบในไทย : เทือกเขาถนนธงชัย ตะนาวศรี และป่าภาคใต้ จำแนก : สัตว์กีบคี่ ลักษณะ : เท้าหน้า 4 เล็บ เทื้าหลัง 3 เล็บ จมูกและริมฝีปากยื่นคล้ายงวงสั้นๆ ตาขนาดเล็ก ลูกอ่อนสีดำสลับขาวตามยาวเหมือนแตง โตเต็มวัยหัวและลำตัวสีดำ ยกเว้นท้องและหลังกลางลำตัวสีขาว โตเต็มวัย 250-300 กก. อุปนิสัย : ชอบป่ารกใกล้ลำห้วย หากินกลางคืน ตาไม่ดี แต่รับกลิ่นและเสียงดีมาก สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ 12. แมวลายหินอ่อน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pardofelis marmorata ชื่ออื่น : - ถิ่นที่อยู่ : ป่าดงดิบ รายงานการค้นพบในไทย : เทือกเขาตะนาวศรี และป่าดิบชื้นภาคใต้ จำแนก : แมวป่า ลักษณะ : ขนสีน้ำตาลอมเหลือง มีลายจางคล้ายหินอ่อน ใบหูเล็กกลมมน มีจุดสีขาวหลังใบหู หางยาวเป็นพวง จัดว่าหายากมาก จัดเป็นแมวป่าขนาดกลาง โตเต็มวัย 4-5 กก. อุปนิสัย : ชอบอยู่บนต้นไม้ หากินกลางคืน สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง 13. นกแต้วแร้วทองดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pitta gurneyi ชื่ออื่น :   ถิ่นที่อยู่ :   รายงานการค้นพบในไทย : เขานอจูจี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม กระบี่ จำแนก : นก ลักษณะ : หัวสีดำ ท้ายทอยสีฟ้า หางสีน้ำตาล ใต้ท้องดำสนิท จัดเป็นนกสวยงามมาก โตเต็มวัยยาว 21 ซม.   อุปนิสัย :   สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง 14. นกกระเรียน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grus antigone ชื่ออื่น : - ถิ่นที่อยู่ : ป่าใกล้แหล่งน้ำ ทุ่งหญ้าชื้นแฉะ รายงานการค้นพบในไทย : ปัจจุบันไม่พบในธรรมชาติ มีแต่ในสวนสัตว์ จำแนก :   ลักษณะ : หัวและคอไม่มีขน หัวสีดำ มีปุ่มหยาบสีแดงส้ม ยกเว้นกระหม่อมสีเขียว จัดเป็นนกขนาดใหญ่ โตเต็มวัยสูง 150 ซม. เจริญพันธุ์ทุก 3 ปี อุปนิสัย : เป็นนกอพยพ อยู่เป็นคู่ เมื่อจับคู่แล้วจะไม่เปลี่ยนคู่จนตาย สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง 15. พะยูน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dugong dugon ชื่ออื่น : วัวทะเล ถิ่นที่อยู่ : ในทะเลใกล้ฝั่ง รายงานการค้นพบในไทย : เกาะลิบง ตรัง จำแนก : วงศ์พะยูน ลักษณะ : หางขนานพื้น แยกสองแฉก ริมฝีปากบนเป็นก้อนคล้ายจมูกหมู โตเต็มวัย 300 กก. ตั้งท้อง 1 ปี ตกลูกครั้งละตัว อุปนิสัย : รวมเป็นฝูง สถานะ : ใกล้สูญพันธุ์ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 01:21:41 จากคุณ : Prof.Sirius - [ 30 เม.ย. 52 08:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ก่อนอื่นขอ สรุปข้อมูล ต้นฉบับที่แท้จริง http://www.iucnredlist.org -> หนังสือพิมพ์มติชน -> http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1218755 -> http://www.oknation.net/blog/print.php?id=384349 .. ทอม ดิลลอน รองประธานอาวุโสแผนงานภาคสนามของ WWF บอกว่า " ถ้าเราไม่รู้สึกจริงจังกับสปีชีส์ที่ประทับใจเหล่านี้แล้วละก็ มันค่อนข้างน่าจะเป็นไปได้ว่าหลายสปีชีส์จะไม่สามารถอยู่รอดภายในอนาคตอันใกล้นี้ " .. 2009 สรุป รายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ปี 2009 (อย่างไม่เป็นทางการ) * เว็บไซต์ยังไม่ update ข้อมูล สถานะ ปี 2009 - - - - - - สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม - - - - - - 1-01 แรดชวา - Javan Rhinoceros ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Rhinoceros sondaicus สถานะ : (1996) CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต จำนวนที่เหลืออยู่ < 60 ตัว 1-02 โลมาวากิตา - Vaquita ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phocoena sinus สถานะ : (2007) CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต จำนวนที่เหลืออยู่ 150 ตัว 1-03 กอริลลาครอสริเวอร์ - Cross River