ความคิดเห็นที่ 1 คือเสียดาย เทคนิค สูตร วิธีคิด จาก คนเก่งๆหลายคนไม่ปรากฏ ออกมาเป็น หนังสือ หรือ ตำราเทคนิควิธีคิด   ที่เคยเจอเคยถามจากรุ่นพี่ บ้าง รุ่นน้องบ้าง บางที ก็หายไป คือผมรู้สึก ว่า หนังสือ ตำรา  ทฤษฎี ... นิยาม   สำหรับ คนเก่งๆ หัวดีๆ มีอยุ่มาก แต่หนังสือ ตำราสำหรับ  คนหัวปานกลางลงไป  ซึ่งคนเหล่านี้มี จำนวนมาก..... กลับไม่ค่อยพบเจอ (ยิ่งเป็นหนังสือไทย) ถ้ามีหนังสือที่เหมาะกับ คนระดับนี้มากๆ จะช่วยยกระดับ เด็กระดับปานกลางลงไ.ป.. ในการเรียนได้มากขึ้น... ครับ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 29 พ.ค. 52 01:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะมันไม่ต้องมีการสอบเอ็นฯ สอบคัดเลือกกันแล้วครับ ถ้าไม่ได้เรียนในสายทฤษฎี (math physics etc.) ก็แทบจะไม่มีการต้องเอาวิชาพวกนี้ไปสอบคัดเลือกหรือเรียนต่อ (แบบยกโจทย์ไปตรงๆ) อะไรเลย  พอไม่มีอุปสงค์ ก็เลยไม่มีอุปทาน ไม่เหมือนหนังสือม.ปลาย ที่ทำออกมาเท่าไหร่ก็ขายได้ และอีกอย่างการเรียนในระดับนี้ ก็ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบแล้วนะครับ แต่เป็นการเรียนเพื่อได้เอาไปใช้ในวิชาชีพ ซึ่งโจทย์ที่จะเจอในชีิวิตการทำงานจริงนั้น ก็จะไม่ได้ซับซ้อนหรือพลิกแพลงในเชิงเทคนิคมาก สิ่งที่จะยากคือการโมเดลตัวปัญหาให้ออกมาเป็นคณิตศาสตร์ต่างหาก ในขณะที๋โจทย์สำหรับสอบตอน final ของแต่ละวิชานั้น ก็มักจะเป็นการออกตรงๆ จากเรื่องที่เรียน ไม่ได้ประหลาดมหัศจรรย์อะไร แค่อ่านจาก textbook ที่อ. กำหนดให้ ก็พอเพียงที่จะทำโจทย์ได้แล้วครับ (ยกเว้นข้อตัด A ข้อสองข้อ อันนี้ยกให้พวกหัวกะทิทำไป) ไม่ต้องไปเก็งอะไรหรอก เรียนระดับนี้ นศ. ต้องปรับแนวความคิดได้แล้วครับ เป็นการเรียนเพื่อนำไปใช้ ไม่ใช่เหมือนม.ปลาย ที่เรียนเพื่อสอบ ดังนั้น ถ้าไม่แม่นคอนเซ็ปท์หรือทฤษฎีแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเรียนครับ ปล. ถ้าต้องการหนังสืออ่านทบทวนด่วนก่อนสอบ และตัวอย่างโจทย์จริงๆ ก็มีหนังสือในซีรีส์ของ Schaum อยู่นะครับ มีตั้งแต่ระดับปีหนึ่งถึงแกรดเลยทีเดียว จากคุณ : PastelSalad - [ 29 พ.ค. 52 01:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องไปหา proof ตาม thesis หรือ paper ครับ แม้ว่าจะไม่ได้บอกโต้งๆ แต่ถ้ามันเป็นเทคนิกส์ที่ดี มันจะมีปรากฏเองครับ (เพราะคนทำภูมิใจ) เพราะระดับ undergrad แล้วควรจะต้องไปหาจากแหล่งเหล่านี้ครับ จากคุณ : ฟหกด - [ 29 พ.ค. 52 02:08:42 A:124.120.217.97 X: TicketID:205742 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผลประโยชน์มันน้อยก็เลยไม่ค่อยมีคนทำ เดี๋ยวนี้ธุรกิจซะส่วนใหญ่ ลองไปติวที่ติวเตอร์สิ มีอย่างที่คุณต้องการเพียบเลย ก็เลยไม่รู้ว่าการศึกษาไทยวัดกันที่ไหน เรียนแล้วทำไมต้องมาติว ตอบตรงไปไหมเนี่ย จากคุณ : พาลท้อแท้ - [ 29 พ.ค. 52 02:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ...ผมว่าพวกคุณหลงประเด็นนะครับ การเรียนในระดับนี้น่ะ คุณต้องสามารถเข้าใจสิ่งที่ทฤษฎีได้จากการศึกษาด้วยตัวเอง คิดแตกแขนงออกไปได้เอง การทำโจทย์มากๆ ไม่ต่างอะไรกับการจำครับ ถ้าคุณต้องติว แปลว่าคุณไม่สามารถเป็นบัณฑิตได้จริงๆนะครับ เค้าสอนให้คุณหาความรู้ได้เองครับ ไม่ใช่มาลอกตามคนอื่น จากคุณ : Desert King (ChevCORVETTE) - [ 29 พ.