ความคิดเห็นที่ 1 จากคุณ : คุณซัมซุง - [ 26 พ.ค. 52 11:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหมาะสม จากคุณ : Batholomew - [ 26 พ.ค. 52 11:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอกชนลงทุนเหมาะครับ รัฐลงทุนเอาเงินภาษีประชาชนไปลงทุน ไม่เหมาะครับ จากคุณ : Ice-man - [ 26 พ.ค. 52 11:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าไม่มีนักการเมือง จะเป็นไปได้คับ จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return - [ 26 พ.ค. 52 11:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่อยากได้โฮปเวร ๒ รอให้เป็นประเทศกำลังพัฒนาก่อนแล้วค่อยทำได้ไหม? ตอนนี้เป็นประเทศกำลังด้อยพัฒนาอยู่ กลัวจะได้สโตนเฮนจ์อีกอันนะ จากคุณ : axquest - [ 26 พ.ค. 52 11:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เหมาะครับ แต่ต้องดูค่าโดยสารอีกที ถึงจะบอกได้เหมาะหรือไม่เหมาะ จากคุณ : ปิดบริการ - [ 26 พ.ค. 52 11:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ามี พวกรถบัสอาจขาดกำไร สายการบินก็ขาดกำไร แล้วใครจะยอม?? จากคุณ : ไวท์คุง - [ 26 พ.ค. 52 11:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไหนจะรถตู้วินอีก เหอๆๆๆ แต่ผมเอานะ แบบ BTS นี่แหละ วิ่งยาวๆเข้ากรุงเทพเลย จากคุณ : Sympho - [ 26 พ.ค. 52 12:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ามี พวกรถบัสอาจขาดกำไร สายการบินก็ขาดกำไร แล้วใครจะยอม?? ----------------------------------------------------------------------------------- กำไรคงไม่ขาด แต่ ได้ลดลงคงใช่. จากคุณ : WindMaster - [ 26 พ.ค. 52 12:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยตามคุณ Iceman ครับ ถ้าเอาภาษีและเงินคงคลังหรือเงินกู้โดยรัฐบาล มาลงทุนโดยรัฐ ผมก็ว่าไม่เหมาะสม และเป็นแผนการที่เกินกำลังของเรา แต่ถ้าจะเอาที่ดินของการรถไฟ มาเปิดให้สัมปทานเอกชนเอาไปลงทุนสร้าง ผมก็ว่าเหมาะสม และไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ถ้ารัฐบาลเป็นผู้ลงทุน อยากจะนำเสนอข้อซักถามคือ รถไฟความเร็วสูงในประเทศเรานั้น จะสามารถทำกำไรได้มากพอเลี้ยงตนเองหรือไม่ สมมติเราสร้างรถไฟ ความเร็วสูง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เชื่อมระหว่างกรุงเทพ-เด่นชัยก่อนครับ (เพราะจากเด่นชัยไปเชียงใหม่นั้น เส้นทางต้องผ่านเือกเขาหลายแห่ง การสร้างทางในช่วงนี้จะเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล กว่าสร้างทางในแนวราบๆช่วงกรุงเทพ-เด่นชัยมาก) ระหว่าง กรุงเทพ ไปจรดเด่นชัย เรามีอำเภอและจังหวัดขนาดใหญ่ที่สมควรมีสถานีรถไฟความเร็วสูงกี่แห่ง? - กรุงเทพมหานคร อาจจะมี 5 สถานี คือ หัวลำโพง, สามเสน, บางซื่อ, บางเขน และ ดอนเมือง (ตัดหลักสี่ทิ้งไป) - ปทุมธานี มี รังสิต - จอดอีกทีก็ สถานีอยุธยาเลย และอาจจะไปหยุดที่ ชุมทางบ้านภาชีอีกครั้ง เพื่อให้ผู้โดยสารเปลี่ยนรถไปสายอีสาน ด้วยรถไฟธรรมดา หรือรถไฟความเร็วสูงที่เตรียมสร้างในอนาคตได้ - ลพบุรี - บ้านตาคลี - นครสวรรค์ (หนองปลิง) - ตะพานหิน (เพื่อให้ผู้โดยสารต่อรถประจำทางไปภาคอีสานตอนบนได้) - พิจิตร - พิษณุโลก - ชุมทางบ้านดารา เพื่อให้ผู้โดยสารเปลี่ยนรถไฟสาย สวรรคโลกและตากได้ในอนาคต (ถ้าสร้างทางรถไฟไปตากแล้วหน่ะนะ) - ตรอน - อุตรดิตถ์ - ศิลาอาสน์ - เด่นชัย รวมๆแล้ว 19 สถานี ครับ ระยะทางราวๆ 500 กิโลเมตรเศษๆ สมมติตั๋วโดยสารจากกรุงเทพ-เด่นชัย ที่นั่งชั้น 2 ราคา 1000 บาท ตั๋วชั้น 1 1500 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมจากกรุงเทพ-เด่นชัย คำถามคือ จะมีผู้โดยสารจำนวนเท่าไหร่ของที่นั่งทั้งหมด? ใน ช่วงปีเศษๆมานี้ ผมขึ้นรถเร็ว กรุงเทพ-เด่นชัย 111 มาราวๆ 13 ครั้ง เคยตั้งแต่นั่งใกล้ๆแค่จาก ดอนเมืองไปอยุธยา, ลพบุรี, บ้านตาคลี หรือนั่งไกลๆไปพิษณุโลกบ้าง ศิลาอาสน์บ้าง (แต่ยังไม่เคยนั่งไปเด่นชัยนะ) รถไฟชั้น 2 จะมีจำนวนตู้โดยสารเพียงแค่ 2 ตู้เป็นอย่างมาก (อาจจะ 2 ตู้ครึ่งในบางครั้ง) และที่นั่งว่างราวๆ 10-30% จากที่นั่งทั้งหมด แต่ตู้โดยสารชั้น 3 นั้น จะมีคนแน่นเสมอครับ นั่นก็คงบ่งบอกได้ว่า ผู้โดยสารชั้น 3 นั้น มีจำนวนมากกว่าชั้น 2 และชั้น 1 มาก อีกประการคือ ผู้โดยสารจะแน่นที่สุดในช่วงกรุงเทพ ไปจรดลพบุึรี พอเลยลพบุรีไป จำนวนผู้โดยสารจะลดลงเรื่อยๆไปจนถึงนครสวรรค์ ช่วง นครสวรรค์ คนจะเพิ่มขึ้นมาบ้าง สวนกับคนที่ลงไปครับ ส่วนใหญ่ก็นั่งไป 1-4 สถานี ไปลงทับกฤชบ้าง ชุมแสงบ้าง บางมูลนากบ้าง ตะพานหินบ้าง รถไฟจะโล่งมากขึ้น เมื่อผ่านพิษณุโลก เพราะคนลงไปเยอะ รถไฟมาเริ่มมีคนอีกครั้ง เมื่อผ่านพิชัย เพราะคนนิยมนั่งไปลงอุตรดิตถ์และศิลาอาสน์กันเยอะ และคนก็ลงที่ 2 สถานีนี้จำนวนมากเช่นกัน จะ เห็นได้ว่า ผู้โดยสารหลักๆที่อาศัยโดยสารรถไฟในปัจจุบันนั้น จะนั่งเพียงระยะสั้นๆ ไม่เกิน 150-200 กม. หน่ะครับ และส่วนมากก็นิยมใช้รถไฟ เพราะเป็นการโดยสารที่สะดวกและราคาประหยัด ส่วน ผู้ที่เดินทางระยะยาว+ต้องการราคาไม่แพงมากนั้น นิยมใช้รถทัวร์มากกว่า เพราะบ้านเรานั้น ไม่ได้มีเมืองขนาดใหญ่ที่คนกระจุกอยู่มากๆ เหมือนเวียดนามและเมืองใหญ่ๆในจีนหน่ะครับ สมมติ บ้านผมอยู่จังหวัดตาก ถ้าอาศัยรถไฟความเร็วสูง ผมต้องนั่งไปลงพิษณุโลกก่อน ใช้เวลา 2 ชั่วโมง (อาจจะค่าตั๋ว 750 บาทในที่นั่งชั้น 2) และก็ต่อรถทัวร์ไปตาก (ค่ารถ ป.2 พิษณุโลก-ตาก อีก 100 บาท) รวมๆแล้วก็ประมาณเกือบๆ 950 บาทครับผม และถ้าไม่ได้อยู่อำเภอเมือง ก็ต้องไปต่อรถสองแถวไปอำเภอบ้านเกิดผมอีก แต่ในขณะที่นั่งรถทัวร์นั้น ผมใช้ค่าใช้จ่ายเพียง 270 บาท อาจจะใช้เวลามากกว่า 4-5 ชั่วโมง แต่ในราคาที่หยัดกว่า 3 เท่าตัวทีเดียว ดัง นั้นผมจึงเห็นว่า รถไฟความเร็วสูง ยังไม่สอดคล้องกันงบประมาณและความต้องการของผู้ใช้เดินทางสัญจรในตอนนี้ครับ แต่หากเมื่อเรามีทางรถไฟครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว มีการติดต่อระหว่างจังหวัดต่างๆกันมากขึ้น บ้านเราไม่ได้เป็นประเทศที่มีเมืองเดี่ยวคือกรุงเทพ ที่มีขนาดใหญ่กว่าเมืองอันดับ 2 และ 3 แบบทิ้งกันไม่ติดฝุ่นแบบปัจจุบัน การสร้างรถไฟความเร็วสูง จึงจะเหมาะสมกว่า จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 12:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทีนี้ไปกรณีของเวียดนามครับ เวียดนามมีโครงการจะ สร้างรถไฟความเร็วสูงในปี 2010 โดยจะอาศัยการกู้ยืมเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น ในสัดส่วนราวๆ 70% ของค่าก่อสร้าง และนำเข้าหัวจักรและตู้โดยสารจากญี่ปุ่นทั้งหมด จากภาพที่ผมยกมา คือทางรถไฟทั้งหมด ของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน ซึ่งเป็นรางๆ 1 เมตร เหมือนประเทศไทย มีความยาวทั้งสิ้น  1726 กิโลเมตร ลากตั้งแต่ตอนเหนือสู่ตอนใต้ ผ่านเมืองสำคัญทั้งสองแห่งของเวียดนามคือ ฮานอย และไซ่ง่อน (โฮจิมินห์ซิตี้) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 12:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ท่านจะเห็นว่า เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของเวียดนาม ที่เป็นประเทศที่มีพื้นที่ยาวและแคบ ทางตะวันตกเป็นเทือกเขาใหญ่ที่กั้นลาวกับเวียดนามเอาไว้ พื้นที่สำคัญๆของเวียดนาม จึงเป็นเมืองริมที่ราบแคบๆตามแนวทะเลในภาคตะวันตก และเมืองในเขตที่ราบลุ่มปากแม่น้ำแดงทางเหนืออย่างฮานอย และที่ราบลุ่มปากแม่น้ำโขงทางใต้ อย่างไซ่ง่อน ปัจจุบัน ทางรถไฟของเวียดนามจึงนับว่าครอบคลุมดินแดนที่มีประชากรหนานแน่นของประเทศ ได้อย่างทั่วถึงพอสมควร ผ่านนครใหญ่ๆและสำคัญๆเกือบครบถ้วน การสร้าง รถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมเมืองสำคัญที่สุด 2 แห่งของเวียดนามเข้าด้วยกัน จึงมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจครับ เพราะถ้าสร้างทางรถไฟสายนี้ ก็ครอบคลุมพื้นที่ 80% ของประเทศ และเมืองสำคัญได้ครบถ้วน อีกประการคือ พื้นที่ที่สร้างทางรถไฟของเวียดนามนั้น อิงตามแนวที่ราบแคบๆริมชายฝั่ง รถไฟจึงสามารถทำความเร็วได้อย่างเต็มที่เพราะวิ่งบนทางราบเป็นส่วนมาก และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก็จะไม่บานปลายเท่าการสร้างทางลัดเลาะตามเืทือ กเขา จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 12:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทีนี้มาดูทางรถไฟในปัจจุบันของไทยเราครับ ทางรถไฟสายหลักของประเทศเรา แบ่งได้ 4 สายคือ - สายเหนือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ - สายใต้ กรุงเทพ-สุไหโกลก (แต่ไปแยกย่อยเข้าตรังและคีรีรัตนิยม) - สายตะวันออก กรุงเทพ-อรัญประเทศ (แต่มีแยกไปแหลมฉบัง) - สายอีสาน กรุงเทพ-หนองคาย และกรุงเืทพ-อุบลราชธานี (และทางแยกบัวใหญ่้-ถนนจิระ) นอกนั้นก็เป็นสายย่อยๆ เช่น วงเวียนใหญ่-แม่กลอง, หนองปลาดุก-น้ำตก, หนองปลาดุก-สุพรรณบุรี, บ้านดารา-สวรรคโลก จะเห็นว่า แม้เราจะมีเส้นทางรถไฟอยู่มาก แต่ก็มีจังหวัดใหญ่ๆในภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้หลายแห่ง ที่ไม่มีรถไฟตัดผ่าน ทาง รถไฟที่เรามีทุกวันนี้ จึงผ่านดินแดนแค่ราวๆ 50% และพื้นที่ประชากรราวๆ 60% ของทั้งประเทศเท่านั้น (ในจำนวนนี้กระจุึกอยู่ในกรุงเทพมหานคร) ดังนั้น การสร้างรถไฟความเร็วสูง ขึ้นมาทับซ้อนกับทางรถไฟเดิมๆ ในตอนนี้ จึงยังไม่มีความจำเป็น หรือมีความสำคัญรองลงไป ที่สำคัญคือ หาทางทำรางคู่ในเส้นทางที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างรางเพิ่มเติมในเส้นทางหลายๆเส้น ตามแผนที่วางมาหลายสิบปี จะดีกว่าครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 12:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โครงการรถไฟความเร็วสูงของเวียดนามนั้น จะใช้เงินลงทุนประมาณ 33 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.22 ล้านล้านบาท) กับระยะทาง 1630 กิโลเมตร ครับผม สมมติถ้าเราจะสร้างเส้นทางจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ ในระยะทางประมาณ 751 กิโลเมตร (หรือราวๆ 47% ของเวียดนาม) ถ้าคิดค่าใช้จ่ายแบบง่ายๆก็จะตกราวๆ 5.7 แสนล้านบาท แต่สมมติว่าถ้าคำนวนว่า อัตราค่าจ้างแรงงานและต้นทุนวัตถุดิบของเราแพงกว่าเวียดนาม ราวๆ 30% ค่าก่อสร้างรวมก็จะตกเป็นเงิน 7.4 แสนล้านบาท และถ้าบวกกับคิดว่า เส้นทางช่วง เด่นชัยไปจรดเชียงใหม่นั้น เต็มไปด้วยเทือกเขาขวางกั้น ค่าก่อสร้างรางก็จะแพงขึ้นไปอีก โดยรวมๆแล้ว ถ้าเราจะสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ อาจจะต้องใช้งบประมาณ 8 แสนล้านบาททีเดียว ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ลงมือเอง ก็ยากเหลือเกินที่จะมีเอกชนเจ้าใดๆ ยอมเอาเงินขนาดนี้มาจมกับโครงการนี้ครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจของเราในปัจจุบัน เอกชนไม่น่าจะยอมมาลงทุนกับระบบรถไฟระยะำไกลความเร็วสูงแน่ๆ แต่น่าจะหันไปสนใจรถไฟฟ้าภายในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพ ที่ค่าก่อสร้างย่อมกว่า ระยะทางสั้นกว่า แต่ทำเงินได้มากแน่นอนกว่า จากคุณ : digimontamer - [ 26 พ.ค. 52 12:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เหมาะเพราะ 1. ฮั้วยาก เป็นของใหม่เกิน เครือข่ายฮั้วยังเข้าไม่ถึง ต้องเสียเวลาไปศึกษาอีกว่าจะฮั้วยังไงดี เอาเป็นว่าหากินกับรถแมล์ก่อนดีกว่า รถไฟไว้ทีหลัง 2. ตัดทางรถไฟผ่าน ราคาที่ก็ไม่ขึ้น ไม่เหมือนถนน ตัดผ่านแล้วที่ดินแพง ทำให้ฮั้วกันได้เยอะและหลายทอด 3. รับเงินบริษํทผลิตรถไว้อยู่ ขืนทำอย่างนี้ก็ขาดเงินอุดหนุนสิ บริษัทขายรถที่ไหนเค้าอยากให้ทำรถไฟกันล่ะ 4. ทำแล้วเหยีบตาปลาชาวบ้านอีก รู้ไหมว่ามันจะขัดผลประโยชน์ บขส. 5. พอๆ ปวดหัว นับข้อเสียได้ 4 ข้อก็ไม่ต้องทำมันล่ะ ไปเช่ารถเมล์ NGV ดีกว่า กินสบายกว่าเยอะ จากคุณ : oatcpe - [ 26 พ.ค. 52 12:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คำนวณไว้ ค่าโดสาร จาก กทม ไป เชียงใหม่ หรือ หาดใหญ่ ไปเที่ยวเดียวก็ น่าจะ 3,000 ครับ ความเห็นล่างว่าไง ขึ้นรถไฟหรือไป lowcost ดู จากคุณ : IRQ5 - [ 26 พ.ค. 52 12:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ก็ให้พวกรถบัสกับสายการบินลงทุนสิคร้าบบบ จากคุณ : ฟหกด - [ 26 พ.ค. 52 12:24:38 A:124.120.231.235 X: TicketID:205742 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดีน่ะดีครับ แต่ว่า คนคงขึ้นไม่เยอะเท่าไหร่ แล้วก็จะไม่มีผู้มาประมูลก่อสร้าง เพราะขาดทุนแหง๋ๆ จากคุณ : LAPD21 - [ 26 พ.ค. 52 12:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เริ่มที่ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ก่อนเลย แล้วตามไปด้วย กรุงเทพฯ-นครราชสีมา กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ส่วนเรื่องใครจะเสียผลประโยชน์นั้น ดูที่ราคาครับ ถ้าปรับให้ราคาอยู่ระหว่าง รถโดยสารประจำทาง(บขส.) และใกล้เคียงสายกับสายการบิน ก็จะทำให้เป็นทางเลือกของคนกลุ่มนึง โดยที่ไม่กระทบกับกลุ่มเดินทางเดิมมากนัก จากคุณ : rbko - [ 26 พ.ค. 52 12:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โครงการมีร้อยพันโครงการมีเวลาพอก็ทำได้ทั้งหมด  แต่ความพอใจจองคนนั้นมีหกสิบล้านความพอใจ เดี๋ยวมาๆใช้เวลาทั้งชาติก็ทำไม่หมด... คุณเป็นรัฐบาล คุณจะแคร์ความรู้สึกหกสิบล้านความรู้สึกที่หลากหลายมากๆ หรือ แคร์แค่โครงการที่ตัวเองวางไว้หละ ?? แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 12:56:14 จากคุณ : Cocopok - [ 26 พ.ค. 52 12:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทีนี้เข้าเรื่องว่า "ประเทศไทยเหมาะหรือไม่ที่จะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ??" ตอบได้ว่า เหมาะสมในระดับ ในบางพื้นที่ ไม่ได้เหมาะที่จะวางระบบทั้งประเทศ !! ความเหมาะสมแรกก็คือ AirPort Link หากในระดับภูมิภาคหละ ?? คำตอบคือ คงไม่ใช่การวางระบบในระยะทางสั้นๆ เพราะว่า การลงทุนในระยะทางสั้นๆ นั้นไม่เหมาะสมเลย เสมือนว่าเอาใจคนกรุงเทพให้ไปเที่ยว ตจว สะดวกขึ้นเท่านั้น อีกทั้งเรื่องพื้นที่และสภาพภูมิประเทศที่ต่างกันในแต่ละพื้นที่ด้วยที่เป็นอุปสรรรคในการวางระบบ... คงต้องว่ากันอีกทีหละว่าเส้นไหนเหมาะสมที่สุด แต่ถ้าเป็นผม คำตอบเชิงพาณิชย์ขนส่งสินค้าคือ "อ่าวไทย - อันดามัน" หากตอบในเชิงขนส่งคนคือ "สุราษฯ-หาดใหญ่" กินเงินชาวมาเลย์เซียอย่างเดียว อิอิ จากคุณ : Cocopok - [ 26 พ.ค. 52 13:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เหมาะสมแน่นอนครับ  ที่บอกว่าคนใช้รถไฟกันน้อย ผมคิดว่ากลุ่มเป้าหมายรถไฟความเร็วสูง กับรถไฟ เป็นคนละกลุ่มกันนะครับ แล้วรถไฟความเร็วสูงเป็นการคมนาคมสำคัญอันนึงในการกระจายความเจริญออกไปจากกทมครับ  ต่อไปในอนาคต ต้นทุนเรื่องเวลาสำคัญมาก จากคุณ : ป้อม (Bgate) - [ 26 พ.ค. 52 13:17:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่รู้สิครับ แต่ที่กู้ สี่แสนล้านมาลงทุนด้านการขนส่ง ดันเอาไปสร้างถนน ซิกๆๆ เอามาลงรางคู่สัก สองแสนล้านสิว่ะ ปล. ให้กิฟท์คุณอุ้ยจ๊ะ จากคุณ : Ice-man - [ 26 พ.ค. 52 13:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอารถไฟรางคู่ก่อนให้ทั่วประเทศ รถไฟความเร็วสูง ถ้าจะสร้าง เอาสายสั้น ๆ ก่อน อย่าง กรุงเทพ - ระยอง กรุงเทพ - โคราช กรุงเทพ - หัวหิน เชื่อมเมืองเหล่านี้ให้เดินทางถึงกันได้ภายใน 2 ชั่วโมงในราคาตั๋วที่ไม่แพงมากนัก เมืองใหญ่ ๆ พวกนี้นักท่องเที่ยวและประชาชนน่าจะมีกำลังพอที่จะจ่ายค่าตั๋วที่แพงขึ้นเพื่อแลกความสะดวกครับ ผมกำลังเฝ้าดูโครงการนี้ของเวียดนามเหมือนกันครับว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยขนาดไหน และประชาชนเค้าจะจ่ายค่าตั๋วไหวหรือเปล่า จากคุณ : เตยทะเล - [ 26 พ.ค. 52 13:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้... วางรางคู่ให้หมดก่อนเถอะครับ 55 แค่วางรางคู่ก็ทำให้เร็วขึ้นหลาย % แล้ว จากคุณ : RapidasH - [ 26 พ.ค. 52 13:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เราว่าเอาความเร็วธรรมดา แค่ประมาณ Airport link ก็พอแล้ว เพราะราคาถูกกว่าแบบความเร็วสูงมาก (160 km/hr ถือเป็นรถความเร็วปรกตินะครับ) จากคุณ : HogHeaven - [ 26 พ.ค. 52 13:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขนาดรถไฟ ไป เชียงใหม่ชั้น 2 ตอนนี้ก็ 800 บาทแล้ว ชั้น 1 1000กว่าๆ ถ้า high speed คง 2 พันกว่าๆ แพงกว่าเครื่องบินอีก เหอะๆๆ แต่ถ้าเอาแบบ ค.24 ก็ ok อยู่นะครับ วางไว้หัวเมืองเอา เพิ่ม กทม-นครสวรรค์ อีกอัน จากคุณ : ... - [ 26 พ.ค. 52 14:31:21 A:125.26.163.42 X: TicketID:135285 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความคลาสสิค อาจหายไป นะ จากคุณ : ตัวโน๊ตสีฟ้า - [ 26 พ.ค. 52 14:34:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความเร็วสูงขาดทุนย่อยยับซิครับ ญี่ปุ่นขนาดคนขึ้นรถไฟเยอะๆ ยังขาดทุนเลย รางคาตั๋วๆ ต่ำๆ ก็ต้องหนึ่งพันขึ้นแล้ว ซึ่งก็สูสีกับสารการบินโลคอสแล้ว เครื่องบินเร็วกว่าอีกต่างหาก มันจะคล้ายๆกับญี่ปุ่นนั้นแหละ ตั๋วรถไฟแพงกว่าตั๋วเครื่องบิน เครื่องบินเร็วกว่า - -'' วางรางคู่ดีกว่า ใช้ประโยชน์ได้จริง เห็นผลแน่นอน ถ้าแค่กระจายคนออกจากกรุงเทพ ไปแค่รอบๆเมือง ไม่ต้องเอารถไฟความเร็วสูงหรอกครับ รถไฟธรรมดานี่แแหละคุ้มสุดๆ แต่ให้ครอบคลุมแหล่งชุมชนแล้วกัน จากคุณ : kanoomtan - [ 26 พ.ค. 52 14:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าไม่หาเหตุผลทางสังคมต่างๆมาคิด ก็บอกได้คำเดียวว่าเหมาะสม มั่กๆ จากคุณ : tunnie555 - [ 26 พ.