ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้น จากเจ้าตีนโต (BIGFOOT) ซึ่งคล้ายกับมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ มีขนรุงรังทั้งตัว ผู้ที่สามารถถ่ายภาพวีดิโอความเคลื่อนไหวของมันไว้ได้คือ นายโรเจอร์ แพตเตอร์สัน เขาอ้างว่าพบมันในวันที่ 20 ต.ค. ปี ค.ศ. 1967 กำลังเดินกร่างสองขาไปตามร่องลำธารในป่าตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ความสูงของมันราว 2 เมตร และน้ำหนักเฉียด 130 กก. เขาถ่ายภาพจากระยะห่าง 40 เมตร เป็นความยาวฟิล์มนานถึง 39 วินาที ซึ่งเมื่อนำออกมาฉายเปิดเผย ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ชาวโลกโดยทั่วกัน แต่มีผู้หนึ่งซึ่งมีความกังขาในฟิล์มม้วนนี้ เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์นามว่า คาร์ล คอร์ฟ โดยคอร์ฟได้พยายามแกะรอยข้อเท็จจริงและตรวจตรา ภาพที่เห็นจากวีดิโออย่างละเอียดอยู่นานหลายปี "ถ้าคุณเพ่งดูอย่างใกล้ชิด จะเห็นรอยเส้นเป็นแนวตั้งคล้ายซิปอยู่กลางด้านหลัง ไม่มีสัตว์โลก ตัวไหนหรอกที่มีขนเฟอร์เป็นแนวอย่างนี้" คอร์ฟว่า ภาพถ่ายอันลือชื่อของโรเจอร์ แพทเตอร์สัน เป็นรูปไอ้ตีนโตกําลังเดินอยู่ในร่องลําธาร จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผ่านมาปาด.......ยามค่ำคืน จากคุณ : Pigusto - [ 18 พ.ค. 52 00:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อีกผู้หนึ่งซึ่งค้นคว้าหาความจริงในเรื่องนี้คือ นายไคลด์ ไรน์เก้ ในช่วงปี 1970 เขาทำงานอยู่ในบริษัท ANE ซึ่งจัดจำหน่ายฟ"ล์ม เขาระบุว่า แพตเตอร์สันก็เป็นลูกจ้างคนหนึ่งของบริษัทในตำแหน่งช่างภาพ และได้รับคำสั่งจากผู้บริหารบริษัทให้สร้างหนังบิ๊กฟุตขึ้น เพื่อโปรโมตฟิล์มแก่เหล่าผู้นิยมท่องไพร! ไรน์เก้อธิบายว่า ไอ้ตีนโตในฟิล์มของแพตเตอร์สันนั้น มิใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่สวมชุดวานร ไรน์เก้บอกด้วยว่า มนุษย์คนนั้นชื่อ เจอร์รีย์ รอมนีย์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของประธานบริษัท เขาสูงตั้งเกือบเจ็ดฟุต ร่างใหญ่มาก น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 115 กก. ภาพเยติ มนุษย์หิมะที่แอนโธนีย์ วูลดริดจ์ นักท่องเที่ยวคนนึงถ่ายไว้ในเดือนมีนาคม 1986 จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปาดซะ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 18 พ.ค. 52 00:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 และที่น่าเชื่อก็คือ รอมนีย์นั้นเคยแสดงเป็นตัวเด่น ในหนังเรื่องหนึ่งของ ANE ในปี ค.ศ.1972 มาแล้ว ลักษณะท่าทางเดินในหนังที่เขาแสดงนั้น ละม้ายคล้ายคลึงกับลีลาการย่างก้าวของไอ้ตีนโตในฟิล์มของแพตเตอร์สันมาก ผู้สันทัดกรณีด้านการถ่ายทำได้วิจารณ์ว่า ไอ้ตีนโตของแพตเตอร์สันนั้น เอาหนังกอริลลามาสวม มีการสร้างรอยตีนปลอม แล้วก็ถ่ายทำให้เบลอๆแค่นี้ก็สำเร็จ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หนังสั้นๆแค่ไม่ถึง 40 วินาทีนี้ ได้ทำเงินมหาศาลให้แก่บริษัท ANE ส่วนแพตเตอร์สันเสียชีวิตใน ค.ศ. 1972 จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ของวีดิโอไอ้ตีนโต ได้แก่ ภาพของ เยติที่เดินย่ำหิมะอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย วีดิโอนี้ถูกนำมาเผยแพร่ ในฤดูหนาวของปี ค.ศ.1976 ผู้ชมจะแลเห็นไอ้มนุษย์หิมะตีนโตดูเหมือนกำลังเล่นหิมะ การเคลื่อนไหวของมันงุ่มง่าม จากนั้น คล้ายกับมันรู้ตัวว่าถูกถ่ายทำ มันจึงออกเดินไปบนเขา วีดิโอเรื่องนี้ โรเบิร์ต แอล.เฟลมมิง นักวิทยาศาสตร์ ผู้คลุกคลีกับเขาหิมาลัยนานหลายปีมีความเห็นว่า ต้นไม้ใบหญ้า และลักษณะของหิมะในวีดิโอนั้น เป็นคนละแบบอย่างกับที่หิมาลัย ไอ้ตีนโตเยติก็ดูเหมือนคนเกินไป แต่ก็ไม่ละม้ายกับชาวเนปาล หรือชนแถบหิมาลัย ไม่ใช่แม้แต่เยติ หากแต่เป็นมนุษย์จอมปลอม! จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรามาดูอสุรสัตว์อื่นกันบ้าง ตัวที่โด่งดังรู้จักกันดีทั่วโลกก็คือ เจ้า "เนสสี" (NESSIE) ไดโนเสาร์ แห่งทะเลสาบล็อกเนสส์, สกอตแลนด์ โดยเป็นที่เล่าลือกันมานาน หลายสิบปีแล้วว่า มีสัตว์มหึมาชูคอยาว ของมันโผล่พ้นน้ำอันมืดคล้ำ ของทะเลสาบแห่งนี้ ขณะที่มันแหวกว่ายอยู่นั้น ได้มีผู้พบเห็นนับร้อยราย บางคนถ่ายภาพของมันไว้ได้ แต่ภาพที่ชัดเจนที่สุดเป็นฝีมือของ นายด็อค ชิลส์ ซึ่งถ่ายไว้ในวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1977 แต่ก็อีกนั่นแหละครับ นายรัสเชลล์ แองกลิซานี ผู้เชี่ยวชาญการตกแต่งภาพได้วิจารณ์ "เพียงแค่ใช้เทคนิคเก่าๆ ครั้งกระโน้นโดยอาศัยสารเคมี เช่น สารฟอกสี น้ำยาย้อมและก็พู่กัน คุณก็สามารถเติมภาพสัตว์ประหลาด ลงไปในฟิล์มได้ และไอ้ที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือ คะเนดูแล้วเจ้าสัตว์ตัวนี้มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 30 ตัน แต่ทำมั้ย รอบๆตัวของมันจึงไม่มีรอยน้ำ กระเพื่อมเลยซักนิด" ภาพเนซซี่ใต้น้ำที่สเก็ตซ์ขึ้นจากลักษณะที่เห็นในภาพถ่ายของดร.