ความคิดเห็นที่ 1 ตอนนี้กำลังมีการพัฒนายางที่ชื่อว่า Twheel เป็นยางแบบไม่ใช้ลม ไม่รู้ว่าจะช่วยเรื่องนี้ได้หรือเปล่า จากคุณ : RadiS - [ 11 พ.ค. 52 12:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตะปูเรือใบมีมานานแล้ว เกิดมาก็ได้ยิน แต่มาเปิดตัวก็ จากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาพใต้ของไทยเรา เหมือนเห็บเหาที่ค่อยทิ่มต่ำการทำงานของ จนท . และบางครั้งอาจคร่าชีวิตเราไปได้ง่ายๆๆ   การใช้ตะปูเรือใบ : แน่นอนจะต้องไม่ประสงค์ดีต่อ "น้องยาง" แน่ๆๆ เรามาค่อยๆดูกันไปว่าการพัฒนาเทคโนโลยี  ตะปูเรือใบกับยาง ไปถึงไหนแล้ว เราจะต่อสู้ปกป้อง ยาง ได้อย่างไร นี้แหละเขาเรียกตะปูเรือใบ ทิ้งๆขว้างๆ มีสนิมด้วยกะให้ยางเป็นบาดทะยักเลย คนเราชักคิดทำไรกัน v v v จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 12:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ปาด!!! จากคุณ : HWalker - [ 11 พ.ค. 52 12:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นี้ภาพเหตุการณ์จริงในพื้นที่ (รูปจากในเน็ตนำมาประกอบเนื้อหา ขอขอบคุณ เจ้าของรูปทุกท่าน มิได้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์หรือทางการค้า นำมาเพื่อต่อยอดทางความคิด )     เมื่อเห็น ตะปูเรือใบกับสิ่งกีดขวางบนพื้นถนน นั้นก็เป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเกิดเหตุ มันจะมาพร้อม (: ระเบิดแสวงเครื่อง IED ) และก็ (ระเบิดลูกที่สอง)เป็นสูตรสำเร็จ ทำให้การทำงานของ จนท. ล่าช้าในการเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุ จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 12:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ๋อใช้แม่เหล็กไว้หน้ารถใช่ไหมครับ จากคุณ : ดร - [ 11 พ.ค. 52 12:59:07 A:125.26.190.179 X: TicketID:184507 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วชาวหว้าก้อ ก็ระดมสมองในการคิดทันที จากกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2006/11/P4906502/P4906502.html http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/01/X5025642/X5025642.html http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V7822581/V7822581.html และที่นี้ เขาคุยเรื่องตะปูเรือใบเป็นวิชาการเชียว น่าสนใจมากๆ ขอบคุณคนไทยที่ไม่ทิ้งกัน ช่วยกันระดมสมองกับปัญหา http://www.trizthailand.com/elearning/mod/forum/discuss.php?d=131 และกระทู้นี้มีภาพประกอบ จากพี่น้องชาวหว้ากอ ปล. เขียนกระทู้ไปนั่งคิดไป อาจจะช้า กระทู้ยาว โปรดให้อภัย แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 13:48:44 จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อทราบที่มาที่ไปแล้ว ก็มาลุยกันเลยว่าหน่วยงานนั้นทำอะไรกันบ้าง เกี่ยวกับเรื่องเจ้า " ตะปูเรือใบ"  เริ่มกันที่  สตช. ตำรวจกันก่อนเลย ตอนแรกพอมีการนำตะปูเรือใบมาใช้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ก็ทำให้เกิดปัญาหาในการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ และช่วยคนเจ็บกับ ตามล่าตัวผู้ต้องหา ก็โดนเหยียบกันไปหลายคัน  แต่จากปัญหา พอตั้งหลักได้ก็มีการนำรถพร้อมอุปกรณ์กวาดเรือใบเข้ามาใช้งาน พร้อม จนท.EOD ตร. จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทบ. ก็ได้เริ่มพัฒนาต้นแบบ รถกวาดตะปูเรือใบ น่าจะเรียก "ปัด" มากกว่าน่ะ น่าจะมาจาก สพ.ทบ. เพื่อส่งลงพื้นที่  ในรูปขณะปฏฺบัติงานลาดตระเวน จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นี้ก็อีกรูปแบบหนึ่งของการพัฒนา ของ ทบ. จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อไป สังกัด ทหารช่าง ของทบ. จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คราวนี้มาถึง ความคิดที่แตกประเด็นมาเรื่องใช้แม่เหล็ก ในการมาทำอุปกรณ์ มาดูกันสิว่าทำได้จริงมั้ย เมื่อคิดแล้วลงมือทำ ผลที่ได้มันจะไปไหน หน่วยงานราชการ อพปร. สังกัด กระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าของอุปกรณ์กวาดตะปูเรือใบนี้ จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 งานโครงสร้างก่อนจะออกมาเป็นอุปกรณ์ จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:30:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผลที่ได้จากการทดสอบ จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต้นแบบอุปกรณ์เก็บตะปูเรือใบ กลุ่มโรงงานเครื่องจักร กรมควบคุมบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย : ประสิทธิภาพการใช้งานบนถนนคอนกรีต ลักษณะเก็บกวาดบนถนนคอนกรีตจะสามารถเก็บกวาดตะปูเรือใบได้ดี เมื่อรถติดตั้งอุปกรณ์เก็บตะปูเรือใบวิ่งด้วยความเร็ว 10 – 15 กม./ชม. ถ้าความเร็วมากกว่านี้จะทำให้ตะปูเรือใบดีดกระเด็นออกจากพื้นที่เก็บกวาด   : ประสิทธิภาพการใช้งานบนถนนลาดยาง ลักษณะเก็บกวาดบนถนนลาดยาง จะสามารถเก็บกวาดได้ดีเหมือนถนนคอนกรีต   : ประสิทธิภาพการใช้งานบนถนนลูกรัง   ลักษณะเก็บกวาดบนถนนลูกรังจะมีประสิทธิภาพดีหรือไม่   ขึ้นอยู่กับความแน่นและขรุขระของพื้นถนน   ประสิทธิภาพจะอยู่ที่ประมาณ 90-95% ที่ความเร็ว 10-20 กม./ชม.   : ประสิทธิภาพการใช้งานบนถนนหินคลุก   ลักษณะเก็บกวาดบนถนนหินคลุก จะสามารถเก็บกวาดได้เหมือนถนนลูกรัง ข้อมูลเพิ่มเติม: http://61.19.54.137/equipment/ จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 13:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปาด แปด ปู้ด ป้าด จากคุณ : xczar - [ 11 พ.ค. 52 13:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #13 รูปที่2 มีดินติดขึ้นมา? ดินมีคุนสมบัติที่แม่เหล้กดูดติดได้เหรอครับ จากคุณ : HWalker - [ 11 พ.ค. 52 13:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รูปที่ 12นี่น่าจะเป็นตัวที่พัฒนามาจากรูปนี้ รูปนี้มาจากข่าวเมื่อ สองปีก่อน  เคยเห็นผ่านตาเลยไปค้นดู http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=130785&NewsType=1&Template=1 จากคุณ : คงไม่ปาดนะ (~รักความรุนแรง~) - [ 11 พ.ค. 52 13:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากข่าวเดียวกัน จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ - [ 11 พ.ค. 52 13:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลองสังเกตดู เหล็กโครงจะมีแถวเดียว แต่รุ่นใหม่มีสองแถว   ต่อไปอาจจะมีมากกว่านี้ จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ - [ 11 พ.ค. 52 13:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ข่าวเมือ่สองปีก่อน จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ - [ 11 พ.ค. 52 13:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ ~รักความรุนแรง~ ที่ ร่วมแชร์ความคิด รูปนี้ก็น่าจะเป็นของ บริษัทเอกชน จากคุณ : กกร่ม - [ 11 พ.ค. 52 14:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่าไอเดียก็โอเคแต่การใช้งานอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร เพราะจุึดประสงค์การโปรยตะปูเรือใบเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ของรถยนต์ล้อยางเติมลม และมันจะทำงานก็ต่อเมื่อมันทิ่มเข้าไปในล้อยางไม่ว่าในอัตราเร่งของรถเท่าไหร่ก็ตาม ข้อสังเกตุของผมก็คือ 1).ไอ้เจ้าตัวดูดตะปูเนี่ยมันจะหวังผลได้เท่าไหร่เมื่อตอนที่รถยนต์วิ่งด้วยความเร็วปรกติ??? มันจะต้องมีช่วงที่รถตกหลุม เลี้ยว กระโดด ฯลฯ ทำให้ระดับแม่เหล็กไม่สม่ำเสมอกับพื้นถนน 2).แม่เหล็กมันจะมีประสิทธิดภาพอย่างไรเมื่อรถมีการเคลื่อนที่ที่เร็วกว่าแรงดูด??? จากคุณ : nobuts - [ 11 พ.ค. 52 14:02:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อะโห ทึ่งกะอันทั่ใช่แม่เหล็ก จากคุณ : ชีวิตเราต้องเทียมด้วยวัวสองตัว - [ 11 พ.ค. 52 15:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รถที่ติดเครื่องกวาดมีไว้กวาดตะปูครับ ไม่ได้ติดทุกคัน อย่าง HUMVEE ถ้าสังเกตตามข่าวเราก็ไม่ได้ติดครับ เพราะปกติตามเส้นทางทุกเส้น ทุกพื้นที่ ก็จะมีการลาดตระเวนกันอยู่เสมอ โดยใช้ความเร็วต่ำ ซึ่งตะปูก็จะเจอจากตรงนี้แหละครับ ทำให้ไม่ค่อยพบ รถพลาดไปเหยียบตะปูเรือใบ จนยางแตกเลย อ้าว... แล้วผู้ก่อความไม่สงบจะโรยตะปูทำไมล่ะ... 1. เพื่อชะลอการทำงานของเรา เวลามีการไล่ล่าหลบหนี 2. การคร่าชีวิตของตะปู ไม่ได้เกิดจากรถเหยียบแล้วยางแตก แต่เกิดจากเมื่อหน่วยลาดตระเวนพบตะปู ก็ต้องชะลอรถแล้วก็เข้าไปตรวจสอบ ตรงนี้แหละครับที่ผู้ก่อความไม่สงบจะใช้โอกาสโจมตี 3. อื่นๆ เป็นการท้าทาย ฯลฯ ซึ่งการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่การติดเครื่องกวาดตะปูไว้หน้ารถทุกคันนะครับ แต่เป็นการแก้ไขทางยุทธการ ต้องยอมรับว่ากองทัพเราเรียนรู้จากบทเรียนได้ดีทีเดียว การไล่ล่าหลบหนีแทบไม่พบแล้ว เพราะเราปิดล้อมทุกเส้นทางก่อน หน่วยลาดตระเวนก็มีประสบการณ์ ไม่พลาดง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน จะสังเกตได้ว่า เดี๋ยวนี้แทบไม่มีเหตุการณ์ระเบิดซ้อนแล้ว อย่างไรก็ตามก็ไม่ประมาทครับ ความขัดแย้งที่มีมาเป็นร้อยๆ ปี ไม่ยุติภายใน 5 ปีหรอกครับ ดังนั้นรถที่ติดเครื่องมือเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อป้องกันยาง แต่เพื่อเก็บกวาดเวลาหน่วยลาดตระเวนเจอและเข้าเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วครับ แถมภาพเครื่องกวาดระเบิดหน่วยผมครับ น่าจะเป็นแบบ คคห 10 นะ จากคุณ : vandalism - [ 11 พ.ค. 52 15:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าใช่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าจะช่วยให้ดูแลรักษา ทำความสะอาด ง่ายกว่าแม่เหล็กถาวรหรือเปล่า แล้วราคามันจะถูกกว่าใช้แม่เหล็กนีโอไดเนียมก้อนใหญ่ๆไหมครับ... รถกวาดถนนกวาดตะปูเรือใบไหวไหมครับ ถ้าไหวเอาของ กทม ลงไปช่วยก็ดีนะ แล้วรับคนกวาดถนนเพิ่ม ช่วยแก้ปัญหาคนตกงานได้ด้วย... จากคุณ : mermanoid - [ 11 พ.