ความคิดเห็นที่ 1 สถาปัตย์ >>> ไม่ใช่เพื่อความสวยงามเสมอไป  แต่ต้องถูกใจลูกค้า และ ใช้งานได้ดีและครบตามที่ต้องการ  และ สวยงามพ่วงมาด้วยยิ่งดี วิศวะ >>>>> สร้างได้ง่าย มั่นคง ไม่ยุ่งยาก และเน้นราคาในการก่อสร้างมากกว่าสถาปัตย์ ประมาณนี้มั้งครับ จากคุณ : EleMent M@stER - [ 6 พ.ค. 52 22:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งานสถาปัตยกรรม มันไม่มีถูก ไม่มีผิด  มันมีแค่ ใช้ได้ กับ ใช้ไม่ได้ แค่นั้น........    มันเป็นเรื่องของ รสชาติ อร่อย หรือ ไม่อร่อย มันไม่สามารถ วัดได้.......       แบบทศนิยม 4 ตำแหน่งแบบของงานวิศวะกรรม.........      "ศิลปะ ในสถาปัตย์สำคัญขนาดไหน และการออกแบบในมุมมองของสถาปัตย์ ต้องเอื้อกับอะไรบ้าง"      ผมเรียน 5 ปี จะให้ผมอธิบายสั้นๆ คงทำไม่ได้หรอกครับ...มัยเยอะมาก......... จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 6 พ.ค. 52 22:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากคำถาม ที่ถาม การออกแบบในมุมมองของสถาปัตย์ ยังไง ก็ต้อง เอื้อกับ การใช้สอย อาคาร ของมนุษย์ ครับ ทำให้สวยยังไง แต่ใช้งานไม่ได้ ก็ Fail ครับ สวย แล้วก็ต้อง สร้างได้ ด้วย สร้างได้ นี่ก็คือ ก่อสร้างได้ ทั้งตามเทคนิคการก่อสร้าง แล้วก็ ตามกฎหมาย ด้วยครับ.. ที่สำคัญ ต้องสร้าง ความพึงพอใจ ให้กับ เจ้าของงาน ให้ได้ นี่ก็สำคัญ ครับ สุดท้ายแล้ว การทำงานเป็นทีม ทุกฝ่าย โครงสร้าง สถาปัตย์ ระบบ แลนเสคป กฎหมาย ฯลฯ ไม่มีเขาไม่มีเรา นั่นแหละ สำคัญที่สุด ..ครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 22:28:31 จากคุณ : tintin - [ 6 พ.ค. 52 22:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไง ก็ต้อง เอื้อกับ การใช้สอย อาคาร ของมนุษย์ ครับ ออกแบบ สนามแข่งม้า  ...   เราให้ความสำคัญ กัย Function ม้า หรือ Function คน มากกว่ากันครับ....... จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 6 พ.ค. 52 22:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วิศวะ...วัดด้วยตัวเลข  ถาปัด...วัดด้วยความรู้สึก  มั๊ง...นะ จากคุณ : FreeWing - [ 6 พ.ค. 52 22:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พฤติกรรม ของผู้ใช้ อาคาร จะเป็นสิ่งแรกที่ สถาปนิกคิด........... เมื่อ สถาปนิก สามารถ สรุปพฤติกรรมของผู้ใช้อาคารทุกกลุ่มได้แล้ว........ สิ่งที่ตามมาคือ Functional Design  ต่อ ด้วย Area  Requirement ต่อด้วย Circulation Design โอ๊ยเมา........... ไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อ ให้........ จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 6 พ.ค. 52 22:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สถาปนึก จะใช้ "หัวใจ "ทำงานเป็นหลัก วิศวกะ จะใช้  "สมอง" ทำงานเป็นหลัก แต่จะให้ดี ทั้ง2อาชีพต้องประสานงานร่วมกัน งานถึงจะออกมาดีที่สุด แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 22:56:48 จากคุณ : vespa744 - [ 6 พ.