ไรเนส จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บางคนที่เก็บภาพเจ้าเนสสีได้ เป็นถึงระดับอาจารย์แห่งสถาบัน เอ็มไอทีอันลือลั่น เขาคือ ดร.โรเบิร์ต ไรเนส ในปี ค.ศ. 1972 ดร.ไรเนสสำรวจทะเลสาบด้วยตาตัวเอง และถ่ายภาพเต็มตัวของเจ้าเนสสีขณะแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำไว้ได้ ซึ่งในเรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีชี้แจงว่า เล่นไม่ยาก คุณเพียงแต่หาโครงไม้ เป็นรูปสัตว์ แล้วเอาผ้าพลาสติกมาห่อหุ้มคลุมไว้ ระบายสีเข้าไป ใส่น้ำหนักถ่วงให้มันกึ่งลอยกึ่งจม โยงด้วยสายเคเบิลแล้วลากมันไป แค่นี้คุณก็สร้างอสุรสัตว์ใต้น้ำได้สำเร็จ นอกจากนี้ การที่ ดร.ไรเนสใช้สปอตไลต์ฉายส่อง เพื่อให้เห็นภาพเจ้าเนสสีชัดเจน จึงถูกกล่าวหาว่าเขาใช้เทคนิค ของแสงช่วยในการสร้างภาพ จนกระทั่งมันดูสมจริงเกินไป ครับ ถ้าภาพของคุณมืดๆ สลัวๆ ก็ดูไม่ค่อยออกว่ามันตัวอะไร แต่ถ้าหากภาพของคุณชัดเจนเกินไป เขาก็หาว่าคุณหลอกลวงอีกน่ะแหละ อสูรสัตว์แห่งทะเลสาบล็อคเนสที่ดร.ไรเนสถ่ายได้ในปี 1975 ภาพจาก www.daviddarling.info จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อมนุษย์ตนสุดท้ายที่ปรากฏในภาพถ่าย ก็คือ เอเลียน หรือมนุษย์ต่างดาว ที่มาเยือนโลกโดยจานบิน ผู้ที่บันทึกภาพของจานบิน ได้มากกว่าใครๆก็คือ นายบิลลี เมียร์ ชาวไร่แห่งสวิตเซอร์แลนด์ หนแรกในวันที่ 18 มิถุนายน 1875 เมียร์ ถ่ายภาพยานบินโลหะกลมแบน ที่ร่อนอยู่เหนือต้นไม้ของเพื่อนบ้าน มันเวียนวนต่ำๆจนต้นไม้ เอนไหวด้วยแรงลม ถัดมาอีกสองเดือน เขาสามารถจับภาพจานบิน ที่ร่อนอยู่เหนือไฮเวย์ และเห็นรถที่วิ่งอยู่เบื้องล่างได้ชัดเจน หนที่เจ๋งที่สุดคือ ครั้งที่เจ้ายานลึกลับมาบินเวียนวนอยู่เหนือเนินเขา แล้วก็แวบหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ฉับพลันมันก็ปรากฏขึ้นใหม่ เมียร์มีโอกาสได้ถ่ายภาพของมันทั้งในระยะไกลและซูมเข้ามาใกล้ บางครั้งมันมาร่อนอยู่เหนือศีรษะของเขาพอดี เป็นภาพที่ไม่เคยมีใครถ่ายทำได้ถึงขนาดนี้ ทำให้ชื่อเสียงของเมียร์โด่งดัง ลือกันว่าเขาสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ และพวกนี้อาจให้ข้อมูลเมียร์เกี่ยว กับการล่มสลายของโลก ผู้ที่กลัวโลกแตกจึงพากันติดต่อ หรือมาหาเมียร์กันมากมาย ภาพถ่ายจานบินของบิลลี เมียร์ จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่เบื้องหลังในเรื่องนี้ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ดีที่สุดก็คือ โปปิ ภรรยาเก่าของเมียร์ "เมื่อฉันเห็นรูปยูเอฟโอ ฉันก็พลันระลึกไปถึงเค้ก วันแต่งงานของเรา ฉันถามตัวเองว่า เคยเห็นส่วนล่างของเจ้ายานนี้ที่ไหนหนอ แล้วฉันก็คิดออกทันทีว่ามันคือ ฝาถังขยะของฉันนั่นเอง ฉันลองเปรียบเทียบลักษณะ ของฝาถังขยะกับไอ้ ยานนั่น...มันเหมือนกันเด๊ะทีเดียว" โปปิยังสาธยายอีกว่า สามีของหล่อนนั้น ถนัดในการสร้างหุ่นจำลองต่างๆจากวัตถุที่หาได้ในบ้าน ดังนั้นจึงไม่ยากที่เขาจะสร้างยาน อวกาศขึ้นมาสักลำแล้วก็ใช้เทคนิคถ่ายทำ... จนปรากฏเป็นภาพที่หลอกลวงผู้คนได้ทั้งโลก! ที่มา www.thairath.co.th www.baddevil.net glam.ac.uk สวัสดีนะครับ XD จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 00:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ว๊าววววววววว จากคุณ : XhideX - [ 18 พ.ค. 52 00:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่ทราบมา ฟิลม์ของ แพทเตอร์สัน นั้นปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครสรุปได้นะครับว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ต่างฝ่ายต่างหาหลักฐานมาอภิปรายกันตอนนี้ผลยังเสมออยู่ที่ 50-50 ครับ จากคุณ : I'AM - [ 18 พ.ค. 52 01:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบมากๆ ครับ ติดตามมาตั้งแต่สมัยปู๊นแล้ว ข้อสรุปก็ยังหาไม่ได้ซักที ส่วนเนสซี่ มีอีกภาพนึงที่เป็นภาพที่โด่งดังมากครับ แต่เท่าที่จำได้มีคนบอกว่า ตัวมันใหญ่มาก แต่ทำไมคลื่นมันเป็นแบบนี้ ไม่สมกับขนาดตัว เพราะเหมือนกับเป็นอะไรเล็กๆ เลย หลายคนบอกว่า เป็นหางของนาก ที่หัวมันกำลังจุ่มลงในน้ำ แล้วหางชี้ขึ้นมา บางคนก็บอกว่าเป็นแค่ท่อนไม้ เพราะขนาดเทียบกับคลื่น มันเล็กจังเลย ... จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน - [ 18 พ.ค. 52 01:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลงชื่อจ้า จากคุณ : utd - [ 18 พ.ค. 52 03:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบมากเลย ~~~ จากคุณ : lLuVia*HopEleSs - [ 18 พ.