ความคิดเห็นที่ 13
แถม ซิกมันต์ ฟรอยด์ อีกหน่อย เพราะเห็นว่าแกเป็นขวัญใจของใครหลายคนในที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------
ทฤษฎีของ ฟรอยด์
ซิกมันต์ ฟรอยด์
บิดาแห่งจิตวิทยาสมัยใหม่ ทฤษฎีของฟรอยด์ มีอยู่ว่าในร่างกายของเรามีอยู่สามบริเวณ ที่เป็นที่เกิดการติดชงักของ libido (แรงขับทางเพศ) เมื่อเราเป็นเด็ก ได้แก่ รอบ ๆปาก (oral) รอบ ๆทวารหนัก (anal) และรอบ ๆอวัยวะสืบพันธ์ (phallic) คำอธิบายเกี่ยวกับการติดชงักในระยะต่าง ๆ นั้น ค่อนข้างคลุมเคลือ มีการแบ่งประเภทย่อย ๆสำหรับในแต่ระยะโดยนักจิตวิทยาหลายคน แต่ก็ไม่ค่อยเป็นไปในทางเดียวกัน บางคนแบ่งกลุ่ม oral ออกเป็น "oral-dependent" ที่ติดชงักอยู่กับการดูด กับ "oral-sadistic"ที่ติดชงักกับการกัดริมฝีปากตัวเอง ในขณะที่แบ่งกลุ่ม anal ออกเป็น "anal-expulsive" กับ"anal-retentive" ไม่มี "anal-dependent" หรือ "anal-sadistic" บางกลุ่มแบ่งกลุ่ม oral ออกเป็นสามกลุ่ม ดูสับสน
ถ้าหากเราจะแบ่งกลุ่มโดยอาศัยวิธีการปล่อยออกของแรงขับทางเพศ เราน่าจะแบ่งได้เป็นสามกลุ่มคือ receptive-รับเอา retentive-รักษาไว้ และ expulsive-ปล่อยออก เมื่อรวมกับบริเวณทั้งสามที่เกิดการติดชงักของแรงขับทางเพศ ก็จะได้กลุ่มเก้ากลุ่มที่ตรงกับ ไทป์ทั้งเก้าของ Enneagram คือ anal-explusive(ไทป์สอง), phallic-receptive(ไทป์สาม), oral-retentive(ไทป์สี่), oral-explusive(ไทป์ห้า), anal-explusive(ไทป์หก), phallic-retentive(ไทป์เจ็ด), phallic-explusive(ไทป์แปด), oral-receptive(ไทป์เก้า), anal-retentive(ไทป์หนึ่ง)
ปัญหาหนึ่งที่พบในการศึกษาทฤษฎีของฟรอยด์ก็คือ การแปลความหมายของคำศัพท์ที่ฟรอยด์ใช้อย่างตรง ๆ ที่จริงแล้วให้มองเป็นแค่คำที่ใช้เรียกแทนจะดีกว่า เพราะการแปลความตรง ๆคงทำให้เราสับสนว่าผู้หญิงจะอยู่ในกลุ่ม phallic ได้อย่างไร หรือคำว่า phallic-receptive จะมีความหมายว่าอย่างไร บุคลิกภาพแบบหนึ่งที่เสนอโดย Ernest Jones เพื่อนสนิทของฟรอยด์ที่เรียกว่า narcissistic หรือหลงตัวเอง ตรงกับ ไทป์สาม หรือ phallic-receptive เพราะชอบโน้มน้าวให้คนอื่นหลงใหลร่างกายของตัวเอง และมักเป็นคนที่ชอบโชว์เรือนร่าง ในจิตไร้สำนึกของพวกเขาปรารถนาที่จะให้คนอื่นเทิดทูน อวัยวะเพศของตน หรือหลงไหลในตัวของพวกเขานั้นเอง บุคลิกภาพของพวก anal ที่ทฤษฎีของฟรอยด์อธิบาย ได้แก่ ขี้เหนียว ดื้อรั้น และเจ้าระเบียบ ตรงกับนิสัยของ ไทป์หนึ่ง หรือจะให้ตรงที่สุดก็คือ ไทป์หนึ่งปนไทป์เก้า อย่างไรก็ตามนิสัยขี้เหนียวเพราะรู้สึกระแวงในความไม่ปลอดภัย หรือนิสัยดื้อรั้นที่เกิดจากการต่อต้านคนอื่นอยู่ในใจก็พบใน ไทป์หก ซึ่งเป็นไทป์ anal อีกไทป์หนึ่ง ไทป์เก้า หรือพวก oral-receptive เป็นบุคลิกภาพที่ชอบคิดอย่างแง่ดีว่า สิ่งรอบตัวจะตอบสนองความต้องการของตนโดยที่ตนเองไม่ต้องทำอะไร