ความคิดเห็นที่ 1 ลองสังเกตุจากภาพผิวน้ำในอ่างเมื่อตอนเติมน้ำเต็มจนล้นออกมาบางส่วน สังเกตว่า จะมีส่วนนูนโค้งพ้นภาชนะขึ้นไปตามภาพวาดหรือ  ระดับน้ำตรงกลางมันสูงกว่าที่ขอบ อ่ะ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 14:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วัดความเอียงของชามแล้วหรือยังคะ จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 14 พ.ค. 52 14:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้ คลิปวีดีโอ สำหรับคลิปนี้ ทำรวบสองตอน จากข้างบน โดยช่วงแรก วางปิงปองตรงกลาง ขณะน้ำไม่เต็มอ่าง จะเห็นลูกปิงปองวิ่งเข้าหาขอบอ่าง อย่างได้ชัด (อย่างที่บอกไว้ข้างบน แบบต้านมือเห็นๆเลย) แต่พอมันมาอยู่ริม ถ้าเราเติมน้ำไปจนเต็ม (เติมอีกด้านเพื่อกันปัญหาว่ากระแสน้ำไหลมาดันลูกปิงปองให้ลอยไปตรงกลาง) จะเห็นว่าพอน้ำเต็มจนเริ่มล้น(ระดับผิวน้ำจะสูงกว่าขอบอ่าง) ลูกปิงปองจะลอยออกไปอยู่ตรงกลางอ่างแทน แล้วไม่กลับมาที่ขอบอีก  (ผลสอดคล้องกับการวางมันลงไป ที่ขอบอ่าง ตอนน้ำเต็มปริ่มแล้ว เช่นกัน แต่อันนี้จะเห็นชัดกว่า) จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 14:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลงชื่อไว้ก่อน ^^/ จากคุณ : คุณซัมซุง - [ 14 พ.ค. 52 14:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอบน้องแว่น ชามได้ระดับค่อนข้างดี แต่ถึงไม่ได้ระดับนักก็ไม่เป็นไร เพราะว่าระดับน้ำ มันนิ่ง มันจะรักษาระดับแนวราบของตัวมันอยู่แล้ว สรุป จากที่สังเกตุได้ จากการทดลอง 1 ขณะน้ำไม่เต็ม อ่าง ลูกปิงปองจะวิ่งไปติดที่ขอบอ่าง 2 ขณะที่น้ำเต็มล้นปริ่มอ่าง ลูกปิงปองจะลอยอยู่ตรงกลางๆ อ่างไม่มาที่ขอบ (ถ้าอยู่ที่ขอบอยู่ ก็จะวิ่งกลับไปตรงกลาง) วิเคราะห์ และสมมุติฐาน เรื่องระดับผิวหน้าของน้ำ จากแรงตึงผิว ตามรูป คิดว่าพวกเราคงไม่สงสัย ส่วนการวิ่งไปนั้นคิดว่า คงเป็นเรื่องการลอยตัวของลูกปิงปองที่จะพยายามลอยตัวขึ้นไปอยู่บนผิวน้ำหรือ ตรงที่ระดับน้ำสูงสุด ดังนั้นกรณีน้ำไม่เต็มอ่าง ตรงกลาง จะค่อนข้างต่ำกว่าตรงขอบ โดยเฉพาะตรงขอบติดอ่างเลยจะสูงสุด มันจึงลอยไป ด้วยแรงลอยตัว ไปอยู่ตรงนั้น ส่วนพอน้ำล้นอ่างตำแหน่งน้ำกลับกัน ตรงขอบอ่างต่ำสุดตรงกลางๆ จะค่อนข้างสูงกว่ามันจึงลอยไปอยู่แถวกลางอ่างแทน จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 14:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สังเกตุว่าลอยเข้าหาขอบด้านเดียวตลอดเป็นไปได้ไหมคะว่า ชามเอียง?? เพราะถ้าเป็นแบบดูดได้โดยไม่สัมผัสน่าจะเข้าไปหาขอบที่ใกล้ที่สุด #5 ตอบน้องแว่น > ลูกคุณหมออายุเยอะกว่ามิ้นอีกน้าาาาา ^^ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 14:47:29 จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 14 พ.ค. 52 14:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนทดลองสังเกตุเห็นความแตกต่างที่ชัดอันนึงคือ ตอนลูกปิงปองแห้งมัน จะวิ่งช้า หรือมีแรงผลักดันนี้ น้อยกว่าตอนปิงปองเปียก สันนิษฐานว่า ตอนปิงปองแห้งมันจมลงไปน้ำน้อยกว่าตอนเปียก(ที่ลูกมีน้ำหนักเพิ่มจากน้ำ)  เลยทำให้แรงลอยตัวที่น้ำดันมันขึ้นมา มีน้อยกว่าลูกปิงปองที่เปียกน้ำ และกดลงไปในน้ำมากกว่า จึงเห็นผลได้ชัดน้อยกว่า ????? เชิญ วิสัชนากันต่อได้ อิๆ กลับมาเล่นกระทู้ทดลองวิทยาศาสตร์กันอย่างนี้ก็หนุกดีนะ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 14:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนพิมพ์ไปนึกแล้วว่าน้องแว่นจะถามอันนี้ จริงๆแล้ว ถ้าวางไว้ใกล้ด้านไหนมันจะวิ่งไปด้านนั้นครับ พอดีในคลิป นี้ ค่อนข้างวางมาด้านนี้มันเลยมาด้านนี้มาก น้องแว่นอย่าลืมสิครับ ที่บอกไว้ น้ำไม่เหมือน แผ่นกระดานอะไรที่เราจะวางมันเอียงได้ แม้ภาชนะจะวางเอียง ระดับน้ำมันก็จะยังรักษาระนาบ ตามผิวโลกอยู่ด้วยตัวมันเอง อยู่แล้ว จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 14:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหมือนว่า ลูกปิงปองมันจะวิ่งไปหา ส่วนที่ "โค้งที่สุด" ของผิวน้ำ ณ เวลานั้น น้าเต็ม ส่วน โค้งที่สุดอยู่ตรงกลาง น้ำไม่เต็ม ส่วนโค้งที่สุดอยู่บริเวณขอบ แล้ว ส่วนที่ "โค้งที่สุด" มีความสำคัญอย่างไร? น่าจะเป็นส่วนที่ แรงตึงผิว สูงสุด ณจุดนั้น เดาครับ :) จากคุณ : มู้ดดี้ แม้ดอาย - [ 14 พ.ค. 52 14:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ชี้เก้า  จริงแล้วคือมันวิ่งไปที่ระดับน้ำสูงที่สุดครับ ส่วนโค้งสุดนั้น แม้ตอนน้ำเต็ม มันก็โค้ง(เว้าลง) มากขึ้นที่ขอบอ่างเหมือนกัน ตรงกลางจะค่อนข้างราบมากที่สุด แต่ต่ำสุดกรณี น้ำไม่เต็ม และสูงสุด กรณีน้ำเต็มปริ่ม จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 15:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แถมคลิปนี้อีกอันครับ อันนี้ เอาลูกปิงปองลง ไปสองลูก ลูกที่สองนั่น ครั้งแรกวางค่อนไปทางด้านหลังก็จะวิ่งแยกไปทางตรงข้าม ภาพจากวีดีโอส่วนใหญ่จะเป็นคล้ายกับเราวางปิงปองค่อนไปทางด้านหลังแต่จริงๆ แล้วมันค่อนมาทางด้านหน้าใกล้มือ เพราะว่า ถ่ายวีดีโอเอง มือเดียว ไม่ถนัด อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 15:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนที่น้ำไม่เต็มอ่าง  อาจเกิดจากแรงของประจุไฟฟ้าที่กระทำระหว่างขอบอ่างกับลูกปิงปอง พอเติมน้ำเต็มอ่านแล้วการที่ลูกปิงปองลอยมาอยู่ตรงกลางเนื่องจากไม่มีแรงของประจุไฟฟ้ามากระทำที่ลูกปิงปอง ส่งผลให้แรงตึงผิวของน้ำกระทำกับลูกปิงปองแทน ปล. ผมมั่ว เดาเอาล้วนๆ ขอเสนอให้ลองสร้างประจุที่ขอบอ่างกับลูกปิงปองตอนทดลองดูครับ จากคุณ : N'Pui - [ 14 พ.ค. 52 15:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^^ จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 14 พ.ค. 52 15:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอ้ววววววววว อิ อิ น่าสนใจครับ จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 14 พ.ค. 52 15:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ คิดเหมือน คห.12 เลยครับ อิอิ จากคุณ : ดอกต้อยติ่ง - [ 14 พ.ค. 52 15:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบแบบไม่ต้องคิดครับ สาเหตุที่ตอนน้ำเต็มแล้วมันลอยไปอยู่บริเวณตรงกลาง เพราะมันกลัวตกขอบจักรสาลครับ ปล. ผมมันก็มั่วได้ใจ จากคุณ : SuperTee (itCrazy) - [ 14 พ.ค. 52 15:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชามน่ารักมากเลยค่ะ อาหมอ ^^ จากคุณ : ปลาหมึกรสเลม่อน - [ 14 พ.ค. 52 15:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องประจุไฟฟ้า คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวนะครับ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับน้ำนี่ครับ และถ้าคิดว่าการเติมน้ำทำให้ประจุมันกลับขั้วจากดูดเป็นผลักได้ อะไรคือกลไก แล้วทำไมพอถ่ายน้ำออกประจุกลับมาอีกล่ะครับ เด๋วว่างๆจะทดลองกับพวก ชามแก้วที่ไม่ค่อยมีประจุ แต่ตอบสนองกับแรงตึงผิวของน้ำดี อีกที ปล.ชามข้าวลูกสาวมั้ง แอบหยิบมาจากครัว จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 16:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บร๊ะ เจ้าโจ๊ก เป็นคนสั่งให้ ปิงปองไปอยู่ข้างชาม ตอนน้ำไม่เต็มครับ ป.ล. ขอเกาะกระแส ซะหน่อยยย จากคุณ : หงษ์สู้เว้ย - [ 14 พ.ค. 52 16:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณลุงหมอ jfk ที่ถามหมายถึงว่า ถ้ามันเอียงแล้ว มันจะใกล้ขอบมากกว่าน่ะค่ะ เกี่ยวกันไหมคะ จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 14 พ.ค. 52 16:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คิดๆๆๆๆ กาแฟ สักแก้วก่อนครับ เด๊ยวมา จากคุณ : มู้ดดี้ แม้ดอาย - [ 14 พ.ค. 52 16:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมคิดว่าน่ามีเรื่องแรงตึงผิวของน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องนะครับ แต่หาคำอธิบายไม่ได้ จากคุณ : Shineokung - [ 14 พ.