ค. 52 15:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เข้ามาดีใจว่ามีคนรู้จักตะพานหินด้วย แล้วรู้ด้วยว่าตะพานหินสำคัญอย่างไร ส่วนเรื่อง รถไฟฟ้าความเร็วสูงระหว่างเมือง ... เหมาะสมกับเมืองไทยหรือไม่ ตอบว่าไม่เหมาะอย่างยิ่ง ในสภาพปัจจุบัน เอาเป็นรางคู่ กับระบบขนส่งสินค้าด้วยระบบรางก่อนดีกว่า อันนี้จะช่วยได้เยอะมาก แค่คิดเรื่องไม่ต้องเสียค่าส่วยรถบรรทุก ก็คุ้มเหลือคุ้มแล้ว ไหนจะเรื่องน้ำหนักบรรทุกอีก จากคุณ : puuga - [ 26 พ.ค. 52 15:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ู^ ผมก็ลงสถาณีตะพานหินคร๊าบบบ จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 26 พ.ค. 52 15:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบพระคุณทุกๆท่านสำหรับ gift ครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 16:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นล่าสุดมีกระทู้มาว่า ค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงของเวียดนามบานปลายกว่าที่คาดถึง 2 เท่าตัว กลายเป็น 2.2 ล้านล้านบาทแล้ว ซึ่งผมก็สยองแทนเวียดนามเหมือนกันว่า ถึงจะมีความจำเป็นต่อการขนส่งในระยะยาว แต่เอาเงินมหาศาลขนาดนี้มาลงกับโครงการเพื่ออนาคตระยะยาวเกินไปจะคุ้มค่าหรือไม่ สำหรับบ้านเรา ถ้าเรามีเงินถุงเงินถัง เงินคงคลังและเงินสำรองระหว่างประเทศกองเก็บเต็มคลังแบบจีน ก็น่าเอามาลงทุนครับ เพราะรถไฟความเร็วสูงเป็นระบบการเดินทางที่ทรงประสิทธิภาพ และใช้ได้อีกยาวนานหลายสิบปี ตอนนี้อาจจะขาดทุน แต่อนาคตอีก 30 ปี อาจจะกำไรก็ได้ แถมสร้างตอนนี้ก็ถูกกว่าสร้างในอนาคตอีกด้วย ปัญหาเดียวของเราคือ เราไม่มีเงินคงคลังมากขนาดนั้น และโครงการสาธารณูปโภคระดับนี้ ต้องเอาเงินลงทุนมาจากการกู้ 70-90% ของวงเงินทีเดียว (หรืออาจจะราวๆ 6-7 แสนล้านบาท ที่ต้องกู้มา) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 16:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนเรื่องการนำนักท่องเที่ยวนั้น ถ้าดูจากสถิตินักท่องเที่ยวที่ไปเชียงใหม่ ในปี 2550 ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวประมาณ 5.4 ล้านคน เป็นชาวไทย 3.6 ล้านคนและต่างชาติอีกราวๆ 1.8 ล้านคน แบ่งการเดินทางตามชนิดพาหนะก็ดังนี้แลครับ สมมติถ้าสร้างรถไฟความเร็วสูงขึ้นจริงๆ และเหนี่ยวนำให้นักท่องเที่ยวราวๆ 65% หันมาใช้บริการรถไฟกันได้ ก็จะได้ลูกค้าของรถไฟมาราวๆ 3.5 ล้านคน ค่าตั๋วไปกลับ คนละ 4000 บาท ก็จะมีรายได้ปีละ 1.4 หมื่นล้านบาท และตก 38 ล้านบาทต่อวัน โดยไม่หักค่าดำเนินการ ค่าเสื่อมราคา และอื่นๆ หากอัตรานักท่องเที่ยวคงที่แบบนี้ตลอดไป แม้จะไม่มีการคิดค่าดำเนินการหรือค่าอะไรเลย ก็จะใช้เวลาอย่างน้อย 70-80 ปี กว่าจะคืนทุนการก่อสร้างครับ ซึ่งในความเป็นจริงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวคงจะเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ และค่าดำเนินการก็คงสุงขึ้น ตามกาลเวลาที่ผ่านไป รวมถึงคนที่ไม่ได้เดินทางไปเชียงใหม่ แต่ไปแค่ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรค์ก็มีเหมือนกัน แต่ดูอย่างไร รายได้วันละ 38 ล้านบาท ต้องเลี้ยงทางรถไฟยาว 750 กิโลเมตร พนักงานอีกหลายพันคนและรถจักรอีกหลายสิบคัน ก็ไม่น่าจะไปรอดแน่ๆ แต่หากเชียงใหม่ มีจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้ใช้การโดยสารรถไฟสายนี้ ในระดับ 20-25 ล้านคนต่อปีเมื่อไหร่ ก็น่าจะสามารถเลี้ยงตนเองได้ครับ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 16:36:35 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 16:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 16:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อย่าลืมว่า... หากมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงจริง คนจำนวนมาก จะเปลี่ยนจากใช้รถส่วนตัว เป็นนั่งรถไฟค่ะ เราคนหนึ่งละ ขับรถรวดเดียวจากเหนือไปใต้หรือไปกรุงเทพไม่ไหวหรอก.. จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 26 พ.ค. 52 16:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้ามันแพงหว่าเครื่องบินมาก คนก็นั่งเครื่องบินอยู่ดีครับ จากคุณ : siranuchit - [ 26 พ.ค. 52 16:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คำถามแบบนี้ คนญี่ปุ่น คนเยอรมัน คนฝรั่งเศส คงถามกันมานานกว่า 40 ปีแล้วนะครับ แล้วพวกเขาก็คงพบคำตอบไปเรียบร้อยแล้วครับ จากคุณ : Dalre2006 - [ 26 พ.ค. 52 17:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่โดนขโมยรางไปขายหมดเหรอครับ? จากคุณ : powerconduit - [ 26 พ.ค. 52 17:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วเมื่อไรมันจะคุ้มละทุกประเทศที่เค้าสร้าง ก็ไม่มีประเทศไหนคุ้มหรอก รอให้น้ำมันลิตรละ150ก่อนละกัน กว่าจะถึงตอนนั้น ค่าก่อสร้างก็คงปาเข้าไป 10เท่า20เท่าของตอนนี้แล้ว.... เหมือนขุดคลองไทย..คอคอดกะนะ...สมัยที่เริ่มมีโครงการนะ ค่าก่อสร้างมันเท่าไร...ไม่ถึง1000ล้าน แต่สมัยนั้นมองกันว่าแพง ไม่คุ้ม แล้วเป็นไงละ...... มาสมัยนี้ต้องใช้กี่เท่า....ตรองดูเถอะครับ...เอาง่ายๆเมื่อ40ปีก่อนทองราคาบาทละเท่าไร...บาทละ100 ถึงป่าว สมัยนี้บาทละเท่าไร จากคุณ : วิญญาณพเนจร 2 - [ 26 พ.ค. 52 17:29:31 A:202.62.105.155 X: TicketID:212592 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คำถามมันเหมือนกับคุณจะตัดถนน แล้วบอกว่า ต้องตัดถนนไปในที่มีคนจะใช้มากพอ ถึงจะคุ้มค่า ในความเป็นจริง การสร้างสาธารณปโภค ต้องสร้างก่อน แล้วคนจะตามไปใช้ ไม่ใช่ดูความคุ้มค่าในเชิงการลงทุนเป็นหลัก  เพราะมันคือ สาธารณูปโภค  ต้องลงไปก่อน  เพื่อให้ความเจริญ และการพัฒนาตามไป เพราะแนวคิดที่ต้องคุ้ม ถึงทำเนี่ยแหละ จะทำให้การพัฒนาทุกอย่างกระจุกตัวที่เมืองหลวง เพราะรถไฟ ก็ต้องสร้างที่เมืองหลวงถึงมีคนนั่งพอคุ้มทุน ผมย้ำอีกครั้งครับ  สาธารณูปโภค ต้องสร้างก่อน แล้วความเจริญ หรือคนจะตามไป  ไม่ใช่ดูว่าคนจะมาใช้พอหรือเปล่า ค่อยสร้าง  ต้องเอากรณีแรกเป็นหลัก กรณีหลังเป็นรอง จากคุณ : ป้อม (Bgate) - [ 26 พ.