ความคิดเห็นที่ 1 ผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมากรายงานว่า ภาพอากาศยานที่สปอตไลท์จับไว้ได้นั้นไม่ใช่เครื่องบิน แต่มีรูปทรงกลม และเรืองแสงซึ่งไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน ที่น่าฉงนใจก็คือกระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่อากาศยานผู้บุกรุกราวกับห่าฝน กลับทำอะไรมันไม่ได้ แรกทีเดียวบางคนคิดว่ามันเป็นเครื่องบินญี่ปุ่นที่มาทิ้งแฟล์เพื่อเป็นเป้าให้ฝูงบินทิ้งระเบิด แต่ต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปเมื่อไม่มีฝูงบินทิ้งระเบิดตามมา ตอนสายวันเดียวกันหน่วยบัญชาการกองทัพด้านตะวันตกได้ออกมาแถลงยืนยันทันทีว่า ปฏิบัติการระดมยิงเมื่อเวลาย่ำรุ่งเกิดจากการพบวัตถุบินที่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรเหนือชายฝั่ง และศูนย์บัญชาการทหารในซานฟรานซิสโกก็ยืนยันเช่นกันว่ามีอากาศยานที่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรบินอยู่ทางใต้ แต่กองทัพเรือที่วอชิงตันแถลงว่าเป็นการเตือนการโจมตีทางอากาศที่ผิดพลาดและก่อให้เกิดการตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามได้แนะนำว่าควรย้ายโรงงานอุตสาหกรรมทางทหารบริเวณแนวชายฝั่งเข้าอยู่ด้านในเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากเรือดำน้ำญี่ปุ่นและเครื่องบิน ทิ้งระเบิด หนังสือพิมพ์ แอล.เอ.ไทม์ พาดเป็นหัวข่าวใหญ่ของวัน จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 20:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปูเสื่อรอดูครับ จากคุณ : zaruns - [ 3 มิ.ย. 52 20:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อะไร เกิดขึ้นกันแน่ ขณะที่หน่วยทหารในพื้นที่ยืนยันว่ามีอากาศยานผู้บุกรุกจริง แต่ทำไมกองทัพเรือที่วอชิงตันจึงปฏิเสธทั้งที่มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลใน สมัยนั้นเป็นจำนวนมาก และทั้งหลักฐานภาพถ่ายที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิส ไทม์ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1942 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสปอตไลท์จำนวน 8 ดวงจับภาพของอากาศยานรูปทรงกลมไว้ได้ และยังเห็นกระสุนปืนใหญ่จำนวนมากกำลังระเบิดบริเวณรอบๆยานด้วย นี่คือเหตุการณ์หนึ่งในยุคของ "คลื่นยูเอฟโอยุคใหม่" ซึ่งเริ่มในทศวรรษที่ 1940 และกำลังถูกสืบสาวราวเรื่องเพื่อหาความจริง ภาพจาก www.ufoevidence.org จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 20:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เขียดย่ะ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 3 มิ.ย. 52 20:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้าน้อยขอปูเสื่อ จากคุณ : [x] (BONDJUNG_TH) - [ 3 มิ.ย. 52 20:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สมัยนั้นยังไม่มีแบบนี้ขับหรอกครับ บรืนๆๆ~ จากคุณ : Jinx D Wednesday - [ 3 มิ.