ความคิดเห็นที่ 1 ปาด จากคุณ : papikasoda - [ 18 พ.ค. 52 21:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คำว่า ปิโตรเลียม (Petroleum) นั้น มาจากคำว่า Petro แปลว่า หิน (Rock) และคำว่า Oleum แปลว่าน้ำมัน (Oil) เนื่องจากน้ำมันนั้นจะอยู่ในชั้นหินเป็นส่วนใหญ่ ใช่ครับ น้ำมันอยู่ในหิน กล่าวคือจะอยู่ในรูพรุนเล็กๆ (pore) หรือรอยแตกเล็กๆ (fracture) ของหิน มิได้เป็นบ่อใหญ่ๆโล่งๆใต้ดินที่มีแต่น้ำมันครับ โดยมากแล้วเราจะพบปิโตรเลียมอยู่ในชั้นหินทราย (Sandstone) ครับ นอกจากนี้ยังอาจพบตามรอยแตกของหินปูน (Limestone) หรือโดโลไมต์ (Dolomite) แต่หินจำพวกนี้จะไม่ค่อยมีรูพรุนเท่าไหร่ครับ ยกตัวอย่างเช่นแหล่งนางนวลจะเป็นหินจำพวกนี้ครับ รูปด้านล่าง เป็นตัวอย่างหินจากหลุมน้ำมัน จะสังเกตว่ารูพรุนมีขนาดเล็กมาก ซึ่งปกติแล้วน้ำมันก็อยู่ในช่องว่าเหล่านี้ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 21:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ปาดได้ตามสบายครับ -- แล้วปิโตรเลียมเกิดมาได้อย่างไร? ปัจจุบันเชื่อกันว่าปิโตรเลียมเกิดมาจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ใต้ผิวโลก ที่ความดันและอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งหินที่เป็นหินต้นกำเนิดน้ำมันนั้น เราจะเรียกว่า Source rock น้ำมันเหล่านี้จะมีการเคลื่อนย้าย (Migration) ไปยังที่อื่นๆ เหมือนกับของเหลวที่จะไหลจากที่ๆมีความดันสูง(ที่ลึกๆ) ไปยังที่ๆมีความดันต่ำกว่า(ที่ตื้นๆ) จนกระทั่งมันไหลไปเจอโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นกักดัก (Trap) ไม่ให้น้ำมันไหลต่อไปได้ เช่นโครงสร้างกระทะคว่ำ (Anticline) หรือรอยแตกของชั้นหิน (Fault) ซึ่งจะต้องมีหินที่มีความซึมผ่านต่ำ (Impermeable Rock) กล่าวคือเป็นหินที่ไม่ยอมให้ของไหลไหลผ่านเป็นตัวกันเอาไว้ ซึ่งหินที่เป็นตัวกักเก็บน้ำมันเอาไว้เราจะเรียกว่าหินกักเก็บ (Reservoir Rock) จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 21:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รูปด้านล่าง เป็นลักษณะโครงสร้างต่างๆที่สามารถกักเก็บปิโตรเลียม นักธรณีวิทยา จะค้นหาลักษณะโครงสร้างเช่นนี้ เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่ามีปิโตรเลียมถูกกักเก็บเอาไว้ จากรูปนี้ สีเขียวแสดงถึงน้ำมันดิบ สีแดงแสดงถึงก๊าซธรรมชาติ และสีฟ้าแสดงถึงน้ำใต้ดิน จะเห็นว่า ในแหล่งกักเก็บแหล่งหนึ่งๆ อาจมีทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอยู่ด้วยกันก็ได้ ก๊าซธรรมชาติจะอยู่บนสุดเสมอ และน้ำจะอยู่ล่างสุดเสมอ เนื่องจากความหนาแน่นที่ไม่เท่ากัน แต่ตามความเป็นจริงแล้ว บริเวณรอยต่อของก๊าซ-น้ำมัน และ น้ำมัน-น้ำ มิได้เป็นรอยต่อเหมือนเราเอาน้ำกับน้ำมันใส่แก้วน้ำครับ อย่างที่บอกว่าน้ำและน้ำมันเหล่านี้อยู่ในรูพรุนของหิน ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากพวก capillary pressure และ surface tension ครับ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 21:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วมนุษย์เราเริ่มค้นพบปิโตรเลียมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ย้อนไปมากกว่า 4,000 ปี ชาวบาบิโลนได้มีการนำยางมะตอบ (Asphalt) มาใช้ช่วยในการสร้างกำแพงและเสา ซึ่งได้มาจากน้ำมันที่ซึมผ่านรอยแตกของหินขึ้นมายังผิวโลก (oil seep) สำหรับหลุมน้ำมันที่พบว่ามีการขุดเจาะลงไปนั้น เกิดขึ้นในปีค.ศ.347 ที่ประเทศจีน โดยมีความลึกประมาณ 240 เมตร หัวเจาะนั้นถูกต่อลงไปโดยใช้ก้านไม้ไผ่ น้ำมันเหล่านี้ถูกใช้ในการต้มน้ำเค็มเพื่อใช้ในการผลิตเกลือ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 21:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตรงไหนมีน้ำมันล่ะ? เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าเราไม่สามารถมองทะลุพื้นโลกลงไปดูได้ว่าบริเวณใดมีน้ำมันอยู่ แต่เราก็มีวิธีการทางธรณีฟิสิกส์ต่างๆที่ช่วยให้เราสามารถรู้ถึงโครงสร้างทางธรณีวิทยาใต้พื้นโลกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Seismic Survey ซึ่งจะส่งคลื่นลงไปใต้ดิน เมื่อคลื่นเหล่านี้ไปกระทบกับบริเวณรอยต่อของหิน