เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กับโครงการรถไฟความเร็วสูง
ควรให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนครับ รัฐดูแลเรื่องการเวณคืนที่ดิน หรืออำนวยความสะดวกเรื่องเส้นทาง ให้กับภาคเอกชน แต่ต้องดูเรื่องสัญญาให้รัดกุมครับ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าโง่
ผมว่ายังไงรัฐก็คงไม่มีเงินมากมายพอขนาดนั้น ที่จะไปลงทุนเองกับโครงการรถไฟความเร็วสูง เพราะมีภาระค่าใช้จ่าย โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆอีกมากมายในกรุงเทพอยู่แล้ว ไหนจะมีโครงการรถไฟฟ้าในเมืองเชียงใหม่ที่เกิดขึ้นอีกในอนาคต ที่มีแผนการศึกษากันไว้แล้ว ใช้เงินเป็นจำนวนมากหลายแสนล้าน เมื่อรวมกันแล้ว มันจะเป็นภาระอันหนักอึ่ง ในเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ไหนจะมีโครงการรถไฟรางคู่อีก ทั้วประเทศที่จะเกิดขึ้น เพื่อการขนส่งทางการค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนการผลิตและขนส่งในระยะยาว อีก 10-20ปีข้างหน้า ทดแทนการขนส่งด้วยทางรถบรรทุกในอนาคต อย่างน้อย ถ้าลดปริมาณการใช้น้ำมัน และการนำเข้าน้ำมันในอนาคตได้ อีก 10ปี ข้างหน้าประเทศไทยก็จะประหยัดเงินตรา ที่จะต้องใช้จ่ายไปกับการนำเข้าน้ำมัน ไปได้มาก ถึงเจ็ดแปดหมื่นล้านเลยทีเดียว รัฐสามารถเอาเงินส่วนต่างที่เหลือนี้มาพัฒนาปรับปรุงด้านการขนส่งอื่นๆได้อีกมาก ความคืบหน้าขณะนี้ ทางการรถไฟได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาสำรวจเส้นทาง กันไปแล้วก่อนหน้า เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมณตรีพิจาราณาอนุมัติ ต่อไป
เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้ ที่จะให้ภาคเอกชน ที่เป็นผู้ชำนานเชี่ยวชาญเรื่องรถไฟความเร็วสูงในต่างประเทศ บริษัทในญี่ปุ่น หรือบริษัทในยุโรบก็ดี ให้เขาเป็นผู้ลงทุนเองจะดีกว่าครับ
ในส่วนจุดคุ้มค่าการลงทุนนั้น น่าสนใจมาก เพราะอะไรครับ ก็เพราะมันสามารถใช้วิ่งผ่านข้ามประเทศได้เหมือนเครื่องบินครับ เข้าใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ ที่อยู่หากไกลออกไป อย่างที่เจ้าของกระทู้ ได้กล่าวข้างต้น ซึ่งได้เปรียบกว่าการนั่งเครื่องบิน เพราะเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นได้โดยตรงเลย และไม่ต้องไปขึ้นรถแท๊กซี่ต่อในราคาแพงๆ หลายร้อยบาทอีกด้วย
นอกจากรถไฟความเร็วสูงสามารถเชื่อมต่อกับ ประเทศเวียนนาม จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ แล้ว มันจะคุ้มค่าสุดๆ เพราะว่าประชากรของ 4-5 ประเทศเหล่านี้ เมื่อนำมารวมกันก็มหาศาลแล้วครับ แค่จีนกับเวียดนามก็มากกว่า คนในแถบประเทศยุโรบเสียอีก ประเทศในกลุ่มยุโรป ประชากรน้อยกว่า ในภูมิภาคเอเชีย เขายังทำโครงการนี้ได้เลย นี้ยังไม่รวมกับภาคธุรกิจ ด้านการท่องเที่ยวที่จะติดตามมาอีก เป็นผลพลอยได้อีกต่อนึ่ง ที่สำคัญ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นประเทศที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมากไม่ใช่น้อย แถมมีแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกมากมาย เมื่อรวมกันแล้ว คุ้มครับถ้าจะทำ
จะอย่างไรเสีย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี กับคนไทย และเศษฐกิจโดยรวมของ ประชาคมอาเซียน สร้างความคึกคักในด้านการค้าลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งภูมิภูมิภาคนี้ สร้างความมั่งคั่งในภูมิภาคนี้ได้เลย
ผมว่าถ้าเรา ต้องการจะสู้กับประเทศเวียดนาม ถ้าไม่ทำให้เหนือกว่าเขาไปเลย อย่างน้อง ก็ต้องไม่ควรต่ำกว่ามารตราฐานของที่เขาเป็นครับ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมองไปข้างหน้าให้ไกลๆ อย่ามองประเทศไทยในแง่ลบมากเกินไป
เปลี่ยนทัศนะคติเสียใหม่ ถ้าเรามองว่าประเทศไทยทำได้ มันก็จะทำได้จริงครับ แต่ถ้าเรามองว่าประเทศไทยทำไม่ได้ มันก็จะไม่ได้แน่นอนครับ ไม่เริ่มวันนี้แล้วจะไปเริ่มเมื่อไรละ ที่ผ่านมาประเทศที่เจริญเเล้ว เขามองไปข้าง 20-30ปี ว่างแผ่นประเทศกันล่วงหน้าขนาดนั้นครับ เขาถึงได้พัฒนากันไปไกล กว่าเราไงครับมาก
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 17:38:00
แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 13:47:27
แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 12:20:16
แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 12:01:17
แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 11:50:11