ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้ได้อ่านเรื่องจานบินอีกแล้ว.. ขอบคุณนะคะ จากคุณ : RebmemeR - [ 12 พ.ค. 52 19:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในตอนแรก แม็คไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพบเห็นนั้นเป็นอะไร เขาได้หยิบเศษโลหะสามชิ้นไปให้เพื่อนบ้านที่ไกลออกไป10 ไมล์ได้ดู เพื่อนบ้านแนะนำว่าให้ไปหานายอำเภอจอร์จ เอ. วิลค๊อกซ์และเอาเจ้าสิ่งนี้ให้นายอำเภอดูด้วย ตอนแรก นายอำเภอไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก ได้แนะนำให้แม็คโทรศัพท์ติดต่อกองบินทหารอากาศรอสเวลล์และเมื่อแม๊คทำตามไม่นาน กองบินทหารได้ส่งทหารอากาศสองนายและพลเรือนนายหนึ่ง ซึ่งบอกกับแม๊คว่า เป็นสมาชิกหน่วยต่อต้านข่าวกรองของกองทัพนายทหารที่มานั้นต่อมาทราบชื่อว่า นาวาอากาศตรี เจสส์ เอ.มาร์เซล อีกคนหนึ่งคือ นาวาเอกวิลเลี่ยม บลันชาร์ด ซึ่งเป็นผู้บังชาการฝูงบินที่ 509 นั่นเอง เศษชิ้นส่วนประหลาดที่พบบริเวณจานบินตกที่รอสเวลล์ทั้งหมดไปยังฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งถึงจุดหมายเป็นช่วงเวลาเย็น จึงต้องพักค้างแรมกันที่นั่น จนรุ่งเช้า แม๊ค ก็พาทุกคนไปยังจุดที่จานบินตก และทุกคนก็ตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็น นาวาอากาศตรีมาร์เซล ได้กล่าวว่า เศษโลหะและวัตถุดังกล่าว กระจัดกระจายเกลื่อนกลาด มันประหลาดมาก ไม่เคยพบที่ใดมาก่อน ส่วนใหญ่จะบางเท่ากระดาษหสังสือพิมพ์แต่เหนียว ทนทานมาก เขาใช้ค้อนทุบ ใช้ไฟเผา หักงอ เพียงครู่เดียวกันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และทุกคนก็ช่วยกันเก็บเศษโลหะดังกล่าวใส่รถจี๊บและลำเลียงไปยังใจกลางเมืองรอสเวลล์ การต่อมาปรากฎว่า กองทัพอากาศสหรัฐและนาวาอากาศตรีเจสส์ มาร์เซล ออกข่าวว่าเศษโลหะดังกล่าวเป็นเพียงเศษซากบัลลูนตรวจอากาศที่ตกลงมาเท่านั้น พลอากาศจัตวางโรเจอร์ เรมีย์ ได้ปฎิเสธช่าวว่า ไม่มีการลำเลียงเศษซากจานบินออกมาจากพื้นที่แต่ประกาศใดแต่หลังจากการเปิดเผยของนาวอากาศตรีเจสส์ มาร์เซลเมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า มีการลำเลียงเศษซากจานบินไปทางเครื่องบิน และมีพยานหลายคนที่รู้เห็น เช่น สแตนตัน ฟรีดแมน ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์และนิวเคลียร์ซึ่งพลอากาศจัตวาโรเจอร์ เรมีย์ สั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบ นาวาอากาศตรี เจสส์ มาร์เซล ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่กี่ปีมานี่ว่า ทุกอย่างที่กองทัพอากาศสหรัฐออกแถลงการว่าที่เห็นเป็นเพียงซากบัลลูนนั้น เป็นการสร้างละครลวงตาสื่อมวลชนทั้งสิ้น มาร์เซลกล่าวว่า ซากกระจัดกระจายมีขนาดใหญ่กว้างมาก ซึ่งมากกว่าที่จะเป็นซากบัลลูนตกหลายเท่า จากการเปิดเผยของนาวาอากาศตรี เจสส์ มาร์เซล ทำให้องค์การต่าง ๆ รวมทั้งนักค้นคว้าจานบิน เห็นสมควรว่า น่าจะมีการรื้อฟื้นสอบสวนเรื่องจานบินตกที่รอสเวลล์ เมื่อปี 1947 ใหม่ เพราะหลายคนเชื่อว่า มีจานบินตกจริงที่ฟาร์มของ แม๊ค บราเซล นาวาอากาศตรีมาร์เซล จัดแถลงข่าวให้ผู้สื่อข่าวดู หลังจากวันที่มียานตก และชี้แจงว่าเป็นเพียงเศษซากบอลลูน ภาพจาก www.legendsofamerica.com จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 19:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลำดับเหตุการณ์ที่รอสเวลล์ กรกฎาคม 1947 มีจานบินปรากฎเหนือน่านฟ้านิวเม็กซิโก มีการติดตามด้วยเรดาร์ที่ศูนย์เรดาร์ในรอสเวลล์ที่ไวท์แซนด์ และอาลาโมกอร์โด จานบินดังกล่าวบินเร็วมาก ซึ่งยืนยันได้ว่า ขณะนั้นไม่มีเครื่องบินต่าง ๆ ในบริเวณนั้นแต่อย่างใด 4 กรกฎาคม 1947 กลางคืน ประมาณ 4-5 ทุ่มมีฝนฟ้าคะนอง มีพยานหลายคนพบเห็นลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้า ศูนย์เรดาร์สามารถจับวัตถุบินประหลาดได้และร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว 5 กรกฏาคม 1947 แม็ค บราเซลกับลูกชายชื่อวิลเลี่ยม ดี. พร็อคเตอร์ ได้ขี่ม้าออกสำรวจฟาร์มปศุสัตว์ และพบเห็นซากโลหะประหลาดตกลงมาในไร่ กระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง 6-7 กรกฎาคม 1947 กองทัพอากาศของสหรัฐประจำรอสเวลล์ ก็มาถึงรวมถึงนาวาอากาศตรีเจสส์ มาร์เซลด้วย มีการรขึงเชือกกันบริเวณไม่ให้ใครเข้าใกล้ กล่าวกันว่าเพียงสองชั่วโมง ทหารก็เก็บซากโลหะประหลาดออกไปและที่สำคัญ มีพยานเห็นทหารนำศพมนุษย์ประหลาดออกจากซากจานบินตกด้วย และทุกอย่างก็ถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด 8 กรกฎาคม 1947 - นาวาเอกวิลเลี่ยม บลันชาร์ด เมื่อทราบข่าว ได้สั่งให้วางกำลังรายล้อมคอกปศุสัตว์โดยด่วน - แม๊ค บราเซล ถูกสอบหนัก พร้อมทั้งถูกข่มชู่จากนายทหาร - บ่าย 2 โมง สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวด่วนว่า กองทัพอากาศสหรัฐพบจานบินตกที่รอสเวลล์ - ทั่วโลกเริ่มประโคมข่าว - นาวาอากาศตรี อี เอ็ม เคอร์ตัน ให้ออกข่าวว่า ซากที่พบเป็นเพียงซากบัลลูนตรวจอากาศ - ทั้งพลอากาศจัตวาโรเจอร์ เรมีย์ และ เจสส์ มาร์เซล ออกข่าวและถ่ายภาพกับซากประปลาด และกล่าวว่า ซากดังกล่าวตรวจสอบแล้วเป็นซากบัลลูนตรวจอากาศเท่านั้น - แม๊ค บราเซล ยังคงถูกคุมตัวในเมืองรอสเวลล์ - เกลนน์ เดนนิส สัปเร่อ ในรอสเวลล์ ได้ถูกนายทหารนายหนึ่งโทรศัพท์สอบถามถึงการเตรียม โลงศพขนาดเล็ก และการรักษาศพโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำยาเคมี เกลนน์ เล่าว่าทีแรกนึกว่าบุคคลสำคัญ เสียชีวิต แต่ยังไม่อยากเปิดเผย ภาพสเก็ตของสิ่งมีชีวิตที่พยาบาลเพื่อนของเกลนน์ เดนนิส เห็น แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 19:34:46 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 19:33:24 จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 19:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ได้มาปาดครับ มารออ่านต่อ จากคุณ : cybervam - [ 12 พ.ค. 52 19:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มารออ่านต่อ..ลุ้นๆ จากคุณ : KapomMan - [ 12 พ.ค. 52 19:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 9 กรกฎาคม 1947 พยาบาลนางหนึ่งในโรงพยาบาลกองบิน บอกกับเกลนน์ เดนนิสว่า หล่อนเป็นศพมนุษย์ต่างดาว และเขียนภาพให้เกลนน์ดูด้วย 11 กรกฎาคม 1947 เกลนน์ เดนนิส โทรศัพท์ไปหาเพื่อนพยาบาลคนเดิมเพื่อซักถามบางประการ ปรากฎว่า ทางโรงพยาบาลบอกว่า เธอย้ายออกจากโรงพยาบาล และไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ใด 15 กรกฎาคม 1947 แม็ก บราเซลกลับบ้าน ปลายเดือน กรกฎาคม 1947 ไม่มีใครคาดคิด แม็ค บราเซล เปิดเผยเหตุการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์อย่างเปิดอกและกล่าวว่า ตนถูกกองทัพข่มขู่อยางขมขื่นมาก กันยายน 1947 นางพยาบาลเพื่อนของ เกลนน์ เดนนิส ถูกฆ่าตายปริศนาที่กรุงลอนตอน ประเทศอังกฤษ ปี 1969 จ่าอากาศเมลวิน อี. บราวน์ เปิดเผยว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยปกปิดความลับที่รอสเวลล์ และยังเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยนำศพมนุษย์ต่างดาวไปยังโรงพยาบาลที่รอสเวลล์ ปี 1978 เจสส์ มาร์เซลและอีกหลายคนออกมาเปิดเผยความจริงว่า ซากดังกล่าวไม่ใช่บัลลูนแน่นอน ปี 1980 ชาร์ลส์ เบอร์ลิตช์ และ ลิลเลี่ยม แอล.มัว ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ The Roswell Incident โด่งดังไปทั่วโลก ปี 1989 ศูนย์ค้นคว้าวิจัยจานบิน ของ ดร.เจ อัลเลน ไฮเน็ค ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจบริเวณที่พบซากจานบิน ปี 1991 เอวอน บุ๊ค สำเสนอเรื่อง จานบินตกที่รอสเวลล์ เผยแพร่ไปทั่วโลก โดยรวบรวม พยานกว่า 300 คนในสมัยนั้นมาเปิดเผย ทำให้เป็นที่สนใจทั่วโลก ในปี 2005 นักหนังสือพิมพ์ ลินดา โฮว์ ได้รับข้อมูลจาก Project Serpo เกี่ยวกับเหตุการณ์รอสเวลล์ว่ามีจานบินตกถึงสองลํา ซึ่งผมจะกล่าวถึงใน คคห.ต่อๆไป จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 19:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รออ่านด้วย จากคุณ : คุณฉงน (คุณฉงน) - [ 12 พ.ค. 52 19:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โลงงงงงงงงงชื่อออออออออออออออออ จากคุณ : sem-pe (sem-pe) - [ 12 พ.