ความคิดเห็นที่ 1 ทะเลสาบแห่งนี้มีปรากฏการณ์ประหลาด อย่างที่พวกเราเคยได้ยินว่าเกิดที่บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน เรือเดินทะเล และชีวิตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละแฟ้มที่บันทึกเหตุการณ์ประหลาดถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลแคนาดา ตีตราประทับบนแฟ้มว่า "ไม่ทราบสาเหตุ...ลับเฉพาะ!" ถ้าจะเปรียบเทียบสถิติการเกิดเหตุการณ์ประหลาด ระหว่างทะเลสาบอาถรรพ์กับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าในรอบสามสิบปีที่ผ่านมาแล้ว  หลายท่านได้สรุปว่าบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 เกิดปรากฏการณ์แปลกนี้มากกว่าทั้ง ๆ ที่มีเนื้อที่เล็กกว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าถึง 16 เท่า (สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามีพื้นที่ประมาณ 1.5 ล้านตารางไมล์) ทั้ง ๆ ที่เป็นทะเลสาบภายในที่ถูกปิดล้อมด้วยแผ่นดินเกือบทุกด้าน ภาพทะเลสาบเกรตเลกส์ ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่นํามาจากเวปของ NASA รหัสภาพ TMO2004039 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 17:28:18 จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 17:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปาดได้ไหมครับ   หายไปนานเลยนะครับ ^ ^ จากคุณ : MaoCom - [ 27 มิ.ย. 52 17:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บริเวณที่กล่าวกันว่าเป็นจุดรวมพลังลึกลับ เป็นบริเวณตอนปลายสุดของทะเลสาบออนตาริโอ ทั้งที่เป็นทะเลสาบที่มีขนาดเล็กที่สุด คือมีเนื้อที่ขนาด 7,340 ตารางไมล์ ยาว 193 ไมล์ และบริเวณที่ลึกที่สุดวัดได้ 775 ฟุต แต่แค่ในปี 1883 ปีเดียว ปรากฏว่ามีเรือสี่สิบลำและมนุษย์อีก 672 คนหายไปอย่างลึกลับ จากปากคำของพยานผู้รอดชีวิตจากเรือควินแลนเล่าว่า สัญญาณที่พวกเขาสัมผัสได้ คือกลุ่มหมอกหนาทึบแผ่ปกคลุมอย่างรวดเร็ว ซึ่งเหตุการณ์ประหลาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในน่านน้ำช่วงระหว่างฤดูใบไม้ร่วง และชั่วอึดใจก็มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก เหตุการณ์หมอกประหลาดไม่ได้พบแต่บริเวณเหนือน้ำเท่านั้น เครื่องบินที่บินเหนือน่านฟ้าในบริเวณดังกล่าวก็พบเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน หมอกหนาทึบ เครื่องยนต์ขัดข้อง เข็มทิศเสีย ติดต่อกับภาคพื้นดินไม่ได้ แล้วก็หายไป โดยที่หมอกดังกล่าวนอกจากจะทำปฏิกิริยากับบรรดาเครื่องจักรกลบนเรือและเครื่องบินแล้ว ยังมีผลต่อมนุษย์อีกด้วย เรือ John Roen ที่หายไปในเกรตเลกส์ ปี 1935 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 18:10:37 จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 17:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปาดได้ตามสบายครับ จากโครงการสำรวจร่วมกันระหว่างราชนาวีสหรัฐกับสภาวิจัยแห่งชาติแคนาดา พวกเขาค้นพบบริเวณที่ครอบคลุมด้วยกลุ่มพลังงานมหึมา ลักษณะคล้ายแท่งสี่เหลี่ยมหรือภูเขาขนาดใหญ่ ไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นพลังที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างพลังแรงดึงดูดของโลก พลังแม่เหล็ก และพลังนิวเคลียร์อันมหาศาล แถมยังเคลื่อนที่ไปได้เรื่อย ๆ แต่การสำรวจค้นคว้าในบริเวณนี้ได้ถูกยกเลิกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากปรากฏการณ์บริเวณทะเลสาบและน่านฟ้าเหนือทะเลสาบแล้ว บริเวณโดยรอบทั่วไป ก็เจอกับเหตุการณ์ อัคคีภัยประหลาดแบบไม่ทราบสาเหตุ เผาผลาญ ทำความเสียหาย ทั้งบริเวณชายฝั่ง หรือแม้แต่บนเรือ และเครื่องบินที่บินผ่านบริเวณดังกล่าวด้วย และอีกอย่างที่ประหลาดจริง ๆ ก็คือ มีผู้พบเห็นวัตถุบินลึกลับ เปล่งแสงได้ บินเหนือน่านฟ้าบริเวณดังกล่าว บ่อยมาก ๆ รูปร่างโดยทั่วไปก็เหมือนจานบินที่เราเคยได้ยินมา แบบแท่งยาว ๆ เหมือนซิการ์ก็มี ส่วนใหญ่เปล่งแสงในตัวเอง บางทีมาเดี่ยว บางทีมาคู่ หรืออีกทีก็มากันเป็นฝูงบิน โดยที่เคยมีนักบินบางคนพบวัตถุบินลึกลับนี้ลอยอยู่เหนือทะเลสาบออนตาริโอ แจ้งกลับไปที่ศูนย์ แต่ปรากฏว่าเรดาห์ของศูนย์ไม่สามารถรับภาพวัตถุดังกล่าวได้ บางคนบอกว่าเคยเจอมนุษย์ประหลาดลงมาจากยานพวกนี้ด้วย จานบินที่มีผู้ถ่ายวิดีโอได้ที่ทะเลสาบเกรตเลกส์ จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 17:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าคำตอบของทะเลสาบเกรตเลคเป็นคำตอบเดียวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าล่ะ? มีนักวิทยาศาสตร์รัสเซียได้ทำการวิจัยค้นคว้าในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ได้ข้อสันนิษฐานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากพลังลึกลับ ที่เกิดจากคลื่นความถี่ของเสียประหลาด (Ultrasonic Sounds) ในขณะที่นักค้นคว้าก็เชื่อว่า เกิดขึ้นจากอิทธิพลของจานบินและมนุษย์ต่างดาว ในขณะที่ ดร.นิโคไล โคเซอร์เอฟ นักฟิสิกส์ของรัสเซีย กล่าวว่า เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มีผลมาจากพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่ขยายจากใต้พื้นทะเลลึกมาสู่พื้นผิวทะเลขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศสูง ๆ  พลัง นี้มีความเข้มสูงและแผ่ขยายออกมาเป็นวงกลมคล้ายเกลียวสว่าน โดยที่พลังแม่เหล็กไฟฟ้ามหาศาลนี้มีความสัมพันธ์กับสนามพลังแม่เหล็กโลก แรงโน้มถ่วงของโลกกับแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ตลอดจนดาวนพเคราะห์อื่น ๆ ส่วนนักค้นคว้าพลังจิตชาวเนเธอร์แลนด์ ได้ใช้พลังจิตตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าแล้ว เชื่อว่ามีพลังลึกลับเกิดจากใต้พื้นทะเลลึก และมีความสัมพันธ์กับวิถีโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวอื่น ๆ เหมือนกับความคิดของ ดร.นิโคไล  แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะสนับสนุนทฤษฏีของใครเป็นพิเศษ Kinross F-89 ผจญกับจานบิน เหนือทะเลสาบ เมื่อปี 1953 ทุกวันนี้ยังหายลึกลับ จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 17:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แต่ดร.