ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นเรามาดูโลกของเราก่อน สถานที่ต้นกำเนิดแห่งปริศนาทั้งมวล โลกของเรามีความเหมาะสมหลายสิบประการที่จะให้สิ่งมีชีวิตบังเกิดขึ้นมาได้ แต่ในที่นี้ผมขอพูดแค่กาลและสถานที่ครับ สถานที่ โลกของเราตั้งอยู่ใน บริเวณที่อยู่อาศัย (habitable zone) อันเป็นบริเวณที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในจักรวาลที่สิ่งมีชีวิตจะบังอาจอยู่อาศัยได้ กล่าวในระดับกาแล็กซี่ (galactic habitable zone) โลก/ระบบสุริยะของเราไม่อยู่ไกลจากศูนย์กลางทางช้างเผือกจนเกินไป จึงไม่ขาดวัตถุดิบ ธาตุหนักต่างๆที่จำเป็นในการก่อร่างสร้างดวงดาว ขณะเดียวก็ไม่อยู่ใกล้ศูนย์กลางทางช้างเผือกจนเกินไปจนอาจได้รับอันตรายจากรังสีอวกาศความถี่สูง การปะทะชนของดาวฤกษ์ และหลุมดำ-ที่คาดว่าดำรงอยู่บริเวณใจกลางกาแล็กซี่ กล่าวในระดับระบบสุริยะ (circumstellar habitable zone) โลกของเราอยู่ในเขตแดนของเด็กหญิงแอบกินข้าวหมี (Goldilocks zone)(4)  ซึ่งแคบมาก คืออยู่ระหว่างดาวศุกร์และดาวอังคาร(5) ปัจจัยสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการกำหนดเขตแดนของเด็กหญิงแอบกินข้าวหมีคือน้ำครับ น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดในการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตแบบคาร์บอน (carbon based life) นั่นหมายความว่า หากโลกเราอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์กว่านี้สัก 5 เปอร์เซ็นต์ พื้นผิวดาวเคราะห์ก็จะร้อนจนกักเก็บน้ำไว้ไม่ได้เหมือนกับดาวศุกร์ หรือหากโลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์กว่านี้สัก 15 เปอร์เซ็นต์ ดาวของเราก็จะหนาวเย็นเป็นขยะน้ำแข็งเหมือนดาวอังคาร เวลา เราอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมในจักรวาล เราไม่ได้อยู่ในยุคปฐมกาลของดาราจักร ที่ทั่วทั้งจักรวาลขาดแคลนธาตุหนัก มีแต่ไฮโดรเจนและฮีเลียมก่อปฏิกิริยานิวเคลียร์กำเนิดเป็นดาวฤกษ์ หากอยู่ในยุคดังกล่าว การกำเนิดของสิ่งมีชีวิตคงเป็นไปได้ยากเนื่องจากถูกกำจัดด้วยอะตอมองค์ประกอบที่ไม่มีความหลากหลาย หรือหากเราอยู่ในช่วงปลายของจักรวาล เมื่อเอนโทรปี(6)ของระบบดำเนินไปถึงจุดสูงสุด เมื่อนั้นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตก็คงลำบาก เนื่องจากไม่สามารถนำพลังงานไปใช้ (เพิ่มความไม่เป็นระเบียบ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวโดยสรุป โลกของเรามีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตจะมาจากไหน บังเกิดขึ้นเองหรือมาจากต่างดาวก็ตาม และจากการประมาณ สิ่งมีชีวิตอุบัติขึ้นในโลกใบนี้เมื่อราว 3.85 พันล้านปีก่อน ***ทำไมบริเวณที่อยู่อาศัย (Habitable zone) จึงมีชื่อเล่นว่าเขตแดนของเด็กหญิงแอบกินข้าวหมี (Goldilocks zone)??? สามคห.แรกที่ตอบได้ จขกท.ให้คห.ละ 3 กิฟครับ (คำใบ้อยู่ที่เชิงอรรถ)*** ----------------------------------------------------------------------------- (4) Goldilocks zone คือชื่อเล่นชื่อหนึ่งของ habitable zone ที่มาของชื่อนี้มาจากนิทานโกลดิล็อค (Goldilocks) หรือนิทานเด็กหญิงแอบกินข้าวหมี (5) อย่างไรก็ตาม จากการศึกษา ณ ปัจจุบัน วงโคจรแคบๆของดวงจันทร์บริวารดาวพฤหัสก็จัดเป็นเขตแดนของเด็กหญิงแอบกินข้าวหมีเช่นกัน เนื่องจากนักชีวดาราศาสตร์เชื่อว่าดาวพฤหัสนั้นมีพลังงานมากพอที่จะก่อให้เกิดชีวิตบนดวงจันทร์บริวารได้ในรูปแบบเดียวกับที่ความร้อนจากดวงอาทิตย์ก่อให้เกิดชีวิตบนโลก (6) เอนโทรปี (Entropy) คือ ปริมาณที่แสดงความไม่เป็นระเบียบของระบบ ตามทฤษฎีอุณหพลศาสตร์นั้น เมื่อใดที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เอนโทรปีรวมของสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเสมอ ดูตัวอย่างจากความไม่เป็นระเบียบภายในห้องเป็นต้น จะพบว่า ของใช้ที่มีการจัดระเบียบไว้ดีแล้วจะมีความยุ่งเหยิงขึ้น หากเราพยายามจัดให้ห้องมีระเบียบมากขึ้น เราจะต้องใช้แรงงานและมีความเหน็ดเหนื่อย แสดงให้เห็นว่าร่างกายของเรามีความยุ่งเหยิงเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าเอนโทรปีของห้องจะน้อยลง และเอนโทรปีของเราที่เข้าไปเกี่ยวข้องจะสูงขึ้น และให้เอนโทรปีรวมของห้องและของเราเองสูงขึ้นด้วย จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 20:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้เรามาดูแนวคิดแรก คือแนวคิดที่ว่า สิ่งมีชีวิตบังเกิดขึ้นเองบนโลกใบนี้หรือพวก Inevitablilist (เลี่ยงไม่ได้ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน) กลุ่มนี้เป็นพวกที่มีทฤษฎีหนาแน่นแต่ขาดซึ่งหลักฐานครับ ประเด็นของแนวคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตบังเกิดขึ้นเองบนโลกก็คือ ในเมื่อบนโลกนี้มีวัตถุดิบพร้อมและมีคุณสมบัติเหมาะสมทุกประการที่เอื้อให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้ ดังนั้นสิ่งมีชีวิตจึงบังเกิดขึ้นเองบนโลกนี้ การทดลองที่มีชื่อเสียงตามแนวคิดนี้คือการทดลองของสแตนลีย์ มิลเลอร์ (Stanley Miller) เมื่อปีคศ. 1953 มิลเลอร์ทำการทดลองโดยนำขวดแก้วสองใบ ใบหนึ่งใส่น้ำเล็กน้อยเปรียบเสมือนมหาสมุทรในยุคดึกดำบรรพ์ อีกใบผสมก๊าซมีเทน แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์ จำลองบรรยากาศโลกยุคดึกดำบรรพ์ นำสายยางเชื่อมต่อทั้งสองขวด แล้วใช้ไฟฟ้าเร่งปฏิกิริยา สิ่งที่ได้คือสารอินทรีย์ง่ายๆเช่นกรดอะมิโน กรดไขมัน น้ำตาล การทดลองดังกล่าวพอสรุปได้ว่า สารเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตสามารถบังเกิดขึ้นเองได้ภายใต้บรรยากาศโลกยุคดึกดำบรรพ์ อย่างไรก็ตาม ผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษจากการทดลองของมิลเลอร์ ก็ยังไม่สามารถสรุปว่าสิ่งมีชีวิตสามารถผุดบังเกิดได้เองในโลกนี้ได้จริงหรือไม่เพราะสารอินทรีย์ที่เกิดขึ้นในขวดแก้วของมิลเลอร์นั้นเรียบง่ายและห่างไกลจากคำว่า “สิ่งมีชีวิต” อยู่หลายขุมครับ สารชีวโมเลกุลที่ประกอบเป็นสิ่งมีชีวิตแม้ในรูปแบบที่ง่ายที่สุดก็ยังมีความซับซ้อนใช่เล่น เซลล์ในรูปแบบพื้นฐานที่สุดมีชั้นกรดไขมันชนิดฟอสโฟลิปิดเรียงตัวสองชั้น (bilayer) เป็นเยื่อหุ้มเซลล์ ภายในบรรจุสารละลายที่ประกอบไปด้วยโปรตีนหลายชนิด โปรตีนเหล่านั้นประกอบด้วยกรดอะมิโนมาเรียงต่อกันเป็นสายยาวเป็นโพลีเป็บไทด์น้ำหนักโมเลกุลหลักพันขึ้นไป ยังไม่รวมถึง “สารพันธุกรรม” DNA หรือ deoxyribonucleic acid สารชีวโมเลกุลซับซ้อนที่เรียงตัวต่อกันจากหมื่นหน่วยย่อยขึ้นไป หากมันเกิดขึ้นจริง นักชีวเคมีพอจะคาดการณ์ได้ว่า น่าจะมีลำดับเหตุการณ์สำคัญๆ (Key steps) ดังนี้ 1. การสังเคราะห์โมเลกุลเดี่ยว (Abiotic synthesis of monomers เช่น amino acids, nucleotides) 2. การรวมตัวกันของพวกโมเลกุลเดี่ยวเป็นโพลีเมอร์ (Polymerization of monomers เช่น protein, nucleic acids) 3. การรวมกันของพวกโพลีเมอร์แล้วมีคุณสมบัติแตกต่างจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว (เช่น membrane selectivity, permeability) และอาจมีการสะสมพลังงานในตัว 4. การเกิดขึ้นของการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างต้น ข้อ 4. เป็นข้อที่มีปัญหามากที่สุดครับ แต่เราจะพักตรงนี้สักครู่ ผมจะนำทุกท่านเข้าสู่การทดลองที่พิสูจน์เหตุการณ์ข้อ 1-3. ซึ่งสลับซับซ้อนน้อยกว่าครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 20:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงต้นศตวรรษ 1970 เป็นช่วงที่ทฤษฎีระบบซับซ้อน (complex system)(7)  เพิ่งก่อตัวขึ้น ฟรานซิสโก วาเรลา (Francisco Valera) และคณะประสบความสำเร็จในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ “เซลลูล่าร์ ออโตมาตอน” (cellular automaton) จำลองการสร้างตนเองของเซลล์สิ่งมีชีวิตจากโมเลกุลที่มีอยู่ธรรมชาติที่ไม่มีชีวิตโดยนำทฤษฎีระบบซับซ้อนมาประยุกต์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง วาเลราได้พิสูจน์ว่าชีวิตสามารถผุดบังเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตได้อย่างไร องค์ประกอบของ cellular automaton ได้แก่ ตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) และโมเลกุลของสารอีกชนิดหนึ่งซึ่งเคลื่อนที่ไปมาอย่างสุ่ม โมเลกุลนี้สามารถจับตัวกันเป็นอีกโมเลกุลอีกชนิดหนึ่งได้ นอกจากนี้โมเลกุลที่เกิดขึ้นมาใหม่ยังสามารถต่อเข้าด้วยกันเป็นสายยาวได้ ตามกฎการจำลองการสร้างตัวเองของเซลล์สิ่งมีชีวิตดังนี้ 1.การเกิดโมเลกุลชนิดที่สอง E + O + O -----> X สารชนิดแรกสองโมเลกุลจับตัวกันเป็นสารชนิดที่สองโดยมี catalyst เร่งปฏิกิริยา 2.การจับตัวกันเป็นสาย X + X    -----> X-X X-X + X -----> X-X-X สารชนิดที่สองสามารถเชื่อมต่อกันเป็นสาย ซึ่งมีความยาวไม่จำกัดได้ 3.การแยกสาย X -----> O + O โมเลกุลของสารชนิดที่สองสามารถย่อยสลายกลับไปเป็นโมเลกุลของสารชนิดแรกได้ 4.O สามารถคลื่อนไปยังที่ว่างได้ แต่ไม่สามารถเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่มีโมเลกุลอื่นอยู่ได้ 5.E และ X สามารถคลื่อนไปแทนที่ O ได้ โดยดันให้ O ไปอยู่ที่ว่างถัดจากตำแหน่งเกิม นอกจากนี้ E ยังแทนที่ X ได้ในลักษณะเดียวกัน 6.E และ X สามารถสลับที่กับ O ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง E และ X สามารถเคลื่อนที่ผ่าน O ได้ 7.เฉพาะ O เท่านั้นที่สามารถผ่านสายของ X ไปยังตำแหน่งที่ว่างทางด้านหลังได้ กฎข้อนี้เป็นการจำลองการที่ผนังเซลล์อนุญาตให้สารบางประเภทเท่านั้นผ่านไปได้ (semi permeability) 8.X ที่ต่อกันเป็นสายไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ การทดลองของวาเรลากำหนดให้โมเลกุลต่างเคลื่อนที่ไปมาแบบสุ่มโดยเริ่มต้นจาก O จำนวนมากที่รอบล้อมด้วยหนึ่งโมเลกุลของ E สิ่งที่น่าสนใจจากการทดลองซ้ำๆกันหลายครั้งคือ ผนังเซลล์สามารถคงตัวอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ ผนังบางส่วนอาจถูกย่อยสลายตามกฎข้อที่สาม พร้อมกับมีผนังใหม่ผุดบังเกิดขึ้นมาทดแทนกันตลอดเวลา *สำหรับผู้ที่สนใจการทดลองของวาเรลา สามารถใช้คำค้นหา cellular automaton เพื่ออ่านเพิ่มเติม และจขกท.ขอแนะนำบทความ http://www.astrobio.net/index.php?option=com_news&task=detail&id=3172 เกี่ยวกับการจำลองการก่อตัวของสิ่งมีชีวิตรูปแบบ 3 มิติด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ----------------------------------------------------------------------------- (7) ระบบซับซ้อน (complex system) คือการศึกษาเกี่ยวกับระบบที่มีส่วนประกอบจำนวนมาก ส่วนประกอบเหล่านั้นมีปฏิกิริยาต่อกันแบบไม่เป็นเชิงเส้น ผลของปฏิกิริยาทำให้เกิดผุดบังเกิดของแบบแผนหรือความสามารถต่างๆซึ่งทำให้ระบบรวมมีความแตกต่างจากผลรวมของส่วนประกอบย่อยทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และการผุดบังเกิดนั้นมักกลับมามีผลกระทบกับองค์ประกอบย่อยนั้นอีก โดยระบบมักมีโครงสร้างต่อเนื่องเป็นลำดับชั้น การศึกษาระบบซับซ้อนเป็นรากฐานหนึ่งของทฤษฎีโกลาหล (Chaos theory) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 20:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากการทดลองของวาเรลา แม้ว่าจะพิสูจน์ได้ว่า เซลล์สิ่งมีชีวิตสามารถก่อกำเนิดขึ้นได้เอง แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเนื่องจากเรายังค้างคากันที่เหตุการณ์ข้อ 4. ตาม#3 ครับ ปัญหาต่อไปคือแล้วเซลล์สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นส่งต่อสารพันธุกรรมได้อย่างไร? หากไม่มีการส่งต่อสารพันธุกรรม องค์ประกอบของชีวิตก็ไม่สมบูรณ์ครับ เพื่อขยายความให้ชัดเจน ผมจำเป็นต้องกล่าวถึง central dogma of molecular biology หรือกลไกการส่งต่อข้อมูลพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต กลไกดังกล่าวถูกเสนอโดย ฟรานซิส คริก (Francis Crick) ครั้งที่เขาได้โนเบลจากการพิสูจน์โครงสร้างของ DNA นั่นแหละครับ คุณคริกกล่าวว่า การส่งต่อข้อมูลพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวจากนิวคลีโอไทด์ไปยังโปรตีน(8)   ข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกเก็บอยู่ใน DNA-deoxyribonucleic acid หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ DNA เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต (ไวรัสบางชนิดอาจมีสารพันธุกรรมเป็น RNA อย่างไรก็ตาม ข้อควรจำอย่างหนึ่งคือไวรัสไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิต) DNA สามารถจำลองตัวเองโดยอาศัยการทำงานของเอ็นไซม์ DNA polymerase (ข้อควรจำคือเอ็นไซม์ก็เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง) ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า replication และจาก DNA จะมีการส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมต่อไปยัง RNA-ribonucleic acid ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า transcription สุดท้ายจาก RNA ถอดรหัสเป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ทางชีวภาพต่อไปด้วยกระบวนการที่เรียกว่า translation กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน สมบูรณ์แบบในตัวเอง ปัญหามันอยู่ตรงนี้นั่นแหละครับ การจำลองตัวเองของสารพันธุกรรมหรือ DNA นั้นต้องอาศัยโปรตีนเร่งปฏิกิริยา ส่วนการสร้างโปรตีนนั้นก็ต้องอาศัยข้อมูลจากสารพันธุกรรม ดังนั้นแล้ว สารอะไรที่เกิดก่อนและสารอะไรที่เกิดทีหลัง (ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน?) ระหว่างสารที่เป็นข้อมูลพันธุกรรมกับสารที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ดังที่พอล เดวีส์ (Paul Devies) นักฟิสิกส์เคยกล่าวไว้ “ถ้าทุกสิ่งต่างก็ต้องการสิ่งอื่นๆ แล้วแรกเริ่มเดิมทีชุมชนโมเลกุลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? มันเหมือนกับว่า จู่ๆส่วนผสมทั้งหมดในครัวก็มารวมกัน แล้วอบตัวเองให้กลายเป็นเค้ก” ----------------------------------------------------------------------------- (8) The central dogma of molecular biology deals with the detailed residue-by-residue transfer of sequential information. It states that information cannot be transferred back from protein to either protein or nucleic acid. Francis Crick, 1958 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 23:20:55 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพื่อตอบปัญหาดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นต้องตั้งทฤษฎี “โลกของ RNA” ขึ้นมาเพื่ออธิบายครับ นักวิทยาศาสตร์เชื่อโลกในยุคแรกๆเป็นโลกของกรดนิวคลีอิก กรดนิวคลีอิกจำนวนมากและหลากหลายกำเนิดขึ้นเองภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม บรรยากาศโลกในยุคดึกดำบรรพ์นั้น ปัญหาสำคัญคือ กรดนิวคลีอิกแรกเริ่มของโลกนี้เป็นประเภทใดระหว่าง RNA ซึ่งเป็นโมเลกุลสายเดี่ยวที่ไม่ยาวและไม่สลับซับซ้อนมากนัก หรือจะเป็น DNA ซึ่งเป็นโมเลกุลสายเกลียวคู่ซึ่งมีความยาวและความสลับซับซ้อนมากกว่า ในอดีตนั้น จากความรู้ทางชีวเคมีและอณูชีววิทยา เรารู้ว่า DNA นั้นเป็นแหล่งรวมข้อมูลทางพันธุกรรมในทุกสิ่งมีชีวิตแต่ไม่มีคุณสมบัติเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบบทบาททางชีวภาพของ RNA มากนักนอกจากการเป็นตัวกลางของการส่งต่อข้อมูลจาก DNA ไปยังโปรตีน จนกระทั่งประมาณปี 1970 มีนักวิทยาศาสตร์ค้นพบคุณสมบัติในการเร่งปฏิกิริยาเคมีของ RNA โดยตั้งชื่อว่า ribozyme ซึ่งสามารถตัดโมเลกุลของตนเองหรือ RNA ตัวอื่นได้ การค้นพบดังกล่าวนี้นำไปสู่ทฤษฎีที่ว่า RNA ที่อุบัติขึ้นมาในยุคแรกน่าจะเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติพิเศษ 2 อย่างภายในตนเองคือ สามารถจำลองแบบตนเองและเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีได้ หากทฤษฎีข้างต้นเป็นจริง นั่นหมายความว่า โลกในยุคแรกก่อนที่จะมีสิ่งมีชีวิตอุบัติขึ้นคงจะมี RNA อยู่ในธรรมชาติในปริมาณที่มากพอควร RNA ดังกล่าวมีการพัฒนาทางด้านโครงสร้างจนมีคุณสมบัติที่สามารถจำลองตนเองได้โดยอาศัยการช่วยตัวเองจากคุณสมบัติในการเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา มีการเกิด RNA รูปแบบสายใหม่ๆที่แตกต่างกันออกไป บางรูปแบบมีความคงทนต่อสภาวะมากกว่า บางรูปแบบมีคุณสมบัติในการจำลองตนเองมากกว่า ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำและเกิดการคัดเลือกทางโมเลกุล (molecular selection) เพื่อให้ได้รูปแบบโมเลกุลที่เหมาะสมที่สุด ในปี 1986 วอลเตอร์ กิลเบิร์ต (Walter Gilbert-คนที่พัฒนาเทคนิค DNA sequencing นั่นแหละครับ) จึงตั้งชื่อยุคนั้นว่าเป็น “โลกของ RNA” ครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากทฤษฎีโลกของ RNA การแข่งขันทางเคมีของ RNA คงจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆร่วมกับสารโมเลกุลอื่นๆรอบข้างอย่าง DNA และโปรตีน ที่ผุดบังเกิดขึ้นมาในยุคแรกๆเช่นกัน เมื่อมีวิวัฒนาการเชิงโมเลกุล (molecular evolution) มาถึงจุดที่กรดนิวคลีอิกและโปรตีนมีการประสานประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ โดยกรดนิวคลีอิกทำหน้าที่กำหนดโครงสร้างและคุณสมบัติของโปรตีน ในขณะเดียวกันโปรตีนก็มีส่วนช่วยในการเร่งปฏิกิริยาเคมีในการจำลองตัวของกรดนิวคลีอิก จึงทำให้เกิดกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติของการทำงานร่วมกันในที่สุด แน่นอนว่าในระหว่างนั้นก็คงมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทให้ DNA ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ความจุของข้อมูลมากกว่า สลับซับซ้อนกว่าและมีเสถียรภาพมากกว่า เป็นสารพันธุกรรม ขณะที่ RNA ลดบทบาทลงมาเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดข้อมูล กลไกการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นนี้ฟังแล้วช่างน่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทฤษฎีโลกของ RNA จะฟังดูน่าเชื่อถือและมีเหตุผล แต่ข้อเสียสำคัญคือ นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีได้เลยครับ สุดท้าย เราจึงไม่สามารถสรุปได้ว่า สิ่งมีชีวิตสามารถผุดบังเกิดขึ้นจากความไม่มีชีวิต บนโลกใบนี้ได้หรือไม่? จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากที่หลายๆคนมึนหัวไปกับหลายๆทฤษฎีและการทดลองจากฝั่ง Inevitablilist (เลี่ยงไม่ได้ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน) แล้วผมก็จะนำทุกคนเข้าสู่แนวคิดของอีกฝั่งบ้างครับ ฝั่ง Improbabilist (ยากที่จะเป็นไปได้) นั่นกล่าวว่า สิ่งมีชีวิตมีกำเนิดมาจากนอกโลก ที่ฟังได้สบายๆและปวดหัวน้อยกว่า น่าแปลกที่แนวคิดของฝั่งนี้มีทฤษฎี คำอธิบายที่สมเหตุผลน้อยกว่าแต่กลับมีหลักฐานเชิงประจักษ์มากกว่าครับ ทฤษฎีที่กล่าวว่ากำเนิดชีวิตมาจากต่างดาวนั้นที่มีชื่อเสียงมากคือทฤษฎีแพนสเปอร์เมีย (Panspermia theory) (9)  ซึ่งถูกเสนอเป็นครั้งแรกโดยนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ เฟรด ฮอยล์ (Fred Hoyle)(10)  ว่า สารอินทรีย์ที่จำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตนั้นมีอยู่ทั่วไปนอกโลก แพร่กระจายไปในห้วงอวกาศและอาจติดมากับเทหวัตถุที่ตกลงสู่โลก ทฤษฎีนี้มีหลักฐาน (evidence) สนับสนุนค่อนข้างมากครับ ตัวอย่างเช่น ปี 1969 อุกกาบาตเมอร์ซิสันตกลง ณ ประเทศออสเตรเลีย อุกกาบาตลูกดังกล่าวมีอายุ 4.5 พันล้านปี และมีกรดอะมิโน 70 กว่าชนิดกระจายอยู่ทั่วไปหมด ในจำนวนดังกล่าวมี 8 ชนิดที่มีความสัมพันธ์กับโปรตีนที่พบบนโลก ในปลายปี 2001 คณะนักวิทยาศาสตร์ยังตรวจพบน้ำตาล polyol ในอุกกาบาตเมอร์ซิสันอีกด้วย หลังจากนั้นก็มีการค้นพบสารอินทรีย์ในอุกกาบาตชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั่วโลกจำนวนมาก ในแต่ละวัน อุกกาบาตและสะเก็ดดาว จำนวนมากตกลงสู่โลก สิ่งที่มาด้วยคือ คาร์บอนโมเลกุล Polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) ในรูปอนุภาคฝุ่นอวกาศปริมาณตกสู่โลก นับรวมมีน้ำหนักหลายสิบตัน โดยตกกระจัดกระจายทั่วไป เช่นในมหาสมุทร ป่าทึบ ทะเลทราย หรือขั้วโลก แม้กระทั้งในเมือง อุกกาบาตเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าจักรวาลอุดมไปด้วยสารอินทรีย์ สารอินทรีย์จำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง-สารที่นักวิทยาศาสตร์เคยเชื่อกันว่าบังเกิดเฉพาะบนโลก-ที่อยู่อาศัยเดียวของสิ่งมีชีวิต มีการคาดการณ์ว่าดาวหางมีองค์ประกอบเป็นสารอินทรีย์จำนวนมากเช่นกัน หากสารอินทรีย์เหล่านี้ตกลงสู่โลกในยุคแรกๆในปริมาณที่มากพอ โลกก็มีสารประกอบพื้นฐานเพียงพอในการสร้างสิ่งมีชีวิต (จินตนาการคล้ายๆกับมีตัวต่อเลโก้จากฟากฟ้าหล่นลงมายังหลังคาบ้านของคุณทุกวัน ไม่นานนักก็คงต่อก็อตซิลล่าสักตัวได้) ----------------------------------------------------------------------------- (9) ทฤษฎีนี้มีใครก็ไม่ทราบตั้งชื่อไทยให้โก้เก๋?ว่า ทฤษฎีอสุจิสากล และสื่อหนังสือพิมพ์ก็นิยมนำชื่อนี้ไปใช้ในหน้าข่าววิทยาศาสตร์เสียด้วย ในความเห็นส่วนตัวผมรับไม่ได้กับชื่อนี้โดยสิ้นเชิงครับ (10) แม้ว่าก่อนหน้านั้น วิลเลียม ทอมสัน เคลวิน (William Thomson Kelvin) นักฟิสิกส์ผู้คิดมาตราอุณหภูมิตามสกุลของเขาจะเคยกล่าวไว้ว่า “อุกกาบาตอาจเป็นผู้นำเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตมาสู่โลก” แต่เขาก็ไม่ได้เสนอทฤษฎีขึ้นอย่างเป็นทางการ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นอกจากทฤษฎีแพนสเปอร์เมียอย่างอ่อน ยังมีผู้เสนอว่าสิ่งที่มาจากอวกาศอาจจะไม่ใช่แค่สารอินทรีย์พื้นฐานแต่เป็นโมเลกุลที่มีความซับซ้อนมากอย่างเช่น สารพันธุกรรมหรือกระทั่งโครงสร้างในรูปแบบเซลล์สิ่งมีชีวิต ซึ่งก็ไม่ใช่คำกล่าวอ้างเลื่อนลอยเสียด้วยครับ ปี 1996 มีการค้นพบจุลินทรีย์ที่ติดมากับอุกกาบาตซึ่งเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของดาวอังคารเมื่อประมาณ 16 ล้านปีที่แล้วและตกลงสู่ทวีปแอนตาร์กติกาเมื่อ 13,000 ปีก่อน ปัจจุบันนักชีวดาราศาสตร์แห่งนาซ่าก็ยังคงทำการวิจัย ศึกษาตัวอย่างจากอวกาศอย่างต่อเนื่องถึงรูปแบบสิ่งมีชีวิตง่ายๆ (สิ่งมีชีวิตจำพวกจุลินทรีย์) บนดาวอังคารที่คาดว่าน่าจะเคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่อย่างต่อเนื่องครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กล่าวโดยสรุป สมมติฐานชีวิตจากอวกาศคือ สิ่งมีชีวิตในรูปแบบง่ายๆนั้นบังเกิดขึ้นในอวกาศ ล่องลอยอยู่ในเมฆหมอก interstellar coulds ซึ่งเป็นฉากหลังของกาแล็กซี่ พาตัวเองติดไปกับดาวหาง สะเก็ดดาว เทหวัตถุต่างๆที่พร้อมจะตกลงสู่ดาวเคราะห์ต่างๆ หากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม (มีแหล่งน้ำ สภาพอากาศ อุณหภูมิเหมาะสม องค์ประกอบทางเคมีธรรมชาติ มีความมั่นคงเพียงพอ) ก็วิวัฒน์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนต่อไปในดาวเคราะห์นั้นๆ แนวคิดทฤษฎีที่ว่าสิ่งมีชีวิตมาจากอวกาศนอกโลกนั้นมีข้อกังขา 2 ประการหลักๆ ประการที่หนึ่ง มันเป็นการตอบคำถามแบบกำปั้นทุบดิน ผลักภาระ โยนความรับผิดชอบไปยังที่อื่น เมื่อมีผู้ตั้งคำถามว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกกำเนิดขึ้นได้อย่างไร? คนที่ยึดถือตามแนวคิดนี้ก็ตอบว่า “สิ่งมีชีวิตมีต้นกำเนิดมาจากนอกโลก” ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เรากระจ่างในคำถามขึ้นเท่าไรนัก ประการที่สอง บรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ผู้คนต่างให้ความเคารพนับถือพากันตื่นเต้นกับแนวคิดดังกล่าวในระดับที่บางคนมองว่าขาดการใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ ฟรานซิส คริก นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลที่กล่าวถึงบ่อยๆในกระทู้นี้เคยพูดกับเพื่อนร่วมงานว่า “โลกจะต้องถูกมนุษย์ต่างดาวผู้มีสติปัญญาสูงส่งหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตไว้อย่างแน่นอน” จนมีผู้วิจารณ์ว่า “อยู่สุดขอบของความน่าเคารพนับถือทางวิทยาศาสตร์” ส่วนเฟรด ฮอยล์กับจันทรา วิกรมสิงห์ (Chandra Wickramasighe) บั่นทอนความน่าเชื่อถือของทฤษฎีนี้ลงไปอีกว่า อวกาศนอกโลกไม่เพียงแต่ให้ชีวิตแก่เราเท่านั้น แต่ยังนำโรคภัยไข้เจ็บมากมายมาสู่เราด้วยเช่น ไข้หวัดใหญ่และกาฬโรค ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่า กำเนิดของสิ่งมีชีวิตมาจากไหน นั้นก็ยังไม่สรุปได้ การเชื่ออย่างฟันธงไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งนั้นเท่ากับการสรุปจากความไม่รู้ (Argumentum ad ignorantiam) ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตจะบังเกิดขึ้นเองบนโลกนี้ มาจากที่อื่นในอวกาศ หรือถูกสร้างขึ้นจากสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา ก็ยังคงเป็นปริศนาให้เราค้นคว้าต่อไปครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Reference ประเวศ วะสี. ธรรมชาติของสรรพสิ่ง การเข้าถึงความจริงทั้งหมด. 2547. สำนักพิมพ์ร่วมด้วยช่วยกัน. Bryson Bill. ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง จากจักรวาลถึงเซลล์. 2551. สำนักพิมพ์วงกลม Kaku Michio. Parallel worlds. 2005. Penguin books. ฉัตรชัย งามเรียบสกุล. ต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิต (The origin of life). site: http://www.vcharkarn.com/varticle/441 อภิธานศัพท์ฟิสิกส์ site: http://www.electron.rmutphysics.com นิทานแสนสนุก site: http://advisor.anamai.moph.go.th/tamra/nitan/tale03.html NASA Astrobiology Program site: http://astrobiology.nasa.gov http://www.th.wikipedia.org http://www.en.wikipedia.org ภาพประกอบ http://www.nature.com/nchembio/journal http://www.en.wikipedia.org http://www.nasa.gov http://innovech.files.wordpress.com http://faculty.uca.edu จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 21:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เนื้อหาเยี่ยมครับ การอ้างอิง เชิงอรรถ ใช้ได้ทีเดียว เป็นตัวอย่างให้ เยาวชนในการเขียนบทความวิทยาศาสตร์ที่ดีมาก จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ก.ค. 52 21:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้ววว เดี๋ยวมาตามอ่านครับ จากคุณ : nOnG_WinZ - [ 5 ก.ค. 52 21:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อืม เข้ามาดู จากคุณ : GlasNost - [ 5 ก.ค. 52 22:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถูกใจมากมายครับ... สมัยเรียนปริญญาตรี เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน แต่หาคนที่สนใจเรื่องเดียวกันคุยด้วยไม่ได้เลย ก็เลยทิ้งความรู้พวกนี้ใส่ตู้ไปหมดแล้ว... มีหนังสืออยู่เล่มนึงเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างละเอียดเลยครับ แต่เสียดายที่ให้รุ่นน้องไปแล้ว หนังสือชื่อว่า The Origin of Life  (คล้ายๆ ชื่อกระทู้เลย) ผู้แต่ง Paul Davies ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอ pdf file จาก จขกท สักหน่อยได้ไหมครับ อยากจะเอาไปเผยแพร่ต่อๆ ครับ จากคุณ : P-type Alchemist - [ 5 ก.ค. 52 22:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Goldilocks ใช่ที่เข้าไปในบ้านหมี 3 ตัวป่ะ ที่ข้าวร้อนไปก็กินไม่ได้ ข้าวเย็นไปก็ไม่อร่อย ข้าวอุ่นพอดี ๆ กำลังอร่อย เตียงแข็งไป เตียงนิ่มไปนอนไม่ได้ ต้องพอดี ๆ เหมือนกะโลกต้องอยู่ในบริเวณที่พอดี ๆ ไม่ร้อนไปหรือเย็นไป จึงจะเกิดสิ่งมีชีวิตได้ จากคุณ : MoMelyz - [ 5 ก.ค. 52 22:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แวะมาให้กำลังใจเฉยๆ ความรู้ ม.ปลาย แทบไม่เหลือแล้วววว จากคุณ : Cocopok - [ 5 ก.ค. 52 22:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านจบรอบแรกไปแล้ว แต่คงต้องอ่านอีกรอบค่ะ... จากคุณ : primjang - [ 5 ก.ค. 52 22:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คิดว่าคงไม่ใช่แล้วค่ะ เพราะในไบเบิ้ลบอกไว้ว่า พระเจ้าต่างหากที่สร้างสิ่งมีชีวิต จากคุณ : หลานแว่น (mint_la) - [ 5 ก.ค. 52 22:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 #14 เคยได้ยินหนังสือชื่อที่ว่าเหมือนกันแต่ยังไม่เคยอ่านครับ ชื่อพอล เดวี่ส์ในกระทู้นี้ก็แอบสะกดผิด อิอิ แต่ยังไม่แก้ตอนนี้เพราะเน็ตเน่า ส่วนไฟล์ pdf ไม่ได้ทำไว้ครับ ใครประสงค์จะ copy กระทู้ไปอ่านก็ทำได้ตามธรรมชาติ แต่หากจะเผยแพร่ขอให้อ้างอิงเครดิตก็พอ สำหรับมิ้นๆ กวนดีจัง ฝากไว้ก่อนนะจ๊ะ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 22:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอลงชื่อไว้ก่อนนะคะพี่คลิปตอม เดี๋ยวว่างๆจะมาอ่านค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 5 ก.ค. 52 22:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ รับไม่ได้ อย่ามาแอบเนียนนะ พี่ลูกเป็ดขี้เกียจ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 5 ก.ค. 52 22:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โหวต  ^^ จากคุณ : ฟินจัง - [ 5 ก.ค. 52 23:01:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณกระทู้ดีๆ  คงน่าทึ่ง ถ้าเราจะรู้ว่าสิ่งต่างๆในโลกนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร จากคุณ : เอแดง - [ 5 ก.ค. 52 23:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^^/  ยังไม่ค่อยไม่เข้าใจ อะ ง่วงแล้วด้วย พรุ่งนี้เข้ามาอ่านอีกรอบนะ จากคุณ : Choco-Mix - [ 5 ก.ค. 52 23:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อาจารย์คลิปคะ หนูยังเป็นนักศึกษาอยู่ค่ะ แงงงงงงงงงงงงงง... อาจารย์ใจร้ายยยยยยยย แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 52 23:35:36 จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 5 ก.ค. 52 23:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เพิ่งเรียนไปเทอมที่แล้วใน gened ... จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 5 ก.ค. 52 23:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นั่นสินะ ไม่มีใครแก่เกินเรียนจริงๆ จากคุณ : ห้ามวางไว้ไกล้เด็ก - [ 5 ก.ค. 52 23:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ลงชื่อก่อน ไว้สติดีๆจะกลับมาอ่าน จากคุณ : taechawat - [ 5 ก.ค. 52 23:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ ตอนแรก พี่ลูกเป็ดฯ หลอกผมได้สนิทเลยนะ ผมมาทันรูปที่โพสนะครับ.... จากคุณ : vandalism - [ 6 ก.ค. 52 00:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านตาลายเลย.....ไม่ได้เรียนม.ปลายอ่ะค่ะ ความรู้ใหม่ๆ จากคุณ : ก้านดอกบัว - [ 6 ก.ค. 52 01:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ~+..เป็นงั้นไป..+~ จากคุณ : JubuChic - [ 6 ก.ค. 52 03:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวต เพราะลืมไปหมดแล้ว อิอิ จากคุณ : bbiggy - [ 6 ก.ค. 52 07:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นเรื่องที่เราอยากรู้มาตลอดเลยนะเนี่ย ไม่มีโอกาสได้เรียนสายวิทย์แต่สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษค่ะ ขอบคุณที่เติมเรื่องราวดีๆ ที่เราอยากรู้ จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 6 ก.ค. 52 08:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นิทานที่มีเด็กเข้าบ้านหมี 3 ตัวที่มีพ่อแม่และลูก ตอนแรกเจอข้าวร้อนไปก็ไม่ดี เจอข้าวเย็นไปก็ไม่ดี แต่พอเจอข้าวชามที่ 3 ที่อุ่นพอดี จึงทานได้ ต่อมาเจอเก้าอี้ใหญ่ไปไม่ดีเล็ไปไม่ดี แล้วจึงเจอเตียง 3 แบบเช่นกันที่แข็งไปไม่ดี นิ่มไปไม่ดี พ่อเจอเตียงที่นุ่มกำลังดีจึงหลับไป เช่นเดียวกับโลกที่อยู่ใน zone ที่ทุกอย่างกำลังพอดี จึงเกิดปัจจัยทำให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตอยู่ได้บนโลกนี้ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 08:33:17 จากคุณ : _The Enjoy_ - [ 6 ก.ค. 52 08:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณครับ สาระ แบบนี้ทำให้คิดถึงสมัย ม.ปลายจริงๆ ... เป้นไปได้ไหมครับ.. มนุษย์จริงๆ แล้ว มาจากดาวอันไกลโพ้น ผ่านทางรูหนอน .... มายังโลก !!!~ จากคุณ : vn, man - [ 6 ก.ค. 52 09:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โค๊ะ ยากง่าว จากคุณ : อ้ายคนเมือง - [ 6 ก.ค. 52 09:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาลงชื่อเตรียมอ่านรอบสอง งง 55+ จากคุณ : Shiroi Tsuki - [ 6 ก.ค. 52 10:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 #18 อย่าจุดชนวนดิครับ ผมยิ่งหนาวๆร้อนๆอยู่ -*- จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 6 ก.ค. 52 10:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เห็นจำได้ว่าเคยเรียนเลย 555 ขอบคุณ คุณขลิป เอ้ย คุณคริป คะ ^^ จากคุณ : ngbobber - [ 6 ก.ค. 52 11:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 #18 ห้องนี้เป็นห้องวิทยาศาสตร์นะครับ จากคุณ : Walking in the Sunshine - [ 6 ก.