ความคิดเห็นที่ 1 1. ทำไมไม่ให้ยา ข้อสงสัยที่หลายๆคนสงสัยคือว่า เมื่อไปโรงพยาบาลแล้วสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ทำไมจึงไม่มีการให้ยา คำตอบก็คือเพราะเราไม่ต้องการเสี่ยงต่อการดื้อยาอย่างไม่จำเป็นครับ โดยธรรมชาติของเชื้อไข้หวัดใหญ่ก็เช่นเดียวกับไวรัสทั่วไป คือมีตั้งแต่ผู้ที่มีอาการหนักมาก เรื่อยไปจนถึงคนที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการไข้ และยาOseltamivirที่ใช้ในการรักษาไข้หวัดใหญ่ เป็นยาในกลุ่ม neuraminidase inhibitors หรือถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือ มันคือยายับยั้งเชื้อ ... ส่วนการฆ่าทำลายเชื้อ ร่างกายจะเป็นผู้จัดการ ดังนั้นโดยสรุปแล้ว เราจึงเลือกที่จะให้ยาในผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหนัก หรือผู้ที่มีอาการพอสมควรไปจนถึงอาการหนัก นั่นคือ ถ้ามีอาการของไข้หวัดใหญ่แบบปานกลางหรือหนัก ... คุณก็จะได้ยา เพราะว่าคนที่อาการหนักจะเสี่ยงที่จะเกิดผลแทรกซ้อนจากเชื้อได้ หรือถ้ามีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อายุน้อยมากหรือแก่มาก , เป็นโรคถุงลมโป่งพองหรือหืดหอบ , กินยากดภูมิคุ้มกัน , ตั้งครรภ์ , โรคเบาหวาน , โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ , อ้วนมาก .... ซึ่งถ้าหากเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วอัตราตายจะสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ซึ่งอาการของไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูง + ไอ + เจ็บคอ + น้ำมูก + เหนื่อย + ปวดกล้ามเนื้อ + ท้องเสีย + ปวดหัว คนที่มีอาการเข้าได้หลายข้อและมีสิ่งตรวจพบที่บ่งบอกว่าอาการพอสมควรหรือหนัก ... ก็คือผู้มีความเสี่ยงและสมควรจะได้รับยา เพราะเมื่อได้ยาไปแล้วถือว่าคุ้มค่า คนที่มีปัจจัยเสี่ยงและเป็นไข้หวัดใหญ่ ... ก็สมควรได้รับยา เพราะเมื่อได้ยาไปแล้วถือว่าคุ้มค่า แต่คนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงและมีอาการเพียงเล็กน้อย ส่วนมากไม่ได้ยาก็หายเองอยู่แล้ว การได้ยาไปนอกจากไม่คุ้มค่า ยังมีความเสี่ยงที่จะก่อเชื้อดื้อยาและกระจายเชื้อนั้นสู่คนอื่นๆ (ตัวเองหาย แต่แพร่ความตายให้คนอื่น) .... แล้วก็มีคำถามตามมาอีกว่า แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่อาการน้อยจะไม่กลายเป็นอาการมาก มั่นใจ100%หรือ? คำตอบคือ ไม่มีใครมั่นใจ100%หรอกครับ แต่เรารู้ว่าส่วนใหญ่ของคนที่อาการน้อยๆก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มอาการหนัก แต่สิ่งที่มั่นใจได้100%คือถ้าเราหว่านแหให้ยาOseltamivirกับทุกคนที่มีอาการของไข้หวัดใหญ่โดยไม่สนใจว่าหนักหรือเบา ... ภายในเวลาไม่กี่ปีเชื้อก็จะดื้อยา และเมื่อเกิดการระบาดครั้งหน้า(ซึ่งก็มั่นใจได้ครับว่ามีแน่นอน) เราจะไม่เหลืออะไรไว้ป้องกันหวัดมรณะอีกเลย ... เพราะเราใช้ยาหมดไปกับหวัดชิสุห์ตัวนี้แล้ว .... และสมมุติเกิดโชคร้ายมีคนที่เป็นเบาในตอนแรกและมาหนักในตอนหลังซึ่งเลย 48 ชั่วโมงไปแล้ว ยาOseltamivir ก็ยังพอใช้ได้ครับ .... ไม่ใช่ว่าเลย48ชั่วโมงแล้วจะใช้ไม่ได้เลยแบบที่หลายคนเข้าใจ สรุปแล้ว การให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ยังต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดครับ ไม่มีการให้ในคนที่เสี่ยงน้อยหรืออาการน้อย ยิ่งใครที่เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่และหายแล้ว ... ยิ่งไม่ควรบ่นเลยครับว่าหมอไม่ให้ยา เพราะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าไม่จำเป็นต้องได้รับยา ... แถมการบ่นจะไปสร้างความตื่นกลัวหรือไม่พอใจให้กับอีกหลายๆคนที่ไม่รู้ไปอีกด้วย reference 1. http://www.cdc.gov/h1n1flu/recommendations.htm 2. http://en.wikipedia.org/wiki/Oseltamivir 3. http://www.who.int/entity/csr/resources/publications/swineflu/clinical_managementH1N1_21_May_2009.pdf 4. Uptodate : Epidemiology, clinical manifestations, and diagnosis of H1N1 influenza A (swine influenza) จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 01:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. ทำไมไม่ตรวจหาเชื้อว่าเป็นเชื้ออะไร ข้อที่หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ตรวจเชื้อแบบตอนแรกๆ รัฐบาลหมกเม็ดหรือเปล่า ทำไมมาขี้เกียจตรวจเชื้อ กลัวเปลืองหรือกลัวตัวเลขยอดสูงหรืออย่างไร คำตอบคือ เพราะมันไม่มีความจำเป็นต้องตรวจอีกแล้วครับ ... แรกเริ่มที่สุด จุดประสงค์ในการตรวจหาเชื้อนี้โดยวิธี PCR ก็เพื่อยืนยันชนิดของเชื้อ เพื่อใช้ในการควบคุมโรค ... ดังนั้นการทำจะทำกันอย่างเข้มงวดที่สุด ตรวจในทุกรายที่สงสัยไม่ว่าจะเป็นน้อยหรือเป็นมาก เพราะหากหลุดไปแม้แต่คนเดียวก็จะเกิดการแพร่ระบาดได้ ต่อมา เมื่อเชื้อเริ่มเข้ามาในสังคมแล้วแต่ยังไม่มาก เราก็ต้องตรวจเพื่อหาว่าผู้ที่ติดเชื้อมีเท่าใดอยู่ในบริเวณใด ร่วมกับการตรวจในรายที่อาการพอประมาณ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาให้ยา สุดท้าย เมื่อเชื้อเข้ามาในสังคมแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจ เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เชื้ออยู่ในสังคมแล้ว คนที่มีอาการส่วนมากก็เป็นโรคนี้กัน การพิจารณารักษาใช้ดูจากอาการก็ได้ ถ้าไปรอผลการตรวจก็จะไม่ทัน ตัวอย่างการทำความเข้าใจดูจากรูปครับ ช่วงแรกที่เชื้อยังไม่เข้าไทย คนที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ก็มักจะเป็นโรคติดเชื้อจากเชื้ออื่น ... จะเป็นหัด ไข้หวัด ไข้เลือดออก ไข้ฉี่หนู ฯลฯ โอกาสที่หมอจะตรวจแล้วบอกว่าเป็นไข้หวัด 2009 จึงน้อยมาก ... โอกาสวินิจฉัยแล้วไม่ใช่มีสูง ... ดังนั้นการตรวจจึงได้ประโยชน์ต่อการเลือกยารักษา ต่อมาเมื่อเชื้อเริ่มมา (ช่วงที่เข้าเซนต์กาเบรียล) ช่วงนี้คนไข้ที่เป็นตัวนี้จริงๆก็ยังไม่มาก โอกาสที่หมอจะวินิจฉัยจากอาการผิดก็ยังสูงอยู่ ดังนั้นการตรวจก็จะช่วยในการเลือกยาได้ ต่อมาเมื่อเริ่มกระจายจริงๆแล้ว คนที่มีอาการแบบนี้โดยมากก็มักเป็นจริงๆ ดังนั้นโอกาสที่หมอจะวินิจฉัยได้ถูกต้องก็สูงขึ้น ในขณะที่การตรวจไม่ช่วยในการรักษาเพราะกว่าผลจะมาก็หายแล้ว ... ดังนั้นช่วงนี้ไม่ต้องตรวจทุกราย แต่ให้ตรวจในรายที่คิดว่าการตรวจจะช่วยเปลี่ยนแปลงการรักษาได้ก็พอ เรื่องนี้ไม่ได้ทำแค่ในไทยครับ เค้าก็ทำอย่างนี้กันทั่วโลก ซึ่งที่ไม่ทำไม่ใช่เพราะกลัวเปลือง ... แต่เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะทำอีกต่อไป สู้เอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ได้ reference 1. Uptodate : Epidemiology, clinical manifestations, and diagnosis of H1N1 influenza A (swine influenza) 2. http://www.cdc.gov/h1n1flu/guidance/rapid_testing.htm 3. www.mass.gov/Eeohhs2/docs/dph/.../swine_testing_guidance.pdf จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 01:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. แล้วไม่ตรวจอย่างนี้ตัวเลขก็ไม่ขึ้นสิ ... หรือว่าจะหมกเม็ดไม่ตรวจกลัวว่าประเทศจะเสียชื่อว่ามีคนเป็นเยอะ บางคนตั้งข้อสงสัยว่าถ้าหากไม่ตรวจในทุกคนที่เป็นหวัด เราก็จะหลุดคนที่เป็นไป อย่างนั้นคนๆนั้นก็จะไปแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ ... ไม่อันตรายแย่หรือ? หรือบางคนตั้งข้อสงสัยว่าถ้าไม่ตรวจทุกคนที่เป็นหวัดแบบนี้ แสดงว่าตัวเลขคนที่เป็นจริงๆน่าจะมากกว่านี้ .... อย่างนี้แปลว่ารัฐบาลหมกเม็ดไม่รายงานตัวเลขจริงกับWHOล่ะสิ คำตอบคือ WHO เค้าก็รู้ครับว่าตัวเลขนี้นี้ไม่ใช่ตัวเลขจำนวนคนป่วยจริง และที่จริง นักระบาดวิทยา / หมอ ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตัวเลขจริง ปรากฎการณ์นี้เรียกว่า Iceberg Phenomenon ครับ ใช้ในเรื่องการติดเชื้อโดยเฉพาะเชื้อไวรัส โดยเรารู้ว่าโรคต่างๆโดยเฉพาะเชื้อไวรัส จะมีการติดเชื้อรูปแบบต่างๆในมนุษย์ ส่วนใหญ่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการเลยแม้แต่น้อย , ส่วนหนึ่งติดเชื้อแล้วมีอาการน้อยๆบอกไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร , บางคนมีอาการเบาๆที่พอบอกโรคได้ , บางคนมีอาการหนัก อย่างเช่นเมื่อปลายเดือนที่แล้วผู้เชี่ยวชาญของ CDC หรือกองควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา ได้ให้ข่าวไว้ว่า จากที่พบว่ามีตรวจพบผู้ติดเชื้อตัวนี้เกือบ 30000 คนในอมเริกา ...  มีการประมาณว่าน่าจะมีคนที่ติดเชื้อตัวนี้ไปแล้ว 1 ล้านคน เรื่องตัวเลขแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติครับ ... และเมื่อเวลาผ่านไป การตรวจหาเชื้อก็ไม่ค่อยจำเป็นแล้ว ... ตัวเลขยอดผู้ป่วยใหม่ก็จะค่อยๆลดลง  แต่ในแง่การระบาดเราก็ยังรู้อยู่ว่าจริงๆมันระบาดเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ตัวเลขผู้ป่วยในไทยที่เห็นพันกว่าๆ ... เอาไปคิดจริงๆก็น่าจะติดอยู่หลายหมื่นหรือเหยียบแสนครับ ... ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่ออัตราการตายครับ เพราะจะไปทำให้อัตราการตายสูงเกินจริง เพราะในช่วงการระบาด ถ้าเราไปคิดแต่เคสที่ตายต่อเคสที่รายงาน อัตราการตายจะสูงมาก เช่นบางคนอาจจะเอาไปเทียบว่าH1N1 ตายตั้ง 0.5% เมื่อเทียบกับ 0.05% ของไข้หวัดใหญ่เดิม แต่ถ้าเราคิดโดยใช้โมเดลทางระบาดวิทยา จริงๆตัว 2009 น่าจะต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดาครับ (ตอนนี้ตัวเลขที่ออกมามีแต่เรื่องการติดต่อครับ แต่เดิมเข้าใจว่า 2009 ติดต่อง่ายกว่าตัวเดิม ... แต่ตอนนี้เมื่อมีข้อมูลมากขึ้นเริ่มเชื่อกันว่าจริงๆมันก็ติดต่อได้เท่าๆกับไข้หวัดใหญ่ตัวเดิม) reference 1. news.bbc.co.uk/2/hi/americas/8122262.stm แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 01:38:22 จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 01:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 4. หวัดมันแพร่กระจาย เพราะรัฐบาลควบคุมไม่ดี โรคที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจ จะระบาดมากน้อยขึ้นกับปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ "สุขลักษณะของคนในประเทศนั้น" เพราะ มาตรการป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ยาก (จนถึงปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดที่ออกมาตรการณ์ป้องกันได้ผล เพราะมนุษย์ทุกคนต้องหายใจ) ดังนั้นการระบาดที่เรารู้สึกว่ามากไม่ใช่เหตุอื่นใดครับ ก็เพราะว่าสุขลักษณะในการป้องกันโรคของคนไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ต่ำขนาดที่ว่ามันระบาดอยู่อย่างนี้ยังไม่สนใจในการล้างมือ ปิดปากเวลาไอ ดันไปสนใจแต่ว่าอยากจะได้ยา อยากจะตรวจว่าเป็นหรือไม่เป็น สนใจแต่การรักษา มากกว่าที่จะป้องกัน มันก็เลยเกิดการระบาดสูงครับ ไม่ควรนำไปเปรียบเทียบกับหวัดนก ... เพราะว่าหวัดนกมีอัตราการติดต่อที่ต่ำมากๆ ถึงไม่ควบคุมก็อาจจะหยุดเอง ไม่ควรเทียบกับ SARS เพราะว่าคนที่เป็นมักมีอาการรุนแรงในสัดส่วนที่สูง โอกาสแพร่กระจายเชื้อต่อก็ต่ำกว่า โรคไข้หวัดใหญ่ตัวนี้มีคนที่อาการน้อยๆเป็นกำลังสำคัญในการแพร่เชื้อ ... ถ้าจะเทียบก็เทียบกับการติดหวัดธรรมดา หรือไม่ก็เทียบกับอีสุกอีใส นโยบายที่จะป้องกันได้อย่างเต็มที่ คือการประกาศเคอร์ฟิวครับ ถ้าประกาศกฎอัยการศึกห้ามออกนอกบ้านสักสองสัปดาห์ ก็จะตัดวงจรได้ ซึ่งในโลกนี้มีไม่กี่ประเทศที่เคยใช้กฎแบบนี้จัดการกับโรคระบาด ... เช่นคิวบา เคยใช้กับการกำจัดโรคไข้เลือดออก ... และได้ผลซะด้วย -_-' ส่วนเรื่องที่หลายคนวิจารณ์ว่าทำไมไม่ปิดโรงเรียน แนะนำให้อ่าน referenceครับ เป็นของ CDC หรือกองควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา ตอนนี้เขาไม่แนะนำให้ปิดโรงเรียนแล้วครับ ... แต่แนะนำว่าถ้าใครป่วยก็ไม่ต้องมาเรียน ให้ลาหยุดไปสัก 1 สัปดาห์ ... และต้องใช้หน้ากากอนามัยและล้างมือให้สะอาด reference 1. http://dpi.wi.gov/sspw/pdf/flu_school_daycare.pdf 