Gorillas ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gorilla gorilla diehli สถานะ : (2007) CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต จำนวนที่เหลืออยู่ 300 ตัว 1-04 เสือโคร่งสุมาตรา - Sumatran Tiger ชื่อวิทยาศาสตร์ : Panthera tigris sumatrae สถานะ : (1996) CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต จำนวนที่เหลืออยู่ 400-500 ตัว 1-05 วาฬไรท์แปซิฟิกเหนือ - North Pacific Right Whale ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eubalaena japonica สถานะ : (1996) EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก จำนวนที่เหลืออยู่ ไม่แน่นอน 1-06 เฟอร์เรตตีนดำ - Black Footed Ferret ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mustela nigripes สถานะ : (1996) EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก จำนวนที่เหลืออยู่ 600 ตัว 1-07 ช้างแคระบอร์เนียว - Borneo Pygmy Elephant ชื่อวิทยาศาสตร์ : Elephas maximus borneensis สถานะ : (1996) EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก จำนวนที่เหลืออยู่ < 1,500 ตัว 1-08 แพนด้า - Giant Panda ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ailuropoda melanoleuca สถานะ : (1996) EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก จำนวนที่เหลืออยู่ 1,600 ตัว 1-09 หมีขั้วโลก - Polar Bear ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Ursus maritimus สถานะ : (2006) VU เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จำนวนที่เหลืออยู่ ~ 20,000 ตัว * ที่จริง IUCN มีข้อมูลเหล่านี้ แต่ ปี 2009 ยังไม่ update ข้อมูล - - - - - - สัตว์ปีก - - - - - - - - - - - - สัตว์เลื้อยคลาน - - - - - - - - - - - - สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ - - - - - - - - - - - - ปลา - - - - - - - - - - - - สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง - - - - - - - - - - - - พืช - - - - - - แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 52 23:42:22 จากคุณ : Prof.Sirius - [ 30 เม.ย. 52 08:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 97 กะจะเข้ามาดูมหิงสาซะหน่อย จากคุณ : ตามหานักร้องนำ - [ 30 เม.ย. 52 18:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 98 แรดชวา ผมว่ายังไม่หมดหรอก * เผ่น จากคุณ : CaloriesBOYd - [ 30 เม.ย. 52 20:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 99 จำได้ว่าตอนเด็กไปเที่ยวเขาดิน แล้วเห็นแรด ตอนนี้ยังมีอยู่ป่าวหว้า - -" จากคุณ : shinkyo - [ 30 เม.ย. 52 21:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อืม  เราเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า  ทุกวันจะมีพืชสูญพันธ์ไป 15 ชนิด  ซึ่งพืชเหล่านั้น  อาจเป็นหนึ่งในยารักษาโรคระบาดร้ายแรงในอนาคตก็เป็นได้  คิดในหนึ่งปี  จะมีพืชสูญพันธ์ถึง  5,475  ชนิด จากคุณ : nuch_tiew - [ 30 เม.ย. 52 21:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เฟอร์เรตตีนดำ น่ารักมากค่ะ จากคุณ : นางฟ้าน้อย (mimi555) - [ วันแรงงาน 17:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 102 . . มนุษย์เลว มนุษย์ต่างดาวน่าจะฆ่าล้างโลก แล้วสร้างใหม่ให้มีแต่คนดี ๆ . . จากคุณ : Porepor - [ 2 พ.ค. 52 15:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 103 วันก่อนดูสารคดี มีเต่าชนิดหนึ่งเหลืออยู่ตัวเดียวในโลก จากคุณ : Wizard. - [ 2 พ.ค. 52 19:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ชายแท้ ล่ะ อยู่ขั้นไหนแล้ว? จากคุณ : พิณณ์อวี - [ 2 พ.