ค. 52 19:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในเช้าตรู่ของวันที่ 5 กรกฏาคม 1947 แม็ค บราเซล เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ในโคโรนา เขตนิวเม็กซิโก ได้เปิดเผยว่า เมื่อเขาเดินทางไปถึงใจกลางไร่ ได้พบเศษโลหะกระจายเกลื่อนกลาดดูราวกับมีบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่มากตกลงมาจากท้องฟ้า สังเกตได้ว่าเศษเหล็กหรือโลหะกระจายเป็นอาณาบริเวณกว้างราว 300 ฟุต และยาวราว 3 ไมล์ ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้านั้น มีทั้งที่เป็นลวดชิ้นเล็ก ๆ และเป็นแผ่นโลหะบางเบาแต่เหนียวและทนมาก สามารถพับไปพับมาได้ราวกับเป็นแผ่นกระดาษ นอกจากนั้น ยังมีเศษโลหะที่ค้ายกับกระดาษฟอยล์สีตะกั่วกระจายทั่วไป ในตอนแรก เขาไม่ทราบว่าสิ่งที่เขาพบเห็นเป็นอะไร เขาได้หยิบเอาตัวอย่างเศษโลหะสามชิ้นไปให้เพื่อนบ้านที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเขาสิบไมล์ได้ดู ปรากฏว่า เพื่อนบ้านต่างก็แนะนำให้เขานำเข้าไปในเมืองรอสเวลล์ ซึ่งเขาได้ปฏิบัติตาม โดยได้นำไปให้จอร์จ เอ. วิลค็อกซ์นายอำเภอ รอสเวลล์ได้พิจารณาดู ซึ่งตอนแรกนายอำเภอไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก เขาได้แนะนำแม็คให้โทรศัพท์ติดต่อไปยังกองบินทหารอากาศรอสเวลล์ดูจะเหมาะสมกว่า ทันใดนั้นทางกองบินได้ส่งทหารมายังที่ว่าการของนายอำเภอ และรับหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบทันที โดยเป็นนายทหารอากาศสองนายและพลเรือนคนหนึ่ง ซึ่งได้แสดงตัวเป็นสมาชิกหน่วยต่อต้านข่าวกรองของกองทัพ พวกเขาเดินทางไปถึงจุดหมายดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเย็น จึงจำเป็นต้องพักค้างคืนที่กระท่อมเล็ก ๆ ซึ่งไม่มีทั้งไฟฟ้าและน้ำ จวบจนกระทั่งรุ่งเช้าจึงได้เดินทางไปยังบริเวณที่แม็ค บราเซลอ้างว่าพบเศษโลหะประหลาดกระจายเกลื่อนกลาด ซึ่งต่อมานาวาอากาศตรีมาร์เซลได้กล่าวว่า เศษโลหะและวัตถุประหลาดต่าง ๆ นั้น เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน มีลักษณะเบา เท่ากับกระดาษหนังสือพิมพ์ เบาราวกับขนนก แต่เหนียว ทนทานมาก ใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบให้เป็นรอย แต่เพียงเสี้ยววินาที ก็คืนรูปเดิม เผาไฟก็ไม่ลุกไหม้ ต่อมานาวาอากาศตรีเจสส์ เอ. มาร์เซล และตัวแทนจากหน่วยสืบรายการลับซ้อน ได้ช่วยกันเก็บเอาเศษโลหะใส่รถจี๊ปขนาดเล็ก กว่าจะหมดก็ใช้เวลาค่อนวันเลยทีเดียว จากนั้นก็ลำเลียงต่อไปยังรอสเวลล์ ส่วนแม็ค ขอแยกตัวเข้าไร่ปศุสัตว์อีกระยะหนึ่ง ช่วงระหว่างทางที่มุ่งไปสู่กองบิน นาวอากาศตรีเจสส์ได้แวะที่บ้าน และได้นำเศษโลหะประหลาดหลายชิ้นไปอวดภรรยาและบุตรชาย เนื่องจากเห็นว่าเป็นของแปลกและไม่มีใครพบเห็นมาก่อน เขาต้องการให้ภรรยาและบุตรชายได้เห็นเป็นบุญตาก่อนทีใครบางคนจะแย่งไปเก็บไว้โดยอ้างว่าเป็นเรื่องลับสุดยอด บุตรขายของนาวาอากาศตรีเจสส์นึกขึ้นได้ในภายหลังว่า เศษโลหะรูปตัวไอหลายชิ้นมีรอยแกะสลักเป็นภาษาเขียนประหลาดที่ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์ในโลก แม็ค บราเซล จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 19:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 และปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : sem-pe (sem-pe) - [ 12 พ.ค. 52 19:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปาดสักนิด เป็นบุญแก่ผู้ปาด จากคุณ : GT4Max - [ 12 พ.ค. 52 20:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หากพิจารณาอีกในลักษณะหนึ่ง ภาษานั้นเป็นสัญลักษณ์คล้ายคลึงกับรูปร่างเรขาคณิตมากกว่าที่จะเป็นภาษาใด ๆ ตกตอนเย็นเขายังนั่งดูเศษโลหะบางส่วนที่วางเต็มโต๊ะอาหาร พินิจพิเคราะห์อย่างใกล้ชิด ในวันต่อมาเรืออากาศโทวอลเตอร์ โฮท เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์แห่งกองบินทหารอากาศรอสเวลล์ ได้ให้ช่าวจนทำให้ชาวโลกตื่นตระลึงและสนใจเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวว่า เขาไม่มีโอกาสเห็นซากหรือบริเวณดังกล่าว แต่เชื่อว่าคงมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ่อย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคืออะไร ต่อจากนั้นนาวาอากาศตรีเจสส์ได้รับคำสั่งให้นำซากโลหะประหลาดไปยังกองบัญชาการกองบินทหารอากาศหน่วยที่แปดที่ฟอร์ทเวิร์ธ ทันที่ที่เครื่องบินจอดก็มีกำลังทหารติดอาวุธกระจายกำลังล้อมรอบ และได้ลำเลียงเศษซากโลหะประหลาดขึ้นไปยังเครื่องบินอีกลำหนึ่ง เพื่อส่งต่อไปยังศูนย์ข่าวกรองเกี่ยวกับเทคนิคทางอากาศ ที่กองบินทหารอากาศไรท์ฟิลด์ ส่วนกัปตันและลูกเรือเครื่องบินที่บินมาจากกองบินทหารอากาศรอสเวลล์ ได้รับคำสั่งให้บินกลับไปยังกองบิน และให้ลืมเรื่องดังกล่าวที่ได้พบเห็นโดยสิ้นเชิง ข่าวจากหนังสือพิมพ์กว่าสิบสองสำนักพิมพ์ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวันที่ 9 และวันที่ 10 กรกฎาคม ปี 1947 รายงานว่า พลอากาศจัตวาโรเจอร์ เรมีย์ ผู้บัญชาการกองบินทหารอากาศที่ 8 และนายทหารผู้ใกล้ชิด ได้เปิดเผยว่า ซากเศษโลหะดังกล่าวนั้นเป็นซากบอลลูนตรวจอากาศที่ตกลงมายังพื้นโลก เมื่อปี 2007 นาวาอากาศตรีเจสส์ เอ. มาร์เซล เปิดเผยว่ามีจานบินตกจริง และไม่ใช่สิ่งที่สร้างบนโลกเราแน่นอน จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องราวกลับประหลาดยิ่งขึ้นเมื่อชายคนหนึ่ง ชื่อเกรดีย์ แอล บาร์นีย์ บาร์เนตต์ ได้กล่าวอ้างว่าเขาได้พบซากเศษโลหะของจานบินอีกลำหนึ่ง ขณะนั้นเขากำลังทำงานอยู่ในบริเวณใกล้ที่ราบซานอกุสติน ซึ่งชาวบ้านในแถบนั้น เรียกว่า "ที่ราบไร้วิญญาณ" เป็นที่น่าสังเกตว่า บริเวณดังกล่าวนี้ห่างจากไร่ปศุสัตว์ของแม็ค ประมาณ 120 ไมล์ ไม่เพียงแต่บาร์เนตต์เท่านั้นที่พบเห็นจานบิน บังเอิญนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งขับรถผ่านมาพอดี ซึ่งบาร์เนตก็ลืมถามว่าพวกเขามาจากมหาวิทยาลัยใด สิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาได้เห็นศพมนุษย์ประหลาดนอนตายอยู่รอบ ๆ จานบินด้วย ต่อมาบาร์เนตต์ได้อธิบายว่า ศพมนุษย์ประหลาดนั้นรูปร่างคล้ายสัตว์ตัวเล็ก แต่มีศีรษะใหญ่คล้ายรูปผลแพร์ แขนและขาผอมมาก และที่น่าสังเกตุก็คือไม่มีขน ศพทั้งหมดสวมชุดคล้ายเกราะเหล็กสีเทา ได้สัดส่วนพอเหมาะ เป็นชุดที่ไม่มีกระดุมและซิป ต่อมาทหารก็มาถึง พวกเขาสั่งให้บาร์เตต์และกลุ่มนักโบราณคดีถอยห่างออกไปจากยานบินลำนั้น และนายทหารที่เป็นหัวหน้าได้กำชับว่ามันเป็นหน้าที่ที่ทหารต้องรับผิดชอบ และห้ามทุกคนนำเรื่องที่พบเห็นไปบอกใครเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะเดือนร้อน ให้ลืมเรื่องดังกล่าวให้หมด บาร์เนตต์จึงจำเป็นต้องปกปิดเรื่องที่พบเห็นเป็นความลับไม่แพร่งพรายให้ใครรู้แม้แต่ภรรยา ญาติมิตร หรือแม้กระทั่งผู้บังคับบัญชา ในปี 1978 นักค้นคว้าจานบินหลายคนลงความเห็นว่า ซากโลหะประหลาดที่แม็ค บราเซลพบมีความเกี่ยวพันกับยานอวกาศและศพมนุษย์ต่างพิภพที่บาร์เนตต์พบอีกแห่งหนึ่งแน่นอน ซึ่งเขาได้สันนิษฐานว่ายานตกลงมาต่างหาก ส่วนมนุษย์ต่างดาวคงดีดตัวออกมาจากตัวยานก่อนจะลงมาถึงพื้นโลก หรืออาจเสียชีวิตเนื่องจากหนีออกจากห้องที่แยกออกจากตัวยานไม่สำเร็จ และบริเวณที่ยานลำนั้นตกลงมาคงอยู่ใกล้ที่ราบซานอกุสติน สตริงฟิลด์ยังได้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการปิดข่าวเกี่ยวกับศพมนุษย์ต่างดาวอีก นั่นคือ นอร์มา การ์ดเนอร์ ซึ่งเคยทำงานเป็นพนักงานพิมพ์ดีดกับฝ่ายแลกเปลี่ยนเอกสารลับสุดยอดที่กองบินทหารอากาศไรท์ แพตเตอร์สัน หน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายอย่างหนึ่งคือ พิมพ์รายงานชันสูตรศพมนุษย์ต่างดาวรายหนึ่ง นั่นก็แสดงว่ามีการพบศพมนุษย์ต่างดาวจริง แต่ก็น่าคิดว่าเพราะเหตุใดฝ่ายทหารจึงปกปิดเป็นความลับ จุดที่จานบินตกทั้งสองจุด แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 20:09:19 จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ย้อนกลับไปก่อนปี ค.ศ.1947 เมืองรอสเวลล์ในขณะนั้นเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆในทะเลทรายแวดล้อมไปด้วยพื้นที่รกร้างและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ยาวสุดลูกหูลูกตา ทางทิศใต้ของเมืองเป็นที่ตั้งของสนามบินกองทัพอากาศรอสเวลล์อันเป็นฐานของหน่วยทิ้งระเบิดที่ 509 หน่วยรบพิเศษเพียงหน่วยเดียวของโลก (ในขณะนั้น) ที่ถูกฝึกให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการรบด้วยระเบิดนิวเคลียร์ นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่สมควรกล่าวถึงไว้ด้วยก็คือในปี ค.ศ.1947เป็นปีที่มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นจนต้องบันทึกไว ้ในประวัติศาสตร์ ด้วยมี UFO พาเหรดมาให้ผู้คนได้ยลโฉมมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมา ก่อน วันหนึ่งในอาทิตย์แรกของเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 1947 นาวาอากาศตรี เจสซี่ มาร์เซล ก็เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับเก็บตัวอย่างช ิ้นส่วนไปตรวจสอบ ที่ดินของบราเซิลถูกกองทัพอากาศปิดกั้น ต่อจากนั้นอีกหลายวัน ชิ้นส่วนที่หลงเหลือทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่นำกลับไปยังฐานทัพอากาศรอสเวลล์ และส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของกองทัพอากาศที่ฟอร์ท เวิร์ธ, รัฐเท็กซัส ในที่สุด นาวาอากาศตรี เจสซี่ มาร์เซล ตรวจสอบพบว่าชิ้นส่วนที่ได้จากบราเซิลเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติแปลกประหลาดที่เขาไม่เคยพบมาก่อน เช่น - แผ่นวัสดุที่ทั้งเบาและบางคล้ายแผ่นฟอยล์ แต่มีความแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดเพราะมันไม่ฉีกขาด รวมทั้งไม่ปรากฏริ้วรอยใด ๆ แม้จะลองใช้ค้อนทุบ - หรือแท่งวัสดุคล้ายไม้แต่ก็ไม่ใช่ไม้เลยทีเดียว ชิ้นใหญ่ที่สุดมีความยาว 3-4 ฟุต แท่งวัสดุเหล่านี้มีอักษรที่ไม่สามารถเข้าใจได้ปรากฏอยู่ ซึ่งมาร์เซลเรียกมันว่า “เฮียโรกลิฟฟิค” - และสุดท้ายเป็นแผ่นวัสดุคล้ายแผ่นหนังจารึกอักษรเฮีย โรกลิฟฟิคไว้เช่นกัน  เศษชิ้นส่วนทั้ง 3 แบบนี้มีคุณสมบัติร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งคือไม่ไหม้ไฟ และด้วยคุณสมบัติประหลาดเหล่านี้นี่เองที่ทำให้มาร์เซลลงความเห็นว่าเศษซากชิ้นส่วนที่พบบนที่ดินของกสิกร บราเซิล เป็นวัตถุที่มาจากนอกโลก! อักษรลึกลับบนวัสดุที่ตกที่รอสเวลล์ จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 วันที่ 8 กรกฎาคม 1947 น.