ย. 52 20:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นักวิจัยได้ทำการสืบค้นเรื่องราวจากพยานบุคคลในช่วงเวลาดังกล่าวและพบ บุคคลที่น่าเชื่อถือสองคน พยานทั้งสองได้บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในคืนวันนั้น คนแรกคือ แคธี สุภาพสตรีนักตบแต่งภายในและอาร์ติสต์ซึ่งทำงานร่วมกับฮอลลีวูดมานาน เธอเล่าว่าขณะยังเด็กเธออาศัยอยู่ทางตะวันตกของลอสแองเจลิส ไม่ไกลจาก ซานตา โมนิกา นัก ขณะนั้นเธอเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยทางอากาศเหมือนคนอื่นๆ รุ่งสางของวันที่ 25 มกราคม 1942 เธอได้รับโทรศัพท์จากผู้บังคับหน่วยป้องกันภัยทางอากาศประจำพื้นที่ถามว่า เห็นวัตถุบินใกล้ๆ บ้านหรือไม่ แคธีรีบเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไป สิ่งที่เธอเห็นคืออากาศยานขนาดใหญ่สีเหลืองอ่อนซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน แคธีเล่าต่อไปว่า ต่อจากนั้นหน่วยป้องกันภัยทางอากาศได้ฉายสปอตไลท์ค้นหามันและส่งเครื่องบินหลายลำออกทำการโจมตี (ซึ่งกองทัพอากาศปฏิเสธว่าไม่เคยส่งเครื่องบินออก ปฏิบัติการ) เครื่องบินได้ทำการระดมยิงอากาศยานลำนั้นนานถึงครึ่งชั่วโมงแต่ทว่าไม่สามารถทำความเสียหายแก่ยานได้และในที่สุดมันก็ได้บินหายลับไป คนที่สองคือโปรเฟสเซอร์ สก๊อตต์ ลิตเติลตัน เขาเขียนบันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า เขาเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลือน ขณะที่เขาอายุ 8 ขวบ ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่บริเวณหาดเฮอร์โมซา เมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น พ่อของเขาก็ออกไปทำหน้าที่ร่วมกับทางการ ส่วนเขาและแม่อยู่กับบ้านและได้เห็นวัตถุเรืองแสงซึ่งสปอตแอล.. เอ๊ย สปอตไลท์ของหน่วยปืน ใหญ่ต่อสู้อากาศยานจับมันไว้ได้ วัตถุดังกล่าวบินอย่างช้าๆ เหนือทะเลจากตะวันตกเฉียงเหนือไปยังตะวันออกเฉียงใต้ และมุ่งหน้าเข้ามายังแผ่นดินเหนือหาดรีดันโด หลังจากนั้นก็หายลับที่บริเวณภูเขาพาลอส เวอร์เดส ภาพเนกาทีฟ ช่วยให้เห็นรูปร่างของวัตถุบินลึกลับได้อย่างชัดเจน แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 21:01:05 จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 20:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กางเก้าอี้ดูดีกว่า........สบายกว่าเสื่อเยอะ จากคุณ : มนุษย์ดาวอังคาร - [ 3 มิ.ย. 52 21:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปาดยิงตับๆๆๆ จากคุณ : Mr.june - [ 3 มิ.ย. 52 21:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Jinx D Wednesday หายไปนานเลยนะครับ จากคุณ : น้องน้ำหวานใจร้าย - [ 3 มิ.ย. 52 21:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลงชื่อเลย จากคุณ : รุกฆาต - [ 3 มิ.ย. 52 21:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลิตเติลตันเล่าต่อไปว่า เขาไม่แน่ใจว่าจะบอกลักษณะยานได้ถูกต้องนัก ยานที่เห็นมีขนาดเล็ก เรืองแสง รูปทรงของยานคล้ายกับขนมเปียกปูน มีแสงไฟดวงหนึ่ง และมีเพียงลำเดียว ไม่เหมือนกับรายงานของคนอื่นที่บอกว่ามีหลายลำ ที่สำคัญเขามั่นใจว่ามันคือยูเอฟโอ นอกจากพยานบุคลแล้ว ได้มีการค้นพบเอกสารสำคัญสองฉบับซึ่งทำให้เหตุการณ์การรบทางอากาศเหนือลอสแองเจลิสน่าสนใจขึ้นมาไม่แพ้เหตุการณ์ เคเนธ อาร์โนล เห็นวัตถุบินลึกลับที่เขาเรียกว่า "จานบิน" และเหตุการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์อันโด่งดังซึ่งเกิดขึ้น ในปี 1947 เอกสารฉบับแรกเป็นของประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี รูสเวลต์ ประธานาธิบดี รูสเวลต์ได้มีหนังสือลับสุดยอดถึงประธานเสนาธิการทหาร นายพล จอร์จ ซี มาร์แชล หลังจากเหตุการณ์การรบทางอากาศที่ลอสแองเจลลิสเพียงสองวัน คือในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1942 มีใจความว่า เขาได้พิจารณากำหนดให้กองทัพได้ครอบครองวัตถุที่มีความสำคัญมากต่อการพัฒนา อาวุธพิเศษและตกลงใจที่จะไม่แบ่งปันข้อมูลให้กับพันธมิตรคือสหภาพโซเวียต หลังจากได้ปรึกษากับ ดร.