ค. 52 04:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีแค่โจทย์กับเฉลยก็ใช้ได้แล้วนะ ผมว่า พวกเทคนิคต่างๆ มันต้องมีเป็นตัวอย่างอยู่ในหนังสืออยู่แล้ว แต่อาจไม่มากเท่าที่ จขกท ต้องการ จากคุณ : Naibruda - [ 29 พ.ค. 52 09:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปกติตอนเรียนผมดูจาก Schuam's outline ครับมีโจทย์และวิธีทำเยอะมาก แต่ไม่รู้ว่าแปลเป็นไทยรึยัง จากคุณ : golfemp - [ 29 พ.ค. 52 09:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มันไม่เหมือนentครับ ตอยentเราจำโจทย์ไปสอบครับ ไม่ได้เอาความรู้ไปสอบ ต่างจากระดับu.grad ทีเน้นว่ารู้ อย่างdiff.qua,Laplaceเนี่ย หลายๆคนเทพ ทำโจทย์ยากๆได้หมด แต่ถามว่าจะเอาไปใช่ยังไง เริ่มตอบไม่ค่อยได้กัน เพราะงั้นจึงทำแค่หลังบท เพื่อทบทวน ก็เพียงพอน่ะผมว่า ลองไปโหลดข้อสอบของUดังๆของเมืองนอกดูสิ แล้วคุณจะอิจฉาฝรั่ง เพราะข้อสอบง่ายเหลือเกิน จากคุณ : Roninkung - [ 29 พ.ค. 52 09:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชะอุ่ม เอ้าไลน์ ซีรีส์  หนังสือสุดฮอทมากว่า30ปี จากคุณ : ลิงจุ่น - [ 29 พ.ค. 52 09:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ถูกต้องแล้วไงครับ เข้าใจนิยาม และ ทฤษฎี แล้วแก้โจทย์ได้เอง แบบนี่เรียกว่าเข้าใจจริงครับ - รู้เทคนิคทำโจทย์แล้วแก้โจทย์ได้ แบบนี้ไม่เก่งจริงนะครับ - ถ้าหนังสือมีแต่เทคนิค เด็กจะพลิกดูแต่หน้าเทคนิกเป็นหลักครับ จะไม่อ่านทำความเข้าใจนิยาม และ ทฤษฎีสักเท่าไหร่ นิสัยส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 29 พ.ค. 52 09:48:36 A:125.27.32.144 X: TicketID:199878 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามา โหวต "ชะอม" ด้วยอีกเสียง จากคุณ : Humandroy - [ 29 พ.ค. 52 10:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมทำท้ายบท ข้อสอบเก่า ตัวอย่าง แค่นี้ก็เยอะแล้วครับ ติดตรงไหน อาจารย์ท่านพร้อมจะให้คำตอบบอกกันตั้งแต่คาบแรก แต่ก็ไม่เห็นมีใครไปเอาคำตอบเลย(ผมก็ไม่ได้ไป เหอะๆ) จากคุณ : Sympho - [ 29 พ.ค. 52 11:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านว่า ช้วม ไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : robbiepit - [ 29 พ.ค. 52 13:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้มั่นใจ 50% เราเรียน calculus เพียงตัวเดียว พอตัวที่ 2 เรียก Diff Equa. (ไม่ได้เรียน cal 1,2,3) ไม่มีหนังสือเลย ใช้แต่ lecture อาจารย์ล้วนๆ แต่ตอนที่ทบทวน ใช้ของ ม.ราม (ใช้ทั้งเล่ม 1-2) แต่ diff equa. หาหนังสือไม่ได้แฮะ จากคุณ : สิริธีรีน - [ 29 พ.ค. 52 15:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พึ่งชะอุ่มแหละครับ ทำแทบไม่หวาดไม่ไหว จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 29 พ.