ค. 52 22:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สถาปนิกทำหน้าที่รวบรวมความคิด จินตนาการ ความชอบ ฯลฯ ที่เป็นนามธรรมของเจ้าของงาน.....แปรเปลี่ยนเป็นรูปธรรมให้เจ้าของงานได้สัมผัสและใช้ประโยชน์ตามจินตนาการได้โดยไม่ขัดต่อหลักธรรมชาติ...วิศวกรทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องความแข็งแรงของโครงสร้างที่เจ้าของงานต้องการ ซึ่งความต้องการของเจ้าของงานสื่อมาทางสถาปนิก,,,,สถาปนิกคิดนอกกรอบ....วิศวกรคิดในกรอบ คิดนอกกรอบบ่ได้... จากคุณ : chai_chin - [ 6 พ.ค. 52 23:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเห็นโฆษณา สถาปนิก 52 แล้วงงชะมัด จากคุณ : arsarn - [ 6 พ.ค. 52 23:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลูกค้า ทำให้สถาปนิกปวดหัว ด้วยความต้องการอันไม่สิ้นสุด สถาปนิก ทำให้วิศวกรออกแบบปวดหัว ด้วยอาคารอันวิจิตรพิสดาร วิศวกรออกแบบ ทำให้วิศวกรก่อสร้างปวดหัว ด้วยงานออกแบบอันซับซ้อน วิศวกรก่อสร้าง ทำให้หัวหน้าคนงานปวดหัว ด้วยเวลาอันน้อย และงานที่เยอะ หัวหน้าคนงาน ทำให้กรรมกรปวดหัว ด้วยเงินที่น้อย และเวลาทำงานที่เยอะ กรรมกร...ป้องกันอาการปวดหัว ด้วยหมวกแข็ง (Hard Hat) ในระหว่างการก่อสร้าง จากคุณ : powerconduit - [ 6 พ.ค. 52 23:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สถาปนิกคือผู้ที่เอาความฝันของลูกค้ามาถ่ายทอดให้วิศวกร xD จากคุณ : หมีอ้วนนอนม้วนตัวกลม - [ 6 พ.ค. 52 23:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สถาปัตยจะมองคนเป็นหลัก ศิลปะ(หรือความงาม)สำคัญในระดับนึง แต่ไม่เท่า การใช้งานของผู้ใช้ โดยหลัก การใช้งานมาก่อน ตามด้วยความงาม เก้าอี้สวย นั่งไม่ได้ ไร้ประโยชน สถาปัตย คิดเก้าอี้ที่นั่งสบาย สวย และเป็นไปได้ในการสร้าง วิศวะ หาวิธีที่จะสร้างเก้าอี้ให้นั่งได้ไม่พัง จากคุณ : อุนทามะ - [ 6 พ.ค. 52 23:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาฮา คหที่10 >O< แต่ตอนไป site ต้องใส่หมวกแข็งทุกคนนะ เพราะช่วงก่อสร้าง ช่วงเก็บงานมันเป็นอะไรที่น่าปวดกบาลที่สุด สำหรับทุกคนนั่นเอง (เหอ เหอ) สถาปัตย์กับวิศวะนี่คนละเรื่องเดียวกัน สถาปนิกก็มีหน้าที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า/ฟังก์ชั่นการใช้งาน และความสวยงามตามจริต วิศวกรก็คำนวณไปดิ มีหน้าที่ทำให้มันสร้างออกมาได้ ถ้าสร้างไม่ได้ หรือทำได้แต่เกินงบ สถาปนิกก็ต้องเอากลับไปตบๆแก้ๆอีกที เป็นอาชีพที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ทำงานร่วมกัน (......แต่ส่วนมากจะเกลียดกันนะ....ไม่รู้ทำไม) ว่าแต่ทำไมเรื่องนี้มันดันมาอยู่ห้องลึกลับเนี่ย (งง -_-") จากคุณ : Mc ชิด - [ 6 พ.