บุช และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เรื่องการหาหนทางใช้ "ความลับอะตอมมิค" ในทางปฎิบัติ โดยศึกษาจาก "เครื่องประดิษฐ์จากท้องฟ้า" แล้วเขาได้สั่งให้ ดร.บุช ดำเนินโครงการโดยเร็ว รูสเวลต์ย้ำว่าข้อมูลนี้มีความสำคัญสุดยอดต่อความเหนือกว่าของชาติและต้อง เป็นความลับของชาติด้วย เอกสารฉบับที่สอง เป็นของนายพล จอร์จ ซี มาร์แชล นายพลมาร์แชลได้มีหนังสือลับสุดยอดถึงประธานาธิบดีรูสเวลต์ในวันที่ 5 มีนาคม 1942 โดยหัวหนังสือมีข้อความว่า "หน่วยปรากฏการณ์ระหว่างดวงดาว" ใจความของหนังสือฉบับนี้ระบุว่า กองทัพอากาศได้พบวัตถุบินที่คล้ายกันที่ ภูเขาซาน เบอร์นาร์ดิโน ทางตะวันออกของลอสแองเจลิสด้วย และอากาศยานลึกลับนี้ไม่ใช่เป็นของโลกเรา เป็นไปได้ว่ามันมาจากระหว่างดวงดาว ภาพขยายให้เห็นขนาดของวัตถุบินลึกลับ จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จานบิน UFO และจรวด วี1-2 อาวุธลับของจอมเผด็จการฮิตเลอร์ โดย Uncle Pat พิพัฒน์ วงสากล ไรช์ หมายถึงดินแดนแคว้นเยอรมันที่มีความเป็นปึกแผ่นของอาณาจักรยุโรปในสมัยก่อน ไม่ใช่ประเทศเยอรมัน จอมเผด็จการฮิตเลอร์บอกว่า เขาจะสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 หมายถึงการรวมประเทศในยุโรปเข้าด้วยกันโดยมีฮิตเลอร์เป็นผู้นำ เขาได้ส่งทหารเข้าไปบุกยึดประเทศต่าง ๆ เอามาครอบครองจนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าอาณาจักรไรช์ที่ 3 ได้จบลงในระยะเวลาอันสั้น ก่อนที่เขาจะรวบรวมประเทศต่าง ๆ ในยุโรปเข้าเป็นปึกแผ่นเดียวกันตามความฝันได้สำเร็จ เนื่องจากเขาพ่ายแพ้สงครามและยิงตัวตายในปี ค.ศ. 1945 หลังสงครามยุติลงยุโรปอยู่ในสภาพที่บอบช้ำเสียหายอย่างหนักในทุกด้าน ได้มีชาวฝรั่งเศสชื่อ Jean Monnet มีแนวความคิดที่จะสร้างสันติภาพในยุโรปอย่างถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรองดองระหว่างเยอรมันกับฝรั่งเศสคู่รักคู่แค้นให้มี การรวมตัวกันทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อหยุดยั้งมิให้ทำสงครามระหว่างกันอีก และในขณะเดียวกันก็มีเป้าหมายระยะยาวที่จะสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง ประชาชนชาวยุโรปไม่ให้เกิดการแตกแยกที่จะนำไปสู่การทำสงครามระหว่างกันใน อนาคตด้วย ในปี ค.ศ.1951 รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสชื่อ Robert Schuman ได้นำความคิดดังกล่าวมาขยายผลโดยการจัดตั้ง ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป เรียกว่าสนธิสัญญากรุงปารีส ซึ่งมีประเทศสมาชิกผู้เริ่มก่อตั้ง 6 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบอร์ก และอิตาลี ปัจจุบันมีประเทศต่าง ๆ ในยุโรปจำนวน 27 ประเทศได้รวมตัวกันเป็นปึกแผ่นอันเดียวกันคล้ายกับอาณาจักรไรช์ที่ 1 มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 4,324,782 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 486,642,258 คน เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า European Union ชื่อย่อว่า EU ภาษาไทยเรียกว่า สหภาพยุโรป มีคำนิยามว่า "สหภาพยุโรป เป็นการรวมกลุ่มของประเทศประชาธิปไตยในยุโรป เพื่อร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพ" สหภาพยุโรปใช้เงินสกุลยูโร ปัจจุบันมีประเทศที่ใช้เงินยูโร 13 ประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร ประมาณ 50 บาท อาณาจักรไรช์ที่ 1 เริ่มตั้งแต่การปกครองของพระเจ้าชาร์ลมหาราช ประมาณ ค.