ค. 52 16:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนน้ำเต็มอ่างระดับน้ำมันจะโค้งป่องกลาง ลูกปิงปองที่ทำจากพลาสติกซึ่งเป็น hydrophobic จึงลอยไปส่วนที่ป่องที่ สุดของน้ำ เพื่อให้มีส่วนที่สัมผัสกับน้ำให้น้อยที่สุดตอนที่มันลอย ดูจากระดับน้ำที่หมอเจวาดมาคงใช้ชามกระเบื้องทดสอบใช่ไหมครับ ส่วนถ้าน้ำไม่เต็มมันก็จะลอยไปส่วนที่สุดของน้ำเหมือนกันละมั้ง วิธีที่จะทดสอบทฤษฎีของผมก็คือ ลองใช้ชามพลาสติก เทียบกะชามกระเบื้องหรือ แก้ว แล้วดูว่าผลต่างกันไหม เพราะชามพลาสติกตอนน้ำไม่เต็มน่าจะทำให้น้ำป่องกลางเหมือนกะตอนน้ำเต็ม ยิ่งชามเล็กยิ่งน่าเห็นผลชัด จากคุณ : ยาจกอุดร Jr. - [ 14 พ.ค. 52 16:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เดาเอานะ...... ปัจจัยของลมพัดนี่มีผลรึเปล่าครับ....... ลูกปิงปอง เอาแค่หายใจรดมัน มันก็กลิ้งไปเลย..... ลมพัดเพียงน้อยนิดแบบเราไม่รู้สึกก็ทำให้มันลอยติดขอบชามแล้ว...... สรุป น่าจะลองเอาตู้ปลาว่างๆไปครอบทั้งชาม ทั้งปิงปองนี่แหละ..... ถ้ามันอยู่นิ่งก็คงเป็นเพราะลม แต่ถ้าไม่...... แล้วมันอะไรล่ะเนี้ย.... จากคุณ : Sakurachan (Tomoeda) - [ 14 พ.ค. 52 16:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แรงลมจากมือตอนชักออกละครับ มันมีแน่ๆนะ จากคุณ : Ice-man - [ 14 พ.ค. 52 16:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อย่าลืม ลม ที่เกิดจากการระเหยของน้ำด้วยนะครับ จากคุณ : Humandroy - [ 14 พ.ค. 52 16:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ้อ.....ตอนมันลอยติดขอบน่ะครับ.... ลูกปิงปองมันหมุนอยู่ด้วยรึเปล่า......ถ้าหมุนนะ..... อาจจะเกี่ยวกับขั้วแม่เหล็ก เหนือ-ใต้ก็ได้..... เข็มทิศมันจะหมุนๆ ตามแรงแม่เหล็กใช่ไม๊ครับ..... แต่ลูกปิงปองมันก็หมุนๆ เลยเป็นแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง..... มันก็เลยลอยไปติดขอบ......ประมาณนั้น...... ผมเดาเอานะ...... จากคุณ : Sakurachan (Tomoeda) - [ 14 พ.ค. 52 16:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ที่จริง น่าจะเ ป็นแรง แบบเดียวกับ เทวรูปดื่มนม นะ จากคุณ : Humandroy - [ 14 พ.ค. 52 16:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 น่าจะเกิดจากแรงตึงผิว นะครับ ที่ดูดเข้าหาขอบอ่าง 1 แรงตึงผิวของน้ำ 2 แรงตึงผิวของน้ำกับผิวชามอ่าง 3 แรงตึงผิวของน้ำกับผิวลูกปิงปอง 2+3 ดูดเข้าหากัน และเมือลูกปิงปองแตะขอบอ่าง น้ำถูกดูดให้สูงขึ้นด้วย (เมื่อลูกปิงปองเเปียก แรงข้อ 3 มากขึ้น) เติมน้ำเต็ม 1 แรงตึงผิวของน้ำ 2 แรงตึงผิวของน้ำกับผิวชามอ่างโค้งขึ้น 3 แรงตึงผิวของน้ำกับผิวลูกปิงปอง 3-2 ถูกพลักหนีขอบอ่างที่สุด sum แล้วเลยเป็นจุดกึ่งกลาง (ก่อนเข้าจุดสมดุลเลยมีการแกว่งก่อน) แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 17:06:29 จากคุณ : datasim (datasim) - [ 14 พ.ค. 52 16:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นการทดลองเล็กๆที่ . . . . "สุดยอด" มากๆครับ จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) - [ 14 พ.ค. 52 17:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ****** อากาศ เบากว่านํ้า เพราะฉะนั้น มันจึงอยู่บน เข้าใจกันไหมเอ่ย ? 1. นํ้าไม่เต็มชาม // แรงตึง ของนํ้า ทําให้ผิวนํ้ามีลักษณะเป็นกระทะ เพราะฉะนั้น ส่วนที่อยู่สูงที่สุดของผิวนํ้าคือ ด้านขอบ .............. จาก ข้อเท็จจริงที่ว่า อากาศเบากว่านํ้า ในลูกปิงปองมีอากาศอัดอยู่ มันจึงลอยไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านํ้า 2.นํ้าเต็มชาม// แรงตึงของนํ้า ทําให้จุดที่อยู่สูงที่สุด อยู่ตรงกลาง จาก ข้อเท็จจริงที่ว่า อากาศเบากว่านํ้า ในลูกปิงปองมีอากาศอัดอยู่ มันจึงลอยไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านํ้า -------------------------------------------------------------------------------- หลักการคล้ายๆกับเรือ หรือ ลูกโป่ง // ที่ลอยอยู่บนผิวนํ้า จากคุณ : อ้นคุง^_^ from palm-plaza.com - [ 14 พ.ค. 52 17:06:11 A:99.37.31.172 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 คห.31 น่าจะเป็นคำเฉลยของทุกๆอย่างแล้วนะครับ.... จากคุณ : Night Claw - [ 14 พ.ค. 52 17:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คิดเหมือน #31 ครับ น่าจะมาจากอากาศเบากว่าน้ำลูกปิงปองที่มีอากาศอยู่ภายในเลยพยายามลอยอยู่เหนือน้ำ ซึ่งด้วยแรงตึงของน้ำทำให้จุดสูงสุดของน้ำต่างกันเมื่อเติมน้ำเต็มชามกับไม่เต็มชาม จากคุณ : asadora - [ 14 พ.ค. 52 17:31:42 A:58.10.149.96 X: TicketID:162924 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาดู แต่ยังคิดไม่ออก ว่าเป็นด้วยเหตุใด เห็นตั้งแต่กระทู้เดิมแล้วครับ จากคุณ : น้าพร - [ 14 พ.ค. 52 17:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าเอาลูกปิงปองไปลอยในชามใหญ่มากๆ จนผิวน้ำเรียบ มันก็คงลอยอย่าง random เพราะแรงดึงที่เกิดจากแรงตึงผิว กระทำำต่อลูกปิงปองเท่าๆกันทุกทิศทาง ทำให้แรงลัพท์ เท่ากับ 0 ถ้าเอาไปว่างในชามกลม ที่ขนาดเล็ก เดาว่า ถ้าสามารถวางกลางเป๊งๆ และตอนปล่อยมือ ไม่ทำให้เสียสมดุลย์ด้วย ลูกปิงปองก็น่าจะลอยอยู่ตรงกลาง เพราะแรงดึงจากแรงตึงผิวก็ยังเท่ากันทุกทิศ แต่พอวางไม่ตรงกลาง ทำให้ด้านที่ใกล้ขอบชามกว่า เกิดแรงดึงจากแรงตึงผิวมากกว่า แรงที่มากกว่าเกิดจากการรูปทรงของระดับน้ำ ตำแหน่งที่ใกล้ขอบชามระดับน้ำจะสูงกว่ากลางชาม ทำให้ลูกปิงปองด้านนั้น เปียกน้ำสูงกว่าด้านอื่นๆ พื้นที่สัมผัสน้ำด้านนั้นก็เลยมากกว่าด้านอื่นๆ ทำให้แรงตึงผิวของน้ำที่กระทำต่อลูกปิงปองในทิศนั้นมากกว่าทิศอื่นๆ ในกรณีน้ำเต็มปริ่ม ก็กลับกันครับ ระดับน้ำอาจจะต่างกันนิดเดียว แรงตึงผิวอาจจะนิดเดียว แต่ลูกปิงปองก็เบา ความฝืดก็ต่ำ แรงนิดเดียวก็น่าจะดึงลูกปิงปองให้ลอยไปได้ ทฤษฎีนี้ เดาเอาล้วนๆครับ จากคุณ : alan the lamb - [ 14 พ.ค. 52 17:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบดญ.มินต์ ถ้าแก้วเอียงขนาดในรูปจนทำให้เกิดน้ำล้นอีกด้านอย่างนั้น ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนที่ไปยังอีกด้าน (ด้านที่น้ำไม่เต็มได้ครับ) เหมือนตามรูปสอง แต่ถ้าเป็น การเอียงๆนิดไม่ได้ล้นมาแบบนั้น ระดับน้ำทั้งสองด้านจะยังเท่ากันไม่ต่างเหมือนรูปสาม ตอบ22 แรงตึงผิวทำให้ระดับน้ำในชามไม่เท่ากัน ไงครับ ตอบ 23 ต่อจาก22 เลย ใช่ครับ ผลที่ป่องมาจากแรงตึงผิว ทำให้ระดับน้ำตรงกลางสูงกว่าที่ขอบกรณีน้ำเต็ม และต่ำกว่าที่ขอบกรณีน้ำไม่เต็ม ส่วนการลอยของลูกปิงปองนั่น แม้จะไม่ได้ทำด้วยพลาสิค แต่บางขนาดนั้นและกลวง มันลอยได้แน่นครับ แม้จะเป็นเหล็กที่บางขนาดนั้นทำก็ตาม ชามที่เห็นเป็นชามเมลามีน การไต่ระดับของน้ำขึ้นไปตามผิวสังเกตุดูพวกแก้วและพลาสติค จะดีกว่าพวกโลหะ ผมเองยังไม่เคยค้นเหมือนกันว่าเพราะว่าอะไร อิๆ แต่ที่แน่ๆ มันจะสูงขึ้นเกือบทุกพื้นผิวอยู่แล้ว ดังน้ันไม่ว่าชามอะไร เดาผลก่อนได้ว่า มันจะต้องเคลื่อนเข้าไปหาขอบ เพียงแต่แรงที่ว่า จะแรงมากหรือ น้อย ทำให้เห็นได้ชัดหรือไม่เท่านั้น คงไม่ผลักให้ลอยออกไปตรงกลางเหมือนตอนน้ำล้นปริ่มแน่ๆ ตอบ 24 เรื่องลมตัดออกได้ ครับ ผมทำในห้องไม่มีลมพัด และ แรงที่มันวิ่งมันวิ่งอย่างแรงเห็นชัดเลยครับ และถ้าคิดว่ามันวิ่งเพราะว่าลมหายใจอยากบอกว่ามันวิ่งเข้าหามาทางตัวผม เนื่องจากผมวางไว้ใกล้ขอบด้านใกล้ตัว แรงที่วิ่งมานี่แรงจนผมคิดว่าถ้าจะออกแรงเป่าต้านต้องแรงพอดู ตัดลมออกไปได้ครับ แต่ถ้าเอาตู้ปลาไปครอบแล้วเอาลูกปิงปองเข้าไปวางไม่ได้ อ่ะครับ ตอบ 25 แรงลมจากมือตอนชักออกน้อยมาก ครับ จริงๆแล้วพอปล่อยแล้วมันก็วิ่งก่อนเราชักมือ แล้ว อ่ะ แล้ว เหมือนที่บอกข้างบนมันวิ่งอย่างแรง ต้องลองไปเล่นดู ครับ จะรู้ว่ามันแรง Feel ไหน ตอบ26 เช่นกัน แรงลมจากการระเหยของน้ำนี่ยิ่งน้อยใหญ่ แล้ว ก็มันจะอธิบาย การวิ่งที่มีทิศทางแน่นอน ที่แตกต่างจากกรณีน้ำเต็ม กับไม่เต็มไม่ได้ ครับ ตอบ 27 ลูกปิงปองวิ่งแหวกน้ำ แบบไม่หมุนครับ ทั้งตอนวิ่งหาขอบอ่าง กับ วิ่งย้อนจากขอบเข้าไป ที่กลางอ่าง 29 ผมคิดคล้ายๆ กันครับ แต่ปัจจัยหลักดูเหมือน เป็นแรงตึงผิวของน้ำกับภาชนะ ทำให้ระดับน้ำมันต่างกัน ส่งผลต่อแรงลอยตัว จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 17:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อ้าววววววว มัวไล่ตอบยาว ตอบเสร็จ เข้ามาเจอ 31 ใช่ครับ ผมคิดและอธิบายไว้อย่างที่ว่านั่นแหละ ตอบ 32 คุณ Alan คิดเหมือนกัน ครับ และบอกไว้ข้างบนแล้ว ถ้าภาชนะใหญ่มาก ตรงกลางมันจะเหมือนผิวราบ (แม้จะต่ำกว่าขอบมากแต่ระยะที่ห่างกันมากๆ ทำให้ระดับมันไม่ได้ต่างกันมากจนทำให้ เกิดแรงดึงวิ่งไปที่ขอบ กรณีน้ำไม่เต็ม แต่ถ้า กรณีน้ำเต็มล้น นี่อาจจะเห็นมันขยับพ้นขอบมาได้บ้าง จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 พ.