ค. 52 16:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นรถที่กวาดตะปูเรือใบแล้วคิดถึง วิวัฒนาการ ใบมีดโกน  เลย ต่อไปต้องมี 3 แถวแน่นอน จะได้เกลี้ยงเกลา อุอุ จากคุณ : boycareu - [ 11 พ.ค. 52 19:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 http://www.popsci.com/files/imagecache/article_image_large/files/articles/auto_tire485.jpg จากคุณ : กาแลนท์เขียวเมืองนนท์ - [ 11 พ.ค. 52 20:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 38 ต่างจาก37 อย่างไงครับ จากคุณ : หัวปลาทู - [ 11 พ.ค. 52 21:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 26# แถบยางหล่อลื่นด้วยป่ะ จากคุณ : แมวไม่กินปลา - [ 12 พ.ค. 52 02:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 นี้ก็เป็นผลงานของเจ้าตะปูเรือใบ ในระหว่างการทำข่าวของทีมงานช่อง 5 โดยเข้าไปเต็มๆ ต้องจอดเปลี่ยนยางโดยมี จนท.ให้การดูแล อารักขา จากคุณ : กกร่ม - [ 12 พ.ค. 52 10:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นี้ก็อีกกรณีหนึ่ง ที่รถลาดตระเวน ฮัมวี่ โดยระเบิดแล้วจนท.ประสบปัญหาในการเข้าไปช่วยเหลือ หรือตามล่าตัว เพราะจะเป็นสูตรสำเร็จเมื่อก่อเหตุก็วางตะปูเรือใบ แล้วเผ่นหนี จากคุณ : กกร่ม - [ 12 พ.ค. 52 10:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อทราบ เทคโนโลยีของตะปูเรือใบแล้ว จริงๆแล้วมันก็เป็นตะปูเรือใบอยู่วันยังค่ำ ต่อไปก็มาดูเทคโนโลยี " ยาง " กันบ้างว่าจะสามารถหยุดอำนาจการทะลุทะลวงของ ตะปูเรือใบได้หรือไม่   Run Flat  คือยางแบบ Run Flat Tires เป็นยางที่สามารถจะหมุนไปกับล้อได้โดยไม่มีลม ยางแบบนี้ เริ่มมีผลิตขึ้นมาใช้งานกันในรถยนต์ตลาดทั่วไปเมื่อปี คศ.1994 และติดตั้งอยู่กับรถยนต์ประเภทไฮเฟอร์ฟอร์มเมนซ์ตั้งแต่รถยนต์รุ่นปี คศ.1997 และเป็นยางที่ให้ความมั่นใจกับผู้ใช้รถ โดยเฉพาะในส่วนที่ว่าจะสามารถขับขี่รถยนต์ไปได้อีกไกล ยางรั่วลมออกหมดมากกว่า ไม่ใช่แตกแบบระเบิดที่จะเสียข้างยางที่แข็งกว่ายางปกติไปด้วย แต่สิ่งที่ได้มาด้วยนั้น   อันเป็นผลให้เกิดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงกว่าขึ้นมา จึงมีความพยายามที่จะผลิตยางแบบ Run Flat ที่สามารถจะให้ผลทางด้านแรงต่อต้านการหมุนที่ต่ำ และเหมาะกับรถยนต์แบบน้ำหนักเบา กินน้ำมันน้อย กันขึ้นมาให้ได้ในเวลาต่อมา ข้อดี-สามารถใช้งานได้ดี เมื่อไม่มีลมในยาง หมายถึงลมในยางไม่ได้สูงกว่าลมในบรรยากาศทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไม่ต้องเสียเวลาลงไปเปลี่ยนยาง โดยเฉพาะเวลาฉุกเฉิน หรือสุภาพสตรี จึงให้ความปลอดภัย และให้ความสะดวกใจในการใช้รถยนต์เท่าที่ทราบนะครับ ปัจจุบัน ยาง Run Flat สามารถจะเดินทางได้ไกลถึงประมาณ 50-100 กิโลเมตร ก่อนจะหมดฤทธิ จึงสามารถจะรองรับการเดินทางได้อย่างดีทีเดียวครับ ข้อเสีย-ก็คงมีแค่ราคาที่สูงกว่ายางธรรมดา และความหนัก อันทำให้เกิดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไปบ้างเท่านั้นครับ ตามรูปการทดสอบเปรียบเทียบ จากคุณ : กกร่ม - [ 12 พ.ค. 52 11:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 33 BMW X5 Security  รถยนต์กันกระสุนจาก ค่าย BMW ติดตั้งยางแบบ Run-flat Tyres ด้วยการวิ่งเมื่อยางโดนยิงหรือเหยียบวัตถุเช่นตะปูเรือใบคุณสามารถขับรถได้ถึง 150 กม. ที่ความเร็วถึง 80 กม. / ชม. โดยที่ไม่สูญเสียเสถียรภาพในยานพาหนะ จากคุณ : กกร่ม - [ 12 พ.ค. 52 11:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Mercedes-Benz S 600 Guard ติดตั้งยางแบบ RUN-FLAT ของมิชลิน จากคุณ : กกร่ม - [ 12 พ.ค. 52 12:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 35 นี้ก็รถยนต์หุ้มเกราะ REVA 4x4  ใช้งานในพื้นที่ จชต. ติดตั้ง ยาง RUN FLAT ยางแบนแล้วยังวิ่งต่อไปได้อีก 50 กม. น้ำหนัก ยาง+กระทะล้อ ประมาณ 100 กิโลกรัม ต้องมีรอกตัวเล็ก ช่วยยกขึ้น-ลง เหนือจุดติดตั้งล้ออะไหล่ทั้งสองด้าน จากคุณ : กกร่ม - [ 12 พ.ค. 52 12:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าหยุดปัญหาที่คนโปรยตะปูเรือใบได้ก็คงดีนะ จะได้ไม่มีคนบาดเจ็บล้มตายกันอีก ถึงจะแลกด้วยวิวัฒนาการยานพาหนะไปก็น่าจะคุ้ม จากคุณ : TinyPhoenix - [ 13 พ.ค. 52 01:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใช้ฮอเล็กๆ ติดอาวุธสิครับ ฮอเล็กแบบใช้ได้ ราคาพอๆกับBMw X5ก็มีขายนี่ครับ บินไปเก็บมันถึงที่เลย แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 01:26:51 จากคุณ : O-DED - [ 13 พ.ค. 52 01:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 13 พ.ค. 52 01:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 Mr. Fusion นอนดึกเหมือนผมเลย ขอบคุณกระทู้ดีๆ คุณกกร่ม จากคุณ : anurak_jun - [ 13 พ.ค. 52 04:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ฮ. โดนสอยร่วงได้ง่ายครับ พื้นบางอีก ขนาดนักข่าวขึ้นไปถ่ายรูปทางอากาศ ทหารต้องเอาแผ่นเหล็กมารองพื้นก่อน กระสุนปืนมันยิงทะลุพื้น ฮ ได้ จากคุณ : zoopod - [ 13 พ.ค. 52 04:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ยางที่ลมเติม ก็เพื่อ เพิ่มความนิ่มนวล และ ลดน้ำหนักของยาง ถ้าเราแก้โจทย์สองอย่างไปได้ แต่มีเงื่อนไขคือ ไม่ต้องมีลมยาง ผลก็คือ ยางแบบ non-pneumatic tire (ยางไม่เติมลม) แบบนี้จะวิ่งลุยดงเรือใบก็สบายๆ แถมยังได้ความนิ่มนวล(ในระดับหนึ่ง แต่ทหารคงไม่ต้อง comfort กันมากอยู่แล้วนี่) จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 42 นี่ของเจ้าตลาด มิชลิน ทวีล(Tweel) จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อันนี้ยี่ห้อ Amerityre ใชักับรถยนต์ทั่วไปได้สบายๆ(ยางแก้มเตี้ยซะด้วย) จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จะเป็นเครื่องปัด เครื่องดูด เครื่องกวาด ตะปู ฯลฯ ก็ตาม.....   มีข้อเสียตรงที่ ทำงานได้ที่ความเร็วต่ำ(10 - 15 กม. = คนวิ่งจ๊อกกิ้ง) เมื่อรถยนต์ชลอความเร็วลงก็เป็นเป้าให้ยิงหรือกดระเบิดได้ไม่ยากนัก (ผมเล่นเกมส์ดักแมลง จะมีเครื่องมือทำให้แมลงเดินได้ช้าลง แล้วก็กระหน่ำยิงทั้งฝูง) ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้เลยที่ยางของเรา ไม่ต้องกังวลอะไร เหยียบลุยดงตะปูไปเลย เมื่อจบงานก็ค่อยมาถอนตะปูเอาทีหลังก็ได้ น่าจะใช้งานวนลูปได้ประมาณ  6  - 10 รอบ ถึงค่อยเปลี่ยนใหม่ หรือจะให้เอกชนในไทย จัดสร้างยางแบบ Non-air Tire มาเสนอให้ราชการใช้ก็ได้ ไม่ต้องซื้อของฝรั่ง มหาวิทยาลัยของไทยที่มีหน่วยงานด้าน วัสดุศาสตร์ หรือ พวก โพลิเมอร์สังเคราะห์ ก็น่าจะช่วยๆกันวิจัยหาวัสดุที่ยึดหยุ่น เหนียว คงรูปได้เมื่อเย็นตัว ราคาถูก หล่อเข้าแม่พิมพ์ได้ มาจัดทำเป็นล้อยางแบบนี้นะครับ ผมเชื่อว่าคนไทยถ้าช่วยๆกัน อะไรๆ ต้องดีขึ้นแน่นอน.....อย่ากลัวเสียหน้า หรือ ไมไ่ด้หน้า เสนอผลงานของตัวเองคนเดียว แต่แก้ปัญหาไม่ได้ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หรือจะเป็นล้อแบบนี้ ? จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 การทดสอบการใช้งานแสดงความยืดหยุ่นของยางได้ ไม่น้อยหน้ายางเติมลม จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หรือเอายางเหล็กแบบนี้เลย จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 13 พ.ค. 52 08:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ถเาแก้ที่ยางน่าจะง่ายกว่านำเอาอุปกรณ์มาติด แต่ยางอาจจะน้ำหนักเบาลงหน่อย เพิ่มความหนา แต่ก็น่าจะเป็นแบบไม่ใช้ลมอย่าที่หลายยี่ห้อออกมาทำ จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 13 พ.ค. 52 09:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สงสัยต้องสั่งซื้อ Mi-24 เอาไปถล่มมัน จากคุณ : NATSKI13 - [ 13 พ.ค. 52 09:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นแม่เหล็กที่ใช้แล้วอย่าลืมปัญหาที่ตามมานะครับ เหล็กที่ติดอยู่จะเอามันออกมายังไง โดยเฉพาะชิ้นเล็กๆที่เป็นผงละเอียด เอาออกยากมาก จากคุณ : ชมรมคนรักหมา - [ 13 พ.ค. 52 09:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณ     คุณน้ำปลาเดือนห้าครับ พอดีกำลังว่าจะเอาลงมาให้ชมกัน กับระบบ เทคโนโลยียาง แบบ (Tweel)  ใครมีอะไรก็นำเสนอกันได้ครับ หวังว่ากระทู้นี้ จะเป็นความรู้ทั้งเรื่อง ตะปูเรือใบและยาง   ซึ่งไม่เท่านั้น ผู้ผลิตยาง ก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่จะทำให้ ยางรถ ยนต์ สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องใช้ลมเติมเลย ( Airless Tire ) โดยบริษัท มิชชิลิน กำลังทำการค้นคว้าและอยู่ระหว่างทำการทดลองอยู่ ซี่งหากได้ผลอย่างไรแล้ว เราคงได้เห็นยางแบบนี้ มาวิ่งให้ดูกันอย่างแน่นอน   ระยางแบบ (Tweel)  ที่คลาดว่าน่าจะเป็นต้นแบบในอนาคต แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 10:16:09 จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 09:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ต่อไปมาดู เทคโนโลยียางแบบ Finixx    Finixx New Technology Co.,Ltd. เป็นผู้พัฒนายาง จากความร่วมมือระหว่าง นักวิทยาศาสตร์สวีเดนและนักวิทยาศาสตร์จีน ค้นคว้าวิจัย และทดสอบกว่า 10 ปี จนประสบความสำเร็จเป็นยางนิรภัย Finixx สามารถซ่อมแซมรอยรั่วด้วยตัวเอง (Self Seal Leakage Tyre) Finixx (พีนิกส์) สุดยอดยางสมบูรณ์แบบ ผสานเทคโนโลยี Mix SIS ที่ก้าวล้ำแห่งอนาคต สู่ความอมตะแห่งอนาคต สู่ความอมตแห่งยางที่ไม่มีวันแบน ดุจดังนกอมตะในตำนาน (Phoenix) ที่ไม่มีวันตาย     ด้วยคุณสมบัติที่ไม่รั่วซืม ปลอดภัย