ศ. 770 เรียกว่าโรมันเอ็มไพร์ หมายถึงอาณาจักรอันยิ่งใหญ่แห่งโรมัน พระองค์ทรงเป็นทั้งนักรบที่กล้าหาญและเป็นคริสตชนที่เคร่งครัดในศาสนา พระองค์ร่วมกับพระอนุชา พระเจ้าคาร์โลมัน ได้ขยายแสนยานุภาพเข้าไปจัดระบบการปกครองให้กับฝรั่งเศสและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 11 ประเทศ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเมืองป่าแดนเถื่อน ผู้คนไม่มีศาสนา ไม่รู้หนังสือ พระองค์ได้ใช้เวลานานถึง 30 ปีในการรวมยุโรปให้มีความเจริญก้าวหน้าทั้งในด้านการศึกษา, ศาสนา, วัฒนธรรม และการดำรงชีพของประชาชนอย่างมีคุณภาพ พระองค์เป็นผู้เริ่มต้นให้กองทุนอุดหนุนช่วยชาวไร่ชาวนาที่ยากจน อาณาจักรไรช์ที่ 1 เจริญรุ่งเรืองและยืนยาวสืบต่อเนื่องกันมาจนถึงศตวรรษที่ 19 ภาพจาก www.netowne.com แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 21:20:45 จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อาณาจักรไรช์ที่ 2 เริ่มต้นที่พระเจ้าไกเชอร์แห่งราชวงศ์ Hohenzollern ของเยอรมัน เรียกว่า เยอรมันเอ็มไพร์ หมายถึงอาณาจักรอันยิ่งใหญ่แห่งเยอรมัน ประเทศต่าง ๆ ต้องการแยกตัวออกมาเป็นอิสระ จึงมีการรบพุ่งกันทั่วยุโรป ฝรั่งรบไม่เหมือนไทยรบกับพม่าที่ต่างฝ่ายต่างถือดาบฟันกันโดยปราศจากเครื่อง ป้องกันตัวนอกจากผ้ายันต์ นักรบของฝรั่งนั้นต่างฝ่ายต่างสวมเกราะเหล็กทั้งตัว มือซ้ายถือโล่สำหรับใช้รับคมดาบคมหอก มือขวาถือดาบสำหรับฟันคู่ต่อสู้ ส่วนบรรดานายทัพนายกองต่างถือหอกนั่งแทงกันอยู่บนหลังม้า เมื่อพลัดตกจากหลังม้าก็ชักดาบมาฟันกันต่อ รบกันจนกว่าจะเหนื่อยตายไปข้างหนึ่ง หรือต่างฝ่ายต่างโบกมือบ้าย-บาย พบกันใหม่วันหน้า เพราะแทงหรือฟันกันทั้งวันก็ไม่ระคายเคืองผิวหนัง คุณสามารถไปดูอาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านี้ได้ตามพระราช วังและป้อมปราการต่าง ๆ ในประเทศเยอรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝั่งแม่น้ำไรน์ทางตอนใต้ของเยอรมัน ผมแนะนำให้ไปเที่ยวช่วงหน้าร้อนครับ เพราะได้กำไรกับเวลาที่บวกเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมง ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นในเวลาประมาณ 4 นาฬิกา และดวงอาทิตย์ตกเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เที่ยวกันอย่างสนุกสนานและยาวนานโดยไม่เบื่อ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สวยงามน่าชมและสะอาด สาวฝรั่งนุ่งน้อยห่มน้อยเพื่อให้ร่างกายรับแสงอาทิตย์ได้มากที่สุดหลังจาก สวมเสื้อผ้าหุ้มห่อร่างกายอย่างแน่นหนาเหลือไว้ให้เห็นเฉพาะใบหน้าในช่วงฤดู หนาว คุณสามารถสนุกกับการถ่ายรูปภูมิทัศน์และสถานที่สวยงามน่าสนใจได้เป็นพัน ๆ รูปโดยไม่ต้องเสียดายเงินซื้อฟิล์มเหมือนสมัยก่อน ชิมไส้กรอกเยอรมันที่มีทั้งต้มปิ้งย่าง เยอรมันได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตไส้กรอกนับพันชนิดและอร่อยที่สุดในโลก อาหารเยอรมันล้วนอร่อยปาก หรือถ้าไม่ชอบรสนมเนยก็สั่งขาหมูต้มหรือย่างทั้งขา ซึ่งเป็นอาหารยอดฮิตของคนเยอรมัน อร่อยไม่มีที่ไหนเทียบได้ ในฤดูท่องเที่ยวคนส่วนใหญ่ไม่นิยมนั่งรับประทานในร้านอาหารเพราะคิวยาวมาก เสียเวลารอคอยเป็นชั่วโมง แต่ถ้าไปกับบริษัททัวร์ก็สะดวกดีเพราะมีที่นั่งจัดรอไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ที่ไปเที่ยวกันเองเมื่อเอาอัตราแลกเปลี่ยนเงินยูโรประมาณ 50 บาท