ค. 52 03:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ฟิ้วววววววววววววววววววววว ~~~ จากคุณ : KinkyVans - [ 18 พ.ค. 52 07:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เขาไม่เรียกภาพลวงตาแล้วครับ เขาเรียกว่า "ภาพแหกตา" จากคุณ : PastelSalad - [ 18 พ.ค. 52 08:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่อง เนสซี่ คนถ่ายภาพคนแรก ต้นกำเนิดเรื่อง เขาก็ออกมาเฉลยแล้วนี่ ว่าเขาเมคขึ้นมาเองล้วนๆ ผลคือโดนชาวบ้านแถวทะเลสาบ สวดยับ หาว่าโกหก ... เนสซี่มีจริงๆนะ (เพราะไปขวางะธุรกิจท่องเที่ยวของชุมชน) ถ้าภาพของคุณมืดๆ มัวๆ ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นอะไร ก็หาว่าภาพหลอก ถ้าหากภาพของคุณชัดเจนเกินไป เขาก็หาว่าคุณหลอก จงใจเมคขึ้น ถ้าคุณเฉลยว่า ภาพที่คุณถ่ายมาหลอกลวงทั้งเพ คนก็หาว่าโกหกอีก แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 09:09:24 จากคุณ : Nibiru - [ 18 พ.ค. 52 09:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านโดเรมอน เขาว่าเป็นกำปั้นของไจแอ้นนะ เนสซี่อ่ะ จากคุณ : คุณอ่อง - [ 18 พ.ค. 52 11:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.etcfoto.com/forum/index.php/topic,1229.0.html The Photograph That Lied "Loch Ness Monster" หรือ "The Surgeon's Photo" Ian Wetherell, 1934 ในยุคที่ผู้คนทั่วโลก ต่างตื่นเต้นกับสัตว์ประหลาดเนสซี แห่งทะเลสาปล็อคเนส (ซึ่งอย่างน้อยก็มีรายงานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 565) และผู้คนต่างแห่แหนกันไปเพื่อหาหลักฐาน และบันทึกภาพสัตว์ประหลาด ก็มีภาพที่เป็นตำนานเกิดขึ้น "The Surgeon's Photo" ภาพนี้บันทึกไว้เมื่อเดือนเมษายน 1934 และเหมือนกับเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ในเหตุการณ์ "ตื่นสัตว์ประหลาด" เกิดการถกเถียง โตเถียง ทะเลาะ (และอาจถึงขั้นตบตี) และทำให้เกิดการค้นหาหลักฐานสัตว์ประหลาดล็อคเนส อย่างบ้าคลั่ง นักท่องเที่ยว และนักค้นคว้าที่เดินทางมา ทำรายได้ให้กับพื้นที่นับล้านๆ ดอลล่าร์ต่อปี The Party is over.- งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา..... ในปี 1994 ความจริงก็ถูกเปิดเผย Christian Spurling นักทำหุ่นจำลอง ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ที่รับผิด ในการทำภาพปลอมนี้ ด้วยคำแนะนำและช่วยเหลือของ Marmaduke Wetherell ผู้เป็นพ่อเลี้ยง และนักล่าสัตว์ในละแวกนั้น พ่อเลี้ยงของเขาได้รับการว่าจ้างจากหนังสือพิมพ์ London's Daily Mail เพื่อให้หาหลักฐานเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนส แต่หลังจากใช้ความพยายาม โดยไม่มีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดเลย เขาจึงตัดสินใจให้ลูกเลี้ยง ทำหุ่นจำลองขึ้น โดยใช้เรือดำน้ำของเล่น และให้ลูกชายของเขา Ian Wetherell เป็นผู้บันทึกภาพ หลังจากบันทึกภาพแล้ว ก็ให้นายแพทย์ Robert Kenneth Wilson ศัลยแพทย์ และผู้ใหญ่บ้าน (เมืองไทยก็คงประมาณนี้) เป็นผู้รับสมอ้าง ว่าเป็นผู้ถ่ายภาพนี้ "กล้องไม่เคยโกหก, คนเท่านั้น ที่โกหก" ไม่มีอะไรจะยืนยันคำกล่าวเก่าแก่โบราณได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว จากคุณ : อะธีลาส - [ 18 พ.ค. 52 11:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โดนหลอกกันเต็มๆ (น่าจะมีภาพไปโรงเรียนนะ) จากคุณ : Duk_Dik_Kung - [ 18 พ.ค. 52 11:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบจัง จากคุณ : ^Sakana no Ko^ - [ 18 พ.ค. 52 13:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โหวตครับ จากคุณ : mibtrex - [ 18 พ.ค. 52 13:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หืม..... จากคุณ : kimijang - [ 18 พ.ค. 52 14:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ม่ายจิงงงงง จากคุณ : wasabi_gosh - [ 18 พ.ค. 52 19:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เปิดทู้แปลกๆ อิอิ จากคุณ : ]v[ (BONDJUNG_TH) - [ 18 พ.ค. 52 19:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คือจริงๆก็จะตั้งว่าภาพแหกตาแหละครับ พอดีมันไม่เข้ากะเอ็มวี - -a แต่ช่างเถอะครับ ไหนๆและ ต่ออีกซะนิด ถ่ายที่ Loch Ness  วันที่ 21 พฤษภาคม 1977   รูปนี้ถ่ายโดย Shiels  ที่เขาหยิบกล้องถ่ายรูปในที่ขณะที่ตั้งแคมป์บริเวณทะเลสาบ Loch  Ness   จากนั้นเขาก็เห็น Nessie  โผล่หัวมาอย่างชัดเจน ด้วยสะดุ้งตกใจและตื่นเต้นเลยถ่ายรูปมันได้ ก่อนที่มันก็หายไป จากนั้นภาพถ่ายนี้ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายแก่สาธารณะในฐานะเป็นภาพถ่ายที่ใสที่สุดชัดเจนที่สุดของ Nessie ก็ว่าได้   แน่นอนภาพนี้ก็ให้ผู้เชี่ยวชาญดูตามระเบียบ แต่ไม่สามารถระบุได้ บางคนก็ว่ามันเหมือนนากมากกว่า(นากบ้านไหนคอยาวขนาดนี้ฟ่ะ)บางคนก็ว่า Shiels เป็นคนลวงโลกและมีเทคนิคถ่ายภาพเก่งซะด้วย แต่ถึงอย่างไรถ่ายนี้ทำมีส่วนให้เกิดธุรกิจผู้ล่าสัตว์ประหลาด ตามล่าหา Loch  Ness  ในเวลาต่อมา http://en.wikipedia.org/wiki/Loch_Ness_Monster แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 20:04:36 จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ...ปาด จากคุณ : ไร้สาระคุง - [ 18 พ.ค. 52 20:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 7 สิงหาคม 1972   มีการค้นพบ Nessie โดยคณะของดอกเตอร์ Robert  Rines ของสถาบันวิทยาศาสตร์ ได้ใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายใต้น้ำซึ่งถ่ายจากระยะไกล ผลคือสิ่งที่ปรากฏคือครีบกว้างของสัตว์ที่ชนิดหนึ่ง ที่บ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นของแมวน้ำหรือปลาวาฬ หรือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์พันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ซึ่งภาพค่อนข้างใสและชัดเจนพอสมควร และภาพนี้ก็เผยแสดงที่สาธารณะในเวลาต่อมา ภาพนี้ถึงขั้นให้ NASA มาตรวจสอบด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขยายรูปภาพให้เด่นชัด และสถาบันทีมวิทยาศาสตร์มาช่วยดู ผลสุดท้ายสรุปได้ว่าเป็นภาพถ่ายครีบกว้างของแมวน้ำ หรือปลาวาฬมากกว่าจะเป็น Nessie ภาพจาก www.mysterycasebook.com จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ่ายที่ทะเลสาป Loch  Ness ปี ค.ศ.1972 ไม่ทราบตัวผู้ถ่าย ภาพถ่าย Nessie เป็นรูปของสัตว์ประหลาดที่กำลังเคลื่อนที่ไปยังเหนือผิวน้ำ และปากของมันเปิด และภาพนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ่ายที่ทะเลสาป Loch  Ness ปี ค.ศ. 1970 ภาพนี้ถ่ายโดย Searle อดีตกัปตันกองทัพเรือ เขาถึงขั้นปลักหลักอาศัยอยู่ใน Loch  Ness หวังจะเห็น็น สัตว์ประหลาด Nessie  และก็ได้เห็นสมใจ เขาถ่ายรูปของมันเพียบ แต่ภาพถ่ายจำนวนมากมายNessie  ส่วนมากมักถูกผู้เชี่ยวชาญสับวิจารณ์แหลกว่าเป็นของปลอม จนกระทั้ง ภาพถ่ายล่าสุดของเขา รูปสัคตว์คอยาวกำลังจะดำน้ำ ซึ่งรูปนี้นักวิจารณ์ไม่สามารถถูกพิสูจน์ว่าเป็น  Nessie  ตัวจริงหรือไม่(หลายคนบอกว่ามันเหมือนลำต้นต้นไม้ที่ลอยมากกว่า)  อย่างไรก็ตาม Searle ก็มีชื่อเสียงในฐานะคนถ่ายรูป Nessie  มากที่สุดในโลก เขาตาย ใน ปี 2005 http://www.scotland-calling.com/loch-ness-monster.htm จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ่ายที่ทะเลสาป Loch  Ness ปี ค.ศ. 1960, วิศวกร aeronautical  Tim  Dinsdale ได้ใช้กล้องขาวดับจับภาพสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามันเหมือนเรือบดมากกว่า แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 20:10:35 จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ่ายที่ทะเลสาบ loch วันที่ 29 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1993 ถ่ายโดย MacNab  ผู้จัดการธนาคารค่อยๆหายไป ที่จับภาพถ่ายของบางสิ่งการเคลื่อนย้ายผ่านน้ำของ loch ใกล้ปราสาท Urquhart ซึ่งต่อมารูปถ่าย MacNab ก็กลายเป็นภาพถ่ายสัตว์ประหลาดในทะเลสาบที่ใช้เทคนิคซับซ้อนแต่งภาพมากที่สุด(ในสมัยนั้น)  โดยภาพนี้ได้ให้ผู้วิจัย Roy  Mackal ดู เขาค้นพบความแตกต่างว่ารูปภาพมีรอยลบของภาพ และมีการ ปริ้นให้เป็นรูปใหม่ลงบนภาพ จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สมัยก่อนตอนเด็กๆ  ประมาณ 6-7 ขวบ   ผมเอากระดาษมาตัดเป็น UFO แล้วไปแปะหน้าต่าง จากนั้นเอากล้องฟิล์มของปู่เก่าๆมาถ่าย  สงสัยตั้งค่าไม่ค่อยเป็น โฟกัสไม่ค่อยได้ พอล้างมากลายเป็นสมจริงมาก  และโดนขโมยไปเลย  - -" จากคุณ : Magoak - [ 18 พ.ค. 52 20:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ่ายที่ทะเลสาบ Stuart  วันที่ 14 กรกฎาคม 1951 Lachlan  Stuart เจ้าหน้าป่าไม้ ถ่ายรูปสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่กำลังพ้นผิวน้ำด้วยอาการตื่นเต้นตกใจ ในบริเวณเขตน้ำตื้นบริเวณชายหาด ซึ่งดูจากภาพจะแตกต่างจาก Nessie แห่งทะเลสาบ Loch  Ness มาก เพราะสัตว์ประหลาดของ Lachlan  Stuart มีรูปร่างแบนยาวๆ ซึ่งภาพนี้โดนสับและโดย ในหนังสือของ Richard fiere จนกระทั้ง Stuart ออกมาสารภาพว่ารูปนี้เป็นรูปเขาเมคขึ้นซึ่งตัวสัตว์ประหลาดทำจากหญ้าแห้งสำหรับให้สัตว์กินปกปิดด้วยผ้าชุบน้ำมันมามัดห่อจนเป็นรูปร่างอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งกว่าที่เขาจะสารภาพก็ปาไปสิบกว่าปี จนคนอื่นเชื่อว่าภาพนี้เป็นของจริงไปแล้วหลายราย จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ่ายที่ทะเลสาบ Loch  Ness วันที่19เมษายน1934 ภาพถ่ายนี้คือมีชื่อเสียงที่สุดของ Nessie อีกทั้งมันเป็นของปลอมอีกด้วย เมื่อคนถ่ายภาพนี้คือ นายพัน Robert Wilson Christain (90) สารภาพก่อนสิ้นใจเพราะโรคร้ายใน ปี ค.