ค. 52 21:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 - -" Schaum (ผมและผองเพื่อนอ่านว่า "ชะอุ่ม") บางเ่ล่มมีแปลเป็นภาษาไทยครับ หนังสือซี่รี่ส์นี้มีเยอะมาก ๆ แต่ยังไม่เคยเห็นแคลที่เป็นภาษาไทยเลย จริง ๆ แ้ล้วจะอ่านเป็นภาษาอังกฤษก็ไ้ด้ครับ อ่านไม่ยากเท่าไหร่ -> ถ้ามีหนังสือสูตร เทคนิค เด็กก็ไ่ม่ได้คิดสิครับ อีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องดีด้วย ผมไม่ชอบพวกเทคนิคต่าง ๆ ที่สอนกันระดับมัธยมปลายเลยอ่ะครับ มีอยู่ทีนึงไปติวน้อง ๆ น้องเค้าไปเรียนสถาบันสอนพิเศษชื่อดังมา แล้วตอนที่ให้ทำโจทย์ น้องเค้าก็ทำ ๆ ไป แล้วพอผมเข้าไปดู แล้วผมก็เอะใจว่าน้องทำได้ยังไง ก็เลยถามดู น้องเค้าตอบว่า "ไม่รู้ จำมาจากที่เค้าสอนอีกที" สรุปแล้วน้องไ่ม่ได้อะไรจากสถาบันนั้นเลย แถมวิธีทำนั้นก็ผิดอีกต่างหาก - -" ต้องบอกน้องเค้าไปว่า "ที่เรียนเทคนิค สูตรลัด อะไรมาให้ลืมให้หมด" ผมว่าการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ใช่วิชาที่จำสูตร แต่เป็นวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจในนิยาม ทฤษฎีครับ ถ้าเด็กอยากได้เทคนิคก็ให้เด็กต่อยอดเอง ที่บอกว่าเด็กเกลียดผมว่าการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมปลายของเรา เน้นการจำมากเกินไป เน้นการจำสูตร เทคนิค แนวข้อสอบ แต่ไม่ได้เน้นให้เด็กคิด พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วไม่มีสูตร เทคนิค แนวข้อสอบให้จำ ก็เลยพาลเกลียดวิชานั้นไปเลย ตอนไปติวน้อง ๆ ผมเน้นเสมอว่าอย่าจำ แต่ให้คิดเอา อย่างเช่น d sin x / dx ได้เท่าไหร่ -> ได้ cos x d cos x / dx ได้เท่าไหร่ -> ได้ -sin x แล้ว d tan x ล่ะ... -> รู้ดิฟ sin x, cos x แล้วก็ sin x/cos x แล้วก็ล่างดิฟบนลบบนดิฟล่างส่วนล่างกำลังสองไงล่ะ... - -" บางคนมันจำดิฟ sin cos tan sec csc cot จำมันหมดเลย เข้าห้องสอบจำผิด ข้อนั้นก็็ผิด ไม่ได้คะแนน จำดิฟ ex, ax ทั้ง ๆ ที่มันใช้ด้วยกันได้ (แค่เปลี่ยนฐานจาก a เป็น e) จำดิฟ ln x, loga x ทั้ง ๆ ที่ต่างกันแค่ฐาน มันเป็นความเคยชินกับการจำสูตร เทคนิคจากระบบการเรียนเดิม โดยที่ไม่เข้าใจทฤษฎี พอเจอโจทย์แล้วทำไม่ได้ก็จะถาม "ใช้สูตรอะไร" ทั้ง ๆ ที่บางข้อไม่จำเป็นต้องใช้สูตรก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ก็มี แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 22:40:23 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 22:39:06 จากคุณ : Seiki - [ 29 พ.ค. 52 22:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #5 ผมว่าไม่หลงประเด็นนะครับ ถ้ามีคนสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว หากวิธีแก้ไขปัญหานั้นสาบสูญไป หรือรู้ในหมู่คนไม่กี่คน คนที่มาทีหลัง ก็ต้องมานั่งแก้ปัญหาเดิมๆ ซ้ำอีก แทนที่จะเอาเวลาไปแก้ปัญหาใหม่ๆ พูดง่ายๆ ก็คือ คำว่า "ต่อยอด" และ "แตกแขนง" จะเกิดได้ยากครับ จากคุณ : oppertunity - [ 30 พ.ค. 52 13:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าในระดับสูงๆ ผมว่ามันต้องเข้าใจไปถึงนิยามของเรื่องนั้นๆแล้วสามารถแก้โจทย์ได้ เพราะเท่าที่ผมเจอมาถ้าเข้าใจลึกซึ้งพอ เทคนิคต่างๆมันจะไหลออกมาเอง ทีนี้ถ้าเราใช้แต่เทคนิคมันจะทำให้เราไม่สามารถเข้าถึงนิยามหรือแก่นของวิชานั่นๆได้นะคับ จากคุณ : หวาก - [ 31 พ.ค. 52 02:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมมาชูจั๊กกุแร้ให้ Schaum ด้วยคนครับ ตอนเรียนทฤษฎีก็ยัง งงๆ แต่พอจำโจทย์มากเข้าๆ ก็รู้ว่า มันอย่างนี้นี่เอง จากคุณ : มือมาร - [ 3 มิ.ย. 52 09:27:21 ]