ความคิดเห็นที่ 11
เอาล่ะครับ คราวนี้เราจะมาประเมินสถานการณ์ในยุทธการเครซี่กันโดยละเอียดในลำดับต่อไป
กองทัพอังกฤษ : กำลังพล ๑๒,๐๐๐ นาย
- พลธนูยาว ๗,๐๐๐ นาย
- พลราบทะลวงฟัน (Man at arms) ๓,๕๐๐ นาย
- พลอัศวิน ๕๐๐ นาย
กองทัพฝรั่งเศส : กำลังพล ๔๐,๐๐๐ นาย ( หรือมากกว่านั้น)
- พลหน้าไม้ชาวเจนัว ๖,๐๐๐ นาย
- พลม้าอัศวิน ๓๔,๐๐๐ นาย (หรือมากกว่านั้นอีกกึ่งหนึ่ง )
การดำเนินกลยุทธ
อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าทัพฝรั่งเศสนั้นเกณฑ์ทัพม้ามาเต็มอัตราศึก เพราะด้วยเข้าใจว่าทัพอังกฤษที่มีแต่พลราบนั้นคงไม่คณามือต่อกำลังทัพม้าอัศวิน ส่วนทัพอังกฤษนั้นอาศัยความสูงของเนินเขาเป็นแนวตั้งรับกองทัพฝรั่งเศส
นอกจากจะใช้ชัยภูมิความสูงของเนินเป็นแนวตั้งรับแล้ว กองทัพอังกฤษก็ยังมีของฝากถึงทัพฝรั่งเศสอีก ๒ อย่างซ่อนอยู่ด้วย...
เมื่อรุ่งรางแห่งอรุโณทัยของวันที่ ๒๖ สิงหาคมมาย่ำเยือน การยุทธนาการอันนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคกลางจึงเริ่มขึ้น!
กองทัพอัศวินฝรั่งเศสเกือบครึ่งแสนกรีฑาทัพสู่สมรภูมิอย่างองอาจ เสียงฝีกีบและเสียงคำรามของม้าศึกดังอึกทึกกึกก้องไปทั่วทั้งทุ่งอย่างเสียงสกุณา หมู่ธงทัพนั้นก็มากมายหลายหลากเหลือประมาณดุจหนึ่งจะเป็นขบวนมหกรรมเสียก็หนึ่งนั้น
พลทัพอังกฤษนั้นเล่าก็น้อยตัวนักหนา ซ้ำมีแต่พลราบเพียงหยิบมือที่กุมอาวุธในมือให้มั่น ด้วยหวังใจจะสู้ตายกับพวกศัตรูที่จะมาเยือน ณ เบื้องหน้านี้แล้ว
บัดนั้น หยาดพิรุณได้เทกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าหมายเป็นลางเตือนล้างสมรภูมิเวทีแห่งนี้ให้สะอาดก่อนที่จะเป็นการแสดงอันนองเลือดในไม่ช้า
จนกระทั่งฝนได้สร่างซาลง พระเจ้าฟิลลิปฯทรงบัญชาให้พลทหารรับจ้างชาวเจนัวรุกขึ้นเป็นแนวหน้าระดมยิงโจมตีทัพอังกฤษเป็นประเดิม เพราะต่างเป็นที่ล่วงรู้ไปทั่วทั้งคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียนว่า พลหน้าไม้เจนัวนั้นเป็นพลยิงที่ช่ำชองที่สุดแล้ว
กำลังพลหน้าไม้ ๖,๐๐๐ นายรีบดาหน้าสู่สมรภูมิอย่างเร็วรี่เพื่อยึดพื้นที่อันเหมาะสมก่อนจะเปิดฉากระดมยิง...หากแต่มันมิได้เป็นอย่างที่พวกเขาคาดหวังดอก
ในขณะที่พลหน้าไม้กำลังจัดขบวนและรีบบรรจุลูกศรลงรางหน้าไม้นั้น พลันมีห่าฝนธนูลูกธนูนับหมื่นพันเทสาดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว!
แน่แล้ว พลธนูยาวอังกฤษเปิดฉากการโจมตีก่อนแล้วน่ะสิ!