ศ.1993 ว่าเขาใช้เรือดำน้ำของเล่น และเอาหัว Nessie ปลอมซึ่งทำจากส้นรองเท้าของลูกชายเขา มาสวม และเอาไปว่ายในทะเลสาบจากนั้นก็ถ่ายรูปดังกล่าว จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เอาอีก เอาอีก อ่านเพลินเลย ^^ ขวัญใจเลย  Mr.Terran จากคุณ : CheNo - [ 18 พ.ค. 52 20:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ่ายโดย Hugh ในขณะที่เขากำลังเดินหลังจากโบสถ์ซึ่งตอนนั้นหมอกลงมา จากนั้นเขาก็พลันเห็น วัตถุมีชีวิตหนึ่งความกว้างยาวค่อนข้างใหญ่? กำลังเล่นน้ำ กับกับหมอกในทะเลสาบ  โชคดีเขามีกล้องถ่ายรูป จากนั้นก็เริ่มจับถ่ายสิ่งที่เขาพบ ซึ่งรูปถ่าย Nessie รูปนี้ ถูกกล่าวขวัญอย่างมากในฐานะหลักฐานแห่งการถ่ายรูปสัตว์ประหลาด Nessie รูปแรกของโลก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญออกความเห็นว่า รูปนี้มันดูเหมือนภาพถ่ายของสุนัขที่กำลังบิดเบี้ยว คาบไม้และว่ายน้ำมากกว่า จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:16:40 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถ่ายที่ทะเลสาบ Okanagan-Ogopogo-This เป็นภาพถ่ายภาพยนตร์ของ Edward Fletcher โดยรูปเป็นสัตว์ขนาดใหญ่เหมือนงูกำลังว่ายเลื้อยไปมาบนผิวน้ำ ถูกถ่ายลงจากบนเนินเขาสูงกว่าชายหาด ซึ่งต้อนนำฟิล์มและนำมาขยายอีกที่หนึ่ง จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถ่ายแบบภาพยนต์ที่ ทะเลสาบ Okanagan - Ogopogo ในปี ค.ศ. 1968 โดย Arthur Folden ใช้กล้อง 8mm จับภาพสิ่งมีชีวิตลึกลับได้ แม้ช่วงนั้นจะมีหมอกลงจัดมากแต่กล้องก็สามารถจับภาพสัตว์ประหลาดที่คาดว่ามีความยาวกว่า 50-70 ฟุตได้ โดยเจ้าสัตว์นี้ว่ายน้ำเร็วพอสมควร และมี ดำน้ำ และโผล่พื้นผิวน้ำ  และโผล่หัวและหางออกมาด้วย  แม้ภาพนี้จะถ่ายในปี 1968 แต่กว่าจะมีการเผยแพร่ก็ปาไปปี 1970 เพราะ Arthur Folden กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ จนกระทั่ง1970 เขาก็เอาฟิล์มม้วนนี้ให้นายกเทศมนตรีได้ดู จึงออกมาเผลแพร่ต่อภายนอกในที่สุด ซึงผลตอบรับไม่ดีนัก แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่าภาพนี้น่าจะเป็นของจริงเพราะไม่มีรอยแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้นในตัวฟิล์มนี้ จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ่ายในปี ค.ศ. 1980 โดยฟิล์ม Thal Film-Larry Thal โดยกลุ่มของนักท่องเที่ยวได้เห็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในทะเลสาบ จึงใช้กล้องเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตนั้น ซึ่งฟิล์มนี้แสดงถึงการการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาด และความเร็วของมัน รวมไปถึงโครงร่างเมื่อมองจากผิวน้ำด้วย จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 รูปนี้ถ่ายที่ทะเลสาบแชปเปลน(Champlain) ประเทศสหรัฐ เดือนกรกฎาคม 1977 ไม่ใช้รูปถ่ายเนสซี(มันมีชื่อแชมป์) แต่ผมชอบมันมากเป็นพิเศษ ถ่ายโดยแซนดรา แมนซี (Sandra Mansi)จากรัฐคอนเนคติกัด วันนั้นเธอกับลูกไปเที่ยวทะเลสาบทางชายฝั่งตะวันออก ทันใดนั้นเธอก็เห็นตัวอะไรบางอย่างคล้ายไดโนเสาร์คอยาวขนาดยักษ์ ลอยกระเพื่อมอยู่ห่างจากฝั่งอยู่ประมาณ 150 ฟุต(45เมตร) เลยใช้กล้องโกดักอินสตาเมติคถ่าย และเธอก็เก็บรูปนี้ไว้ไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวคนอื่นว่าเธอบ้า จนกระทั้ง 4 ปี ต่อมา เธอเลยยอมเอารูปนี้ไปให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์และ NBC TV เอาภาพนี้ไปลง และปัจจุบันนี้ภาพนี้ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ่ายในเนินเขาของแคลิฟอร์เนียทางเหนือ ถ่ายในปี ค.ศ. 1977 ภาพถ่ายนิ่งจากกล้อง 16mm โดยมาร์ค Ivan Marx โดยถ่ายรูปบิ๊กฟุตแบบจะๆ นี้ได้ที่เนินเขาของแคลิฟอร์เนียทางเหนือ ก่อนที่มันจะกระโดดนี้หายเข้าไปในป่า ซึ่งภาพนี้เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสัตว์ลึกลับวิทยา จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ตะกี้ไปเช็คภาพข้างบนแล้ว เจ้าตัวออกมายอมรับว่าเป็นภาพปลอมแล้วครับ ถ่ายที่บริเตน แคนาดา ถ่ายโดยผู้ชายคนงานโคลัมเบียคนหนึ่งที่ Sooke บริเตนในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 2006 ระหว่างมีพายุหิมะ เขาสังเกตบางสิ่งบนถนน.   มันคือ บิ๊กฟุต หรือ Sasquatch สัตว์ลึกลับ ด้วยความตื่นเต้น เขาหยิบกล้องและทำการบันทึกภาพเป็นวีดีโอสั้นได้ จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ่ายในปี ค.ศ 1992  หรือ1993 โดย Annette Crews  ถ่ายจาก 10 ไมล์ โดยเธอคิดว่าตอนแรกเธอจับรูปภาพของหมี...