ซาฟิกา ที่เป็นนักศึกษาเกี่ยวกับพลังจิตพิเศษ ได้วิเคราะห์ความเร้นลับในแถบเกรตเลค แล้วกล่าวว่าเธอเห็นด้วยกับ เหตุผลที่ว่า เหตุการณ์ลึกลับเกิดขึ้นจากเสียงความถี่สูง อุลตร้าโซนิค ซาวด์ เธอเน้นว่ามันเป็นพลังงานที่สามารถทำลายโครงสร้างอะตอมของมวลสาร หรือเทหวัตถุต่าง ๆ ให้แตกสลายโดยการกระทำต่อนิวเคลียสจนแตกตัวออก แล้วปล่อยพลังงานอะตอมออกมารวมกันอย่างมหาศาล โดยพลังดังกล่าวจะมีปฏิกิริยากับอะตอมของเหล็กมากเป็นพิเศษ จนสามารถทำลายสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรุนแรง   มาดูเรื่องของ Ultrasonic Soulds กันบ้าง บริษัท แอลเลน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายอาวุธหรือเครื่องมือที่ใช้ในวงการทหารและตำรวจ ได้ผลิตเครื่องมือขึ้นมาอย่างหนึ่ง เรียกว่า โฟติค ไดรเวอร์ เป็นเครื่องมือพิเศาประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ผลิตได้ทั้งแสงและเสียง แสงคือ แสงอินฟราเรด (infrared) เสียงก็คือเสียงอุลตร้าโซนิค (ultrasonic) ซึ่งไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงเลย แต่ผลของมันทำปฏิกิริยากับเซลล์ในร่างกายมนุษย์และสัตว์ โดยทั่วไปคลื่นความถี่เสียงอุลตราโซนิคเริ่มมีผลกับร่างกายมนุษย์ คือ ความถี่ประมาณ 19.2 กิโลเฮิร์ทซ์ ซึ่งจะทำให้รู้สึกคลื่นเหียน อาเจียน ปวดศีรษะ และที่ปรากฏบ่อย ๆ คือ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง บางทีก็ทำให้หูอื้อ ตาลายไปนานหลายชั่วโมง บางรายมีอาการปวดหูอย่างหนัก อาการพวกนี้ฟังดูคุ้นๆ ถ้าไม่คุ้นแนะนำให้กลับขึ้นไปอ่านด้านบนอีกครั้ง นอกจากผู้รอดชีวิตจากทะเลสาบเกรตเลคมาได้ จะมีอาการดังกล่าวแล้ว บุคคลที่เข้าไปสัมพันธ์กับจานบินอย่างใกล้ชิดก็มักจะมีอาการผิดปกติแบบนี้ ด้วยเหมือนกัน เช่นในรายของนายยอร์จ วีลเลอร์ ที่ได้เผชิญกับจานบินอย่างใกล้ชิดในปี 1976 เขารู้สึกนัยน์ตาพร่า ปวดศีรษะอย่างรุนแรง จนช็อกล้มลง ต่อมารู้สึกว่าประสาทของเขาผิดปกติ และตายภายในเวลาไม่ถึงสิบเดือน นักวิทยาศาสตร์ยังพบอีกว่า นอกจากจะมีผลต่อร่างกายมนุษย์แล้ว ในระดับความถี่สูง ๆ มันยังทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ทำให้ละอองไอน้ำในอากาศรวมตัวกันเกิดเป็นหมอกหนาทีบได้ ภาพถ่ายจานบินที่ทะเลสาบเกรตเลกส์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1979 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 18:19:23 จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 18:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ ผมรอคุณอยู่    เสียดาย Give หมด อดให้ give คุณเลยอ่ะครับ (><) เอาโหวตไปแทนละกันเด้อออ จากคุณ : เซ็งอูฐ - [ 27 มิ.ย. 52 18:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^_^ มาให้กิ๊ฟท์ครับ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 18:21:49 จากคุณ : Seiki - [ 27 มิ.ย. 52 18:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาลงชื่อรออ่านครับผม จากคุณ : คนขายข้าว - [ 27 มิ.