2. http://www.cdc.gov/h1n1flu/K12_dismissal.htm จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 01:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5. มันคือโรคติดต่อทางอากาศ การล้างมือไม่ช่วยอะไรหรอก????? สังเกตว่ามีหลายคนที่ออกมาบอกว่าการล้างมือไม่ช่วยป้องกัน เพราะว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่มันติดต่อกันทางการหายใจอย่างเดียว ต้องบอกว่าเข้าใจผิดครับ ไข้หวัดใหญ่ คือ โรคที่ติดต่อผ่านทางระบบทางเดินหายใจ เชื้อมันไปเกาะเซลล์เยื่อบุจมูกแล้วแบ่งตัวได้ตั้งแต่ที่โพรงจมูกด้วยซ้ำ ดังนั้นการล้างมือยังเป็นส่วนที่สำคัญในการป้องกันอยู่ครับ เพราะไม่แน่ว่าเราอาจจะไปจับโดนละอองที่มีคนไอโดยไม่รู้ตัวแล้วเอามาแคะจมูกก็ได้ ส่วนกินร้อน ช้อนกลาง ... อันนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ ... แต่ก็มีโรคอื่นอีกหลายโรคที่ติดต่อทางนี้ ... ดังนั้นทำตามไปก็ไม่เสียหาย เพราะว่าเราไม่ได้มีแต่ไข้หวัดใหญ่อย่างเดียว reference 1. Uptodate : Epidemiology, clinical manifestations, and diagnosis of H1N1 influenza A (swine influenza) 2. http://en.wikipedia.org/wiki/Influenza 3. http://www.cdc.gov/H1N1flu/qa.htm จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 01:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับส่วนสุดท้ายนี้ ขอสรุปสิ่งสำคัญอีกครั้งครับ 1. สำหรับคนที่เป็นไข้ หรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นไม่มาก เช่นไอเฉยๆ ตัวอุ่นๆเล็กน้อย วัดไข้แล้วไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำๆ สามารถใช้ยาตามอาการได้แก่พาราเซตามอลลดไข้  ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อน ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ถ้าอาการดูเยอะ ปวดกล้ามเนื้อ ไข้สูง หรือรู้สึกว่าไม่ค่อยดี ก็ไปโรงพยาบาล ... อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยด้วย 2. สำหรับคนที่ยังไม่เป็น การล้างมือยังเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละทิ้ง ควรทำเสมอเมื่อไปสัมผัสสิ่งของสาธารณะ หรือเมื่อเข้าบ้านก็ให้ล้างมือก่อนที่จะทำอย่างอื่น การใส่หน้ากากอนามัยอาจจะป้องกันละอองฝอยที่ลอยมาในอากาศไม่ได้ ... แต่ถ้าจะใส่ก็ได้เพราะก็ยังพอป้องกันได้บ้างในกรณีที่มีคนไอใส่หน้าคุณ กรุณาอย่าทำท่ารังเกียจคนที่ใส่หน้ากากอนามัยแล้วไอ เพราะนั่นแปลว่าคุณกำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไม่อยากใส่หน้ากากอนามัย และสนับสนุนให้เกิดการแพร่เชื้อ ดูข่าวเป็นระยะเพราะว่าข่าวมันเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ และอย่าเครียด ถ้ารู้ตัวว่าเครียดให้เปลี่ยนไปดูหมีแพนด้าแทน 3. สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ทำใจเถอะครับ -_-' มันเพิ่งจะเริ่มต้น หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันนะครับ ... สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณครับ _/|\_ จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 01:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โหวต!!!! จากคุณ : HWalker - [ 6 ก.ค. 52 02:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เบื่อเหมือนกัน หมอแมวน่าจะเพิ่มอีกข้อนะ เรื่อง ระดับ 6 แล้วตกกะใจไปเป็นแถว ไม่รู้ว่าเข้าใจไได้อย่างไร ระดับสูงสุด เป็นแล้วตายเนี่ย เฮ้อออออออออออออออออ แต่ว่านะ เบื่อน้อยกว่าหมีแพนด้านิดนึง มุมิๆ จากคุณ : ying_aui - [ 6 ก.ค. 52 02:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โหวตปาย จากคุณ : MDcute - [ 6 ก.ค. 52 03:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กำ เท่าที่อ่าน อาการผมตอนนี้เลย แต่ผมไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นะ แต่ปวดกล้ามเนื้อ กับปวดหัวอะ 2 วันแล้วครับ แผ่นหลังนี่ปวดตลอดเวลาเลย ไปหาหมอดีกว่าพรุ่งนี้ ตอนแรกนึกว่าเป็น ชิคุนกุนยา - - จากคุณ : วิงเวียนศีรษะ - [ 6 ก.ค. 52 05:10:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตครับ เบื่อพวกลากดำนาเหลือเกินแล้ว อะไรก็จะลากเข้าการเมืองซะหมด จากคุณ : bbiggy - [ 6 ก.ค. 52 06:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #11 พวกนั้น "เกินเยียวยา" แล้วครับ ปล่อยมันบ้าในกะลาของมันไปนั่นแหละ จากคุณ : เจ้าชายแห่งทะเล - [ 6 ก.ค. 52 06:48:28 A:124.120.98.26 X: TicketID:151264 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ..แล้วมีการประมาณการมั้ยค่ะว่า.. เมื่อไหร่เชื้อโรคนี้จะหยุดระบาด..หรือระบาดสูงสุดช่วงไหน.. จากคุณ : nuanapa - [ 6 ก.ค. 52 07:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รัฐบาลน่าจะกล้าพูดได้แล้วนะ ว่า "มันเพิ่งเริ่มต้น" ไม่อย่างนั้นอีก 2-3 เดือนได้โดนด่าหนักแน่ ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็มีการตอบสนองต่อสถานการณ์อยู่ในระดับพอใช้ได้ อยู่แล้ว... บ้านเราภาคการเมืองอ่อนแอจริงๆ จากคุณ : vandalism - [ 6 ก.ค. 52 07:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมก็เบื่อที่ได้ยินแผ่นเสียงตกร่อง มากกว่าได้ยินแผนงานจากคนรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่ นายกฝึกงาน รัฐมนตรีฝึกงาน อธิบดี คนเหล่านี้ต้องคิดและกำหนดแผนงานเพื่อให้คนอย่างหมอแมว หรืออีกหลายหมอรู้ว่า ทิศทางจะเดินไปทางไหน ผลออกมาหรือตัวเลขคือการแสดงถึงสิ่งที่ได้ทำไปว่าผลสำเร็จเป็นอย่างไร ผลสำเร็จที่มันไม่ออกมาตามที่วางแผนไว้นำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงวิธีการรับมือ ไม่ใช่ออกมารายงานผล แล้วโทษดินฟ้า อากาศ ซึ่งอีกกี่ชาติเราก็ควบคุมดินฟ้า อากาศ ประเด็นเหล่านี้คือสิ่งที่ผมในฐานะ ปชช. ต้องการเห็น  และผมก็เชื่อว่าคนอื่นก็ต้องการเห็น  สิ่งที่หมอแมวพยายามอธิบายเป็นเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคซึ่งผมเห็นใจผู้ปฎิบัติ ที่กำลังพาย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพร้อมเพรียง กำลังดูว่าใครให้จังหวะ และถือหางเสือ และฝีมือในการให้จังหวะและถือหางเสือมันยังไง ถ้าจะตำหนิ ขอมอบให้คนที่กำลังทำหน้าที่บริหาร ปัญหาตรงนี้จริงๆ คงต้องรอ ลูกหลาน ครอบครัวท่านนายก รัฐมนตรี เป็นก่อนแล้วจึงจะลงมือแก้ไข การแก้ปัญหาที่ดีคือ ป้องกันครับ ไม่ใช่ไล่ตามปัญหา ไล่ตามปัญหายอมรับได้ในช่วงเริ่มต้นว่าต้องแก้ไขแบบแก้ไข สำหรับ ปชช. ดูแลตัวเองครับ ส่วนใครที่ยังหลงละเมอว่า ดึงไปเป็นเรื่องการเมือง กรุณาตั้งสติให้ดี การที่คนเป็นห่วงความปลอดภัยของชีวิตของตนเองและคนที่รัก เป็นเรื่องการเมือง ผมหวังว่าถ้ามันเกิดกับครอบครัวคุณ อย่าลืมท่องไว้ว่ามันเป็นการเมือง ขอสรุปอีกทีครับ เป็นความล้มเหลวของผู้บริหารครับ จากคุณ : cpbu - [ 6 ก.