ค. 52 17:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Choco-Mix เข้ามาดูการทดลองลูกปิงปองลอยน้ำ แล้วนึกถึงเพลงนี้ยังไงไม่รู้แฮะ ลูกปิงปอง นี่มันวิเศษใครอยากอั๊พเดทเชิญนะเชิญน๊า ลูกปิงปองเขามีไว้ตี ใครทะลึ่งลองดีลองได้นะจ๊า   แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 18:02:28 จากคุณ : Choco-Mix - [ 14 พ.ค. 52 17:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยว่าคงเป็นผลจากแรงตึงผิวน้ำ โหวตนะครับ... มีคลิปทดลองให้ดูจะๆ น่าเอาเป็นแบบอย่างครับ ชอบ ^ ^ จากคุณ : C.ker - [ 14 พ.ค. 52 19:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สนุกแฮะ ^^ ไว้อีกสองสามปี ผมจำไปทำให้ลูกเล่นมั่งครับ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 14 พ.ค. 52 19:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คห 31 มาจาก palm-plaza จากคุณ : oakemon - [ 14 พ.ค. 52 19:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้ หว้ากอ   แท้ๆ  ครับ    ต้องโหวด ๆ - มีทฤษฎีเริ่มต้น - มีการทดลอง - มีสรุป นี่แหละกระทู้ วิทยาศาสตร์ ของห้องวิทยฯ จริง  นานแล้วที่ไม้่ได้เจอกระทู้แบบนี้ โหวด ๆ โหวด ๆ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 19:25:41 จากคุณ : sumalai_computer - [ 14 พ.ค. 52 19:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 41 คห 31 มาจาก palm-plaza จากคุณ : oakemon ^ ^ ^ เอิ่มม ไม่ใช่ว่ามีใครมาก่อเรื่องไว้นะ ผมเข้ามาอ่านประจําอ่ะ นานๆ จะตอบซักที จากคุณ : อ้นคุง^_^ from palm-plaza.com - [ 14 พ.ค. 52 19:30:19 A:99.37.31.172 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นคุณหมอเจทำแล้ว ก็เลยไปลองทำดูบ้างครับ โดยใช้ชามแก้ว ชามพล๊าสติก ชามกระเบื้อง ปรากฎว่ามีค่าเหมือนกันหมด หากน้ำไม่เต็มชามลูกปิงปองจะลอยมาติดขอบ แต่ถ้าน้ำเต็มลูกปิงปองจะลอยไปมาไม่ถึงกับไปอยู่กลาง แต่ถ้าลอยมาใกล้ขอบชามประมาณครึ่งเซ็นต์  จะคล้ายๆกับมีอะไรผลักเบาๆให้ลูกปิงปองลอยออกจากขอบชาม เลยทดลองใช้ลมปากเป่าเบาๆให้ลูกปิงปองลอยเข้าหาขอบชาม ปรากฎว่าเหลือประมาณครึ่งเซ็นต์ลูกปิงปองก็จะลอยออกจากขอบชามมาเหมือนเดิม เห็นแล้วจะขอลองเดาดูบ้างนะครับ เมื่อน้ำไม่เต็มชาม ขอบชามก็จะไม่เกิดแรงตึงผิว ลูกปิงปองจึงลอยมาติดขอบได้ครับ แต่พอเติมน้ำเต็มชาม ตามขอบชามน้ำจะนูนขึ้นเล็กน้อย คิดว่าน้ำน่าจะนูนเฉพาะตามขอบชาม ส่วนตรงกลางน่าจะยุบตัวลงบ้าง ตามลักษณะของการตกท้องช้าง เมื่อลุกปิงปองลอยมาใกล้ขอบ จึงเหมือนถูกอะไรผลักให้ถอยออกไป ไม่ลอยไปติดขอบครับ . แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 10:11:24 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 10:05:04 จากคุณ : บุญถิ่น - [ 14 พ.ค. 52 19:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เอาไปออกงานวัดได้นะเนี่ย... ท้าวางลูกปิงปองให้ได้กลางถ้วยครั้งละ 5 บาท... คุณ ไดยาโมโตะ ก็เข้าใจสังเกตดีจังแฮะ... คุณหมอก็ขยันทดลองมาให้ดูอย่างไว... ที่สำคัญกระทู้ไม่ออกทะเลได้เนี่ย ดีใจสุดละ... จากคุณ : จิบเดียวก็ซึ้งแมน - [ 14 พ.ค. 52 19:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จริงๆตามจินตนาการผม มันน่าจะกลับกันไม่ใช่หรอ T-T ส่วนที่สูงที่สุดอยู่ตรงขอบก็จริง แต่ว่า มันต้องลอยขึ้นไปตรงๆสิ ทำไมมัยถึงเอียงไปแบบนั้นได้ เอียงไปที่ขอบ ******* ธรรมชาติ ของสิ่งที่ลอยน้ำ คือ !! ลอยจาก ระดับต่ำ ไประดับสูง ไม่ใช่หรอครับ แล้วทำไม ยังต้องไปขอบชามอีก งง จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีคนรู้จัก - [ 14 พ.ค. 52 19:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เข้าใจว่าแรงตึงผิวกับแรงลอยตัวอยู่ในภาวะเสถียรที่สุดค่ะ (ภาษาอาจจะงงๆแต่อธิบายไม่เป็นอ่ะค่ะ) อย่างเศษกระดาษเล็กๆ ก็จะลอยไปติดขอบชาม ลักษณะเดียวกันกับลูกปิงปอง จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 14 พ.ค. 52 20:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แต่ถ้าน้ำปรึ่มถ้วย เศษกระดาษก็ลอยเท้งเต้งอยู่แถวๆกลางถ้วยเหมือนกันนะคะ... เพราะรูปทรงของน้ำเปลี่ยนไป ตรงกลางจะนูนๆกว่าตรงขอบๆ เข้าใจว่ามันมีพื้นผิวสัมผัสกับน้ำมากกว่าบริเวณอื่นน่ะค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 14 พ.ค. 52 20:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบแบบงงๆ และจากไปแบบงงๆ ตกฟิสิกส์ค่ะ 555 ทั้งหมด มั่วล้วนๆค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 14 พ.ค. 52 20:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ก่อนไป หวังว่าคงไม่มีคนเอาหลักการนี้ไปหากินกับการใบ้หวยนะคะ.... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 14 พ.ค. 52 20:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แต่ถ้าตั้งสมมุติ ว่าเกิดจากการลอยตัว แต่ผลกระทบอีกตัวคือแรง G น่าจะดึงลูกปิงปองลงมาจุดต่ำสุด ลูกปิงปองยังหนักกว่าอากาศไม่สามารถลอยตัวเมือเทียบกับอากาศโดยรอบลูกปิงปอง  อย่างนั้นน่าจะมีแรงที่มากก่วาแรง G มากระทำนะครับ และจากความคิดเห็นที่44  การลอยตัว กับหนีออกจากขอบปลิ่มน้ำนั้นต่างกันนะครับ ผมก็ว่าไม่ใช่ลอยออกมา แต่ถูกพลักออกมา แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 20:25:18 จากคุณ : datasim (datasim) - [ 14 พ.ค. 52 20:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 พ.ค. 52 20:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โหวตค่ะ นี่สิ กระทู้วิทยาศาสตร์ จริงๆ จากคุณ : MzChewiize - [ 14 พ.ค. 52 20:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คำตอบคือ น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ หรือ การหาจุดสมดุลย์ หรือหลักการหาจุดที่มีพลังงานศัิกย์ต่ำสุด.... เมื่อน้ำผิวโค้งขึ้น(น้ำเต็มแก้ว)  เวลาลูกปิงปองลอยไม่อยู่ตรงกลาง.. ปริมาณน้ำที่อยู่ตรงยอดน้ำจะสร้างแรงกดดันด้วยน้ำหนักของน้ำเองเพื่่อเคลื่อนที่จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ (ลดพลังงานศักย์ของระบบ(น้ำ)) น้ำจะเข้าไปแทนที่ส่วนที่ลูกปิงปองจมน้ำอยู่ทำให้ลูกปิงปองต้องหาจุดที่สมดุลย์ใหม่ด้วยการสลับที่กับน้ำที่อยู่ตรงการแก้ว เวลาทำการทดลอง มันไม่ได้อยู่ที่ ระดับน้ำจะอยู่ที่ปากภาชนะ หรือกลางภาชนะ แต่มันอยู่ที่ผิวน้ำว่าจะโค้งนูนขึ้นข้้างบน หรือเว้าลงข้างล่างมากกว่า น่าจะถูกนะ เดี๋ยววาดรูปให้ดู จากคุณ : oxidation - [ 14 พ.ค. 52 20:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ส่วนโค้งสีฟ้า ก็คือ ส่วนของน้ำที่ย้ายตำแหน่งเพราะแรงดึงดูดของโลก.. จากคุณ : oxidation - [ 14 พ.ค. 52 21:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าเราเอาเข็มเย็บผ้า ค่อยๆวางลงไปให้ลอยน้ำ.. เหตุการณ์จะตรงกันข้ามกัน... น้ำที่โค้งขึ้นข้างบน จะทำให้เก็บ ลอยไปอยู่ข้างแก้ว  แต่น้ำที่เว้า ลงด้านล่างจะทำให้เข็ม ลอยกลางแก้ว จากคุณ : oxidation - [ 14 พ.