ค. 52 20:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เคยเห็นด้วยตาตัวเองคือ "นกเจ้าฟ้าหญิงสิริธร" เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่ผมเจอมา ๒ ครั้งแล้ว หรือมันมีชนิดอื่นที่มีพู่ที่หางอีกมั่งอ่ะครับ ที่จริงก็ไม่คิดว่านกใกล้สูญพันธ์มันจะมีให้ผมเห็นถึงสองครั้งนะ แถมที่ๆเห็นก็ใกล้เมืองมาก ดูขัดๆกัน ~~ จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร - [ 3 พ.ค. 52 13:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เศร้าจริงๆ... จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 3 พ.ค. 52 18:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 107 สรุปความเคลื่อนไหว รายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ปี 2008 http://www.iucnredlist.org/static/gallery2008 * ที่ประกาศเป็น รายชื่อสมทบและเปลี่ยนแปลงลำดับ จากปีก่อนๆ (สิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์นับหมื่น) บางชื่อจึงซ้ำกับปีก่อนๆ ได้ (น่าเสียดาย ส่วนใหญ่เลื่อนไปทางเสี่ยงขึ้น) * ที่ประกาศ แต่ละปี มีเป็นร้อย แต่ที่ลงในเว็บฯ แค่ปีละราว 30 สปีชีส์ จึงนำมาลงเท่าที่มีในเว็บฯ * ชื่อไทย ที่ไม่แน่ใจ ขอติด ? ไว้ ขออนุเคราะห์ ใครรู้ที่ถูก ช่วยบอกด้วยนะ จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 05:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 108 - - - - - - สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม - - - - - - 1-01 ดูรูป #42 เสือปลา- Fishing Cat ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prionailurus viverrinus สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( แย่ลง จาก 2002 VU ) * เปลี่ยนจาก VU เป็น EN เพราะประชากรลดลงอย่างรุนแรงทั่วทั้งเอเชีย ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เป็นสัตว์ตระกูลแมวขนาดกลาง นักว่ายน้ำตัวยง ถิ่นที่อยู่ ในป่าชุ่มน้ำ ตามหนอง ทะเลสาบ ทะเลสาบรูปแอก ป่าต้นกก ลำน้ำที่มีกระแสน้ำขึ้นหรือลง และป่าโกงกาง มากกว่า 45% ของป่าชุ่มน้ำในเอเชียอาคเนย์ถูกคุกคาม รวมถึงบ้านของสปีชีส์นี้ ปากแม่น้ำตามชายฝั่งทะเล การนาตกะ ตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย และ พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำใน อิระวดี อินดัส แม่โขง และแม่น้ำสีแดง การคุกคามเสือปลา รวมไปถึง การจัดสรรพื้นที่ของมนุษย์ การระบายน้ำจากการเกษตร มลภาวะ การล่ามากเกินปกติ การตัดไม้ และการจับปลามากเกินไป การลดลงของป่าโกงกางอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปลาในธรรมชาติที่ลดจำนวนลง หมายถึงเสือปลาใกล้สูญพันธุ์ จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 05:51:52 ]

ความคิดเห็นที่ 109 1-02 ดูรูป #41 แมวน้ำแคสเปียน - Caspian Seal ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pusa caspica สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( แย่ลง จาก 1996 VU ) * ถิ่นที่อยู่ รอบทะเลสาบแคสเปียน และใช้พื้นน้ำแข็งในฤดูหนาวเป็นที่อนุบาลลูก เปลี่ยนจาก VU เป็น EN เพราะ ประชากรลดลง 90% ภายใน 100 ปี และยังคงลดลงอยู่ เพราะการล่าที่ไม่จำกัด ถิ่นที่อยู่เสื่อมโทรม และ มลภาวะ ตั้งแต่ปี 2005 ลูกแมวน้ำเกิดใหม่เหลือรอดเพียง 60% จาก 6,000-7,000 ตัว อัตราการรอดชีวิตต่ำ ทำให้นักวิจัยเกรงว่ามีตัวเมียไม่เพียงพอจะผลิตประชากร จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 05:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 110 1-03 ดูรูป #5 เฟอร์เรตตีนดำ - Black-footed Ferret ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mustela nigripes สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( ดีขึ้น จาก 1996 EW ) จำนวนที่เหลืออยู่ 600 ตัว ถิ่นที่อยู่ กลางทวีปอเมริกาเหนือ แต่ใกล้สูญพันธุ์จากป่า แม้หลังจากความพยายามอย่างหนักที่จะนำมันกลับคืน เพราะอาหารคือ แพรี่ด็อก ถูกล่าล้างตลอดศตวรรษที่ 