ไม่ต้องเปลี่ยนยาง กว่า 60 ปี แห่งประวัติการพัฒนายางรถยนต์ จากยางผ้าใบจนถึงยางเรเดียล ปัจจัยในการเลือกซื้อยาง เน้นไปที่ประสิทธิภาพความปลอดภัยสูง สิ้นเปลืองน้อย และรักษ์สิ่งแวดล้อม ยางนิรภัยจึงเป็นแนวโน้มใหม่ของยางแห่งอนาคต เดิมในอดีต ยางนิรภัยมักถูกเรียกว่า Run-Flat-Tyre หมายถึงยางแบนที่วิ่งต่อไปได้หลังจากที่รั่วซึม ประมาณ 80-200 กม. แล้วต้องเปลี่ยนยาง Finixx ค้นพบและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้กับยางนิรภัย Finixx     ค้นพบและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้กับยางนิรภัยที่ไม่รั่วซึม แม้ถูกของแหลมหรือของมีคมเข้าไปในยาง ด้วยเทคโนโลยี Mix SiS สามารถซ่อมแซมรอยรั่วด้วยตัวเอง(Self Seal Leakage Tyre) ทำให้รถยนต์สามารถวิ่งต่อไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนยาง ช่วยให้คุณประหยัดและรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 10:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ภาพการทำงานปกป้องยางของระบบ Finixx New Technology จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 10:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ต่อไป เทคโนโลยี PAX SYSTEM จุดเริ่มต้นของ RUNFLAT TYRE เริ่มต้นเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เป็นยางแบบพิเศษ ต้องใช้กับกระทะล้อแบบเฉพาะ ไม่สามารถใส่กับกระทะล้อทั่วไปได้ ก่อนจะใส่ยางเข้าไป กระทะล้อจะถูกสวมด้วยแหวนพลาสติกแข็งและหนารัดอยู่โดยรอบ ซึ่งมีน้ำหนักไม่น้อย เป็นการเพิ่มภาระในการหมุน ถ้ายางแบนลง แหวนพลาสติกจะทรุดลงมากดด้านหลังของหน้ายาง ทำให้แก้มยางทรุดตัวลงไม่สุด ขอบกระทะล้อจึงไม่บดลงบนแก้มยาง  ขอบกระทะล้อถูกออกแบบให้บีบกับขอบยางแน่นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันยางหลุดจากกระทะล้อ เวลาขับขณะแรงดันลมยางลดลงมาก ๆ หรือไม่มีลมเลย เนื่องจากต้องใช้กระทะล้อ และยางแบบพิเศษ การผลิต และการถอดใส่จึงต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ซึ่งยุ่งยากและมีราคาแพง แต่ก็ทำงานได้ผลเมื่อยางแตก เพราะแก้มยางจะยุบตัวลงน้อยมาก ภาระการรับน้ำหนักเปลี่ยนไปตกอยู่ที่วงแหวนพลาสติก        ผู้ผลิตระบุว่า เมื่อยางแบนจะสามารถขับต่อไปได้ด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. เป็นระยะทางสูงสุดถึง 200 กิโลเมตร แต่ความนุ่มนวลจะลดลง เพราะไม่มีแรงดันลมช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือน มีเพียงหน้ายางที่ถูกกดโดยตรงจากแหวนพลาสติก ซึ่งหนา แข็ง และไม่มีความยืดหยุ่น         กระทั่งในช่วงต้นปี 2002 นี้เอง ที่ PAX SYSTEM ถูกนำไปติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์เรโนลต์ ซีนิก รุ่นสูงสุด ( ปี 2001 เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้งพิเศษ ) ซึ่งคาดว่าจะมียอดจำหน่ายปีแรกหลายหมื่นคัน ปัจจุบัน มีผู้ผลิตยางรถยนต์ 4 ราย ที่มียาง PAX SYSTEM ในสายการผลิต คือ มิชลิน พิแรลลี กู๊ดเยียร์ และซูมิโตโม (ดันลอป ญี่ปุ่น) โดยคาดว่าตลาดของ PAX SYSTEM จะขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ เพราะราคาแพง และความยุ่งยาก รวมทั้งมีเทคโนโลยีอื่นมาเบียด ซึ่งมีราคาถูกกว่า และใช้งานง่ายกว่า ในรูป Pax System: Michelin’s จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 11:33:59 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ..และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทหารในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้..ทุกคนค่ะ.. จากคุณ : nuanapa - [ 13 พ.ค. 52 11:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เทคโนโลยี PAX SYSTEM ของ  GOODYEAR เรียกว่า EMT – Extended Mobility Technology       GOODYEAR เรียกยางชนิดนี้ ว่ายางแก้มหนา เมื่อยางแบนจะทำงานได้มีดีเท่า PAX SYSTEM เพราะไม่มีแหวนพลาสติกหนารับน้ำหนักแทนลม เป็นการรับน้ำหนักด้วยแก้มยางทั้ง 2 ข้าง แต่ก็ไม่ทำให้รถยนต์เสียการทรงตัว และสามารถขับต่อด้วยความเร็วกกว่า 50 กม./ชม. เป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร   แม้แก้มยางจะถูกออกแบบให้รองรับการขับขณะยางแบนได้ แต่ก็มีขอบเขตจำกัดย่อมดีกว่าแน่ ถ้ารู้ตัวว่ายางแบนแล้ว พยายามขับให้ช้า และระยะทางสั้นที่สุด เพื่อให้แก้มยางบอบช้ำน้อยที่สุด จะได้ปะรูรั่ว แล้วนำกลับมาใช้อีกได้  จะมีคำว่า "EMT" ติดที่แก้มยางชัดเจน จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 11:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เทคโนโลยี PAX SYSTEM ของ BRIDGESTONE เรียกว่า RFT-RUNFLAT TIRE มียางไม่กี่ขนาด แต่ถูกนำไปใช้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ 4 รุ่นจำหน่ายในหลายประเทศ ยางพิเศษแบบนี้ มีจุดด้อยคือขาดความนุ่มนวลในการยืดหยุ่นของแก้มยางจากปกติไปมากพอสมควร   