ค. 52 21:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 รูปข้างบน เป็นน้ำที่เว้าลงด้านล่าง สังเกตุดูเงาน้ำที่ขอบแก้ว  เข็ม จะลอยกลางแก้ว ไม่ไปด้านข้างเหมือนอย่างลูกปิงปอง... เพราะเข็มเลือกที่จะแทนที่น้ำในตำแหน่งล่างสุดที่มันทำได้ (ทำตัวมันให้มีพลังงานศักย์ต่ำสุด) แต่ที่มันลอยได้เพราะมีแรงพยุงจากแรงตึงผิวเป็นแรงหลัก(ต่างกับลูกปิงปองที่ลอยได้เพราะมีแรงพยุงจากการแทนที่ปริมาตรน้ำเป็นแรงหลัก) ผลรวมของทั้งน้ำและเข็มทำให้ระบบมีพลังงานศักย์ต่ำสุด ทีนี้ ถ้าเราเติมน้ำเพิ่มลงไปให้ผิวน้ำนูนขึ้นมา... สังเกตุได้จากเงาในน้ำ และตรงขอบแก้ว ว่ามันเล็กลง  เข็มก็จะลอยไปกองอยู่ด้านข้าง (ตรงข้ามกับลูกปิงปอง) ผมคิดว่า เหตุผลของผมน่าจะพอมีน้ำหนักนะ... จากคุณ : oxidation - [ 14 พ.ค. 52 21:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ้อ  อีกเรื่องหนึ่ง คือ ขนาดของเงากระจกในน้ำ เล็กใหญ่ ไม่เท่ากันเพราะผม ไม่ได้เซ็ทระยะกล้องให้อยู่ที่เดิม(เอามือถ่ายนั่นเอง)  ขอให้ดูความโค้งงอ ของเงาบนน้ำที่สัมผัสกับแก้วนะครับ.. หรือใครอยากลองทำดูก็ได้...  ถ้าการวางเข็มช้าๆ บนน้ำทำได้ลำบาก ก็ขอให้เอาเข็มวางบนทิชชู่ก่อน แล้วนำไปลอยน้ำ รอสักพัก ทิชชู่จะจมลง แต่เข็มยังลอยน้ำได้ครับ จากคุณ : oxidation - [ 14 พ.ค. 52 21:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 หมอเจกลับมาแล้ว หลังจากหนีไปซะนาน อิอิ ไม่เห็นกระทู้แบบนี้มานานแล้ว ความคิดเห็นเพิ่มเติม อยากให้หมอลองเจอะรูปิงปอง และหรือเอาวัสดุต่างๆที่ลอยน้ำได้มาทดสอบด้วยครับ สิ่งที่ผมอยากรู้ก็คือ พื้นผิวของวัสดุมีส่วนด้วยรึปล่าว ผมไม่คิดว่ามาจากแรงตึงผิวของน้ำอย่างเดียว จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 14 พ.ค. 52 21:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อ่าว โพสเสร็จมีคนทดสอบเข็มพอดีเลย 555 จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 14 พ.ค. 52 21:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คิดว่าเกิดจากแรงผลักที่เป็นผลจากลมในลูกปิงปอง ทำให้ผลักลูกปิงปองลอยสูงจากน้ำ เหมือนความเห็น 31 นั่นแหละครับ เราสามารถทดลองได้โดยใช้ลูกปิงปอง ใหญ่เล็ก ไม่เท่ากัน จะมีลมในลูกไม่เท่ากัน ซึ่งก็จะมีแรงที่เรากำลังพูดถึงไม่เท่ากัน  ปล่อยพร้อมๆกัน  ถ้าเป็นแรงดังกล่าว ลูกใหญ่จะวิ่งได้เร็วกว่าลูกเล็ก เพราะลมมากกว่า จากคุณ : ป้อม (Bgate) - [ 14 พ.ค. 52 21:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ไปลองดูอีกครั้งครับ เลยไม่ค่อยแน่ใจคำตอบ 44 คิดว่าคงจะไม่ใช่การตกท้องช้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรครับ ถ้าน้ำไม่เต็มชาม ลูกปิงปองจะค่อยลอยไปมา พอมาใกล้ขอบชามสักครึ่ง ซม. สังเกตุดูลูกปิงปองจะลอยเร็วขึ้น คล้ายถูกขอบชามดูดเข้าไป ลองเอาไม้เล็กๆดันออกสักครึ่ง ซม. พอยกไม้ขึ้นลูกปิงปองก็จะปรี่เข้าหาขอบชามคล้ายถูกดูดอีก แต่พอกันออกห่างกว่านี้ บางทีก็ลอยเข้ามา บางทีก็ลอยไปจุดอื่นครับ แต่พอเติมน้ำเต็มชาม สังเกตุดูน้ำขอบชามจะนูนขึ้นเล็กน้อย พอลูกปิงปองลอยมาใกล้ขอบสักครึ่ง ซม. ก็จะลอยเข้าไปอีกไม่ได้ เข้าใจว่าแรงตึงผิวที่ทำให้น้ำนูนขึ้นคงจะผลักลูกปิงปองออกมา ถึงจะเอาไม้ดันเข้าไปหาขอบ แต่พอยกไม้ขึ้นลูกปิงปองก็จะถอยออกมาคล้ายถูกผลักทุกครั้งครับ จากคุณ : บุญถิ่น - [ 14 พ.ค. 52 22:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 63 กำลังจะคล้อยตามคุณหมอเจแล้วเชียว มาเจอเข็มลอยน้ำ งงหนักเข้าไปอีก จากคุณ : =Lord Gary= - [ 14 พ.ค. 52 22:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แรงตึงผิว จริงๆด้วย =w= ขอบคุณสำหรับการทดลองสนุกๆค่ะ จากคุณ : ฮ่าๆๆComeback (โฮ่งฮับตังเม) - [ 14 พ.ค. 52 22:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ลองน้ำมัน + อย่างอื่นดูสิครับ จากคุณ : JohnnieWalker - [ 14 พ.ค. 52 23:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เกี่ยวกับสารข้างในลูกปิงปองด้วยหรือเปล่าครับ??? เคยผ่าออกมา มันหอมๆดีนะ ไม่รู้ว่าเป็นสารระเหยอะไรรึเปล่า จากคุณ : @Lfa7D - [ 14 พ.ค. 52 23:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 67 น่าสนใจว่ารูปของกาละมังและลูกปิงปอง 1. รูปร่างของกาละมัง ในหัวข้อนี้ ที่ระดับนำ้ทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้เกิดความต่างของแรงจากแรงตึงผิวนั้น น่าจะสามารถอธิบายได้ด้วย งานวิจัยทางด้าน Force Field / potential field Hทีทีp://portal.acm.org/citation.cfm?id=286816 Hทีทีp://isl2.cp.eng.chula.ac.th/research-file/pok/master/Thesis_Present.ppt ทั้งนี้ วิธีการหนึ่งที่จะพิสูจน์ได้คือการหาภาชนะที่มีรูปร่างแปลกๆ ที่ทำให้ เกิดแรงที่ไม่สมมาตร ถ้าหากลูกปิงปองมีการเคลื่อนที่แปลกไป ก็น่าจะเป็นหลักฐานในการยืนยันสมมุติฐานนี้ได้ 2. ถ้าหาก ลูกปิงปองจมน้ำมากขึ้นจะทำให้ แรงที่มีน้อยลงไปอีกหรือไม่ พิจราณาจากรูปร่างของลูกปิงปอง ถ้าหาก แรงตึงผิวเป็นส่วนสำคัญ ก็จะพบว่า ระดับของการจมของลูกปิงปองจะเป็น ตัวแปรสำคัญในการเกิดแรง สมมุติฐานนี้คือ แรงที่เกิด น่าจะมี พารามิเตอร์สองส่วนคือ ความต่างของระดับน้ำ และ ระดับการจม จากการมองด้านข้าง ... ระดับการจมจะทำให้ค่าส่วนต่าง หรือระยะความสูงที่ผิวน้ำสัมผัสลูกปิงปองไม่เท่ากัน ถ้าให้ความต่างของระดับน้ำด้านซ้านและขวาคงตัว แต่ เมื่อมองจากด้านบน รูปร่างของแนวสัมผัสนั้นจะเปลี่ยนไป ตรงนี้มีผลหรือไม่ ???? o่าสงสัย จากคุณ : GoodGuy - [ 14 พ.ค. 52 23:58:29 A:161.200.255.162 X: TicketID:205742 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สังเกตว่า ต่างขั้วกัน จะผลักกัน, ขั้วเดียวกันจะดูดกัน เกี่ยวกับแรงตึงผิวเป็นหลักเลย (ต่างกับการวางวัตถุบนพื้นลาดโดยสิ้นเชิง) จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 15 พ.ค. 52 00:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ความคิดเห็นที่ 66 เราว่านั่นมันกลิ่น พลาสติกจากโรงงาน เต็มๆเลยนะนั่น(สดๆเข้มข้น ไม่เคยสัมผัสอากาศภายนอกเลย) แรงตึงผิว ทำให้ผิวน้ำโค้ง แรงลอยตัว ทำให้ลูกปิงปองลอยไปส่วนที่สูงที่สุดของผิวน้ำ แรงตึงผิว ไม่ใช่แรงหลัก ที่ทำให้ลูกปิงปองลอยไปที่ตำแหน่งนั้นๆ ...มั๊ย จากคุณ : อุนทามะ - [ 15 พ.ค. 52 00:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 70 กระทู้นี้น่าสนใจกับผลการทดลองจริงๆ ความเห็นของผมคิดว่ากรณีนี้ น่าจะเกี่ยวกับแรงยึดเกาะ (เรียกไม่ถูกแล้วเหมือนกัน) ระหว่างของเหลวกับผิวของวัตถุ ในกรณีเมื่อน้ำครึ่งชาม จะเกิดการโค้งเว้าลงระหว่างน้ำกับผิวชาม ซึ่งเป็นผลจากแรงยึดเกาะที่มากกว่าแรงตึงผิวของน้ำ และแรงเดียวกันนี้ก็เกิดกับน้ำและลูกปิงปอง เช่นเดียวกับลูกปิงปอง เมื่อวางลงในน้ำ เนื่องจากน้ำจะโค้งเว้าลง หากลูกปิงปองไม่อยู่กึ่งกลางเป๊ะๆ พื้นที่ผิวที่ด้านนึง (ที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่า) จะมีส่วนสัมผัสกับน้ำที่ใกล้กันมากกว่า จึงเกิดแรงยึดเกาะมากกว่าอีกฝั่ง เนื่องจากลูกปิงปองเบา จึงถูกแรงดึงให้เคลื่อนที่ได้ง่าย ทำให้ลูกปิงปองถูกดึงไปชนขอบชาม ยิ่งใกล้ขอบ โ้ค้งจะยิ่งมากขึ้น ส่วนสัมผัสกับน้ำก็มากขึ้น ลูกปิงปองก็จะไปเร็วขึ้น กลับกัน กรณีน้ำเต็มชาม แรงตึงผิวที่ขอบบน ทำให้น้ำโ้ค้งขึ้น ส่วนสัมผัสกับน้ำของลูกปิงปองด้านในมีมากกว่าด้านนอก จึงถูกดึงเข้าหากลางชาม จนกระทั่งอยู่ในสมดุลที่ระดับน้ำสูงสุด จากคุณ : Chirayut - [ 15 พ.ค. 52 00:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ปิงปองไม่เปียกแรงตึงผิวน้ำยังกระทำกับขอบลูกปิงปองที่แห้งทำให้เคลื่อนที่ช้า และทั้งยกตัวจมน้อย ผิวปิงปองมันลื่นๆ รุ่นแข่งขันทำผิวนอกพิเศษเหมือนมีวัสดุนาโนเคลือบให้เกิดแรงต้านกับยางปิงปอง วัสดุที่ว่ามันทำให้เปียกน้ำยากถ้าพึ่งน้ำหนักตัวมันเองกด - ปิงปองเปียกทำให้หล่อลื่นเคลื่อนที่เร็ว น้ำกับน้ำเจอกันก็มีแรงดึงโมเลกุ จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 15 พ.