ความคิดเห็นที่ 1 สัตว์เลือดเย็นคือ สามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายได้ สัตว์เลือดอุ่นคือ ไม่สามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายได้ ไม่ได้หมายความว่า เลือด เย็นหรืออุ่น หาอ่านได้จาก google http://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-8052.html แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 52 22:53:41 จากคุณ : Phantom thief - [ 15 มิ.ย. 52 22:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ถามหมายถึงอะไรทำให้ปรับได้ อะไรทำให้ปรับไม่ได้อะ ตามลิงบอกแต่กลไก กลไกไรอะ จากคุณ : Darigaaz - [ 15 มิ.ย. 52 22:57:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นสิ สงสัยเหมือนกัน มาลงชื่อไว้ก่อน จากคุณ : ERWA - [ 15 มิ.ย. 52 23:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สัตว์เลือดอุ่น หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มีอุณหภูมิร่างกายคงที่ สัตว์เลือดเย็น หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเลือดอุ่นหรือเย็น จะต้องมีอุณหภูมิร่างกายอยู่ในระดับหนึ่ง หากอุณหภูมิร่างกายมันเย็นเกินไป กระบวนการต่างๆจะไม่ทำงาน หรืออาจหยุดและตายในที่สุด และหากอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ร่างกายก็จะเกิดอาการโอเวอร์ฮีท เป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตเช่นกัน กรณีของสัตว์เลือดอุ่น จะสร้างความร้อนให้แก่ร่างกายโดยการเผ่าผลาญพลังงานจากอาหารในตัว สัตว์เลือดอุ่นที่ตัวเล็กมาก จะอาศัยการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยรักษาระดับความร้อนอีกด้วย ที่เราเห็นหนูวิ่งไปมาและกินอาหารตลอดทั้งวัน ก็เพราะทำให้ร่างกายมันร้อน พวกนี้จะมีการเผาผลาญพลังงานเร็วมาก แต่ถ้าร่างกายมีความร้อนสูงเกินไป ก็จะระบายความร้อนด้วยวิธีต่างๆ เช่นหอบหายใจ แต่ที่มีประสิทธิภาพมากสุดก็คือเหงื่อออก ส่วนสัตว์เลือดเย็น จะมีการเผาผลาญพลังงานที่ต่ำมาก ไม่สามารถใช้การเผาผลาญนี้สร้างความร้อนให้แก่ร่างกายได้ พวกมันจำเป็นต้องได้รับความร้อนจาก แสงอาทิตย์อยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นมันจะเคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะร่างกายเย็นเกินไป สัตว์เลือดเย็น จะเคลื่อนที่นานๆไม่ค่อยได้ มันจะวิ่งได้แค่ไม่ไกล แล้วต้องพักระบายความร้อนเป็นระยะ ข้อได้เปรียบของสัตว์เลือดอุ่น (ที่นึกได้) 1 มีอุณหภูมิร่างกายคงที่ ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ทุกสภาพดินฟ้าอากาศ (โดยเฉพาะอากาศหนาว) 2 ระบายความร้อนได้ดี ทำให้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นเวลานานๆ (วิ่งทางไกล) 3 มีประสาทสัมผัสที่เร็วกว่าสัตว์เลื่อดเย็น มีความว่องไว 4 โดยรวมฉลาดกว่าสัตว์เลือดเย็นหลายขุม ข้อได้เปรียบของสัตว์เลือดเย็น (ที่นึกได้) 1 อัตตราการเผาผลาญพลังงานต่ำ เลยประหยัดพลังงานสุดๆ บางชนิดอยู่ได้ 2 ปีโดยไม่ต้องกินอะไรเลย (สัตว์เลือดอุ่นตัวเล็กๆและนกเปลืองพลังงานสุดๆ) 2 ร่างกายสูญเสียน้ำน้อยมาก ทำให้ต้องการน้ำน้อยไปด้วย สามารถอยู่ในทะเลทรายได้สบาย 3 มักไม่ค่อยมีปัญหาในอากาศร้อน ในทะเลทรายจะเจอสัตว์เลือดเย็นหลายชนิดกว่าสัตว์เลือดอุ่น 4 ไข่ฟักเป็นตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องกก (นกเป็นสัตว์เลือดอุ่นจำเป็นต้องกกไข่ไม่เช่นนั้นตัวอ่อนจะตายเพราะความร้อนไม่พอ) ข้อสรุป 1 สัตว์เลือดอุ่น เป็นวิวัฒนาการขั้นสูงกว่า สัตว์เลือดเย็น ครับ 2 สัตว์เลือดอุ่น จะมีขนาดเล็กได้ระดับหนึ่ง