เหมือนกับนมที่ออกมาจากอกของมารดาตน ที่ทำให้ตนอิ่มได้โดยไม่ต้องดิ้นรนอะไร จึงกล่าวได้ว่าเป็นพวก receptive ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการอธิบาย Enneagram ในแบบของฟรอยด์ ทฤษฎีของฟรอยด์ในแง่ของ id ego superego ก็สามารถอธิบาย Enneagram ได้เช่นกัน ไทป์สี่, ไทป์ห้า และ ไทป์เก้า เป็นพวกที่มีปัญหาเกี่ยวกับ id พวกเขาใจลอยเพื่อหลีกเลี่ยง การแสดงตัวออกมาของ id โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียกร้องสิทธิในสังคม ไทป์สี่ หลีกเลี่ยงโดยการหันไปอยู่กับจินตนาการ ไทป์ห้า หลีกเลี่ยงโดยการจดจ่ออยู่กับการใช้ความคิด และ ไทป์เก้า หลีกเลี่ยงโดยการเอาแต่ตั้งอุดมคติในคนอื่น ทั้งสามไทป์มีขอบเขตของ ego อยู่ซึ่งถูกบุกรุกได้ง่ายมากโดย id ในจิตใต้สำนึก ไทป์หนึ่ง, ไทป์สอง และ ไทป์หก มีปัญหา superego ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมของพวกเขา ไทป์หนึ่ง เชื่อฟังกฏเกณฑ์ในอุดมคติของตัวเอง ไทป์สอง ยอมตาม superegoของตัวเองที่ต้องการจะเป็นที่รัก และ ไทป์หก ยอมตามผู้มีอำนาจหลายคนที่พวกเขาสร้างขึ้นมาภายในจิตของตัวเองโดย superego ไทป์สาม, ไทป์เจ็ด และ ไทป์แปดเป็นพวกที่ตอบสนองต่อการคุกคามโดยการแผ่ขยายอิทธิพลของ ego ของตนสู่สิ่งรอบตัว ไทป์สาม ก้าวร้าว และแข่งขันกับคนอื่นตลอดเวลา ไทป์เจ็ด ก้าวร้าวชอบควบคุมสิ่งแวดล้อม ให้เป็นในทางที่เป็นประโยชน์ และให้สุขกับพวกเขา ไทป์แปด ก้าวร้าวเรียกร้องสิทธิจากสิ่งรอบตัว พยายามสะท้อนตัวเองกับสังคม เพราะเป็นกระจกสะท้อน ego ของตน
id ego superego เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการจัดประเภทของฮอร์เนย์ด้วย กล่าวคือ id ก็คือพวกเหม่อลอย egoคือพวกก้าวร้าว และ superegoคือพวกยอมตาม
-----------------------------------------------------------------------------
อธิบายด้วยทฤษฎีของฟรอยด์ ทฤษฎีของฟรอยด์อธิบายว่า พลวัตของจิตคือปฏิสัมพันธ์ระหว่าง id ego และ superego ซึ่งเมื่อนำมาอธิบาย Enneagram ก็ได้ว่า กลุ่มอารมณ์(ไทป์สอง- ไทป์สาม- ไทป์สี่) คือกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ego กลุ่มความคิด(ไทป์ห้า-ไทป์หก-ไทป์เจ็ด) คือกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับ superego และกลุ่มสัญชาตญาณ(ไทป์แปด-ไทป์เก้า-ไทป์หนึ่ง) คือกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับ id แต่ทุกไทป์จะมีบุคลิกภาพที่ถูกครอบงำด้วยอิทธิพลของ id ego หรือ superego อีกตัวหนึ่งด้วยเสมอ ดังนี้ กลุ่มอารมณ์
ไทป์สอง มีปัญหากับ ego แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย superego
ไทป์สาม มีปัญหากับ ego แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย ego
ไทป์สี่ มีปัญหากับ ego แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย id