คลื่นส่วนหนึ่งก็จะเกิดการสะท้อนกลับขึ้นมา และที่เหลือก็จะหักเหลงไปข้างล่างยังชั้นหินข้างใต้ และสะท้อนขึ้นมา เมื่อนำเวลาที่คลื่นใช้มาแปลผล ก็จะทราบถึงลักษณะของชั้นหินใต้ผิวโลก ในรูปด้านล่าง ตัวที่คอยรับคลื่นอาจจะใช้เรือลากไปเลยก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องไปติดตั้งไว้ที่พื้นทะเล จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อได้ข้อมูลชั้นหินมา นักธรณีวิทยาก็จะสามารถบ่งบอกถึงลักษณะการวางตัวของชั้นหิน รอยแตก รอยคดโค้งต่างๆได้ และสังเกตหาบริเวณที่น่าจะมีปิโตรเลียมกักเก็บอยู่ มีเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้เรามั่นใจได้ 100% ว่ามีปิโตรเลียมอยู่จริงๆนั่นก็คือ การขุดเจาะหลุมสำรวจ ซึ่งสำหรับหลุม Exploration well หลุมนึงเบ็ดเสร็จทุกอย่างราคาแบบถูกที่สุดก็ประมาณ 5 ล้านเหรียญ(เอง!)ครับ ขึ้นอยู่กับว่าหลุมนั้นอยู่บนบกหรือทะเล หลุมมันลึกขนาดไหน แล้วเราต้องการมีออฟชั่นเสริมเยอะขนาดไหน และยิ่งถ้าขุดเจาะไปแล้วอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ราบรื่น เจอปัญหานู่นนี่ ราคาอาจพุ่งกระฉุดไปเกิน 10 ล้านเหรียญเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นหลุม Production well ซึ่งเราพอจะรู้ลักษณะโครงสร้างของชั้นหินแล้วราคาก็จะถูกลงมาครับ วิธีการคร่าวก็จะมี หัวเจาะ (Bit) ดังรูปในต้นกระทู้ ต่อกับก้านเจาะ (Drillpipe) ก้านนึงก็ยาวซักประมาณ 30 ฟุต ต่อลงไปเรื่อยๆ แล้วหมุนก้านเจาะเพื่อขุดหลุม ในสมัยนี้สามารถเจาะหลุมเอียง (Deviated well) และหลุมแนวนอน (Horizontal well) ได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเจาะลงไปตรงๆ (Vertical well) อย่างเดียวเหมือนสมัยก่อน ความลึกของหลุมๆนึงก็จะประมาณ 7,000-10,000 ฟุต แต่ถ้าหากวัดระยะที่เจาะทั้งหมดก็อาจมากถึง 15,000 ฟุตเลยทีเดียว จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน มีด้วยกันหลายๆแบบ แบ่งคร่าวๆก็คือแท่นที่อยู่บนบก กับแท่นที่อยู่ในน้ำ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหมือนเอามาจากหนังสือเล่มๆหนึ่งของ ปตท.สผ. เลยครับ แหะๆ จากคุณ : Shineokung - [ 18 พ.ค. 52 22:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปาดมั่ง แล้วรออ่านต่อ จากคุณ : ค้างคาวอมยิ้ม - [ 18 พ.ค. 52 22:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Land rig ปัจจุบันจะเป็นแบบที่ถอดประกอบชิ้นส่วนได้เกือบจะทั้งหมดแล้วครับ เพื่อง่ายต่อการขนย้าย จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปาดด้วย ถามด้วย สูบขึ้นมาแล้ว อะไรมันลงไปแทนที่สิ่งที่นำขึ้นมาครับ จากคุณ : sopzanie - [ 18 พ.ค. 52 22:10:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Barge มีลักษณะเป็นเรือท้องแบนใช้สำหรับขุดเจาะที่น้ำตื้นๆ โดยนำน้ำเติมเข้าไปให้เต็ม เรือก็จะวางอยู่ที่พื้นได้เลยครับ (Sit on bottom) ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ตัวเรือเป็นที่พักอาศัย และเก็บอุปกรณ์การเจาะ สำหรับการเจาะหลุมนอกชายฝั่ง จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เดี๋ยวโพสเสร็จแล้วจะตอบคำถามให้นะครับ --- Jack up จะใช้เรือลากไปยังบริเวณที่ต้องการขุดเจาะ จากนั้นก็จะนำขา 3 ขายึดติดกับพื้นทะเล แล้วตัวพื้นก็จะยกตัวสูงขึ้นมา ใช้กับน้ำที่ลึกได้ถึง 350 ฟุต จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Platform ขาของมันจะยึดติดอยู่กับพื้นทะเล เมื่อทำการเจาะหลุมเสร็จเรียบร้อยตัว platform นี้ก็จะยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้ย้ายตามหอคอยที่ใช้เจาะ (จริงๆเรียกว่า Derrick ครับ แปลไม่ถูก)ไปด้วย แท่นประเภทนี้จะเป็นแท่นที่เอาไว้ใช้ผลิตน้ำมันนั่นเอง แท่นหนึ่งแท่นก็จะมี slot ใช้เจาะได้ประมาณ 20 หลุมต่อ 1 platform จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Semisubmersible อันนี้จะลอยอยู่กลางทะเลเลย เวลาจะให้มันอยู่กับที่ก็ทิ้งสมอเอาครับ สามารถใช้เจาะได้ในที่น้ำลึกประมาณ 600-1500 ฟุต เวลาต้องการจะย้ายแท่นประเภทนี้ต้องมีเรือลากอีกเช่นเดียวกันครับ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Drillship