ค. 52 11:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 #18 เขาแหย่ผมเล่นครับ ทุกท่านอย่าคิดมาก จากคุณ : Cryptomnesia - [ 6 ก.ค. 52 11:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเคยทำ special study เรื่องนี้ ตอนปริญญาตรีครับ สนุกมาก ๆ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 6 ก.ค. 52 11:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 43 กรี๊ด ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Bookmark อย่างรวดเร็วแล้วมานั่งอ่านแบบค่อยๆซึมซับทุกอักษร ชอบกระทู้แบบนี้มากๆเลย จากคุณ : ไม่ได้อ่าน - [ 6 ก.ค. 52 12:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาเสริมข้อขัดแย้งบ้างค่ะ แม้ว่าเป็นไปได้ ที่กรดอะมิโนจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่มีใครรู้ว่ากรดอะมิโนมารวมตัวกันเป็นโปรตีนซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน สำคัญของชีวิตได้อย่างไร และโปรตีนที่จำลองตัวเองได้เกิดได้อย่างไร การทดลองของ โรเบิร์ต เซาเออร์ (Robert Sauer) ได้ทดลอง "สร้าง" โปรตีนใหม่ โดยเอากรดอะมิโนบางตัวออกและใส่ตัวใหม่เข้าไป พบว่าห่วงโซ่ของโปรตีนไม่ยอมรับกันเลย แสดงว่าโปรตีนเป็นเคมีที่มีองค์ประกอบเป็นระเบียบกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่ยอมรับห่วงโซ่แปลกแต่อย่างใด ใน การเกิดสายโปรตีนสักหนึ่งสาย การเรียงตัวของกรดอะมิโนจะต้องถูกต้องแน่นอนเท่านั้นจึงจะได้โปรตีนที่ สามารถฟังก์ชันได้จริงๆ เช่น A-chain ของอินซูลิน เป็นโปรตีนซึ่งมีกรดอะมิโนอยู่เพียง ๒๑ ตัว โอกาสที่กรดอะมิโนจะมาเรียงตัวจนเกิดสายโปรตีนโดยบังเอิญคือ ๑ ใน ๒,๐๙๗,๑๕๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากครับ ถ้าเราดูสายโปรตีนที่ยาวมากในสมองหรือหัวใจ ช่องทางต่างๆ ที่เป็นประตูปิดกั้นประจุ อาทิ sodium channel เป็นประตูที่โซเดียมจะไหลเข้าเซลล์เพื่อก่อกำเนิดไฟฟ้าหัวใจ sodium channel ประกอบด้วยกรดอะมิโน ๑,๐๕๘ ตัว ตำแหน่งต้องเรียงกันอย่างถูกต้องแม่นยำ หากผิดพลาดอาจหมายถึงชีวิต เช่นกรณีโรคไหลตาย* ซึ่งเกิดในชายหนุ่มแข็งแรง นอนหลับแล้วเสียชีวิต โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยโรคไหลตายเสียชีวิตจากการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่าง รุนแรง (ventricular fibrillation) อันเนื่องมาจากความผิดปรกติของ sodium channel จากการผ่าเหล่าของยีน SCN5A จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 6 ก.ค. 52 13:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่ เพียงแต่ sodium channel ในหัวใจยังมี potassium channel, calcium channel และแต่ละ channel ยังมี "ซับไทป์" (subtype) ต่างๆ อีก เพื่อควบคุมไฟฟ้าหัวใจได้อย่างถูกต้อง เมื่อประมาณ ๒ ปีที่ผ่านมา มีเด็กคนหนึ่งขึ้นไปรับรางวัล ขณะยื่นมือไปรับด้วยความตื่นเต้น เขาก็ล้มลงและเสียชีวิตทันที เราพบว่าเขาเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปรกติของ potassium channel เรียกว่าโรค long QT syndrome จะเห็นได้ว่าระบบร่างกายของมนุษย์และสัตว์สลับซับซ้อนมาก ทุกระบบต้องทำงานประสานกันอย่างถูกต้องแม่นยำเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ หาก มาดูตัวเลข โอกาสที่กรดอะมิโนจะมารวมกันเป็น sodium channel โดยบังเอิญ ยังมีน้อยกว่าโอกาสที่จะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ต่อเนื่องกัน ๒๒๐ งวดเสียอีก หากเป็นโปรตีนที่จำลองตัวเองได้จะสลับซับซ้อนยิ่งขึ้นไปกว่านี้มากมาย โรเบิร์ต เซาเออร์ กล่าวว่า โอกาสที่โปรตีนและดีเอ็นเอที่สามารถจำลองตัวเองได้จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญนั้น ก็เท่าๆ กับโอกาสที่เราจะเจอลอตเตอรี่ตกอยู่บนถนน และบังเอิญใบนั้นถูกรางวัลที่ ๑ และถูกแบบนี้ทุกอาทิตย์ตลอด ๑,๐๐๐ ปี โดยลอตเตอรี่ทุกใบเราเจอโดยบังเอิญ เมอร์เรย์ อีเดน (Murray Eden) แห่งสถาบันเอ็มไอที (Massachusetts Institute of Technology-MIT) ได้คำนวณถึงความซับซ้อนของโมเลกุลของโปรตีนสรุปว่า การสังเคราะห์โปรตีนอย่างง่ายที่สุดที่เกิดโดยบังเอิญจะเกิดได้ ๑ ครั้งในทุกๆ ๑,๐๐๐ ล้านปี ที่มา : นายแพทย์ภากร จันทนมัฏฐะ นิตยสารสารคดี  ฉบับที่ 288   กุมภาพันธ์ 52 ปีที่ 24 จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 6 ก.ค. 52 13:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านเล่นๆนะคะ ไม่ขอพูดถึงประเด็นด้านศาสนา เรื่องการกำเนิดสิ่งมีชีวิตเป็นเรื่องที่ชอบอ่านมากที่สุดเรื่องหนึ่ง รวมถึงเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการด้วยค่ะ แต่น่าเสียดายที่สื่อในเมืองไทยไม่ค่อยหยิบยกประเด็นนี้มาวิเคราะห์กัน ทั้งด้านสนับสนุนและข้อโต้แย้ง ปล. #29 รูปจริงค่ะพี่หมอแวน ไม่ได้ตัดต่อ และเพิ่งถ่ายไม่ถึง 1 เดือนด้วยค่ะ ยังเป็นนักศึกษาจริงๆน้าาา ส่วนพี่คลิป ก็เป็นอาจารย์ที่คณะจริงๆเช่นกันค่ะ ^ ^ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 6 ก.ค. 52 13:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 นายแพทย์ภากร จันทนมัฏฐะ "หลักวิทยาศาสตร์ทั่วไปไม่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์ไบเบิล ยกเว้นทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน" http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 6 ก.ค. 52 13:34:16 A:119.63.85.82 X: TicketID:222975 ]

ความคิดเห็นที่ 48 # 18  ผมกำลังจะเข้ามาแซวเลย โดนตัดหน้า อิอิ อ่านทู้นี้แล้วนึกถึงพวกคุณ Pure Truth คุณ house  มากๆเลย กระทู้นั้นยาวมากกกก อ่านกันมันเลย แต่ก็ได้ความรู้หลายๆด้านดีครับ ผมไม่ได้จุดชนวนน๊า ><" แค่คิดถึงเฉยๆน่ะครับ ปล. ขอบคุณคุณคลิปมากๆครับที่เอาสาระมาฝากกันอีกแล้ว ตอนนี้ยังอ่านไม่จบเลย ไปพักทานข้าวก่อนครับแล้วจะกลับมาอ่านให้จบ ^^ จากคุณ : ZZsassyZ - [ 6 ก.ค. 52 13:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ อ่านแล้วได้ความรู้ บางทีถ้าสิ่งนี้จะเป็นปริศนาต่อไปก็ดีนะ เพราะจะทำให้มนุษย์ไม่หยุดการเรียนรู้ อะไรที่ไขกระจ่างแล้วมันก็จะไม่น่าสนใจอีกต่อไป อีกอย่างหนึ่ง เรื่องกำเนิดสิ่งมีชีวิตนี่ หาคนอภิปรายด้วยยากพอดู เพราะถ้าไม่อิงศาสนาก็คุยกันไม่รู้เรื่องไปเลย ^_^ จากคุณ : Mr.Learning - [ 6 ก.ค. 52 13:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สนุกดีครับ ขอบคุณครับ (ใช้คำนำหน้าว่าอะไรดี) อาจารย์คริป (ละกัน) ต่อจากความรู้ ม.ปลายพอดีเลย เดี๋ยวในอนาคต ไวรัสอาจจะพัฒนาความซับซ้อนของตัวเอง แล้วยึดโลกก็ได้นะครับ ^^ พอยึดแล้วก็ ส่งไปยึดดาวอื่น (ต่อจากข้อความในกระทู้ ที่ว่าไวรัสไม่จัดเป็น สิ่งมีชีวิต -> ไปค้นดูเค้าเขียนไว้ว่ามันยังเป็นอะไรที่ก้ำกึ่งตรงคำนิยามคำว่า "life" ก็คือยังไม่สรุปแน่นอน - แต่ดูเหมือนจะเอนเอียงไปทาง "มีชีวิต" มากกว่า "ไม่มีชีวิต" นะครับ เค้าบอกว่าดูจากวิธีการ reproduce ตัวเอง ที่ใช้สิ่งมีชีวิตอื่นช่วยทำ (เข้าไปในเซลล์อื่นนั่นแหละ) ก็คล้ายกับดอกไม้ที่ต้องใช้ นก ใช้แมลง ในการช่วยนำเมล็ด/ละอองเกสรไปแพร่พันธุ์) จากคุณ : Dr-Zeratul - [ 6 ก.ค. 52 14:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถึงจะโยนหน้าที่กำเนิดชีวิตให้มาจากนอกโลก ก็จะต้องมีจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลกอยู่ดี จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 6 ก.ค. 52 14:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 #51 น่าจะเพราะว่า ดาวอื่นอาจจะเกิดก่อนเรา แต่ที่แน่ๆ จักรวาลเกิดมานานกว่า 1,000 ล้านปี (ตามตัวเลขของพี่ลูกเป็ดขี้เกียจ (ใช้พี่ถูกแล้วมั้ง ??)) น่าจะมีสิทธิ์เกิดโปรตีนมากกว่าที่เกิดบนโลกเราเฉยๆ ล่ะ ถ้าเกิดว่าเกิดโปรตีนจากนอกโลก เยอะๆ เข้าแล้วรวมๆ มาตกบนโลกตามทฤษฎีตัวต่อเลโก้จากฟากฟ้านั่น มันก็ดูจะเป็นไปได้... ใช่ไหมครับ ?? จากคุณ : Dr-Zeratul - [ 6 ก.ค. 52 14:59:45 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่มีเลยความรู้ชีววิทยา จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 6 ก.ค. 52 15:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอนนี้อ่านไม่ไหวค่ะ แต่เดี๋ยวต้องมาอ่านให้จบให้ได้ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : มิรันดา - [ 6 ก.ค. 52 15:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ชาวดาวทรานทอร์ อยากรู้ว่าดาวแบบไหนถึงจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ จึงยิงอุกกาบาต ที่มีกรดอมิโนหลายชนิด ไปทั่วจักรวาล แล้วคอยเฝ้าดู... จากคุณ : chidkido - [ 6 ก.ค. 52 16:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เอ่อเพิ่งอ่านภาคภาษาอังกฤษของ princilpld of zoology ไปเองอ่า ของ zoology เค้าพูดถึงแค่ทฤษฏีอันแรกว่าสารชีวโมเลกุลตัวแรกทีน่าจะเป็นคือ กรดอะมิโน โดยอ้างอิงถึงสภาพของโลก ณ เวลานั้น ส่วนทฤษฏีที่สองที่เค้าอ้างว่าเกิดจากอุกาบาต ผมคิดว่ายังงัยก็ยังต้องอ้างอิง ทฤษฏ๊แรกอยู่ดี ส่วนข้อโต้แย้งของคุณ ลูกเป็ดขี้เกียจ ผมคิดว่า จริงอยู่การสร้างโปรตีนตัวใหม่ (ที่ยังไม่มีในโลก) มันก็เหมือนกับการซื้อหวย แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะเมื่อธรรมชาติสุ่มได้โปรตีนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแล้ว โปรตีนนั้นก็จะคงสภาพได้ดี และมีมากกว่าโปรตีนอื่นๆ (ตามหลัก natural selection) ดังนั้นการสร้างสารชีวโมเลกุลต่อๆมาก็เลยไม่เหมือนกับการซื้อหวยโดยปริยาย เพราะมันถูกคัดเลือกมาตั้งแต่แรกแล้ว จากคุณ : gor_kub - [ 6 ก.ค. 52 16:12:42 A:130.243.162.25 X: TicketID:218703 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ได้ความรู้เยอะทีเดียวครับ ถึงแม้บางจุดต้องยอมข้ามเพราะไม่มีความรู้ส่วนนี้เลย จากคุณ : Steyr Commando - [ 6 ก.ค. 52 16:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 58 # คห.56 ข้อโต้แย้งของคุณหมอในย่อหน้านี้ ไม่ได้หมายถึงประเด็นของการปรับตัว หรือวิวัฒนาการค่ะ แต่หมายถึงแง่ของ probability ความเห็นส่วนตัว : เชื่อว่านี่เหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้แนวคิด Improbabilist เป็นแนวคิดที่ไม่ตกไป เพราะถ้าหากว่ากันตามทฤษฏีแล้ว แนวคิด Inevitablilist ดูน่าสนใจ และตอบคำถามได้ตรงตัวกว่าแนวคิดแรกค่ะ ปล.เคยมองในมุมกลับกัน ของทฤษฎีบ้านหมีสามตัว ทฤษฎีนี้กล่าวว่า "โลก" มีสภาวะแวดล้อม "เหมาะสม" กับการเกิดสิ่งมีชีวิต แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เราวิเคราะห์ "ทุกอย่างตามองค์ความรู้ที่เรามีอยู่" ถ้าหากมีสิ่งอื่นๆที่นอกเหนือจากความรู้ของมนุษย์ล่ะ?? (ย่อหน้าต่อไปนี้เป็นความเพ้อฝันล้วนๆ ไม่มีทฤษฏีหรือแนวคิดทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนค่ะ) เป็นไปได้ไหม ที่จะมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแบบคาร์บอน (carbon based life) และแน่นอนว่าองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็น "น้ำ" เสมอไป ถ้าอย่างนั้น บางที ณ ใจกลางของดวงอาทิตย์ อาจมีสิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งก็เป็นได้... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 6 ก.ค. 52 16:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ยังอ่านไม่จบ เดี๋ยวมาอ่านใหม่ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : bombik - [ 6 ก.ค. 52 17:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ึตอบคุณ ลูกเป็ดขี้เกียจ ความคิดเห็นที่ 58 ผมว่าในความคิดเห็นที่ 56 กล่าวถึง คือการคิดโอกาสความน่าจะเป็นแบบรวดเดียวหมด มันไม่ถูกครับ เหมือนกับคุณมีcombination lock สามหลัก มี10ตัวเลขในหนึ่งหลัก ให้หมุนเลยอย่างrandom โอกาสถูก จะน้อย (1ใน1000) แต่ถ้าเป็นหมุนอันที่หนึ่งแล้วมีเสียงบอกว่าถูกแล้ว หมุนอันที่สองก็มีเสียงบอกว่าถูกแล้ว อย่างนี้ หมุนมากสุดแค่30ครั้ง ดังนั้นถ้าamino acid ที่เข้ามาต่อกัน บางตัวการต่อจะทำให้เสถียรกว่า เส้นนั้นก็จะอยู่รอดต่อไปมากกว่า แนวความคิดนี้มากจากNatural selection ครับมีการพูดถึงอย่างvideo clipด้านล่าง หรือ paperอันนี้ http://www.pnas.org/content/early/2008/09/11/0806714105.abstract จากคุณ : KL - [ 6 ก.ค. 52 17:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 61 selection บางคนกลายเป็นความบังเอิญเฉยเลย และเรื่องความน่าจะเป็นนั้นนอกจากเรื่องที่สุ่มถูกแล้วโดนล็อคแล้ว ยังมีกฎกำกับอีก ทอยลูกเต๋าหกหน้าที่มี 1-6 ต่อให้ทอยกี่ครั้งก็ตามยังไงก็ไม่ได้ 7 จากคุณ : silverspider - [ 6 ก.ค. 52 19:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 62 Panspermia = pan + sperma = all + seed ถ้าจะแปลไทยใช้ "เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต" นะแหละ เรื่อง "อสุจิสากล" นี่คาดว่าคนแปล แปลตรง ๆ จาก sperm แหง จากคุณ : silverspider - [ 6 ก.ค. 52 19:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คอนเทนท์ ดี การใช้เหตุและผลดี ภาพประกอบดี อ้าวเชิญคนพรีเซ็นต์คนต่อไปครับ จากคุณ : nine_ichatta - [ 6 ก.ค. 52 20:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอนอกเรื่องหน่อย ความคิดเห็นที่ 46 ทำไมเมืองไทยไม่ค่อยมีการวิเคราะห์ข้อสนับสนุน และโต้แย้งทางวิวัฒนาการ มองในแง่ร้าย วงการวิชาชีววิทยา ที่เกี่ยวของกับวิวัฒนาการไม่ค่อยเป็นที่สนใจของคนทั่วไป (สังเกตจาก Misconception ของชาวพันทิปในหลายกระทู้ แม้แต่คนที่สนับสนุนวิวัฒนาการ) ไม่ค่อยมีการประชุมวิชาการเรื่องวิวัฒนาการที่ถกเถียงบางประเด็นในวิวัฒนาการ เช่น Hobbits (Homo floresiensis) มาจากไหน หรือมีแต่สื่อไม่สนใจ แต่ขอย้ำว่ากรณีนี้ไม่ใช่ถกเถียงว่าวิวัฒนาการไม่จริง ไม่มีนัก"ชีววิทยา"สติดีๆ ทำงานวิจัย อ่านเปเปอร์จริงๆ จัง คนไหนหรอก ที่บอกว่าวิวัฒนาการไม่เกิดขึ้นจริง แต่บางคนอาจสงสัยว่ามีกลไกอย่างอื่นนอกจากที่มีในทฤษฎีวิวัฒนาการในปัจจุบันหรือเปล่าก็เท่านั้น ไม่ใช่โต้ว่าวิวัฒนาการไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเช่นนั้นไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ มองในแง่ดี บ้านเรายังไม่มีนักการเมือง หรือ NGO คลั่งศาสนาเข้าไปพยายามควบคุมหลักสูตรชีววิทยา ถ้ามีึคนประเภทนี้จริงๆ เราจะเห็นคนแบบหมอภากรมาออกตามสื่อบ่อยๆ พยายามเสนอข้อโต้แย้งวิวัฒนาการ (ซึ่งเต็มไปด้วย Misconception) หลอกลวงคนทั่วไป ให้เอาทฤษฎีวิทยาศาสตร์จอมปลอมอย่าง Intelligent design ยัดใส่ในหลักสูตร จากคุณ : Geneticist - [ 6 ก.ค. 52 20:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เห็นด้วยกับ คุณ ๕๑ นะ ทฤษฏีที่สองที่ว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกมาจากนอกโลก ก็ไม่อธิบายอยู่ดี ว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกเกิดมาได้ยังไง จขกท.ว่าไงล่ะ จากคุณ : ??????????? - [ 6 ก.ค. 52 21:02:35 A:222.70.102.145 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก ก็สร้างโดยพญาแถนไงครับ จากคุณ : PUFF - [ 6 ก.ค. 52 22:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่า ไม่รู้ว่านอกเรื่องหรือเปล่า เราว่าเรื่องที่น่าสนใจกว่าวิวัฒนาการก็คือเรื่อง mutation ว่ามัน random หรือ non-random กระแส non-random mutation ตอนนี้มาแรงมาก ตัวอย่าง http://jb.asm.org/cgi/content/full/182/11/2993 เราิเคยได้ยินมาหลายปีแล้ว ว่าเวลาที่แบคทีเรียอดสารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีระบบซึ่งทำให้ ยีนที่รับผิดชอบการสลายสารอาหารชนิดนั้นและที่คล้ายกัน เกิดมีหลายชุดมากขึ้น แล้วยัง mutate บ่อยกว่าปกติ สุดท้ายก็จะไปเร่ง วิวัฒนาการของยีนนั้น ทำให้ใช้สลายสารอาหารอื่นมาแทนได้ คล้าย ๆ กับทฤษฏีของ Lamark (ถึงจริง ๆ จะไม่ใช่) ที่สภาพแวดล้อมและการใช้งานสามารถ เร่งวิวัฒนาการได้ กลไกการเกิดมิวเตชั่นอย่างไม่สุ่ม เราว่ามันน่าสนใจมากกว่า เพราะเรื่องนี้จะสามารถศึกษากลไกเพื่อ เพื่อใช้เิร่งวิวัฒนาการของพืช หรือแม้แต่มนุษย์ วันนึงเราจะได้มีปีกกันซะที จากคุณ : Black-White&Gray - [ 6 ก.ค. 52 22:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมค่อนข้างงงกับวิธีคิดของนายแพทย์ภากร จันทนมัฏฐะ นะครับ อาจเป็นเพราะท่านเป็นแพทย์ จึงทำให้คิดถึงมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการสูงที่สุด และมีความซับซ้อนมากที่สุด หากจะยกตัวอย่างการกำเนิดสิ่งมีชีวิต ไม่ควรยกตรงนี้ครับ ควรยกสิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างเรียบง่าย อย่างแบคทีเรีย ถึงแม้ว่าจะมีโปรตีนซึ่งมีความซับซ้อนอย่างน่าอัศจรรย์อยู่ดี แต่ก็ไม่ได้อาศัย เรื่องซับซ้อนมากๆ อย่าง Na หรือ K channel เลยครับ จากคุณ : vandalism - [ 6 ก.