เพราะถ้าตัวเล็กมากเกินไปจะไม่สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ 3 สัตว์มีกระดูกสันหลังที่เล็กที่สุด คือสัตว์เลือดเย็น 4 แทบไม่มีสัตว์เลือดเย็นที่อยู่ในสภาพอากาศหนาวจัด (นอกจากปลาและกบบางชนิด) 5 การจำศีลของสัตว์เลือดอุ่น เป็นเพราะอาหารขาดแคลน ไม่ใช่เพราะความหนาวเป็นหลัก 6 การจำศีลของสัตว์เลือดเย็น ไม่ใช่เพราะอาหารขาดแคลน แต่เพราะต้องการหนีความหนาว 7 ในสภาพอากาศหนาวจัดเช่นทะเลขั้วโลก แมวน้ำจะรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ด้วยไขมันหนาๆและอาหารที่กิน (เปลืองพลังงาน) 8 ในสภาพอากาศหนาวจัดเช่นทะเลขั้วโลก ปลาจะปล่อยให้อุณหภูมิร่างกายไกลเคียงกับน้ำทะเล (ประหยัดพลังงาน) 9 สัตว์เลือดอุ่นแม้จะรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ดี แต่กลับตายง่ายมากถ้าไม่สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ (+-แค่ไม่กี่องศาก็เดส) 10 สัตว์เลือดเย็นแม้จะรักษาอุณหภูมิร่างกายไม่ได้ แต่กลับทนทายาดต่อการขึ้นๆลงๆของอุณหภูมิร่างกายได้มาก (+-ได้เป็นสิบๆๆก็ยังไม่ตายง่ายๆ) นึกออกเท่านี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 52 23:35:45 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 52 23:32:56 จากคุณ : (-_-") - [ 15 มิ.ย. 52 23:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 *4 ขอบคุณครับ สรุปคือ สัตว์เลือดอุ่นเผาเปลือง เลือดเย็นประหยัดน้ำมัน จากคุณ : Darigaaz - [ 15 มิ.ย. 52 23:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีคนตอบไปแล้ว งั้นขอเพิ่มเติมนะครับ ประวัติของคำว่า สัตว์เลือดอุ่น-เย็น สมัยก่อนได้นิยมนำไปใช้แยกสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง หรือไม่มีกระดูกสันหลัง ถ้าเอามือสัมผัสแล้วเย็นเค้าก็จะเรียกว่า สัตว์เลือดเย็น (cold-blooded) ถ้าเอามือไปสัมผัสแล้วอุ่นเค้าก็จะเรียกว่า สัตว์เลือดอุ่น (warm-blooded) โดยปัจจุบันก็ยังใช้กันอยู่แต่เปลี่ยนความหมายไปคือ สัตว์เลือดเย็น (cold-blooded)หรือ poikilothermic คือ สัตว์ที่อุณหภูมิร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ (ไม่คงที่) สัตว์เลือดอุ่น (warm-blooded)หรือ homeothermic คือ สัตว์ที่อุณหภูมิร่างกายคงที่ จากคุณ : gor_kub - [ 15 มิ.ย. 52 23:49:43 A:130.238.80.55 X: TicketID:218703 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กลไกการอยู่รอดของสัตว์เลือดเย็น 1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (behavioral adjustment) สัตว์เลือดเย็นจะพยายามหาสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมกันตัวมัน เช่น กิ้งก่าจะเมื่อยามเช้าที่แดดแรงกิ้งก่าจะออกมาจากทรายเพื่อรับความร้อนจากแสงแดด ยามกลางวันที่แดดร้อนจัดกิ้งก่าจะหาที่ร่มกำบังจากแดด และยามเย็นที่ไม่สามารถหลบเข้าที่ร่มได้(เพราะแดดส่องเฉียงๆ) กิ้งก่าก็จะหันหน้าเข้าหาแดดเพื่อลดพื้นที่ผิวที่จะเผชิญกับแสงแดด 2. การปรับเปลี่ยนเมตาลอลิซึม (Metabolic adjustment) กระบวนการเมตาบอลิซึมของสัตว์เลือดเย็นไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแม้อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งความสามารถนี้ไม่พบในสัตว์เลือดอุ่น คือ เมื่ออุณหภูมิของสัตว์เลือดอุ่นเปลี่ยนแปลงกระบวนการเมตาบอลิซึมจะเปลี่ยนไป ยกตัวอย่างสัตว์เลือดอุ่น เช่น คนเมื่อเป็นไข้ (อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง)กระบวนการเมตาบอลิซึมจะหยุดชะงัก จึงเกิดอาการป่วย ส่วนสัตว์เลือดอุ่นแม้ว่าอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่เมตาบอลิซึมยังคงทำงานตามปกติ (สัตว์เลือดเย็นจึงไม่เป็นไข้ ฮา...) จากคุณ : gor_kub - [ 16 มิ.