คูณเข้ากับราคาอาหารก็ทานไม่ลง คิดถึงบะหมี่มาม่าทันที มีอาหารราคาถูกเป็นไส้กรอกหรือไก่ย่างกับมันฝรั่งทอดตามแผงลอย ซื้อมานั่งรับประทานประหยัดกว่ากันมาก สำหรับคนที่ชอบไวน์และเบียร์ถ้าไม่อยากเสียเงินซื้อก็มีให้ชิมฟรีที่โรงงาน ผลิตตามรายทางซึ่งเปิดโรงงานให้ชมและชิมฟรีในช่วงหน้าร้อน และถ้าสนใจชมโรงงานอย่างละเอียดทุกซอกมุม สามารถติดต่อบริการนำเที่ยวโรงงานผลิตไวน์และเบียร์ตามแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ในยุคเยอรมันเอ็มไพร์ได้มีนักรบกล้าหาญคนสำคัญชื่อ ออตโต ฟอน บิสมาร์ค เขาบัญชาการรบที่ฝรั่งเศสจนได้รับชัยชนะ และด้วยความสามารถด้านการบริหารของเขาทำให้เยอรมันเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ในยุโรป อุตสาหกรรมของเยอรมันมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัว การคมนาคมมีรถไฟดีที่สุดในโลก สถาบันการศึกษาของเยอรมันได้รับการยกย่องจากนานาชาติ ในสมัยนั้นมีพระราชวงศ์และคนไทยนิยมไปเรียนที่เยอรมันกันมาก อาณาจักรไรช์ที่ 2 จบลงเมื่อเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฮิตเลอร์มุ่งมั่นจะสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้อยู่ได้นานถึง 1,000 ปี เพื่อสนองความใฝ่ฝันที่แสนสวย เขามีโครงการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดพิเศษหลายโครงการ เช่น จานบินขึ้นลงตามแนวดิ่งที่สามารถบินได้เร็วเหนือเสียง, จรวดนำวิถียิงจากระยะไกล, เครื่องบินทิ้งระเบิดสมรรถนะสูง และระเบิดปรมาณู เป็นต้น ฮิตเลอร์สามารถทำโครงการได้สำเร็จเพียงบางโครงการเท่านั้น อาณาจักรไรช์ที่ 3 ของเขาก็ล่มสลายลงภายในระยะเวลาอันสั้นเมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ายึดกรุง เบอร์ลิน ก่อนที่ฮิตเลอร์จะยิงตัวตาย เขามีคำสั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายโครงการที่เขาได้ทำสำเร็จแล้วให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้รัสเซียนำพิมพ์เขียวจากโครงการของเขาไปใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี เมื่อคนของเอสเอสได้นำพิมพ์เขียวและจานบินทั้งหมดเผาทำลายที่กลางลานสนามบิน ปราก-จีเบลล์ ทหารรัสเซียสามารถยึดจานบินเครื่องต้นแบบได้หนึ่งลำ ส่วนโครงการจรวด วี2 และแบบพิมพ์เขียวก็ถูกทหารรัสเซียยึดเอาไปพัฒนาเป็นจรวดสกัด (SCUD) ขีปนาวุธนำวิถีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวจนขนหัวลุก เกิดวิกฤติที่เกือบก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อรัสเซียแอบนำจรวดสกัดไปติดตั้งจ่อจมูกสหรัฐอเมริกาไว้ที่คิวบาในสมัย ประธานาธิบดีเคเนดีซึ่งเป็นคนหนุ่มรูปหล่อและมีอายุน้อยที่สุดในบรรดา ประธานาธิบดีทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา เขาได้ยื่นคำขาดต่อรัสเซียให้ถอนจรวดสกัดออกไปจากคิวบาภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นสหรัฐอเมริกาจะใช้ระเบิดปรมาณูถล่มรัสเซียให้แหลกลาญทันที รัสเซียยอมถอนจรวดสกัดกลับเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบาก็กลายเป็นคู่แค้นของสหรัฐอเมริกาจนมีการทำลายล้างกันหลายครั้ง หลายหน แต่คัสโตรก็รอดตายมาจนถึงวันนี้ และเขาได้ยุติบทบาททางการเมืองโอนอำนาจบริหารให้กับน้องชายหลายปีแล้ว จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จรวดสกัดของรัสเซียเป็นขีปนาวุธระยะไกลของค่าย คอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น