จะเป็นเรือที่มีแท่นอยู่บนเรือเลยครับ สามารถใช้ขุดเจาะในที่ๆน้ำลึกมากๆได้ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อเราขุดเจาะหลุมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คำถามก็คือว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราพบปิโตรเลียม? อย่างเก่งก็คือเจาะๆไปมันก็จะมีน้ำมันขึ้นมาด้วย แล้วเราจะรู้รึเปล่าว่ามันมาจากความลึกตรงไหน ดังนั้นเราก็จะต้องทำการหยั่งธรณี (Well logging) แปลไทยเป็นไทยก็คือจะหย่อนอุปกรณ์ลงไปวัดค่าต่างๆในหลุม เราก็จะทราบถึงคุณลักษณะของหิน และสารที่หินนั้นๆกับเก็บอยู่ รูปด้านล่างเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลที่ทำการแปลมาแล้วครับ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สำหรับการผลิตน้ำมันดิบน้ำ หากเราปล่อยให้มันไหลขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ก็จะนำขึ้นมาได้แค่ประมาณ 10% ของน้ำมันที่อยู่ใต้ดินเท่านั้นเอง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้น จึงต้องมีวิธีต่างๆช่วย เรียกว่า Enhance oil recovery ซึ่งมีหลายๆเทคนิค เช่น Water flood, Gas lift, Beam Pump, ESP สำหรับการทำ Water flood นั้น เราจะต้องเจาะหลุมเพิ่ม เรียกว่า Injection well เพื่อทำการอัดน้ำลงไปในแหล่งกักเก็บ เพื่อเป็นการสร้างแรงดันในหลุม น้ำมันจะได้ไหลขึ้นมาที่อีกหลุมได้ วิธีนี้ถ้าเจอแหล่งกักเก็บระดับเทพ และคุณสมบัติของน้ำมันที่สุดยอด ก็อาจจะเอาน้ำมันขึ้นมาได้ถึง 80% เลยทีเดียว o.O จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Gas lift มีวิธีการคร่าวๆคือ ก๊าซจะถูกอัดลงไปในช่องระหว่างท่อกรุกับท่อผลิต ผ่านเข้าวาล์วไปผสมกับน้ำมันในท่อผลิต ทำให้น้ำมันมีความหนาแน่นน้อยลง ไหลขึ้นมาได้ง่ายขึ้น จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Beam pump อันนี้ทุกคนน่าจะเคยเห็นรูปมาแล้ว หลักการก็เหมือนที่ปั้มน้ำบาดาลเลยครับ แต่จะมีติดตั้งมอเตอร์เอาไว้ให้มันหมุนได้เองตลอด และเนื่องมาจากขนาดที่ใหญ่โตของ beam pump จึงไม่สามารถใช้บนแท่นที่อยู่ในทะเลได้ จึงได้มีปั้มอีกชนิดหนึ่งคือ ESP ย่อมาจาก Electrical submersible pump ตัวปั๊มจะอยู่ในหลุมเลย (ESP ไม่รู้จะโชว์รูปอะไรครับ เพราะมันก็เหมือนท่ออันนึงยัดลงไปในหลุม - -" ) จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปิดท้ายด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ครับ ก็คือเรื่องของความปลอดภัย รูปด้านล่างเรียกว่า blow out คือการที่เราไม่สามารถควบคุมความดันของหลุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่กำลังเจาะหลุม ส่งผลทำให้น้ำมันมันพุ่งขึ้นมาดังรูปด้านล่างครับ จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หรืออย่างนี้... R.I.P. จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รูปภาพและข้อมูลบางส่วนนำมาจาก http://dmf.go.th/ http://en.wikipedia.org/ http://www.google.co.th/ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ และแถมคลิปจาก youtube จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อืม ถ้าเกิดเหตุ การ์ณไฟไหม่ แบบนั้น เค้าใช้วิธี ไหนในการดับครับ จำได้ว่าเคยดูหนังง there will be blood เค้าใช้ระเบิดนะ  ไม่รู้กลางทะเลยจะทำยังไง จากคุณ : takana - [ 18 พ.ค. 52 22:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบความคิดเห็นที่ 12 ครับ ปาดด้วย ถามด้วย สูบขึ้นมาแล้ว อะไรมันลงไปแทนที่สิ่งที่นำขึ้นมาครับ ------ เมื่อเราสูบน้ำมันขึ้นมา ความดันของแหล่งกักเก็บจะลดน้อยลงครับ ดูจาก phase diagram ด้านล่าง ช่วงที่ความดันมากกว่า bubble point pressure น้ำมันจะขยายตัวครับ ถ้ามีน้ำอยู่ในแหล่งกักเก็บน้ำก็จะขยายตัวด้วย อีกทั้งหินก็เกิดการขยายตัวเช่นเดียวกัน (แต่ก็ขยายตัวไม่มากหรอกครับ) และเมื่อความดันลดลงมาต่ำกว่า bubble point pressure จะมีก๊าซบางส่วนซึ่งเดิมละลายอยู่ในน้ำมัน แยกตัวออกมาครับ เมื่อความดันลดก๊าซก็จะออกมามากขึ้น และก๊าซก็จะขยายตัวตามกฎของก๊าซด้วย นอกจากนี้ ในบางแหล่งกักเก็บที่ติดกับ aquifer ขนาดใหญ่ ก็จะมีน้ำไหลเข้ามาแทนที่น้ำมันที่สูบออกไป จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เหตุการณ์ในความเห็น 23 ที่แท่น Piper Alpha นั้น ใน wikipedia บอกเอาไว้แบบนี้ครับ Like many other offshore platforms, Piper Alpha had an automatic fire-fighting system, driven by both diesel and electric pumps (the latter of which were disabled by the initial explosions). The diesel pumps were designed to suck in large amounts of sea water in order to extinguish any fires. These pumps had an automatic control which would start them in case of fire. However, the fire-fighting system was under manual control on the evening of July 6. Piper Alpha procedures required manual control of the pumps whenever divers were in the water (as they were approximately 12 hours per day during summer) regardless of their location, to prevent divers from being sucked in with the sea water. (Fire pumps on other platforms were switched to manual control only if the divers were close to the inlet.) http://en.wikipedia.org/wiki/Piper_Alpha จากคุณ : deathspirit - [ 18 พ.ค. 52 22:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วเวลาเจาะโค้งๆ เจาะแนวนอนเขาทำกันได้ยังไงครับ แล้วพอดึงท่อมามันกลับมาตรงเหมือนเดิมเหรอ ผมสงสัยมาก จากคุณ : scozember - [ 18 พ.ค. 52 22:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 .. จากคุณ : pisity - [ 18 พ.ค. 52 23:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 @ความคิดเห็นที่ 28 ท่อ drill pipe มันเป็นเหล็ก flexible ครับ โค้งได้บ้างอยู่แล้ว ในภาพจำลอง จะเหมือนว่าหลุมมันโค้งมาก แต่จริงๆแล้วหลุมมันลึกเป็นหมื่นฟุต (ในอ่าวไทย) องศาความโค้งแต่ละจุดจะไม่เยอะมากครับ ดังนั้นโค้งได้ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้ามุมโค้งมากเกินไป ก็มีสิทธิ์ติดขัดได้เหมือนกันครับ เรียกว่า dogleg การเจาะหลุมในแนวโค้ง ทางเทคนิคเรียกว่า Directional Drilling สามารถทำได้โดยจัดตำแหน่งให้หัวเจาะ (Drill Bit, ภาพแรกกับภาพความเห็นที่ 7) ทำมุมเบี่ยงออกจากแนวตรงของ drill pipe เล็กน้อย อยากจะเจาะโค้งไปทางไหน ก็ใช้หัวเจาะชี้เบี่ยงไปทางด้านนั้น แล้วหมุนเฉพาะหัวเจาะครับ (โดยไม่หมุน drill pipe) หลุมก็จะถูกเจาะไปทางนั้น แต่ถ้าอยากให้เจาะตรงๆใน direction นั้น ก็หมุนทั้ง Drill Bit และ Drill Pipe ครับ จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 00:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คลิปจำลองการทำ Directional Drilling ครับ (ครึ่งแรกของคลิป) หัวเจาะดูเหมือนจะคนละประเภท แต่หลักงานทำงานเหมือนกับที่อธิบายไว้ข้างต้นครับ จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 00:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวต จากคุณ : pheebar - [ 19 พ.ค. 52 00:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แล้วถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินบนแท่นเจาะ คนในนั้นจะหนีอย่างไรเหรอครับ จากคุณ : GetIm@gE - [ 19 พ.ค. 52 01:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความผิดพลาดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้คือ Blow Out ครับ ปกติแล้วเวลาที่ขุดหลุมลงไปถึงแหล่งกักเก็บปิโตรเลียมที่มีความดันสูง เราจะต้องมีวิธีการป้องกันไม่ให้ความดันนั้น ดันพุ่งย้อนขึ้นมาบน Surface ครับ เช่นการใช้ Drilling Mud ที่มีความหนาแน่นสูงฉีดอัดลงไปในหลุม เพื่อให้เกิดแรงดัน สู้กับความดันในชั้นแหล่งกักเก็บ หรือติดตั้ง Blow Out Preventor (BOP) ตัวสีแดงในความเห็นที่ 7 เพื่อปิดหลุมให้สนิทอย่างรวดเร็ว หากมีความดันพุ่งย้อนขึ้นมา แต่ความผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ขุดลงไปเจอ shallow gas ความดันสูง โดยไม่ได้คาดคิด จนทำให้ก๊าซดันพุ่งขึ้นมาบน Surface ครับ ตัวอย่างในคลิปนี้ครับ จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 01:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หรือถ้าเลวร้ายหน่อย ก็จะกลายเป็นแบบนี้ ก๊าซดันพลุ่งขึ้นมา