ค. 52 22:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เชื่อทฤษฎีแรกมากกว่า  ถึงจะยังไม่ได้คำตอบ  แต่ก็ดูจริงใจดีที่ถามไปจนถึงจุดเริ่มต้นจริงๆ   ทฤษฎีที่สองแค่ถาม  ก็ยังไม่ถามเลยว่า  มนุษย์ต่างดาวหรือจุลินทรีย์จากอุกาบาตมันกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง     ที่เราอยากรู้คือสิ่งมีชีวิตตัวแรกในจักรวาลกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง?     สารอินทรีย์สามารถมีชีวิตขึ้นมาได้ยังไง? จากคุณ : โดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ - [ 6 ก.ค. 52 22:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณครับสนุกมากเลย - ว่างๆผมคงต้องหานิทาน goldilocks มาอ่านแล้วครับ - มีจุลินทรีย์ตกมาพร้อมกับอุกการบาตจริงๆหรอครับเนี่ย สุดยอดเลย - พึ่งสังเกตว่าที่เคยเรียนมาในม.ปลายกับปีหนึ่งเนี่ย จะสอนเฉพาะทฤษฎีแรกครับ จำได้ลางๆว่ามีทฤษฎีการเกิดสารชีวโมเลกุลที่ปล่องภูเขาไฟใต้ทะเลลึก ทีเรียกว่าทฤษฎีพิซซ่าโบราณ, ซุปโบราณด้วย (primitive pizza, primitive soup) เท่โคด - ที่ต่างประเทศมี PhD ด้าน astrobiologist รึเปล่าครับเนี่ย ผมกำลังคิดว่าถ้ามาสอนในประเทศไทยจะมีสภาพเป็นยังไงนะ -*- จากคุณ : ตัวตุ่นตามัว - [ 6 ก.ค. 52 22:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มอขออ่านด้วยคนครับ จากคุณ : kaazanova - [ 6 ก.ค. 52 23:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขออภัยค่า... คือบทความที่ยกมา เรายกมาแค่บางท่อนค่ะ ไม่ได้ยกมาทั้งหมด... จึงทำให้ประเด็นบิดเบือนไป เพราะบทความนั้นกล่าวถึงทั้งทฤษฏีกำเนิดสิ่งมีชีวิต และทฤษฏีวิวัฒนาการค่ะ แต่เห็นด้วยกับ คห.60 ว่าถ้ายกความน่าจะเป็นแบบรวดเดียวหมดไม่ถูกต้องนักจริงๆ ส่วนตัวชอบทั้ง 2 ทฤษฏีนะ แต่มีใจให้ทฤษฏี Improbabilist มากกว่า เพราะรู้สึกเหมือนมีเพื่อนอยู่นอกจักรวาลค่ะ(อารมณ์ฝันเล็กๆ) ประมาณว่าจะได้สืบสาวหาเรื่องราวต่อไปอีก เพราะถ้าพิสูจน์ได้ว่าทฤษฏีนี้มีหลักฐานยืนยันมากพอ ก็จะได้ค้นคว้าต่อไปถึงต้นกำเนิดของวัตถุดิบ และมีการแตกแขนงไปเรื่อยๆ #67 น่าสนใจค่ะ คิดถึงเรือ่ง X-men อยากมีปีกเหมือนกัน... แต่เคยอ่านพบว่า ถ้าคนเรามีปีก เราจะต้องมีกล้ามเนื้อประมาณนี้จึงจะบินขึ้น เพราะลักษณะโครงสร้างเราต่างจากนก ซึ่งมีลักษณะกระดูกกลวง ไม่แน่ใจว่าเท็จจริงแต่ประการใด จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 6 ก.ค. 52 23:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน จากคุณ : It_Nice - [ 6 ก.ค. 52 23:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 74 แหม.. อาจารย์คลิป เห็นพาดหัวทีแรก รู้สึกว่ากระทู้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนเรียนสาย ปวช อย่างผมเลย แต่อ่านๆไป ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นครับ ผมคิดว่าเป็นการนำเสนอที่เหมาะสมดีครับ ไม่ฟันธงจนเกินเหตุในเรื่องที่ยังไม่สามารถฟันธงได้ รบกวนคุณ house pranote อีกทีนะครับ จำได้ว่าคุณ house เคยบอกไว้ในกระทู้ก่อนโน้น ว่าทฤษฎีของ miller นั้น ล้มเลิกไปทั้งสายแล้ว ผมกลับไปหากระทู้เก่าแล้ว ปรากฏว่า โดนลบไปครับ ทั้งๆที่พยายามกดให้เก็บไว้ในคลังก็ยังไม่ทันการณ์ จากคุณ : ksk - [ วันอาสาฬหบูชา 10:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ถ้าเราตัดสินว่ามนุษย์ต่างดาวสร้าง คำถามก็จะคือว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันหลังจากเกิด Big Bang แล้วทำไมเซลล์มนุษย์ต่างดาวถึงจับกรดอะมิโนเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนเราได้งั้นล่ะ? อีกอย่างที่บอกว่า "โอกาสใน 1 ต่อล้านล้านครั้ง" นี่ - ไม่ใช่หมายความว่า มันจะต้องประสบผลในครั้งที่ 1 ล้านล้านซะหน่อย มันอาจจะฟลุคเจอสารประกอบของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ครั้งที่ 1 แสนแรกก็ได้ - การเกิดนั้นมันไม่จำเป็นต้องไล่เรียงเอาแบบตรงๆ แต่พยายามค้นเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเองก็ได้ เช่นโอกาสไหนที่มันไม่น่าจะเกิดแน่ๆ ก็ไม่ไปเกิดมันซะเลย - เหตุบังเอิญไม่จำเป็นเกิดทีละครั้งๆ เท่านั้น ณ จุดหนึ่งๆ แต่สามารถเกิดเหตุไปพร้อมๆ กันทั่วทั้งอวกาศก็ได้ (เช่น ต้องการศึกษาวิธีชงกาแฟ 1 ล้านรูปแบบ ใช้เวลา 1 นาที/1 รูปแบบ เราไม่จำเป็นใช้เวลานานถึง 1 ล้านนาที แต่เลือกใช้คนงาน 1 ล้านคน x ทำคนละ 1 นาทีเท่านั้นเอง) การหลอมรวมโมเลกุลสิ่งมีชีวิตก็เช่นกัน เราไม่ได้มีอะตอม C H O ในจำนวนจำกัดซะหน่อย แต่มีมากมายมหาศาลในอวกาศ แค่นี้ก็จะลดเวลาในการเกิดได้มากทีเดียว จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ - [ วันอาสาฬหบูชา 10:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ม.ต้นเข้ามาอ่านค่า เยอะเเละงงจริงๆ >< จากคุณ : บ้าเกาหลี - [ วันอาสาฬหบูชา 13:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เข้ามาโหวตครับ :-) จากคุณ : au8ust - [ วันอาสาฬหบูชา 14:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ผมมีข้อสงสัยนิดนึงครับ ในด้านของทฤษฏีที่ว่า มีสารอินทรีย์มากมายล่องลอยอยู่ในอวกาศ แล้วติดมากับ อุกกาบาต ที่ตกลงมาบนโลก ในขณะที่อุกกาบาต เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกจะเกิดการเสียดสีกับอาการขึ้น และลุกเป็นไฟ ในขณะนั้น สารอินทรีย์บนอุกกาบาต จะไม่สลายไปก่อนหรอครับ จากคุณ : นร. ม.ปลาย - [ วันอาสาฬหบูชา 14:58:12 A:125.27.230.94 X: ]

ความคิดเห็นที่ 79 #74 ผมเข้าใจว่าคุณคลิปก็เขียนแล้วครับ คือมิลเลอร์ทำแล้วได้แค่นั้น ไม่สามารถต่อยอดไปไกลกว่านั้นได้(ไม่มีชีวิตเกิดขึ้น ในการทดลองมิลเลอร์) และเป็นที่มาของการทดลองอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ขนาดยักษ์ข้อนี้(ซึ่งก็ยังตอบไม่ไ้ด้) ถ้าทฤษฏีของมิลเลอร์ตอบโจทย์เรื่องที่มาของชีวิตได้ เราคงไม่เห็นทฤษฏีอื่นๆ ที่คุณคลิป เขียนตามๆมาครับ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ วันอาสาฬหบูชา 18:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เท่าที่อ่านมานะครับ ยังไม่เซ็คความถูกต้อง การทดลองของมิลเลอร์ ถือว่าไม่สนับสนุนการกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลก เพราะว่าจากหลักฐาน เพิ่มเติมมา สรุปว่าบรรยากาศไม่มีส่วนประกอบเหมือนที่เคยคาดไว้ ที่มิลเลอร์นำมาใช้ครับ แต่เวลาพูดถึงเรื่องนี้ ต้องพูดถึงเรื่องการทดลอง ของมิลเลอร์ทุกครั้งเพราะ 1. เป็นการทดลองยืนยันสมมุติฐาน ไม่ใช่คิดจินตนาการขึ้นมาเล่นๆ 2. เป็นการยืนยันว่า การเกิดกรดอะมิโน ไม่ต้องการขบวนการอะไร ที่ซับซ้อน ดังนั้นจึงทำให้เชื่อได้ว่า กรดอะมิโนสมารถเกิดขึ้นง่ายๆ และมีการยืนยันว่า แม้กระทั่งหางของดาวหาง ยังมีกรดอะมิโนอยู่ด้วย จากคุณ : .eAT - [ วันอาสาฬหบูชา 19:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 81 #4  ข้อควรจำอย่างหนึ่งคือไวรัสไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิต >>ไวรัสจัดเป็นสิ่งมีชีวิต อาณาจักร ไวรา(Kingdom Vira) เป็นอนุภาคเล็กๆที่เรียกว่า ไวริออน ลักษณะ ไม่มีเยื่อหุ้มเซลล์และเป็นเซลล์จำพวกโปรแคริโอต เพิ่มจำนวนเมื่ออยู่ภายในเซลล์ของ สิ่งมีชีวิตอยู่(host) มีขนาดเล็กกว่า 20 มิลิไมครอน โครงสร้างประกอบด้วย RNA,DNA,สารจำพวกโปรตีน จากคุณ : วอหลักสี่ - [ วันอาสาฬหบูชา 20:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สนุกดีค่ะ แต่ว่าเราไม่ได้เรียนม.ปลาย เลยต้องทำความเข้าใจนานหน่อย ขอบคุณมากค่ะสำหรับสาระดีดี จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา - [ วันอาสาฬหบูชา 21:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 83 นายแพทย์ภากร จันทนมัฏฐะ "หลักวิทยาศาสตร์ทั่วไปไม่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์ไบเบิล ยกเว้นทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน" http://nihil.exteen.com/20090422/entry (ลิงค์นี้ลงไม่ครบ แต่อ่านง่าย) http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=910 อันนี้ต้นฉบับ อ่านยาก ตัวหนังสือเป็นพรืด ทำไมมักจะเจอ พวกที่ไม่ยอมรับทฤษฏีวิวัฒนาการ อ้างทฤษฏีผิดๆ อยู่เป็นประจำ ผม เชื่อว่าธรรมชาติมีการคัดเลือก "ตัว" ที่แข็งแรง แต่ไม่ใช่ "เผ่าพันธุ์" ที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าถ้าเราเชื่อแบบนั้นจนหมดก็น่าคิดเหมือนกัน อาทิเราเป็นหมอ เราเห็นเด็กคนหนึ่งเกิดมาอ่อนแอ เราควรรักษาเขาหรือไม่ ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง มีคนเสนอความคิดนี้ออกมาว่า หากเราพยายามรักษาเด็กที่มียีนด้อย ถ้าเขาโตขึ้นเขาจะแพร่ยีนด้อยให้แก่ลูกหลาน และเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ ดังนั้นควรปล่อยให้ทารกที่อ่อนแอตายไปเสีย ถ้าเราเชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการแล้วเราทำตาม ก็ไม่ต้องรักษา ปล่อยให้เสียชีวิตไป ทฤษฎีเขาว่า "เหมาะสม" นะครับ ไม่ใช่ "แข็งแรง" แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 52 21:42:14 จากคุณ : .eAT - [ วันอาสาฬหบูชา 21:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อ๊ากก เรียนม.ปลายจบมาก็จริง แต่ยังว่าเนื้อหายากมากเลย 555 ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ วันอาสาฬหบูชา 22:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ^ ^ ชี้ไปที่ 81 คำว่า"สิ่งมีชีวิต" หมายถึง หน่วยย่อยของเซลล์ที่เล็กที่สุด ที่สามารถ สืบพันธุ์(หรือเรียกว่า ขยายพันธุ์)ได้ด้วยตัวมันเอง  แต่ไวรัส ไม่มีสิ่งเหล่านี้ครับ ไวรัสไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ หากไม่มี host ไปเกาะ ดังนั้น จึงไม่นับไวรัสว่าเป็ฯสิ่งมีชีวิต าส่วที่คุณยกมา ที่บอก kingdom vira นั่น ก็แค่จำแนกไว้เฉยๆครับ และถ้าหากสื่อที่คุณอ้างยกมา เขียนคำว่า "ไวรัสจัดเป็นสิ่งมีชีวิต อาณาจักร ไวรา(Kingdom Vira)" แสดงว่า สื่อนี้พิมพ์ออกมาผิดครับ อีกนัยหนึ่ง ไวรัสก็เปรียบเสมือน "ไมโตคอนเดรีย" ที่มี RNA เป็นของตัวเอง แต่ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ครับ พูดถึงไมโตคอนเดรีย เดี๋ยวยาวครับ แฮะๆ จากคุณ : Agent Molder - [ วันเข้าพรรษา 00:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ผมไม่ชอบให้เอาหลักศาสนา มาอ้างวิทยาศาสตร์ เพราะหลักศาสนาเป็นความเชื่อไม่ต้องการพิสูจน์ แต่วิทยาศาสตร์ ต้องการการพิสูจน์ เพราะฉะนั้นควรแยกกันและไม่เอามาปะปนกันเหมือนดั่งน้ำกับไฟ จากคุณ : หมอหุ้น - [ วันเข้าพรรษา 10:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ผมเชื่อทฤษฎีการต่อยอดครับ เกิดครั้งแรก ๆ อาจไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ต่อยอดตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสมบูรณ์แบบ แบบที่ไม่สมบูรณ์ จะไม่สามารถคงอยู่ได้นาน . . จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ วันเข้าพรรษา 10:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 88 จขกท  ..."ข้อที่มีคนเข้าใจผิดกันมากที่สุดคือ ความคิดว่ากำเนิดสิ่งมีชีวิตเป็นปัญหาหนึ่งที่ทฤษฎีวิวัฒนาการสามารถให้คำตอบนี้ได้"   Ans. สาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า นักนิยมวิวัฒนาการ(บางคน)ชอบเอา 2 เรื่องนี้มาพูดปนกันครับ ทั้งๆ ที่ประเด็นของการสนทนามีแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น   อย่างเช่นในกระทู้นี้ ซึ่งชัดเจนว่าพูดถึงประเด็นการกำเนิดสิ่งมีชีวิต แต่ก็มีนักนิยมวิวัฒนาการบางคน เอาเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการเข้ามาพูดปะปนไปด้วยเฉยเลย (อย่างเช่น #83 ,  ซึ่งถึงแม้ว่าคุณหมอภากรจะใช้คำที่ไม่ตรงเป๊ะ แต่เนื้อหาต่างๆ ที่คุณหมออธิบายในส่วนนี้ก็ยังถูกต้องอยู่ดีนะครับ) จากคุณ : PureTruth - [ วันเข้าพรรษา 11:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 89 #64 ของ Geneticist  ใช้เหตุผลวิบัติเต็มไปหมดเลย (เป็น Fallacy of Ad Hominem [โจมตีตัวบุคคล] )  เช่น - ไม่มีนัก"ชีววิทยา"สติดีๆ ทำงานวิจัย อ่านเปเปอร์จริงๆ จัง คนไหนหรอก ที่บอกว่าวิวัฒนาการไม่เกิดขึ้นจริง แต่บางคนอาจสงสัยว่ามีกลไกอย่างอื่นนอกจากที่มีในทฤษฎีวิวัฒนาการในปัจจุบันหรือเปล่าก็เท่านั้น - ไม่ใช่โต้ว่าวิวัฒนาการไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเช่นนั้นไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ คำพูดข้างต้นเหล่านี้ไม่มีหลักฐานสนับสนุน   และเป็นการใช้เหตุผลวิบัติ แบบโจมตีตัวบุคคล ครับ Geneticist : "หมอภากร...พยายามเสนอข้อโต้แย้งวิวัฒนาการ (ซึ่งเต็มไปด้วย Misconception) หลอกลวงคนทั่วไป" Ans. Geneticist เองที่เต็มไปด้วย Misconception และหลอกลวงคนทั่วไป         สิ่งต่างๆ ที่ Geneticist พูดโจมตีฝ่ายตรงข้ามนั้น ถูกโต้กลับด้วยเหตุผลและข้อมูลหลักฐานนับครั้งไม่ถ้วน ยกตัวอย่าง เช่น             http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/04/X7810008/X7810008.html         ซึ่งจะเห็นได้ว่าคุณหมอภากรไม่ได้เต็มไปด้วย Misconception อย่างที่ Geneticist กล่าวหา   แต่กลับเป็นตัว Geneticist เอง ที่ไปกล่าวหาเขาอย่างผิดๆ จากคุณ : PureTruth - [ วันเข้าพรรษา 11:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ Cryptomnesia น่าจะเขียนหนังสือนะครับ (จากใจจริง ไม่ได้ประชด หรือแดกดัน) จากผลงานที่ผ่านๆมา ผมว่าทำหนังสือวิทยาศาสตร์ได้เลยจริงๆ ปล. นักศึกษา คำนี้ครอบคลุม ผู้เรียนปริญญาโท และปริญญาเอกด้วยหรือเปล่าครับ O__o จากคุณ : เครื่องทำน้ำขุ่น - [ วันเข้าพรรษา 12:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จาก ความคิดเห็นที่ 38 คุณ house (panote_saechiew) ยังเข้ามาอ่านอยู่ป่ะเนี่ย ถ้ามาเตรียมยาลดไข้หน่อยก็ดีนะครับ ไข้ troll เริ่มระบาดแถวนี้แล้ว ความรู้ เพิ่มเติม Troll นอกจาก อัปลักษณ์ ด้อยปัญญา และอื่นๆ แล้ว ยังหลงตัวเองว่าฉลาดอย่างหนักด้วย เหอๆๆ เรานิทานนอกเรื่องก่อน Troll: Insulin ซับซ้อนมาก โอกาสเกิดอย่างที่กรดอะมิโนบังเอิญเรียงกันเป็น Insulin ทันที เป็นหนึ่งในหลายล้านๆ แถมผิดนิดเดียวแค่ไม่กี่กรด ก็มีปัญหา ดังนั้นเกิดจากวิวัฒนาการไม่ได้หรอก นายเจนสิทธิ์: เอ้า Insulin ไม่ได้อยู่ดีๆ โผล่มาเลยนะ ในสิ่งมีชีวิตอื่นก็มี บรรพบุรุษของ Insulin ที่ทำหน้าที่อื่นๆ เช่น ทำงานในระบบประสาทของปลาหมึก บรรพบุรุษ Insulin บางตัวก็ไม่ได้จำเป็นถึงขนาดขาดแล้วตาย เจ้าบรรพบุรุษ Insulin เหล่านั้นถูก Natural selection เปลี่ยนหน้าตาเรื่อยๆ จนเป็น Insulin หน้าตาอย่างนี้ในมนุษย์ปัจจุบัน ไม่ได้แบบโอมเพี้ยง เกิด Insulin ในบัดดลสักหน่อย แถมในมนุษย์เองยังมียีนที่เป็นพี่น้องของ Insulin ที่หน้าตาต่างตั้งหลายกรดอะมิโนแต่ทำงานได้ และมาจากบรรพบุรุษ Insulin เดียวกัน เรียกรวมๆ กันว่า Insulin superfamily เช่น Insulin-like growth factor ก็ยังทำงานได้นิ เอานี่ review paper ขอรับ (มอบ paper ให้ทั่น Troll) T: ใน Paper ยังบอกเลยว่า วิวัฒนาการของ Insulin ยังไม่เคลียร์ G: (กุมขมับ อุตส่าห์  หาเปเปอร์ให้ ทั่น Troll เล่นยกมาบรรทัดเดียว แถมเป็น Introduction ไม่ใช่ conclusion ของ Paper อ่านจนจบจริงป่ะเนี่ย) เรื่องที่สอง T: เรื่องความหลากหลายของ HLA (หรือ MHC) ไม่ได้บอกนิว่ามนุษย์กลุ่มแรก ต้องเป็นกลุ่มประชากร มีแค่สองคนอดัมกับอีฟก็ได้ แล้วเกิด mutation ภายหลัง G: (ด้วยความเซ็ง ไม่พูดอะไรส่งเปเปอร์จาก Nature ให้ ว่าด้วย Allele ของ HLA หรือ MHC หลายตัวของคนคล้ายกันมากๆ  กับที่พบในชิมแปนซี แปลว่า Allele เหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีมะโว้ ในบรรพบุรุษร่วมคนกับชิมแปนซี และวิธีเดียวที่จะรักษา alleles เหล่านี้ จากบรรพบุรุษร่วม สู่มนุษย์ เกิดได้ในกลุ่มประชากรเท่านั้น เพราะแค่คู่อดัมกับอีฟ จุได้แค่ 4 alleles ต่อยีน แต่ HLA มีเป็นสิบเป็นร้อย alleles ต่อ ยีน) T: เฮ้ยอะไรที่ดูเหมือนๆ กัน ไม่ต้องเกิดจากวิวัฒนาการก็ได้ อาจจะเกิด mutation ภายหลังแล้วบังเอิญเหมือนกันก็ได้ G: (กุมขมับ เรื่อง Homology ยังไม่รู้ แล้วริจะมาถกเรื่องวิวัฒนาการอีก ถ้าตอบไปต้องพายเรื่อวนในอ่างแน่ๆ ประมาณว่า ถ้าเป็นอย่างที่ T บอกโอกาสจะเกิด mutation ให้เหมือนกันแทบเป็นไปไม่ได้ T ต้องตอบว่า นั่นไงความบังเอิญทำให้เกิด HLA คน เหมือนชิมแปนซีไม่ได้ ดังนั้นวิวัฒนาการไม่จริง พระเจ้าต่างหากสร้างมนุษย์) จากคุณ : Geneticist - [ วันเข้าพรรษา 12:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เข้าเรื่องครับ เรื่องความน่าจะเป็นที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดทั้งเรื่องการเกิดสารอินทรีย์ที่เป็น Polymer อย่าง โปรตีน DNA และ RNA (รวมทั้งการเกิดลักษณะใหม่ๆ ทางวิวัฒนาการจากยีนใหม่ แต่ไม่ขอยกมาพูด เดี๋ยวจะเข้าบ้าน Troll) หลายคนมักคิดว่ามันบังเอิญมากเพราะ ไปเข้าใจว่าสาย Polymer พวกนี้เกิดได้ทีละสายๆ ต้องเกิดแบบ Sequence ถูกเป๊ะถึงจะใช้งานได้ แต่จริงๆ แล้ว มันเกิดพร้อมกันได้หลายๆ สายๆ หลายๆ โมเลกุล แต่ละโมเลกุลก็หน้าตาไม่เหมือนกัน เหมือนเวลาเล่นหวย ถ้าเรามาจากบุคคลแค่คนเดียว โอกาสถูกหวยจะต่ำมาก แต่ถ้าเรามององค์รวมว่า หวยงวดหนึ่งถ้ามีคนซื้อครบทุกเบอร์ ยังไงก็ต้องมีใครบางคนถูกหวย ถ้าซื้อครบอย่างนี้ทุกงวดเป็นร้อยเป็นพันหรือล้านปี ทุกงวดก็ต้องมีคนถูกหวย ต่อให้ Scale ใหญ่ขึ้นเป็นพันเป็นล้านเท่า ถ้าคนเล่น หรือโมเลกุลที่เกิดขึ้นมากพอ ก็ต้องมีใครสักคนถูกหวย หรือโมเลกุลสักโมเลกุลตรงกับ Sequence ที่ต้องการเป๊ะ ผมเคยลองคำนวณเล่นๆ ว่าถ้าสุ่มให้เอ็นไซม์สร้าง DNA ที่จะถูกแปล polypeptide มั่วๆ ขึ้นมาทีละสาย เราต้องใช้เวลามากกว่าอายุจักรวาลเพื่อจะำำได้ Insulin แต่ถ้าเอากลไก PCR มาช่วย โดยการทวีคูณ molecule แล้วเพิ่ม 1 random mutation ทุกๆ Cycle เราจะใช้เวลาิอย่างน้อยไม่กี่วันก็ได้ Insulin แล้วครับ จากคุณ : Geneticist - [ วันเข้าพรรษา 13:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อืม  ขอถามท่าน Cryptomnesia หรือท่านๆทั้งหลายอ่ะครับ  คือ เรื่องกำเนิดของสิ่งมีชีวิตเนี่ย  เราควรจะพูดถึง Homochiralityด้วย   ว่าทำไมรูปแบบชีวิตบนโลกจึงเลือกโมเลกุลโปรตีนที่มาจากกรดอะมิโนหมุนซ้าย(L-form)เท่านั้น   แล้วคือถามอาจารย์หลายๆท่านในเมืองไทย  ก็ยังให้คำตอบได้ไม่ตรงจุดอ่ะครับ  คือไม่เก็ทเลยอ่ะ  มีคนบอกมาว่าต้องศึกษาจากAstrobiologyจึงจะได้คำตอบ จากคุณ : โนริแห่งโนบุ - [ วันเข้าพรรษา 15:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ฮูยยยย อยู่สายศิลป์ค่ะ แทบจะไม่ได้สัมผัสความรู้ด้านนี้เท่าไหร่เลย แต่เซพไว้อ่านอีกรอบละ ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ^^ จากคุณ : น.