ค. 52 23:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาเก็บความรู้ด้วยคน ((เอ้อ..ไม่น่าเลือกกลุ่มย่อยห้องลึกลับเลยอะ )) จากคุณ : rrltai^^ - [ 7 พ.ค. 52 00:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สร้างบ้าน1หลัง จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ตาสีตาสา ก็สร้างบ้านกันเองมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ไม่เห็นต้องมีสถาปนิก เราๆท่านๆ ถ้าจะสร้างบ้านของตัวเอง ไม่ต้องใช้สถาปนิกก็คงพอนึกภาพออกได้ แม้ไม่ได้บ้านที่ดีที่สุดแต่พอที่จะซุกหัวนอนทุกคนแน่นอน แต่ถ้าท่าจะสร้างโรงพยาบาลล่ะ? โรงแรมล่ะ? สนามบินล่ะ? ศูนย์วัฒนธรรมล่ะ? เยอะแยะตาแป๊ะไก่.. แค่รู้ว่า คานกว้างเท่าไหร่ ใช้เหล็กกี่เส้น คงไม่พอ จากคุณ : Sial - [ 7 พ.ค. 52 00:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วิศวกรรมศาสตร์ - ใช้ความรู้ สถาปัตยกรรมศาสตร์ - ใช้ความคิดสร้างสรรค์ วิศวกรรมศาสตร์ - ต้องการสร้างความถูกต้อง สถาปัตยกรรมศาสตร์ - ต้องการสร้างความประทับใจ วิศวกรรมศาสตร์ - ทำให้ใช้งานได้จริง สถาปัตยกรรมศาสตร์ - ทำให้สวย วิศวกรรมศาสตร์ - คิดโดยใช้สมการและตัวเลข สถาปัตยกรรมศาสตร์ - คิดโดยการวาดรูป (สถาปนิก หรือดีไซเนอร์คุยกัน ถ้าไม่มีกระดาษกับดินสอหรือปากกา จะคุยกันไม่รู้เรื่องครับ จากคุณ : มุขไม่ฮาพาเพื่อนเครียด - [ 7 พ.ค. 52 00:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สถาปนิกกับวิศวกร(โยธา) มักจะเขม่นกันครับอาจเป็นเพราะถูกสอนมาคนละแบบ คิดกันคนละมุม และกูก็(คิดว่า)เก่งกว่าอีกฝ่ายหนึ่งหรือมีสถานะสูงกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน สถาปนิก คือผู้ออกแบบอาคารกำหนดรูปทรง ระยะเสา คาน ความสูง วัสดุที่ใช้ ฯลฯ แต่เรื่องนำไปก่อสร้างจริงต้องพึ่งวิศวกร ในการคำนวณโหลดการรับน้ำหนักของเสา คาน อื่นๆ ที่กำหนดจากแบบที่สถาปนิกออกแบบมา ซึ่งบางแบบ มันค่อนข้างนอกกรอบ ทำให้การทำงานหรือคำนวณยาก แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 00:49:39 จากคุณ : ficus (Ficus) - [ 7 พ.ค. 52 00:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สถาปนิก : กะๆเอา วิศวกรเครื่องกล : ทศนิยม 1 ตำแหน่ง วิศวกรโยธา : ทศนิยม 4 ตำแหน่ง จากคุณ : หมอแมว - [ 7 พ.ค. 52 01:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ผมทำแล็บของภาคโยธา จัดไป 4ตำแหน่ง โดนเลย เอามาทำ...เมิงหรอ เวอร์เนียมันวัดได้ทำไร บ่ะง่าว รุ่นพี่ผมบ่นๆ บางอย่างที่สถาปนิกออกแบบมา ทำไปทำไม มันได้อะไร  make it simple make it work ยะจ้างก่อ ก้ายบ่ะ ผมว่าอย่าเอามาเปรียบเทียบกันเลย คนละแนว แทนกันไม่ได้หรอก ดีนะเรียนเครื่องกล ไม่ต้องมาทะเลาะกับถาปัตย์ จากคุณ : Sympho - [ 7 พ.