ค. 52 00:35:03 A:125.27.10.151 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอแบบ กะละมังเลยได้ป่าวคับ แบบว่ากลัวอ่างจะเล็กเกินไป แล้วลองแบบ ตั้งกะละมังเอียงๆ ลองวางจากด้านที่ขอบต่ำ วางจากด้านที่ขอบสูง ฯลฯ ดูด้วยนะคับ ปล.ไม่ยอมทำเอง แต่บอกให้คนอื่นทำซะงั้น (ขอบคุณมากๆ ที่อุตส่าห์ทำมาให้ดูกันค้าบ) อิอิ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 15 พ.ค. 52 00:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อันตัวกระผมน้านนนนนนนนนนนนนนนนนน ตกฟิสิกส์ขอรับ ไอแรงแอดฮีชั่นกะโคฮีชั่นเนี่ยมันอยู่คลาสของไหลใช่มะ โว๊ะ....คลาสนี้ผมหลับตั้งแต่ความหนาแน่นแล้ววววววววววววว อย่างน้อยผมก็ฟังพี่ออกซิเดชั่น(ชื่อซะเคมี5+)ออกหล่ะว้า จากคุณ : NorsDavincy - [ 15 พ.ค. 52 01:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 74 มาดูลูกปิงปอย ลอยในอ่างน้ำ อิอิ เยี่ยมเลยครับกระทู้นี้ ที่สำคัญคือมันไม่ออกทะเลนี่สิ จากคุณ : หมูกระเทียม+ไข่ดาว - [ 15 พ.ค. 52 03:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 75 #72 ลองทำชามเอียงแล้วครับ โดยใช้ไม้บรรทัดหนุนก้นชามด้านหนึ่งให้สูงขึ้น น้ำด้านนี้จะลดลงต่ำกว่าขอบ อีกด้านน้ำจะนูนพ้นขอบขึ้นมา ด้านน้ำนูนจะเกิดแรงตึงผิว  พอวางลูกปิงปองเข้าไปใกล้ ขอบชามจะผลักลูกปิงปองถอยออกมาครับ ลองใช้หลอดดูดดันเข้าไป ก็จะผลักออกมาอีก จึงลองเขี่ยเบาๆไปอีกด้าน ด้านที่น้ำลดต่ำกว่าขอบ ลูกปิงปองจะลอยเข้าไปติดขอบชามทันทีครับ ยอมรับว่าคิดไม่ออกทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เป็นไปได้ไหมที่น้ำไม่เต็มชามแล้วลูกปิงปองลอยไปติดขอบ เป็นเพราะในน้ำมีแรงดัน เมื่อถูกขังด้วยขอบชามที่แข็ง น้ำจึงตรึงกันเพื่อหาทางออก พอลูกปิงปองลอยเข้าใกล้ขอบสักครึ่งเซ็นต์ ก้นลูกปิงปองซึ่งจมน้ำอยู่เล็กน้อย ได้ปิดบังขอบชามเอาไว้ ทำให้แรงดันขอบชามส่วนถูกบังลดลง น้ำจึงดันลูกปิงปองแทน ทำให้ลูกปิงปองลอยวูบเข้าติดขอบ และผลักไม่ค่อยจะยอมออก ผลักแล้วก็ลอยเข้าหาขอบชามอีกครับ   ส่วนน้ำเต็มชามแล้วขอบชามผลักลูกปิงปองออกไป เข้าใจว่าน้ำขอบชามที่นูนขึ้น ได้เกิดแรงตรึงผิว มีความยืดหยุ่น แรงดันจึงสะท้อนกลับ พอลูกปิงปองลอยเข้าใกล้สักครึ่งเซ็นต์ จึงถูกแรงตรึงผิวผลักให้ถอยกลับไปครับ . แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 16:28:29 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 08:13:54 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 07:06:38 จากคุณ : บุญถิ่น - [ 15 พ.ค. 52 06:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ผมคิดว่าเป็นเรื่องของแรงตึงผิวล้วนๆครับ หากเติมน้ำยาล้างจานลงในถ้วยสักหน่อย ค่อยๆหยดอย่าให้เกิดฟอง ผลการทดลองอาจแปลกไป (เข็มก็คงลอยอยู่ไม่ได้) เพราะน้ำยาล้างจานเป็น Surfactant ที่ลดแรงตึงผิวของน้ำ ลูกปิงปองจะยังวิ่งไปชน /ถอยห่างขอบถ้วย อีกหรือไม่ เราน่าจะเห็นผลของแรงตึงผิวชัดขึ้น ใครทดลองในกรณีนี้ แจ้งผลให้เพื่อนๆทราบนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 07:40:15 จากคุณ : พรเลิศ - [ 15 พ.ค. 52 07:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งจะได้ผลเป็นยังไงครับ จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) - [ 15 พ.ค. 52 08:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณครับ เนื้อหาน่าสนใจมากๆ และเป็นวิทยาศาสตร์ที่ผมไม่ได้เรียนรู้ในห้องเรียนชั้นมัธยมปลาย (เพราะมัวแต่นั่งพิสูจน์สมการ) โหวตครับ จากคุณ : s m l xl - [ 15 พ.ค. 52 08:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อืม.... เพราะเพราโลก กำลังหมุน ... แล้ส มันมีแรงหนีศุนย์กลางไหมอ่ะครับ เวอร์ไปป่าวหว่าเรา จากคุณ : vn, man - [ 15 พ.ค. 52 10:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ในกรณี #56,57 ที่เข็มเย็บผ้ามีตำแหน่งสลับกับลูกปิงปองในสองเหตุการณ์นั้น ผมคิดว่าน่าจะใช้เหตุผลเดิม ใน #31 อธิบายได้ ในกรณีลูกปิงปอง ภายในเป็นอากาศที่เบากว่าน้ำ อากาศจึงพยายามลอยตัวเหนือน้ำ ซึ่งจุดที่สูงทีสุดของน้ำในภาชนะก็จะแตกต่างกันไปด้วยแรงตึงผิวของน้ำ (น้ำไม่เต็มจุดสูงสุดอยู่บริเวณขอบภาชนะ,น้ำเต็มจุดสูงสุดอยู่บริเวณกลางภาชนะ) ในทางกลับกัน เข็มมีน้ำหนักมากกว่าน้ำ มันจึงพยายามจมลงในน้ำ แต่ด้วยแรงตึงผิวของน้ำคอยพยุงตัวเข็มไว้มันจึงยังลอยอยู่ที่ผิวน้ำ ซึ่งในเมื่อเข็มมีน้ำหนักมากและพยายามจะจมลงมันจึงเคลื่อนตัวไปอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดของน้ำแทน (พฤติกรรมตรงข้ามกับลูกปิงปอง) จากคุณ : asadora - [ 15 พ.ค. 52 10:25:15 A:58.10.149.96 X: TicketID:162924 ]

ความคิดเห็นที่ 81 สีเทา เป็นแรงดึง ที่กระทำกับผิวน้ำ (แน่นอนมีแรงตึงผิว เป็นแรงปฏิกิริยา ที่ไม่ได้แสดงไว้ในรูป) สีเขียว เป็นแรงลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากแรง สีเทา สีแดง เป็นแรงปฏิกิริยาของสีเขียว ในการพยายามดีดกลับ (เป็นผลของแรงโน้มถ่วง, ธรรมชาติผิวน้ำจะพยายามตั้งฉากกับแรงโน้มถ่วงเสมอ) อธิบายรูปซ้ายบน เมื่อปิงปอง เข้าใกล้ทางขวามากขึ้นเรื่อยๆ มุมของแรงสีเทาสองตัวทางขวา จะค่อยๆปรับหมุนใกล้กับแนวราบมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน (180 และ 0 องศา) เมื่อปิงปิงไปติดขอบอ่างแล้ว มุมของแรงสีเทาสองตัวทางขวา จะอยู่ในแนวราบโดยสมบูรณ์ ในขณะที่ แรงสีเทาทางซ้าย ยังวางตัวเฉียงๆอยู่ เมื่อแรงสีเทาทุกเส้น มีขนาดเท่ากัน คือขนาดเท่ากับแรงตึงผิวน้ำ ผลของแรงลัพธ์ เส้นสีเทาสองเส้นทางขวา จึงมีแรงลัพธ์ในแกน X สูงกว่า เส้นสีเทาทางซ้ายมาก (มีเส้นสีเทาอีกเส้นซ้ายสุดที่ไม่แสดง แต่ผลของแรงลัพธ์ในแกน X ด้านขวาของลูกปิงปอง ก็จะยังสูงกว่าทางซ้ายอยู่ดี) อธิบายรูปขวาบน ถ้าลูกปิงปอง เคลื่อนไปทางขวาเพิ่มขึ้น ปริมาณสเกลล่าของแรงสีเขียวและสีแดง จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเหมือนการบีบอัดสปริง (สะสมพลังงานศักย์) ดังนั้น แรงสีเขียวและแดง เมื่อลดระดับลง (คายพลังงานศักย์) จะมีผลให้ลูกปิงปองเคลื่อนไปทางซ้าย หรือ อธิบายเฉพาะเส้นสีเทาก็ได้ เมื่อลูกปิงปองไปทางขวามากขึ้นมุมของแรงสีเทาทางขวาทั้งสอง จะค่อยๆปรับเช่นกัน แต่จะปรับไปในทางที่ เข้าใกล้แนวตั้งฉากมากกว่าเดิม ส่งผลให้แรงลัพธ์แนวแกน X ลดลงเรื่อยๆเมื่อปิงปองเคลื่อนไปทางขวา ถ้าแรงตึงทางขวาน้อยกว่าทางซ้าย ก็ย่อมจะโดนดึงไปทางซ้ายแทน กรณีอื่นๆ ก็คล้ายๆกันครับ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 15 พ.ค. 52 11:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อีกเรื่องนึง.... ที่ผมคิดเล่นๆมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ สมัยยังเอาอะไรต่อมิอะไร ไปลอยน้ำเล่นในกะละมัง..... ผมคิดว่า ปรากฏการณ์นี้ เอามาจำลองเล่นๆเหมือนแรงโน้มถ่วงระหว่างวัตถุในอวกาศได้ ถ้าเอาของลอยน้ำสองอัน มาทำเป็นโคจรรอบกันเอง ก็พอจะคล้ายๆ ภาพในจินตนาการของดาวที่โคจรรอบกันในอวกาศ (เพียงแต่ในน้ำยังมีแรงต้านทานอยู่ มันจะโคจรกันได้อย่างมาก ก็ 2 รอบ ก่อนจะหลุดออกจากกันหรือเข้ามาชนกัน) ผิวน้ำ อาจจะคล้ายๆกับ การจำลองสภาพแรงโน้มถ่วง ในทฤษฎีสนามรวมฯ ของไอนสไตน์ อันนี้กรณีเข็มลอยน้ำ (หรือภาพใน #81 สองภาพล่าง) จะคล้ายมากกว่า น้ำหนักกดลงผิวน้ำ ทำให้ผิวน้ำยุบลง (เหมือนวางลูกบอล ลงบนผืนผ้ายาง แล้วผ้ายางยุบลง แทนความบิดโค้งของอวกาศจนทำให้เป็นแรงโน้มถ่วง) รอยยุบของผิวน้ำในจุดอื่นๆ ก็เลยเสมือนกับ มีแรงโน้มถ่วงระหว่างกันเอง (เหมือนลูกบอลสองลูกบนผืนผ้ายาง ....) แต่ในเรื่องผิวน้ำนี้ มันมีกรณีที่ ผิวนูนขึ้นด้วย ซึ่งเป็นเหมือนแรงขั้วตรงข้ามกับลักษณะผิวน้ำที่ยุบลง ดังนั้นจึงให้ผลเป็นตรงกันข้าม จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 15 พ.ค. 52 12:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เนื้อหาแน่นอีกเช่นเคยนะคะ   ชอบค่ะๆ (แต่เราโง่ฟิสิกส์อย่างแรงคงต้องทำความเข้าใจมันอีกซักพัก) จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 15 พ.ค. 52 13:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านของคุณ Oxidation ข้างบนแล้ว ชอบมาก ยิ่ง ของคุณ Detonator_Pao นี่ยิ่งชอบ ครับ เด๋วว่างๆ จะลองเล่นกับ เข็มและอย่างอื่นในหลายๆรูปแบบสังเกตุดู ครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 15 พ.ค. 52 14:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ^ ^ จากคุณ : หนุ่มน้อยขี้เซา - [ 15 พ.ค. 52 14:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แลดูแล้ว น่าจะเป็นเรื่องแรงตึงผิว พื้นที่ผิวสัมผัสและลักษณะของวัสดุ ใช่มะคับ เข้าใจคิดกันดีนะ โหวต ต ตตต ด้วยคน จากคุณ : คุณฉงน - [ 15 พ.ค. 52 15:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เขามาชม จากคุณ : i.everyday - [ 15 พ.ค. 52 16:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 88 กระทู้นี้เปลือง Give มาก -*- ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : สมบัติดี - [ 15 พ.ค. 52 16:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เป็นจริงในทุกกรณี กับทุกๆภาชนะ รึป่าวครับ ? นึกมะออก อิอิ จากคุณ : wasabi_gosh - [ 15 พ.ค. 52 16:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เป็นคำถามที่ดี และแสดงถึงความช่างสังเกตมากๆเลยครับ ต้องชื่นชมเจ้าของคำถามนี้ด้วย (คุณ "ไดยาโมโตะ") ทำให้ชาวหว้ากอคึกคักขึ้นมา และหมอ Jfk ที่ริเริ่มทำการทดลองอย่างเป็นรูปธรรม กับคุณ oxidation แรกๆเลยผมก็มึนงงครับเมื่อดูผลการทดลองของทั้งสองท่านรวมกัน เรื่องลูกปิงปองลอยบนน้ำนี้คุ้น แต่กรณีเข็มลอยน้ำ กับลักษณะความตึงบริเวณขอบภาชนะที่แตกต่างกัน 2 แบบ ชวนให้มึนงงได้มากๆ (และทำให้เมื่อวาน ผมตอบได้ไม่สุด) เลยกลายเป็นเรื่องวนเวียนในหัว ต้องหาคำตอบที่ฟังดูสมเหตุผลให้ได้ครับ (ได้ระลึกความหลังครั้งยังเด็กไปด้วย) บางทีอาจจะมีจุดผิดพลาด ใครเจอก็ท้วงติงได้ครับ ^^ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 15 พ.ค. 52 21:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 91 กระทู้บังเอิญมากค่ะ เพิ่งเจอปรากฏการณ์นี้กับตัวเองเมื่อวานซืนนี้เอง แล้วก็สงสัยเหมือนกัน ในthesis เราใช้ชิ้นเนื้อเยื่อขนาดเล็กประมาณ 0.5X0.5X0.5 cm มาเลี้ยงในหลุมพลาสติกรูปวงกลมขนาดใหญ่กว่าเนื้อเยื่อประมาเกือบ 3 เท่า ในน้ำยาเลี้ยงเซลล์ หากใส่น้ำยาไม่ท่วมชิ้นเนื้อเยื่อ ชิ้นเนื้อมันจะเข้ามาติดขอบหลุม โดยชิ้นเนื้อก็ไม่ได้ลอยอยู่บนน้ำยาแต่อย่างใด ยังสัมผัสกับก้นหลุม แต่ถ้าใส่น้ำยาท่วม ชิ้่นเนื้อจะไปอยู่ตรงกลางหลุม ไม่ว่าจะใส่น้ำยาเยอะ จนเนื้อเยื่อลอย หรือแค่พอท่วม แต่เนื้อเยื่อไม่ลอยก็ตาม ข้อมูลนี้พอจะมีประโยชน์มั้ยคะ จากคุณ : ลัลลา - [ 15 พ.ค. 52 22:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ตามคำเรียกร้องครับ ผมไปทดลองกับน้ำแข็งมาให้ ก็ให้ผลเหมือนกับลูกปิงปองเลยครับ..ครั้งนี้ไม่ขอวิเคราะห์แต่จะให้เพียงข้อมูลการทดลอง.. รูปนี้เป็นน้ำที่มีลักษณะผิวเป็นแอ่ง  น้ำแข็งจะลอยไปติดข้างแก้ว จากคุณ : oxidation - [ 15 พ.ค. 52 23:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ถ้าเติมน้ำให้ผิวมันนูนขึ้นมา มันจะลอยออกจากข้างแก้ว...เหมือนจะพยายามไปกลางแก้ว แต่ผลของผมไม่ชัดเจน.. แต่เมื่อมาดูรูปภายหลังแล้วเห็นว่า ขอบน้ำไม่นูนอย่างชัดเจน คือ ของน้ำที่ด้านล่างของภาพ เป็นขอบนูน แต่ว่าขอบบน กลายเป็นเหมือนของปรกกติ  รอจนน้ำแข็งละลายมันก็อยู่ของมันแค่ตำแหน่งนี้ จากคุณ : oxidation - [ 15 พ.ค. 52 23:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 94 แต่ผมคิดว่ามันก็เหมือนลูกปิงปองนะ จากคุณ : oxidation - [ 15 พ.ค. 52 23:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ทีนี้ก็เป็นฝาจุก  ให้ผลเหมือนลูกปิงปองเหมือนกัน ตอนน้ำเป็นผิวเนิน มันจะอยู่กลางแก้ว จากคุณ : oxidation - [ 15 พ.ค. 52 23:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 96 หงายจุกก็ยังให้ผลเหมือนเดิม จากคุณ : oxidation - [ 15 พ.ค. 52 23:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ไม่เข้าใจการทดทองที่คุณ Detonator_Pao เขียนไว้ใน #82 อ่ะครับ ที่เอาของลอยน้ำหลายๆลูกมาใส่แล้วจำลองการโคจรของวัตถุในอวกาศอ่ะครับ คือแค่เราเอาใส่ลงไปใกล้ๆกันแล้วมันควรจะเกิดการโคจรให้เห็นเลยหนอครับ ? จากคุณ : พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว ณ ทุ่งบางกะปิ - [ 15 พ.ค. 52 23:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 98 จังหวะนี้ ที่น้ำกำลังนูนได้ที่ ผมหยดน้ำผสมน้ำยาล้างจานตามคำแนะนำ คุณพรเลิศ  ลงไป.. ฮ่า ฮ่า  น้ำทรุดไหลออกมานอกแก้วเลย   ก็เกิดขอบน้ำ อย่างที่คุณบุญถิ่นอยากเห็น ครับ  เพราะแก้วผมมันเอียงด้วย ของล่างของภาพ เป็นน้ำนูน ขอบบนเป็นน้ำเว้า... จุกมันก็ค่อยๆ ลอยไปหาขอบที่เป็นน้ำเว้า.. ก็ตามนี้ล่ะครับ..เชิญวิเคราะห์กันต่อได้เลย..ผมขอสังเกตุการณ์ไปเรื่อยๆ จากคุณ : oxidation - [ 15 พ.ค. 52 23:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตอบ #97 ก็ต้องให้มันเคลื่อนที่ในลักษณะที่มันจะโคจรกันได้ด้วยครับ ^^' วางเฉยๆ มันก็ดูดติดกันเฉยๆ ยอมรับเลยว่าเด็กๆ จินตนาการ (สร้างสรรค์การเล่นไปได้เรื่อยๆ) และศักยภาพของสมอง มันรับอะไรได้ดีกว่าตอนเป็นผู้ใหญ่จริงๆเลย..... ผมเองก็ยังไม่มั่นใจคำอธิบายปรากฎการณ์นี้เต็มที่น่ะครับ .... ยิ่งเห็นการทดลองของคุณ oxidation หลังๆ ก็ยังไม่แน่ใจ ในกรณีฝาโค้กด้วย (เพราะขอบแรงตึงผิวตรงฝา มันมีทั้งแบบขึ้นและลง) หรือบางที อาจจะเป็นปัจจัยเรื่อง ความแตกต่างของ วัตถุที่ลอยด้วยแรงลอยตัว กับ วัตถุที่ลอยด้วยแรงตึงผิว ก็ได้ นึกอะไรอีกอย่างออกแหะ ลองฟองอากาศเล็กๆดูหน่อยเป็นไงครับ ผมคิดว่ามันเหมือนโลกกลับตารปัตร ของเข็มลอยน้ำน่ะ กลับตารปัตรคือ ถ้าเรามองจากใต้น้ำ ไปที่ฟองอากาศเล็กๆที่ลอยตรงผิวน้ำ ภาพที่เห็น อาจจะเหมือนกับ ลูกบอล ที่กดผ้ายางยุบโค้งลงไปเหมือนกัน จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 15 พ.ค. 52 23:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 100 สงสัยดังนี้ครับ ตามทฤษฎีของคุณ Detonator_Pao_ 1. ถ้าภาชนะใหญ่มากขึ้น ลูกปิงปอง และเข็ม ยังจะเคลื่อนไหวไหม เดาว่า ถ้าใหญ่มากพอ คงจะไม่เคลื่อน 2. ตามข้อ 1   ก) ถ้าใส่ลูกปิงปอง 2 ลูก หรือ   ข) เข็ม 2 เล่ม หรือ   ค) ลูกปิงปอง1ลูกพร้อมกับเข็ม 1 เล่ม เดาว่า   ก) ลูกปิงปองอยู่ชิดติดกัน   ข) เข็มอยู่ชิดติดกัน   ค) ลูกปิงปองและเข็มวิ่งออกห่างกัน ใครพอจะทดลองให้ดูได้ไหมครับ จากคุณ : ช า ติ - [ 16 พ.ค. 52 00:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขออนุญาตตอบแบบยังไม่ได้อ่าน คห. อื่นประกอบซักเท่าไหร่นะครับ ระหว่างน้ำปริ่ม กับ น้ำไม่ปริ่ม มีความหนาแน่นในแต่ละตำแหน่งไม่เท่ากัน ตามรูป ลูกศรหนาคือน้ำมีความหนาแน่นมากและลูกศรบางคือความหนาแน่นน้อยลงตามลำดับ กรณีลูกปิงปองหรืออื่นๆที่อาศัยความหนาแน่นของตัวเองที่น้อยกว่าน้ำในการลอย ที่ลูกศรหนาๆน้ำหนาแน่นมาก ลูกปิงจะลอยได้ดีมาก(จมลงในน้ำน้อย) แต่เพราะแรงดึงดูด เวกเตอร์ของลูกปิงปองจะเคลื่อนที่ลงด้านล่างมันเลยเลื่อนไปในตำแหน่งที่มันจมลงในน้ำได้มากสุด ส่วนกรณีเข็มเย็บผ้ามันไม่ได้ลอยเพราะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำแต่ลอยเพราะแรงตึงผิวของน้ำผยุงเอาไว้(เหมือนวางเข็มบนมุ้ง)ด้วย นน. ของเข็มมันจึงไหลไปยังตำแหน่งที่ต่ำที่สุด ปล.ขออภัยอธิบายไม่ค่อยเก่ง จากคุณ : แมวเกาะ - [ 16 พ.ค. 52 00:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 น้ำแข็งน่าจะมีแรงละลายในรูปทรงต่างๆแตกต่างกันครับ มันเลยมีแรงต้านจากด้านต่างๆไม่เท่ากัน จากคุณ : สมบัติดี - [ 16 พ.