ค. 52 07:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเข้าใจว่า link ที่หมอแมวให้ไว้ คงต้องการให้หาความรู้ ซึ่งเป็น web ที่จัดทำโดยรัฐบาลอเมริกา และ UN ข้อจำกัดในการเรียนรู้จาก link เหล่านี้คือ คุณต้องรู้ภาษาอังกฤษ และรู้จัก ศัพท์ทางเทคนิค  และสำคัญต้องเล่นเนทเป็น และสำคัญที่สุดคือ อยากรู้ ถ้าองค์ประกอบไม่ครบ link เหล่านี้ก็ไร้ค่า ผู้บริหารประเทศและสาธารณสุข คิดว่าจะทำเครื่องมือแบบนี้หรือเปล่า ถ้าคิดอย่าลืมนึกถึงคนที่ไม่มีเนทใช้ หรือใช้ไม่เป็น หรืออ่านหนังสือไม่คล่องเจอศัพท์ คำพูดที่ไม่เคยได้ยิน ถ้าไม่เคยได้ยินมักไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ถาม ถ้าจะมีผู้รู้ช่วยทำฉบับไทย จาก link ที่หมอแมวทำไว้ คงจะได้ความสุขทางใจไปเยอะ ผมเข้าไปดู link เหล่านั้นแล้ว เค้า released ตั้งแต่ May ซึ่งเป็นช่วงกำลังตื่นเต้นไปทั้งโลก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องทางเทคนิคที่มุ่งไปบุคคลากรทางการแพทย์ บางส่วนมีประโยชน์สำหรับ ปชช. ที่อาจต้องการทราบถึง เหตุและการต่อสู้กับมัน ผมเข้าใจแล้วที่เคยได้ยินบางประโยคจากสื่อว่าต้นทางอยู่ที่นี่เอง  ส่วนตัวผมเชื่อคุณภาพบุคคลากรทางสาธารณสุขไทยว่า เอาอยู่  แต่เรื่องของ alignment and harmonization ของทีมงาน ซึ่งเป็นบทบาทของ management ล้วนๆ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 08:12:39 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 08:04:20 จากคุณ : cpbu - [ 6 ก.ค. 52 07:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เบื่อเหมือนกานล่ะค่ะ  เบื่อเป็นที่สุดเลย   เถียงกะที่บ้านบ่อยๆ ก็เรื่องนี้ล่ะค่ะ  ไม่จบซะที -*- จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย - [ 6 ก.ค. 52 07:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ทันไรก็มาซะและ = =' เค้าก็อธิบายไว้แล้วนะ....... จากคุณ : เพนกวินพเนจร - [ 6 ก.ค. 52 07:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คนมันจะโยงเข้าการเมือง พูดให้ตายยังไงก็ไม่เข้าใจ จากคุณ : ZoRtA - [ 6 ก.ค. 52 08:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณพี่หมอแมวมาก ตอนแรกเป็นไข้หนัก ไข้หวัดเนี่ยละ ปวดหัวหนัก ตอนแรกกลัวมา เลยนอนรอดูอาการ หยุดเลย ไม่ออกไปไหน ตอนนี้หายไข้ หายหวัดแล้วเรียบร้อย ผลจากการพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็ทำตามที่คนเป็นเค้าพึงจะทำกัน เหลือไอและคันคอเนี่ยละ ไอแค่กๆ เลยใส่หน้ากากซะ คนอื่นจะได้ไม่รังเกียจ จากคุณ : phonomenon - [ 6 ก.ค. 52 08:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณพี่หมอแมวค่ะ ^^ จากคุณ : ozbygirl - [ 6 ก.ค. 52 08:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากๆค่ะ ทำให้เข้าใจเรื่องการตรวจยืนยันเชื้อมากขึ้น เคยตั้งกระทู้เล่าเรื่องไข้หวัดใหญ่ กระทู้เล่าเรื่องเคสไข้หวัดเคสแรก  2009 ในโรงพยาบาลของตัวเอง http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N8041756/N8041756.html มีเพื่อนๆ มาเล่าเรื่องไข้หวัดใหญ่ที่เจอในครอบครัว คนรอบข้าง โดยเฉพาะ ความเห็นของคุณ NoNoTan และคุณกรรมใดใครก่อ  ทำให้ทราบว่าเคสที่เป็นนั้นเยอะกว่าที่รายงานอยู่แล้ว และติดง่ายมากๆ มาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงรณรงค์ อย่าง "กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ" นั้น อาจช่วยได้แค่บางส่วน เพราะการติดต่อส่วนใหญ่เป็นการติดต่อแบบฝอยละอองเสมหะ( droplets)จากคนป่วยที่จามหรือไอใส่ผู้ที่อยู่ใกล้ในรัศมีประมาณ 1 เมตรและการที่หายใจเอาฝอยละอองในอากาศในห้องที่ติดแอร์และอากาศไม่ถ่ายเท เช่น โรงภาพยนตร์ ศูนย์การค้า ที่พบน้อยคือการสัมผัสเสมหะผู้ป่วยที่เปื้อนตามลูกบิดประตู ราวบันได และเอามือที่ไม่ได้ล้างสัมผัสหน้าตา ทำให้เชื้อเข้าทางเยื่อบุอวัยวะต่างๆ ดังนั้นกระทรวงควรเน้นเรื่องการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล อย่างน้อยประมาณ 1 เมตร และการใส่หน้ากากอนามัยให้มาก ๆ นอกจากการมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่  นอกจากนี้ควรรณรงค์การเข้าไปอยู่ใสถานที่แออัดว่าควรงดเว้นไปก่อนในช่วงนี้ หรือรณรงค์ให้ใส่หน้ากากตามขนส่ง ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ตลาด (ซึ่งรัฐบาลคงไม่กล้าพราะกลัวกระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยว) ก็ทราบล่ะค่ะ ไข้หวัดนี้อัตราตายต่ำ อาจจะเป็นแล้วไม่รุนแรง แต่อย่าลืมว่ามันติดง่าย โอกาสกลายพันธุ์สูง แล้วตอนนี้ยังมี report case ดื้อยาทามิฟลูแล้ว  เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรา "เป็นแล้วไม่ตาย" ใครไม่กลัวอิชั้นคนหนึ่งล่ะที่กลัว   จากคุณ : หมูเหมียว - [ 6 ก.ค. 52 08:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถามหน่อยนะ ที่บอกการเมืองรับผิดชอบไข้หวัดนี่ ตอนซาร์ส ระบาดเข้ามานี่ ใครเป็นรัฐบาล ถามหน่อย มีรัฐมนตรี สาธารณสุขของ เม็กซิโก สหรัฐ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ อังกฤษ เยอรมัน ขนาดญี่ปุ่น เลือดบุชิโด อย่างเข้มข้น หน้าไม่หนาเท่าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านในประเทศเรา รัฐมนตรี เขาลาออกเพราะ H1N1 2009 ให้เห็นรึยีังครับ อะไรก็ลากเข้าการเมืองซะหมด น่าเบื่อเกินแล้วล่ะ จากคุณ : bbiggy - [ 6 ก.