ค. 52 01:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ไฟฟ้า เครื่องกล งานระบบ นี่ แหละ ตัวดี เลยครับ ที่ไซท์ผม M&E จะทะเลาะกันตาย กับ งานถาปัตย์ แล้วครับตอนนี้ ระดับฝ้า ท่อ ฯลฯ พอทำ Shop ขึ้นหน้างานแล้ว Combine แบบไม่ผ่าน ไปไม่รอด ครับ กำลังมึนตึ้บ นั่งเคลียร์แบบ อยู่ ตอนตีสอง นี่ แหละครับ...เฮ้อ.. จากคุณ : tintin - [ 7 พ.ค. 52 02:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สถาปนิกไม่กะนะครับ หมอแมว เรามีวิชา ergonomics และ human scale ครับ พร้อมกับตำราเล่มโตที่เรียกว่า NEUFERT architectural data และ TIME SAVER ที่อธิบายระยะที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของมนุษย์ครับ ถามว่าเรามองงานต่างกับวิศวกรอย่างไร คงต้องบอกว่ามันเกิดจากการฝึกฝนตั้งแต่สมัยเรียนครับ ถ้ายกตัวอย่างของสถาบันของผม ขอแยกเป็น 2 สายนะครับ 1 construction (building technology) 2 architectural design ซึ่งเป็นเมเจอร์ทั้งคู่ ตกปุ๊บ ก็ 6 ปีปั๊บ ไม่มีซ่อม design ปี 1 ก็จะเรียนการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ เส้นสาย จังหวะของ form การผสาน form ต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบเบื้องต้น เช่น INTERLOCKING CLUSTER RADIUS CENTRALIZE ละก็ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ zoning, user circulation ผ่านสิ่งที่เรียกว่า relationship diagram, bubble diagram, circulation diagram เป็นต้น พอขึ้นปี 2-4 ก็จะเริ่มขยาย scale ออกเป็นงานที่ยากขึ้นไปด้วยโจทย์ต่าง ๆ ที่อาจารย์ออกโปรแกรมมาให้ ซึ่งต้องใช้วิชาพื้นฐานจากปี 1 ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเหตุว่าทำไมสถาปนิกถึงต้องมองความสวยงามของอาคารแบบต่าง ๆ เนื่องจากว่า อาคารแต่ละประเภท ก็จะมี character ของตัวมันอยู่ character นั้นไม่ได้หมายถึงการใช้รูปทรงแบบเดิม ๆ ซ้ำๆ กับที่คนอื่น ๆ เค้าใช้กันนะครับเพราะอย่างนั้นมันจะไม่เกิดการพัฒนา แต่เราจะต้องออกแบบให้สถาปัตยกรรมถ่ายทอดการใช้งานออกมาให้ได้ ดูแล้วรูัว่าเป็นอาคารประเภทไหน คงไม่มีใครอยากออกแบบ รีสอร์ท แล้วปรากฏว่า คนเข้าใจผิดเห็นส่วน public area ว่าเป็น terminal สนามบินหรอกนะครับ con ปี 1 ก็จะเรียนโครงสร้างพื้นฐานอย่างโครงสร้างไม้ เพื่อให้รู้ลิมิตของโครงสร้าง วิธีการถ่ายแรงของ skeleton structure ปี 2 -3 ก็จะเรียนโครงสร้างที่ยากขึ้นไป อย่างคอนกรีต กรรมวิธีการก่อสร้างแบบต่าง ๆ ซึ่งนักศึกษาจะเริ่มถูกอาจารย์ฝึก(ดัดหลัง) โดยการให้เอาโครงการที่ตัวเองออกแบบเอาไว้ในวิชา designเทอมที่แล้วมาเขียนแบบก่อสร้าง นี่ละครับเป็นเหตุให้เราเกิดการพัฒนาเรื่องความพยายามจะเอาชนะแรงดึงดูดของโลกไปด้วย เพราะถ้าคุณคิดได้ ออกแบบได้ แต่เขียนแบบก่อสร้างไม่ได้ ก็จบครับ F ไป พอมาปี 4 นี่ละครับ เอาชนะแรงดึงดูดของโลก ของจริงละ เพราะเราจะเรียนเกี่ยวกับอาคารสูงและโครงสร้างเหล็กครับ พอมา ปี 5 อาจารย์ไม่มีโจทย์ให้แล้วครับ แต่นักศึกษานี่ละครับ สมมติตัวเองเป็น 1 เจ้าของโครงการ ไปหา site มาเอง อยากทำโครงการอะไร 2 consult analysis ทุกอย่างที่โครงการนี้ต้องมี ข้อจำกัดต่าง ๆ ทางกฎหมาย 3 architect เรื่มงานออกแบบอาคารจนจบกระบวนการทางการออกแบบ ได้เป็น final thesis 1 อาคาร ส่วนอาจารย์ ก็เป็นแค่ผู้แนะนำ หรือบางครั้ง อาจารย์ก็ทำตัวเป็นลูกค้าด้วย แต่ก็จะไม่มี requirement พร่ำเพรื่อนะครับ ปล. นี่แค่ 2 วิชานะครับ ยังมีวิชาอื่น ๆ อีก เช่น อุปกรณ์ประกอบอาคาร ภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม กฎหมายและจรรยาบรรณ สุนทรียศาสตร์ ฯลฯ จากคุณ : simulate_sky - [ 7 พ.ค. 52 02:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สถาปนิกกับวิศวกร ถ้าโปร ๆ แล้วทั้งคู่ ทำงานมาพอสมควร ผมเห็นรุ่นใหญ่ๆอะนะครับ ทำงานโปรเจ็คท์ร้อยกว่าล้าน ก็ไม่ได้เกลียดกันมีแต่รุ่นหนุ่ม ๆ (แบบเรา ๆท่าน ๆ) นี่แหละมั้งครับ ที่ยังวางกันไม่ลง เรื่องนิสัยคนก็เกี่ยวเหมือนกัน กลุ่มผู้ออกแบบ(สถาปนิกและวิศวกร) บางกลุ่มก็เข้ากันได้ดี บางกลุ่มก็ตีกันตาย เพราะไม่เคารพวิชาชีพกันและกัน ส่วนนิยามว่าอะไรคือการเคารพวิชาชีพ หรืออะไรควรคอมเมนต์ไม่คอมเมนต์ นี่ก็เป็นหัวข้อใหญ่อีกเหมือนกัน เพราะแต่ละรายก็ถือไม่เหมือนกันอีก.... สรุป ถ้าไม่เชื่อใจในกันและกันก็อย่าทำงานร่วมกันเลยครับ หมายถึงถ้าเลือกได้นะ จากคุณ : น้องจั้ง (น้องจั้ง) - [ 7 พ.ค. 52 03:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 engineer ถูกคลุมด้วยตัวหลักๆ 3 ตัวนี้ครับ 1. Time 2. Cost ชีวิตจริงอันนี้หลุดทุกที 3. Quality ซึ่งก็รวมไปถึงความแข็งแรงและปลอดภัย จากคุณ : PoomPui - [ 7 พ.ค. 52 08:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 5555+ ขอโทษที่นำมาไว้เรื่องลึกลับค่ะ เคยถามวิศวกรรมเทคโนโลยี เมื่อนานๆๆๆมา ไม่มค่อยมีคนตอบอ่ะ -"- ตัวเราถูกมองว่า ให้พยายามฝึกฝนการมองแบบสถาปนิก กรี๊ดได้อีก T-T เพราะทางสถาปัตย์เค้าจะใช้เรา ทำสถาปัตย์แบบวิทยาศาตร์ แบบวิจัยด้านอาคารนี่แหล่ะค่ะ ไม่เครียดเท่าไรตรงที่เรารู้เรื่อง อาคาร มาบ้าง แต่ก็อยากจะเรียนรู้เรื่องทางสถาปัตย์ให้ได้หน่อย เพราะมันต้องใช้เร็วๆนี้อ่ะค่ะ จากคุณ : Suomi - [ 7 พ.ค. 52 08:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สถาปนิก = ฝ่าย Creative วิศวกร = ฝ่าย Production จากคุณ : iKnow - [ 7 พ.ค. 52 09:31:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สถาปนิกชอบถามว่า ทำไมวิศวกรชบอบอะไรที่มีเสาเยอะๆ (มันจะได้ไม่พัง แถม ราคาถูกกว่าโถงโล่งกว้างนี่หว่า  อิอิ) จากคุณ : NanA (mooyui_na) - [ 7 พ.ค. 52 10:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สถาปนิก = ความฝัน วิศวกร = ความจริง จากคุณ : FlyingChicken - [ 7 พ.