อ. วิลเลียม บลังชาร์ด ผู้บัญชาการหน่วยทิ้งระเบิดที่ 509 ก็ได้ออกแถลงการณ์ช็อคโลกอันสืบเนื่องมาจากผลการตรวจ สอบของ น.ต. เจสซี่ มาร์เซล ว่ากองทัพอากาศสามารถกู้ซากจานบินมนุษย์ต่างดาว หรือ Ufo ได้จากทุ่งหญ้าของกสิกรคนหนึ่งที่เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก แถลงการณ์ที่ออกโดยฐานทัพอากาศรอสเวลล์ได้ถูกถ่ายทอด โดยหนังสือพิมพ์และวิทยุไปทั่วประเทศอย่างรวดเร ็ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าในห้วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังใจจดใจจ่อกับการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องของ Ufo ข่าวดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดการตื่นเต้นขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถค้นพบซากจานบินมนุษย์ต่างดาว และอารยธรรมจากนอกโลกกำลังจะถูกเปิดเผย ทว่า ในเช้าวันรุ่งขึ้นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้กลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิงเมื่อมีแถลงการณ์ฉบับใหม่ของกองทัพอากาศ ที่ฟอร์ท เวิร์ธ รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นที่ที่ซาก “ufo” จากรอสเวลล์ถูกนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่าแถลงการณ์ฉบับ แรกเป็นเพียงความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ จริง ๆ แล้วไม่มี Ufo ตกที่เมืองรอสเวลล์แต่อย่างใด ซากที่ค้นพบเป็นเพียงซากของบอลลูนตรวจสภาพอากาศธรรมดาเท่านั้น แน่นอนว่าความขัดแย้งกันของแถลงการณ์ทั้ง 2 ฉบับย่อมทำให้เกิดความสับสนขึ้นกับประชาชนโดยทั ่วไป แต่ส่วนใหญ่ก็เชื่อในแถลงการณ์ฉบับที่ 2 และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความห้าแต้มของกอง ทัพอากาศสหรัฐ วัสดุลึกลับที่พบบริเวณยานตก จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นับจากวันนั้น เหตุการณ์ Ufo ตกที่รอสเวลล์ก็ค่อย ๆ จางหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ และความสนใจของ กาลเวลาผ่านเนิ่นนานไปถึง 30 ปี จนกระทั่งในปลายทศวรรษที่ 1970 พยานคนสำคัญ เจสซี่ มาร์เซล หลังจากเกษียณอายุราชการ และด้วยความคับแค้นใจที่ต้องตกเป็นแพะรับบาป ถูกกล่าวหาว่าตรวจสอบซากชิ้นส่วนที่พบที่รอสเวลล์ผิดพลาด ก็ได้ตัดสินใจเปิดเผยความจริงกับสาธารณชนเป็นครั้งแรก เกี่ยวกับคุณสมบัติแปลกประหลาดของชิ้นส่วนที่เขาพบ ตลอดจนเรื่องราวในแง่มุมต่าง ๆ ของเหตุการณ์ที่รอสเวลล์ การเปิดเผยของเขาในครั้งนี้ก่อให้เกิดความตื่นตัวในเ หตุการณ์ที่รอสเวลล์ขึ้นมาอีกครั้ง พยานหลักฐานต่างๆ ได้ถูกสืบค้นอย่างจริงจังโดยนักค้นคว้าผู้สนใจ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะพยานส่วนใหญ่ต่างพากันปิดปากเงียบด้วยกลัวคำขู่ ถึงขั้นเอาชีวิตจากทางการหากแพร่งพรายเรื่องราวความเป็นจริงที่พวกเขาพบเห็นออกไป โดยเฉพาะ แม็ค บราเซิล ดูจะอาการหนักกว่าเพื่อน เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยตราบจนกระทั่งถึงวันตายของเขาในปี ค.ศ. 1963 ถึงกระนั้น การสืบค้นก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ จนในที่สุดก็มีแนวโน้มพอที่จะเชื่อได้ว่าแถลงการณ์คร ั้งแรกของเจ้าหน้าที่ฐานทัพอากาศรอสเวลล์น่าจะเป็นความจริง ส่วนแถลงการณ์ฉบับที่ ๒ ของกองทัพอากาศที่ออก ณ ฟอร์ท เวิร์ธ เป็นแถลงการณ์ที่ถูก “กุ” ขึ้นเพื่อปิดบังไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจ ริง นอกเหนือไปจากเรื่องเศษซากชิ้นส่วนที่พบบนที่ดินของแม็ค บราเซิล แล้ว พยานบางคนยังให้การถึง “แหล่งตกที่ 2” ที่ซึ่งซากจานบินลำเดียวกับที่โปรยเศษชิ้นส่วนลงบนทุ่งหญ้าของบราเซิลพบจุดจบตกลง สถานที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าอยู่ไม่ห่างจากแหล่งที่พบ ซากชิ้นส่วนแห่งแรกมากนัก โดยกองทัพอากาศสหรัฐค้นพบและปกปิดเป็นความลับ มีการกล่าวอ้างด้วยว่าพบซากศพมนุษย์ต่างดาวจำนวน 2-3 ร่างติดอยู่ในซากจานบินดังกล่าว และนำมาผ่าตัดชันสูตรโดยคณะแพทย์ฐานทัพอากาศรอสเวลล์ อย่างไรก็ตาม การสืบหาพยานสำคัญในเรื่องนี้ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะนางพยาบาลที่มีผู้ยืนยันว่าร่วมอยู่ในทีมชันสูตรศพและเคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้กับคนใกล้ชิดประจำสนามบินกองทัพอากาศรอสเวลล์ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิหนำซ้ำประวัติของเธอรวมทั้งเพื่อนพยาบาลคนอื่นๆ ที่เคยทำงานด้วยกันที่รอสเวลล์ ในปี ค.ศ. 1947 ก็อันตรธานไปจากบันทึกของกองทัพอากาศอย่างลึกลับอีกด้วย อักษรที่ยังลึกลับจนทุกวันนี้ จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบๆ ค่ะแนวๆ จานบินเนี่ย คุณMr.Terran จากคุณ : iamnid - [ 12 พ.ค. 52 20:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องราวของฟิล์มของการผ่าตัดมนุษย์ต่าวเริ่มขึ้นในปี 1992 เมื่อผู้สร้างภาพยนตร์ เรย์ ซานติลีกำลังค้นหาฟุตเตจของเอลวิส เพรสลี่ย์เพื่อประกอบสารคดีที่เขากำลังจัดทำอยู่ แหล่งข้อมูลที่เขาติดต่อด้วยในอเมริกา กลับเสนอสิ่งที่เหลือเชื่อมากๆให้เขา ชายคนนี้บอกว่าเขามีฟิล์มขาวดำขนาด 16 มม.กว่า 20 ม้วน ที่เขาถ่ายให้กองทัพในช่วงปลายยุค 40 ถึงต้นยุค 50 เป็นภาพเกี่ยวกับการผ่าตัดซากของมนุษย์ต่างดาวที่ช่างภาพเรียกว่า "ตัวประหลาดดำ" แล้วยังมีภาพของสิ่งที่น่าจะเป็น "ซากของยานอวกาศ" ที่ถูกบันทึกภาพไว้ ซานติลีอ้างว่าเขาซื้อฟิล์มเหล่านี้ไว้หมดแต่เก็บเงียบไว้จนกระทั่งปี 1995 ปรากฏว่า ซานติลีประกาศจะแสดงภาพยนตร์ชุดนี้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งลอนดอนในวันที่ 5 พฤษภาคม 1995 ให้กับผู้สื่อข่าว และผู้สนใจเรื่องยูโฟ ผลลัพธ์ออกมาก้ำกึ่ง หลายคนพบว่าสิ่งที่เขาได้ดูยากจะเชื่อถือได้ แม้ว่าจะมีข่าวลือของภาพยนตร์ชุดนี้เป็นของปลอม สิทธิของภาพยนตร์ชุดนี้ก็ถูกขายโดยบริษัทของซานติลี ให้กับเมอร์ลินกรุ๊ป เพื่อเผยแพร่ทางโทรทัศน์ไปทั่วโลก ในอเมริกา เครือข่ายทีวีของฟ็อกซ์นำภาพยนตร์ชุดนี้ออกอากาศในปี 1995 ในชื่อ Alien Autopsy -Fact or Fiction ดำเนินรายการโดยดาราจากภาพยนตร์ชุด StarTrek:The Next Generation โจนาธาน เฟรคส์ เรตติ้งดีมากจนต้องนำออกอากาศซ้ำอีกถึง 4 ครั้ง ซึ่งการออกอากาศครั้งหลังๆมีกการเพิ่มส่วนที่ยังไม่ได้ออกอากาศในครั้งแรกเข้าไปด้วย และในที่สุด วีดีโอเทปชุด Alien Autopsy ที่มีการเพิ่มภาพที่ไม่เคยออกอากาศก็ถูกนำออกจำหน่าย   แน่นอนถึงตอนนั้นชานติลีก็เจอกับการไหลบ่าของคำขอสัมภาษณ์ คำกล่าวหาว่าเป็นพวกลวงโลก และคำขอให้ปล่อยฟิล์มส่วนที่เหลือที่เขาอ้างว่ายังมีอยู่ออกมา (ภาพที่พร่าเลือนที่อ้างว่านำมาจากฟิล์มชุดนี้มีแพร่หลายอยู่แล้วในอินเตอร์เนท) นอกจากส่วนที่ซานติลีเผยแพร่ออกมาแล้ว เขาอ้างว่าส่วนที่เหลือ นั้นแย่เกินกว่าจะนำเสนอทางทีวีได้ถูกลงความเห็นว่าเป็นของปลอมจากนักวิจารณ์ส่วใหญ่ ซานติลียังคงยืนยันว่าเขาเป็นเพียงผู้ซื้อฟิล์มจากช่างภาพ ที่เขาเคยบอกว่ามีชื่อว่าแจ๊ก เบอร์เนทท์ (ต่อมาซานติลีพยายามบอกว่าเขาไม่เคยบอกว่าช่างภาพชื่อนี้) ช่างภาพผู้ลึกลับนี้ยังไม่มีใครสามารถพบตัวเขาได้ แต่ปรากฏว่ามีสเตทเมนท์ที่ระบุชื่อเขาถูกนำออกอากาศทางรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ในวันที่ 4 เมษายน 1997 รายการวิเคราะห์ข่าวของสถานี เอบีซี 20 /20 โจมตีภาพยนตร์การผ่าศพมนุษย์ต่างดาวโดยมีนักทำสเปเชี่ยล เอฟเฟคท์ สตีฟ จอห์นสัน (Roswell. The Outer Limits) กับ เทร์ย สโต๊ค (Alien Autopsy-Faked or Fiction) ว่าเป็นของปลอม เรย์ ซานติลี ปฏิเสธจะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แต่ซานติลียินดีจะคุยกับเรา การเก็บตัวจากเหล่านักข่าว และยุ่งอยู่กับความเติบโตของบริษัทของเขาทำให้การตามหาตัวซานติลีเป็นเรื่องยาก ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับการให้สัมภาษณ์แล้วก็เถอะ แต่ในที่สุดเราก็ได้พบตัวเขาเพื่อคุยกันเป็นช่วงสั้นๆ ซึ่งเขาคุยกับเราทางโทรทัศน์จากรถยนต์ และนี่คือคำให้สัมภาษณ์สั้นๆ เรย์ให้สัมภาษณ์ว่า ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปในด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัว เขาคิดว่าฟิล์มชุดนี้ควรจะสร้างความสนใจได้บ้าง