ค. 52 08:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Why an article i read at here is much different from another room. จากคุณ : Nitty.M - [ 6 ก.ค. 52 09:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ให้กำลังใจหมอแมวนะครับ แต่ใครไม่กลัวผมกลัวนะครับ กลัวเพราะมันแพร่กระจายง่ายมาก เจอคนที่เป้น จามใส่ โอกาสที่จะติดเชื้อก้อมีแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่กลายพันธ์ เลยยังไม่น่ากลัว ผมว่า เราน่าจะกลัว ก่อนที่มันกลายพันธ์นะครับ ควบคุมกันตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า มันกลายพันธ์ แล้ว แพร่กระจายจนคุมไม่อยู่ เพราะนี่ขนาด อัตราการตายต่ำๆ โรงพยาบาลยังวุ่นวายแบบนี้ ... ถ้ามันกลายพันธ์ อัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาความรุนแรง มันยิ่งกว่านี้แน่ๆ ที่สำคัญ ภาครัฐควรให้ความสนใจมากกว่านี้ สื่อมวลชน ควรเสนอข่าวและวิธีการป้องกันที่ถูกต้อง ไม่ใช่เสนอ ข่าวแพนด้าลืมตา - -* จากคุณ : เฮ้อ..... (vn, man) - [ 6 ก.ค. 52 09:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าพลเมืองทั่วไปได้รับความรู้อย่างนี้ คงจะป้องกันและเข้าใจโรคนี้ ดูแลตัวเองได้ เฮ้ยๆๆ จากคุณ : ปัจเอนก เจกชน - [ 6 ก.ค. 52 09:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เบื่อข่าวแพนด้ากับเคอิโงะร้องเพลงมากกว่าครับ จากคุณ : ประกอบ - [ 6 ก.ค. 52 09:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 .... คนรอบข้างเริ่มเป็นเพียบเลยค่ะ.... จากคุณ : ใบยางสีชมพู - [ 6 ก.ค. 52 09:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สรุปคือ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เราต้องทำใจยอมรับ และอยู่ร่วมกับมัน ....แต่ยังไงผมก็อยากเห็นมาตรการของรัฐที่จะช่วยทำให้เรื่องมันดีกว่านี้ จากคุณ : siam starlian - [ 6 ก.ค. 52 09:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ต้องขอบคุณหมอแมวจริง ๆ ครับที่ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับไข้หวัดตัวใหม่ตัวนี้ตลอด ผมซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ตรวจเจ้าหวัดตัวนี้อยู่ ขอบอกว่ามันเยอะมาก ตัวอย่างส่งตรวจเป็นไข้หวัดตัวนี้เกือบ 90% กำลังคิดอยู่ว่าจะออกมาเขียนในลักษณะที่หมอแมวเขียนครับ แต่งานมันล้นมือจนไม่มีเวลามานั่งหน้าคอมเลย -_-' เลยเอาเป็นว่ามา update ข้อมูลล่าสุดให้แล้วกันนะครับ ในวรสาร science กำลังจะตีพิมพ์บทความที่มีการทดลองเอาไวรัสไปติดใน ferret (พังพอมใช่หรือเปล่าหว่า) ปรากฏว่าเจ้าไวรัสตัวใหม่นี้สามารถติดและแบ่งตัวได้ถึงระบบทางเดินหายใจส่วนล่างเช่นปอด ซึ่งต่างจากไข้หวัดตามฤดูกาลทั่วไป นอกจากนี้ไวรัส 2009 นี้ยังเข้าไปเซลล์ได้ง่ายกว่าเพราะความเข้ากันของตัวรับบนเซลล์เจ้าบ้านดีกว่าหวัดตามฤดูกาล มาถึงตอนนี้เลยเข้าใจว่าทำไมเจ้าหวัดตัวใหม่นี้จึงแพร่ไปได้เร็วกว่า และดูเหมือนจะมีอาการของโรคที่ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าหวัดใหญ่ตามฤดูกาลทั่ว ๆ ไป (เช่นปอดบวม) (แก้คำผิดครับ) แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 09:47:07 จากคุณ : Veekung (veekung2525) - [ 6 ก.ค. 52 09:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 การบริหารบ้านเมืองมันก็ต้องเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้วล่ะ ึการเมืองมันเกี่ยวข้องกับชีวิตเราไปทุกๆ ด้านนั่นแหละ มันจะไม่เกี่ยวกับเราก็เฉพาะเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัว ความชอบส่วนตัว ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว มันก็ยังเกี่ยวอยู่บ้างอยู่ดี เช่น รัฐบาลมีความเห็นว่าเหล้ากับบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี เพราะฉะนั้นเก็บภาษีมันแพงๆ หรือภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ห้ามฉายในประเทศ คนที่ชอบกินเหล้า สูบบุหรี่ หรือต้องการดูหนังที่ถูกห้ามนั้นก็ต้องเดือนร้อน ส่วนการเอาเรื่องวิจารณ์การบริหารจัดการของรัฐบาลเกี่ยวกับหวัด 2009 มาพูดถึงในห้องนี้มันก็ไม่ถูกห้องแน่ๆ แต่ถ้าไม่มากไป เช่น พูดประกอบ ไม่ใช่พูดเป็นหลักก็คงไม่เท่าไรนัก จากคุณ : Naibruda - [ 6 ก.ค. 52 09:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณ คุณหมอแมว ที่เอาข้อมูลดีๆมาให้อ่านกันอีกครั้งครับ จากคุณ : NATSKI13 - [ 6 ก.ค. 52 09:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กระจ่างดีค่ะ ตัวเราก็ได้แต่ระวัง แต่พี่ไทยนี้ก็จริงๆ พอเห็นใครเป็นบ้าตื่นตูมใส่ผ้าปิดปากนี้มองเป็นเรื่องประหลาดซะอีก สำหรับเราถือว่าคนที่ใส่ผ้าปิดปากเนี่ย (จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่าง) เป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมนะคะ อย่างน้อยก็รู้จักป้องกัน ไม่ใช่ปล่อยอะไรให้เลยตามเลย จากคุณ : citrus_tree - [ 6 ก.ค. 52 10:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มายกมือว่าเบื่อแล้วเหมือนกัน ทั้งฐานะเป็นบุคลากรทางการแพทย์และผู้ใฝ่ความรู้ส่วนตัวตั้งแต่ช่วงต้นๆ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 10:10:18 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 6 ก.ค. 52 10:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เป็นมันซะตอนนี้ก่อนที่มันจะกลายพันธุ์จะดีกว่ามั๊ยครับ แบบว่าเดินไปในโรงบาล "หมอครับ เอาคนเป็นหวัด 2009 มาจามใส่ผมหน่อย" หลังจากนั้นก็คุมตัวกักเชื้อเลย พอหายจะได้มีภูมิต้านทาน เกิดกลายพันธุ์ขึ้นมาจะได้เสี่ยงน้อยลง... จากคุณ : สมบัติดี - [ 6 ก.