ค. 52 10:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รู้แต่ว่า วิศวะ คือคนปิดทองหลังพระ 5555 แต่ผมเรียน สถาปัตย์นะ จึงไม่ได้อวย วิศวะ นะเออ เพราะเวลาเราเจออาคารสวยๆเราจะถามก่อนเลยว่า ใครออกแบบ 555 สรุป สาระ -สถาปัตย์ คือคนสร้าง ความสวยงาม+ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด และเป็นคนคุยกับ เจ้าของงาน เจ้าของบ้าน -วิศวะ คือคน สร้างความสวยงามนั้นๆให้เป็นจิงๆขึ้นมา และเป็นคนที่คุยกับ สถาปัตย์ ไปงัดกันเอง จากคุณ : อาท (chan ty) - [ 7 พ.ค. 52 11:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วิชาปราบเซียน ของเด็กสถาปัตย์   1 คอน 1 2 3 4 5   2 ดีไซน์ 1 2 3 4 5   3 งานระบบ 1 2 3   4 ไซต์ แปลนนิ่ง 1 จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 11:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พูดถึงเรื่องไม่กินเส้นกัน ระหว่างสถาปนิก กับ วิศวะกร ผมไม่ค่อยมีปัญหา กับพวกโยธาเท่าไหร่นะ......... ผมเนี่ยเป็นไม้เบื่อไม้เมา กะ M&E มากๆเลย......... เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆ........... แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 11:41:06 จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 11:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คห.26 เสาเยอะยิ่งแพงไม่ใช่เหรอครับ ถ้าสำหรับบ้านทั่วไป ต้นทุน/ต้น คือ 3หมื่น เท่าที่จำได้นะครับ  ถ้าโถ่งโล่ง ใช้โครงสร้างแบบTRUSS ก็น่าจะถูกกว่าเยอะเลยหละ ปล.คห.21อธิบาย สถาปัตย์ได้ครบเครื่องเลย และดูแล้วเหมือนจะเรียนมาจากที่เดียวกันรึเปล่า ไม่แน่ใจ จากคุณ : EleMent M@stER - [ 7 พ.ค. 52 11:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 31 จบ ที่ไหนมา........ จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 11:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สถาปนิก = คนสร้างฝัน วิศวกรโยธา = คนทำฝันให้เป็นจริง จากคุณ : N'Pui - [ 7 พ.ค. 52 12:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ คนงานครับ ที่ทำให้เป็นจริง 555 เรื่องระยะนี่สถาปนิกไม่ได้กะๆเอานะเออ อย่าง landscape ตีไปเลย หน่วยเมตร architect ก็เมตร แต่ละเอียดขึ้นมาหน่อย ซัก2ตำแหน่งพอโอเค interior นี่เอาไปเลย ระดับมิลฯ จริงๆเหมือน ป้าชาร์ปพูดเลย จริงๆอย่างโครงสร้างถ้า deal กะเอนจิเนียร์มันหยวนๆกันได้ เพราะปัจจัยกระทบมากกว่า โครงสร้างต้องพอ งบไม่บาน เสาต้นนึงก็ซัดไปหลายหมื่นแล้ว แต่ไปตีกะ M+E มากกว่าจริงๆ ไม่เข้าใจ ทำไม M+E ชอบเอา floor drain ไว้กลางห้อง!!!!!!ฟะ!!!! จากคุณ : ผมเสียโสดให้หญิงร้าย - [ 7 พ.ค. 52 15:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สถาปนิก คิดถึง Space วิศวะ คิดถึง Form จากคุณ : A - [ 7 พ.