ซึ่งตอนแรกเขามองในแง่ทางการค้าเท่านั้นและเขาคิดว่าฟิล์มเป็นของจริงแต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายว่าฟิล์มนั้นเป็นอะไรได้เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขามั่นใจว่าคนที่ขายฟิล์มให้เขาเป็นคนที่จริงใจ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาก็ยังสงสัยว่าฟิล์มนี้มาจากไหนและบุคคลก็มักจะถามเขาเสมอๆว่าทำไมถึงทำฟิล์มชุดนี้ขึ้นมา โชคร้ายที่เขาตอบอะไรไม่ได้ เขาไม่คิดว่าฟิล์มนี้สร้างขึ้นมาเองเพราะว่าคนขายฟิล์มเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่เขาก็ยังพอใจที่ความลึกลับก็ยังคงความลึกลับต่อไปเขาพอใจที่ยังมีคนดูหนังชุดนี้ไม่ว่าคนดูหนังจะคิดอย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางพูดให้คนที่ไม่เชื่อเปลี่ยนใจมาเชื่อได้และไม่มีทางพิสูจน์ภาพยนต์ชุดนี้ได้มากกว่านี้อีกแล้ว เขาอยู่ในสถานะที่ไม่มีทางชนะในกรณีอย่างนี้ แต่ที่แน่ๆทุกคนต่างก็ทำเงินได้จากภาพยนต์ชุดนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1995 คำร่ำลือแพร่กระจายไปในหมู่ผู้สนใจเรื่องจานบิน เกี่ยวกับภาพยนต์ที่บันทึกการผ่าศพมนุษย์ต่างดาวของจริง เสียร่ำลือกันว่าในที่สุดยอดปรารถนาเกี่ยวกับความจริงของจานบินก็ปรากฎขึ้นเสียที ในที่สุดโลกจะได้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง สโต็ค สร้างเว็ปไซด์ที่เยี่ยมยอดสับแหลกฟิล์มที่โด่งดังนี้เสียยับเยิน ไซด์ที่มีชื่อว่า Alien Autopsy-Fact or Fiction? (www.trudang.com/autopsy.html) ที่นี่ตรวจสอบ แยกแยะและทำลาย ทุกความเชื่อที่อาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับความถูกต้องของภาพยนตร์ชุดนี้ การสร้างเว็ปไซด์ไม่ใช่งานใหม่สำหรับสโต๊คก่อนที่เรื่องผ่าศพจะเป็นที่ฮือฮา บริษัทของสโต๊ค The Truly Dangerous Company ก็มีไซด์อยู่ก่อนแล้ว TDC ก่อตั้งมาหลายปีแล้ว เพื่อจัดสร้างการแสดงหุ่นให้กับสวนสนุก ต่อมาบริษัทขยายงานสู่ธุรกิจภาพยนตร์ การแสดงโชว์ สวนสนุกและอนิเมทรอนิคส์ความคิดที่จะสร้างไซด์เกี่ยวกับการผ่าศพมนุษย์ต่างดาวเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หลายเดือนก่อนที่จะสร้างไซด์นี้ขึ้นมา สโต็คไปเข้าร่วมการประชุมที่จัดโดย CSICOP (คณะกรรมการเพื่อการสอบสวนที่เป็นวิทยาศาสตร์สำหรับเหตุการณ์ประหลาด) องค์การสำหรับเหล่านักค้นคว้าที่อ้างว่า คาร์ล ชาแกน, ฟิลิป คลาส, ไอแซค แอสสิมอฟและเจมส์ แรนดี เป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ ที่นี้สโต็คได้พูดคุยกับ ผู้อำนวยการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ที่นี่ แบร์รี่ คารร์ หลายเดือนต่อมา คารร์ส่งอีเมล์พร้อมด้วยคำขอที่พิเศษมาหาสโต็ค เขาถามว่าสโต็คสนใจจะดูภาพยนตร์ที่กำลังจะออกอากาศทางเครือข่ายฟ็อกซ์และช่วยให้ความเห็นฐานะมืออาชีพได้ไหม? ภาพยนตร์ชุดนั้นคือการผ่าศพที่เป็นของซานติลีและสโต็คก็ตอบตกลงที่จะมาดูให้ "ผมไม่รู้ว่าผมจะรู้เรื่องรายการนี้มั๊ย ถ้าเขาไม่ได้ติดต่อมา" สโต็คเล่า "แต่ผมก็ได้ไปดูมันแล้วก็บันทึกกเทปไว้ เพื่อจะได้ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ ผมเขียนตอบกลับไปหลังจากได้ดูอยู่หลายครั้ง ผมเล่าความประทับใจเบื้องต้น ซึ่งเขาเอาไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ชุดนี้เมื่อออกอากาศครั้งแรก" จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 20:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ปาดดดดดดดดดดดด. ทันปะ จะรออ่านกระทู้ของMr.Terran ตลอดครับ จากคุณ : เด็กบ้านน้อย - [ 12 พ.ค. 52 20:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อืม...อ่านไปกินข้าวไป .... กินไม่ลงเลย ละครับ จากคุณ : U4st33A - [ 12 พ.ค. 52 20:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แล้วความสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดศพของสโต็คก็ก่อตัวขึ้น เขาค้นหาในอินเตอร์เน็ทและนิวส์กรุ๊ปทั้งหลายว่าพวกเขามีความเห็นกับภาพยนตร์นี้อย่างไรบ้าง และเขาก็ไม่พอใจกับสิ่งที่เขาได้พบ "ไอเดียเกี่ยวกับไซด์นี้เกิดขึ้นเมื่อผมติดตามปฏิกริยาที่เกิดขึ้น โดยการดูข่าวที่มีคนทิ้งไว้ตามนิวส์กรุ๊ปต่างๆ และพยายามดูว่าคนทั้งหลายมีความเห็นว่าอย่างไร ซึ่งทำให้ผมหงุดหงิด คนทั่วไปว่าตาม สแตน วิสตัน และคิดว่า "ไม่มีนักทำแอฟเฟคท์คนไหนทำอย่างนี้ได้ ไม่มีนักทำเอฟเฟคท์คนไหนจะพิสูจน์สิ่งนี้ได้ นักทำเอฟเฟคท์ทั้งโลกงุนงน และ สับสนเช่นกัน ของอย่างนี้ต้องใช้เงินนเป็นล้านดอลลาร์แน่ๆ แล้วยังมีความเห็นอื่นอีกที่ไม่เป็นทางการและพิลึกพิลั่น" "และก็เพราะว่าผมมีไซด์ของผมเอง ซึ่งมันก็เหมือนคุณมีเวทีเล็กๆ เป็นของตัวเองที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ ตอนแรกผมก็เลยเอาความเห็นดั้งเดิมที่ผมเคยให้ทาง CSICOP มาใส่ไว้ตอนแรกมันก็มีขนาดแค่หน้าถึงสองหน้าเอง" ระหว่างที่ส่งขอความสู่ไซด์เขาก็เกิดความคิดที่จะส่งข้อความไปให้คนที่ทำให้เขาหงุดหงิด พวกคนที่ใช้นิวส์กรุ๊ป "ผมก็แค่ส่งข้อความสั้นๆ ไปที่นิวส์กรุ๊ปหนึ่งว่า ถ้าคุณสนใจอยากรู้ว่านักทำเอฟเฟคท์คนอื่นมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าอย่างไร คุณควรไปดูที่นี่" สโต๊คไม่รู้เลยว่าข้อความสั้นๆของเขาจะก่อให้เกิดปฏิกริยาที่ใหญ่มาก "ผมคิดว่าหลังจากส่งข้อความแรกไปแล้วกว่าเรื่องจะเริ่มกระจายออกไป คงใช้เวลา 1-2วัน" สโต็กเล่า "มีคนที่มีโฮมเพจ ที่ท่าทางไฝ่รู้ ซึ่งผมเข้าไปดูบ่อยๆ และคิดว่าทำได้ดีมาก ทีแรกผมคิดว่าจะส่งอีเมล์ไปแนะนำตัวและบอกเขาว่า คือว่าผมมีเพจที่เกี่ยวกับการรผ่าศพมนุษย์ต่างดาว เผื่อคุณอยากจะทำลิงค์มาหรือเข้าาไปดูบ้าง" พอผมเข้าไปที่เพจของเขาเพื่อจะหาอีเมล์แอดเดรส เขาทำลิงค์เพจของผมเรียบร้อยแล้ว แล้วมันก็เริ่มกระจายออกไป มันเติบโต คนมากมายเริ่มกล่าวถึงเพจของผม คนมากมายเริ่มรู้สึกว่าอยากจะพูดถึงเพจของผม" จากเริ่มแรกแค่คิดจะตอบโต้คนที่คิดว่าไม่มีใครจะสร้างชุดยางที่นอนบนเตียงผ่าตัดได้ กลายเป็นการวิเคราะห์ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ชุดนี้ ตั้งแต่กระบวนการถ่ายทำ จนถึงประวัติศาสตร์ที่แท้จริงทั้งหมดนี้เกิดจากการที่มีคนอีเมล์ มาตั้งคำถามหรือถกเถียงกับสโต็ค "ผมติดพันกับเรื่องนี้ ก็เพราะผมมีบทบาทเป็นเหมือนแหล่งข่าวสำหรับข้อมูลล่าสุด" ในเรื่องนี้ใครๆก็เลยมาหาผม ใครๆก็ส่งอีเมล์แล้วก็เอาประเด็นที่ผมตั้งขึ้นไปสานต่อ "นี่นายว่างี้เหรอ แต่ว่าฉันไม่เห็นด้วยนะ" ซึ่งก็จริงนะ ผมน่าจะทำอะไรให้กระจ่างกว่านี้" จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 21:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จุดหนึ่งที่เป็นประเด็นมาตั้งแต่แรกของสโต็คก็คือการระบุวันเดือนปีของฟิล์มโดยโกดัก "อายุของฟิล์มเป็นประเด็นมาตั้งแต่แรก จนบัดนี้หลายคนก็ยังเข้าใจผิดๆว่า อะไรเป็นที่สิ้นสุดแล้วอะไรยัง ที่ผมรวมประเด็นนี้ไว้ด้วย ก็เพราะว่ามันเกี่ยวพันถึงสิ่งที่ผมอยากจะบอก" การที่ให้ความสนใจแม้แต่ส่วนเล็กน้อยที่สุดอย่างรายละเอียดของฟิล์มทำให้ไซท์นี้เป็นมากกว่างานอดิเรกสำหรับช่างเอฟเฟคท์อย่างสโต็ค "มันโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกๆผมก็แค่ใช้เวลาหลังเลิกงานอยู่ที่บ้านทำให้ไซด์นี้เป็นมากกว่างานอดิเรกสำหรับช่างเอฟเฟคท์อย่างสโต็ค "มันโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกๆ ผมก็แค่ใช้เวลาหลังเลิกงานอยู่ที่บ้านทำไซด์นี้ขึ้นมาอย่างที่มันเป็น" จากไซด์เล็กๆ ในตอนเริ่มต้น ตอนนี้ที่นีมีกระทั่งการเปรียบเทียบภาพการผ่าศพในภาพยนตร์กับการผ่าศพของจริง (ที่มีภาพที่ชวนแหวะด้วย) ความเห็นจากช่างเอฟเฟคท์คนอื่นๆ แนะวิธีทำศพมนุษย์ต่างดาวของคุณเอง แล้วก็ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์การผ่าศพที่โผล่ขึ้นมาอีกหลายที่ อย่างในเยอรมัน, อเมริกาใต้, และแคนาดา แต่เดี๋ยวก่อนสิ สโต็คมีบริษัทที่ต้องดูแลไม่ใช่หรือ ใครก็คงจะเดาได้ว่าการดูแลเพจนี้คงไม่เพียงกินเวลาของเขาไปบ้างแล้วแต่น่าจะเป็นภาระหนักทีเดียว "มันก็เป็นภาระอยู่นะ" สโต็คเล่า "ช่วงปีหลังๆนี่บริษัทผมหันไปทำงานให้กับภาพยนตร์มากขึ้น และมันก็กินเวลาจนทำให้ผมรู้สึกละอายใจเหมือนกัน ผมก็เลยปรับปรุงไซด์ของผมให้กลายเป็นศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับการไขปัญหาเกี่ยวกับการผ่าศพมนุษย์ต่างดาวโชคดีที่ช่วงนั้นก็ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากงานไร้สาระ 5 ชิ้น ที่อ้างกันซ้ำแล้วซ้ำอีก และสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ปฏิเสธว่า ไม่หรอกนั่นก็ไร้สาระอยู่ดี ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว คุณอาจจะอยากดูว่าผมเคยพูดไว้ว่ายังไง?" เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว สโต็คพอจะเดาได้ไหมว่าใครเป็นคนทำภาพยนตร์ชุดนี้ขึ้นมา? "ผมไม่รู้หรอก" เขาตอบ "นี่คือเรื่องที่น่าสนใจที่สุด แปลกนะที่ตอนนี้ผมเลิกสนใจว่ามันคืออะไรแต่กลับอยากรู้ว่าใครสร้างมัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน และก็ไม่มีใครอยู่ในใจที่จะบอกว่า "ผมว่าคนนี้แหละที่ทำ" อย่างที่ผมบอกไว้ที่ไซด์นะแหละ ผมค่อนข้างแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ผลงานของคนที่เป็นที่รู้จักในฮอลลีวู๊ดหรอก ด้วยเหตุผลหลายๆประการ มันยากที่จะเก็บความลับไว้ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเล็กๆอย่างนี้" เกี่ยวกับความคิดที่มีเหตุผลของสโต็คเขาอยากจะให้แน่ใจว่าใครก็ตามที่ ได้มาชมไซด์แห่งนี้จะเข้าใจถึงปรัชญาของไซด์ของเขา "ผมไม่พูดเกินเลยไปถึงขนาดว่าไม่มียูโฟหรือมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง หรือว่าไม่เคยมีการผ่าศพมนุษย์ต่างดาว ผมเองก็เชื่อในเรื่องพวกนี้" สโต็คอธิบาย "มันไม่ถูกที่จะสรุปเอาอย่างนั้นเพราะว่า ผมเห็นว่าสิ่งนี้เป็นของปลอม เพราะงั้นก็ไม่มี่ของจริงอยู่เลย สรุปอย่างนั้นก็ไม่ถูก ผมมักจะระบุเฉพาะกรณีนี้ และ ย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอ ถ้าคุณมองดู ถ้าคุณพิจารณาจากอิทธิพลของเหตุการณ์ คุณก็อาจจะได้ความเห็นว่าสิ่งนี้ปลอม สังคมของเราตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าทุกสิ่งยังไม่เป็นจริงจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นจริง นี่เป็นกรณีที่เมื่อใครที่ไม่เห็นด้วยก็มักจะว่า "งั้นก็พิสูจน์มาสิว่ามันปลอม" ถ้าว่าอย่างงั้นมันก็ไม่มีเหตุผลแล้ว" สโต็คบอกว่า เขายังคงได้รับอีเมล์จากผู้สนใจ รวมทั้งคนที่ยังคงสงสัยว่าทำไมเขามามัวเสียเวลากับสิ่งที่ยังคลุมเคลืออยู่อย่างนี้ คำถามที่เขาก็ถามตัวเองอยู่เสมอเหมือนกัน สโต็คตอบว่า คนบอกว่า "ทำไมมามัวเสียเวลาพิสูจน์อะไรที่ไร้สาระอย่างนี้ใครจะเชื่ออะไรก็ปล่อยเขาเชื่อไปสิ" ก็เพราะงั้นบางครั้งถึงมีคนคิดเลยเถิดจนหลงฆ่าตัวตายหมู่ เพราะคิดว่าพวกเขาตายแล้วจะถูกพาไปกับดาวหาง ผมจึงคิดว่าการสู้กับเรื่องเหลวไหลคุ้มค่าเพราะงั้นผมจึงยังทำเรื่องนี้อยู่" จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 21:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาอ่านและให้กำลังใจครับชอบมาก ๆ จากคุณ : คนขายข้าว - [ 12 พ.ค. 52 21:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่งดู ID4 ที่โหลดมาจากบิท  จบมาหมาดๆ จากคุณ : ปิดบริการ - [ 12 พ.ค. 52 21:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกๆท่านครับ สรุปเหตุการณ์จานบินตกทั่วโลก จานบินตกในเขตมหาสมุทรอินเดีย เดือนกันยายน ปี 1862 กะลาสีชราชาวเดนมาร์กคนหนึ่ง ได้เปิดเผยเรื่องให้ผู้สื่อข่าวฮุสตันโพสต์ฟังว่า ช่วงที่เขาเป็นผู้ช่วยกัปตันเรือเดินทะเล เรือของเขาได้เผชิญกับพายุพัดโหม กระหน่ำจนเรือแตก แต่เขาและลูกเรือคนอื่น ๆ รอดชีวิต จนกระทั่งไปถึงเกาะหินเล็ก ๆ เเห่งหนึ่ง ขณะที่ลมพายุพัดโหมอีกระรอกหนึ่งในช่วงเวลาต่อมาก็ได้เห็น วัตถุบินประหลาดลำใหญ่มากบินไปชนหน้าผาบนเกาะตกลงมายังพื้นโลก เมื่อพวกเขาเข้าไปสำรวจบริเวณที่ตก พบว่าเป็นวัตถุบินที่มีเครื่องมือแปลกประหลาดมาก เป็นพิเศษก็คือ ได้พบศพมนุษย์ที่แต่งกายประหลาดกว่า 12 คนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดสูงประมาณ   12 ฟุต พวกเขาได้นำเศษซากวัตถุบินประหลาดมาทำเป็นแพ หลังจากจัดการโยนศพมนุษย์ต่างดาวลงทะเลแล้วก็ได้ล่องแพต่อไป   จนกระทั่งพบเรือเดินทะเลรัสเซียช่วยชีวิตไว้ ส่วนลูกเรือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ได้สิ้นชีวิตก่อนพบเรือ ต่อมา มีชายคนหนึ่งแสดงตนให้คนทั่วไปรู้ว่า เขาคือ โอเลสันที่ร่วมเดินทางไปกับเเพที่ทำจากซากวัตถุบินลึกลับโดยได้แสดงหลักฐานเป็นแหวนวงหนึ่งที่ทำจากซากโลหะวัตถุบินลำนั้น ปรากฎการณ์วันที่ 6 มิถุนายน ปี 1884 ที่เมืองดันดีย์ รัฐเนบราสกา มีรายงานว่า เคาบอยสี่คนที่กำลังต้อนฝูงวัว ได้ยินเสียงดังกระหึ่มอยู่บนท้องฟ้าครั้นมองขึ้นไปก็เห็นวัตถุบินรูปทรงกระบอกลำหนึ่งกำลังตกลงมาบนพื้นโลก (ข่าวจากเนบราสกา นักเก็ต ) ปรากฏการณ์วันที่ 30 มิถุนายน ปี 1908 ที่ป่าทังกัสก้า ไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย เช้าตรู่วันที่ 30 มิถุนายน 1908 เกิดระเบิดบนท้องฟ้าเหนือบริเวณป่าทังกัสกา นับเป็นปรากฏการณที่แปลกประหลาดมาก ต้นไม้กระเด็นกระจายเป็นปริมณฑลกว้างราวกับถอนรากถอนโคน แล้ววางเรียงกันรอบเป็นวงกลม หลังจากได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทเป็นระยะทางไกลนับสิบกิโลเมตรแล้ว ปรากฏว่ามีกลุ่มหมอกควันลักษณะเป็นรูปดอกเห็น ปรากฏบนท้องฟ้าเหนือบริเวณนั้นด้วย นักค้นคว้าหลายกลุ่มได้เดินทางไปสำรวจ แต่เนื่องจากในสมัยนั้นเป็นหนองบึง อยู่ในเขตป่าลึก ยากต่อการเดินทาง จึงไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งถึงปี 1961 สถาบันทางวิทยาศาสตร์ของรัสเซียได้สนับสนุนนักสำรวจสองคน คนแรกนำโดยคีรีน ฟลอเรสกี อีกคนหนึ่งนำโดยอเล็ก ซี.วี.โซโล ตอฟ ภายหลังการสำรวจ ทั้งสองทีมได้ผลสรุปต่างกัน ทีมแรกสรุปว่า น่าจะเกิดจากผลกระทบของดาวหางที่ตกลงมายังโลกในบริเวณนั้น อีกทีมหนึ่งได้สรุปว่า น่าจะเป็นผลจากระเบิดนิวเคลียร์ ที่น่าสังเกตก็คือ นักสำรวจบางกลุ่มกล่าวว่า เหตุระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่ทังกัสกา ไม่น่าจะเกิดจากดาวตก นักค้นคว้าเกี่ยวกับจานบินหลายกลุ่มสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากจานบินตกลงมา และเกิดระเบิดลุกไหม้หมดก่อนจะถึงพื้นโลก ข้อสันนิษฐานนี้นับว่าน่าคิด แต่ก็ไม่มีใครพบเศษซากโลหะของจานบินที่ลุกไหม้แต่อย่างใด สภาพที่ทังกัสก้า จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 21:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทีมนักวิทยาศาสตร์กองทุนศึกษาปรากฏการณ์ด้านอวกาศตุนกัสกาในไซบีเรีย นำโดยยูริ ลาฟบิน หัวหน้าทีม เปิดเผยว่า ระหว่างปฏิบัติภารกิจสำรวจพื้นที่อุกกาบาต ตุนกัสกาในไซบีเรียที่เคยเกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรง โดยหาคำอธิบายไม่ได้เมื่อเกือบร้อยปีก่อนว่า ทีมงานพบซากชิ้นส่วนที่เชื่อว่า เป็นชิ้นส่วนด้านเทคนิคในจานบินของมนุษย์ต่างดาว โดยชิ้นส่วนที่ว่า มีลักษณะเป็นกล่องโลหะขนาดใหญ่ ฝังอยู่ในดินและปกคลุมด้วยต้นไม้ เจ้าหน้าที่ได้ตัดชิ้นส่วนของกล่องโลหะดังกล่าวไปเพื่อตรวจสอบแล้วขณะเดียวกัน คณะสำรวจยังพบก้อนหินขนาดใหญ่น้ำหนัก 50 กก. เชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนอุกกาบาตในพื้นที่อีกด้วยโดยจะส่งไปวิเคราะห์อีกครั้ง นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า การเกิดระเบิดครั้งรุนแรงที่พื้นที่ดังกล่าวในไซบีเรียเมื่อ 30 มิ.ย. 2451 เกิดจากอุกกาบาตยักษ์ซึ่งภายหลังตั้งชื่อว่า "อุกกาบาตตุนกัสกา" พุ่งชนพื้นโลกอย่างแรงเหนือลำน้ำตุนกัสกา หากจากหมู่บ้านวานาวาราไปทางตะวันออก 65 กม. แรงระเบิดสะเทือนไกลหลายร้อยกิโลเมตร และทำลายพื้นที่ป่าไซบีเรียกว่า 2,000 ตร.กม. สาเหตุของการระเบิดครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ โดยการสำรวจพื้นที่ดังกล่าวมีขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 2470 แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่พบสัญญาณใดที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ทำให้ลาฟบินมีความหวังว่าจะสามารถไขปริศนาของสาเหตุระเบิดครั้งรุนแรง ที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อนครบรอบ 100 ปีของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยลาฟบินและคณะมีแผนจะขยายพื้นที่การสำรวจไปยังทางตะวันออกของไซบีเรียด้วย ที่มา นสพ.ไทยรัฐ ปีที่ 57 ฉบับที่ 17583 วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2549 จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 21:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ปรากฏการณ์ ปี 1941 ที่แหลมจิราโด รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา ชาร์เลต แมนน์ ได้รายงานว่า ปู่ของเธอได้รับโทรศัพท์ให้ไปดูภาพอุบัติเหตุจานบินตก ลักษณะเป็นอากาศยานที่ไม่เหมือนเครื่องบินชนิดใดในโลกที่ประชาชนทั่วไปเคยเห็น ลักษณะเป็นรูปจาน ซึ่งพังพินาศ มีเศษชิ้นส่วนที่แตกกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนั้น ยังพบศพมนุษย์ต่างดาว 3 ศพ นอนอยู่บนพื้น ลักษณะการแต่งกาย สวมชุดติดกันจากศีรษะจนถึงเท้า ชุดแต่งกายคล้ายแผ่นอลูมิเนียมมีรอยยับ ไม่มีผมหรือขนตามร่างกาย ไม่มีหู สังเกตได้ว่ามีร่างเล็กมาก คล้ายเด็ก แต่ศีรษะใหญ่โตมากผิดปกติ แขนยาวและผอม ดวงตาคล้ายรูปไข่ ไม่มีจมูก มีปากเป็นรอยเส้นตรง ปรากฏการณ์วันที่ 6 กรกฏาคม ปี 1946 ทะสาบบาร์เคน สวีเดน มีรายงานว่า พยานได้พบเห็นจานบินมีแสงสีเขียว และสีเงินเปล่งประกายรอบด้าน ลอยลงมาจากฟากฟ้าด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วตกลงในทะเลสาบ ปรากฏการณวันที่ 10 กรกฏาคม ปี 1946 ที่จอร์คอน สวีเดน ข่าวรายงานว่า ประชาชนกลุ่มหนึ่ง สังเกตเห็นกลุ่มหมอกควันที่พุ่งไปเป็นทางยาวบนท้องฟ้า แล้วตกลงบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นหลุมลึกและกว้าง ปรากฏการณ์วันที่ 18 สิงหาคม ปี 1946 ที่บริเวณเกาะร้าง ทางภาคใต้ ประเทศสวีเดน มีผู้พบเห็นวัตถุบินรูปคล้ายซิการ์ ยาวประมาณ 5 ฟุต ลอยอยู่บนท้องฟ้า สังเกตุได้ว่ามีหางเป็นควัน ผ่านเมืองเล็ก ๆ แล้วไปตกลงยังเกาะร้างเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ต่อมามีนักค้นคว้าเดินทางไปสำรวจหลายคน ปรากฏการณ์กลางเดือนตุลาคม ปี 1946 ในเขตภาคใต้ของสวีเดน พยานที่พบเห็นสองคนที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบ ได้ยินเสียงกระหึ่มเหนือต้นไม้ ปรากฏว่าเป็นวัตถุบินประหลาดลำหนึ่ง สักครู่หนึ่งได้เกิดระเบิดขึ้นก่อนแล้วจึงตกลงในน้ำ ปรากฏการณ์ปลายเดือนกรกฏาคม ปี 1947 ภายในเขตทดลองขีปนาวุธไวท์แซนด์ รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา พันจ่าอากาศเอกคนหนึ่งได้เปิดเผยว่า นาวาอากาศเอกพอล เอฟ.