ส.ค้างคาว - [ วันเข้าพรรษา 15:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 95 มีเด็กหญิงคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาสวยน่ารักมาก เด็กหญิงคนนี้ยังมีผมสีทอง ใครๆ จึงเรียกเด็กหญิงคนนี้ว่า "หนูน้อยผมทอง" วันหนึ่ง หนูน้อยผมทองออกจากบ้านไปเที่ยวในป่า หนูน้อยผมทองเดินเรื่อยๆ ไปจนพบบ้านหลังหนึ่ง เห็นปิดประตูสนิทอยู่ จึงเข้าไปถามว่า "มีใครอยู่ข้างในบ้างจ๊ะ" หนูน้อยตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงตอบ หนูน้อนคิดว่า คงไม่มีใครอยู่ข้างในแน่ จึงเปิดประตูเข้าไปห้องแรก หนูน้อยหยิบช้อนตักข้าวต้มในชามใหญ่ชิมดู แล้วพูดว่า "ข้าวต้มในชามนี้เย็นเกินไป" แล้วหนูน้อยก็ตักข้าวต้มในชามในกลาง ชิมดู แล้วพูดว่า "ข้าวต้มในชามนี้ร้อยเกินไป" หนูน้อยหยิบช้อนตักข้าวในชามเล็กชิมดู รู้สึกอร่อย จึงตักข้าวต้มในชามเล็กกินจนหมด เมื่อรับประทานข้าวต้มจนหมดชามแล้ว หนูน้อยก็ออกไปเดินดูบริเวณบ้าน พบห้องๆ หนึ่ง มีเก้าอี้ตั้งอยู่ตรงกลางห้องสามตัว หนูน้อยจึงลองนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ แล้วนึกในใจว่า เก้าอี้ตัวนี้แข็งเหลือเกิน นั่งไม่สบายเลย แล้วหนูน้อยจึงลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ตัวกลาง แล้วพูดว่า "ตัวนี้นุ่มเกินไป นั่งไม่สบาย" หนูน้อยจึงลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ตัวเล็กสุด แล้วพูดว่า "เก้าอี้ตัวนี้ กำลังพอดี" นั่งสบายดีเหลือเกิน ทันใดนั้นเอง ขาเก้าอี้หักหลุดออก หนูน้อยตกลงจากเก้าอี้ ก้นกระแทกกับพื้น จากนั้นหนูน้อยก็เดินไปถึงห้องหนึ่ง ซึ่งมีเตียงอยู่ 3 เตียง หนูน้อยเดินไปที่เตียงใหญ่ขึ้นนอน แล้วพูดว่า "เตียงใหญ่นี่แข็งเกินไป นอนไม่สบาย" หนูน้อยจึงลุกขึ้นไปนอนเตียงกลาง แล้วพูดว่า "เตียงนี้ก็นุ่มเกินไป นอนไม่สบายเลย" หนูน้อยจึงเดินไปนอนเตียงเล็ก แล้วก็พูดว่า "แหมเตียงนี้นอนสบายดีเหลือเกิน" หนูน้อยนอนเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็หลับไป ด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อ พ่อ แม่ และลูกหมี ที่เป็นเจ้าของบ้านกลับมา พ่อหมีเห็นชามข้าวต้มพร่องไป ก็พูดว่า "ดูซิ ใครมาแอบกินข้าวต้มของฉันก็ไม่รู้" แม่หมีหันไปมองชามข้าวต้ม ก็พบว่า ข้ามต้มชามของแม่ก็พร่องไป "ใครมาแอบกินข้าวต้มของฉันก็ไม่รู้" ปม่หมีพูด ลูกหมีหันไปดูชามข้าวต้มใบเล็ก แล้วพูดว่า "ดูซิ ใครมาแอบกินข้าวต้มชามของหนูจนหมดเลย" เมื่อ พ่อ แม่ ลุกเดินไปที่ห้องกลาง ลูกหมีก็พบว่า เก้าอี้ตัวเล็กล้มอยู่กลางห้อง ลูกหมีร้องไห้ด้วยความเสียดาย พ่อ แม่ ลูกหมี เดินไปถึงห้องนอน พ่อหมีเห็นเตียงที่นอน มีรอยยับ จึงพูดว่า "ดูซิมีใครมาแอบนอนเตียงฉันก็ไม่รู้" ลูกหมีเดินไปเตียงของตนเอง แล้วพูดว่า "ดูซิมีใครมาแอบนอนบนเตียงหนูก็ไม่รู้" ฝ่ายหนูน้อยผมทองกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง สะดุ้งตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงหมี 3 ตัวพูดกันอยู่ใกล้ไ เตียง ก็ตกใจกลัว รีบกระโดดจากเตียง วิ่งหนีออกไปจากบ้านหมีทั้งสามโดยเร็ว หนูน้อยผมทองวิ่งๆ ๆ จนออกนอกเขตป่าไม้ นับตั้งแต่นั้นมา หนูน้อยผมทองก็ไม่กล้าเดินเข้าไปในเขตบ้าน ของหมีสามตัวนั้นอีกเลย http://advisor.anamai.moph.go.th/tamra/nitan/tale03.html ไม่มีคำบรรยาย ลอกเขามาทั้งดุ้น โลกเกิดเพราะมีเหตุให้เกิด จากคุณ : yinyos2530 - [ วันเข้าพรรษา 16:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 96 #92  Geneticist " แต่ถ้าเรามององค์รวมว่า หวยงวดหนึ่งถ้ามีคนซื้อครบทุกเบอร์ " Ans. เหตุผลวิบัติ แบบ Fallacy of questionable analogy ครับ (เปรียบเทียบอย่างไม่เหมาะสม)  เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่คุณจะนำมาใช้เทียบเท่ากับการที่มีคนซื้อหวยครบทุกเบอร์  ดังนั้น จะใช้ตัวอย่างนี้แล้วอ้างว่า "ต้องมีคนถูกหวยแน่ๆ "  ไม่ได้ครับ        ลองพิจารณาคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ว่ามันเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติได้หรือไม่ (โดยไม่มีใครไปเกี่ยวข้องเลย)    แม้ว่าตัวอย่างนี้อาจจะไม่ตรงซะทีเดียว แต่ก็จะทำให้ได้ข้อคิดดีๆ หลายอย่างครับ         สำหรับ #91  Geneticist ก็ทำวนลูปเหมือนเดิม นั่นคือ ตอนในขณะที่ถกเถียงกันในกระทู้นั้นๆ พอ Geneticist จนแต้ม ดิ้นไม่ออก ก็วิ่งหนีหายตัวไปอย่างหน้าไม่อาย   แต่พอพูดถึงเหตุการณ์เหล่านั้นอีกครั้งในกระทู้ใหม่  Geneticist ก็จะพูดบิดเบือนความจริงเข้าข้างตัวเอง แล้วก็สรุปว่าตัวเองถูก  (กุมขมับ)    [ใครอยากรู้ความจริงก็ตามไปดูใน Link ละกันนะครับ จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ในกระทู้นี้] จากคุณ : PureTruth - [ วันเข้าพรรษา 16:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 97 #91 คุณ Geneticist ครับ ตอนนั้นหนาวๆร้อนๆ แต่ตอนนี้ไข้ขึ้นแล้วครับ T_T ผมหนีไปนอนดีกว่า จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ วันเข้าพรรษา 16:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ house เป็นไข้หวัด 2009 ป่ะครับ ? ไปตรวจเลยนะครับ อิอิ ง่า -*- จะยาวอีกมั๊ยเนี่ยกระทู้นี้ ผมลุ้นมากๆ ไม่อยากให้กระทู้นี้ของคุณ Cryp ไอดอลผมเป็นเหมือนกระทู้หลายกระทู้ก่อนๆนะครับ จากกระทู้แนว Positive มันจะกลายเป็นกระทู้จิกกัด กระแนะกระแหนกันเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งก็เริ่มเป็นไปแล้วด้วย และทุกกระทู้ผมก็ไม่เคยได้ข้อสรุปครับ แนะนำให้แตกประเด็นเป็นอีกกระทู้นึงไปเลยดีกว่า จากคุณ : ZZsassyZ - [ วันเข้าพรรษา 17:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณ ขอบคุณ และ ขอบคุณ จากคุณ : @power - [ วันเข้าพรรษา 18:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 100 #98 ไข้โทรลครับ คงไม่ยาวละครับ เพราะผมจะไม่ตอบ เริ่มรู้ตัวว่าไร้ประโยชน์ เสียเวลาทำอย่างอื่น -*- จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ วันเข้าพรรษา 18:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ยกตัวอย่างวนหลูบเดิมครับ เอากฏข้อที่2ของเทอร์โมไดนามิกส์ ต่อต้านความน่าจะเป็นสุดขีด ทั้งที่ อ แพรคเคยคำนวนความน่าจะเป็นไว้แล้ว พื้นที่ทดลองมันคือทั้งโลกกับเวลานับล้านปี ทำไมจะทำไม่ได้ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ วันเข้าพรรษา 18:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อืมมมม น่าสนใจจังง จากคุณ : marina_rain - [ วันเข้าพรรษา 21:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 103 #101 สาเหตุที่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ก็เพราะการคำนวณความน่าจะเป็นอย่างที่คุณพูดถึงนั้นมันไม่ถูกต้องครับ (ตามที่ผมได้พูดใน #96)   ลองพิจารณาคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ว่ามันเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติได้หรือไม่ (โดยไม่มีใครไปเกี่ยวข้องเลย)  แล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับว่า การคำนวณความน่าจะเป็นอย่างนั้นมันไม่ถูกต้องอย่างไร จากคุณ : PureTruth - [ วันเข้าพรรษา 22:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ^ ^ มาอีกแล้วพวกช่างนาฬิกา เดี๋ยวนี้กลายเป็นช่างคอมแทนแล้วหรือนี่ สงสัยอยากจะร่วมสมัยกับเค้าบ้าง แต่มีท่าไม้ตายอยู่ท่าเดียว จากคุณ : The Absurdist - [ 9 ก.ค. 52 02:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 105 softwareไม่ต้องมีหรอกครับ คิดว่าเป็นแค่กลไกง่ายๆ ในระดับของอินทรีย์เคมีแล้ว กลไกซับซ้อน มันรวบรัดและคาดการ์ณยากกว่าในของชิ้นใหญ่ๆที่คนส่วนมากจะคิดถึงแต่เรื่องกลศาสตร์ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&area=1&name=board1&topic=24&action=view จากการทดลองเพิ่มเติมโดย G. Cody, E. Schock, และ H. Morowitz ที่ Carnegie Institution of Washington กลุ่มวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นจากการทดลองว่า สภาวะของโลกยุคเริ่มแรกมีสารเคมีที่เป็น intermediates ในวัฏจักร Kreb (มีความสำคัญในการสร้างพลังงานให้กับสิ่งมีชีวิต) เกิดขึ้นหลายตัว เช่น อะซิเตต, ออกซาเลต, ซัคซิเนต, และกรดกลูตามิค จริงอยู่ครับว่าสารเคมีพวกนี้ยังไม่มีชีวิต แต่ชีวิตแรกเริ่มก็ใช่ว่าต้องมีความสลับซับซ้อนมากมาย สิ่งแรกที่เอื้ออำนวยต่อการมีชีวิตอยู่รอดคือ เยื่อเลือกผ่าน ที่จะควบคุมสภาวะในเซลล์ให้คงที่ เพื่อต่อสู้กับสภาวะแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และ รหัสพันธุกรรม RNA ซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นก่อน DNA (แย้งที่ยกมาว่า DNA และ RNA เกิดขึ้นพร้อมกัน) จากหลักฐานที่พบในปัจจุบัน ว่า RNA เป็นได้ทั้งตัวเร่งปฏฺิกิริยาเคมี (เอนไซม์) และแหล่งเก็บรหัสพันธุกรรมชั่วคราว DNA เกิดขึ้นภายหลังเพื่อเก็บรหัสพันธุกรรมในรูปถาวรครับ คาดกันว่าแบคทีเรียในยุคเริ่มแรกไม่มีผนังเซลล์ และมียีนเพียง 450 ตัวเท่านั้น ร่วมกับ RNA สามชนิด (transfer, messenger, & ribosomal) , เอนไซม์ และโปรตีนบางชนิด แหล่งอาหารสำหรับแบคทีเรียในยุคเริ่มแรกไม่น่าจะหาได้ยาก เพราะยุคนั้นยังไม่มีชั้นโอโซน รังสีอุลตร้าไวโอเลตที่ผ่านมาถึงพื้นผิวโลกน่าจะรุนแรงพอ ๆ กับบนดาวพุธ ทำให้บรรดาก๊าซต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศยุคเริ่มแรกของสิ่งมีชีวิต อันประกอบไปด้วย ไนโตรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ (อาจถึง 10% ของบรรยากาศโลกในช่วงเวลานั้น) เสียส่วนใหญ่ ทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นสารอินทรีย์ขนาดเล็ก รวมถึง ATP ที่แบคทีเรียนำไปใช้ได้ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&area=1&name=board1&topic=4&action=view และตอนนี้เรื่องสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ ก็มีคนทำได้แล้วครับ ถ้าธรรมชาติ จะใช้เวลาสุ่ม500ล้านปี ผมว่ามันก็น่าจะพอแล้วล่ะ กับพื้นที่ทดลองที่ใหญ่เท่ากับโลก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 9 ก.ค. 52 02:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 106 #105 ถ้าธรรมชาติ จะใช้เวลาสุ่ม500ล้านปี ผมว่ามันก็น่าจะพอแล้วล่ะ กับพื้นที่ทดลองที่ใหญ่เท่ากับโลก   ไม่ใช่แค่โลกครับ ทั้งจักรวาล ที่มีกาแล็คซี่นับล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... แล้วหวยมาออกที่โลก #103 มันมาอีกแล้ว ลมพัดให้ถ่านรวมตัวเป็นเพฃรไม่ได้ ดังนั้นเพชรจึงเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้ ลมพัดน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งไม่ได้ ดังนั้นน้ำแข็งจึงเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้ จากคุณ : .eAT - [ 9 ก.ค. 52 06:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 107 แตกประเด็นเถอะ พลีสสสส จขกท.ขอร้อง จากคุณ : Cryptomnesia - [ 9 ก.ค. 52 08:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 108 #105 "software ไม่ต้องมีหรอกครับ" Ans.  ไม่ใช่นะครับ   ต้องมี software ครับ เพราะไม่เช่นนั้น RNA และ DNA ก็จะแปรผลออกมาไม่ถูก ว่ารหัสพันธุกรรมนั้นๆ จะให้ผลออกมาเช่นไร  เช่น จะต้องสร้างโปรตีนชนิดใดออกมา หรือว่าจะเป็นอย่างอื่น เช่น เป็นการควบคุมการทำงานของยีน (Regulation) ให้ทำงานช้าหรือเร็ว ให้เจริญเติบโตมีขนาดใหญ่หรือเล็ก                 ที่สำคัญก็คือ เมื่อมี RNA (หรือ DNA) อยู่จำนวนหนึ่ง   ไม่ใช่ว่า RNA ชุดนั้น จะต้องทำงานหรือทำปฏิกิริยาให้ผลลัพธ์ออกมาเพียงรูปแบบเดียวนะครับ เช่น RNA ที่เรียงเป็น "AUA"  ให้ผลลัพธ์ออกมา = isoleucine  ซึ่งถ้าเป็นเพียงปฏิกิริยาเคมีธรรมดา ไม่มีเรื่องซอฟต์แวร์เข้ามาเกี่ยวข้อง   AUA ก็ต้องให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น isoleucine เสมอ    แต่ความจริงมันไม่ใช่เช่นนั้นน่ะสิครับ !!     เพราะหากเป็นซอฟต์แวร์ชุดอื่น  AUA สามารถถูกประมวลผลให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น methionine ก็ได้  อย่างนี้เป็นต้น         ซอฟต์แวร์ที่ว่านี้ ก็คือ genetic code (รหัสทางพันธุกรรม) นั่นเองครับ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิต แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 52 14:08:43 จากคุณ : PureTruth - [ 9 ก.ค. 52 13:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 9 ก.ค. 52 14:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ไม่ควรแตกกระทู้ครับ กำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดีเลย จากคุณ : system idle - [ 9 ก.ค. 52 15:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ที่ผมเห็นว่าควรมีการแตกประเด็น มีเหตุผลดังนี้ครับ 1. ถ้าคุณเคยได้อ่านกระทู้ที่มีการอภิปรายกันระหว่างคุณ P กับคุณ H คุณ E คุณ G คุณจะทราบดีครับว่ากระทู้นี้จะไม่ได้ข้อสรุปและจะทำให้กระทู้นี้กลายเป็นกระทู้ของการเอาชะคะคานจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายนึงจะเหนื่อยใจจนลิกตอบโต้กันไปเอง  ผมเห็นว่าไม่ใช่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ  เพราะไม่มีใครยอมรับความคิดเห็นของใคร และก็กระแนะกระแหนโกรธเคืองกันไปในที่สุด(ไม่เชื่อกลับไปดูกระทู้ก่อนๆได้ครับ) 2. ผมเชื่อว่า คุณ  Cryptomnesia มีเจตนาที่ตั้งกระทู้นี้เพื่อเป็น บทความ ในการนำเสนอความรู้ให้กับเพื่อนๆสมาชิกครับ ซึ่งบทความนี้คุณ Cryp ได้ทำ reference ไว้อย่างชัดเจนครับ ไม่ได้มีเจตนาตั้งกระทู้คำถาม ที่ต้องการคำตอบ  หรือความคิดเห็นจากสมาชิกท่านอื่นให้มาอภิปรายกัน โดยที่จขกท ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และเนื้อหาที่นำมาถกเถียง อภิปรายกันนั้นยิ่งหลุดจาก main idea ของ จขกท ขึ้นทุกที เป็นการถกเถียงกัน คห.ต่อคห. ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ จขกท. นะครับ 3.ถ้าอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือถกเถียงกัน ควรแตกประเด็นเพื่อตั้งกระทู้คำถามหรือกระทู้ขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เองครับ จากคุณ : ZZsassyZ - [ 9 ก.ค. 52 17:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ผมเข้าใจ ละว่า ทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่เคยพูดว่าโลกเกิดมาได้ยังไง จากคุณ : สระนาฬิเกร์ - [ 9 ก.