จนกระทั่งเธอเห็นว่ามันกำลังเดินอย่างลงเขาบนสองขามากกว่าเดินสี่ขาอย่างที่หมีทำกัน  โชคร้าย กล้องถ่ายรูปไม่มีการทำให้ภาพที่ได้ไม่ชัดมากนัก จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถ่ายใน ปีค.ศ. 1997 โดยกัปตันพนักงานดับเพลิงในพื้นที่เขตฟลอริด้า Everglades นอกจากนี้หลังจากถ่ายภาพมันเสร็จแล้ว ก็มีการค้นพบ รอยเท้าของมันที่ทิ้งไว้ตามพื้นดินอีกด้วย(ใครดูครั้งแรกคงนึกว่าเป็นรูปถ่ายผี) จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กำลังอ่านสนุกเลย สู้ๆ นะคะ จากคุณ : PeppeLePew - [ 18 พ.ค. 52 20:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพถ่าย The Silver Star Mountain ถ่ายโดยโดย Gifford  Pinchot เจ้าหน้าที่ ป่าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17พฤศจิกายน 2005 ถือได้ว่าภาพนี้เป็นภาพถ่ายบิ๊กฟุตที่ดีที่สุดเท่าที่มีการถ่ายภาพบิ๊กฟุตมา เพราะชัดเจนมากๆ( ตรงวิวนะไม่ใช้ตัวบิ๊กฟุต) จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:32:59 ]

ความคิดเห็นที่ 49 และแล้วก็มาถึงอันดับสุดท้ายของเราครับ กับวลีอมตะที่ว่า “ผมไม่มองเห็นซิปของเจ้าบิ๊กฟุตนี้เลย(ว่ะ)” จากผู้เชี่ยวชาญที่มองภาพนี้เพราะคิดว่ามันไม่ใช้ของจริง แน่นอนภาพนี้ของปลอมครับ แต่กล่าวจะจับได้ก็ผ่านไปหลายปีทีเดียว นายโรเจอร์ แพตเตอร์สัน เขาอ้างว่าพบมันในวันที่ 20 ต.ค.  ปี ค.ศ. 1967 กำลังเดินกร่างสองขาไปตามร่องลำธารในป่าตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย   ความสูงของมันราว 2 เมตร และน้ำหนักเฉียด 130 กก. เขาถ่ายภาพจากระยะห่าง   40 เมตร เป็นความยาวฟิล์มนานถึง 39 วินาที ซึ่งเมื่อนำออกมาฉายเปิดเผย  ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ชาวโลกโดยทั่วกัน     แต่มีผู้หนึ่งซึ่งมีความกังขาในฟิล์มม้วนนี้  เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์นามว่า คาร์ล คอร์ฟ โดยคอร์ฟได้พยายามแกะรอยข้อเท็จจริงและตรวจตรา  ภาพที่เห็นจากวีดิโออย่างละเอียดอยู่นานหลายปี   "ผมกำลังหาซิบอยู่ด้านหลังอยู่น่ะ เพราะไม่มีไม่มีสัตว์โลกตัวไหนหรอกที่มีขนเฟอร์เป็นแนวอย่างนี้"  คอร์ฟว่า     อีกผู้หนึ่งซึ่งค้นคว้าหาความจริงในเรื่องนี้คือ  นายไคลด์ ไรน์เก้ ในช่วงปี 1970 เขาทำงานอยู่ในบริษัท  ANE ซึ่งจัดจำหน่ายฟิล์ม เขาระบุว่า แพตเตอร์สันก็เป็นลูกจ้างคนหนึ่งของบริษัทในตำแหน่งช่างภาพ และได้รับคำสั่งจากผู้บริหารบริษัทให้สร้างหนังบิ๊กฟุตขึ้น เพื่อโปรโมตฟิล์มแก่เหล่าผู้นิยมท่องไพร!     ไรน์เก้อธิบายว่า ไอ้ตีนโตในฟิล์มของแพตเตอร์สันนั้น มิใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่สวมชุดวานร ไรน์เก้บอกด้วยว่า  มนุษย์คนนั้นชื่อ เจอร์รีย์ รอมนีย์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของประธานบริษัท     ขาสูงตั้งเกือบเจ็ดฟุตร่างใหญ่มากน้ำหนักไม่ต่ำกว่า    115 กก.     และที่น่าเชื่อก็คือ รอมนีย์นั้นเคยแสดงเป็นตัวเด่น ในหนังเรื่องหนึ่งของ ANE ในปี ค.ศ.1972 มาแล้ว ลักษณะท่าทางเดินในหนังที่เขาแสดงนั้น    ละม้ายคล้ายคลึงกับลีลาการย่างก้าวของไอ้ตีนโตในฟิล์มของแพตเตอร์สันมาก     ผู้สันทัดกรณีด้านการถ่ายทำได้วิจารณ์ว่าไอ้ตีนโตของแพตเตอร์สันนั้น เอาหนังกอริลลามาสวมมีการสร้างรอยตีนปลอมแล้วก็ถ่ายทำให้เบลอๆแค่นี้ก็สำเร็จ     ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หนังสั้นๆแค่ไม่ถึง 40 วินาทีนี้  ได้ทำเงินมหาศาลให้แก่บริษัท ANE ส่วนแพตเตอร์สันเสียชีวิตใน ค.ศ.1972     ที่มา : เนื้อหาตั้งแต่ คห.27,29-33,35-36,38-43,45,45-46,48-49 พิมพ์โดย Cammy ส่วนภาพจาก www.skeptic.com www.mysterycasebook.com   www.bigfootencounters.com www.voanews.com ปล. นาย cammy ทําไมเอ็งไม่หาภาพมาด้วยฟ่ะ เมื่อยตาเลยตรู - -" จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 50 รู้สึกเหมือนขาดไรไปอย่าง อืมม์ จานบินนี่เอง ยังไงก็ขอจานบินสักภาพนะครับ ถ่ายเมื่อ 1998 ในควีนสแลนด์  ออสเตรเลีย จุดอ่อนของช่างภาพคือ เผลอเอารถจริงมาลงในภาพ  ผู้เชี่ยวชาญขยายใหญ่จนเห็นเลขทะเบียนรถ ก็เลยไปสืบหาเจ้าของความแตกออกมาว่า เจ้าของรถขับไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ตามปกติ ไม่เห็นมีจานบิน คนถ่ายเอาภาพรถเขาขณะวิ่งไปตัดต่อด้วยโปรแกรมโฟโต้ช็อป เลยออกมาดูดีเชียว (อ้างอิง /เทาชมพู ) สําหรับวันนี้ก็.. ราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย .Terran ภาพจาก www.creationtips.com จากคุณ : Mr.Terran - [ 18 พ.ค. 52 20:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สนุกดีครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 21:29:49 จากคุณ : Saturndays - [ 18 พ.