เฮล์มเล็ค ผู้บัญชาการสนามบินทหารอากาศอะลาโมกอร์โด ได้สั่งให้เขาพิมพ์รายงานพิเศษเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับตกลงมายังพื้นโลก เขาได้รับคำสั่งพิมพ์ด้วยตัวเอง เพื่อปกปิดเป็นความลับ และได้เห็นภาพถ่ายวัตถุบินลึกลับลำนั้นด้วย ลักษณะเป็นโลหะสีเงินยวงส่องแสง ภาพจําลองเหตุการณ์ จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 21:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ปรากฎการณ์เดือนตุลาคม ปี 1947 เขตหุบเขาพาราไดซ์รัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา เแฟรงค์ สคัลลีย์ล่าว่าเห็นปรากฎการณ์จานบินตกในเขตหุบเขาพาราไดซ์มลรัฐอริโซนาประเทศสหรัฐอเมริกา ทิมโมทีกูดได้เขียนเกี่ยวกับปรากฎการณ์นี้ในหนังสือ"Above top secret" ตอนหนึ่งว่า เขาได้สัมภาษณ์เซลมันอีเกรฟ พยานสำคุญคนหนึ่งที่ปกปิดข่าวตังกล่าวได้เปิดเผยว่าเขาเห็นวัตถุบินขนาดใหญ่รูปโดมเล้นผ่านศูนย์กลางประะมาณ   36 ฟุตลอยผ่านไปบนท้องฟ้า แล้วตกลงในเขตหุบเขาพาราไดซ์รัฐแอริโซนา ปรากฏการณ์ใน วันที่ 25 มีนาคม ปี 1948 ใกล้เมืองแอซเต็ค รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แฟรงค์ สคัลลีย์ ได้เปิดเผยเรื่องจานบินตกใกล้เมือแอซเต็ค ในหนังสือ "Behond thd Flying Saucers" ซึ่งพิมพ์ขึ้นในปี 1950 เขาได้อ้างข้อมูลจากซีลัส นิตัน และลีโอ เก็บบัวร์ ซึ่งได้เปิดเผยว่า สถานีเรดาห์สามแห่ง ได้ติดตามวัตถุบินประหลาดลำหนึ่ง ซึ่งบินอยู่ในระยะสูงประมาณ 9,000 ฟุต โดยใช้ความเร็วกว่า 18,000 นอต มันได้บินไปจอดนิ่งในระดับความสูง 10,000 ฟุต จากนั้นวัตถุลำนี้ก็บินต่ำลง ๆ และตกลงบนพื้นในที่สุด ต่อมาได้มีนักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่รัฐบาล ตำรวจ และกองกำลังทหารยืนล้อมจานบินลำนั้น สังเกตได้ว่าเป็นจานบินขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 100 ฟุต ลักษณะคล้ายจานสองใบคว่ำและหงายประกบกัน ตรงที่ประกบกันนั้นมีช่องเล็ก ๆ เรียงติดกันเป็นระยะโดยรอบ และสามารถมองเห็นศพมนุษย์ต่างดาว 16 ศพอยู่ภายในยานด้วยลักษณะมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดร่างเล็ก สูงราว 3-4 ฟุต มีผิวหนังสีน้ำตาลอ่อน ลักษณะศพถูกเผาไหม้จนตัวดำเกรียม ดร.ลีโอ หนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ไปร่วมสังเกตุการ์ด้วย ได้เปิดเผยว่า "ศพมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้มีลักษณะแตกต่างจากมนุษย์ต่างดาวที่ตกลงในเขตรอสเวล์ คือ มีลักษณะเป็นมนุษย์มากกว่า" มีข่าวรายงานว่าได้มีการลำเลียงซากจานบินและศพมนุษย์ต่างดาวไปยังฐานบินทหารอากาศไรท์ แพตเตอร์สัน ที่เดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ปรากฎการณ์วันที่ 7 กรกฎาคม ปี 1948 ที่ลาเรโด เท็กซัส ข่าวที่ทำให้ผู้คนตื่นเต้นฮือฮาอีกข่าวหนึ่งก็คือวิลเลียดแม็คอินไตร์ได้นำถาพถ่ายสองภาที่มีพยานพบเป็นส่งไส่งไปให้กลุ่มมาร์เซนเป็นภาพแสดงบริเวณจานบินตกเมื่อปี 1948 เรื่องที่เกิดขึ้นคือนาวาอากาศเอกจอห์นดับบลิวโบเวนหัวหน้าหน่วยสารวัตรทหารที่กองบินทหารที่กองบินทหารอากาสคาสเวลล์ได้รับมอบหมายงานได้วางกำลังอารักขารอบบริเวณ นอกจากนั้นได้มีการแล่งงานให้หน่วยต่างๆรับผิดชอบให้วางกำลังอารักขารอบบริเวณนอกจานได้มีการแบ่างงานได้หน่วยต่างไรับผิดชอบ รวทั้งนาว่อากาศโทสมิธ ซึ่งรับผิดด้านการถ่ายภาพเขาได้รวบรวมภายทั้งหมด แล้วบินไปยังวอชิงตัน ดีซี ภาพที่ระบุว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่จานบินตกที่แอซเต็คครับ จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 21:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ปาด รอ รหัสผ่าน จากคุณ : รักคนที่ชอบแมว - [ 12 พ.ค. 52 21:59:18 A:125.26.71.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ปรากฏการณ์ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ปี 1950 ที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ค คริสเตียน แซนเดอร์เซนรายงาน่า เห็นจานบินสองลำบินผ่านบ้านพักในฟาร์ม ลำแรกบินผ่านไปแล้วจอดนิ่งอยู่กลางอากาศ ส่วนอีกลำหนึ่งตกลงมายังพื้นโลก ในขณะที่ตกลงมาบนพื้นโลก ได้เกิดระเบิดชิ้นส่วนแตกกระจายพร้อมด้วยแสงสว่างจ้าไปรองทิศ ปรากฏการณ์ วันที่ 10 พฤษภาคม ปี 1950 ที่อาร์เจนตินา อเมริกาใต้ ดร.เอนิกเกว คาเรนเตนู บ็อตตา วิศวกรการเกษตรได้รายงานว่า ขณะที่เขาได้ขับรถไปตามถนนชนบทในอาร์เจนตินา เขาเห็นจานบินลำหนึ่งตกลงมายังพื้นโลก เขาได้จอดรถแล้วเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าซากจานบินได้รับความเสียหายไม่มาก และได้พบศพมนุษย์ต่างดาวสามศพ หลังจากนั้นในวันต่อมาเขาได้พาเพื่อนกลับไปยังจุดที่จานบินตกอีก พบว่าจานบินลำนั้นหายไป เหลือแต่เพียงกองขี้เถ้าสีเทา ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นจานบินรูปร่างคล้ายซิการ์บินอยู่บนท้องฟ้า และมีจานบินลำเล็ก ๆ สองลำบินตามไป สักครู่หนึ่งมันก็บินหาย ปรากฏการณ์ในวันที่ 6 ธันวาคม ปี 1950 ที่เดลริโอ เท็กซัส ที่กองบินทหารอากาศดีส์ในเท็กซัส ขณะที่นาวาอากาศเอก โรเบิร์ต วิลลิงแฮม กำลังทดสอบเครื่องยนต์บางส่วนที่จะใช้กับเครื่องบินเอฟ 94 อยู่นั้น พวกเขาได้รับรายงานว่ามีจานบินลำหนึ่งบินด้วยความเร็วสูง ขัดขวางการปฏิบัติงานของพวกเราอยู่ ขณะที่บนิผ่านมา ได้เฝ้ามองติดตามมันอย่างไม่ลดละ ศุนย์บัญชาการหลายแห่งได้ติดตามเส้นทางการบินของมัน มันเลี้ยวหักมุม 90 องศาด้วยความเร็วสูงมาก ลักษณะของมันมิใช่จรวด หรือขีปนาวุธชนิดใด สักครู่หนึ่งจานบินลำดังกล่าวก็ได้ตกลง ระหว่างเท็กซัสกับพรมแดนเม็กซิโก ในบริเวณดังกล่าวมีกองกำลังทหารติดอาวุธล้อมรอบอยู่บริเวณนั้น นาวาอากาศเอกโรเบิร์ตและเพื่อน ได้พิจารณาเศษชิ้นโลหะของจานบินที่ตกอย่างละเอียด มีลักษระคล้ายกับสิ่งที่ผลิตจากรังผึ้ง คล้ายกับโลหะที่ร้อนมาก แล้วเปลี่ยนสภาพให้มันเย็นอย่างรวดเร็ว มองดูคล้ายกับเหล็กกล้าผสมแมกนีเซียม แต่มีคาร์บอนผสมอยู่มาก เขาพยายามทำให้มันร้อนโดยใช้ไฟพ่นเชื่อมโลหะ ปรากฏว่ามันไม่ละลาย ต่อมานาวาอากาศเอกโรเบิร์ตได้นำเศษชิ้นส่วนโลหะนั้นไปให้ช่างโลหะทหารเรือในเมืองเฮเกิร์ส ทาวน์ รัฐแมรีแลนวิเคราะห์ดู หลายวันต่อมาก็ได้รับแจ้งว่า คนที่เขาติดต่อด้วยไม่ได้ทำงานที่นั่น และบรรดาทหารช่างคนอื่นที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเชื่อมโลหะ ก็ไม่มีใครทราบว่าเศษชิ้นส่วนโลหะนั้นเป็นโลหะประเภทใด จากนั้นไม่กี่วัน นาวาอากาศเอกโรเบิร์ตก็ได้รับคำสั่งให้ปกปิดเรื่องโลหะดังกล่าวเป็นความลับ ปรากฏการณ์ในช่วงปลายฤดูร้อน ปี 1952 ทางทิศเหนือ เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ วิเวียน วอลตัน ทราบข่าวจากเพื่อนร่วมงานว่า มีจานบินลำหนึ่งตกใกล้เขตเมืองโคลัมบัส ต่อมาเพื่อนคนนั้น ได้นำภาพถ่ายจานบินที่ตกมาให้ชม ซึ่งเขาได้อธิบายว่ามันมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 30 ฟุต ตกอยู่ในสภาพที่เสียหายไม่มากนัก ต่อมา ได้มีทีมทหารช่างไปผม้ซากจานบินแล้วนำไปยังกองบินทหารอากาศไรท์ แพตเตอร์สัน หนังสือพิมพ์ลงข่าวจานบินตกที่เท็กซัสปี 1891 จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 22:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ปรากฏการณ์วันที่ 12 กันยายน ปี 1952 ที่เกาะสพิตสเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ รายงานจากพยานที่พบเห็น ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการของรัฐบาลในรัฐเนวาดา ได้เปิดเผยว่า เขาและเพื่อนได้เดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินกองบินทหารอากาศเนวาดา ไปยังรัฐอริโซนา จากนั้นได้นั่งรถต่อไปยังสนามบินอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคิงแมนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 20 ไมล์ ขณะที่ผ่านไปพวกเขาได้เห็นจานบินลำหนึ่งตกลงในเขตทะเลทราย จานบินลำนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 ฟุต ลักษณะไม่เสียหายมากนัก สังเกตได้ว่ามีเต้นท์ที่พักอยู่ใกล้บริเวณจานบินตก พบมนุษย์ต่างดาวประหลาดสูงประมาณ 4 ฟุต มีตา 2 ดวง หูสองข้าง และปากเป็นรูปวงกลม ครั้นทุกคนทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว ก็ได้ขึ้นเครื่องบินบินกลับไปที่ทำงานเดิม พร้อมทั้งได้รับคำสั่งให้ลืมทุกอย่างที่พบเห็นให้หมดสิ้น กลาสีชราชาวเดนมาร์คนหนึ่ง ได้เปิดเผยเรื่องให้ผู้สื่อข่าวฮุสตันโพสต์ฟังว่า ช่วงที่เขาเป็นผู้ช่วยกัปตันเรือเดินทะเล เรือของเขาได้เผชิญกับพายุพัดโหมกระหน่ำจนเรือแตก แต่เขาและลูกเรือคนอื่น ๆ รอดชีวิต จนกระทั่งไปถึงเกาะหินเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ขณะที่ลมพายุพัดโหมอีกระลอกหนึ่งในช่วงเวลาต่อมาก็ไดเห็นวัตถุบินประหลาดลำใหญ่มากบินไปชนหน้าผาบนเกาะตกลงมายังพื้นโลก เมื่อพวกเขาเข้าไปสำรวจบริเวณที่ตก พบว่าเป็นวัตถุบินที่มีเครื่องมือแปลกประหลาดมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ที่พวกเขารู้สึกตกใจมากเป็นพิเศษก็คือ ได้พบศพมนุษย์ที่แต่งกายประหลาดกว่า 12 คน คนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดสูงประมาณ 12 ฟุต ที่มา หนังสือ มันมาที่รอสเวลล์ /เดวิด แม็คเคย์ ล่าจานบินและมนุษย์ต่างดาว /บรรยง บุญฤทธิ์ เจาะลึกปรากฏการณ์จานบินตก 50 ปี /บรรยง บุญฤทธิ์ ราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย.Terran จานบินตกที่รัสเซีย ปี 1968 จากคุณ : Mr.Terran - [ 12 พ.