20 และโรคระบาด เป็นสาเหตุให้ประชากรลดลงอย่างหนัก ในปี 1985 สปีชีส์นี้เกือบสูญพันธุ์ เมื่อประชากรหมาป่าทวีจำนวนขึ้นครั้งล่าสุด ครั้งหนึ่งมันเคยกระจายพันธุ์ทั่วในใจกลางอเมริกาเหนือ ปัจจุบันมีไม่เกิน 600 ตัว ตั้งแต่ปี 1991 ถึงปี 2008 โครงการขยายพันธุ์ในที่เพาะเลี้ยง โดย United States Fish and Wildlife Service ได้นำมันกลับคืน 8 มลรัฐของสหรัฐฯ และ เม็กซิโก แต่มันยังคงดำรงประชากรเหลือเพียง 3 แห่งคือ 2 แห่งในเซาต์ดาโกตา และ 1 แห่งในไวโอมิง แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 06:20:37 จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 05:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 111 1-04 ช้างแอฟริกา - African Elephant ชื่อวิทยาศาสตร์ : Loxodonta africana สถานะ : NT เสี่ยงต่ำแต่ควรรีบอนุรักษ์ ( ดีขึ้น จาก 2004 VU ) ถิ่นที่อยู่ ใน 37 ประเทศเขตซาฮาราของแอฟริกา และในป่าดิบ ทุ่งสะวันนา ป่าหญ้า และพบเบาบาง ในเขตทะเลทรายของ นามิเบีย และ มาลี การล่าเอางาช้างและเนื้อเป็นอาหาร เป็นการคุกคามหลัก ทั่วทวีป ประชากรทั้งหมดลดลงกว่า 25% ในช่วงปี 1979 - 2007 ปัจจุบันเหลือเพียง 30% ปัจจุบัน บัญชีช้างแอฟริกาถูกลดระดับความเสี่ยงจาก VU เป็น NT เพราะไม่นานมานี้ ประชากรช้างทางตอนใต้และตะวันออก เพิ่มขึ้นมาก เพราะความพยายามสงวนพันธุ์ประสบความสำเร็จมาก แต่ก็มีความเหตุผลเป็นไปได้ว่าการเกินดุล อาจเกิดจากประชากรช้างจากที่อื่นข้ามมาจำนวนมาก แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 06:18:02 จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 05:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 112 1-05 ดูรูป #43 ชรูว์งวงช้าง / เซงกิหน้าเทา - Grey-Faced Sengi ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhynchocyon udzungwensis สถานะ : VU เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ( ไม่มีประวัติ เพิ่งค้นพบ 2008 ) ** เป็นสปีชีส์เพิ่งถูกค้นพบใหม่จาก แทนซาเนีย แม้ถูกค้นพบในเขตคุ้มครอง แต่ถิ่นที่อยู่เพียง 2 พื้นที่สูญเสียรวดเร็ว จากไฟป่าในฤดูแล้งเพราะภาวะโลกร้อน และถูกลุกล้ำจากมนุษย์ที่อยู่รอบชายป่าเพิ่มขึ้น ทำให้ระดับการถูกคุกคามเพิ่มอย่างรวดเร็ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในกลุ่ม Afrotheria ซึ่งวิวัฒนาการในแอฟริกาเมื่อ 100 ล้านปีที่แล้ว และเป็นญาติกับ ช้าง พะยูน และตัวกินมดใหญ่ ชื่อ ชรูว์งวงช้าง ตั้งตามจมูกที่ยื่นยาวและยืดหยุ่นเด่นชัดกว่าญาติทางพันธุกรรมสปีชีส์อื่น ส่วน เซงกีหน้าเทา เป็นคำเรียกอธิบายลักษณะเมื่อ 2008 หลังจากถูกบันทึกภาพยนตร์ได้เมื่อ 2005 ในป่า Ndundulu ที่อยู่ห่างไกลใน ภูเขา Udzungwa ของแทนซาเนีย เป็นสปีชีส์ใหม่สปีชีส์แรกของ ชรูว์งวงช้างยักษ์ ซึ่งถูกค้นพบมากกว่า 126 ปี และตัวใหญ่กว่า 25% ของเซงกีที่รู้จักสปีชีส์อื่น จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 113 1-06 พอสซัมลายแถบเกาะเฟอร์กัสสัน - Fergusson Island Striped Possum ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dactylopsila tatei สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( คงที่ จาก 1996 ) ถูกค้นพบเฉพาะบน เกาะหนึ่ง ในเกาะ Fergusson หมู่เกาะ Entrecasteaux ปาปัวนิวกีนี สปีชีส์นี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ก็สิ่งมีชีวิตเด่นอันดับต้นของพื้นที่ป่าดิบชื้นระหว่างละติจูดที่ 600-1,000 ขอบเขตถิ่นที่อยู่และอาณาเขตโดยสันนิษฐาน ถูกคุกคามจากการขยายพื้นที่เกษตรกรรม มีผลให้ความเสี่ยงพอสซัมถูกเพิ่มระดับความเสี่ยงเป็น EN จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับสกัดไม่ให้เลวร้ายลง จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 114 1-07 ม้าลายเกรวี - Grevy's Zebra ชื่อวิทยาศาสตร์ : Equus grevyi สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( คงที่ จาก 1996 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 115 1-08 ลาป่าเอเชีย - Asiatic Wild Ass ชื่อวิทยาศาสตร์ : Equus hemionus สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( แย่ลง จาก 2002 VU ) * จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 116 1-09 ลีเมอร์อินดรี - Indri ชื่อวิทยาศาสตร์ : Indri indri สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( คงที่ จาก 2002 En ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 117 1-10 ดูรูป #39 ทัสเมเนียเดวีล - Tasmanian Devil ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sarcophilus harrisii สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( แย่ลง จาก 1996 LC ) * จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 118 1-11 ดูรูป #38 แมวป่าไอเบอเรียน - Iberian Lynx ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lynx pardinus สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( คงที่ จาก 2002 CR ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 119 1-12 ดูรูป #37 กวางมิลู - Pere David's Deer ชื่อวิทยาศาสตร์ : Elaphurus davidianus สถานะ : EW สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ แต่ยังมีเพาะเลี้ยง ( แย่ลง จาก 1996 CR ) ** จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 120 - - - - - - สัตว์ปีก - - - - - - 2-13 ?? - Mallee Emu-wren ชื่อวิทยาศาสตร์ : Stipiturus mallee สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( แย่ลง จาก 2006 VU ) * จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 121 2-14 นกกระจิ๊ดเคิร์ตแลนด์ ? - Kirtland's Warbler ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dendroica kirtlandii สถานะ : NT เสี่ยงต่ำแต่ควรรีบอนุรักษ์ ( คงที่ จาก 2005 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 122 2-15 นกแร้งสีน้ำตาล Slender-billed Vulture ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gyps tenuirostris สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( คงที่ จาก 2004 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 123 - - - - - - สัตว์เลื้อยคลาน - - - - - - 3-16 ดูรูป #40 จระเข้คิวบา Cuban Crocodile ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crocodylus rhombifer สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( แย่ลง จาก 1996 EN ) * จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 124 3-17 เต่าเรเดียตา จากมาดากัสการ์ - Radiated Tortoise ชื่อวิทยาศาสตร์ : Astrochelys radiata สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( แย่ลง จาก 1996 VU ) * จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 125 3-18 เต่า ?? จากมาดากัสการ์ - Ploughshare Tortoise ชื่อวิทยาศาสตร์ : Astrochelys yniphora สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( แย่ลง จาก 1996 EN ) * ( หมายเหตุ : บ้านเราเรียก เต่าจีนัส Astrochelys ซึ่งมีอยู่เฉพาะ มาดากัสการ์ ว่า เต่ามาดากัสการ์ ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 126 - - - - - - สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ - - - - - - 4-19 ดูรูป #46 คางคกโฮลดริดจ์ - Holdridge's Toad ชื่อวิทยาศาสตร์ : Incilius holdridgei สถานะ : EX สูญพันธุ์จากโลกนี้แล้ว ( ค้นพบ 1952 พบครั้งสุดท้าย 1986 ) *** จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 127 4-20 กบแมนเทลลาหูดำ - Black-eared Mantella ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mantella milotympanum สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1996 ) * จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 128 - - - - - - ปลา - - - - - - 5-21 ปลา กุดสลาดจุดฟ้า - Squaretail Coral Grouper ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plectropomus areolatus สถานะ : VU เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1830 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 129 5-22 ปลา กะรังดำ ? - Black Grouper ชื่อวิทยาศาสตร์ : Epinephelus mystacinus สถานะ : LC เสี่ยงต่ำ ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1852 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 130 5-23 ปลา ไหลยุโรป - European Eel ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anguilla anguilla สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1758 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 131 5-24 ?? - Cottus petiti ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cottus petiti สถานะ : VU เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1758 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 132 - - - - - - สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง - - - - - - 6-25 ดูรูป #45 แมงมุมโดดร่มแรเมชวอแรม ? - Rameshwaram Parachute Spider ชื่อวิทยาศาสตร์ : Poecilotheria hanumavilasumica สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( ไม่มีประวัติ ค้นพบไม่นาน 2004 ) ** จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 06:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 133 6-26 บึ้งโดดร่มลายนกยูง ? - Peacock Parachute Tarantula ชื่อวิทยาศาสตร์ : Poecilotheria metallica สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1899 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 07:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 134 6-27 ดูรูป #44 ปูแสมม่วง ? - Purple Marsh Crab ชื่อวิทยาศาสตร์ : Afrithelphusa monodosa สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( ดีขึ้น 1996 CR ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 07:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 135 6-28 ปูรูต้นไม้ ? - Tree Hole Crab ชื่อวิทยาศาสตร์ : Globonautes macropus สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( ดีขึ้น 1996 CR ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 07:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 136 - - - - - - พืช - - - - - - 7-29 กล้วยไม้ฝอยทุ่งแพรีตะวันตก ? - Western Prairie Fringed Orchid ชื่อวิทยาศาสตร์ : Platanthera praeclara สถานะ : EN เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก ( ไม่มีประวัติ ค้นพบ 1986 ) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 07:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 137 7-30 ?? - Rafflesia magnifica ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rafflesia magnifica สถานะ : CR เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ( ไม่มีประวัติ ค้นพบไม่นาน 2005 ) ** จากคุณ : Prof.Sirius - [ 13 พ.ค. 52 07:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เห็นเเล้วหดหู่ สัตว์เเปลกๆหายากๆกำลังจะสูญพันธุ์ำำไำปในทุกๆปี ที่ไม่อยากให้สูญพันธุ์เลยคือหมีขั้นโลกเนี่ย จากคุณ : Modena69 - [ 1 มิ.ย. 52 12:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ถ้าเป็นการสูญพันธุ์ตามกฏแห่งธรรมชาติ  ยังพอรับได้    แต่ถ้าสูญพันธุ์ด้วยฝีมือมนุษย์นี่  ไม่น่าเลยนะคะ จากคุณ : สร้อยสยาม - [ 29 มิ.ย. 52 16:00:13 ]