จนทะเลป่วนเหมือนกับน้ำกำลังเดือดเลย อันตรายมากครับ อาจทำให้เรือ หรือ drilling rig จมได้ Actinia Oil Rig, Vietnam, February 1993 จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 01:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 @ความคิดเห็นที่ 33   แล้วถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินบนแท่นเจาะ คนในนั้นจะหนีอย่างไรเหรอครับ ========================== ภาวะฉุกเฉินบนแท่นมาหลายระดับและหลายรูปแบบครับ ก๊าซรั่ว น้ำมันรั่ว ไฟไหม้ พายุเข้า โจรสลัด(มีจริงๆนะ) ร้ายแรงที่สุดก็คือต้องสละแท่นครับ บนแท่นทุกแท่นจะมี life boat พอให้ทุกคนอพยพหนีออกมาได้ครับ ทางเลือกสุดท้ายคือกระโดดลงน้ำ (แต่ก็อันตรายมาก หากมีน้ำมันรั่วไหล และมีไฟไหม้บนผิวน้ำ) ยกเว้นหนีไม่ทันจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าแบบที่เกิดที่ Piper Alpha (ความเห็นที่ 23+27) ครับ Life Boat หน้าตาประมาณนี้ จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 01:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Life Boat หน้าตาไม่เหมือนเรือชูชีพที่เห็นในไททานิคนะครับ วิธีการปล่อยลงน้ำก็เท่กว่ากันเยอะเลย Free Fall ตู้ม..ลงน้ำ รวดเร็วทันใจ อยากลองมั้ยครับ? :) แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 08:20:14 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 52 08:19:53 จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 01:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เอาใหม่ จากคุณ : cHemon - [ 19 พ.ค. 52 01:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เจ๋งจริงๆ  เข้ามารับความรู้ครับ . . . . สอบถามเพิ่มเติม เรื่องการหยั่งธรณี (Well logging) แปลไทยเป็นไทยก็คือจะหย่อนอุปกรณ์ ลงไปวัดค่าต่างๆในหลุม ^ ^ อุปกรณ์พวกนี้ใช้หลัการทำงานยังไงรึครับ  เป็นคลื่นโซนาร์รึใช้สัญญาณ แบบอื่นๆ แล้วปกตินี่หย่อนลงไปจนถึงระดับชั้นหินน้ำมันเลยรึเปล่า ? จากคุณ : Kross_ISC - [ 19 พ.ค. 52 03:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อยากทราบว่าทำไม Beam Pump ใน คห.21 ต้องทำหัวคล้ายรูปค้อนด้วย ถ้าไม่มีหัวรูปค้อนจะไม่สามารถทำงานได้หรอครับ จากคุณ : kidarmy - [ 19 พ.ค. 52 06:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถูกใจที่สุดครับ เอาไป 5 กิฟท์ ปล. bookmarks ไว้ก่อน ขอแว้บไปนอนก่อนครับ^^ จากคุณ : Finnegan 'Finn' Bell - [ 19 พ.ค. 52 07:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สุดยอดไปเลย.. ทำงานกับพวกฟืนไฟนี่มันอันตรายจริงๆด้วย ^^ จากคุณ : ปลาหมึกรสเลม่อน - [ 19 พ.ค. 52 07:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เข้าไปดูในคลิป โอ๊วสุดยอดเลย สำหรับการเจาะแบบนี้ จากคุณ : หัวปลาทู - [ 19 พ.ค. 52 08:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อุบัติเหตุตามรูป คห 22 เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือน กพ. 52 ที่ rig ซึ่งตั้งอยู่ที่ลานกระบือ ... เกรียมทั้งแท่น จากคุณ : ปลัดหน่อง - [ 19 พ.ค. 52 08:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 19 พ.ค. 52 08:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ^ ^ จากคุณ : หนุ่มน้อยขี้เซา - [ 19 พ.ค. 52 08:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ว่าแต่ คนอยู่บนแท่น นี่เค้า จะเป็นยังไงมั่งอ่ะครับ มีแต่ทะเล ทะเล ทะเล และก้อผู้ชาย T^T จากคุณ : vn, man - [ 19 พ.ค. 52 09:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณครับ ได้ความรู้พอดีเลย กำำลังฝึกงานที่ ปตท.สผ. อยู่ครับ อิอิ (GSE/T) จากคุณ : Elegant - [ 19 พ.ค. 52 09:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โอ้ว ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : HanaToKaze - [ 19 พ.ค. 52 09:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 50 หัวเจาะมันทำมาจากอะไรเหรอครับ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 19 พ.ค. 52 09:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 51 พูดถึงหัวเจาะทีไร นึกถึงหัวเจาะยักษ์ในเรื่องArmagedonที่เอาไปเจอะอุกกาบาตทุกทีเลย หัวขนาดนั้นมันมีใช้งานจริงๆไหมนี่ จากคุณ : wrought - [ 19 พ.