ค. 52 22:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากค่ะ ชอบจานบินๆ มาปาดไม่ทันอะ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 23:27:46 จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 12 พ.ค. 52 23:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาโหวตแล้ว ค่อยอ่านแล้วกัน แบบว่าปวดตา ขี้เกียจอ่านด้วยแหละ จากคุณ : rrltai^^ - [ 12 พ.ค. 52 23:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ให้กิฟไว้ก่อน เดี๋ยวตามมาอ่าน ^^ จากคุณ : Yippie - [ 12 พ.ค. 52 23:46:01 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โหวตครับ จากคุณ : แมวผจญภัย - [ 12 พ.ค. 52 23:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Roswell Alien Autopsy จากคุณ : : - [ 13 พ.ค. 52 00:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Roswell UFO Crash จากคุณ : : - [ 13 พ.ค. 52 00:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลงชื่อ Mr.Terran แฟนคลับ โหวตครับ จากคุณ : anurak_jun - [ 13 พ.ค. 52 03:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 บัตรตอกว่างครับ เพิ่มชื่อเองได้ จากคุณ : anurak_jun - [ 13 พ.ค. 52 03:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แจ๋วๆๆ ว่าแต่ ทำไมหลังๆ มานี้ไม่ค่อยมีจานบินตกเลยอ่ะครั ? จากคุณ : vn, man - [ 13 พ.ค. 52 08:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ลงชื่อด้วยครับ จากคุณ : neilarm - [ 13 พ.ค. 52 09:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบเรื่องจานบินที่  ซู๊ด....ดดดดด จากคุณ : boxbag - [ 13 พ.ค. 52 09:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ..:  ........  .  . ....  . .   .. .....  . .....  .. .   .. ..  .....  . ........  .. .....   . ...  .. .  ...  ........   ......  . .....  . ........   ..:  ........  .....   .. .  ......  . .....   . .  . ....  . .....  .. ...  . ..  .....  ....  .......  .....  .. .......   ..:  ........  .....  . .........  .....   . .........  ..:  . .....  . ........  .. .....   .  . ........  .....   . ...  . .....  . .........  ..:   .. ..  .....  . ........  .. .....   .. .  . .........  .....  ......  .. .  . ..   ..:  . .....   ....  .........  . .........  ...  . ..  . .....  . .........  .....   ......  . .....  . ........   .....  .. ..  .....  . ........  .. .....  ..  . .....  ....  .. .....   ..:  . .....   . .  . ....  . .....  .. ...  . .........  .. .......   . .........  . .....   ......  .  . ....  ..:  .  . .........  ..:  .........  ...   ...: จากคุณ : autoPING - [ 13 พ.ค. 52 11:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Mr. Terranครับ ผมว่า รูปใน คห.12 น่าจะไม่ใช่รูปของ Maj. Jesse A. Marcel นะครับ ที่ถูกควรจะเป็นรูปของ Dr. Jesse A. Marcel,jr. ซึ่งเป็นบุตรชายมากกว่าและยังมีชีวิตอยู่ จากคุณ : ชื่อนี้ใช้ได้ - [ 13 พ.ค. 52 12:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบจังเลยค่ะอ่านแล้วสนุกดี แต่พออ่านมากๆ เค้าก็เริ่มสังเกตุว่า ทำไมมันตกเฉพาะที่  ตกที่เมกามากที่สุดเลยล่ะคะ อันนี้ล่ะที่สงสัย... จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 13 พ.ค. 52 13:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ใช่ครับคุณ  ชื่อนี้ใช้ได้  เป็นลูกชายของ Maj.เจสส์ เอ. มาร์เซล   พอดีผมรีบพิมพ์ไปหน่อย เลยก๊อปใส่ชื่อพ่อไปแทน ศึกษาเรื่องรอสเวลล์เหมือนกันเหรอครับ ถ้าเรื่องจานบินตกเป็นจริง ถามว่าทําไมระยะหลังถึงไม่มีข่าวรั่วออกมา หรือ ทําไมถึงตกแต่ที่อเมริกา ก็น่าจะมาจากมาเจสติก 12 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ ประธานาธิบดี แฮร์รี่ ทรูแมน สั่งตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1947 เพื่อการนี้โดยเฉพาะครับ majic ย่อมาจากคำว่า Majority Agency for Joint Intelligence Control มีหน่วยงานย่อยๆตามนี้ ซิกม่า (Sigma) ทำหน้าที่ในด้านทำการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว พลาโต้ (Plato) สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับมนุษย์ต่างดาว อควาริอัส (Aquarius) ศึกษาเปรียบเทียบประวัติศาสตร์โลกและเผ่าพันธ์มนุษย์ กับการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว การ์เน็ท (Garnet) ควบคุมข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว พลูโต (Pluto) ประเมินข้อมูลที่ได้จากวัตถุบินลึกลับเพื่อนำมา ใช้ในเทคโนโลยีทางอวกาศ พันซ์ (Pounce) กู้ยานอวกาศที่ตกหรือลงจอด และยังทำหน้าที่สร้างเรื่องเพื่อปกปิด ความจริงไม่ให้ออกสู่สายตาสาธารณชน โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงและปัจจุบันยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ เอ็นอาร์โอ (NRO) องค์กรลาดตระเวณแห่งชาติ (National Recon Organization) มีสำนักงานอยู่ที่ป้อมคาร์สัน รัฐโคโลราโด รับผิดชอบทางด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดจากมนุษย์ต่างดาว เดลต้า (Delta) เป็นกองกำลังให้กับเอ็นอาร์โอ มีรหัสเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชายชุดดำ" (Men In Black) เป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Men in Black บลูทีม (Blue Team) เดิมทีคือ โครงการศูนย์บัญชาการยุทโธปกรณ์การบิน รับผิดชอบเหตุการณ์ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวตกหรือร่อนลงจอด และการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาว ไซน์ (Sign) โครงการสัญลักษณ์ทำหน้าที่รวบรวมและ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อดูว่ามนุษย์ต่างดาวที่พบนั้นมาดีหรือร้าย เรดไลท์ (Red Light) ทำการทดสอบยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวที่ยึดมาได้ โครงการนี้ทดลองกันในพื้นที่ 51 แต่หลังจากที่ล้มเหลวจากการทดสอบ และมีนักบินหลายคนเสียชีวิต โครงการนี้ถูกยกเลิกไปช่วงหนึ่ง แต่ก็กลับมารื้อฟื้นอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1972 การทดลองประสบความสำเร็จขั้นหนึ่งและปัจจุบันโครงการนี้ยังดำเนินอยู่ สโนวเบิร์ด (SnowBird) เป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเป็นฉากบังหน้าโครงการเรดไลท์ เป็นการสร้างเครื่องบินที่มีรูปร่างเหมือนจานบินของมนุษย์ต่างดาวแต่ใช้เทคโนโลยีของเครื่องบินธรรมดา เพื่อสร้างข่าวส่งไปยังสื่อมวลชน ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า จานบินที่ตนเห็นนั้นแท้จริงแล้วก็คือ เครื่องบินรุ่นใหม่ที่กองทัพอากาศสหรัฐ กำลังศึกษาและทดลองอยู่ แต่โครงการนี้จะทำเป็นช่วงๆ เฉพาะตอนที่รัฐบาลต้องการสงบข่าวเวลาที่มีคนร่ำลือกันว่า เห็นยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว บลูบุ้ค (Blue Book) โครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1947 และถูกยกเลิก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 1969 เป็นโครงการที่เก็บรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับและมนุษย์ต่างดาว โครงการอควาริอัส มารับหน้าที่ต่อจากโครงการนี้ ที่มา หนังสือ "ร้ายสาระ" โดย ศิลป์ อิศเรศ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 14:48:11 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 14:42:05 จากคุณ : Mr.Terran - [ 13 พ.ค. 52 14:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สําหรับในประเทศไทยก็มีข่าวจานบินตกที่กาญจนบุรี จานบินตกที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 จานบินตกที่ จ.ระนอง เมื่อ มกราคม ค.ศ.2005 เป็นต้นครับ ภาพมนุษย์ต่างดาวที่มีคนถ่ายได้ในถ้ำ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อปี 2547 จากคุณ : Mr.Terran - [ 13 พ.ค. 52 14:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 13 พ.