บริดจสโตน มีเทคโนโลยีอื่นนอกจาก RFT-RUNFLAT TIRE ยางไม่มีไส้ใน แต่ใช้แก้มยางแข็ง รับน้ำหนักแทนลมเมื่อยางแบน คือ INTERNAL SUPPORT RUNFLAT SYSTEM คล้าย PAX SYSTEM มีไส้ในเป็นวงแหวนโลหะบางทรงโปร่ง (ต่างจาก PAX ซึ่งเป็นขอบพลาสติกหนา) มีขอบเป็นยาง ใส่เข้าไปล้อมรัดอยู่กับกระทะล้อซ่อนอยู่ในยางด้านนอกอีกทีหนึ่ง (ตามภาพประกอบ) เมื่อลมรั่ว วงแหวนโลหะด้านในจะทรุดกดลง บนด้านหลังของหน้ายาง แก้มยางทรุดตัวลงมานิดเดียวเท่านั้น ขอบกระทะล้อไม่บดลงบนแก้มยาง ขับต่อได้นาน มีจุดด้อยคล้าย PAX SYSTEM คือ ยุ่งยาก และแพง แต่มีจุดที่เด่นกว่า คือ ตัวแหวนโลหะมีน้ำ หนักเบา เพราะบาง ล้อและยางไม่หนักกว่าปกติมาก ไม่เป็นภาระแก่ช่วงล่างมากนัก เมื่อยางแตก การรับน้ำหนักทำได้ดีกว่ายางแก้มแข็ง ขับได้เร็วและไกล กว่า โดยไม่ทำให้ยางเสียหายเพิ่มเติมหลังจากยางแบน คาดว่ายางพิเศษแบบมีไส้แหวนโลหะ INTERNAL SUPPORT RUNFLAT SYSTEM ของบริดจสโตน จะได้รับความนิยมช้าและน้อยกว่า ยางแก้มแข็ง RFT ด้วยเหตุผลเดียวกับ PAX SYSTEM นั่นเอง จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 12:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อยากจะบอกว่า แม่เหล็กมีคุณ ก็มีโทษนะ การดูดมันติดไว้กับตัว ถือว่าเป็นอันตรายครับ ไม่อยากเขียนว่าอันตรายยังไง (ถ้าโจรใต้มาอ่านอาจเอาวิธีผมไปใช้ก็ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่เห็นโจรใต้ทำตามวิธีที่ผมคิด) จากคุณ : นกฮูกผจญภัย - [ 13 พ.ค. 52 12:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จริงๆๆแล้ว ระบบเทคโนโลยีเกี่ยวกับยางยังมีอีกมากมาย ก็ต่อยอดความรู้กันออกไป   จากเรื่องมาถึงเรื่อง เซ็นเซอร์แรงดันลมยาง อุปกรณ์เสริมที่อาจจำเป็น ยางแบบ RUNFLAT TIRE จะทำให้ยางไม่ค่อยยุบตัวลงเมื่อลมรั่วออก ผู้ขับบางคนจึงอาจไม่ทราบว่ายางแบน และขับต่อไปเป็นระยะทางไกลจนยางเสียหาย ผู้ผลิตยางแบบ RUNFLAT TIRE บางราย จึงแก้ปัญหาด้วยการใช้จุกลมแบบพิเศษ มีเซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยางในตัว ทำงานด้วยแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ส่งสัญญาณไปยังมอนิเตอร์ในห้องโดยสาร เพื่อให้ผู้ขับทราบว่า ยางแต่ละเส้นมีแรงดันอยู่ในระดับปกติหรือไม่ ภาพการทำงานของระบบวัด เซ็นเซอร์แรงดันลมยาง รูปล่าง จุกลมยางที่ออกแบบเป็น  เซ็นเซอร์แรงดันลมยาง ไปในตัว มี 3 typical combination type TMPS sensors จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 12:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เกือบลืม ระบบนี้ไป ระบบสุดท้ายแล้ว SSR Type จาก Continental ContiSeal™:The self-sealing standard production tyre from Continental. เป็นระบบยางติดตั้งวัสดุพิเศษที่เรียกว่า Reinforced Sidewall (วัสดุสีส้ม) คุณสมบัตินี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของแก้มยางและปกป้องจากวัสดุที่จะทำร้ายยาง มีความแข็งแรงแต่ก็มีความยืดหยุ่นในตัวสูง   (เหมือนกับรถที่วิ่งทับตะปูแล้วตะปูทิ่มเข้าไป แต่ SSR จะยืดหยุ่นรับแรงของตะปู ) จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 13:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 61 การทำงานของระบบ ContiSeal The self-sealing standard production tyre from Continental. จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 13:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นี้ก็เป็นระบบ เซ็นเซอร์แรงดันลมยาง ของ Continental "Tire pressure control systems from Continental " การทำงาน เมื่อเซ็นเซอร์ ที่ติดตั้งที่ล้อ ทั้ง 4 ตรวจจับแรงดันลมยาง เมื่อเกิดแรงดันลมยางน้อยกว่าค่าที่ตั้งไว้ เซ็นเซอร์ตรวจจับจะส่งข้อมูลมาที่ชุดควบคุม เพื่อทำการประมวลผล แล้วแสดงค่า ที่จอหน้ารถ "Alarm" จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 13:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เหมือนอยู่ในภาวะสงครามเลย เอาใจช่วย เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้อง ด้วย หวังให้ใช้การเมืองยุติความขัดแย้งได้อย่างถาวรครับ จากคุณ : semplice - [ 13 พ.ค. 52 13:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ปิดฉาก เรื่อง ตะปูเรือใบกับยาง ทำให้เรารู้ว่า ? ตะปูเรือใบ >>>>วิธีกำจัดเจ้าตะปูเรือใบ>>>>เมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องฝากความหวังไว้ที่เทคโนโลยี ของยาง >>>>จบ หวังว่าคงได้รับความรู้ไม่มากก็น้อย เรื่องนี้ไม่ใช่แต่ใช้ในเหตุการณ์ในความไม่สงบ ของ 3 จชต แต่ยังนำไปใช้ในชีวิติประจำวันอย่างเราๆ ในการรู้เรื่องรถ เรื่องยางในภาวะที่ยางรั่วในที่ค่ำคืน สำหรับผู้หญิง ลดความสูญเสียเมื่อรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วเกิด ยางระเบิด ก็ยัง Save ชีวิติเราได้ รูปสุดท้ายเทคโนโลยี Run-flat Tyres  จาก ค่ายผู้ผลิตยางต่างๆ จากคุณ : กกร่ม - [ 13 พ.