PANTIP.COM : X7919780 จักรวาลอันเวิ้งว้าง...เกิดขึ้นมานานหรือยัง .... [เรื่องลึกลับ]

ความคิดเห็นที่ 23

น่าจะมีหลายคนที่แว่บคิดถึงเรื่องแบบนี้

- จักรวาลเกิดขึ้นได้ยังไง มีจักรวาลอื่นอีกมั๊ย เป็นอนันตร์หรือเปล่า
- มีจุดสิ้นสุดใหม นอกจักรวาลมีอะไร ฯลฯ

มีบางคำถาม ที่คงต้องตอบว่า แล้วเราจะสนใจทำไม ในเมื่อตอนนี้เราอยู่ที่นี่ คำตอบนี้เป็นคำตอบเดียวกันกับคำถามที่ว่า อดีตมีจริงมั๊ย อนาคตมีจริงหรือเปล่า ... คำตอบนี้ เป็นกลางๆ

แต่ตอบแบบนี้ในปี 2552 อาจจะโดนหว้ากอ ยำ ในข้อหาขัดขวางความอยากรู้อยากเห็น ขัดขวางความเจริญของมนุษย์

งั้นลองใหม่

ถ้าเราสังเกตุสิ่งต่างๆในโลก เราก็จะเห็นว่า ทุกสิ่งมันประกอบกันขึ้นมา ก้อนหิน ต้นไม้ ผู้คน อะตอม ดวงดาว กาแล๊กซี่ ทุกสิ่งประกอบจากสิ่งเล็กๆย่อยลงไปอีก รถยนต์ประกอบด้วย ล้อ ประตู หน้าต่าง กระจก แชสซี ..เป็นต้น
เราเรียกกันว่า โลก และเราพบเห็นกันอยู่ทุกๆวัน (วิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ค้นหาค้นคว้าไปทางนี้) สำหรับศาสนาพุทธเรียกโลกชนิดนี้ว่า กามภพ กามภพมีตัณหาเป็นเหตุใกล้

ถ้าเรามีความสามารถเพิ่มอีกหน่อย เราก็สามารถแยกแยะสิ่งต่างๆตามข้างบน เราก็จะได้ความจริงอีกชนิดหนึ่ง .. เห็นก็เห็น รู้สึกก็รู้สึกตามความเป็นจริง เป็นโลกที่มีจริงชั้นปรมัตถ เป็นโลกที่อิงอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น ไม่เหมือนโลกที่ประกอบกันขึ้นอย่างกามภพ ตัวอย่างเทียบเคียงการอาศัยกันก็อย่างเช่น เหรียญมีด้านหัว แล้วก็มีด้านก้อย หัวและก้อย คือการอาศัยกันแล้วจึงเกิดขึ้นได้ (แต่ถ้าพูดถึง ทั้งเหรียญ ก็เป็นการประกอบกันจากส่วนย่อยๆ)
พุทธศาสนาใช้โลกชนิดนี้เพื่อการวิปัสสนา (จริงๆใช้ได้หมดแต่ความจริงชนิดนี้เป็นขั้นสุดท้ายที่จะต้องข้าม *ผมไม่รู้) โลกชนิดนี้เกิดจาก อวิชชา คือความไม่รู้ คือความต่าง มีด้วยกันอยู่สอง
คือ รูปภพ และ อรูปภพ

ในโลกกามภพ เราจะเห็นว่ามันถูกต้องและเป็นจริงเพราะเราเห็นและสัมผัสได้กันอยู่ทุกวัน ส่วนรูปภพและอรูปภพ เราอาจจะเห็นไม่ชัดเพราะไม่เคยสังเกตุ

ทั้งหมดไม่มีภาษาคณิตไม่มีฟิสิกส์ มาให้คุณเชื่อถือ/มาให้งง (จริงๆผมโง่เองมากกว่า ) แต่น่าจะทำให้เข้าใจได้ง่าย ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่ให้คิดหรือลองฝึกปฏิบัติดู หรือไม่ก็ตั้งข้อสงสัยมาว่าอันใหนไม่จริง ก็เข้าใจ ว่าคนที่ไม่เชื่อคิดถึง ที่อยู่ ที่ตั้ง ของโลกชนิดต่างๆ ว่าอยู่ตรงใหน ไม่เห็นมี ซึ่งเป็นความคิดเคยชินแบบเดิมๆ ..อธิบายไม่ถูก.. ความเคยชินแบบเดิมๆก็อย่างเช่น เราอยากหาว่าอะไรคือสิ่งพื้นฐานจนกลายเป็นสิ่งต่างๆ สมมุติอีกทีว่าเราหาเจอ ถามว่าเราจะหยุดสงสัย หรือจะยังสงสัยต่อว่าแล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ดังนั้นวิธีแบบนี้จึงเป็นวิธีแบบเดิมๆ (ไม่ใช่ว่าไม่ดี คือผมชอบศึกษาเหมือนกัน t_t)

กลับมาคำถามของกระทู้
คุณอาจจะถามว่า ถ้ารู้และเข้าใจโลกทั้งสามนี้แล้ว จะรู้คำตอบของคำถามกระทู้ได้หรือเปล่า อันนี้ไม่แน่เสมอไป คงต้องมีเหตุประกอบกันหลายส่วน แต่ถ้าฝึกปฎิบัติ หรือศึกษาพุทธศาสนา และช่างสังเกตุหน่อย ก็มีสิทธิ์มากขึ้น

แล้วจะมีใครเหมาะเท่า คนมีความรู้และขี้สงสัยอย่างชาวหว้ากอได้อีก(ประจบๆไว้ ) ผมว่าคนมีปัญญามีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทางคณิต คนมีความรู้เฉพาะทางสูงๆ ในนี้ก็มีอยู่ตั้งหลายคน ถ้าฝึกปฎิบัติหรือศึกษาพุทธศาสนาควบคู่ไปด้วย น่าจะดีนะครับ

บางคนอาจถามว่า รู้ไปแล้วได้ประโยชน์อะไรตรงใหน ทุกวันนี้เราก็มีชีวิต
ตามแบบฉบับของแต่ละคนเองอยู่แล้ว ไม่เห็นจะน่าใส่ใจ

ผมคงต้องตอบว่า นั่นน่ะซี
.. แล้วเราจะสนใจทำไม ในเมื่อตอนนี้เราอยู่ที่นี่ สุข-ทุกข์ ก็อยู่ที่นี่

* ปรับปรุงให้ดีขึ้น
ศาสนาพุทธมีความละเอียด โอกาสพลาดมีสูง (หวาดเสียวถ้าอยู่ในห้องศาสนา)

แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 52 09:55:33
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 15:29:24

จากคุณ : เอแดง - [ 31 พ.ค. 52 14:43:53 ]