ค. 52 18:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เรียนคุณ วิญญาณพเนจร 2 ก็อย่างที่ท่านกล่าวมาครับ มันไม่คุ้มทุนแน่นอน (ระบบรถไฟความเร็วสูงในประเทศพัฒนาแล้ว หลายๆแห่งก็ประสบภาวะขาดทุน) แต่ถ้าเรามีเงินคงคลังเหลือมากมาย และไม่ต้องกู้ด้วยวงเงินมหาศาล เพื่อมาลงทุนกับระบบสาธารณูโภคราคาแพงระยับโครงการเดียว ทำให้ไม่มีงบประมาณพอจนต้องไปละเลยระบบขนส่งอื่นๆ ผมก็สนับสนุนเต็มที่ให้มีรถไฟความเร็วสูงครับ แต่ในความเป็นจริงก็คือ เราต้องกู้เงิน ในวงเงินกว่า 70-80% ของวงเงินลงทุนระดับล้านล้านบาท เพื่อมาสร้างระบบสาธารณูปโภคนี้ มันจึงเป็นความเสี่ยงและภาระอันหนักหนาที่ต้องให้ประชาชนทุกคนในประเทศมาร่วมแบกรับทีเดียว ถ้าเป็นความจำเป็นในระดับสูง เพื่อความมั่นคง ฯลฯ ก็น่าจะเสี่ยง แต่ทว่าเดิมทีเราก็มีระบบขนส่ง ที่เชื่อมหัวเมืองต่างๆอยู่แล้วและมีความหลากหลายมากพอดู ทั้งรถไฟแบบเดิม ถนนหนทาง และเครื่องบิน ให้เลือกตามราคาการโดยสาร (ขนาดนี้ยังมีสายการบินบางสายการบิน และสัมปทานรถประจำทางหลายๆสายที่บอกว่า ขาดทุนบักโกรก) แล้วหากจะสร้างการเดินทางแบบทางเลือกขึ้นมารองรับ ในขณะที่ของเดิมๆก็ขาดทุนมากอยู่แล้ว จึงเป็นการลงทุนที่เสี่ยงมากๆครับ เราสร้างรถไฟและสาธารณูปโภค เพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม ขยายความเจริญและโอกาสต่างๆสู่ทุกๆดินแดนในอาณาจักรอย่างทั่วถึง ด้วยภาษีของพี่น้องประชาชนทุกๆคน แต่เงินภาษีและรายได้ประชาชาติของเรามีจำกัด ดังนั้นโครงการที่ยังแพงเกินไป และมีความเร่งด่วนน้อย ก็น่าจะสามารถพักเอาไว้ก่อนได้ครับ ก็อย่างที่เรียนมาว่า จำนวนคนที่จะใช้หรือมีโอกาสและเงินทองพอจะใช้รถไฟความเร็วสูงได้นั้น มีไม่เกิน 30% ของคนทั้งประเทศ เราจำเป็นหรือที่จะนำพี่น้องและลูกหลานของเรา มาเป็นหนี้เป็นสินเพื่อรถไฟความเร็วสูงในปัจจุบันนี้ เรียนคุณ ลูกเป็ดขี้เกียจ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับว่า หากมีรถไฟความเร็วสูง จำนวนคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัว และเครื่องบิน ก็จะเปลี่ยนมาเป็นโดยรถไฟมากขึ้น ผมจึงให้สัดส่วนโดยรวมของรถไฟความเร็วสูงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 65% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่ไปเชียงใหม่ ซึ่งแม้จะมีส่วนแบ่งการตลาดมากขนาดนี้ แต่ก็ยังมีวี่แววว่า จะขาดทุนอยู่เพราะจำนวนคนที่เดินทางระหว่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ ยังไม่มากพอที่จะเลี้ยงรถไฟความเร็วสูงได้หน่ะครับ แต่หากปริมาณนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคนต่อปีแล้ว ระบบนี้ก็น่าจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้แน่นอน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 18:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าการศึกษาเป็นหัวใจของสังคม (ทั้งทางด้านวิทยาการและทางด้านคุณธรรม) การคมนาคมก็เป็นหัวใจของเศรษฐกิจ หากการคมนาคมที่ดีจะทำให้ เราใช้ทรัพยากรในการขนส่งได้อย่างคุ้มค่า การติดต่อธุรกิจทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น แต่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา..................หวังว่ามันจะดีขึ้น จากคุณ : กระเพาะปลาผัดแห้ง - [ 26 พ.ค. 52 20:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เวียดนามใช้จ่ายเกินตัวไปหน่อยนะ จะสร้างก็สร้างไปเหอะ ไทยของแค่รถไฟรางคู่ไว้ขนสินค้าพอ และราง1.435 ทั่วประเทศไว้ขนตนที่ความเร็ว 160 กม.ชม พอ ส่วนการท่องเที่ยวขอให้ไปเน้นการบิน วันนี้เวียดนามเหมือนคนที่ไม่รู้กำลังของตัวเอง หากประเทศไทยได้เงินมาขนาดนั้น เอามาลงทุนระบบน้ำ ระบบขนส่งนาง ถนน การศึกษาจะดีกว่า จากคุณ : เเ (dodo123) - [ 26 พ.ค. 52 22:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ที่คุณ ป้อม (Bgate) นั้น ถูกต้องครับ การคมนาคมจะนำมาซึ่งความเจริญ เป็นความจริงอันโต้เถียงมิได้ ทางรถไฟสายเหนือ ที่เราสร้างครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 และค่อยๆต่อขยายออกไปจนถึงเชียงใหม่ในอีกหลายสิบปีต่อมานั้น ได้นำความเจริญมาสู่อำเภอใหญ่น้อยต่างๆมากมาย ที่ทางรถไฟตัดผ่าน อำเภอภาชี, อำเภอท่าเรือ, อำเภอบ้านหมอ, ตลาดหนองโดน, ตลาดบ้านหมี่, ตลาดจันเสน, อำเภอตาคลี, สถานีปากน้ำโพ, อำเภอชุมแสง, ตลาดบางมูลนาก, ตลาดตะพานหิน, ตลาดพรหมพิราม, ตลาดเมืองพิชัย, ตลาดตรอน, ตลาดศิลาอาสน์, เมืองอุตรดิตถ์, อำเภอเด่นชัย, ตลาดบ้านปิน ล้วนเติบโตขึ้น เพราะกิจการรถไฟโดยแท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ การคมนาคมจากกรุงเทพ สู่เชียงใหม่นั้นมีความยากลำบากแบบเมื่อสมัยก่อนหรือไม่ ปัจจุบันเรามีเส้นทางเลือกมากมาย ทั้งรถไฟ กรณีต้องการประหยัดหรือความสบาย แต่ไม่รีบ, รถประจำทางสารพัดสาย ที่ใช้เวลาแค่ 10 ชั่วโมงเศษๆ, หรือเครื่องบินภายในประเทศ ขึ้นเข้าๆออกทุกวัน แถมมีสารพัดโปรโมชั่น เรามีระบบติดต่อสื่อสาร ทั้งแบบมีสายและไร้สาย เพียงแค่โทรมือถือแสนถูกนาทีละไม่กี่สตางค์ คุณก็คุยกับเพื่อนที่เชียงใหม่ได้ หรือจะใช้อินเตอร์เน็ท, MSN, ห้องสนทนา และอื่นๆ การติดต่อระหว่างเชียงใหม่ และกรุงเทพ จึงมีหนทางเลือกมากมายอยู่แล้วครับ และไม่ใช่โครงการเร่งด่วนจนจำเป็นต้องลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมกรุงเทพและเชียงใหม่ มาทับซ้อนเส้นทางคมนาคมเดิม ที่มีอยู่แล้ว จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 27 พ.