ค. 52 19:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 113 #111 ผมเห็นว่าไม่ใช่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ  เพราะไม่มีใครยอมรับความคิดเห็นของใคร ผมเห็นว่า ข้อความนี้ เป็นการดูถูกกันแบบเหมารวมกันไปหมด ตรงไหนที่ผมไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น ถ้ามันผิด จะให้ ยอมรับหรือ? อ้างทฤษฏีวิวัฒนาการผิดๆ อ้างว่ามีคนล้มทฤษฎี ไปแล้ว อ้างว่าคัมภีร์ถูกต้องเพราะเจ้าตรัส อ้างว่าโลกเกิดมาได้ 6000 ปี เพราะนับจำนวนปีตามคัมภีร์ แต่การหาอายุจากไอโซโทป ไม่ถูกต้อง อ้างว่าไม่มี macro evolution ทั้งๆ ที่เขาค้นพบข้าวโพด บวกกับปลาทองของจีน ให้เห็นชัดเจนแล้ว แล้วคุณจะมาอ้างว่าผม ไม่ยอมรับความคิดของคนอื่นหรือ????????? กรณีนี้ มันไม่มีทาง ว่าถูกกันทั้งสองฝ่ายหรอก มันต้องมีฝ่ายใดผิด หรือไม่ก็ผิดกัน ทั้งคู่ กรุณาคิดด้วย เบื่อพวกกลาง แบบเอาทั้งสองข้างบวกกันแล้วหารสองแบบนี้จริงๆ จากคุณ : .eAT - [ 9 ก.ค. 52 20:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ผมไม่ได้ดูถูกนะครับ ^^กรุณาเข้าใจ ว่า"ไม่มีใครยอมรับความคิดเห็นของใคร"เนี่ย ผมพูดจริงครับ เพราะมันเกิดการแบ่งฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว " กรณีนี้ มันไม่มีทางว่าถูกกันทั้งสองฝ่ายหรอก มันต้องมีฝ่ายใดผิด หรือไม่ก็ผิดกันทั้งคู่ กรุณาคิดด้วย"...จากข้อความนี้ ผมขอถามกลับครับ ว่าในท้ายที่สุดจะมีใครยอมรับผิดไหม ต่างคนต่างต้องยกข้อมูลมาเอาชนะอีกฝ่ายอยู่แล้ว ผมอ่านผมรู้ครับ ว่าข้อมูลใครเป็นยังไง คุณ eAT อาจจะลืมผมไป ว่าผมก็เคยไปขวางคุณ Pure Truth กระทู้ปลาทอง เรือโนอาห์ น้ำท่วมโลก อะไรนั่นเหมือนกัน และติดตามการสนทนาเรื่องนี้อยู่เสมอ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอีก เพราะฉนั้นผมพูดตามตรงว่าผมไม่ได้เป็นกลางครับ แต่สิ่งทีผมพูดคือ"กระทู้นี้"  มันไม่ได้เริ่มประเด็นมาจาก พระคัมภีร์ เรือโนอาร์พระเจ้าสร้างโลกครับ เพราะฉนั้นกระทู้นี้ผมจึงขอเป็นกลาง จะไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือทะเลาะกันเชิญแตกประเด็นครับ จากคุณ : ZZsassyZ - [ 9 ก.ค. 52 22:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เอา 2 ทฤษฎี มารวมกัน จะกลายเป็น "เอกภพ ของ RNA" จากคุณ : sb*star (sb*star) - [ 9 ก.ค. 52 22:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 116 #114 มันเป็นเป็นการพูดดูถูกแน่ๆ เหมือนกับมีคนเถียงกันสองคนว่า "0.999... เป็นจำนวนตรรกยะ" "ใครว่า 0.999... มันทศนิยมไม่รู้จบต้องเป็นตรรกยะ" แล้วคุณก็มาว่า สองคนไม่มีทางยอมรับความคิดเห็นของใคร ผมก็สงสัยว่า ความจริงแล้วคนแรกถูกต้องตามคำนิยาม แล้ว ก็ไม่มีทางยอมรับความคิดเป็นคนที่สอง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือ ความเห็นคุณเหมือนให้มีการประณีประนอม เหมือนพวกเอามารวม กันแล้วหารสองนั่นแหล่ะ ยังไงก็ไม่ยอมรับอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะฝ่ายนั้นเอาคัมภีร์ขึ้นมาอ้าง แล้วก็บอกว่าถูกต้อง แล้วทุกอย่างจบ ไม่ต้องมีหลัก ไม่ต้องเหตุผล แถมเผลอ มั่มทฤษฎีเขาเฉยแล้วก็มาบอกว่าทฤษฎีผิด ผมพยายาม ตามหาเหตุผล แต่มันก็หาไม่ได้ ยกเว้นตรรกมั่วๆ ด้วยการว่าไม่เชื่อ ไม่จริง คัมภีร์ถูกต้องไม่ต้องพิสูจน์ เฮ้อ.......... จากคุณ : .eAT - [ 9 ก.ค. 52 22:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ==" เฮ้อออ ออออ อออ ออ ผมหนีไปนอนเหมือนคุณ House บ้างดีกว่า ท่าทางไข้จะขึ้นเหมือนกัน จากคุณ : ZZsassyZ - [ 10 ก.ค. 52 00:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เอ่อ...เพิ่งเข้าหว้ากอครั้งแรก เจอกระทู้ subject ถูกใจ แต่ยาวมากๆ เดียว bookmark ไว้ตามอ่านนะ ตอนนี้กำลังอยากได้ Origins of life by Charles Darwin (English version) แต่ไม่รุ้จะซื้อขอสำนักพิมพ์ไหนดีเพราะได้ยินมาว่าหลายๆที่มันปรับเปลี่ยนต่อเติมอะไรลงไปอีกมากๆมาย มีคอมเมนท์ใน Amazon ว่าให้ซื้อของสำนักพิมพ์ Harvard หรือไม่ก็ Penguin ... อีกความเห็นของคุณสามีบอกว่า original 1st edition อ่านยากนะเพราะประโยคยาว.. ใครเคยอ่านหรือมีเล่มไหน edition ไหน ช่วยบอกหน่อยนะคะ ปล. ไม่ได้เรียนสายวิทย์นะ แต่ชอบดูสารคดีของ Sir David Attenborough ฮีโร่ของเรา เลยชอบเรื่อง Biology ไปเลยค่ะ รู้สึกว่ามันใกล้ตัวและ fact เยอะดี จากคุณ : หญิงป้า - [ 10 ก.ค. 52 01:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 119 พระเจ้าสร้างมนุษย์ดียิ่งนัก อาเมน จากคุณ : MDcute - [ 10 ก.ค. 52 01:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 120 #118 อ่านต้นฉบับแหละดีแล้วครับ (แม้ว่าจะยากไปหน่อย) จะได้รู้ว่าดาร์วินเขียนอะไรบ้าง จากคุณ : silverspider - [ 10 ก.ค. 52 01:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ขอโทษคุณคริปที่มารบกวนกระทู้ เหอๆ ไม่ได้อยากหนีไปไหนหรอกครับ แต่เมื่อคุณถกกับคนๆ หนึ่งจนรู้ว่าเขามีความเข้าใจผิดมากมายในเรื่องที่กำลังถกอยู่ พยายามจะแก้ให้ แต่กลับวนลูปเดิมเรื่อยๆ พยายามถามว่ารู้อะไรไม่รู้อะไรเพื่อจะสอนให้จะได้ถกแบบมีเหตุมีผล กับคิดว่าตัวฉลาดซะงั้น ผมถึงเข้าใจว่าทำไม อาจารย์ Prac ถึงไม่เข้ามาตอบกระทู้ของ Troll อีกเลย เรื่องมีคนถูกหวยถ้าซื้อหวยครบ หรือมีการสร้างโมเลกุลโพลีเพไทด์มากพอก็อาจเกิดโปรตีนแปลกๆ อาจจะมาสร้างคอมพ์ไม่ได้ในเวลาสิบปีี แต่สร้าง Enzyme ที่ไม่เคยมีในโลกมาก่อนอย่าง Nylonase ได้ สร้าง Enzyme ใน E.coli ที่ทำให้ E.coli สายพันธุ์ใหม่ใช่สารอาหารที่มันไม่เคยใช้ได้เลยในเวลาตั้งแต่ E.coli ประชากรแรกเกิดขึ้นมา ทั้งหมดเกิดในเวลาไม่กี่สิบปีครับ มี Publication แน่นอนชัดเจน แล้วเวลาเป็นล้านๆ ปีล่ะ ลองคำนวณดู ถ้า Building block ของ คอมพิวเตอร์ (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร) สามารถเกิดเองตามธรรมชาติ มีความสามารถ เป็นทั้งตัวเก็บข้อมูล เป็น Catalyst ให้เกิดปฎิกิริยายากๆ ได้ และสามารถ Copy ตัวเองแบบไม่สมบูรณ์แบบเพื่อจะเกิด Variation ได้ แบบ RNA/DNA เราถึงจะสามารถเอาการเปรียบเทียบเรื่องความน่าจะเป็นเรื่องคนถูกหวยมาใช้ได้ครับ ถ้าหวยเป็นตัวเลขหกหลักคนล้านคนซื้อ แต่รางวัลที่หนึ่งกลับออกเป็นตัวอักษร "กขคกงจ" แล้วใครจะถูกล่ะครับ อุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ไม่สามารถพบได้ในธรรมชาติต้องผ่านการแปรรูปโดยมนุษย์ก่อน ต่อให้พบก็ไม่มีโอกาสเจอกันในธรรมชาติ ใครเคยเจอพลาสติกอยู่กับทองแดงในธรรมชาติบ้าง แค่นี้การเกิดสายไฟเองตามธรรมชาติก็ไม่เกิดขึ้น แต่ Building block ของชีวิตมีอยู่ทั่วไป ไม่ต้องแปรรูปด้วย แม้อาจจะมีคนเถียงว่าไม่สามารถเกิดขึ้น หรือเจอบนโลกเมื่อแรกเกิดได้ แต่ข้อมูลของคุณคริปก็ยังบอกเลยว่าสารเหล่านี้มีกระจัดกระจายทั่วไปในจักรวาล แถมยังมี Publication อธิบายกลไกการเกิดสาย หรือ Polymerization ของสารเหล่านี้เองตามธรรมชาติ เมื่อ nucleotide รวมเป็นสายกลายเป็น RNA มี Sequence แบบสุ่มจำนวนหลายๆ สาย ก็เหมือนหวยเริ่มถูกพิมพ์ ทีนี้หวยแต่ละเบอร์ หรือ RNA แต่ละสาย ก็มีลักษณะเฉพาะตัว เพราะมันเก็บข้อมูลได้ Copy ตัวเองแบบไม่แม่นได้ และยังเป็น Enzyme ทำให้ปฏิกิริยาที่เกิดใช้เวลานานนับอสงไขยถ้าปล่อยให้เกิดเอง สามารถเกิดได้อย่างรวดเร็ว คนออกหวย หรือธรรมชาติ จะออกรางวัลที่หนึ่ง หรือ คัดเลือก สาย RNA ที่ถูกรางวัลที่หนึ่งด้วยการดูลักษณะของ RNA สายนั้นเช่น Copy ตัวเองได้เร็วกว่าเพื่อ RNA ที่ถูกรางวัลก็จะทวีคูณตัวเองเพิ่มเรื่อยๆ เป็น Cycle ต่อไป ทุก Cycle มีผู้ชนะ หรือคนถูกหวย หรือ RNA ที่เด่นเหนือเพื่อนเสมอทุก งวด หรือ Cycle เขียนจบแล้วหวังว่ายังอยู่ในเนื้อหากระทู้นะครับ ปล รบกวนคนอื่นวิเคราะห์ด้วยว่าใครกันแน่ใช้ Questionable analogy  ระหว่างคนถูกหวยเทียบ RNA เกิดตามธรรมชาติได้ กับคนถูกหวยเทียบคอมเกิดเองตามธรรมชาติไม่ได้ จากคุณ : Geneticist - [ 10 ก.ค. 52 05:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 คอมพิวเตอร์ก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติน่ะแหละ ถ้านับว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มันก็ไม่ต่างจากการสร้างรังของปลวกเท่าไหร่หรอก จริงแล้วคอมพิวเตอร์ก็มีบรรพบุรุษเป็นเครื่องคิดเลข และเป็นญาติห่างๆกับลูกคิด ถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกถูกสร้างขึ้นโดยพญาแถนแล้วออกลูกออกหลานมาเป็นแลปทอป  อันนี้ค่อยบอกได้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากคุณ : PUFF - [ 10 ก.ค. 52 06:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 123 สนใจหนังสือเล่มไหนโหลดได้เลยครับ http://darwin-online.org.uk/contents.html จากคุณ : silverspider - [ 10 ก.ค. 52 06:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เอาเปเปอร์มาทิ้งว่าด้วยเรื่อง RNA world hypothesis วิวัฒนาการของ RNA : แบบจำลองการแยก Niche ของ นกฟินช์ในหลอดทดลอง http://www.pnas.org/content/106/19/7780.long สร้าง RNA แบบมั่วๆ ผลปรากฏ ได้เอ็นไซม์จริงๆ ด้วย (บอกแล้วว่าถ้าคนซื้อหวยครบทุกงวด ก็มีคนได้รางวัลที่หนึ่งทุกครั้ง ร้อยเปอร์เซ็นต์) http://www.sciencemag.org/cgi/content/abstract/261/5127/1411?ijkey=f7135d8f6404820a5478f5300a3b3933879220be&keytype2=tf_ipsecsha จากคุณ : Geneticist - [ 10 ก.ค. 52 08:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 125 #117 ก็ควรหนีไปนอนละ เว็บครับ แต่ภาษาปะกิตล้วน Origin of Life http://universe-review.ca/F11-monocell.htm http://www.talkorigins.org/faqs/abioprob/originoflife.html Evidence for Evolution and an Old Earth http://www.bringyou.to/apologetics/p15.htm ********** computer มันกำเนิดบนพื้นฐาน physic แต่สิ่งมีชีวิต พื้นฐานอยู่ที่ chemical เอามาเปรียบเทียบกันได้ยัีงไง จากคุณ : .eAT - [ 10 ก.ค. 52 09:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ^- ได้ครับได้ ขอปั่นงานก่อน เดี๋ยวจะมาเล่าทฤษฏีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ให้ฟัง  ว่ามันไม่ต้องเป็นฟิสิกส์ก็ได้ >_< จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 10 ก.ค. 52 09:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 127 #125 "computer มันกำเนิดบนพื้นฐาน physic แต่สิ่งมีชีวิต พื้นฐานอยู่ที่ chemical เอามาเปรียบเทียบกันได้ยัีงไง" Ans. ไม่ได้จะให้มาเปรียบเทียบกันโดยตรง แต่จะให้ดูเหตุผลที่เราใช้เวลาพิจารณาในเรื่องนี้ครับ ซึ่งมันเป็นเหตุผลสากล ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็น physic หรือ chemical  ดังนั้น เมื่อพิจารณาทั้งสองเรื่องแล้วก็จะได้ข้อคิดที่มีประโยชน์ครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 09:29:52 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 09:29:02 จากคุณ : PureTruth - [ 10 ก.ค. 52 09:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ตกลง นี้ เป็นกระทู้เรื่อง คอมพิวเตอร์ หรอ ครับ ^^ จากคุณ : mr.wisdom - [ 10 ก.ค. 52 10:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ^ ^ ตอบคุณ Mr.Wisdom เปล่าครับ แต่เมื่อพิจารณาประกอบกันไปแล้วจะได้แง่มุมดีๆ ครับ  เช่น #108 (และเมื่อพิจารณาตามแนวทาง #127 (และ #126 ?) ก็จะทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบการทำงานของสิ่งมีชีวิตดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นความรู้ที่จำเป็นต่อการพิจารณาเรื่องการกำเนิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตตัวแรกในโลกนี้ครับ) แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 10:37:37 จากคุณ : PureTruth - [ 10 ก.ค. 52 10:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คุณ Cryptomnesia ครับ - ฝ่ายนิยมวิวัฒนาการเป็นผู้เริ่มกระแนะกระแหน(โดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน)ดูถูกอีกฝ่ายหนึ่งก่อน - ในการตอบ 2 ครั้งหลังสุดของผม (#103, #108)  ผมก็ได้พยายามที่จะไม่โต้ตอบต่อคำกล่าวหาที่ไร้สาระเหล่านี้อีกต่อไป   - แต่บางคนในฝ่ายนิยมวิวัฒนาการก็ยังไม่หยุดที่จะกระแนะกระแหนดูถูกฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้หลักฐานและนอกประเด็นกระทู้ ผมขอให้คุณ Cryptomnesia ในฐานะจขกท.  พิจารณาและตักเตือนบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ให้หยุดการกระทำที่ไม่เหมาะสมด้วยครับ (ดังข้างล่างนี้) #121 Geneticist "แต่เมื่อคุณถกกับคนๆ หนึ่งจนรู้ว่าเขามีความเข้าใจผิดมากมายในเรื่องที่กำลังถกอยู่ พยายามจะแก้ให้ แต่กลับวนลูปเดิมเรื่อยๆ พยายามถามว่ารู้อะไรไม่รู้อะไรเพื่อจะสอนให้จะได้ถกแบบมีเหตุมีผล กับคิดว่าตัวฉลาดซะงั้น" #116   .eAT   "ยังไงก็ไม่ยอมรับอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะฝ่ายนั้นเอาคัมภีร์ขึ้นมาอ้าง แล้วก็บอกว่าถูกต้อง แล้วทุกอย่างจบ ไม่ต้องมีหลัก ไม่ต้องเหตุผล แถมเผลอ มั่มทฤษฎีเขาเฉยแล้วก็มาบอกว่าทฤษฎีผิด ผมพยายาม ตามหาเหตุผล แต่มันก็หาไม่ได้ ยกเว้นตรรกมั่วๆ ด้วยการว่าไม่เชื่อ ไม่จริง คัมภีร์ถูกต้องไม่ต้องพิสูจน์ เฮ้อ.......... " (ถ้าคุณ Cryptomnesia ยอมให้มีการเริ่มกระแนะแหน (นอกประเด็นซะด้วย) จากฝ่ายนิยมวิวัฒนาการ โดยที่คุณไม่ว่าอะไร   คราวหน้า ถ้ามีฝ่ายโต้แย้งวิวัฒนาการเริ่มกระแนะกระแหนขึ้นมาก่อนบ้าง (คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผม) คุณก็ไม่ควรจะว่าอะไรเช่นเดียวกันนะครับ) ปล. ความเห็นของผมตั้งแต่ #103 อยู่ในประเด็นของกระทู้ และไม่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 10 ก.ค. 52 10:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 131 Origin of Computable Machine จากคุณ : panote_saechiew - [ 10 ก.ค. 52 11:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เอาเป็นว่า ถ้าคุณPureTruthแน่จริง ไม่โต้แย้งเรื่องนี้ในระดับวิชาการจริงๆเลยล่ะครับ สิ่งที่คุณเถียงมามันก็เป็นเรื่อง ที่เลือกจะเชื่อ เช่นกัน มันหาข้อสรุปลงตัวไม่ได้ด้วยตรรกศาสตร์ เพราะยังมีค่าความจริงบางอย่างที่ยังสรุปไม่ได้ในประพจน์ เช่นเรื่องที่คุณยกความเหมือนของคอมพิวเตอร์ กับสิ่งมีชีวิต อันนี้ต้องการข้ออ้างอิงเพิ่มในกระทู้ใหม่ และคุณGeneticist ยกเรื่องความน่าจะเป็น ผมก็ไม่คิดว่าผิดทั้งคู่ ความน่าจะเป็น ของการซื้อหวยทุกงวด(อินฟินิตี้งวด) ต้องมีคนได้รางวัลที่1 อยู่แล้ว (ความน่าจะเป็นในการได้รางวัลที่1อาจจะ 1 ในล้าน) (1/ล้าน)*infinty = infinity เพราะทฤษฎีวิวัฒนาการ ก็มี คนกลุ่มที่คุณคิดว่าอคติสูงสุดกู่ ที่คุณเรียกว่านักนิยมวิวัฒนาการอยู่เยอะมากทั่วโลก และได้รับการยอมรับอย่างสูงมาก ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมไม่เคยเห็นสารคดีของnational geographic ,discovery channal อันไหนที่ออกมาต่อต้านทฤษฎีนี้ เห็นแต่ที่มีการอ้างอิ้งตลอด ทั้งที่สารคดี2เจ้านี้มีการพูดเรื่อง ปวศ และความดีของศาสนาอยู่บ่อยครั้ง เอาเข้าจริงแล้ว วิธีคิดคนพวกนี้ไม่ได้มีพื้นจาก ความไม่เชื่อศาสนาหรอก แต่พื้นความคิดจากหลักความเป็นไปได้เพียวๆ ส่วนกลุ่มคนที่ผมเห็นว่าต้านทฤษฎีวิวัฒนาการจริงๆ ก็เห็นแต่ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนจากกลุ่มคนนับถือศาสนาบางกลุ่ม เท่านั้น คิดว่าคนเหล่านี้เปิดใจแล้วจริงๆเหรอ ถามตรงๆเลยด้วยใจเป็นกลาง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 10 ก.ค. 52 13:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ฝากประเดนที่ติดใจนะครับ ในแง่ทฤษฎี ที่ว่า ที่อื่น เหมาะกับ สมช น้อยกว่าโลก จะขัดกับ ทฤษฎี ที่ว่า สมช มาจากนอกโลก ในแง่ หลักฐาน พบ สารอินทรีย์ มาจากนอกโลกก่อน น่าจะยืนยันไปว่า โลกไม่ได้ เป็นที่ที่จะมี สมช ได้ก่อนที่อื่น หรือ สรุปว่า สารอินทรี น่าจะมาจากที่อื่น แล้วมารวม อยู่เป็น สมช อย่างเหมาะสม บนโลก /// ผมเข้าใจว่า ทฤษฎี เสนอความเป็นไปได้ ที่ทำให้ สมช เกิดขึ้นได้เอง ซึ่งมีการควบขั้นตอน ที่มีการเกิดซ้ำได้ง่ายๆ และเพิ่มความเป็นไปได้ แต่ ที่ทั้ง2ฝ่าย ขัดกัน ในเรื่องของความน่าจะเป็น อยากให้ชี้เลขมาชัดๆเลย ทั้ง2ฝ่าย ว่า ตามกระบวนการใน ทฤษฎีข้างต้น เท่าไหร่ เรียกว่า น่าจะเป็นไปได้ เท่าไหร่ เรียกว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ จะได้จบ คือ อยากได้ ความรู้ที่น่าสนใจ ไม่ใช่ ตัวหนังสือ ที่เต็มไปด้วย อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต นี่ ไม่ใช่ ผี3บาทนะ /// เรื่อง สมช ที่เข้มแข็ง หรือ เหมาะสม มากกว่า ถึงจะอยู่รอดได้ จะใช้คำไหน ผมว่า ก็คำทีมีนิยามว่า ความสามารถในการอยู่รอดสูงกว่า นั่นแหละ *** ประเดนเพิ่ม สมช แบบ carbon h2o มีโอกาสจะเกิดขึ้น มากว่า สมช แบบ SiO หรือเปล่าครับ เราไม่พบ สมช แบบ SiO เลย ใช่ไหม มันยาก หรือมันพัฒนา ซ่อนตัว ไปเป็นอย่างอื่นแล้ว จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 10 ก.