เมื่อคอมมิวนิสต์ล่มสลายลงหลายประเทศได้นำจรวดสกัดมาพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ สูงสามารถยิงไปได้ไกลมากขึ้น เช่น เกาหลีเหนือได้พัฒนาจนสามารถยิงจรวดสกัดไปถึงสหรัฐอเมริกา โครงการจานบินเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1941 โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมัน 3 คน คือ Schriever, Habermohl, Miethe และวิศวกรจากอิตาลีอีก 1 คน คือ Bellonzo เมื่อสงครามยุติลง กองทัพสหรัฐอเมริกาได้นำตัว Schriever และ Miethe ไปเป็นนักโทษในค่ายกักกันที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานเกี่ยวกับจานบินภายใต้ ชื่อว่า Operation Paperclip ส่วน Habermohl หน่วยข่าวกรองทางทหารสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าถูกรัสเซียจับตัวไป ผู้ ควบคุมการสร้างอาวุธลับโครงการจานบินและจรวด วี1 - วี2 เป็นนายพลของหน่วยเอสเอสที่ขึ้นโดยตรงกับฮิมม์เลอร์ ชื่อ ฮานส์ คามม์เลอร์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1901 ส่วนวันตายนั้นไม่มีใครรู้ เพราะตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 1945 เขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับ มีรายงานต่าง ๆ นานาจากหลายแหล่งข่าวว่า เขาถูกคนของเอสเอสลอบสังหารเพื่อไม่ให้โครงการอาวุธลับทั้งสองรั่วไหลไปสู่ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย หรือว่าเขาถูกกองทัพสหรัฐอเมริกาจับตัวไปพร้อมกับนักวิทยาศาสตร์เยอรมันคน อื่น ๆ มีบางกระแสข่าวบอกว่าเขาฆ่าตัวตายในป่า และ ฯลฯ คามม์เลอร์ เกิดที่สเตตติน ประเทศเยอรมัน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจอาสาเป็นทหารช่วยชาติ ในปี ค.ศ. 1919 เขาเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมิวนิคและดานซิกในสาขาวิศวกรรม จนได้รับปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรม มีคำนำหน้าชื่อเป็นภาษาเยอรมันว่า Dr. Ing. ในปี ค.ศ. 1932 เขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคนาซี และได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการหลายหน่วยงานสำคัญ เมื่อพรรคนาซีได้เป็นรัฐบาล เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการบิน ในปี ค.ศ. 1940 และในเวลาต่อมาเขาได้รับมอบหมายเป็นผู้ควบคุมงานสำคัญ ๆ ให้กับหน่วยเอสเอส นี่คือรูปเขาในบัตรประจำตัวของหน่วยเอสเอส จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในปี ค.ศ. 1942 คามม์เลอร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ออกแบบค่ายกักกันยิวทั้งที่เอาชวิตซ์ และค่ายอื่น ๆ ในวอซอร์ รวมทั้งห้องรมแก๊สที่สามารถสังหารยิวได้วันละ 10,000 - 60,000 คน และเตาเผาศพยิวที่ไร้วิญญาณจากห้องรมแก๊ส เนื่องจากคามม์เลอร์เป็นนายทหารอาวุโสและรับผิดชอบงานลับที่ขึ้นตรงกับฮิตเลอร์และ ฮิมม์เลอร์ ชื่อเสียงของเขาจึงไม่ค่อยปรากฏให้เป็นที่รู้จักของนักประวัติศาสตร์มากนัก งานสำคัญ ๆ ของคามม์เลอร์ได้แก่ การออกแบบและก่อสร้างโรงงานใต้ดินที่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศ สำหรับผลิตเครื่องบิน จรวด และเครื่องยนต์เจ็ต, เขาเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างห้องทดลองจรวดใต้ดินแห่งแรกของโลก, การออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ของเอสเอส และงานสำคัญของอาณาจักรไรช์ที่ 3 รวมทั้งการก่อสร้างถนนเพื่อให้กองทัพเยอรมันบุกตะลุยเข้าไปในรัสเซีย, ควบคุมการสร้างและค้นคว้าจรวด วี2 และขีปนาวุธข้ามทวีป เอ9/10, ควบคุมการยิงจรวด วี1 และ วี2 ติดลูกระเบิดไปยังเป้าหมายที่ลอนดอน, ควบคุมสั่งการและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาวุธลับทั้งหมดกับทุก หน่วยงานของอาณาจักรไรช์ที่ 3 จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เขียด-ตับ-ปาด อิ อิ มาชมต่อคร้าบ จากคุณ : Kung (KiGoJuNg) - [ 3 มิ.