ค. 52 02:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆครับ..    ชอบมากเลย      ขอเสนอให้ลองกับภาชนะที่เป็นสี่เหลี่ยม   เช่นถ้วยทรงสี่เหลี่ยม ว่าผลของมุมเหลี่ยมจะมีผลอย่างไรกับลูกปิงปอง จากคุณ : น้าช่าง - [ 16 พ.ค. 52 03:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 104 น่าจะต้องพิจารณาแรงที่กระทำบนวัตถุคือ ลูกปิงปอง หรือ เข็ม โดยมีลักษณะแรงตึงผิวตามรูปของคุณ Detonator_Pao_  ตามความคิดเห็นที่ 81 แต่ว่าระดับน้ำไม่ใช่อยู่ในแนวราบแต่เอียงทำมุมครับ ตามภาพที่วาดมาใหม่ แล้วจะเห็นว่า เมื่อแตกแรงเข้าแนวดิ่งและแนวราบแล้ว ในกรณีวัตถุที่ลอยน้ำ แรงตึงผิวจะพาให้วัตถุลอยขึ้นไปหาจุดที่ระดับน้ำสูงสุด ส่วนกรณีวัตถุที่หนักกว่าน้ำ (ที่ควรจะจมแต่ไม่จมเพราะแรงตึงผิว) แรงตึงผิวจะพาวัตถุไปสู่จุดที่ระดับน้ำต่ำสุด แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 04:03:43 จากคุณ : Alone in the Rain - [ 16 พ.ค. 52 04:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เราไม่เก่งฟิสิกส์เลย แต่พอรู้วิทยาศาสตร์สามัญประจำบ้านบ้าง งั้นเราขอร่วมจิณตนาการบ้างนะคะ ไอเดียเราอาจจะแปลกๆไปซะหน่อย ก็อย่างที่บอกไปว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกันฟิสิกส์เลย ความตึงของผิวน้ำหรือแรงดันน้ำไรพวกนี้ก็ตัดไปได้เลย...สำหรับเรา ฮ่าๆๆ - สืบเนื่องมาจากรูปวาดใน คห 49 ได้ความว่า เออ..ลูกปิงปองมันชอบอยู่กับน้ำ สัมผัสกับน้ำเยอะๆเนอะ - ตามด้วย คห 66 ที่ถามว่ามีสารอะไรอยู่ในปิงปองรึเปล่า มันมีกลิ่นหอมๆ - หนุ่ม คห 69 มาตอบให้ทันควันว่า "มันคือกลิ่นพลาสติกไงเล่า!! โถ่.." นั่นน่ะสิ มันคือพลาสติกไงเล่า!! พลาสติกที่ใช้ทำลูกปิงปองคือ Celluloid ซึ่ง Celluloid ทำมาจาก Nitrocellulose ประมาณ70% และ Camphor ประมาณ 30% (นั่นไง ที่หอมๆอ่ะ หอมการบูรแน่ๆเลย ฮ่าๆๆ) ซึ่งจาก molecular structures ของทั้งสองตัวนี้ บ่งบอกว่ามัน polar และแน่นอน...มันคือ Hydrophilic compounds ค่ะ เพราะรักน้ำ ชอบน้ำขนาดนี้ ก็อาจจะเป็นสาเหตุที"น้องปิงปอง"ของพวกเราอยากจะวิ่งไปอยู่ที่ๆสามารถสัมผัสน้ำได้มากที่สุด ก็เป็นได้ จบแล้วค่ะ..ฮ่าๆ ขำกับความเพ้อเจ้อของตัวเอง ความรู้ที่มีอยู่เอามาapplyกับลูกปิงปองได้แค่นี้แหละ ส่วนที่เหลือขอเก็บกลับบ้านไปประยุกต์ใช้รักษาคนไข้ดีกว่านะคะ reference: http://en.wikipedia.org/wiki/Celluloid จากคุณ : Nichamon - [ 16 พ.ค. 52 05:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ที่ขอบบนผิวน้ำ  แรงดึงจะมากสุดตรงกลาง เวลาโค้งขึ้น ที่ใต้ขอบผิวน้ำ แรงดึงจะมากสุด เวลาโค้งลง จากคุณ : natong - [ 16 พ.ค. 52 09:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ตามรูป จากคุณ : natong - [ 16 พ.ค. 52 09:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เป็นกระทู้ที่มีสาระมากๆ ครับ การทดลองแบบนี้ เคยเจอในรายการวิทยาศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น ครับ หวังว่า คงไม่มีคนลบกระทู้นี้นะครับ จากคุณ : moojiw - [ 16 พ.ค. 52 09:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เข้ามาดูค่ะ น่าสนใจดี จากคุณ : เส้นเล็กเย็นตาโฟ - [ 16 พ.ค. 52 14:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เข้ามาอ่านหลายรอบละ เพิ่งเห็นหัวกระทู้ ลูกปิงปอย<<< - - หน้าตาเป็นไงอ่ะ อิอิ จากคุณ : PUMPKINbig - [ 16 พ.ค. 52 15:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 111 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 19:50:02 จากคุณ : leonaele (leonaele) - [ 16 พ.ค. 52 17:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ดูจากสองการทดลอง 1 เรื่องลูกปิงปอง 2 เรื่องเข็ม ลูกปิงปอง เหมือนเป็นฟองอากาศที่อยู่ในน้ำ มันจึงพยายามลอยขึ้นด้านบน เมื่อน้ำ 1>ไม่เต็มถาชนะ ทำให้ขอบด้านข้างสูงกว่าตรงกลาง เลยทำให้ลูกปิงปองไปอยู่ด้านข้างของภาชนะ 2>เต็มภาชนะ ทำให้ส่วนตรงกลางสูงกว่า ทำให้ลูกปิงปองมาอยู่ตรงกลางภาชนะ จากเรื่องเข็มที่ลอยน้ำ เหมือนว่าเข็มคือท่อนไม้ ที่พยายามไหลลงสู่ที่ต่ำเนื่องจากน้ำหนักของมัน เมื่อน้ำ 1>ไม่เต็มภาชนะ ทำให้ตรงกลางต่ำกว่าขอบ เข็มจึงไหลไปสู่ตรงกลาง 2>เต็มภาชะ ทำให้ขอบมีระดับน้ำต่ำกว่า เข็มจึงไปสู่ด้านขอบ เหมือนรูป ที่ฟองมักอยู่ตามขอบ ๆ ภาชนะ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 23:35:49 จากคุณ : leonaele (leonaele) - [ 16 พ.ค. 52 17:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 113 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 19:50:35 จากคุณ : leonaele (leonaele) - [ 16 พ.ค. 52 18:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เข้ามาดู อมยิ้มคุณ oxidation เท่มากครับ ยังไม่เคยเห็นเลย จากคุณ : มันหมายความว่าอะไรครับ (GoSaI) - [ 16 พ.ค. 52 19:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 115 หมายความว่า อากาศในลูกปิงปองพยายามจะหนีน้ำแต่ไม่มีกำลังมากพอที่จะเอาชนะแรงที่ยึดเหนี่ยวระหว่างผิวสัมผัสของผิวน้ำและลูกปิงปองได้ ดังนั้นอากาศจึงทำได้เพียงแค่ลอยให้สูงที่สุด ก็เลยทำให้ลูกปิงปองลอยไปสู่จุดสูงสุดของน้ำ แล้วถ้าหากเปลี่ยน อากาศในลูกปิงปองเป็นแก๊สเบาๆลูกปิงปองก็จะสามารถลอยหนีพ้นน้ำได้เหมือนกันใช่รึเปล่าครับ เหมือนเอาลูกโป่งที่เป่าด้วยปากไปลอยน้ำมันก็จะลอยเหมือนอย่างลูกปิงปอง แต่ถ้าเป็นลูกโป่งสวรรค์มันก็จะลอยออกจากอ่างสู่อากาศได้ แต่ถ้าใส่น้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งก็คงจะลอยคล้ายๆฝาโค้ก หรือ ใช่รึเปล่าครับ จากคุณ : Greenfree (Greenfree) - [ 17 พ.ค. 52 01:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 116 #105 เรื่องรักน้ำ ก็น่าจะมีผล ในแง่ของลักษณะแรงตึงผิวที่จับกับผิววัตถุนั้นๆด้วยน่ะครับ ^^ ตอนแรกที่ผมไม่คิดในเรื่อง ความแตกต่างของวัตถุที่ลอยด้วยแรงลอยตัว (ผลจากการแทนที่มวลน้ำของส่วนที่จม) เทียบกับ การลอยด้วยแรงตึงผิวอย่างเดียว เพราะในจุดที่ลอยอยู่นั้น มันชัดเจนว่าแรงลัพธ์ที่หักล้างกันในแนวแกน Y มีค่าเป็น 0 มันจึงอยู่เฉยๆ ไม่มีความเร่งไปด้านบน หรือ ลงด้านล่าง จึงเน้นการไปหาสาเหตุของแรงบนแนวแกน X ซึ่งมีผลให้วัตถุโดนเร่งไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งจุดที่น่าจะเกี่ยวข้องที่ผมเห็น ก็เป็นลักษณะความตึงที่จับกับวัตถุแต่ละก้อนน่ะครับ แต่กรณีลูกปิงปองกับเข็ม มันก็ต่างกันจริงในเรื่องทิศของความตึงนี้ ทั้งเรื่องที่ ปิงปอง มันลอยอยู่ได้โดยมีปัจจัยจากแรงลอยตัวเป็นหลัก (แรงตึงผิวมีส่วน แต่อาจจะเป็นในทางเฉียงขึ้น หรือลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับการจัดวางว่า กดลงไปก่อนค่อยปล่อยขึ้นมา หรือ ค่อยๆวางจากด้านบนลงบนน้ำทีเดียว) ส่วน เข็มลอยน้ำ แรงลอยตัวมีอิทธิพลต่ำ และแรงตึงเป็นอิทธิพลที่ใหญ่กว่า แต่ทั้งสองอย่างนี้ ทั้งปิงปอง และ เข็ม ล้วนมีทั้งแรงลอยตัว และแรงตึงผิว รวมอยู่ด้วยทั้งคู่ครับ เพียงแต่ด้วยระดับอิทธิพล ของแรงทั้งสองชนิด ที่ต่างกันเท่านั้น หรือแม้แต่เรื่องรูปทรงของผิววัตถุจุดที่สัมผัสกับน้ำ และชนิดของเนื้อสสารวัตถุ(รักน้ำ หรือ ไม่รักน้ำ) ก็ล้วนกำหนดทิศของแรงตึงผิวที่ต่างกันไปได้ด้วย ซับซ้อนจริงๆเลย ><! #112 ขอบคุณที่ทดลองเรื่องฟองให้ดูน่ะครับ ผลก็ออกมา คือฟองแต่ละฟองมักจะมีแรงดึงดูดกันเอง (ฟองมักจะไม่ลอยตัวกระจายกันแบบสม่ำเสมอ แต่เข้าไปรวมกันเป็นกลุ่มก้อน) กับฟองลอยไปติดขอบภาชนะ ตอนนี้เหมือนเราจะมีผลการทดลองเยอะแล้ว และมีข้อสมมุติฐานมากมาย ที่เหมือนจะมีเหตุผลเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น เหลือขั้นสรุปก็คงปิดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างสมบูรณ์ล่ะครับ (เห็นกระทู้นิ่งๆไป โดยยังไม่ได้สรุปนี่ รู้สึกค้างๆคาๆ) แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 12:03:58 จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 17 พ.