พลธนูอังกฤษจัดขบวนเป็นทัพหน้ากระดานถึง ๒ ชั้น โดยเมื่อแนวยิงที่หนึ่งยิงออกไปแล้ว แนวยิงที่สองจะเปิดฉากเป็นลำดับต่อไปเพื่อมิให้ศัตรูได้พักช่วงหายใจเลยแม้แต่น้อย
การระดมยิงโจมตีของทัพธนูยาวอังกฤษได้ทำให้กองพลหน้าไม้เจนัวบาดเจ็บและล้มตายเป็นอันมากโดยแทบที่ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้แม้แต่น้อย และแม้นว่าจะยิงสวนกลับไป ความแรงของลูกศรจากหน้าไม้ก็มิอาจพุ่งผ่านขึ้นไปจนถึงแนวรบอังกฤษได้เลยแม้แต่น้อย...
พลหน้าไม้เจนัวที่ขึ้นชื่อลือชาต่างวิ่งหนีออกจากสมรภูมิอย่างไม่เป็นกระบวนเลย!
พระเจ้าฟิลลิปฯทรงตกตะลึงระคนกับความกริ้วเหลือกำลังที่ทัพหน้ากลับหนีแตกพ่ายอย่างมิเป็นกระบวน พระองค์จึงบัญชาให้ทัพอัศวินเปิดฉากตอบโต้ในทันที
เหล่าอัศวินฝรั่งเศสล้วนฮึกเหิมเต็มกำลัง ด้วยหมายจะบดขยี้ศัตรูผู้รุกรานให้จมแผ่นดินมาตุภูมิ พร้อมกันนั้นก็บุกเข้าสังหารพวกทหารรับจ้างเจนัวที่เลี้ยงมาเสียข้าวสุกจนราบคาบ
เสียงฝีกีบและคำคำรามของม้าศึกที่หุ้มเกราะที่กำลังบุกฝ่าขึ้นเนินสูงมานั้นดังสนั่นอึงอลดุจฟ้าจะถล่มลงมา หากแต่พลธนูยาวอังกฤษก็หาหวาดหวั่นไม่พร้อมกับระดมยิงธนูต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ห่าธนูอังกฤษร่วงโปรยลงมาใส่ทัพอัศวินฝรั่งเศสอย่างไม่ขาดสายเช่นฤดูกาลวสันต์ อันทำให้พลม้าอัศวินต่างต้องบาดเจ็บล้มตายไปพอประมาณ หากแต่ก็มิอาจหยุดยั้งกำลังโถมที่บ้าคลั่งเช่นคลื่นมหาสมุทรลงได้
ทัพม้าฝรั่งเศสที่ฝ่าฝนธนูมาได้ก็ตั้งแนวทวนพร้อมจะเสือกไสเข้าทะลวงแนวพลราบอันต่ำช้าให้ราบคาบ เมื่อพลทหารราบอังกฤษเห็นศัตรูที่กำลังมาเยือนด้วยใจระทึก...เพราะด้วยหมายใจจะแสดงของฝากที่เตรียมมาให้สมอยากยิ่งนัก...
ถอย! เสียงตะโกนบัญชาดังขึ้น พวกทหารราบที่ยืนป้องกันกองทหารธนูต่างถอยหลังหลบฉากเสียเล็กหน่อยเพื่อเผยของฝากที่ตนจัดเตรียมไว้ให้พวกฝรั่งเศส...แนวขวากกั้นม้า!
ม้าศึกที่ถาโถมเข้าใส่เต็มกำลังแรงมิอาจจะหยุดยั้งได้ทันเวลาก็ต่างถูกแนวขวากกั้นม้าทิ่มแทงทะลุจนล้มตายโดยมิทันตั้งตัว ส่วนอัศวินผู้เป็นนายบนหลังของมันก็ต้องร่วงหล่นลงมาอย่างลูกไม้ที่ถูกเขย่าและถูกพวกพลทหารราบอังกฤษกลุ้มรุมสังหารจนสิ้น
พระเจ้าฟิลลิปฯทรงทอดพระเนตรเห็นความย่อยยับของทัพอัศวินอันเกรียงไกรของพระองค์พ่ายแพ้พวกศัตรูที่มีเพียงหยิบมือด้วยความตกตะลึงกึ่งกริ้วเกรี้ยวกราดเหลือจะกล่าวยิ่งนัก
เพราะความร้อนพระทัยจนขาดสติมิฟังคำทัดทานของเหล่าขุนนางที่ร่วมทัพ พระองค์จึงบัญชาให้ทัพอัศวินทั้งหมดโถมกำลังเข้าโจมตีทัพอังกฤษจนกว่าแตกหักกันไปข้างหนึ่ง!