ค. 52 10:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เรากับแฟนเรา ทุกครั้งหลังจากกลับเข้าบ้านไม่ว่าจะสัมผัสอะไรหรือไม่ต้องล้างมือทุกครั้ง ทำกันมาได้ ๒ ปีแล้วค่ะ ตอนนี้ซื้อแอลกอฮอล์ลเจลติดไว้ในกระเป๋า เวลาหยิบจับอะไรที่คนสัมผัสกันเยอะๆเราก็ใช้ คนอาจมองว่าดัดจริตแต่เราเซฟตัวเองค่ะ  ตอนนี้เราก็บอกแม่และคนในครอบครัวแต่เค้าก็ไม่ค่อยกันเท่าไร แบบลืมเราเตือนทุกครั้งค่ะ จากคุณ : MY PIDPEE - [ 6 ก.ค. 52 10:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แถวบ้านผมจะเรียกว่าปัญหาอะไรดีล่ะ   มีโรงเรียนในชุมชนพบว่ามีเด็กติดเชื้อ 30 คน   ก็มีการสั่งปิดโรงเรียนอาทิตย์นึง  ตรงกับวันหยุดยาวพอดี หลังจากนั้นผู้ว่าก็ประชุมข้าราชการ  สรุปคือให้ปิดข่าว   Y Y คงเป็นเพราะว่ากลัวจะกระทบการท่องเที่ยว จากคุณ : ZXR - [ 6 ก.ค. 52 10:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตกลง ตอนนี้ต้องเชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบดีไหมครับ ขนาด จนท ที่รับผิดชอบ สายด่วน ยังไม่มีความรู้เรื่อง ไข้หวัด 09 เลย โทรไป พูดเป็นอย่างเดียว   กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ แล้วอย่าลืมใส่หน้าหากอนามัย แค่นี้ จริงๆน่ะ เสียดายงบประมาณที่ประชาสัมพันธ์จริงๆๆ พวกเราเองก็ต้องช่วยตัวเองอยู่แล้ว  ส่วนเรื่องปิดโรงเรียนที่หมอแมวพูดมา ว่า ที่ อมเริกา เค้าก็ไม่ปิดกันแล้ว ผมอยากให้ดู ความรับผิดชอบต่อสังคมของคนประเทศนั้นๆด้วยครับ ไม่ใช่ว่า เค้าทำแบบนั้น ประเทศเราสามารถทำตามได้ เพราะคนประเทศเรายังไม่มีคุณภาพเท่าเค้า    ลองดูสิครับผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบสาขาอาชีพอะไรกัน เป็นเด็กนักเรียนซะส่วนใหญ่หรือเปล่า เพราะอะไรหรอ เพราะ พ่อแม่เห็นแก่ตัวไงครับ คิดอย่างเดียวว่า กลัวลูกจะโง่ เรียนไม่ทันเพื่อน มีน้ำมูกไข้นิดหน่อยก็ให้ไปโรงเรียนแล้ว จะไำปติดเพื่อนไม่เป็นไร ขอให้เรียนให้ทันเป็นอันใช้ได้ หน้ากากก็ไม่มีให้ลูกพกๆไป รร  ...ปัญหาเหล่านี้มันอยู่ที่ภาวะไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม   รับรองได้ครับ โรคนี้ ทำยังไงก็ไม่หายไปจากประเทศนี้ได้หรอก ไม่นาน ไทยจะขึ้นอันดับ1ของโลก แน่นอน จากคุณ : Pita - [ 6 ก.ค. 52 11:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อวันเสาร์ไปดูคอนเสิร์ตอัสนี-วสันต์ที่อิมแพค เขาก็มีแจกผ้าปิดจมูกและเจลล้างมือแบบไม่ต้องใช้น้ำล้าง แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 13:43:06 จากคุณ : AW Milan - [ 6 ก.ค. 52 11:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 40 การเมือง.... เบื่อว่ะ จากคุณ : ฮ่าๆๆComeback (โฮ่งฮับตังเม) - [ 6 ก.ค. 52 11:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมสงสัยครับ ทำไม คนชอบโยงเข้าการเมือง ไปว่ารัฐบาล มันจะอะไรกันเนี้ย จากคุณ : sos_num - [ 6 ก.ค. 52 11:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หมอแมวครับ มีพยาบาลบอกผมว่า คนเป็นจะมีภูมิต้านทานไม่ใช่ตลอดชีวิต แต่แค่ 6 เดือน จริงหรือเปล่าครับ จากคุณ : sos_num - [ 6 ก.ค. 52 11:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอถามครับ   แล้วในประเทศเราเนี่ย คนจำนวนมากเป็นโรคภูมิแพ้ ถามว่ามันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนติดหวัดได้ง่ายรึเปล่าครับ เพราะผมรู้สึกว่าคนเป็นโรคภูมิแพ้อันตรายมากๆ(ผมก็เป็น - -") จากคุณ : Sorry_I can't be perfect - [ 6 ก.ค. 52 11:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณนะคะ อ่านเข้าใจง่ายมากๆ  ^^ จากคุณ : ฟินจัง - [ 6 ก.ค. 52 11:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณหมอแมวสำหรับข้อมูลและวิธีการป้องกันตัวเองครับ ปล. เบื่อการเมืองโยงเข้ากันไปได้ จากคุณ : DraGo - [ 6 ก.ค. 52 11:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ในมุมมองของผมขอตำหนิรัฐฯหน่อยแล้วกันนะ (ไม่รู้จะเป็นการโยงเข้าการเืมืองรึเปล่า ถ้าเป็นขออภัยล่วงหน้า) รัฐควรทำสปอร์ตโฆษณาเผยแพร่ความรู้เบื้องต้นให้มากกว่านี้เช่น - ความรู้เบื้องต้นในการรับมือกับไข้หวัด2009 - ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกับไข้หวัด2009 - ขั้นตอนการรักษาที่แพทย์จะใช้กับผู้ป่วยต้องสงสัยและผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว - ฯลฯ แล้วยิงบ่อยๆ เพือให้ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปมีโอกาสได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ในมุมมองของผม มันไม่แปลกหรอกครับที่ ประชาชนจะรู้สึกกลัวและทำท่าทีรังเกียจผู้ติดเชื้อ มันไม่แปลกหรอกครับที่ ประชาชนจะแห่กันไป รพ แล้วออกมาต่อว่ามาตรการรักษาที่ไม่ได้ดั่งใจ มันก็ไม่แปลกอีกนั้นแหละที่ ประชาชนจะตระหนกกับโรคนี้เหลือเกิน นั้นก็เพราะว่าความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ที่ประชาชนทั่วไปได้รับมันน้อยเหลือเกิน ปล ใครๆก็กลัวตายกันทั้งนั้นแหละครับ จากคุณ : zars - [ 6 ก.ค. 52 11:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ดีจังเลยที่คุณหมอมาเขียนเรื่องนี้ จะปรินแจกชาวบ้านทุกกระทู้เลยค่ะ เซ็งพูดแล้วเหนื่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 6 ก.ค. 52 11:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากคุณหมอแมวค่ะ พอดีช่วงนี้ท้องอยู่  เลยยอมรับว่าค่อนข้างระแวงกับโรคนี้มาก ๆ กลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกในท้องน่ะค่ะ จากคุณ : cotton_ud - [ 6 ก.ค. 52 12:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อวานเพิ่งให้คนท้องที่ิติดเชื่้อ H1N1กลับบ้าน -_-' จากคุณ : หมอแมว - [ 6 ก.ค. 52 12:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณหมอแมวสำหรับความรู้ดี ๆ ครับ ผมว่าตอนนี้มันอยู่ที่คนไทยแล้วละว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่าสื่อมวลชนเสนอข่าวให้ดูน่ากลัวจนคนแห่ไปหายา ไปหาหมอที่โรงพยาบาลส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ชักจะเบื่อ ๆ ประมาณว่าจะเป็นก็เป็นไปเหอะ - -" จะโทษรัฐบาลก็คงไม่ได้เต็มที่ คนไทยเองก็ไม่กระตือรือล้นกันอย่างจริงจัง (ในทางที่ถูก) สรุปคือต้องยอมรับว่าเมืองไทยมีการระบาดแล้ว และจำนวนก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนี้จึงอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะป้องกันยังไง จะหวังพึ่งรัฐบาลในตอนนี้คงเป็นไปได้ยากแล้ว จากคุณ : Mr.Learning - [ 6 ก.