กลุ่มความคิด
ไทป์ห้า มีปัญหากับ superego แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย id
ไทป์หก มีปัญหากับ superego แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย superego
ไทป์เจ็ด มีปัญหากับ superego แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย ego
กลุ่มสัญชาตญาณ
ไทป์แปด มีปัญหากับ id แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย ego
ไทป์เก้า มีปัญหากับ id แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย id
ไทป์หนึ่ง มีปัญหากับ id แต่บุคลิกภาพถูกครอบงำด้วย superego เป็นต้นว่า ไทป์สอง เป็นผู้ที่ระดับความนับถือตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าตนรู้สึกว่าเป็นที่รักของคนอื่นจากการทำสิ่งที่ดี และมีเจตนาที่ดี พวกเขาจะรู้สึกผิดเมื่อถูกมองว่า เห็นแก่ตัวหรือมีนิสัยก้าวร้าว นั้นก็คือ superego (ความยับยั้งชั่งใจ) ของ ไทป์สอง ครอบงำชีวิตหรือ ego (ความนับถือตัวเอง) ของ ไทป์สอง นั้นเอง เมื่ออธิบายตามหลักของฟรอยด์ ไทป์สอง ก็คือคนที่ superego กับ ego ขัดแย้งกัน สิ่งที่ ไทป์สอง ควรทำคือการเอา id มาช่วยซึ่งก็คือ การพัฒนาตัวเองไปเป็น ไทป์สี่ ในทางตรงกันข้าม ถ้า ไทป์สอง กลายเป็น ไทป์แปด ก็ยิ่งเป็นการเพิ่ม ego ให้กับตัวเอง และห่างไกลออกจาก ความก้าวร้าวที่อันตรายที่มีอยู่ใน id ออกไปอีก หรือในกรณีของ ไทป์ห้า ผู้ซึ่ง id ขัดแย้งกับ superego เป็นผู้มีมี ego ที่อ่อนแอมากต้องการการมุ่งไปสู่ ไทป์แปด ซึ่งเป็นไทป์ที่มี ego ที่ชัดเจนเข้มแข็ง ความมั่นใจในตัวเองที่ ไทป์แปด มีจะช่วยทำให้ ไทป์ห้า มีความมั่นใจเมื่ออยู่ท่ามกลางสังคมมากขึ้น และสร้างสรรการกระทำที่เป็นประโยชน์ในรูปธรรมให้เกิดขึ้นได้ เพราะ ไทป์ห้า เป็นไทป์ที่ขาดทักษะทางสังคมมากที่สุด เมื่อ ไทป์ห้า เสื่อมลง พวกเขาจะมุ่งสู่ ไทป์เจ็ด ซึ่งเป็นไทป์ที่มี ego ที่ไม่ดี ก้าวร้าวและทำให้จิตใจของ ไทป์ห้า สลายได้ ไทป์สาม เป็นไทป์ที่มีปัญหากับ ego มากที่สุดพวกเขาหลีกหนีอารมณ์ความรู้สึกของตัว ทำให้ไม่อาจมองเห็นตัวตนของตัวเองได้ด้วยตัวของตัวเอง จึงต้องมองหาจากการสังเกตปฏิกิริยาของคนรอบข้าง กลายเป็นไทป์ที่หมกมุ่นอยู่กับภาพพจน์ของตัวเองมากที่สุด พวกเขาต้องพัฒนาตัวเองให้เป็น ไทป์หก เพื่อพัฒนา superego ขึ้นมาให้ถ่วงดุลกับ ego ที่ถูกพัฒนามากเกินไป เป็นการลดความรู้สึกต้องห้ามที่จะใช้ความรู้สึก และลดความปรารถนาที่จะมีหน้ามีตาในสังคม นอกจากนี้ ไทป์สาม ก็ยังต้องการ การพัฒนา id โดยการเข้าสู่ ไทป์เก้า อีกด้วย แต่การเข้าสู่ ไทป์เก้า โดยไม่ผ่าน ไทป์หก นั้นเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับ ไทป์สาม เพราะความสามารถในการใช้อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาถูกกดเก็บอยู่