คลื่นมวลม้าศึกนับหมื่นๆพร้อมกับเหล่าอัศวินที่ติดอาวุธหนักเต็มอัตราศึกบุกถาโถมมุ่งตรงไปยังเนินตำบลเครซี่เช่นคลื่นทะเลที่กำลังพุ่งเข้าโขดหินผา ณ ชายฝั่งในฤดูมรสุมอย่างบ้าคลั่ง หากแต่พวกอังกฤษก็หาได้ยกทัพออกมาตอบโต้ขับไล่นอกจากระดมยิงเข้าสู่อย่างไม่หยุดยั้ง
ทัพหน้าที่เข้าปะทะแนวหน้าของทัพอังกฤษต่างถูกแนวขวากกั้นไม้ทิ่มแทงจนร่วงล้มตายหรือไม่ก็ถูกทหารราบทะลวงฟันใช้ดาบหรือขวานจามสับขาม้าศึกแล้วฉุดดึงอัศวินที่อยู่บนหลังม้าลงมาสังหารหรือกุมตัวเป็นตัวประกันเป็นอันมาก
ในเมื่อแนวหน้าไม่สามารถรุกคืบต่อไปได้ พวกที่อยู่แนวหลังที่พยายามจะรุกตามไปก็มิอาจทำได้และกลายเป็นเป้านิ่งให้พลธนูอังกฤษระดมยิงเล่นสนุกมือเสียเอง
เมื่อสถานการณ์ของฝ่ายฝรั่งเศสย่ำแย่ลง พวกอังกฤษจึงเปิดฉากของฝากที่เตรียมมาเป็นชิ้นสุดท้าย...ปืนใหญ่บอมบาร์ด!
พลปืนบอมบาร์ดเปิดฉากระดมยิงใส่ทัพม้าฝรั่งเศสที่หนุนเนื่องเข้ามาอย่างถนัดถนี่มือยิ่งนัก พวกอัศวินฝรั่งเศสที่ต้องเผชิญกับห่าลูกดอกธนูแล้วก็จำต้องเผชิญกับแรงระเบิดอันมหาศาลของปืนใหญ่อีกต่างหาก
ทัพฝรั่งเศสที่มีกว่าครึ่งแสนบัดนี้ถูกฝ่ายศัตรูที่มีไม่ถึงสองหมื่นระดมยิงและกลุ้มรุมสังหารอย่างน่าอนาถใจยิ่งนัก!
ในที่สุด...กองทัพฝรั่งเศสต้องพ่ายแพ้ย่อยยับอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์!
ผลการยุทธ : กองทัพอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ
ความเสียหาย : กองทัพอังกฤษสูญเสียกำลังพล ๔๐๐ คน
กองทัพฝรั่งเศสสูญเสียกำลังพลมากกว่า ๓๐,๐๐๐ คน
สงครามในครั้งนั้นนับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่เท่าที่อาณาจักรฝรั่งเศสเคยประสบมา และนับเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของการรบตามคติจารีตอัศวินอีกด้วย เพราะนับแต่สงครามครั้งนั้น ไม่ปรากฏมีการรบโดยมีอัศวินเป็นทัพหน้าอีกเลย
เป็นไงล่ะครับ วีรกรรมของพวกพลธนูที่หลายๆคนชอบและอยากจะเป็นก็สนุกใช่ย่อยแม่นบ่?
เอาล่ะ ขอตัวลาเพียงเท่านี้ล่ะคร้าบ!
http://writer.dek-d.com/Ayothaya_knight/story/viewlongc.php?id=298414&chapter=27 http://writer.dek-d.com/Ayothaya_knight/story/viewlongc.php?id=298414&chapter=28
จากคุณ :
Rod
- [
1 ก.ค. 52 20:48:32
A:118.172.102.27 X: TicketID:219728
]
|
|
|