ค. 52 13:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าคุณมัวแต่โวยวายรัฐบาล แต่ยังไม่ป้องกันตัวเอง หน้ากากอันละ 10 กว่าบาทยังต้องรอรัฐบาล ก็เป็นโรคแล้วตายไปเถอะครับ แค่ใส่หน้ากากไปทำงานคงไม่ลำบากกว่าเดินขึ้นภูกระดึงมั้งครับ จากคุณ : ผมรู้คุณไม่รู้ - [ 6 ก.ค. 52 14:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สรุปสถานการณ์รายวัน http://beid.ddc.moph.go.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=2110271&Itemid=242 การเมืองตำนิได้ เช่น การโฆษนาป้องกัน "ตัวเอง"  น้อยเกิดไป น่าจะยิงออกอากาศทุกๆ ช่วง   ... บลาๆ แต่ต้องไปตำนิที่ ราชดำเนิน ใช่หรือไม่? จากคุณ : Spirited Away - [ 6 ก.ค. 52 14:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 54 โลกมันก็แปลกแบบนี้แหละครับ บางทีเรื่องไม่การเมืองก็พยายามพูดให้เป็นการเมือง บางทีเรื่องมันเป็นผลจากการเมือง ก็เจือกไม่ให้พูดว่ามันเกี่ยวกับการเมือง บางทีไม่ได้มีไรเลยหรอก เป็นผลจากสื่อ เขียนข่าวให้เข้าใจผิดไปยังงั้นเอง มันก็มั่วๆ กันต่อไป แถวบ้านเป็นไข้หวัดใหญ่ไปเกือบทุกบ้านละ สังเกตุอย่างนึงว่า ที่เป็น เป็น เด็ก วัยรุ่น จนถึงวัยทำงาน แต่คนแก่ไม่เป็นสักคน จากคุณ : GreenEyes - [ 6 ก.ค. 52 15:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 55 XD จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 6 ก.ค. 52 15:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 56 วันนี้ไม่สบายกะว่าจะนอนนิ่งๆ พักเยอะๆ แต่โดนเพื่อนบังคับให้ไปหาหมอที่รพ. มันกลัวว่าเราจะเป็นไข้หวัด2009 นี่แหละ แต่เราว่ายิ่งเราไปหาหมอ เราจะไปรับเชื้อมาจริงๆน่ะสิ เพราะไม่ได้เป็นหนักมาก แค่มีไข้ต่ำๆ ปวดหัว ปวดตัว เจ็บคอ ตามประสาหวัดธรรมดา สุดท้ายก็ลากตัวเองไปหาหมอ(โดนบังคับ) แล้วหมอก็บอกว่าเป็นหวัดธรรมดาา นอนมากๆ พักเยอะๆก็หายเอง -*- (แต่ก็ได้ยามานะ ไม่อยากกินเลย กลัวมันจะสะสมในตับ) จากคุณ : อูสะจัง - [ 6 ก.ค. 52 16:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 57 กำลังท้อง เครียดและกลัวมากเลยค่ะ พยายามหลีกเลี้ยง แต่บางทีใน office  ก็มีคนเป็นไข้หวัด ไอจามไม่ใส่ผ้าปิดจมูก ไม่รู้ละหลีกยังไงดีแล้วค่ะ ขอบคุณหมอแมวมากเลยค่ะ จากคุณ : touch me - [ 6 ก.ค. 52 16:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ประเทศไทย ไม่แพ้ใครในเอเชีย จากคุณ : i.everyday - [ 6 ก.ค. 52 16:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผมดิ กะลังห่วงว่าจะเป็นหวัด 2009 รึเปล่า เพราะน้องที่คณะบอกเป็นไข้หวัดใหญ่ เข้ามาคุย แล้วก็ไอ -_-" วันเสาร์ไปเล่น BB กับเพื่อน ผ่านมาอีกสองวัน วันนี้วันจันทร์ เพื่อนสองคนป่วยด้วยไขหวัด อาการหนักขนาดต้องนอนโรงพยาบาล !!!??? (เจอหน้ากันวันเสาร์ยังดีๆอยู่เลย) วันนี้ผมตื่นมาด้วยอาการแผลร้อนในเต็มปาก ทั้งกระพุ้งแก้ม ปาก กินอะไรไม่ลง (คงเพราะร้อนใน) มึนนิดหน่อย แขนซ้ายเหมือนไม่มีแรง แต่คงไม่ใช่ เพราะลองวิดพื้น + ยังได้อยู่ + นํ้ามูกและอาการจาม แต่สงสัยจะเป็นภูมิแพ้ ผมหวังให้เป็นแบบนั้นนะ ถ้ามาป่วยช่วงนี้ล่ะแย่แน่ >< จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ - [ 6 ก.ค. 52 17:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เฮ้ๆๆๆ ชาติไทย  ยิ่งใหญ่ในเอเชีย นำหน้า ญี่ปุ่นด้วย ยอดพุ่งแซงอย่างรวดเร็ว เหมือนโฆษณาเหล้าเลย "คนไทย ถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก" จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย - [ 6 ก.ค. 52 18:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ลักษณะ นิสัย ความเชื่อ ของคนไทย ยังไม่ถูกสุขลักษณะ เปลี่ยนแปลงยาก จริงๆ ทำอะไรเหมือนไฟไหม้ฟาง มี ความเคยชินที่ผิดๆ เช่น  กินร้อนอันนี้ก็ พอทำได้ คนไทยชอบกินร้อน ขนาดอากาศร้อนๆ ยังชอบของร้อนๆเลย , ช้อนกลาง ตรงนี้แก้ยากมากๆ  ที่บ้านผม มีช้อนกลาง ใช้เฉพาะบางคน ผม พี่สาว แต่คนอื่นยังใช้ช้อนตัวเอง ตักแกงอยู่เลย (พี่สาวอีกคน)  เลียซะรอบช้อนแล้วมาตักอีก โธ่เวงกรรม บอกให้ใช้ช้อนกลางก็ไม่เชื่อ เฮ้อ...  , ล้างมือ ...ตรงนี้ก็แก้ยาก ขนาดกลับจากโรงพยาบาล ไปเยี่ยมญาติ แวะกินข้าว ยังไม่ล้างมือเลย เวลาจาม ไอ ...ถ้าปิดปากไม่ทัน หรือหาผ้าเช็ดหน้าไม่ได้ ผมใช้ จาม ไอ ใส่คอเสื้อเลยครับ ดึงออกมาแล้วจามไปเลย เพราะมันฉุกละหุกหาไม่ทัน  (เหม็นน้ำลายตัวเองหน่อย ทนๆไป เดี๋ยวก็ไป ล้างทีหลังใส่น้ำหอมดับไป ดีกว่าไปแพร่เชื้อหวัดให้คนอื่น) จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย - [ 6 ก.ค. 52 18:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เข้าใจแล้วและจะไม่ทำให้เบื่อแล้วค่ะ....ขอบคุณมากๆ จากคุณ : Choco-Mix - [ 6 ก.ค. 52 18:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ดูจากตัวเลขแล้ว ประเมิณผลได้เลย ว่าควรเอาจริงเอาจังได้แล้ว จากคุณ : นายเซอร์ ซุปเปอร์น้ำข้น - [ 6 ก.