ค. 52 16:27:45 A:58.9.111.128 X: TicketID:214406 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แต่ไปตีกะ M+E มากกว่าจริงๆ ไม่เข้าใจ ทำไม M+E ชอบเอา floor drain ไว้กลางห้อง!!!!!!ฟะ!!!!   ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก.................... floor drain ไม่ค่อยโดนอะครับ เพราะ มี มาตราฐานการติดตั้ง กับ ช๊อปดอร์วอิ้ง คอยกำกับ และ ก็เห็นได้ง่าย......... ที่โดนบ่อยๆ ก็   1.พวก ท่อ Duct ต่างๆ  เจาะฝ้าผมไม่ว่า แต่เวลา ซ่อมให้กรุณาอย่าเอาตีนทำ.... 2.พัดลม ไม่ตรงกับ access Panel  เวลาออกแบบพัดลมใต้ฝ้า กรุณาแหกตาดู แบบฝ้าด้วย....... เหลือที่ให้ เจาะ Access Panel บ้าง 3. พวก Ex-Source ของ ท่อน้ำ ในห้องน้ำต่างๆ กรุณาเจาะให้มันเท่าๆกันทุกห้อง อย่างมีมาตราฐาน.......เข้าใจว่ามีหลาย Sub แต่กรุณาประชุมกันนิดนึง...... 4. ไม่ยอมใส่  floor drain ไว้ในห้อง AHU   เจอโครตบ่อย.... จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 16:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จาก ประสบการณ์ ก็จะเป็นลักษณะนี้ครับ สถาปัต  >>>  คือ ผู้เขียนจิตนาการจากพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เป็นคนร่างภาพจินตนาการให้กับ ผู้ใช้งาน วิศวกร  >>> เป็นคนหาวิธีทำจินตนาการให้ เป็นควมจริงมากที่สุด ไอ้ส่วนนี้แหละครับ ที่มักจะมีปัญหา  เพราะ จิตนาการซะหรูเกินไป หรือ ทำมาไม่ได้ตามจิตนาการ ถ้าพระเจ้าคือผู้สร้างมนุษย์  สถาปัตคือผู้บอกว่าหน้าตาเป็นไง ส่วนวิศวกร คงเป็นผู้ทำกระดูกและเส้นเอ็น ปล. กระทู้ข้างบนนีนะ ปัญหาโลกแตกเลย ^ ^| ^ มันเจาะช่องไว้ ไม่เผื่อ ปั๊มลม ผมเลย แล้วมา บอก ขยับท่อเอาทำง่ายนิดเดียว แต่ คนออกแบบระบบกำลังมันทำมาแล้ว ขยับได้ กำลังมันลด มีปัญหา สถาปัต โกยแนบเลย บางที บอกเจ้าของ ทำอย่านี้สวย ดีแล้ว เหมาะแล้วคิดแทนอีกเหอๆ ส่วนวิศวกร บางคน ก็ นะ บางงานมันสามารถ ทำได้ แต่ยากหน่อย มันก็ไม่ทำ  แถไป แล้วมาทะเลาะ กาน ไอ้พวกเนี๊ย ประจำแหละครับ แต่สำหรับผมของโครงการที่ เหนื่อยที่สุดคือ ไอ้จินตนาการ ของคนออกแบบเนี่ย  มัน มาตามอารมณ์ และมักจะมาช้า บางโครงการ ผมต้อง มา เชค spec ทำงบ ของบ เตรียมแผนอีก บางที อยากจะบอกเหมือนกันว่า ทำไม่ทันหวะ จากคุณ : chatwick (chatwick) - [ 7 พ.ค. 52 17:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สั่งให้ทำ Combined Drawing ก็เกี่ยงกันทำ.......  แล้วเป็นไงละ........ โดนปรับ อย่ามาโทษ คอนเซ้าท์ นะเว้ยยยยยยยย....... จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 18:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โชคดีรับแต่งานหลวง แบบสมบูรณ์พร้อมสร้างเสมอ เกี่ยงแต่ว่า แบบมันตั้งแต่ พ.ศ.