ย. 52 21:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การทดสอบจานบินเครื่องต้นแบบครั้ง แรกเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1943 ตัวจานบินมีความกว้าง 40 ฟุต สร้างด้วยอลูมิเนียม สามารถยกตัวขึ้นจากพื้นสนามบิน 1 เมตร และบินไปได้ไกล 300 เมตร จานบินรุ่นล่าสุดมีความกว้าง 42 เมตร สามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในแนวดิ่ง 12,400 เมตร ภายในเวลา 3 นาที และมีความเร็วทางแนวนอน 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 4,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สายลับสหรัฐอเมริกาเพิ่งเห็นโฉมและได้ถ่ายรูปจานบินของเยอรมันเป็นครั้งแรกที่ปรากเมื่อ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ฮิตเลอร์ได้สั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายพิมพ์เขียวและเครื่องต้นแบบจานบิน โครงการจานบินของเยอรมันก็ยุติลงพร้อมกับฮิตเลอร์ยิงตัวตาย กองทัพสหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้จับเอาตัวนักวิทยาศาสตร์เยอรมันไปพัฒนา โครงการบินและอวกาศของตนเอง สำหรับโครงการสร้างขีปนาวุธนั้น คามม์เลอร์ได้ก่อสร้างโรงงานไว้ใต้ดินสามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศ โดยใช้แรงงานทั้งหมดจากค่ายกักกันยิว นี่คืออุโมงค์ทางเข้าไปสู่โรงงานผลิตจรวด วี1 และ วี2 ที่มา www.zamandayolculuk.com www.matichon.com www.ceveni.com www.thaidphoto.com สําหรับท่านที่สนใจสามารถอ่านประวัติของฮิตเลอร์ได้ที่ en.wikipedia.org/wiki/Adolf_Hitler หรือ http://th.wikipedia.org/wiki/อดอล์ฟ_ฮิตเลอร์ ครับ ผมเคยอ่านหนังสือ การต่อสู้ของข้าพเจ้า อยากรู้จังว่าอิสราเอลเขาห้ามพิมพ์ขายในประเทศเขารึเปล่า จากคุณ : Mr.Terran - [ 3 มิ.ย. 52 21:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับ Mr.Terran มาลงชื่อไว้ จากคุณ : แอนิเมจัส - [ 3 มิ.ย. 52 22:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ จิงซ์ หายไปนานมากเลยน่ะครับ จากคุณ : Lord BoBo Of Sarkhanland - [ 3 มิ.ย. 52 22:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ญี่ปุ่นเค้ายืมแผนขงเบ้งมาใช้คับ ตอนที่ไปขโมยลูกธนูจากกองทัพโจโฉ แต่นี่เปลี่ยนจากลูกธนู เป็นกระสุนปืนใหญ่แทน จากคุณ : Kwinz - [ 3 มิ.ย. 52 23:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาลงชื่ออย่างว่อง แต่กำลังยุ่งอยู่ เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน ^ ^ จากคุณ : คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว - [ 3 มิ.ย. 52 23:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สนุกเช่นเคยครับผม ขอบคุณมาก จากคุณ : maxistant - [ 4 มิ.ย. 52 03:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ง่วงหลาย  เข้ามา bookmark กระทู้นี้ก่อนเด๋วกลับมาอ่านอีกรอบ -*- จากคุณ : Kross_ISC - [ 4 มิ.ย. 52 07:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แจกกิฟท์ โหวต ลงชื่อ อ่าน!!! จากคุณ : knine2five - [ 4 มิ.