ค. 52 12:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 117 มิน่า เวลาเทน้ำอัดลมล้นๆ กินน้ำแข็งไม่ได้ซักที จากคุณ : kidarmy - [ 17 พ.ค. 52 14:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ชอบค่ะ มีการตั้งสมมุติฐาน มีการทดลอง และมีการสรุป สุดยอดมากค่ะ แรวงงงง จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา - [ 17 พ.ค. 52 17:04:34 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอบคุณทุกท่านนะครับ จากคุณ : ไดยาโมโตะ (ไดยาโมโตะ) - [ 18 พ.ค. 52 11:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ทดลองเอามะนาวมาลอยดู ปรากฎว่ามะนาวจมน้ำครับ เลยลองเอากระเทียมกลีบใหญ่มาลอยดูบ้าง กระเทียมจะลอยปริ่มน้ำ แต่กระเทียมไม่กลม ทำให้ดูไม่ชัดเจนครับ จึงเอามะเขือเทศและมังคุดมาลอยดู ปรากฎว่าลอยปริ่มน้ำทั้งคู่ จะจมมิจมแหล่ครับ การตึงผิวของน้ำจะไม่มีผลต่อการลอยของผลไม้ทั้งสองครับ ไม่ว่าน้ำจะเต็มหรือไม่เต็ม ขอบชามก็จะไม่ดูดเข้าหรือผลักออกแต่อย่างใด ประกอบกับท้องของผลไม้ไปติดขอบชามด้านล่างด้วย ถึงจะเอาไม้เขี่ยเข้าเขี่ยออกเบาๆ ดู ขอบชามก็ไม่ผลักหรือดูดครับ ทีนี้จึงเอาลูกปิงปองมาลองใหม่ โดยลอยพร้อมกันสองลูก จะมองเห็นน้ำนูนขึ้นนิดๆเป็นวงแหวนรอบลูกปิงปอง ตามรูป 68 ที่คุณ Detonator_pao_นำมาลงครับ พอลูกปิงปองทั้งสองลอยเข้าใกล้เกือบชิดกัน ก็จะลอยวูบเข้าติดกันคล้ายดึงดูดกันครับ ทดลองเอาไม้เขี่ยเบาๆให้แยกออกจากกัน พอยกไม้ขึ้นลูกปิงปองก็จะลอยเข้าติดกันอีกครับ จึงลองหยิบลูกปิงปองลูกหนึ่ง ค่อยๆลากไปกับน้ำ ปรากฎว่าลูกปิงปองอีกลูกลอยติดกันไปครับ จึงทดลองยกลูกปิงปองพ้นน้ำแล้วลองแตะอีกลูกดู ปรากฎว่าไม่ดูดกันครับ เมื่อเห็นอย่างนี้จึงลองเอาฝาขวดแอลกอฮอลและฝาขวดยาทิงเจอร์มาลอยดูบ้าง ปรากฎว่ามีผลเช่นเดียวกับลูกปิงปองครับ น้ำเต็ม ขอบชามจะผลักออก น้ำลด ขอบชามจะดูดเข้า ตาม 68 ที่ว่าต่างขั้วจะผลักกัน ขั้วเดียวกันจะดูดกัน เมื่อสองฝาลอยใกล้กันก็จะดูดกัน เช่นเดียวกับลูกปิงปองครับ แต่แรงดูดของขอบชาม จะแรงกว่าลูกปิงปองและฝาขวดที่ดูดกันเองครับ ทีนี้มาลองคิดดู ว่าที่ขอบชามผลักออกและดูดเข้า ทั้งลูกปิงปองและฝาขวดเป็นเพราะอะไร ถ้าในลูกปิงปองมีแก๊สลอยขึ้นที่สูง แต่ฝาขวดไม่มีแก็สก็ชอบที่จะลอยขึ้นที่สูงเช่นเดียวกันอย่างนั้นหรือ ยอมรับว่าคิดไม่ออกครับ หรือจะเป็นอย่างที่คุณ Detonator_pao_ ว่า เมื่อน้ำไม่เต็มชาม ขอบชามจะมีน้ำสูงขึ้นนิดๆ และขอบลูปปิงปองโดยรอบน้ำก็สูงนิดๆเช่นกัน สังเกตุดูหากขอบนี้มาใกล้กันก็จะดูดติดกันครับ   ดูจำพวกขยะเบาที่ลอยตามลำคลองต่างๆ ก็มักจะเกาะกันเป็นแพ ทั้งที่น้ำไม่ได้ตึงผิวเลย จะเป็นเพราะน้ำตามขอบขยะสูงนิดๆเช่นเดียวกับลูกปิงปองไหม  เมื่อลอยมาใกล้กันจึงดูดติดกันจะเป็นอย่างนั้นไหม   แหะๆ ยอมแพ้ครับ คิดไม่ออกครับ จากคุณ : บุญถิ่น - [ 18 พ.ค. 52 15:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ของคุณบุญถิ่น เอาของหนักไปแรงต้านมันเยอะมากจนทำให้แรงดันและดึงจากการลอยตัวมันน้อย จนมองไม่เห็น อ่ะครับ ส่วนของเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นฝาขวดหรือปิงปอง มันไม่ได้เกี่ยวกับ ก๊าซลอยขึ้นสูง แต่มันเป็นเรือ่งของแรงยกตัว อันเกี่ยวข้องกับความหนาแน่น เหมือนเรือ ลำโตๆ ที่มีช่องว่างอากาศมากๆ เวลาจมลงน้ำมันก็แทนที่น้ำได้มาก ก็จะลอยตัวได้มาก หรือ บรรทุกของหนักได้มากๆ ไม่จมง่ายๆ(มีระวางขับน้ำมาก) อ่ะครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 18 พ.ค. 52 17:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 122 #120 ก็กำจัดข้อสงสัยไปได้หนึ่งอย่างน่ะครับ คือ แสดงว่าแรงลึกลับนี่ เป็นแรงเฉพาะวัตถุที่สัมผัสกับผิวน้ำอยู่ด้วยกันทั้งคู่ จริงๆ ผมได้ลองไปทำการทดลองส่วนตัวมาแล้วดูบ้าง ผลการทดลองบันทึกไว้ได้ตามนี้ครับ หมายเหตุ : ยางรัดของ จะเป็นพระเอกของการทดลองนี้ และคลายปริศนาคาใจต่างๆครับ ^^ ด้วยคุณสมบัติพิเศษของมันคือ มันลอยได้ทั้งด้วยแรงลอยตัวของมันเอง และลอยด้วยแรงตึงก็ได้ จึงสรุปไม่ได้เลยว่า แรงลอยตัว หรือ แรงตึงผิวมีมากกว่ากัน อีกทั้ง ความตึงผิวน้ำที่เกิดขึ้น ยังมีทั้ง 2 ทิศอย่างแบบถี่ยิบ จนถ้ามองเผินๆแล้ว มันไร้ขอบโค้งของความตึงด้วยซ้ำไป จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 18 พ.ค. 52 17:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ตามภาพคือ ขันเงิน ลอยติดขอบภาชนะ (และจากความพยายามค่อยๆเติมน้ำจะให้ความตึงขอบภาชนะเป็นแบบโค้งลง ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้ครับ ยังไงๆ มันก็จะเป็นแบบโค้งขึ้นเสมอ) ยางรัดของ ซึ่งมีความเป็นกลางสุดๆ จะมีการทดลองแบ่งเป็น 2 กรณีด้วยคือ ขณะมีอิทธิพลของแรงตึงผิว และ ขณะไม่มีแรงตึงผิว (กดมันจมน้ำ แต่มันก็ยังลอยใต้ผิวน้ำได้ เพราะแรงลอยตัวมันยังมากกว่าน้ำหนักตัวมันเอง แต่ก็ไม่มากพอจะดันให้มันโผล่พ้นผิวน้ำ) ในภาพนี้ยังเป็นกรณีที่ ยางรัดของมีแรงตึงผิวอยู่ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 17:55:37 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 17:50:38 จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 18 พ.ค. 52 17:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 124 รูปนี้กรณียางจมน้ำไปแล้ว เน้นลงรูปเฉพาะที่นอกเหนือจากการทดลองอื่นๆก่อนหน้านี้ครับ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 18 พ.ค. 52 17:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 125 กรณีเข็มเย็บผ้า นอกจากจะวิ่งไปยังขอบภาชนะที่เติมน้ำเต็มปริ่มๆแล้ว ก็ยังวิ่งเข้าหากันเองด้วย (นอกจากนั้น ก็ยังมีปรากฏการณ์ที่เข็มจะชี้ไปแนวทิศเหนือใต้เสมอ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่เราสนใจ ) แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 18:00:04 จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 18 พ.ค. 52 17:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ผมขอสรุปเลยก็แล้วกันน่ะครับ แรงปริศนา ที่เกิดขึ้นกับวัตถุที่กำลังลอยอยู่บนผิวน้ำต่างๆนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของความตึงผิวน้ำที่เกิดกับวัตถุเป็นสำคัญ อย่างเดียวเลยจริงๆ (แต่ว่า ลักษณะความตึงที่เกิดขึ้นกับวัตถุที่แตกต่างกันไปนั้น อะไรเป็นสาเหตุ ถือว่าอยู่นอกขอบเขตโจทย์ปัญหาของกระทู้นี้น่ะครับ และอาจเกี่ยวกับความรักน้ำ หรือไม่รักน้ำ ในทางเคมีของวัตถุนั้นๆ หรือปัจจัยอื่นๆ) ถ้าความตึงผิวน้ำรอบๆวัตถุ โค้งต่างทิศกัน จะผลักกัน , ถ้าโค้งไปทางเดียวกัน จะดูดกัน เป็นการจำแบบง่าย (ถ้าแบบละเอียด ก็ต้องแตกแรง เหมือน คห. อื่นๆก่อนหน้านี้) ปัจจัยเรื่อง แรงตึงผิวมากกว่าหรือน้อยกว่าแรงลอยตัวหรือไม่นั้น การทดลองนี้ยังมีผลการทดลองไม่เยอะพอจะสรุปได้ สังเกตจาก ผลการทดลองของยางรัดของที่กดจมน้ำไปแล้ว แต่ยังลอยอยู่ผิวๆ (โดยที่ยังไม่มีส่วนสัมผัสผิวน้ำจริงๆ จึงไม่เกิดความตึงผิว ถือว่าความตึงผิวเป็น 0) ถ้าให้ยางรัดของที่จมนี้ ไปชนขอบภาชนะ จะไม่มีแรงอะไรต่อกันที่สังเกตได้เลย แต่ถ้าไปชนกับเข็มลอยน้ำแล้ว ขอบตึงของเข็มที่เป็นแบบโค้งลง จะยังไปชนขอบยางที่อยู่ใต้น้ำได้อยู่ดี จึงมีแรงผลักในรัศมีสั้นๆเกิดขึ้นได้ กรณียางรัดของลอยแบบมีแรงตึงผิว จะมีแรงผลักสั้นๆกับทั้งขอบความตึงที่โค้งขึ้นและโค้งลง เพราะถ้าวิ่งไปทางขอบโค้งขึ้น ก็เหมือนขึ้นทางชัน ไหลกลับลงมา แต่ถ้าไปด้านโค้งลง ก็วัตถุที่เป็นเจ้าของความโค้งลงนั้น (เข็ม) ก็เหมือนมีเนินชัน พุ่งใกล้เข้ามา ทำให้มันไหลตกเนินไปอีกทาง กลายเป็นผลักกันด้วย กรณีเข็ม ก็จะวิ่งเข้าหาความตึงที่โค้งลง ไม่ว่าจะเป็นของขอบภาชนะหรือของเข็มด้วยกันเอง แปลว่า ถ้าโค้งลงแล้ว ยังไงก็ดูดกันเสมอ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 18 พ.ค. 52 18:30:08 ]