ค. 52 11:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อย่าเอาสภาพปัจจัยในปัจจุบันไปตัดสินอนาคตครับ หลายคนคิดแค่เพียงว่าคนที่ใช้บริการ ก็คือคนที่ต้องเดิน ทางจากกรุงเทพออกไปต่างจังหวัดไกลๆ โดยการที่เอาคนที่ใช้บริการในปัจจัยเป็นตัววัด ว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม ที่จะลงทุน ต้องไม่ลืมว่า ถ้าการกระทำใดๆ ก็แล้วแต่ ที่มันส่งผลต่อปัจจัยที่ทำให้เหตุเปลี่ยน มันย่อมส่งผลต่อ ผลอื่นๆ ตามกันไปด้วย เหมือนกับรถไฟฟ้าซึ่งก่อนหน้าคนมักจะเอาไปเทียบกับรถเมล์ หลายคนก็ออกมาโจมตีว่าไม่ คุ้มจะไม่มีคนขึ้นจะขาดทุน แต่พอเอาเข้าจริงๆ คนยอมที่จะจ่ายมากกว่าเพื่อซื้อความสะดวกสะบาย และมัน ส่งผลดีถึงภาพรวมของการจราจร และการซื้อที่อยู่อาศัยในแถบชานเมืองไปด้วย ถ้ารถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นจริงๆ สิ่งแรกที่เราจะได้เห็นเลยก็คือ มันจะเป็นการหยุดการขยายตัวของกรุงเทพฯ ลง เพราะคนจำนวนไม่น้อยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานบ้านเกิด เพื่อเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ ถ้าสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ นั้นเท่ากับ เป็นการลดการคับคั่งของการจราจรไปในคราวเดียวกัน และเป็นการระบายความคับคั่งของกรุงเทพ ไปยังหัวเมือง ต่างๆ เป็นการกระจายรายได้ไปยังชนบทโดยที่ไม่ต้องไปคิดโครงการอะไรเลย เพราะใครอยู่ที่ไหน การบริโภคก็ จะตกอยู่กับพื้นที่นั้นๆ อยู่แล้ว สมมุติคนๆ หนึ่งมมีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ แล้วเขาสามารถนั่งรถไฟฟ้ามาทำงานกรุงเทพโดยใช้เวลา ในการเดินทางไม่ถึงชั่วโมง (ซึ่งในกรุงเทพรถติดแต่ละแยกบางทีเกินชั่วโมงเข้าไปแล้ว) ผมเชื่อว่าคนเลือกที่จะอยู่ ต่างจังหวัดดีกว่า ซื้อที่ซื้อทางปลูกบ้านหลังใหญ่ๆ โดยใช้เงินพอๆ กับซื้อห้องเล็กๆในกรุงเทพ ได้เท่านั้นเอง   ถ้าอยากมามาเดินเที่ยวห้างก็นั่งรถไฟมาเดินห้างในกรุงเทพแบบไปเช้าเย็นกลับได้ ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าคนใช้บริการ จะมากมายแบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพนี่แหละครับ เพราะถ้าเวลาที่ใช้ในการเดินทางน้อยลง ปริมาณคนเดินทางจะมี จำนวนมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว ทุกวันที่คนเดินทางกันน้อยเพราะว่า มันใช้เวลาในการเดินทางมาก ดังนั้นคนที่จะเดินทางต้องมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าคนที่อยู่กรุงเทพถ้าสามารถพาลูกนั่งรถไฟไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างจังหวัดได้ ผมว่าเขาก็ไปกันไม่น้อยเลยนะ แต่ทุกวันนี้ไปได้อย่างเก่งก็แค่เดินห้างเท่านั้น หรือไม่ก็สถานที่ใกล้ๆ บ้าน ผมว่าถ้ารถไฟฟ้าความเร็วสูงในบ้านเราเกิดขึ้นมาจริงๆ เหมือนอย่างเวียดนาม ผมเชื่อแน่นอนว่าวิถีชีวิตของคน ไทยมันจะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือหลังมือเลยครับ เราจะเห็นคนใช้บริการกันอย่างคับคั่ง คนจะเดินทางไปมาหาสู่กัน อย่างมากมาย(นั่นเท่ากับว่าเป็นการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ถูกลงไปเรื่อยๆ อีก) ช่องว่างระหว่างคนในกรุงเทพ กับต่างจังหวัดจะแคบลง เหมือนกับกรุงเทพกับเขตปริมณฑลนั้นแหละครับเพราะที่ใดก็แล้วแต่ที่สามารถเดินทางถึงกัน ได้ภายใน 1 วัน ยิ่งแบบประเภทไปเช้าเย็นกลับได้ โดยไม่แพง คนจะไม่คิดว่ามันเป็นที่อื่นเลยเพราะก็เหมือนอยู่ในกรุงเทพนั้นเอง การขนส่งสินค้าจำเป็นบางอย่างที่ต้องอาศัยเวลา จะเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว เช่นการสั่งซื้อสินค้า บางอย่างคนที่อยู่เชียงใหม่ กับคนที่อยู่ในกรุงเทพ อาจได้รับสินค้าได้ในเวลาพอๆ กัน   สรุปคือถ้าสร้างจริง กรุงเทพก็เป็นศูนย์กลางธุรกิจของประเทศ แต่ไม่คับคั่ง เพราะที่อยู่อาศัยจะกระจายไปอยู่ ตามหัวเมืองต่างๆ แทนตอนนั้นผมว่า จะทำให้กรุงเทพน่าอยู่แค่ไหนก็ไม่น่าจะยากแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 11:18:15 จากคุณ : vars - [ 27 พ.ค. 52 11:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เราอยากได้ขนส่งมวลชนที่ เร็ว และไม่แพง จึงอยากให้มี  แต่เราก็ไม่รู้รายละเอียดเรื่องการลงทุน  คืนทุน  คุ้มทุน เท่าไหร่ จากคุณ : ไทยเจริญ - [ 27 พ.ค. 52 12:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เอารถไฟเดิมๆนี่แหละ แค่ทำสถานีให้ครบ 76 จังหวัด สามารถนั่งจาก กทม. ไปใหนก็ได้ในประเทศไทย...พอ...ลงทุนน้อยกว่า รถไฟความเร็วสูงอีก...หัวจักร ตู้โดยสาร ขอของใหม่ก็ดี อันเดิม สนิมแดกหมดแระ... จากคุณ : คนจ๊นจน - [ 27 พ.ค. 52 15:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กรุงเทพ - ระยอง  2 ชั่วโมงนานไปครับ  20 นาที พอ เพราะขับรถเอง ก็ 1.5 ชม เท่านั้น จากคุณ : supanut01 - [ 27 พ.ค. 52 15:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 51 To Khun vars, If Thailand had this high speed train project, do you think that a people can commmute between Nakornsawan and Bangkok everyday for works ?   I don't think so.  Middle-class people can not afford for the fee for that high speed train everyday.  However, they can for some vacation trips that happen only a few times in a year. จากคุณ : NT Guy - [ 27 พ.ค. 52 19:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 52 This is for everyone who likes to compare Thailand with any countries.  Now, you could learn how good or bad our current economic status is.  