ช่วงนี้กระทู้รับน้องกำลังมาแรง ดังนั้นผมขอเสนอ Conspiracy Theory(ทฤษฎีสมคบคิด) ที่อยู่เบื้องหลังการรับน้องและประชุมเชียร์
การรับน้องและประชุมเชียร์ มีความเป็นไปได้ว่า เป็นกิจกรรมที่คิดค้นขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่มิได้มีความสามารถทางการศึกษาสูงเท่าไรนัก เพื่อให้มีงานทำหลังจบการศึกษา
อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ทำลายนักศึกษาที่มีความสามารถในการศึกษาสูง แต่ยังไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของตนเอง
เหตุผลสนับสนุน
1. การว้าก ที่มักใช้ข้ออ้างว่า เวลาทำงานจริง เสียงใน Site ก่อสร้าง หรือโรงงาน จะกลบเสียงพูดหมด เวลาสั่งงานจึงต้องตะโกนเสียงดัง ให้คนงานได้ยิน จึงให้ได้ยินเสียงดังๆให้เคยชิน และต้องตอบด้วยการตะโกนเสียงดัง
แต่ประโยชน์ในข้อนี้ ไม่ให้ประโยชน์ใดๆกับผู้ที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก เพื่อไปเป็นนักวิชาการ
2. การดื่มสุรา ที่มักใช้ข้ออ้างว่า เวลาทำงานจริง ต้องพบเจอคนทุกระดับ ต้องเข้ากันได้กับทั้ง กรรมกร คนงาน เจ้าของโครงการ/โรงงาน จึงต้องดื่มให้เป็น
แต่ประโยชน์ในข้อนี้ ไม่ให้ประโยชน์ใดๆกับผู้ที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก เพื่อไปเป็นนักวิชาการ ซ้ำยังทำลายสมองของนักศึกษาผู้มีความสามารถด้วย เพื่อมิให้ดึงเกรดขึ้นสูง จนคนอื่นติด F กันหมด
3. เวลาในการรับน้องและประชุมเชียร์ มักอยู่ในช่วงปี1 เพื่อที่จะลดความสามารถในการแข่งขันของนักศึกษาที่มีความสามารถลงตั้งแต่เข้าศึกษา ด้วยการให้ทำกิจกรรมต่างๆนาๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียน เป็นการสร้างภาพลวงตา(Illusion) ของชีวิตมหาวิทยาลัย ว่าต้องมีสังคม ต้องมีเพื่อน
จนกลายเป็นความคิดฝังหัว
4. ช่วงเวลาในการรับน้องและประชุมเชียร์ มักอยู่ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนจนถึงกลางดึก เพื่อมิให้มีเวลาในการทบทวนบทเรียนในแต่ละวัน ซ้ำยังอัดเนื้อร้องและทำนองของเพลงเชียร์ และเพลงประจำมหาวิทยาลัยเข้าสมอง ทำให้ผลการเรียนออกมาไม่ดี
เมื่อผลการเรียนออกมาไม่ดี ไม่สามารถเลือกสาขาที่ต้องการได้ หรือไม่ผ่านวิชาสำคัญต่างๆ ก็จะมีรุ่นพี่มาคอยแนะนำช่วยเหลือ วิธีลงวิชาง่ายๆ วิธีเข้าหาอาจารย์เพื่อขอเกรด
ทำให้เป็นแผนอันสมบูรณ์แบบในการซื้อใจรุ่นน้อง และหลงผิดถึงความชอบธรรมของระบบนี้ ว่าเข้าเชียร์ เข้าไปโดนว้ากแล้ว จะมีรุ่นพี่มาช่วยเหลือ ทั้งที่จริง ตนเองไม่สามารถทำผลการเรียนให้เต็มศักยภาพของตนเองได้ เพราะการเข้าระบบนั่นเอง
5. ผลดีของการเข้ารับน้อง เข้าประชุมเชียร์ที่อ้างกันมาก คือการสร้างเส้นสายของรุ่น ปลูกฝังการช่วยเหลือกันในสถาบัน
หากผู้จบการศึกษานั้นมีความสามารถจริง ผลการเรียนดี ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยระบบอุปถัมภ์แต่อย่างใด การเข้ารับน้องจึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ไม่มีความสามารถในการศึกษาอย่างเห็นได้ชัด เพื่อให้มีงานทำหลังเรียนจบ ผ่านการฝากต่างๆนาๆ และยังทำลายโอกาสของผู้ที่มีความสามารถสูง เนื่องจากผู้รับสมัคร เห็น"รุ่น" สำคัญกว่า"ความสามารถ"
6. มีการปลูกฝังค่านิยมว่า ต้องรักสถาบัน และทำเพื่อสถาบัน/คณะ สร้างให้หัวหน้าประชุมเชียร์ หรือ Headว้าก มีคุณค่าน่าบูชา จนลืมไปว่า การทำประโยชน์ให้สถาบันที่แท้จริงคือการศึกษา และการเป็นศิษย์เก่าที่มีคุณภาพ
และทั้งหมดนี้ก็คือ Conspiracy Theory(ทฤษฎีสมคบคิด) ที่อยู่เบื้องหลังการรับน้องและประชุมเชียร์
อย่าแปลกใจที่อ่านแล้วจะคล้อยตาม เพราะเหตุผลที่ผมใช้ ก็พอๆกันกับเหตุผลที่เขาหลอกให้พวกคุณทำตามนั่นแล
บทความนี้เขียนเพื่อความบันเทิงในห้องหว้ากอ แต่ความจริง...ก็ยังไม่มีใครรู้ มิใช่หรือ?
จากคุณ :
powerconduit
- [
11 มิ.ย. 52 09:11:41
]