ค. 52 13:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ทำไมถึงมาคิดแก้ปัญหาที่เรื่องยางกัน หรือ  จะสู้กับตะปูเรือใบ อย่างเดียว ถ้าเอาแบบต้องการความรวดเร็ว โดนมุ่งผ่านอย่างเดียว สังกะสี น่าจะเหมาะดี ทำสังกะสีประกบกัน   แบบ ตัวเคลียรางที่รถไฟ มีใช้ ที่ใช้ดันหินหรือสิ่ง ต่างๆ ออกจากราง ผมรู้สึกหงุดหงิดมากที่เห็นข่าว รถฮัมวี่ โดนระเบิด ล้อดีแค่ไหนก็คงทนระเบิดไม่ได้ ก็ยัง งง ตรงที่ว่า  ทำไม เขาถึงยังใช้วิธีการตามคนร้ายแบบเดิมๆ อยู่ ต่างประเทศ  แค่คนขโมยรถแค่คนเดียว  เขาเอา ฮ. ที่มีกล้องอินฟาเรด บินตามไปดูเลย จะหลบเข้าไปอยู่ในบ้าน หรือตรงไหนก็เห็น ฮ. ธรรมดา ไว้ตามจับ หรือ หาที่อยู่คนร้ายก็ไม่พอ ไม่ต้อง ฮ.สงคราม ไปๆ มาๆ ก็จะมาอ้างแบบเดิมว่า  กลัวต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบ เดี๋ยวเสียภาพพจน์ อย่างงั้นอย่างงี้ จะห่วงชีวิตคน หรือ ภาพพจน์ มากกว่ากัน ถึงจะรู้ว่าเรื่องลึกมันจะมีมากกว่านั้น แต่ก็เห็นได้ว่า  ปัญหามันอยู่ตรงไหน ควรแก้อย่างไร แต่ถ้ายังแก้ปัญหาเหมือนเดิมผลก็ออกมาเหมือนเดิม ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่มีความคิดเห็นแบบนี้  แต่ก็รู้สึกอึดอัดจริงๆ จากคุณ : แง่มๆ น้องหมา 2 ปี - [ 13 พ.ค. 52 14:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 66 จับโจรใต้ได้ให้กินตะปูเรือใบด้วย -*- ตัดทุกส่วนให้เหี้ยนก่อนแล้วค่อยตัดคอ โหดเหี้ยมจิงๆ จากคุณ : maikeet - [ 13 พ.ค. 52 17:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ และขอให้สามารถคิดป้องกันได้ก่อนผู้ไม่หวังดี จากคุณ : คุณฉงน (คุณฉงน) - [ 13 พ.ค. 52 18:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คุณความเห็นที่ 65 ครับ มันต้องแยกๆเป็นกรณีๆไปครับ อย่างกรณีที่กล่าวถึงเนี้ย คือรถที่ถูกระเบิดมักจะอยู่ในระหว่างเดินทาง หรือกำลังลาดตระเวณตามเส้นทางอยู่น่ะครับ แต่ที่คุณบอกมันเป็นการไล่ล่าซึ่งก็จะเป็นอีกกรณีนึงครับ หลังจากเกิดเหตุ มักจะมีการเข้าซ้ำ หรือมีดาบสอง หรือมีดอกสองดอกสาม เอาไว้ และยังมีการตัดต้นไม้ขวางทางหน้าหลัง และตามเส้นทางหนีนั้น ก็ยังมีการโรยเรีอใบด้วย เป้าหมายแรกเลยหลังจากที่เกิดเหตุ คือต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ประสพเหตุให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่อโอกาสรอดชีวิตของ ผปสห และติดตามคนร้าย จึงมีสองกรณีครับ 1 การเข้าช่วยเหลือผู้ประสพเหตุ ซึ่งถ้ามี ฮ.สแตนบายด์อยู่อย่างเพียงพอ(ซึ่งเป็นไปไม่ได้) ก็จะสามารถเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว อย่างที่คุณว่าไว้ครับ และอย่างไรทางภาคพื้นก็ต้องหาทางเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็ว โดยวิธีที่กำลังคุยๆกันอยู่นี้ล่ะครับ 2 การติดตามไล่ล่า(ถ้ารู้นะว่าไปทางไหน เพราะส่วนใหญ่ แทบไม่เห็นตัว แถมบางกรณียังไม่เหลือผู้รอดชีวิตจากเหตุที่เกิดด้วยครับ) เพราะฉะนั้นการติดตามไล่ล่า ส่วนใหญ่ก็เป็นการปิดล้อมที่เกิดเหตุ (ถ้ามีฮ.)ก็จะสามารถจะตรวจการ์ณจากทางอากาศ แต่ด้วยพท.ที่เป็นป่ารกทึบ จึงหยากแก่การตรวจการจากบนอากาศครับ ถึงแม้จะมีอุปกรณ์ด้วยมองก็ตามที่  เนื่องจากไม่สามารถแยกแยะใครเป็นใครน่ะครับ อย่างว่าแต่จากทางอากาศเลยครับ จนท.ที่เข้าถึงพท.เกิดเหตุแล้วไปพบ บางคนเป็นคนยิง หรือวางระเบิดเองแท้ๆ แต่มันอาจจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยเหลือในตอนหลัง ทำเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ เข้ามาดูเข้ามาให้ข้อมูลตามประสามันนั้นแล่ะครับ แล้วใครจะบอกได้ครับ ว่าใครเป็นใคร ขอเป็นกำลังใจให้กับ จนท.ที่ปฏิบัติงานในพท. รวมทั้งคนในทพ.ด้วยครับ(อ้าวก็เราด้วยนี่หว่า) จากคุณ : wingboy - [ 13 พ.ค. 52 18:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 69 นอกเรื่องนิด... ถ้าไม่ใช้การกวาดเปิดเส้นทาง แต่เปลี่ยนเป็น... กวาดไปประจัญบานมันเลยล่ะ? ใช้ระบบคล้ายๆกับที่ติดกับรถ แต่เอาไปติดกับจรวดติดตาข่ายแม่เหล็ก ยิง/ปล่อยวิ่งลากเลี่ยพื้นเก็บเรือใบฯจนอยู่ในระยะปลอดภัยแล้วค่อยจุดระเบิด ให้เศษเรือใบกลายเป็นสะเก็ดระเบิดไปในตัว เป็นการป้องกัน+ตอบโต้ไปพร้อมๆกัน จากคุณ : abstract - [ 13 พ.ค. 52 21:15:26 A:124.120.145.180 X: TicketID:071021 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คห.69 ระเบิดมันไม่มีสมอง มันไม่รู้ว่าใครเป็นชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือผู้ร้าย ถึงแม้จะมีการเคลียร์พื้นที่กันคนออกไปแล้ว ระเบิดมันก็สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่อยู่ดี จากคุณ : Mr. SJ - [ 13 พ.