Enjoy !!!!!!! http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)_per_capita International Monetary Fund (2008) Rank   Country   US$   1  Luxembourg 113,044 2  Norway 95,062 3  Qatar 93,204 4  Switzerland 67,385 5  Denmark 62,626 6  Ireland 61,810 7  Iceland 55,462 8  United Arab Emirates 54,607 9  Sweden 52,790 10  Netherlands 52,019 11  Finland 51,989 12  Austria 50,098 13  Australia 47,400 14  Belgium 47,108 15  United States 46,859 16  France 46,016 17  Kuwait 45,920 18  Canada 45,428 19  Germany 44,660 20  United Kingdom 43,785 21  Italy 38,996 22  Singapore 38,972 23  Japan 38,559 24  Brunei 37,053 25  Spain 35,331 26  Cyprus 32,772 27  Greece 32,005 —  Hong Kong 30,755 28  New Zealand 30,049 29  Israel 28,365 30  Bahrain 27,248 31  Slovenia 27,149 32  Portugal 22,997 33  Bahamas, The 22,156 34  Czech Republic 21,027 35  Malta 20,202 36  Korea, South 19,505 37  Saudi Arabia 19,345 38  Trinidad and Tobago 19,012 39  Oman 18,988 40  Slovakia 17,630 41  Estonia 17,299 42  China, Republic of (Taiwan) 17,040 43  Libya 16,115 44  Croatia 15,628 45  Hungary 15,542 46  Latvia 14,997 47  Equatorial Guinea[4] 14,941 48  Antigua and Barbuda 14,929 49  Lithuania 14,086 50  Poland 13,799 51  Barbados 13,356 52  Russia 11,807 53  Venezuela 11,388 54  Saint Kitts and Nevis 10,483 55  Turkey 10,472 56  Mexico 10,235 57  Chile 10,124 58  Seychelles 10,112 59  Uruguay 10,082 60  Gabon 9,987 61  Romania 9,292 62  Kazakhstan 8,502 63  Argentina 8,214 64  Brazil 8,197 65  Malaysia 8,141 66  Lebanon 7,617 67  Botswana 7,554 68  Mauritius 6,872 69  Bulgaria 6,857 70  Panama 6,784 71  Serbia 6,782 72  Costa Rica 6,580 73  Belarus 6,234 74  Saint Lucia 6,033 75  Grenada 6,006 76  South Africa 5,693 77  Saint Vincent and the Grenadines 5,615 78  Suriname 5,599 79  Azerbaijan 5,349 80  Jamaica 5,335 81  Dominican Republic 5,122 82  Dominica 5,082 83  Colombia 4,985 84  Angola 4,961 85  Iran 4,732 86  Macedonia, Republic of 4,657 87  Bosnia and Herzegovina 4,625 88  Algeria 4,588 89  Peru 4,453 90  Belize 4,310 91  Namibia 4,135 92  Thailand 4,115 93  Fiji 4,095 94  Albania 4,074 95  Ukraine 3,920 96  Tunisia 3,907 97  Turkmenistan 3,863 98  El Salvador 3,824 99  Ecuador 3,776 100  Maldives 3,649 101  Cape Verde 3,422 102  Jordan 3,421 103  Armenia 3,361 104  China, People's Republic of 3,315 105  Iraq 2,989 106  Congo, Republic of the 2,952 107  Georgia 2,925 108  Guatemala 2,848 109  Samoa 2,798 110  Swaziland 2,781 111  Syria 2,757 112  Morocco 2,748 113  Paraguay 2,601 114  Tonga 2,510 115  Vanuatu 2,442 116  Indonesia 2,246 117  Egypt 2,161 118  Bhutan 2,082 119  Mongolia 1,981 120  Sri Lanka 1,972 121  Philippines 1,866 122  Honduras 1,842 123  Moldova 1,809 124  Bolivia 1,737 125  Sudan 1,519 126  Guyana 1,480 127  Nigeria 1,451 128  Kiribati 1,372 129  Papua New Guinea 1,306 130  Djibouti 1,252 131  Cameroon 1,199 132  Yemen 1,182 133  Zambia 1,150 134  Côte d'Ivoire 1,132 135  São Tomé and Príncipe 1,101 136  Senegal 1,066 137  Pakistan 1,044 138  Mauritania 1,042 139  Vietnam 1,040 140  Uzbekistan 1,027 141  Nicaragua 1,025 142  India 1,016 143  Kyrgyzstan 951 144  Solomon Islands 905 145  Chad 862 146  Kenya 857 147  Benin 856 148  Laos 841 149  Cambodia 818 150  Comoros 816 151  Tajikistan 795 152  Haiti 791 153  Ghana 716 154  Lesotho 661 155  Mali 657 156  Burkina Faso 577 157  Tanzania 521 158  Bangladesh 506 159  Gambia, The 496 160  Timor-Leste 469 161  Mozambique 465 162  Rwanda 465 163  Burma 462 164  Nepal 459 165  Central African Republic 459 166  Madagascar 458 167  Uganda 453 168  Guinea 442 169  Togo 436 170  Afghanistan 429 171  Niger 391 172  Sierra Leone 332 173  Ethiopia 324 174  Malawi 313 175  Eritrea 295 176  Guinea-Bissau 264 177  Liberia 212 178  Congo, Democratic Republic of the 184 179  Burundi 138 จากคุณ : NT Guy - [ 27 พ.ค. 52 22:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 53 กรุงเทพ-นครศรี .... 16 ชม. สูงสุดที่เคยนั่ง รถตาย รถจอดแมร่งทุกสถานี... ตีสามกว่าๆ สถานีเล็กก็จอด ไม่รู้ทำไมไม่ทำระบบเช็คไปเลยว่ามีสถานีใดบ้างที่จะจอดให้คนลงหรือขึ้น จากคุณ : เด็กชายกาแฟสด - [ 27 พ.ค. 52 23:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เห็นด้วยเเละเหมาะอย่างยิ่ง กับโครงการรถไฟความเร็วสูง แต่ควรให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนครับ  รัฐดูแลเรื่อง การเวณคืนที่ดิน หรืออำนวยความสะดวกในเรื่องของเส้นทาง ให้กับภาคเอกชน แต่ต้องดูเรื่องสัญญาให้รัดกุมครับ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าโง่ หรือไม่ก็ อาจเป็นการร่วมทุนระหว่างกันบางส่วน กับเอกชนกได้นะ ผมว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง ยังไงรัฐก็คงไม่มีเงินมากมายพอขนาดนั้น ที่จะไปลงทุนเองหรอก  เพราะมีภาระค่าใช้จ่าย ไปกับโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ มากมายในกรุงเทพ อยู่แล้วในอนาคต   รัฐต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากหลายแสนล้าน  เมื่อรวมกันแล้ว มันจะเป็นภาระที่หนักมากสำหรับรัฐบาล   รัฐควรเน้นเฉพาะ การทำรางรถไฟรางคู่ก็พอครับ  ทำให้ทั่วประเทศเลยครับ เพื่อที่จะได้ใช้ในการขนส่ง เชิงพาณิพย์  โดยให้เอกชนเขา เข้ามาเช่าเส้นทางระบบราง จากรัฐ แล้วเอาขบวนรถของเอกชนมาวิ่งร่วม มีขบวนรถที่ทันสมัย สภาพดูดีสะอาด   มีตู้สะเบียงที่ทันสมัยติดแอร์เย็นๆ   โดยให้เอกชนเข้าแข่งขันกันการให้บริการกันเอง  โดยไม่ควรผูกขาด เหมือนกับรถทัวร์ ที่เขามีหลายบริษัท หลายเส้นทาง การดึงดูดความสนใจแก่นักลงทุน เราก็อำนวยความสะดวก ในเรื่องการลดย่อนภาษี ให้กับภาคเอกชนก็ได้ รัฐก็หน้าที่ ในการสร้างระบบราง และบำรุงเส้นทาง เหมือนกับที่เคยทำถนนสี่เลน กันมาแล้วนั้นนะ ใช้กันฟรีเลย หมดเงินงบประมาณกันไม่รู้กี่แสนล้าน  อุบัติเหตุจากท้องถนน ก็มีเพิ่มมากขึ้น เป็นเงาตามตัวเลย ยิ่งสร้างถนนเยอะ อุบัติเหตุก็เยอะ ยิ่งช่วงสงกรานต์นี้ยิ่งแล้วใหญ่เลย มูลค่าความเสียหายปีหนึ่งๆไม่น้อยนะครับ  ถนนพังแล้วก็ซ่อม ซ่อมเสร็จก็ใช้กันฟรี ถ้าเป็นระบบนี้ คือรัฐเก็บเงินค่าเช่าบำรุงเส้นทาง  มีหน้าที่ สร้างระบบรางและปรับปรุงซ่อมบำรุงเส้นทางให้ดีอยู่เสมอ   คล้ายกับถนนทางหลวง 4เลนทั้งหลาย ที่รัฐขยันสร้างกันขึ้นมาอย่างมากมายทั่วประเทศ  แตกต่างกันก็ตรงที่ ระบบรางรถไฟนี้ มันสามารถหารายได้เข้ารัฐ และการรถไฟได้ ไม่เหมือนกับถนนที่สร้างกันให้ฟรีๆ แล้วพวกเราก็ใช้กันฟรีๆ ถนนพังขึ้นมาค่าซ่อมแซม ก็เป็นเงินทั้งนั้น แต่ทางรถไฟนี้ รัฐดูแลซ่อมเส้นทางให้ แถมยังหาเงินรายได้เข้ารัฐอีกต่างหาก ได้เงินมาก็เอามาทำการปรับปรุงเส้นทาง ต่างๆ สร้างส่งอำนวยความสะดวก ภายในสถานี ให้ทันสมัย ในอนาคตจะทำให้ประเทศชาติประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนการผลิตและขนส่งในระยะยาว อีก 10-20 ปีข้างหน้า ทดแทนการขนส่งด้วยทางรถบรรทุกในอนาคต ที่มีต้นทุนสูงมากขึ้นทุกวัน  อย่างน้อย ช่วยถ้าลด อุบัติเหตุ และปริมาณการใช้น้ำมัน การนำเข้าน้ำมันที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ในอนาคตได้มาก ประหยัดทั้งเงินและเวลา เงินตราที่จะต้อง ใช้จ่ายไปกับการนำเข้าน้ำมัน ถึงเจ็ดแปดหมื่นล้าน/ปีเลยทีเดียว รัฐสามารถเก๊บเอาเงินส่วนต่างที่เหลือนี้ มาพัฒนาปรับปรุงด้าน บริการขนส่งระบบอื่นได้อีกมาก  เช่นลดจุดตัดตามแยกต่างๆระหว่างถนน กับระบบรถไฟได้ ในหลายเส้นทาง รถไฟความเร็วสูงนั้น หลักการก็คล้ายๆกันกับ รถไฟรางคู่ที่ผมว่า ถ้าให้เอกชนทำ เขาเป็นผู้ชำนานงานและเชี่ยวชาญเรื่องรถไฟความเร็วสูงในต่างประเทศ  มาเป็นคนทำ ช่วงหลังๆมานี้ เห็นมีคนบอกว่า ทางบริษัทในญี่ปุ่น หรือบริษัท รถไฟความเร็วสูงบริษัทชื่อดังในยุโรบก็ดี  สนใจอยากจะเข้ามาเป็นผู้ลงทุนในเมืองไทย  ถ้ารัฐมีแนวทางที่ชัดเจนกับระบบรถไฟในอนาคต งานนี้รัฐก็จะได้รายได้จากเอกชนเหล่านี้ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ที่มีคุณภาพในสายตาชาวโลก ในส่วนจุดคุ้มค่าการลงทุนนั้น มันควรที่จะใช้วิ่งผ่านข้ามประเทศ ให้เหมือนเครื่องบินครับ  เข้าไปใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆต่างๆ ที่อยู่หากไกลออกไป     มันสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นได้โดยตรงเลย และไม่ต้องไปขึ้นรถแท๊กซี่ต่อไปไกลจากสนามบินในราคาแพงๆ หลายร้อยบาทอีกด้วย     นอกจากรถไฟความเร็วสูงสามารถเชื่อมต่อกับ ประเทศเวียนนาม จีน มาเลเซีย สิงคโปร์แล้ว มันจะคุ้มค่าสุดๆ  ในแง่ของจำนวนประชากรของ 4-5 ประเทศเหล่านี้  เมื่อนำมารวมกันก็มหาศาลแล้วครับ  แค่จีนกับเวียดนามก็มากกว่า คนในแถบประเทศยุโรบเสียอีก  ประเทศในกลุ่มยุโรป ประชากรน้อยกว่า ในภูมิภาคเอเชีย เขายังทำโครงการนี้ได้เลย   ด้านการท่องเที่ยว  เป็นผลพลอยได้อีกต่อนึ่ง ที่สำคัญ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกมากมาย เมื่อรวมกันแล้ว  คุ้มครับถ้าจะทำระบบรถไฟความเร็วสูง เรื่องราคาแพงแน่นอนครับ แต่รัฐไม่ได้บังคับให้ คนที่มีรายได้น้อยมาใช้บริการนะครับ  คนเหล่านี้ ยังคงสามารถได้ใช้บริการรถไฟของรัฐเหมือนเดิม ได้ตามปรกติ ดูอย่างที่ญี่ปุ่นเขาทำกัน เขามีทางเลือกให้ประชาชน มีระบบรถไฟหลายระบบ หลายราคา ให้ได้เลือกใช้กันมาก เพราะฉะนั้น ผู้มีรายได้น้อยจะไม่กระทบครับ หมายความว่า ใครมีน้อยก็ใช้น้อย ใครมีมากก็ใช้มากตามสะดวกครับ ผู้มีรายได้รับสูงๆนั้น ปรกติเขาก็ใช้เครื่องบินเป็นประจำอยู่แล้วครับ ซึ่งมีราคาสูงแน่นอน คนเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หรือมีผลกระทบอะไรกับราคาค่าตั๋วเครื่องบินที่แพงขึ้น เพราะถ้าเขาดเดือดร้อน เขาก็คงไม่มาใช้บิการกันกับสายการบินหรอกครับ  เขาขอแค่มันสะดวกรวดเร็วทันใจก็พอ  ตั๋วรถไฟความเร็วสูงนั้น ราคาก็น่าจะใกล้เคียงกัน อาจจะถูกว่านิดหน่อย  กลุ่มเหล่านี้ก็อาจจะหันมาใช้ระบบรถไฟความเร็วสูงกันเยอะขึ้นในอนาคต ผมว่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี กับประไทย และเศษฐกิจโดยรวมของ ประชาคมอาเซียน  สร้างความคึกคักในด้านการค้าลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งภูมิภูมิภาคนี้ สร้างความมั่งคั่งในภูมิภาคนี้ได้เลย คิดเผื่อ 20ปีข้างหน้า ครับ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 52 16:35:40 จากคุณ : ton T-Square - [ 28 พ.ค. 52 04:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่กดโหวตนะครับ เพราะมันมีรายละเอียดอะไรมากกว่านั้นมาก เช่น ความเร็ว ขนาด ของรถ ค่าโดยสาร สถานีที่จะจอด จะยกรถไฟความเร็วสูงจากตปท มาวาง ตูม ที่ไทย มันก็ไม่เหมาะอยู่แล้ว สำหรับผม คิดว่า ขอแค่ ตรงเวลา สะดวก ปลอดภัย ก็ดีใจแย่แล้ว^^ จากคุณ : semplice - [ 28 พ.ค. 52 08:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นด้วยตามคุณ ton T-Square ครับ กิจการรถไฟความเร็วสูงในปัจจุยันนี้ ถ้ามีโครงการจะสร้าง ให้เอกชนดำเนินการดีที่สุด รัฐไม่ควรเอาเงินมหาศาลไปลงทุนกับโครงการนี้ (ในสภาวะการเงินคงคลังของเราในปัจจุบัน) แต่เอาเงินตรงไปนี้สร้างและสนับสนุนรางคู่ดีกว่า จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 28 พ.ค. 52 15:25:52 ]