ย. 52 00:08:27 A:130.238.80.55 X: TicketID:218703 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กลไกการอยู่รอดของสัตว์เลือดอุ่น สัตว์เลือดอุ่นจะควบคุมอุณหภูมิร่ายการด้วยอัตราการเผาผลาญพลังงาน 1. เมื่ออุณหภูมิร่างกายต่ำเกินไปก็จะเพิ่มความร้อนโดยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและลดการสูญเสียความร้อน 2. เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปก็จะทำตรงกันข้ามกับข้อ 1. การปรับตัวของสัตว์เลือดอุ่นในสภาวะแวดล้อมอุณหภูมิสูงทำได้โดย 1. ขนสั้น 2. ออกหากินตอนกลางคืน 3. ผลิตน้ำจากอาหารเพื่อนำไปลดความร้อนด้วยการระเหย ซึ่งสิ่งปฏิกูลที่ได้ออกมาจะเป็นยูรีนเข้มข้น 4. มีไขมันสะสมที่หลังบริเวณไหล่เพื่อเพิ่มการระบายความร้อนออกจากร่างกาย 5. จะใช้การระเหยเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเท่านั้น เพื่อประหยัดน้ำ 6. มีสีผิวอ่อนเพื่อสะท้อนแสง การปรับตัวของสัตว์เลือดอุ่นในสภาวะแวดล้อมอุณหภูมิต่ำทำได้โดย มีสองข้อหลักๆคือ 1. ลดการสูญเสียความร้อนซึ่งมีวิธีตรงข้ามกับ "การปรับตัวของสัตว์เลือดอุ่นในสภาวะแวดล้อมอุณหภูมิสูง" 2. การเพิ่มการผลิตความร้อนจากการเผาผลาญ จากคุณ : gor_kub - [ 16 มิ.ย. 52 00:31:35 A:130.238.80.55 X: TicketID:218703 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลืมเอกสารอ้างอิง Integrated Principles of Zoology 11th Edition, Hickman et.al.,2001 page 676-680 จากคุณ : gor_kub - [ 16 มิ.ย. 52 00:34:46 A:130.238.80.55 X: TicketID:218703 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นสัตว์ที่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้โดยไม่รู้สึกอะไร จากคุณ : น้องเจสซี่ - [ 16 มิ.ย. 52 01:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกข้อมูลมากค่า (แม้จะอ่านแล้วงงๆบ้างเพราะโง่วิทย์) จากคุณ : เจ้าหญิงจากความมืด - [ 16 มิ.ย. 52 01:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ่อ ข้อมูลผิดพลาดพอสมควร คห. 1 สลับกันอยู่นะครับ คห. 4 ผมว่าไม่ค่อยตรงประเด็น 2 ระบายความร้อนได้ดี ทำให้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นเวลานานๆ (วิ่งทางไกล) สัตว์ที่ว่ามีโครงสร้างร่างกายที่เหมาะสม ไม่เกี่ยวกับระบบรักษาอุณหภูมิ สัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการวิ่งทางไกลเนื่องจากโครงสร้างขาคู่หน้าไม่เอื้อ พวกนี้จะหยุดหายใจขณะวิ่ง ทำให้วิ่งได้ไม่นาน 3 มีประสาทสัมผัสที่เร็วกว่าสัตว์เลื่อดเย็น มีความว่องไว อันนี้ไม่มีข้อสรุป ในบางสภาวะสัตว์เลื้อยคลานหรือปลาจะมีประสาทไวมาก 4 โดยรวมฉลาดกว่าสัตว์เลือดเย็นหลายขุม ไม่เกี่ยวกับระบบรักษาอุณหภูมิ และไม่ใช่ในทุกกรณี 2 ร่างกายสูญเสียน้ำน้อยมาก ทำให้ต้องการน้ำน้อยไปด้วย สามารถอยู่ในทะเลทรายได้สบาย เป็นกลไกควบคุมการเสียน้ำ นกก็เสียน้ำน้อย เนื่องจากระบบขับถ่าย และนกไม่มีเหงื่อ 4 ไข่ฟักเป็นตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องกก (นกเป็นสัตว์เลือดอุ่นจำเป็นต้องกกไข่ไม่เช่นนั้นตัวอ่อนจะตายเพราะความร้อนไม่พอ) สัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่ใช้สิ่งแวดล้อมสร้างอุณภูมิในการฟักไข่ อุณหภูมิยังเป็นตัวกำหนดเพศในสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด 4 แทบไม่มีสัตว์เลือดเย็นที่อยู่ในสภาพอากาศหนาวจัด (นอกจากปลาและกบบางชนิด) ให้นับชนิดกันมีสัตว์เลือดเย็นมากกว่า กุญแจหลักของการรักษาอุณหภูมิคือ Hypothalamus จากคุณ : ชาลีฟ - [ 16 มิ.