ค. 52 10:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เยี่ยม จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ - [ 19 พ.ค. 52 11:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาเสริม บางครั้งจะเจาะน้ำมัน/ก๊าซ ที่ wellhead platform (แท่นหลุมผลิต)  แล้วส่งน้ำมัน/ก๊าซที่ได้ผ่านท่อไปผ่านกระบวนการผลิตที่ processing platform (แท่นผลิต) ค่ะ  จะได้เจาะได้หลายๆ ที่ โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์การผลิตเพิ่ม เอาลิงค์มาเพิ่มค่ะ http://www2.dmf.go.th/petro_focus/emerging.asp จากคุณ : หมึกปิ้งสีชัง - [ 19 พ.ค. 52 13:07:53 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ออกทะเลอย่างมีคุณภาพ จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 19 พ.ค. 52 14:28:32 A:115.67.177.155 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สมมุติว่าผมเจอแหล่งน้ำมันขนาดใหญมูลค่า 9แสนล้านดอลล่า ในที่ดินตัวเอง แล้วบอกรัฐบาล ถ้าโดนเวนคืนจะได้เงินพิเศษอะไรบ้าง อย่าบอกนะครับว่าได้แค่มูลค่าที่ดิน - ประเทศไทยจะยุติธรรมกับเจ้าของที่มั้ยครับ อยากรู้ - ใครเจอคงต้องหาทางขุดเอาไปขายเป็นน้ำมันเตาจนรวยแล้วเอาเงินไปซ่อนก่อนดีกว่า จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 19 พ.ค. 52 17:58:20 A:125.27.22.146 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โอ้ววว เยี่ยมเลยครับ ปล. คห.บน ไม่น่าถามเลย เผลอๆโดนเก็บ ไม่ได้ตังซักบาทด้วยซ้ำ จากคุณ : wasabi_gosh - [ 19 พ.ค. 52 18:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอถามว่า เวลาขุดน้ำมันออกไปแล้วต้องแทนที่ด้วยอะไรครับ โลกมันไม่ยุบเหรอ จากคุณ : suman - [ 19 พ.ค. 52 19:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณคุณ cHemon ที่ช่วยตอบกระทู้ครับ และขอบคุณคุณหัวปลาทูสำหรับคลิบจากยูทูปด้วยครับ --- ตอบความเห็นที่ 39 นะครับ สอบถามเพิ่มเติม เรื่องการหยั่งธรณี (Well logging) แปลไทยเป็นไทยก็คือจะหย่อนอุปกรณ์ ลงไปวัดค่าต่างๆในหลุม ^ ^ อุปกรณ์พวกนี้ใช้หลัการทำงานยังไงรึครับ  เป็นคลื่นโซนาร์รึใช้สัญญาณ แบบอื่นๆ แล้วปกตินี่หย่อนลงไปจนถึงระดับชั้นหินน้ำมันเลยรึเปล่า ? เราจะหย่อนอุปกรณ์ ลักษณะดูภายนอกก็คล้ายๆท่อ(อีกแล้ว) ลงไปถึงก้นหลุมเลยครับเสร็จแล้วก็ดึงกลับขึ้นมา เพราะเราต้องการเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดเผื่อว่าตรงไหนจะพบปิโตรเลียมบ้าง แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่เราไม่สามารถหย่อนอุปกรณ์ให้ลงไปถึงก้นหลุมได้ อาจเนื่องมาจากหลุมที่เราเจาะเอียงมากเกินไปครับ วิธีการวัดก็มีทั้งการวัดกัมมันตภาพรังสี โดยหินดินดาน (shale) ซึ่งมีค่าความซึมผ่านต่ำ ของไหลไม่สามารถไหลผ่านหินเหล่านี้ได้ จะมีการปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมาสูงกว่าหินจำพวกหินทรายและหินปูน หากเราพบว่าบริเวณใดวัดค่านี้ได้มาก แสดงว่าไม่มีปิโตรเลียมอยู่ แต่บริเวณใดวัดค่านี้ได้น้อย ก็แสดงว่าเราเจอหินที่อาจจะกักเก็บปิโตรเลียมอยู่หรือไม่ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการเหนี่ยวนำไฟฟ้า เพื่อวัดค่า conductivity ซึ่งจะถูกแปลงไปเป็นค่า resistivity ถ้า resistivity ที่อ่านได้มีค่าน้อยๆ ก็แสดงว่าน่าจะเป็นน้ำ ถ้า resistivity อ่านได้มากหน่อยก็อาจจะเป็น oil และถ้าอ่านได้มากขึ้นไปอีกก็จะเป็น gas ครับ การปล่อยคลื่นเสียงออกไปก็มีเช่นเดียวกัน โดยจะวัดเวลาที่เสียงใช้เดินทางผ่านชั้นหิน ยิ่งเวลาที่ใช้มาก แสดงว่าหินมีความพรุนมาก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้วัดค่าความหนาแน่นของหิน และอุปกรณ์ที่ใช้วัดความพรุนอื่นๆอีก การนำค่าที่ได้จากหลายๆอุปกรณ์มาเทียบกัน ก็จะช่วยให้เรารู้ถึงคุณสมบัติของชั้นหิน และของไหลที่ถูกกักเก็บอยู่ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น แต่ก็จะต้องเสียเงินลงทุนมากขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน -- สำหรับความเห็นที่ 56 ได้อธิบายไว้แล้วใน #26 ครับ สรุปง่ายๆว่าโดยปกติแล้วจะสูบขึ้นมาอย่างเดียวครับ อาจมียกเว้นบ้างเช่นการทำ water flood ใน #19 หรือบางครั้งจะมีการเจาะหลุมที่เรียกว่า disposal well เพื่อนำน้ำที่ผลิตขึ้นมาอัดกลับลงไปข้างใต้ครับ เนื่องมาจากน้ำเหล่านี้อาจจะมีสารปนเปื้อนเช่นโลหะหนัก หากไม่ทำให้น้ำเหล่านี้บริสุทธิ์ก็จะปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมไม่ได้ จึงต้องนำกลับลงไปในหลุม จากคุณ : deathspirit - [ 19 พ.