-----------------------------------------------------------------------------
ทฤษฎีพัฒนาการในวัยเด็ก มนุษย์ทุกคน ไม่เว้นแม้ชาติไหน ภาษาไหน หรือยุคใดล้วนแล้วแต่มีผู้ปกครองสองคน คนหนึ่งคือ ผู้เลี้ยงดู (nurturing figure) ซึ่งอาจจะเป็นแม่หรือไม่ก็ได้ อีกคนหนึ่งคือ ผู้ปกป้อง (protective figure) ซึ่งก็อาจจะเป็นพ่อหรือไม่ก็ได้ ทฤษฎีพัฒนาการ เชื่อว่าพื้นฐานของบุคลิกภาพของทุกคน ได้รับอิทธิพลจากการเข้าหาผู้ปกครองทั้งสองในวัยเด็ก ไม่ว่าผู้ปกครองทั้งสองจะอยู่หรือตายไปแล้ว ดีหรือเลว ก็ตาม การที่ Enneagram บอกว่าคนเรามีเก้าไทป์นี้อาจอธิบายได้ด้วยทฤษฎีพัฒนาการ เพราะการเข้าหาผู้ปกครองมีได้ สามอย่างคือ ติด (connected) ออกห่าง (disconnected) และก้ำกึ่ง (ambivalent) ในขณะที่เด็กอาจจะเข้าหาแต่ ผู้เลี้ยงดู ผู้ปกป้อง หรือทั้งสองคนก็ได้ ทำให้มีความเป็นไปได้รวมเก้ากรณีพอดี ตรงกับไทป์ทั้งเก้าของ Enneagram ดังนี้ ผู้ปกครอง ติด(connected) ก้ำกึ่ง(ambivalent) ออกห่าง(disconnected) ผู้เลี้ยงดู(nurturing figure) ไทป์สาม ไทป์แปด ไทป์เจ็ด ผู้ปกป้อง(protective figure) ไทป์หก ไทป์สอง ไทป์หนึ่ง ทั้งสองคน ไทป์เก้า ไทป์ห้า ไทป์สี่ ทางจิตวิทยาเราเชื่อว่า ความผูกผันและการสะท้อนตัวเองกับแม่ในวัยเด็กทำให้เด็กสร้าง ego ของตนขึ้นมา พวกเขาจะมีแรงปรารถนาที่จะสนอง ego ของตน เชิดชู ego ของตนสู่โลกภายนอก มีกลไกป้องกันตัวคือความก้าวร้าว ซึ่งก็คือลักษณะของ ไทป์สาม-ไทป์แปด-ไทป์เจ็ด ไทป์สามเรียกร้องความสนใจ จึงต้องการการยอมรับ ไทป์แปด ต้องการที่จะควบคุมสิ่งรอบตัว พวกเขาจึงไขว่คว้าหาอำนาจ ไทป์เจ็ด ต้องการความพอใจและการปลุกเร้า จึงทำโน้นทำนี่ตลอดเวลา อีกกลุ่มหนึ่งได้แก่ ไทป์หก-ไทป์สอง-ไทป์หนึ่ง เป็นพวกที่มีกลไกป้องกันตัวเป็นการยอมตาม เป็นบุคลิกภาพแบบ "ต้อง ต้อง ต้อง" การยอมตามเป็นภาพที่เราจะเห็นพวกเขาได้โดยรวม ๆ แต่ภายในพวกเขาจะมีส่วนผสมกันระหว่าง ความก้าวร้าวกับการยอมตาม เมื่ออยู่ในสภาวะกดดัน พวกเขาจะระเบิดมันออกมา พฤติกรรมของพวกเขาเป็นผลมาจากการเข้าหาผู้ปกป้อง ซึ่งทำให้ต้องสร้างกรอบ ข้อบังคับต่าง ๆที่ฝืนความต้องการที่แท้จริงของตนขึ้นมาในใจ กลุ่ม ไทป์เก้า-ไทป์ห้า-ไทป์สี่ เป็นกลุ่มที่เข้าหาผู้ปกครองทั้งสองคน เป็นพวกเหม่อลอย เป็นคนที่เดียวดาย ชอบการใช้สติปัญญา และเป็นพวกคนช่างฝันของสังคม การเข้าหาผู้ปกครองทั้งสองคนในวัยเด็กเป็นผลทำให้ พวกเขามีปัญหาในการติดต่อกับคนอื่น เพราะแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกที่มากเกินไป พวกเขาจะใจลอย และสร้างโลกส่วนตัวขึ้น เพื่อเป็นกลไกป้องกันตัวจากสิ่งแวดล้อมจริง ๆ มีปัญหาเกี่ยวกับการแสดงแรงขับดันใน id ของตนออกมา โดยเฉพาะการเรียกร้องสิทธิ หรือการใช้ความก้าวร้าว
จากคุณ :
Type 10
- [
14 พ.ค. 52 19:03:46
A:118.172.88.94 X: TicketID:215915
]
|
|
|