ย. 52 03:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแย้ง คห 4 ข้อ1 ครับ วิวัฒนาการไม่มีขั้นสูงกว่า มีแต่แตกต่าง หลากหลาย เหมาะสมกับแต่ละสิ่งแวดล้อม ไม่มีทิศทาง ไม่มีจุดหมาย ในแง่วิวัฒนาการ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่ได้สูงกว่าสัตว์เลื้อยคลาน คนไม่สูงกว่าลิง จากคุณ : it's not urgent - [ 16 มิ.ย. 52 03:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็น 6-8 ถ้าอ่านแล้วงงๆ พิมพ์คำถามทิ้งไว้ได้นะครับ บางประโยคเขียนผิดแต่แก้ไม่ได้ครับ แต่โดยเนื้อความแล้วไม่น่ามีที่ผิดครับ จากคุณ : gor_kub - [ 16 มิ.ย. 52 03:50:46 A:130.243.238.249 X: TicketID:218703 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอแย้งอีกหน่อยครับ คห.7 1."การปรับเปลี่ยนเมตาลอลิซึม (Metabolic adjustment) กระบวนการเมตาบอลิซึมของสัตว์เลือดเย็นไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแม้อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งความสามารถนี้ไม่พบในสัตว์เลือดอุ่น คือ เมื่ออุณหภูมิของสัตว์เลือดอุ่นเปลี่ยนแปลงกระบวนการเมตาบอลิซึมจะเปลี่ยนไป" เมตาบอลิซึมเปลี่ยนครับ นั่นเป็นสาเหตุที่สัตว์ที่ไม่สามารถสร้างความร้อนจากภายในต้องพึ่งการปรับพฤติกรรม 2."ยกตัวอย่างสัตว์เลือดอุ่น เช่น คนเมื่อเป็นไข้ (อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง)กระบวนการเมตาบอลิซึมจะหยุดชะงัก จึงเกิดอาการป่วย ส่วนสัตว์เลือดอุ่นแม้ว่าอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่เมตาบอลิซึมยังคงทำงานตามปกติ" ไข้ในกรณีการติดเชื้อเป็น "การปรับตัวของร่างกายเรา" เพื่อสู้กับเชื้อโรค ไข้เป็น "เครื่องมือ" ของสัตว์เลือดอุ่น แล้วการจะมีไข้ได้ เมตาบอลิซึมต้องเพิ่มขึ้น จากคุณ : it's not urgent - [ 16 มิ.ย. 52 05:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Naked mole rat เป็นสัตว์เลือดอุ่นหรือเลือดเย็น จากคุณ : silverspider - [ 16 มิ.ย. 52 08:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Hypothalamus นึกถึงเรื่องเดอะเลียริค ... กินต่อมนี้เพื่อ วิวัฒนาการ จากคุณ : vn, man - [ 16 มิ.ย. 52 09:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น้องผม ถามผมเหมือนกันว่า สัตว์เลือดเย็น กับ สัตว์เลือดอุ่นต่างกันยังไง ผมตอบ สัตว์เลือดเย็น เป็น สัตว์กินเนื้อ เพราะมัน"เลือดเย็น" สัตว์เลือดอุ่น เป็น สัตว์กินพืช จริง ๆ แล้วคำตอบมันเป็นอย่างนี้ นี่เอง คิคิ จากคุณ : นกฮูกผจญภัย - [ 16 มิ.ย. 52 10:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วทำไมฆาตกร ถึงได้ชื่อว่า "ฆ่าอย่างเลือดเย็น" ตีความหมายว่า โหดกว่า "ฆ่าอย่างเลือดอุ่น" ไหม จริงๆแล้ว ทั้งสัตว์เลือดเย็นเลือดอุ่น ถ้าเป็นนักฆ่า หรือนักล่าแล้ว วิธีการฆ่าก็โหดพอๆกัน จากคุณ : *Cookies* - [ 16 มิ.ย. 52 11:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เย็นชา จากคุณ : บร๊ะเจ้า - [ 16 มิ.ย. 52 13:28:45 A:118.172.75.93 X: TicketID:219390 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่เห็นด้วยกับ คห 15 นะครับ อาการมีไข้ไม่ใช่อาการของการปรับตัวครับ แต่เชื้อโรคกลุ่มไวรัสไข้หวัดจะไปโจมตี Hypothalamus ทีให้ set point ของอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น โดยที่เชื้อโรคชนิดอื่นๆส่วนใหญ่ไม่มีอาหารแบบนี้ จากคุณ : ชาลีฟ - [ 17 มิ.ย. 52 12:26:58 ]