ค. 52 13:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 134 #133 คิดว่าโอกาสน้อยกว่ามากครับ เพราะคาร์บอนเป็นธาตุที่มีเยอะกว่าSiมาก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 10 ก.ค. 52 14:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 135 คห 122 คอมพิวเตอร์ก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติน่ะแหละ ถ้านับว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มันก็ไม่ต่างจากการสร้างรังของปลวกเท่าไหร่หรอก จริงแล้วคอมพิวเตอร์ก็มีบรรพบุรุษเป็นเครื่องคิดเลข และเป็นญาติห่างๆกับลูกคิด ____________________ เรามองข้าม คอมพ์ที่เกิดตามธรรมชาติได้ และ เยี่ยมยอดมากด้วย ก็คือสมองมนุษย์ ของเรานี่เอง ธรรมชาติ ก็สร้างคอมพ์ได้ ด้วยการเชื่อมต่อโมเลกุล ตามวิธีของมัน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 18:17:49 จากคุณ : sb*star - [ 10 ก.ค. 52 18:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เรื่องทะเลาะ กระแนะกระแหนกันในกระทู้นี้จัดเป็นเรื่องส่วนตัว ควรเคลียร์กันเอง จขกท.ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย และอันที่จริงจขกท.ไม่ได้ถือเกียรติอะไรมากนัก แต่การถกเถียงในระยะหลังนี้จะนำไปสู่ประเด็นอื่นที่นอกเหนือไปจากเนื้อหามากขึ้นและจะไม่ได้ข้อสรุปอะไรในที่สุด จากคุณ : Cryptomnesia - [ 10 ก.ค. 52 19:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 137 สิ่งมีชีวิตในรูปแบบ silicon-based life ทางนาซ่าให้คำตอบว่าโอกาสเป็นไปได้น้อยกว่า carbon-based life มากเนื่องจากสารประกอบ silicon มีน้อยกว่า ความหลากหลายทางเคมีน้อยกว่า โพลีเมอร์ของซิลิคอนยาวที่สุดได้เพียงสิบกว่าอะตอมขณะที่คาร์บอนยาวได้เป็นพันๆ สารประกอบซิลิคอนมีพันธะไม่ยืดหยุ่น และเกิดปฏิกิริยาเคมีกับสารประกอบอื่นๆได้น้อยกว่ามาก จากคุณ : Cryptomnesia - [ 10 ก.ค. 52 19:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผมไม่อยากแตกประเด็นเพิ่ม แต่สงสัยในนิยามของคำว่าสิ่งมีชีวิต ทำไมไม่รวมการรับรู้เข้าไปด้วย เพราะโปรแกรมคอมพิวเตอร์บางตัวมันก็เข้านิยามว่าเป็นสิ่งมีชิวิตในโลกเสมือนของมัน ส่วนการรับรู้ของผมในทางศาสนาก็คือจิตวิญญาณนั่นแหละ (ถ้าเห็นว่าออกทะเลก็แจ้งลบได้) เพราะมันมีหลายประเด็นที่ผมสงสัยเช่น เซลแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา ทำไมมันถึงต้องดิ้นรนเพื่อให้มีีชีวิตอยู่รอด เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันได้สัญชาตญาณนี้มาจากระดับอนุภาคแล้วเพราะอย่าลืมว่าระดับอนุึภาคมันก็มีโครงสร้างที่ซับซ้อนไม่แพ้กัน (ฟังดูอาจบ้าๆและไม่เกี่ยวกันก็นั่นแหละความเห็นคนนึง) ผมเชื่อในเรื่องวิวัฒนาการ เพราะผมเชื่อในสัญชาตญาณการอยู่รอดในระดับเซล ถ้ามันรวมอยู่หลายตัว หลายประเภท มันก็ต้องแข่งขันและพัฒนาเครื่องมือต่างๆเพื่อให้อยู่รอด แต่เราก็รู้ว่าโครงสร้างในระดับเซล มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เป็นไปได้มั้ย ว่ามีพลังงานอะไรบางอย่างชักใยอยู่เบื้องหลัง จากคุณ : รุตน้อย - [ 10 ก.ค. 52 20:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามีพลังงานอิสระที่มีสติปัญญา ก็สามารถมองว่าเซลก็เป็นเครื่องมือในการรับรู้อันหนึ่งได้ ถ้าพลังงานที่มีสติปัญญาต่ำหน่อย ก็อาจจะไปรับรู้กับเซลที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนได้แต่ถ้าสูงขึ้นมาก็สามารถไป match กับสมองของคนได้ เพราะผมมองว่า เซลก็เป็น tools หรือเครื่องจักรกล ซึ่งเราทุกคนก็เข้าใจแล้วว่า พลังงานที่สามารถควบคุมระบบประสาท กระตุ้นให้เซลเคลื่อนไหวมันก็คือพลังงานไฟฟ้านั่นเอง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 21:12:43 จากคุณ : รุตน้อย - [ 10 ก.ค. 52 21:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 140 #132  คุณขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน "เอาเป็นว่า ถ้าคุณPureTruthแน่จริง ไม่โต้แย้งเรื่องนี้ในระดับวิชาการจริงๆเลยล่ะครับ" Ans. จะให้ผมโต้แย้งเรื่องอะไรเหรอครับ  ?        ถ้าจะให้ผมโต้แย้งเรื่องไหน ก็ต้องมีเรื่องนั้นอยู่ในเปเปอร์วิชาการก่อนนะครับ   ไม่ใช่เป็นแค่ความเห็นผิดๆ ของบางคนในห้องนี้ แล้วจะให้ผมไปแย้งในระดับวิชาการ นักวิชาการเขาจะได้งงกันเป็นไก่ตาแตกน่ะสิครับ ว่าจะมาโต้แย้งกับใครเหรอ       ดังนั้น ถ้าเป็นแค่ความเห็นผิดๆ ของบางคนในห้องนี้ ผมก็แค่นำเสนอข้อมูลที่คิดว่าน่าจะถูกต้องกว่าไปให้  เท่านี้ก็พอแล้วล่ะครับ  ไม่ใช่ว่าพอคุณพูดผิด แล้วผมแก้ให้  คุณก็กลับไม่ยอมรับ แล้วไล่ให้ผมไปนำเสนอในระดับวิชาการซะงั้น  นักวิชาการเขาไม่ได้ผิดแบบคุณนี่ครับ คุณผิดของคุณคนเดียว ผมแค่แก้ไขให้คุณก็เพียงพอแล้ว  (อ้างอิง #108) "ส่วนกลุ่มคนที่ผมเห็นว่าต้านทฤษฎีวิวัฒนาการจริงๆ ก็..." Ans. นอกเรื่องแล้วครับ นี่กระทู้ Origin of Life นะครับ     **คุณกำลังทำไม่เหมาะสม  เพราะจขกท เขาไม่ชอบให้พูดนอกเรื่องครับ** จากคุณ : PureTruth - [ 10 ก.ค. 52 23:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 141 # 140 คุณ คุณขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เค้าหมายถึงเวลาคุณอ้าง พูด ออกความเห็นอะไร ขอให้มี reference ระดับวิชาการบ้าง มีการพิสูจน์ จาก paper ที่ได้รับการยอมรับ มาอ้างอิงเพิ่มน้ำหนัก เพราะความเห็นคุณจะที่อ่านมายาวๆ มันไม่มีอะไรให้น่าเชื่อสักนิดเดียว และ ก็ไม่หักล้างอะไรที่อีกฝ่ายยกมาเลย ไม่ต่างอะไรกับบอกว่า origin of life เริ่มจาก บระเจ้าโจ๊ก โดยใช้ตรรกกะของคุณได้ทั้งหมด ฝั่งโน้นเค้ายกทั้งการทดลอง และ paper อะไรมาแล้ว แต่คุณมีแต่เล่นคำไปคำมา ดังที่เห็นใน # 140 อยากเห็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ได้ความรู้ทั้ง 2 ฝ่ายครับ จากคุณ : Naesala - [ 11 ก.ค. 52 06:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ^ ^ คุณพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงนะครับ #108 ที่ผมเขียนไป  มีสาระทางวิชาการ และสามารถยืนยันความถูกต้องได้ ถ้าคุณไม่เข้าใจตรงไหน หรือ ไม่เชื่อตรงไหน ก็บอกมาสิครับ ผมหรือคนอื่นๆ สามารถหาหลักฐานอ้างอิงมายืนยันได้อยู่แล้ว    ดังนั้น อย่ามาพูดจาเลื่อนลอยหาว่าผมเขียนไม่มีสาระ  ผมเขียนมีสาระทางวิชาการแล้วนะครับ แต่คุณไม่เข้าใจเอง  (ถ้าไม่เข้าใจหรือสงสัยว่ามันไม่จริงตรงไหนก็ถามมาครับ ไม่ใช่มาต่อว่า) ส่วนที่คุณบอกว่า "เพราะความเห็นคุณจะที่อ่านมายาวๆ มันไม่มีอะไรให้น่าเชื่อสักนิดเดียว และ ก็ไม่หักล้างอะไรที่อีกฝ่ายยกมาเลย " Ans.   ความรู้ใน #108 เป็นความรู้ที่ยอมรับกันทั่วไปนะครับ คุณบอกมาสิครับว่าตรงไหนไม่น่าเชื่อ ผมและอีกหลายคนในห้องนี้สามารถเอาหลักฐานอ้างอิงมายืนยันได้แน่นอนครับ   และนี่ก็เป็นการ หักล้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วย  เพราะคุณขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน บอกว่า software ไม่ต้องมี  แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มีอยู่ชัดเจนว่า Genetic Code เป็นตัวกำหนดการแปรผล ซึ่งเมื่อใช้ Genetic Code ต่างชนิดกัน(เปรียบเสมือนกับใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน) ก็จะแปรผลต่างกันและได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน ดังนั้น Genetic Code ที่ RNA/DNA ใช้ มันก็ืทำหน้าที่เป็น software ที่เมื่อเราเปลี่ยนชนิด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน โดยที่ฮาร์ดแวร์ยังใช้ตัวเดิม (=การเรียง RNA แบบเดิม)   [ลองดูตัวอย่างใน #108 ประกอบไปด้วย]         ดังนั้น นี่จึงชัดเจนว่าเป็นการหักล้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดครับ คุณ Naesala จะพูดอะไรก็ขอให้มันตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 12:07:26 จากคุณ : PureTruth - [ 11 ก.ค. 52 11:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 143 คำตอบฝากให้คุณ ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน 1) ถ้าเอา genetic code เทียบซอฟท์แวร์หมายถึง genetic code เป็นใบคำสั่ง หรือโปรแกรมจากพระเจ้าว่า AUG ต้องเป็น Methionine UAA แปลว่าให้หยุดเพิ่มกรดอะมิโน ให้ไรโบโซมหลุดจากเส้น mRNA ยุติการสร้างสายเปปไทด์  แต่คนที่เปรียบเทียบไม่พูดถึงกลไกของ Translation จริงๆ ทั้งหมด บอกแค่ว่ามี software บอกให้แปล codon นี้เป็น amino acid อย่างนั้น คนๆ นั้นรู้ไม่จริงอย่างแรง ถ้าเอา genetic code เทียบซอฟท์แวร์หมายถึง genetic code เป็นชุดคำสั่งที่เกิดจาการประสานงานของ mRNA, tRNA 61 แบบ, Ribosome, Aminoacyl-tRNA  synthethase ทั้งยี่สิบตัว (arginine-tRNA ligase, valine-tRNA ligase, leucine-tRNA ligase...ไล่ไปจนครบอะมิโนทั้งยี่สิบตัว) ก็แปลว่า software ที่ดูเหมือนซับซ้อนอันนี้สามารถเกิดได้เองดูจากลิงค์นี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Genetic_code#Theories_on_the_origin_of_the_genetic_code แต่ถ้าเป็นตามลักษณะนี้ผมคิดว่ามันไม่น่าเป็น software นะ เป็นวงจรถาวรตายตัวมากกว่า ที่ Hardware แต่ละตัวค่อยๆ ประสานการทำงานกันจนดูเหมือนมี software 2) ไม่มีนะครับ นักนิยมวิวัฒนาการ มีแต่นักวิทยาศาสตร์(ทางด้านชีววิทยา)กระแสหลัก กับนักวิทยาศาสตร์ชายขอบ(เช่น ที่คิดว่ามีกลไกแปลกๆ  เช่น quantum evolution, theistic evolution ทำงานร่วมกับวิวัฒนาการแบบเดิม) และนักวิทยาศาสตร์จอมปลอม(ที่บอกว่าทฤษฎีวิวัฒนาการผิด แต่ไม่เคยมีเปเปอร์ที่น่าเชื่อถือ ไม่เคยมีงานวิจัยเป็นชิ้นเป็นอัน) คราวหลังบอกให้คนที่คุณถกด้วยเรียกให้ถูกหน่อย 3) ความน่าจะเป็นผมไม่ได้บอกว่าให้ซื้อหวยทุกงวด มันก็จะถูกแน่ถ้าเวลานานพอ ผมหมายถึงถ้าคุณมองในมุมกว้างแทนที่จะมองแค่เอาตัวเองคนเดียวเป็นที่ตั้ง ถ้าหวยงวดนั้นคนซื้อครบทุกเบอร์ โอกาสที่จะมีใครก็ได้ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง คือ 1 แค่นั้นจริงๆ 1 คูณกัน Infinity ครั้งก็เท่ากับหนึ่ง แปลว่างวดต่อๆ ไปมีคนซื้อครบทุกเบอร์ ความน่าจะเป็นก็เท่าักับหนึ่งเสมอครับ ไม่ต้องใช้เวลาอนันตกาลเลย ตัวอย่างที่เกี่ยวกับกระทู้นี้ก็คือ เปเปอร์จาก Science ใน คห 124 ในโลกยุคเริ่มแรกหรือในห้องทดลอง ถ้าเรามีโมเลกุลของสาย RNA ที่มีลำดับมั่วสุ่ม จำนวนมากสายพอ ยังไงก็จะมี Ribozyme เกิดขึ้นไงครับ 4) สังเกตดีๆ นะครับ คนที่รู้กระพี้โน่นนี่เต็มไปหมด แต่ไม่รู้จักตัวหลักตัวแก่นของเรื่องที่พูดถึงจริงๆ น่ากลัวกว่าคนที่รู้แค่แก่น แต่ไม่รู้รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ เพราะคนพวกนี้จับโน่นโยงนี่ จนสามารถสร้างเรื่อง สร้างทฤษฎีเป็นตุเป็นตะเพื่อหลอกตัวเอง และคนอื่นๆ ได้ ผมหมายถึง หมอสม สุจิราครับ ดีที่ไม่เสียเงินซื้อหนังสือเขา แค่ยืมคนอื่นมาอ่าน เหอๆๆๆ จากคุณ : Geneticist - [ 11 ก.ค. 52 14:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขนาด จขกท ขอร้อง  ยังไม่ฟังกันเลย วิทยาศาสตร์นี่ไม่ต้องเกรงใจกันเลยใช่มะ ถ้าเกรงใจ มันจะกลายเป็นไสยศาสตร์? จากคุณ : Ibeye - [ 11 ก.ค. 52 15:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ขอแทรกกระทู้นิดหน่อย เทคนิคของนักแถ 1.เถียงให้เป็นคนสุดท้ายไม่ว่าจะแถหรือเบี่ยงประเด็นแค่ไหน 2.ใช้คำพูดวกไปวนมา ให้ซํบซ้อน จริงๆแล้วไม่มีอะไรเท่าไหร่ 2ข้อนี้ เชื่อได้ว่า ไม่ได้มีไว้เพื่อถก เพื่อข้อเท็จจริง แต่มีไว้เพื่อกะหล่อมให้คนเชื่อเหมือนตัวเอง เชื่อว่าตนเองคิดถูกอยู่แล้ว เทคนิคเพิ่มเติม คือการย้อนคำพูด (เช่นข้อความในความเห้นนี้อาจโดนย้อนมาเล่นงามผมด้วย 55) ข่ม ด้วยคำพูดรุนแรง ให้เหมือนว่าเหนือชั้นกว่าเยอะ (เช่น เรียกคนที่ใช้พฐ ความคิดจากหลักความเป็นจริง ว่า นักนิยม... ให้ดูเหมือนว่าโง่หัวแข๊ง (ลืมดูตัวเองจริงๆ)) จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 11 ก.ค. 52 17:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 146 #143 Geneticist "1) ถ้าเอา genetic code เทียบซอฟท์แวร์หมายถึง genetic code เป็นใบคำสั่ง หรือโปรแกรมจากพระเจ้าว่า AUG ต้องเป็น Methionine    UAA แปลว่าให้หยุดเพิ่มกรดอะมิโน ให้ไรโบโซมหลุดจากเส้น mRNA ยุติการสร้างสายเปปไทด์  " Ans.  นี่เป็นเหตุผลวิบัติแบบหุ่นฟาง (หุ่นไล่กา)  Fallacy of strawman            computer software ก็เป็นชุดคำสั่งได้ และไม่ใช่ว่าต้องเป็นลักษณะใบคำสั่งจากมนุษย์     มนุษย์ผู้สร้าง software ก็ใช้วัสดุและกลไกต่างๆ ที่มีอยู่เนี่ยแหละ สร้างเป็นแผ่น CD หรืออะไรก็ว่าไป     "แต่คนที่เปรียบเทียบไม่พูดถึงกลไกของ Translation จริงๆ ทั้งหมด บอกแค่ว่ามี software บอกให้แปล codon นี้เป็น amino acid อย่างนั้น คนๆ นั้นรู้ไม่จริงอย่างแรง" Ans.  อืม ตลกละ เวลาพูดถึง software เราจำเป็นต้องพูดถึงกลไกเบื้องหลังของมันทุกครั้งหรือเปล่า ก็ไม่    ส่วนใหญ่เราก็จะพูดถึงแค่ว่า ชุดคำสั่งของมันมีอะไรบ้าง      แต่ถ้าจะพูดถึงกลไกเบื้องหลังของมันก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร "ถ้าเอา genetic code เทียบซอฟท์แวร์หมายถึง genetic code เป็นชุดคำสั่งที่เกิดจาการประสานงานของ mRNA, tRNA 61 แบบ, Ribosome, Aminoacyl-tRNA  synthethase ทั้งยี่สิบตัว (arginine-tRNA ligase, valine-tRNA ligase, leucine-tRNA ligase...ไล่ไปจนครบอะมิโนทั้งยี่สิบตัว) ก็แปลว่า software ที่ดูเหมือนซับซ้อนอันนี้สามารถเกิดได้เองดูจากลิงค์นี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Genetic_code#Theories_on_the_origin_of_the_genetic_code Ans. เข้าไปดู Link ข้างบนแล้ว ก็ไม่เห็นมีหลักฐานอะไรว่า Genetic Code สามารถเกิดขึ้นมาได้เองนี่ครับ  มีแต่การคาดเดากันไปเองทั้งนั้น แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ด้วยกันเองก็ไม่ได้เชื่อถืออะไรนัก "แต่ถ้าเป็นตามลักษณะนี้ผมคิดว่ามันไม่น่าเป็น software นะ เป็นวงจรถาวรตายตัวมากกว่า ที่ Hardware แต่ละตัวค่อยๆ ประสานการทำงานกันจนดูเหมือนมี software" Ans.   ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนะครับ   แผ่น CD software (แบบ Read only) ก็เกิดจาก Hardware ที่เป็นวงจรถาวรตายตัว  แต่มันก็คือ software อยู่ดี !  และกลไกเบื้องหลังของมันก็ต้องทำมาจาก Hardware อยู่แล้ว ไม่แปลกหรอกนะครับ   วิธีการเขียนซอฟต์แวร์บนแผ่น CD ก็มีวิธีของมัน     การเขียนซอฟต์แวร์ Genetic Code บนองค์ประกอบซับซ้อนต่างๆ มากมายของ RNA  ก็มีวิธี และเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีขั้นสุดยอดครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 17:50:37 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 17:47:25 จากคุณ : PureTruth - [ 11 ก.ค. 52 17:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 147 เอ่อ Wikipedia ไม่ควรนำมาใช้เป็น reference นะครับ ไม่มีแวดวงวิชาการไหนยอมรับกัน paper ไหนมี Wiki มา ใน reference โดนโยนลงถังตั้งกะยังไม่อ่านแล้วครับ โดน F แน่นอน มันถึงไม่น่าเชื่อถือไงครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 22:18:45 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 22:17:40 จากคุณ : Naesala - [ 11 ก.ค. 52 22:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ^ ^ Geneticist (#143) งานเข้าแล้ว !  โดนด่าว่าไม่น่าเชื่อถือเพราะอ้างอิงจาก Wikipedia   จากคุณ : PureTruth - [ 11 ก.ค. 52 22:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 149 จขกท  คุณ Cryptomnesia ก็งานเข้าเหมือนกันนะเนี่ย     #10 มีอ้างอิงจาก Wiki ซะด้วยสิ  สงสัยกระทู้บทความของคุณ Cryptomnesia จะได้ F ก็คราวนี้ แถมยังจะโดนโยนลงถังไปซะด้วย   Naesala ท่านโหดจริงๆ   จากคุณ : PureTruth - [ 11 ก.ค. 52 22:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 150 # 148 149 ถูกต้องครับ ถูกว่าไปตามถูก แต่ของคุณ Crypt ภาพประกอบไม่เกี่ยวนะครับ แหล่งอ้างอิงอื่นมี แถมเป็นบทความ แต่ถ้าจะเถียงแบบ วิชาการก็อีกเรื่องนึง แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 23:27:16 จากคุณ : Naesala - [ 11 ก.ค. 52 23:25:37 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ถี่ลอดตาช้าง   ห่างลอดตาเลนส์ ส่องกันใหญ่  ก็ไปไหนไม่ได้ไกล จากคุณ : sb*star - [ 12 ก.