ค. 52 21:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 52 งั้นนี้ก็ภาพลวงตาด้วยสินะ ขออภัยถ้าไร้สาระเกิน จากคุณ : Rskiz - [ 18 พ.ค. 52 21:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เข้ามาอ่านจ้า ชอบๆ อ่านตัวเยติแร้วนึกถึงหนังเรื่อง เดอะ มัมมี่ เรยอ่า เยติสีขาว แร้วพญานาคบ้านเราอ่า สรุปมีจริงมั้ย เห็นแต่ลอยตลอด -*- จากคุณ : วัตถุต้องสงสัย - [ 18 พ.ค. 52 22:02:54 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ^ ^ ^ ภาพ คคห. 52 ไม่ลวงครับ มันทิ่มตาเต็มๆ @_@ จากคุณ : Yippie - [ 18 พ.ค. 52 22:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 Mr.Terran ขา ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับกระทู้ดีๆ เราเสียกิ๊ฟให้คุณทุกกกกครั้งที่คุณมาตั้งกระทู้เลยนะคะ จากคุณ : หม้อแกงเมืองเพชร - [ 18 พ.ค. 52 23:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ชอบๆๆ เอาอีกๆๆ จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 18 พ.ค. 52 23:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 18 พ.ค. 52 23:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อาจเป็นที่ยุคสมัยแต่ก่อน ที่เทคโนโลยี่ไม่ก้าวหน้าขนาดนี้นะคะ.. ทำให้คนเชื่อได้ แต่ก็ช่วยเรื่องท่องเที่ยว และเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี.. ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีภาพแบบนั้นแล้ว.. แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องอ่านสนุกๆๆค่ะ จากคุณ : nuanapa - [ 19 พ.ค. 52 00:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มีคนถ่ายบิกฟุตได้ด้วยล่ะครับ ลองคลิกเข้าไปดู relate video สำหรับวิดีโออื่นๆนะครับ XD จากคุณ : KenSama - [ 19 พ.ค. 52 01:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ว่าไปผมก็อยู่อังกฤษเหมือนกัน  มีโอกาสไปทะเลสาบล็อกเนส อยู่สองหน . . . ม่ายเห็นมีเลย   อุตส่าเตรียมกล้อง จากคุณ : Kross_ISC - [ 19 พ.ค. 52 05:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ลงชื่อ แจกกิฟท์ โหวต นั่งอ่าน จากคุณ : knine2five - [ 19 พ.ค. 52 07:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ^ ^ จากคุณ : หนุ่มน้อยขี้เซา - [ 19 พ.ค. 52 09:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ล๊อคเนส ถ้ามีจริง คงตรวจเจอไปแล้ว ละครับ จากคุณ : vn, man - [ 19 พ.ค. 52 09:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณมากครับ สำหรับข่าวสารที่นำเสนอ จากคุณ : saisanan - [ 19 พ.ค. 52 09:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แล้วอันนี้ล่ะ มันสมจริงมากๆเลยนะ ถ่ายเป็นวิดีโอด้วย มีพยานรู้เห็นเยอะเลย !! http://www.youtube.com/watch?v=2-Q-IwUijoc จากคุณ : งง - [ 19 พ.ค. 52 10:14:41 A:192.168.2.140 X:203.157.15.7 TicketID:210821 ]

ความคิดเห็นที่ 66 จานบินอันนี้ด้วย ไม่รู้จะจับผิดยังไง ทั้งสวย ทั้งตะลึง !! ช่วยวิจารณ์หน่อยนะ ว่าจริงหรือปลอม http://www.youtube.com/watch?v=VN_y5r7vHio ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับกระทู้นี้ จากคุณ : งงงง - [ 19 พ.ค. 52 10:18:38 A:192.168.2.140 X:203.157.15.7 TicketID:210821 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ^ ^ # 66...ช่วยแปะ จากคุณ : Choco-Mix - [ 19 พ.ค. 52 10:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ใครพอจะอธิบายภาพนี้ได้บ้างคะ อยากได้ประวัติของตัวนี้ จากคุณ : AmyKo - [ 19 พ.ค. 52 11:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณ ความคิดเห็นที่ 67 มากจ้ะที่ช่วยแปะ ความคิดเห็นที่ 68 เคยอ่านเจอ มันคือซากปล่าวาฬเน่าเปื่อยจ้ะ ช่วยแปะอันนี้ด้วยจี้ แล้วอันนี้ล่ะ มันสมจริงมากๆเลยนะ ถ่ายเป็นวิดีโอด้วย มีพยานรู้เห็นเยอะเลย !! http://www.youtube.com/watch?v=2-Q-IwUijoc จากคุณ : งงงง - [ 19 พ.ค. 52 11:45:40 A:192.168.2.140 X:203.157.15.7 TicketID:210821 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ช่วยแปะ #65 จากคุณ : AppLePie81 - [ 19 พ.ค. 52 12:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจพิสูจน์ภาพพวกนี้กันแล้วมั้ง มัวแต่พิสูจน์คลิป/ภาพหลุดดาราว่ามันจริงรึเปล่า - -' จากคุณ : แฟนสวย - [ 19 พ.ค. 52 14:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ที่จริง Nessie คือ จากคุณ : cybermax - [ 19 พ.ค. 52 19:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ... จากคุณ : cybermax - [ 19 พ.ค. 52 19:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 74 นี้ถือเป็นภาพหลวงตา จากคุณ : cybermax - [ 19 พ.