ย. 52 18:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เหตุการณ์ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ลึกลับที่สุดทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ของทะเลสาบออนตาริโอ (1 ใน 5 ของทะเลสาบเกรตเลกส์นั่นแหละครับ -Terran )เหตุเกิดเดือนพฤศจิกายน ปี 1804 เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของรัฐบาลแคนาดาได้ขึ้นเรือขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่าสปีดดี ที่ท่าเรือยอร์ก (ชื่อเดิมของเมืองท่าโตรอนโตของแคนาดาปัจจุบัน) พร้อมทั้งผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักโทษประหารที่จะเดินทางไป สู่เมืองๆหนึ่งบนเกาะเล็กๆ ใกล้ๆอ่าว"เพรสไควล์" ด้านตะวันออกเฉียงเหนือสุดของทะเลสบออนตาริโอ ปรากฏว่าเรือสปีดดีได้หายสาบสูญไปพร้อมทั้งผู้โดยสารทุกคน หากเรืออับปางก็คงจะมีหลักฐานปรากฎให้เห็นได้ในเวลาต่อมา แต่จนกระทั่งบัดนี้ไม่มีวี่แววแต่อย่างใด มีเรื่องหนึ่งที่ประหลาดอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ มีผู้ค้นพบแท่งหินประหลาดขนาดใหญ่โผล่พ้นน้ำ ขวางทางปากอ่าว"เพรสไควล์" เรื่องก็มีอยู่ว่า ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ.1804 ก่อนที่เรือสปีดดีจะแล่นออกจากท่าเรือยอร์กหลายเดือน มีเรือลำหนึ่งชื่อ เลดี้ เมอร์เลย์ ได้เดินทางตัดเข้าไปอ่าวเพรสไควล์ ทางตอนเหนือของทะเลสาบออนตาริโอ พอเข้าเขตอ่าว ลูกเรือบนดาดฟ้าได้แจ้งกัปตันว่า มีสิ่งประหลาดโผล่พ้นน้ำ อยู่เบื้องหน้า กัปตันเรือลำนี้ชื่อ ชาร์ล เซลเลก ได้สั่งให้เรือแล่นตรงเข้าไปหา ครั้นใกล้จะถึง เขาได้สั่งให้เรือจอด แล้วให้นำเรือเล็กลง จากนั้นตัวเขาและลูกเรืออีก 2คน ก็พายเรือเข้าไปสำรวจสิ่งดังกล่าวนั้นอย่างใกล้ชิด ปรากฎว่ามันเป็นหินประหลาดโผล่พ้นน้ำสามฟุต ยาวประมาณ 44 ฟุต กว้าง 6-7 ฟุต ตั้งตระหง่านขวางหน้าอย่างน่ากลัว จากการวัดหยั่งความลึกของน้ำ พบว่า หินดังกล่าวนี้ฝังตัวลาดชันลึกลงไปสู่ก้นทะเลสาบประมาณ300 ฟุต จึงนับได้ว่าเป็นหินอันตรายขนาดใหญ่ที่สามารถทำให้เรืออับปางได้อย่างง่ายดาย ข่าวการพบเห็นหินประหลาดนี้ได้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อแจ้งแก่นักเดินเรือทั้งหลายให้ระวังถึงภัยอันตรายจากโขดหินนั้น จานบินที่ถูกถ่ายได้ที่ทะเลสาบออนตาริโอ 18 มีนาคม 1975 จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 18:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หลายเดือนต่อมา เรือสปีดดีของรัฐบาลแคนาดาได้แล่นออกจากท่าเรือยอร์กเพื่อมุ่งหน้าไปสู่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งริมอ่าวเพรสไควล์ ผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ก็คือผู้พิพากษา โทมัส โคเครน เจ้าหน้าที่ศาล เจ้าหน้าที่สำรวจ การก่อตั้งเมืองใหม่ พร้อมทั้งเด็กหนุ่มอีกสองคน นอกจากนี้ก็มีนักโทษประหารชาวอินเดียนแดงคนหนึ่งชื่อ โอกี โตนีคัต ซึ่งได้รับโทษตัดสินประหารชีวิต เนื่องจากฆ่าชาวผิวขาวคนหนึ่งที่เมืองริมอ่าวเพรสไควล์นั่นเอง ครั้นเรือแล่นเข้าไปสู่ปากอ่าวเพรสไควล์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลากลางคืนดึกสงัด ทันใดนั้นปรากฎว่า จู่ๆก็มีลมพายุโหมกระหน่ำโจมตีเรือสปีดดีทันที ทั้งด้านข้างและด้านหลัง บ้างก็กล่าวว่าเงามัจจุราชอาจติดตามเรือลำนี้มานานแล้วอย่างเงียบๆ ทั้งๆที่เรือเอียงวูบ โคลงเคลงไปมา กัปตันเรือได้พยายามอย่าง สุดชีวิตที่จะประคองเรือให้แล่นฝ่าลมมรสุมนี้ไปได้ สิ่งที่สร้างความงุนงงและประหลาดใจแก่กัปตันและลูกเรือ อย่างยิ่งนั่นคือ เรือหันเหออกจากทิศทางที่มุ่งตรงไป และถูกอำนาจลึกลับบางอย่างดึงดูดราวกับแม่เหล็กขนาดใหญ่ แล่นตรงไปยังโขดหินประหลาดที่โผล่พ้นน้ำนั้น จากนั้นมันก็หายสาบสญไป ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่และชาวเมืองที่รอคอยอยู่ที่ท่าเรือ ในตอนเช้าวันต่อมา ต่างพากันเอะใจมาก เนื่องจากเห็นว่า เรือสปีดดีเข้าเทียบท่าผิดเวลา จึงได้นำขบวนเรืออกค้นหา พร้อมกับแจ้งข่าวไปยังยามประภาคาร ตลอดจนศูนย์ควบคุมภัยทางน้ำตามแหล่งต่างๆ ทั้งรอบอ่าวและตามชายฝั่งทะเลทั้งในและเขตแคนาดาและอเมริกา เพื่อค้นหาซากเรือที่พวกเขาพากันคิดว่าคงจะอับปางลงกลางทะเลสาบหรือในอ่าวเพรสไควล์นั่นเอง หลังจากนั้นผ่านไปหลายวันก็ไม่มีข่าวเรือสปีดดีและผู้โดยสารที่หายสาบสูญไปเลย นักสำรวจได้พากันตัดสินใจนำเรือหลายลำเดินทางมุ่งตรงไปยังปากอ่าวบริเวณที่มีโขดหินประหลาดโผล่พ้นน้ำ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า เรือสปีดดีอาจอับปางลงและจมลงบริเวณนั้น แต่ครั้นไปถึงสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจแก่พวกเขาที่สุด ก็คือโขดหินประหลาดที่โผล่พ้นน้ำกลับหายไปด้วย... มันหายไปไหน? และถ้าหากเรือสปีดดีแล่นเข้าไปชนหินประหลาดนั้นก็น่าจะพบเศษชิ้นส่วนเรืออับปางบ้าง เป็นไปได้หรือที่พลังลึกลับมหาศาลจะทำลายทั้งเรือและโขดหินจมหายลับไปพร้อมๆกัน เรียบเรียงจาก th.wikipedia.org/wiki/เกรตเลกส์ en.wikipedia.org/wiki/Great_Lakes www.ufocasebook.com/kinrossupdate.html www.ufocasebook.com/greatlakes.html ทะเลสาบอาถรรพ์ /yuikiyui แท่งหินประหลาดกลางทะเลสาบ /ปอม ปอม สําหรับวันนี้ นิทราราตรีสวัสดิ์ ลาไปก่อนครับ ลาไปแล้วครับ แล้วเจอกันใหม่ครับ สวัสดีครับ.Terran ภาพถ่ายจานบินจากทะเลสาบออนตาริโอ 29 พฤษภาคม 2007 จากคุณ : Mr.Terran - [ 27 มิ.ย. 52 18:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #10 คล้ายๆกับเคยเห็นที่เมืองไทยนะ จากคุณ : srp_lk - [ 27 มิ.ย. 52 19:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วนำเรื่องสนุกๆมาแบ่งบันกันอีกนะครับ จากคุณ : พจน (demonicus) - [ 27 มิ.ย. 52 20:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ ตกลงเรื่อสปีดดีหายสาบสูญ แล้วที่ว่าชนกับหินแล้วหินหายไปนี่ใครมาเล่าให้ฟังหรอคะ? จากคุณ : โลกนี้ยังคงน่ารักเสมอ - [ 27 มิ.ย. 52 22:05:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาลงชื่อติดตามจ้า จากคุณ : iamnid - [ 28 มิ.ย. 52 09:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แจกกิฟท์+โหวต+อ่าน จากคุณ : knine2five - [ 28 มิ.ย. 52 10:17:56 ]