ค. 52 18:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อก่อนยังเลือกๆมา(ไม่แน่ใจ หรือว่าเป็นแบบนี้แต่แรก) แต่เดี๋ยวนี้หลายเรื่องมันก็ไร้ความน่าเชื่อถือเกิน แถมทุกกระทู้็จะมีภาพเดิมๆให้ดูอีก เริ่มน่าเบื่อแล้วนะคร้าบ จากคุณ : -*- - [ 13 พ.ค. 52 20:16:53 A:114.128.132.111 X: TicketID:208572 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านสนุกครับ   ผมดูทุกครั้งเลยเวลาเอามาฉายทางเคเบิ้ล ทั้ง Autopsy และ Roswell จริงหรือเปล่าไม่รู้ ดูเอาหนุก ตราบใดยังลึกลับ ก็ยังอยากรู้อยากเห็น อยากเจอจะๆจังๆกับตัวเองซักหนพอ จะไม่สนเรื่องหลักฐานเลย จากคุณ : Time & Space - [ 13 พ.ค. 52 21:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านยากจัง... จากคุณ : antonio_o - [ 13 พ.ค. 52 22:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ความคิดเห็นที่ 44 นั้นมัน  อักษรเบล ใช่มั้ยครับ จากคุณ : fete - [ 14 พ.ค. 52 00:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แฟนคลับ Mr.Terran รายงายตัวครับผม จากคุณ : utd - [ 14 พ.ค. 52 01:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาอ่านด้วยคน จากคุณ : คนข้างหนุน - [ 14 พ.ค. 52 13:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 56 หนุกๆๆๆ จากคุณ : -APEM - [ 14 พ.ค. 52 13:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คห.44 อ่านว่า THANK YOU VERY MUCH FOR THE UFO KNOWLEDGE. THESE STORY ARE MOST VERY USEFUL TO DISCLOSE FOR EVERYBODY TO KNOWS. SO FANTASTIC ! จากคุณ : Darkvider - [ 14 พ.ค. 52 14:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขออนุญาตเสริม จขกท หน่อยครับเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา เหตุผลที่กองทัพอากาศสหรัฐปฏิเสธว่าไม่ใช่จานบินตกแต่เป็นซากชิ้นส่วนของบอลลูนตรวจอากาศ มีคำอธิบายในภายหลังว่า เป็นส่วนหนึ่งของโครงการลับในปี 1947 ที่เรียกกันว่า " Project Morgul " ซึ่งเป็นการค้นคว้าเรื่องบอลลูนที่ได้รับการออกแบบมา เพือค้นหาระเบิดนิวเคลียร์ของกองทัพโซเวียต ซึ่งทางกองทัพอากาศสหรัฐไม่สามารถจะค้นหาด้วยวิธีการอื่นได้ ในยุคสมัยนั้น By. Col.Richard weaver     U.S.Air Force,Ret. จากคุณ : ชื่อนี้ใช้ได้ - [ 14 พ.ค. 52 14:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 การให้สัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของ Maj. Jesse A. Marcel ที่ Houma, Louisiana - 1978 ก่อนหน้าที่อดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพผู้นี้จะเสียชีวิต "เรื่องหนึ่งที่แน่ใจ เพราะผมมีประสบการณ์ด้านนี้ มันไม่ใช่บอลลูน มันไม่ใช่เครื่องบิน ไม่ใช่มิสไซล์ มันเป็นอย่างอื่น ซึ่งเราไม่รู้จักมัน ชิ้นส่วนมันกระจายอยู่เศษ 3 ส่วน 4 ไมล์ กว้างหลายร้อยฟุตเลยที่เดียว เราต้องตระเวนเก็บชิ้นส่วน, ชิ้นส่วนหลายอันมีเครื่องหมาย ซึ่งผมเรียกมันว่า เครื่องหมายลับเพราะว่า ผมอ่านมันไม่ออก อ่านไม่ได้ มันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งต้องมีความหมาย ชิ้น ส่วนบางชิ้นยังมีสภาพดีมาก เผาไม่ไหม้ ผมเคยลองเผามันดู แต่มันก็ไม่ไหม้ น้ำหนักมันเบามาก หนาไม่เกินแผ่นกระดาษฟอยล์ในซองบุหรี่ ผมก็เลยลองงอดูแต่มันก็ไม่งอ เราพยายามงอมันอยู่นาน มันก็ไม่งอ เราเคยลองทุบมันด้วยฆ้อน 16 ปอนด์ด้วยซ้ำไป แต่ทำยังไงมันก็ไม่บุบ" บันทึกคำสัมภาษณ์ By. Stanton Friedman                               Investigator / Author อ้างอิง    Rosewell (cover ups & close encounters)            Jonathan Frakes            Fr. Star Trek : Next generation จากคุณ : ชื่อนี้ใช้ได้ - [ 14 พ.ค. 52 14:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 60 Roswell ของ โจนาธาน รู้สึกจะเคยผ่านตามาเหมือนกันครับ เรื่องนี้รายละเอียดเยอะ ยังไงก็ขอบคุณคุณชื่อนี้ใช้ได้ ด้วยนะครับ จากคุณ : Mr.Terran - [ 14 พ.ค. 52 17:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบจังเลยค่ะอ่านแล้วสนุกดี แต่พออ่านมากๆ เค้าก็เริ่มสังเกตุว่า ทำไมมันตกเฉพาะที่  ตกที่เมกามากที่สุดเลยล่ะคะ อันนี้ล่ะที่สงสัย... จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย   - [ 13 พ.ค. 52 13:42:27 ]   ----------------------------------------------------------------------------------- คือปัจจุบันในสหรัฐสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับจานบินและมนุษย์ต่าง ดาวจำนวนนับพันนับหมื่น เริ่มออกมาเผยแพร่แก่สาธารณชนมากขึ้น ภายใต้ พ.ร.บ.สิทธิในการรับรู้ข่าวสารของชาวอเมริกัน(FOIA = THE FREEDOM OF INFORMATION ACT) ดังนั้นจึงมีเรื่องราวที่ถูกปกปิดถูกนำเสนอ ออกมาทางสื่อมากขึ้นครับ **************************************************** Roswell ของ โจนาธาน รู้สึกจะเคยผ่านตามาเหมือนกันครับ เรื่องนี้รายละเอียดเยอะ ยังไงก็ขอบคุณคุณชื่อนี้ใช้ได้ ด้วยนะครับ จากคุณ : Mr.Terran    - [ 14 พ.ค. 52 17:08:49 ]   ----------------------------------------------------------------------------------- ด้วยความยินดีครับ. แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 18:48:21 จากคุณ : ชื่อนี้ใช้ได้ - [ 14 พ.ค. 52 18:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ความคิดเห็นที่ 57 อ่านออกได้ไง เหรอครับ อยากอ่านออกมั้ง จากคุณ : fete - [ 14 พ.ค. 52 23:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เพิ่งเข้าห้องนี้ครั้งแรก ก็ติดใจซะแร่ะ หุหุ แต่สรุป UFO ไม่ค่อยบินมาในไทยเลยเนาะครับ.. แต่มีใครสรุปให้หน่อยดิครับ ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงใช่ไหม.. จากคุณ : champcte - [ 15 พ.ค. 52 13:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตอนที่ผมยังเด็กมาก (ตอนนี้23แล้ว) ผมเคยดูรายการทีวีแนวสืบสวนสอบสวนสมัยนั้น เกี่ยวกับจานบินที่บินลงมาจากบนฟ้า ลงไปในคลองแล้ววิ่งใต้น้ำ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะคลองรังสิต ทำให้โคลนเลนจากก้นคลองขึ้นมากองอยู่ริมคลองเต็มไปหมด และบ้านคนที่อยู่ริมคลองก็พังเรียบ มันวิ่งอยู่ใต้น้ำไประยะทางยาวเท่าไรไม่ทราบ แล้วมันก็บินขึ้นจากน้ำหายไปบนฟ้า ชาวบ้านบอกว่าจานบินนี้มีสีเงินวาว ผมจำได้แค่นี้แหละครับ พยายามหาในกูเกิ้ลแล้วก็ไม่มีใครพูดถึง ไม่ทราบว่ามีใครจำได้บ้าง ผมจำได้แค่นี้แหละครับ จากคุณ : อ๊อด (คุณปิยนาจ) - [ 15 พ.ค. 52 19:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุน Mr.Terran คับ....เลยสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคน อิ อิ จากคุณ : Kung (KiGoJuNg) - [ 15 พ.ค. 52 21:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นแฟนคลับทันป่ะครับเนี่ย ชอบๆๆๆๆ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน - [ 16 พ.ค. 52 03:07:14 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านจบแล้วครับ สนุกมาก ใช้เวลาตั้งสามวันกว่าจะจบ ทำงานไปอ่านไป 555+ จากคุณ : knine2five - [ 16 พ.ค. 52 09:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบ คห 26 ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าอยู่ดีๆ ซากเศษสวะจำนวนมากที่ลอยอยู่ในคลองรังสิต( ไม่ทราบคลองที่เท่าใด)ก็ขึ้นมาอยู่ที่ตลิ่ง โดยไม่มีใครทราบสาเหตุ แต่ไม่มีข่าวบ้านเรือนเสียหายนะ ตอนนั้น คุณยุวรัตน์ กมลเวชช เป็นอธิการวิทยาลัยการปกครอง อยู่คลอง 11-12 นี่ละ ก็มีการลงความเห็นว่าอาจเป็นก๊าซที่เกิดจากการหมักหมมในคลองปะทุขี้นมา แล้วเรื่องก็เงียบหายไป จากคุณ : ยังจำได้ - [ 16 พ.ค. 52 11:27:47 A:61.19.66.172 X: TicketID:202788 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ เคยอ่านเช่นกันครับ คุณปิยนาจ คุณ ยังจำได้ แต่เพราะไม่มีการสํารวจจริงจังเลยไม่รู้ที่มาที่ไปครับ แต่ชาวบ้านบอกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่าง ผลักโคลนตมซากผักบุ้งให้เคลื่อนที่ไปด้วยแรงที่มหาศาล (ไม่รู้ชาวบ้านเว่อร์ไปป่าวนะ) อาจจะเป็นเพราะก๊าซก็ได้ครับ จากคุณ : Mr.Terran - [ 16 พ.ค. 52 13:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณค่ะ มาลงชื่อไว้ก่อนอ่าน จากคุณ : เส้นเล็กเย็นตาโฟ - [ 16 พ.ค. 52 14:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากๆครับ อยากอ่านเรื่อง UFO ในไทยบ้างอ่ะ เป็นไปได้รึป่าวครับ คุณMr.Terran จากคุณ : เส้นขอบฟ้าเวลาพระอาทิตย์ตกดิน - [ 16 พ.ค. 52 20:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตอบคุณ เส้นขอบฟ้าเวลาพระอาทิตย์ตกดิน คือเรื่องจานบินในประเทศไทยมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งมากครับ ผมเกรงว่าถ้าผมเขียนหรือนําเอาเรื่องนี้มาลง จะทําให้ชาวหว้ากอส่วนใหญ่รับไม่ได้ครับ เพราะชาวหว้ากอส่วนใหญ่ถือสมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก จากคุณ : Mr.Terran - [ 16 พ.ค. 52 22:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ว้า เสียดายจัง จากคุณ : เส้นขอบฟ้าเวลาพระอาทิตย์ตกดิน - [ 18 พ.ค. 52 22:57:28 ]