ค. 52 19:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับ คือตอนแรกผมก็กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดว่าหมายถึงภาพลวงตาน่ะครับ ขอเน้นว่าผมหมายถึงภาพลวงหลอกตา พอจะเมคเซ้นส์มั้ยครับ คือ ต้องฟังเพลงเอ็นโดรฟินประกอบน่ะครับ เพราะมันมีหลายกรณีเช่น ภาพหลอกลวง ตั้งใจโกหก ภาพที่เกิดจากการเข้าใจผิด บลา บลา ฯลฯ เป็นต้น คือจริงๆเรียกๆง่ายว่าภาพแหตาน่ะครับ เอ๊ย..แหกตา เฮ่ย.. แถตา เฮ๊ย.. แหกตา เฮ่ย...ถูกแล้ว!! จากคุณ : Mr.Terran - [ 19 พ.ค. 52 19:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อันนี้ถ่ายที่ญี่ปุ่น จากคุณ : =Por= - [ 19 พ.ค. 52 20:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผมว่ามันอาจจะมีจริงนะครับ อาจจะสัก 30 ล้านปีที่แล้ว จากคุณ : แฟน Muse - [ 19 พ.ค. 52 21:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ^ ^ (จิ้มไป คห.ท่านพ่อ =Por= คห.76 ) รู้สึกจะชื่อเรื่อง The Water Horse: Legend of the Deep นะครับ ใครเคยดูแล้วเล่าด้วย หนุกป่าว ภาพจากอิมเมจแชค แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 21:49:03 จากคุณ : Mr.Terran - [ 19 พ.ค. 52 21:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 79 กะทู้โดนใจจริงๆค่ะ ชอบมากค่ะ ขอบคุณคุณMr.Terranมากนะคะที่หาเรื่องราวดีดีและน่าสนใจมากให้อ่าน จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา - [ 20 พ.ค. 52 00:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณค่ะ สนุกจริงๆ ^^ จากคุณ : bactor - [ 20 พ.ค. 52 00:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 81 อยากเห็นตัวนี้บ้างอ่ะ ไม่มีใครถ่ายได้บ้างเหรอ!!!  [- -"]!!! จากคุณ : ilovethisgames - [ 20 พ.ค. 52 04:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 82 5555 หมดเลย ความฝันในวัยเด็ก จากคุณ : -APEM - [ 20 พ.ค. 52 10:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ภาพหลวงตาเพิ่มเติม .. หา อะไรนะ นี่กระทู้ภาพลวงตาหรอกรึ เผ่น .. จากคุณ : s m l xl - [ 20 พ.ค. 52 10:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ^ ^ ^ ช่างกล้าเล่น - -" จากคุณ : T.A. ตัวน้อยๆ - [ 20 พ.ค. 52 10:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 85 China จากคุณ : Rage Aganist Computer Machine - [ 20 พ.ค. 52 12:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 86 Turkey จากคุณ : Rage Aganist Computer Machine - [ 20 พ.ค. 52 12:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 87 Sweden (นี่มันจะมีทุกประเทศซะมั้ง) จากคุณ : Rage Aganist Computer Machine - [ 20 พ.ค. 52 12:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ไทยแลนด์... จากคุณ : ลุงบุญคำ - [ 20 พ.ค. 52 14:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อันนี้ก็ึ่ลึกลับ... จากคุณ : จิบเดียวก็ซึ้งแมน - [ 20 พ.ค. 52 16:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ชอบๆเรื่องแบบนี้ สนุกดีค่ะ... จากคุณ : Jook^Ka^Jick - [ 20 พ.ค. 52 19:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 91 นักวิทยาศาสตร์ได้ลองดูแล้ว พวกเขาพบ สัตว์ประหลาดในเส้นรุ้งเดียวกัน หรืออาจไม่ทราบแน่ชัด จากคุณ : gunbong - [ 20 พ.ค. 52 19:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แต่ปลาหมึกยักษ์นี่มีจริงนะครับ จากคุณ : devil amature2 - [ 20 พ.ค. 52 23:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 93 นั่นมันไดโนเสาร์ของโนบิตะไม่ใช้เหรอ อิอิ จากคุณ : CrispyShrimpTempura - [ 21 พ.ค. 52 04:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 94 #89  ออกทะเลแต่ก็ได้ใจนะ 5555 กระทู้นี้ได้ประโยชน์มากคะ  โหวตให้นะ จากคุณ : fuseya - [ 22 พ.ค. 52 14:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 95 หนุกๆ ชอบๆ จากคุณ : LAPD21 - [ 22 พ.ค. 52 15:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ชอบเรื่องเนสซี่มากเหมือนกันค่ะ อ่านกระทู้แล้วนึกถึงความหลัง ตอนนั้นคลั่งไคล้เรื่องตัวประหลาดพอดู แต่...ถ้ามีจริง ป่านนี้เขาน่าจะเจอตัวแล้วมั้งคะ = = จากคุณ : duo2 - [ 22 พ.ค. 52 15:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ถูกใจให้ Give ครับ จากคุณ : Bronx_Wizard - [ 23 พ.ค. 52 10:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ไม่รุ้ว่ามีใครอ่านคู่สร้างคู่สมรึเปล่านะคราฟ แต่มีหมอดูที่ชื่อ นิกกี้ ที่เขาว่าทำลายอนาคตของโลกเก่งมากๆ เขาได้ทำนายไว้ว่าในปีนี้ มนุษย์โลกจะได้รู้ว่าตัวอะไรมันอยู่ในทะเลสาบ Loch  Ness ผมก้อยากรุ้ เพื่อสัตว์ประลาดจะมีจริงๆในโลกนี้ จากคุณ : หน้ากากเสือดำ (หน้ากากเสือดำ) - [ 23 พ.ค. 52 19:34:57 ]