ย. 52 09:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ต้องดู x file จากคุณ : ลงเอย - [ 4 มิ.ย. 52 10:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านไปอ่านมา รู้ตัวอีกทีเป็นแฟนคลับไปซะแล้ว ขอบคุณสำหรับสาระสนุกๆครับ จากคุณ : Yippie - [ 4 มิ.ย. 52 10:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ Mr.Terran เป็นมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่าคะ ^ ^a จากคุณ : Cha_cha_koi - [ 4 มิ.ย. 52 11:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาตามอ่านครับ จากคุณ : น้องชายคนเล็ก - [ 4 มิ.ย. 52 12:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จานบิน ของ Jinx รึเปล่าครับ จากคุณ : vn, man - [ 4 มิ.ย. 52 13:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณครับ อ่านแล้วหนุกดีงะ จากคุณ : kengvespa - [ 4 มิ.ย. 52 14:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 . จากคุณ : sem-pe (sem-pe) - [ 4 มิ.ย. 52 17:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 รอชมตอนหน้าครับ จากคุณ : nine_ichatta - [ 4 มิ.ย. 52 17:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Jinx D Wednesday บรืนๆมาและ จากคุณ : Antornz - [ 4 มิ.ย. 52 22:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จริงหรอคับเนี่ย เรื่องจานบินนาซีเนี่ย จากคุณ : tunnie555 - [ 4 มิ.ย. 52 22:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อิอิ จากคุณ : -APEM - [ 5 มิ.ย. 52 09:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่น่าเชื่อเนอะ จากคุณ : คนข้างหนุน - [ 5 มิ.ย. 52 13:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามมาเก็บความรู้เจ้าค่ะ  อิอิ จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 5 มิ.ย. 52 14:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพในความเห็นที่สาม ผมมีความเห็นว่าถูกทำขึ้น เหตุผลเพราะ แสงไฟฉายจับเครื่องบินขนาด แปดร้อยล้านแรงเทียนนั้น สามารถส่งแสงให้มองเห็นทาบท้องฟ้าได้สูงสี่-ห้าสิบกิโลเมตร ไฉนเลย ไปหยุดอยู่แค่นั้นล่ะครับ จากคุณ : บาเยงนอง - [ 5 มิ.ย. 52 17:22:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แวะมาโหวตครับ จากคุณ : anurak_jun - [ 5 มิ.ย. 52 21:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อันนี้บัตรว่างครับ เติมชื่อกันเอง จากคุณ : anurak_jun - [ 5 มิ.ย. 52 22:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แหะๆ ทำไม่เก่งครับ จากคุณ : utd - [ 5 มิ.ย. 52 22:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รูปหาย จากคุณ : utd - [ 5 มิ.ย. 52 22:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มาติดตามอ่านครับ  ตื่นเต้นน่าติดตามเช่นเคยนะครับนะ.. จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง - [ 6 มิ.ย. 52 07:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ลงชื่อด้วยคน จากคุณ : พจน (demonicus) - [ 6 มิ.ย. 52 12:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กระทู้นี้อ่านสนุกจัง  อ่านเพลินไม่เบื่อเลย จากคุณ : CrispyShrimpTempura - [ 6 มิ.ย. 52 23:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ต่อแถวรออ่านครับ จากคุณ : moo_tum - [ 7 มิ.ย. 52 00:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คริ ๆๆๆมาทันไหมหว่า จากคุณ : Never Walk Alone By Saebsan - [ 7 มิ.ย. 52 10:10:31 ]