ค. 52 21:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ตามเข้ามาอ่าน เลยขออยากแสดงความเห็นและไอเดีย นิดหนึ่งครับ ปัจจุบัน ในรถบรรทุก ทั่วไปแล้ว จะประสบปัญหา การเหยียบตุปู เศษเหล็ก ฯลฯ แล้วทำให้ยางรั่ว ยางแตก ยางระเบิดอยู่เสมอ แต่ทว่า ตอนนี้ บ้านเรามีระบบ เติมลมยางอัตโนมัติ อยู่แล้ว คือ ตอนที่รถวิ่ง จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงดันลมยางว่าอยู่ในค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ หากไม่ถึงค่าที่ตั้งไว้ ระบบ ก็จะเติมลมให้กับยาง เอาไว้กรณี รถไปเหยียบ เศษวัสดุ ที่ทำให้ยางรั่ว ฯลฯ หมายเหตุ   ราคาอุปกรณ์ต่อ 1 ชุดประมาณ แสนกว่าบาท รถบรรทุกบ้านเราจึงไม่นิยมใช้กัน มีแต่ผมนี่แหละ แต่ รถบรรทุกสินค้าอันตรายในมาเลเซีย เขาใช้กันมา 2-3 ปีแล้ว บังคับด้วย ถ้าเทียบกับ ชีวิต จนท ที่อยู่บนรถ 4-8 คน แล้ว ถือว่าราคาถูกมากๆ รถคันนึงสามสี่ล้านบาท มาติดตัวนี้อีกแสนกว่าบาท ตามความเห็นผม ช่วยได้เยอะครับ อีกระบบหนึ่งคือ รถเก๋งใช้กันเรื่องระบบโฟมอุดรูรั่วเมื่อยางแตก ผมว่า ถ้าเอา 2 อย่างนี้มาประสานกันนะ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องตะปูเรือใบได้พอสมควร ปล. จริงๆแล้ว มิชลิน ผลิตยาง ที่ไม่เคยกลัวตะปูเรือใบออกมาจำหน่ายอยู่ แต่ทว่า โดยทั่วไป ไม่ค่อยมีใครรู้จักครับ เป็นยางรุ่นที่เรียกว่า Mitchelin XZM ครับ เส้นนึงเป็นหมื่น ผมเคยประสบปัญหายางแตกประจำ ตอนทำงานไซด์ก่อสร้าง พอเปลี่ยนมาใช้ XZM ยางรถผมไม่เคยรั่วอีกเลย ก็เฉพาะร่องดอกยาง ยังลึกตั้ง 18 มม. หน้ายางหนาปาเข้าไปเกือบ 10 ซม เหยียบตะปูยังไง ก็ไม่รั่วครับ แต่ราคาตอนนั้น ผมซื้อมา เส้นละหมื่นหก 4 เส้น หกหมื่น ในขณะที่ยางทั่วๆไป เส้นละ 2-3 พันบาท เทียบกับชีวิตทหาร 4-6 คน บนรถ เฮ้อ.... ปล.2   ภาคใต้บ้านเรา ที่เจอแล้วแย่ คือระเบิด ที่ทำให้รถหงาย มากกว่าครับ เรื่องยาง นี่เป็นเรื่องรอง ปล.3 ผมเป็นแค่ ตาสี ตาสา ยังมองเรื่องยาง กับตะปูเรือใบ พอจะออก(มีทางแก้) แล้วท่าน เสธ. กองทัพ ทั้งหลาย จะมองไม่ออกเจียวหรือครับ มองออกแน่ๆ แต่ทว่า ท่านทั้งหลายนั้น โฟกัสไปทางอื่นมากกว่า และมองภาพรวม-ภาพย่อย ได้เห็นครบ มากกว่า ผม ที่คอยวิจารณ์ฺทางแป้นพิมพ์ และหน้าจอ ครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 14 พ.ค. 52 00:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สั่งทำยางรุ่นหนาพิเศษก็หมดปัญหาแล้วครับ มันจะจิ้มเข้าไปยังไง จากคุณ : Bongza - [ 14 พ.ค. 52 01:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 พวกโจรนี่มันว่างจังหนอ มีเวลานั่งทำตะปูเรือใบทีละอันๆ เอ หรือมีเครื่องหล่อแบบตะปูเรือใบสำเร็จรูป หรือว่ามีร้านขายส่งตะปูเรือใบ จากคุณ : ทุ่งแสงตะวัน - [ 14 พ.ค. 52 16:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ผมอยากให้เป็นหุ่นยนต์ 2 ตัว วิ่งบนไหล่ทางคนละข้างแล้วลากตาข่ายไปด้วยเหมือนเวลา ลงอวนจริงๆ ก็น่าจะลากไปได้ จากคุณ : <--APART - [ 14 พ.ค. 52 17:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คิดแก้ไม่ออก  จัดประชุมดอกเตอร์ของรัฐทุกคนให้มาหาทางแก้ง่ายกว่านะ ดอกเตอร์ที่หลวงออกทุนให้มีเยอะแยะ จัดประชุมใหญ่ สามเดือนครั้ง หาทางออกดีๆให้ประเทศ น่าจะไม่น่าเกลียด จากคุณ : apadechi - [ 14 พ.ค. 52 22:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า ยุทธวิธีของ กคส.(กลุ่มก่อความไม่สงบ) นั้น ปัจจุบันพัฒนาไปมากครับ การใช้ตะปูเรือใบน้อยลง เดิม >> ใช้ตะปูเรือใบเพื่อให้รถของ จนท. หยุด แล้วเข้าทำการโจมตี หรือ ใช้ขัดขวางรถ จนท. ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ปัจจุบัน >> ใช้ระเบิด หรือการซุ่มโจมตีเพื่อ หยุดรถ จนท. แล้วเข้าโจมตีซ้ำ ตะปูเรือใบ ใช้เพื่อขัดขวางรถ จนท. ที่จะเข้าทำการช่วยเหลือ หรือ อาจใช้เพื่อก่อกวนเล็กๆ น้อยๆ ในลักษณะทดสอบกำลังใจ สมาชิกที่เพิ่งเข้าร่วมกับกลุ่ม ดังนั้น หากแก้ปัญหาเรื่องตะปูเรือใบในปัจจุบันได้นั้น ผลดีที่ตามมาก็มีแน่นอนครับ แต่ว่าลำดับความเร่งด่วนอาจไม่สูงนัก ทั้งนี้ ภายใต้กรอบการแก้ปัญหาเดียวกันคือ การส่งกำลังทหารลงไปทางใต้นั้น เพียงเพื่อคุมสถานการณ์ เพราะการใช้กำลังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างถาวร การแก้ไขปัญหาที่แท้ถาวรกว่าคือ การเอาชนะทางแนวความคิด และดึงมวลชนกลับมาร่วมมือกับ จนท.นะคับ จากคุณ : เก่งกว่าผมตายไปหมดแล้ว - [ 15 พ.ค. 52 10:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 77 กองทัพไทยไม่มีกล้อง infrared หรือกล้องที่ใช้มองตอนกลางคืนเหรอครับ ก็ใช้ตรวจว่ามีใครซุ่มอยู่รึป่าว เพราะถ้ามีระเบิดวางไว้อยู่ก็น่าจะมีคนซุ่มอยู่ด้วยเหมือนกัน หรือไม่ต่อไปก็ทำหอสังเกตุการตลอดเส้นทางหลักๆ ที่ใช้ก็น่าจะช่วยได้นะ กองทัพบกได้งบมากมายมหาศาลไม่น่าจะมีปัญหา จากคุณ : etorys - [ 15 พ.ค. 52 11:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 78 รถ batman สิ จากคุณ : ชนวนกลาง - [ 25 พ.ค. 52 19:24:25 ]