ไหนมากกว่า ตาม คห. 18 ที่ สถาปนิก กะเอาได้  หมายความว่า เขารู้ว่าประมาณไหน จะพอดีกับคน ประมาณแล้ว จบ เขียนแบบ เช่น ขนาดห้อง ความสูงต่าง......ถามวิศวะ ผมไม่รู้ แต่วิศวะ จะรู้ว่าคานยาวเท่านี้ เหล็กจะเสริมเท่าไหร่ แต่ผม กะไม่ได้ คห. 31 เสาน้อยๆ แพงนะครับ(ยกเว้นศาลพระภูมิ) อาคารใหญ่ เสาน้อย พื้นที่กว้าง อย่างน้อย พื้น โพสเทนชั้น เหล็กเสริมเสา ไม่ต้องพูดถึง เอาแบบจี้ไม่ลงเลยหละ โครงสร้างเหล็กล้วนๆแบบทรัส แพงกว่า คสล. นะครับ จากคุณ : บ่าวจ่อย - [ 7 พ.ค. 52 19:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตอบ 39 1 สถาปนิกไม่มีคำว่ากะๆ เอาครับ....... มีมาตราฐานทุกอย่าง........  คุณถามมาได้เลย จะตอบให้ ว่าเรื่องไหนที่คุณคิดว่า กะๆ เอา.....    "เขารู้ว่าประมาณไหน จะพอดีกับคน ประมาณแล้ว จบ เขียนแบบ"   ถ้าสถาปนิกคิดแบบนี้ อย่าหวังจะได้งานเลยครับ......ถึงได้งานมาก็ พัง ชัวร์......   วิชา Area  Requirement  มีครับ...... คำนวนกันล้วนๆ....มีมาตราฐานด้วย อาคารประเภทไหน ฟังค์ชั่นไหน พื้นที่/คน เท่าไหร่.......   ทุกๆอย่างที่เขียนลงบนแบบ.......หนึ่งตาราง นิ้ว หนึ่งตารางเมตร หรือ หนึ่งตารางฟุต เป็นเงินทั้งนั้น..........    เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่า กะกะ.......... มันมักง่ายเกิน........ จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 20:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พวกที่บอกสถาปนิก กะกะ เอาเนี่ย.............  เดี๋ยวเอา Time Saver Architect Data ทุ่มหัวเลย........(เอาขว้างหน้าไม่ได้ยกไม่ไหวเล่มใหญ่มาก.......) จากคุณ : ป๋าชาร์ป - [ 7 พ.ค. 52 20:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 น้องๆคนไหน ไม่ตั้งใจเรียนสถาปัตย์จริงๆ อย่ามาเรียนนะครับ  .....งานหนัก โหด ถึก หิน มาก..........แล้วต้องรู้เรื่องโน่นนี่นั่นเยอะแยะ รู้มากไปเสียทุกเรื่อง จบมางานก็หนัก เงินก็น้อย แต่ถ้าใจมันรัก ก็ลุยโลด จากคุณ : cantare - [ 7 พ.ค. 52 21:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมละเบื่อการเรียนถาปัดตรงที่ ขยันให้ตายยังไง ก็อดนอนอยู่ดี จากคุณ : จ่าต๋อย (จ่าต๋อย) - [ 10 พ.ค. 52 01:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จะกินเส้นกันหรือไม่ก็แล้วแต่คนมั้งครับ โดยส่วนตัว ไม่มีปัญหาเรื่องมุมมองในการทำงาน มีเพื่อนเป็นสถาปนิกก็หลายคน  ดีๆเฮๆด้วยกันก็เยอะ สำหรับสถาปนิกที่ร่วมงานที่ผมไม่ค่อยชอบ ส่วนใหญ่มากจากนิสัยใจคอ ไม่ใช่ว่าเค้าเป็นคนไม่ดีอะไรหรอกนะ  แต่ผมเข้าใจ//รู้สึก //คิดเอาเอง ว่าคนที่ทำงานสถาปนิกนี่เค้าพูดมากกันทุกคน ประชุมไซท์กันที พี่ก็พูดยาว ร่ายอยู่คนเดียว น้ำบ้างเนื้อบ้าง  แล้วบังเอิญ ผมเป็นคนขี้รำคาญคนพูดเก่ง พูดเยอะๆน่ะ (จิงๆอาจจะเป็นนิสัยส่วนตัวของผมเอง สถาปนิกไม่เกี่ยวก็ได้นะ -*-) จากคุณ : ไทยมุงหรรษา - [ 11 พ.ค. 52 21:50:49 ]