ค. 52 20:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อิจฉาพวกทำสายน้ำมันจริงๆ T_T จากคุณ : หมาเห่าดาวเทียม - [ 19 พ.ค. 52 22:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ^ ^ จากคุณ : env42_tay - [ 19 พ.ค. 52 22:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ผมเคยได้ความรู้เรื่องน้ำมันดิบมาจากโดเรม่อนฉบับวิทยาศาสตร์มากมายเลยครับ จากคุณ : HamyLee - [ 19 พ.ค. 52 22:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 62 น้องเป็นวิศวกรทำงานที่แท่นขุดเจาะรายได้ประมาณ 15000 ดอล/เดือน ไม่รวมโอที ค่ากินอยู่ที่พัก ค่าเครื่องบิน  บริษัทออกให้หมด ถ้าอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนาม จะได้แม่บ้าน บ้านพักหลังโต รถ เพราะค่าครองชีพมันถูก  แต่ถ้าอยู่เมกา จะได้แค่บ้านพัก แม่บ้านไม่มี แถมยังได้หุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในแนสแดกซ์ โดยจะได้ส่วนลด 15% ของราคาเฉลี่ยทั้งเดือน โดยบริษัทจะให้ 5-10% ของเงินเดือน ฟรีๆ เช่นเงินเดือน 15000 ดอล ก็จะได้หุ้น 1500 ดอล ถ้าราคาหุ้นเฉลี่ย=100ดอล เดือนนั้นก็จะได้หุ้น 15 หุ้นครับ จากคุณ : ตอร์เรสสุไหงโกลก - [ 20 พ.ค. 52 00:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 63 กระทู้สุดเจ๋ง  เก็บไว้ไปสอนเด็กๆดีกว่า มีความรู้ดีจังเลยครับย มาต่อภาคสองไวๆนะครับ จากคุณ : โอ๊ต-ครับ-ผม - [ 20 พ.ค. 52 01:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เยี่ยมมากครับ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้น ข้อมูลแน่นมากครับ ขอบคุณๆ จากคุณ : Onboard@T-11 (MUT1982) - [ 20 พ.ค. 52 01:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คห. 55 เค้าก็จะไปซื้อที่ดินข้าง ๆ ที่คุณ แล้วก็เจาะเฉียงลงไปดูดน้ำมันมาได้ครับ หลุมเจาะบนบกจริง ๆ มันกินพื้นที่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใหญ่โตขนาดสนามฟุตบอล จากคุณ : Lanoz - [ 20 พ.ค. 52 07:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 จะขุดทีไม่ใช่ง่ายๆเลยนะนี่ งบต้องเยอะน่าดู มิน่าถึงปั่นกำไรกันซะ คนใช้น้ำมันอย่างเรา เห้นแล้วต้องช่วยกันประหยัดหน่อยล่ะ กว่าจะได้มาแต่ละลิตร จากคุณ : Desolation Angel - [ 20 พ.ค. 52 09:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ดีใจ ๆ มีเครดิตให้หน่วยงานป้าด้วย จากคุณ : biebie999 - [ 20 พ.ค. 52 11:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เป็นกระทู้ที่ดีจริงๆเลย ขอบคุณมากครับ คุณคือCompanyman ลำไหนเหรอครับ? จากคุณ : tuboscope - [ 20 พ.ค. 52 11:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 69 สุดยอดครับได้ความรู้เพิ่มเติมมากมาย   แต่พอดีไปเห็นบทความนี้  แม้จะเป็นบทความปีที่แล้ว แต่น่าจะเสริมและเพิ่มเติมความเข้าใจได้มากขึ้นโดยเฉพาะประเด็นราคาน้ำมัน   http://www.tgifridaymagazine.com/issue/contents.php?iss_id=31&con_id=678 จากคุณ : Ryu_Krub - [ 20 พ.ค. 52 12:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 70 มาชมสาระดีๆ จากคุณ : i.everyday - [ 20 พ.ค. 52 14:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 71 หุๆ ขอค้านละกัน ว่าน้ำมันใช้กันไม่หมดหรอก มันผลิตได้เรื่อยๆ จากปฏิกริยาเคมีใต้โลก จากคุณ : powerconduit - [ 20 พ.ค. 52 18:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อีกไม่เกิน 50 หมดโลกแล้วล่ะผมว่านะ จากคุณ : ความจำผมมันสั้น - [ 20 พ.ค. 52 20:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 73 แบบของไทยก็มีน่ะครับ ที่ทำแท่นของ ปตท อ่ะ เหมือนเคยดูของกบนอกกะลา อ่ะครับ จากคุณ : StwoIS - [ 20 พ.