ค. 52 00:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 152 เข้ามาลงชื่ออ่านค่ะ จากคุณ : mylollipop - [ 12 ก.ค. 52 09:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ว่าด้วยเรื่องกำเนิดสิ่งมีชีวิต........................... ผมไม่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิต cell แรกกำเนิดขึ้นบนโลก ผมเชื่อว่ามาจากอวกาศแล้วมาตกบนโลก ว่าด้วยเรื่องวิวัฒนาการ............... ผมเชื่อว่ามันเป็นจริง (ออกแบบให้วิวัฒนาการได้หรือเปล่าก็อีกเรื่อง) ว่าด้วยพระเจ้าสร้างหรือเปล่า.................. ผมเชื่อว่าพระเจ้าไม่มีจริงถ้ามีจริงก็ผมนี่แหละ เมื่อวันก่อนเพิ่งทำให้ e. coil มันรอดตายจากการ express toxic protein ด้วยการทำ site specific mutation ที่ operator ไป 5 base ว่าด้วยIntelligent design.......... ผมยังไม่มีข้อสรุปเพราะว่าตอนนี้ผมยังทำไม่ได้ แต่อนาคตไม่แน่ (ฝันไกลไปนิด) เหตุผลที่ทำไมเชื่อแบบนั้น ขี้เกียจพิมพ์ พูด 1 วันเต็มๆ ก็ไม่จบ อ้อ สำหรับคนที่คิดว่า virus ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต คนเราก็ไม่ใช้สิ่งมีชีวิตใน อวกาศ นอกโลกที่เราใช้เป็น host transposon ผมยังถือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเลย ผมไม่ต้องการถกเถียงแค่อยากจะแสดงความเห็นว่า ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่บ้าง จากคุณ : recombination - [ 12 ก.ค. 52 13:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 154 #8  คุณ Cryptomnesia "ปี 1996 มีการค้นพบจุลินทรีย์ที่ติดมากับอุกกาบาตซึ่งเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของดาวอังคาร......" Ans.   ไม่มีการยืนยันว่าพบจุลินทรีย์นะครับ     ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลักฐานด้วยว่า สิ่งที่พบนั้นอาจจะเป็นเพียง magnetite whisker, platelet (ซึ่งไม่ใช่สิ่งมีชีวิต) หรือไม่ก็เป็นการปนเปื้อนจากสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เอง   เปเปอร์หาได้จากเช่น  search google   ใส่คำว่า magnetite whisker sciencedirect  แล้วเลือกอันแรกเลยครับ   (ผมไม่ได้ใส่ Link ไว้ให้ เพราะมันยาวมาก และพอลอง preview ดู มันเหมือนจะทำให้หน้ากระทู้มันกว้างขึ้นกว่าปกติ เดี๋ยวจะอ่านกระทู้กันยากขึ้น ต้องคอย scroll ซ้ายขวา) แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 14:58:30 จากคุณ : PureTruth - [ 12 ก.ค. 52 14:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 155 #121  Geneticist " ..เมื่อ nucleotide รวมเป็นสายกลายเป็น RNA มี Sequence แบบสุ่มจำนวนหลายๆ สาย ก็เหมือนหวยเริ่มถูกพิมพ์ ทีนี้หวยแต่ละเบอร์ หรือ RNA แต่ละสาย ก็มีลักษณะเฉพาะตัว เพราะมันเก็บข้อมูลได้ Copy ตัวเองแบบไม่แม่นได้ และยังเป็น Enzyme ทำให้ปฏิกิริยาที่เกิดใช้เวลานานนับอสงไขยถ้าปล่อยให้เกิดเอง สามารถเกิดได้อย่างรวดเร็ว คนออกหวย หรือธรรมชาติ จะออกรางวัลที่หนึ่ง หรือ คัดเลือก สาย RNA ที่ถูกรางวัลที่หนึ่งด้วยการดูลักษณะของ RNA สายนั้นเช่น Copy ตัวเองได้เร็วกว่าเพื่อ RNA ที่ถูกรางวัลก็จะทวีคูณตัวเองเพิ่มเรื่อยๆ เป็น Cycle ต่อไป ทุก Cycle มีผู้ชนะ หรือคนถูกหวย หรือ RNA ที่เด่นเหนือเพื่อนเสมอทุก งวด หรือ Cycle" Ans.   สมมติฐานนี้ แม้ว่าฟังดูเผินๆ เหมือนจะดูดี แต่ต้องอย่าลืมด้วยว่า ความเป็นจริงมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า  ไม่ใช่อ้างแต่ว่ามันเป็นไปได้           เมื่อพิจารณาดูในความเป็นจริงก็จะพบว่า มันไม่ได้เป็นไปอย่างนั้นเลย ไม่มีการพบ RNA ใดๆ ทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นเอง  ไม่ว่าจะเป็นบนโลก หรือ ในอวกาศนอกโลก ก็ตาม   นั่นก็คือว่า การอธิบายยืดยาวข้างบนนี้นั้น เป็นเพียงการอ้างถึงสิ่งที่ผู้เขียนคิดเดาเอาเอง และไม่สอดคล้องกับหลักฐานที่พบจริงทางวิทยาศาสตร์ จากคุณ : PureTruth - [ 12 ก.ค. 52 15:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 156 #9 "ฟรานซิส คริก นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลที่กล่าวถึงบ่อยๆในกระทู้นี้เคยพูดกับเพื่อนร่วมงานว่า “โลกจะต้องถูกมนุษย์ต่างดาวผู้มีสติปัญญาสูงส่งหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตไว้อย่างแน่นอน” Ans.  นักวิทยาศาสตร์ระดับโนเบล ยังคิดว่ามี Intelligent Designer            ดังนั้น ทฤษฎี Intelligent Design (ID) จึงไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องงมงายทางศาสนาอย่างที่หลายๆ คนกล่าวหา      (ส่วนเหตุผลที่ถูกยกมาโต้แย้งทฤษฏีนี้ ก็เป็นเพียงเหตุผลวิบัติแบบ Ad Hominem (โจมตีตัวบุคคล)) แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 15:30:04 จากคุณ : PureTruth - [ 12 ก.ค. 52 15:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ผมไม่ได้อ่านหัวข้อที่ผ่านๆมาในกระทู้นะแต่ว่า #156 อันนี้พูดจริงๆหรือพิมพ์ขำๆครับเนี่ย..... เพราะว่าไอ้ประโยคบนของคุณก็เหตุผลวิบัติเหมือนกัน จากคุณ : Munch - [ 12 ก.ค. 52 18:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 158 อ๋อย...เด็กสายศิลป์แย่แล้ว --  --ll วิทยาศาสตร์หยุดแค่ ม.3 ค่ะ แหะๆๆ ทั้งที่จริงๆ เรียนได้ค่อนข้างดีและชอบด้วย แต่เลขแย่เลย เลยเฟดตัวเองออกจากสายวิทย์เลย ^^'' ชอบเนื้อหาในกระทู้มากๆ ค่ะ แม้จะอ่านเข้าใจบ้าง ต้องพยายามเข้าใจบ้าง หรือบางส่วนแทบไมเข้าใจก็ตาม T^T แต่จะอ่านต่อแน่นอนค่ะ ขอบคุณคุณ Cryptomnesia มากๆ กับกระทู้ดีๆ มีสาระค่ะ ^^ จากคุณ : g_lunasea - [ 12 ก.ค. 52 22:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ตอบคุณ Munch #157 ไม่ได้พูดขำๆ นะครับ และก็ไม่ใช่เหตุผลวิบัติด้วย   เพราะผมไม่ได้บอกว่า "นักวิทยาศาสตร์ระดับโนเบลพูด ดังนั้น มันถูกต้องตามนั้น"  แต่ผมพูดว่า นักวิทยาศาสตร์ระดับโนเบลพูด มันจึงไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องที่คุณจะเอามาต่อว่า ว่างมงายทางความเชื่อในศาสนา       (คุณคิดว่าที่ฟรานซิส คริก เขาพูดถึง Intelligent Designer เนี่ย มันไม่ใช่ว่าเป็นเพราะ 'ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์' เหรอครับ) จากคุณ : PureTruth - [ 12 ก.ค. 52 23:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณ จขกท. คะ ได้ความรู้เพียบเลย อ่านแล้วคิดต่อได้มัน เลยคะ #8  คุณ Cryptomnesia เห็นด้วยกับ #154 คะ เราไม่มีการอ้างอิงทางวิชาการนะ แค่ตั้งข้อสังเกตุว่า อุกกาบาตอยู่บนโลกเป็น หมื่นปี แน่ใจนะคะว่าที่พบบนอุกกาบาต ไม่ใช่จุลินทรีย์จากโลก และเป็นไปได้ ไหมที่จุลินทรีย์บนโลกหากไปเติบโตบนอุกกาบาต อาจมีโครงสร้างต่างออกไป บ้าง(และอาจอยู่ไม่รอดจนกลายเป็นซากอย่างที่เห็น) นอกเรื่องนิดคะ #112 "ผมเข้าใจ ละว่า ทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่เคยพูดว่าโลกเกิดมาได้ยังไง" รู้สึกจะพูดนะ ..... อาจจะดูเพ้อเจ้อ แฟนตาซี แต่ฟังเอาจินตนาการก็ไม่น่าเสียหายนะคะ สนุกดี อ้อ พุทธมีพื้นฐานความเชื่อมาจากพราหม์-ฮินดู อีกทีนะ มันจึงปนๆ กันอยู่ เค้าว่าตอนที่โลกกำเนิดมาใหม่ๆ ช่วงแรกเริ่มที่ยังไม่มีสิ่งมีชีวิต ดินมีสีเหลืองหอม ฟุ้งลอยไปไกลถึงชั้นพรหม จึงทำให้พรหมซึ่งมีหน้าตาแบบมนุษย์ ลอยลงมาลิ้มรสดิน นี้บนโลก พรหมซึ่งมีกายละเอียด(เทียบก็คงเป็นพลังงานซักอย่างมั้งคะ มองด้วยตา เปล่าไม่เห็น) เมื่อกลืนกินเอาดินที่เป็นธาตุหยาบเข้าไป.... ใครที่เคยดูเรื่อง hollow man มนุษย์ล่องหน ฉากที่พระเอกค่อยๆ มีร่างกายจาก ที่เคยล่องหน ก็ประมาณนั้นเลยมั้งคะ ร่างของพรหมค่อยๆ มีเซลล์ เส้นเลือด อวัยวะขึ้นมา จนมีร่างกายเป็นกายหยาบ(กายที่มองเห็นด้วยตาเปล่า) ก็เลยซวยกลับ ขึ้นไปข้างบนไม่ได้ เนื่องจากกายละเอียดติดอยู่กับกายหยาบแล้ว ต้องนั่งกินดิน จนดินหายเหลืองกลายเป็นดินดำที่กินไม่ได้ เปลี่ยนมานั่งกินข้าวที่งอกมาจากดินดำ แทน สงสัยจังว่า ดินยุคนั้นมันอร่อยขนาดนั้นเลยเรอะ พรหมถึงกับลืมตัวลงมากินเฉย ว่าแต่ กรดอะมิโน ที่กองๆ อยู่ในยุคนั้น มีสีเหลืองน่ากินป่าวอะคะ 55 ----------------- เข้าเรื่องๆ #2 การทดลองของ มิลเลอร์ มีกระแสไฟฟ้าอยู่ในการทดลองด้วย เป็นไปได้ ไหมว่า สิ่งที่กำหนดรูปแบบของโมเลกุลต่างๆ คือคลื่นไฟฟ้า ถ้าหากคลื่นที่เกิด จากกระแสไฟฟ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ลักษณะโมเลกุลที่ได้จะเรียงตัวกัน หลากหลายมากขึ้นรึเปล่าคะ #7 ทฤษฎี Improbabilist(ยากที่จะเป็นไปได้) อยากทราบว่า บนอวกาศ มีธาตุที่ บนโลกไม่มีไหมคะ บนอุกกาบาต มีการค้นพบธาตุใหม่ๆ บ้างรึเปล่า ส่วนตัวมีความเห็นว่า ก็ในเมื่อโลกเป็นส่วนหนึ่งของเอกภพ ก็ต้องมีสารโดยพื้น ฐานเหมือนกับทุกๆ ส่วนในเอกภพ ดังนั้นหากห้องทดลองคือจักรวาล อุกกาบาต คงมีหน้าที่ส่ง "สาร" ให้ได้รับกันถ้วนหน้า ทุกส่วนภพช่วยกันสร้างสารขึ้นมา ไม่ เว้นโลกเราด้วย หากอุกกาบาตสร้างกรดอะมิโนได้ โลกเราก็สร้างได้ นำผลการ ทดลองที่ได้มาแชร์ๆ กัน ผลการวิจัยอาจมาจากหลายๆ ที่ แต่โรงงานที่มีศักยภาพพอจะผลิตได้มีแต่โซน แย่งกินหมี โลกไม่ได้สร้างสิ่งมีชีวิต หากแต่เป็นจักรวาลนั้นแล เอ่อ แต่ไม่ได้เชื่อว่ามาจากอารยะนอกโลกนะ เชื่อแต่ว่าเกิดจากธรรมชาติของ จักรวาล แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 01:01:44 จากคุณ : กรุณาหยอดเหรียญ (กรุณาหยอดเหรียญ) - [ 13 ก.ค. 52 00:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ความเห็น 153 คุณ recombination ที่บอกว่า "เรื่องกำเนิดสิ่งมีชีวิต........................... ผมไม่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิต cell แรกกำเนิดขึ้นบนโลก ผมเชื่อว่ามาจากอวกาศแล้วมาตกบนโลก " ผม (คนนี้) คิดว่า มันก็ต้องหาคำตอบอีกอยู่ดีอ่ะนะว่า แล้วไอ้ cell แรกจากนอกโลกที่มันลอยมาตกบนโลกนั่นน่ะ มันเกิดขึ้นมายังไง คือคำตอบมันก็ยังไม่สมบูรณ์อยู่ดี แล้วมันก็วนกลับมาที่เก่า แล้วที่มีคนนึงข้างบนถามว่า เวลาจุลินทรีย์มันฝ่าด่านชั้นบรรยากาศของโลกเข้ามาเนี้ยะ มันมิโดนเผาไหม้เสียดสีจนเป็นจุลย์ไปแล้วเหรอ ผมก็เห็นด้วยนะ ผมว่า คำตอบเรื่องกำเนิดชีวิตมันยังคงเป็นปริศนาอยู่ดี อย่างที่เจ้าของกระทู้แกสรุปไว้นั่นแหล่ะ จากคุณ : THDV - [ 13 ก.ค. 52 03:12:52 A:203.188.31.144 X: TicketID:218828 ]

ความคิดเห็นที่ 162 คุณ Naesala ลอง Click footnotes ของ Wiki ยัง ถ้ายังลองไปอ่านดู ก่อนที่จะบอกว่าไม่น่าเชื่อถือ ตัว Wiki อาจจะไม่น่าเชื่อถือ แต่ Paper ที่เขา Cite จะบอกว่าไม่น่าเชื่อถือไม่ได้ ถ้ามี Troll ป้วนเปี้ยนได้อยู่ผมว่าที่นี่ไม่ใช่แวดวงวิชาการครับ ไม่จำเป็นต้องหา Referrence ซับซ้อนมากมาย แค่ Wiki ก็พอแล้ว เพราะผมเคยยก Ref ทางวิชาการมาชุดใหญ่ ก็โดน Troll บอกว่ามัน"มั่ว" แค่นั้นเอง แล้วจะหาไปให้เสียเวลาทำไม ส่วนคุณที่ไม่ใช่ Troll มีสติปัญญาพอ ได้ Wiki มาก็ Click footnote ซะนะครับ ถ้าไม่สะดวกทำเองนี่คือ Ref ที่อยู่ใน Wiki นั่นแหละ # ^ De Pouplana, L.R.; Turner, R.J.; Steer, B.A.; Schimmel, P. (1998). "Genetic code origins: tRNAs older than their synthetases?". Proceedings of the National Academy of Sciences 95 (19): 11295. doi:10.1073/pnas.95.19.11295. PMID 9736730. http://www.pnas.org/cgi/content/full/95/19/11295. # ^ Freeland SJ, Hurst LD (September 1998). "The genetic code is one in a million". J. Mol. Evol. 47 (3): 238–48. doi:10.1007/PL00006381. PMID 9732450. http://link.springer-ny.com/link/service/journals/00239/bibs/47n3p238.html. # ^ Taylor FJ, Coates D (1989). "The code within the codons". BioSystems 22 (3): 177–87. doi:10.1016/0303-2647(89)90059-2. PMID 2650752. # ^ Di Giulio M (October 1989). "The extension reached by the minimization of the polarity distances during the evolution of the genetic code". J. Mol. Evol. 29 (4): 288–93. doi:10.1007/BF02103616. PMID 2514270. # ^ Wong JT (February 1980). "Role of minimization of chemical distances between amino acids in the evolution of the genetic code". Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A. 77 (2): 1083–6. doi:10.1073/pnas.77.2.1083. PMID 6928661. # ^ Knight RD, Freeland SJ, Landweber LF (June 1999). "Selection, history and chemistry: the three faces of the genetic code". Trends Biochem. Sci. 24 (6): 241–7. doi:10.1016/S0968-0004(99)01392-4. PMID 10366854. http://linkinghub.elsevier.com/retrieve/pii/S0968-0004(99)01392-4. # ^ Knight RD, Landweber LF (September 1998). "Rhyme or reason: RNA-arginine interactions and the genetic code". Chem. Biol. 5 (9): R215–20. doi:10.1016/S1074-5521(98)90001-1. PMID 9751648. http://linkinghub.elsevier.com/retrieve/pii/S1074-5521(98)90001-1. # ^ Brooks DJ, Fresco JR, Lesk AM, Singh M (October 2002). "Evolution of amino acid frequencies in proteins over deep time: inferred order of introduction of amino acids into the genetic code". Mol. Biol. Evol. 19 (10): 1645–55. PMID 12270892. http://mbe.oupjournals.org/cgi/content/full/19/10/1645. # ^ Amirnovin R (May 1997). "An analysis of the metabolic theory of the origin of the genetic code". J. Mol. Evol. 44 (5): 473–6. doi:10.1007/PL00006170. PMID 9115171. http://link.springer-ny.com/link/service/journals/00239/bibs/44n5p473.html. # ^ Ronneberg TA, Landweber LF, Freeland SJ (December 2000). "Testing a biosynthetic theory of the genetic code: fact or artifact?". Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A. 97 (25): 13690–5. doi:10.1073/pnas.250403097. PMID 11087835. PMC: 17637. http://www.pnas.org/cgi/content/full/97/25/13690. # ^ Freeland SJ, Wu T, Keulmann N (October 2003). "The case for an error minimizing standard genetic code". Orig Life Evol Biosph 33 (4-5): 457–77. doi:10.1023/A:1025771327614. PMID 14604186. http://www.kluweronline.com/art.pdf?issn=0169-6149&volume=33&page=457. สาย RNA เกิดเองไม่ได้ (Strawman เกิดอีกแล้ว) Synthesis of long prebiotic oligomers on mineral surfaces http://www.nature.com/doifinder/10.1038/381059a0 เปเปอร์นี้บอกว่าสามารถสร้าง RNA สั้นๆ (แต่พอให้เสถียร) ได้เองจาก Activated ribonucleotides แต่ตอนนั้นไม่มีใครสามารถ Set conditions ให้เกิด Activated ribonucleotides ได้ แต่เมิืองสองเดือนที่แล้ว Synthesis of "activated pyrimidine ribonucleotides" in prebiotically plausible conditions http://www.nature.com/nature/journal/v459/n7244/full/nature08013.html#B7 ทีนี้ก็เหลือ Confirm ว่า conditions เหล่านี้เกิดได้บนโลกสมัยเริ่มแรก หรือแค่ที่ใดที่หนึ่งในจักรวาลก็เท่านั้น http://www.nature.com/news/2009/090513/full/news.2009.471.html?s=news_rss Crick เนี่ยนะสนับสนุน "Intelligent Design" อยากหัวเราะให้ฟันหัก นอกจากเคยไม่เข้าใจนิยาม "ทฤษฎีวิวัฒนการ" แล้วยังไม่เข้าใจ"ทฤษฎีอสุจิสากล" ที่ Crick พูดถึง ว่าต่างกับทฤษฎีที่ตัวเองบูชาอย่าง "Intelligent design" ยังไงบ้าง (อย่าบอกว่าผมบูชาทฤษฎีวิวัฒนการนะ ผมใช้งานต่างหาก แลัว ID เอาไปใช้ทำอะไรได้ไหม) ถ้า Discovery Institute เอานิยามของ Crick มาเป็น นิยามของ ID รับรองว่าโดนตัดเงินแน่ๆ เพราะ Crick ไม่ได้บอกนิว่ามีสิ่งทรงปัญญามาสร้างมนุษย์ แค่เอาชีวิตแรกมาทิ้งไว้ ปล่อยให้วิวัฒนาการ ดังนั้นมนุษย์ก็ไม่ได้ถูกสร้าง ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร (แค่ลิงขนร่วงหัวโตเท่านั้น) ซึ่งสิทธิพิเศษของมนุษย์ในฐานะ Image of God เป็นหัวใจสำคัญของ ID และ Creationism หากขาดไป พวกคลั่งคำภีร์ทั้งหลายเขาก็ไม่ให้เงินหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 05:22:55 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 05:06:39 จากคุณ : Geneticist - [ 13 ก.ค. 52 04:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ใช่ครับคุณ THDV มันยังต้องหาคำตอบ ส่วนเรื่องจุลินทรีย์มันฝ่าด่านชั้นบรรยากาศของโลกเข้ามาเนี่ยมันก็ไม่ได้เผาไหม้จนหมดทุกอันนี่ครับ อันใหญ่ๅ ที่ตงลงมามันก็ร้อนแต่ผิวนอกแต่ตรงกลางยังเย็นอยู่ก็ได้นี่ครับ เท่าที่ผมรู้ดาวหางประด้วยน้ำแข็งก็มีนี่ครับ จากคุณ : recombination - [ 13 ก.ค. 52 13:29:10 ]