ค. 52 20:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 Beam Pump ผมเรียกว่า Sucker Rod Directional Drill จะมีการงอตรงข้อต่อระหว่าง drill pipe จึงทำให้มันเอียงไปตามองศาที่ตั้งไว้ นี้เป็นวิธีเจาะที่ใช้ drill bit แต่ถ้าใช้เป็น electrical drill bit ที่ปลายก็สามารถปรับความเอียงได้จากหัวเจาะ drill bit ที่เห็นในภาพเป็นแบบ tri coneทำด้วย Tungsten Carbide และมีอีกแบบ ที่ทำด้วยเพชร รูปร่างจะไม่เหมือนในรูป ปกติการเจาะ จะไม่สามารถเจาะให้หลุมตรงดิ่งได้ตลอด อาจจะมีสาเหตุหลายอย่างเช่น แรงกดก้านเจาะมากเกินไป ทำให้ก้านเจาะงอ หลุมเจาะจึงไม่ตรงดิ่ง การทำ water flood ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเจาะหลุมสำหรับ injection well โดยสิ้นเปลื้อง โดยมากในแต่ละ oil field จะมีหลุมเจาะน้ำมันหลายๆหลุมมากมาย เป็น grid อยู่แล้ว ดังนั้นการทำ water flood จึงใช้หลุมน้ำมันนี้แหละเป็น injection well ก่อนทำ water flood จะมีการทำ simulation ดูก่อนว่าจะเลือกหลุมไหนเป็น injection well จากคุณ : แจ๊ะหมาน - [ 20 พ.ค. 52 21:19:28 A:124.121.147.88 X: TicketID:102512 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ได้ความรู้อีกระดับดีค่ะ มาเก็บความรู้ อยากให้โพสถึง ขึ้นตอน จนถึงขั้นสุดท้าย จนได้หน้าตา แบบ ที่เราใช้ทุกวันนี้ และแยกแขนง ว่า เป็นอะไรบ้าง ที่ไกล้ตัวเราในชีวิตประจำวัน จากคุณ : กุ๊กไก่ไม่ขันมาหาฉันจะกระต๊าก - [ 20 พ.ค. 52 21:59:01 A:222.123.205.224 X: TicketID:191399 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ในบ่อน้ำมันมันมีวันหมดไหม แล้วถ้ามันหมด รูที่เราเจาะควรจะทำไงละครับ ? (น่าจะมีภาพไปโรงเรียนนะ) จากคุณ : Duk_Dik_Kung - [ 20 พ.ค. 52 22:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ยากเย็นขนาดนี้กว่าจะได้มาใช้กัน จากคุณ : CrispyShrimpTempura - [ 21 พ.ค. 52 00:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 78 น้ำมันได้มาลำบาก เข้าใจนะ แต่ ราคา + ภาษี มันโหดมาก ถ้ามีพลังงานทดแทน ก็ควรเปลี่ยนไปใช้ พลังงานทดแทน รักษาทรัพยากรบนโลก ให้ลูกหลายเราได้ใช้อีกนาน ๆ จากคุณ : NATE2000 - [ 21 พ.ค. 52 09:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ได้สาระดีมากเลยค่ะ ลำบากน่าดูกว่าจะได้น้ำมันมาใช้ เห็นว่าเรื่องนี้ได้ความรู้มาก ถ้าจะขอนำเนื้อหาบางส่วนไปทำรายงานได้รึเปล่าคะ? ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ProDai - [ 21 พ.ค. 52 14:22:44 A:61.47.23.45 X: ]

ความคิดเห็นที่ 80 เห็นแล้วอยากกลับไปใช้เกวียนเลยครับ ฮา จากคุณ : วิรุฬห์ - [ 21 พ.ค. 52 15:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 81 อยากรู้มานาน จากคุณ : ก้นกบ - [ 21 พ.ค. 52 17:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณครับ ^^,, กำลังคิดอยู๋ว่าจะเปลี่ยนจากเรียนดาราศาสตร์ไปเรียนธรณี ฟิสิกส์ ทางปิโตรเลียมดีกว่าไหม เงินเดือนมันคนละเรื่องเลย 555+ จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 21 พ.ค. 52 23:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อย่าง คห.35 แล้วเค้าทำยังไงให้ ทะลุมัน หยุดเดือดอ่ะครับ จากคุณ : แฟตโฟเบีย - [ 22 พ.ค. 52 01:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 84 สุดยอด จากคุณ : หิ่งห้อยกินหมูปิ้ง - [ 22 พ.ค. 52 19:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ถูกใจให้ Give ครับ จากคุณ : Bronx_Wizard - [ 23 พ.ค. 52 10:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เนื้อหาดี  รูปประกอบสวยงาม เต็ม 10 คร๊าบ จากคุณ : cyber-ta - [ 23 พ.ค. 52 11:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ที่แห่งหนึ่งในเมืองไทย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 05:24:38 จากคุณ : instrumentman - [ 24 พ.ค. 52 01:15:33 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เยี่ยมยอดมากค่ะ ขอบคุณ คุณ จขกท มากค่ะ จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา - [ 24 พ.ค. 52 03:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 89 งั้นต้องลงทุนเพิ่ม ใน PTTEP จากคุณ : โฮเฮะ - [ 24 พ.ค. 52 22:10:14 ]