ค. 52 18:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เป็นหวัด ต้องรักษาตัวให้หาย ถ้ายังมีน้ำมูก ยังจาม ยังไอ ต้องหลีกหนีคนอื่น ดูแลตัวเองดีๆ นอนให้พอ กินให้อิ่ม ผ่อนคลายความเครียด ร่างกายแข็งแรง หวัดตัวนี้เด่นตรงที่ ติดง่าย และแรงกว่าหวัดตัวอื่น ดังนั้นดูแลตัวเองกันด้วยนะครับ ผมให้ด้วยว่ารัฐขาดการทำความเข้าใจแก่ประชาชน ผมไม่รู้ว่าควรประชาสัมพันธ์ยังไงนะ แต่อยากให้ออกมาในรูปว่า คนที่ยังไม่มีอาการป่วยอย่าตื่นตระหนก แต่คนที่พอมีอาการให้กลัวแพร่เชื้อแก่คนอื่นหน่อย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีคนที่ทำงานบ้าบอมาก เป็นหวัดอยู่ ยังจาม ยังไอ มีน้ำมูก แต่มาทำงานนั่งห้องแอร์ มีเพื่อนร่วมงานทำงานร่วมกันในห้องนั้นเป็นสิบคน แล้วก็นั่งเฉยๆ ไม่แคร์สื่อเลยว่าไข้หวัดระบาดอยู่ แบบนี้น่าตบกบาลมั้ยครับ ถ้ามันเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้วมีคนป่วยจากมัน ใครผิด  ของแบบนี้บางทีถึงไม่มีหวัด 2009 มันก็น่าจะคิดได้ว่าควรพักให้หายดีก่อน  เรื่องบางเรื่องไม่ต้องประชาสัมพันธ์ แต่อยู่ที่จิตสำนึกส่วนรวมมากกว่าครับ  ช่วย ๆ กันป้องกัน ช่วย ๆ กันดูแลตัวเอง หรือไม่ก็ช่วย ๆ กันหยุดหายใจ หวัดจะได้ไม่ระบาด :) (เทียบเคียงกับหลีกเลี่ยงการกินไก่สมัยไข้หวัดนก 555) จากคุณ : คนโง่ว์ - [ 6 ก.ค. 52 19:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณครับพี่หมอแมว ผมงงๆกับคนที่บอกว่า 'ปล่อยให้มีคนตายได้ยังไง' 'รัฐบาลแย่จริงๆไม่เอาไหนเสียเลย', 'ไหนบอกว่าโรคนี้ไม่เป็นไรไง' ฯลฯ ผมว่าการป้องกันการระบาดสำคัญอยู่ที่คนป่วยเองต่างหาก น่าจะให้เค้าอ่านกระทู้ซี่รี่ย์หวัดหมูของหมอแมวให้หมดนะครับ จากคุณ : ตัวตุ่นตามัว - [ 6 ก.ค. 52 22:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านกะทู้นี้แล้วดีใจครับ เบื่อข่าวการเมืองมาหลายปี ทุกวันนี้ยังมีคนพยายามลากทุกเรื่องเข้าการเมืองให้ได้ แพนด้า หวัด มันก็ลากเข้าไปได้ จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ - [ 6 ก.ค. 52 22:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 67 แต่ถ้าเอาไป รดน. คนอ่าน Series หวัดหมูเสร็จคงlableหัวผมเป็นพวกสีเหลือง/รัฐบาล/หรือไม่ก็บอกว่าผมเป็นพวกเสียผลประโยชน์จากรัฐบาลก่อนๆ -*- จากคุณ : หมอแมว - [ วันอาสาฬหบูชา 00:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อยากโหวดแต่โหวตไม่ได้... มาลงชื่อให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ไทย จากคุณ : Black-White&Gray - [ วันอาสาฬหบูชา 00:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อยากให้รัฐบาลทำโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไปเลย เอาแบบก่อนละครหลังข่าว ช่วงที่คนดูทีวีกันเยอะๆ ให้ความรู้ที่แท้จริง การป้องกันโรค และเมื่อรู้ว่าเป็นแล้วควรทำอย่างไร ไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น ฉายให้ดูถี่ๆ ซักอาทิตย์นึง หรือมากกว่านั้น เราเป็นแม่ลูกหนึ่งกังวลสุดๆ ถ้ามันไปติดกับเด็กรร.อนุบาล ที่ยังเล็กอยู่ ภูมิคุ้มกันก็ยังไม่ดี เนี่ยรร.ลูกก็สั่งปิด 10 วัน เพราะเห็นว่ามีรร.ในละแวกเดียวกันปิดกันแล้ว รร.ให้เหตุผลว่าเจอเด็กเป็นมือเท้าปาก ประกอบกับเด็กเป็นหวัดกันเยอะ เด็กอนุบาลมีน้ำมูกกันเยอะมาก จึงสั่งปิดช่วงหยุดยาว แต่ถ้าจันทร์หน้าเปิด ก็กังวลใหม่อีกนั่นแหละ ดูจากอัตราการตายเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ติดมากกว่าเราแล้ว ตัวเลขเราสูงนะ น่ากลัวจัง ตอนนี้ให้ลูกเล่นอยู่แต่ในบ้าน ไม่พาลูกไปที่ชุมชนที่ไหนเลย แม่เองก็งดออกไปเดินห้างด้วย กลัวติดมาให้ลูก จากคุณ : 3ears (3ears) - [ วันอาสาฬหบูชา 00:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ไม่กี่อาทิตย์มานี่ มีข่าวว่าโรคนี้มีการดื้อยาด้วย จากคุณ : สาวใหม - [ วันอาสาฬหบูชา 02:37:17 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ^ ^ ^ ดื้อหลายคนแล้วครับ การดื้อยาเกิดจากการที่เราใช้ยาอย่างไม่ระมัดระวัง แล้วทำให้เชื้อที่เป็น wild type หลุดรอดมาได้มากขึ้น ปัญหาเดิมที่ผมเคยว่าไว้คือการใช้เพื่อ "ป้องกัน" ครับ ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างมาก จากคุณ : Epinephrine - [ วันอาสาฬหบูชา 14:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ^ ^ ดื้อTamifluเเต่ใช้Rerenzaได้ กรณีนี้เกิดที่ญี่ปุ่น ที่สำคัญเชื้อนี้จะมีฤทธิ์มากกับคนที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคเบาหวาน ใครที่เป็น อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอันตราย(อาจจะ)ถึงชีวิตนะคะ ไม่ได้ขู่ เเค่เตือนค่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือเปล่าไม่เคยเช็คค่ะ หุหุหุ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 52 20:44:04 จากคุณ : Hana* - [ วันอาสาฬหบูชา 16:23:42 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่ทราบว่า ณ ตอนนี้ ถ้ารัฐบาลยุบสภา...โรคนี้มันจะหายวั๊บ..ไปเลยหรือเปล่าครับ.... เอาเถอะถึงแม้บางครั้งมันจะเกี่ยวกับการเมืองแต่มันก็ผ่านมาแล้วตอนนี้คงต้องช่วยๆกัน บอกข้อมูลที่แท้จริงกันเสียทีช่วยกันคนละไม้ละมืออย่าไปเลือกเลยครับว่า เหลือง แดง น้ำเงิน... ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่า 1. มันติดง่ายกว่าหวัดธรรมดา (ตอนแรกห้องนี้คุยกันว่ามันก็เหมือนหวัดธรรมดาตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว) 2. มันจะรุนแรงขึ้นเฉพาะคนที่อ่อนแอ (อันนี้คนที่เสียชีวิตยังไม่มีเด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันแม้แต่หวัดธรรมดา คนแข็งแรงแต่มีโรคประจำตัวบางอย่างอาจตายได้) จากคุณ : Night Claw - [ วันอาสาฬหบูชา 21:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 74 โหวตจ้า.. ขอให้กระทู้ดีๆ อย่างนี้ ปักหมุดอยู่กระทู้แนะนำ นานๆ นะเจ้า จากคุณ : Duk-Dui - [ วันอาสาฬหบูชา 21:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 75 รัฐบาลเทพประทาน ตอนนี้ ได้อันดับ 1 ในเอเชีย เผลอๆ อีกไม่นาน ยอดคนติดคงได้อันดับ 1 ในโลกแน่ๆ ท่องเที่ยวบรรลัยหมดแล้ว ... ตอบ คห. 69 ผมเห็นรัฐบาลทำแต่ สารคดี ถามพ่อแม่ที่ลูกเป็นไข้หวัด 2009 แล้ว แจ้วๆ ว่าไม่มีอะไรเลย ไม่น่ากลัว เป็นแป้บเดียวก็หายแล้ว ... ไม่ได้พูดถึงการป้องกันเลย แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 52 04:50:56 จากคุณ : Yongy (Yongy) - [ วันเข้าพรรษา 04:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณครับ หมอแมว เมื่อวานเพิ่งกลับจากขอนแก่นมีผู้โดยสารใส่หน้ากากบ้างประปราย ขณะรอรถได้ยินสปอต์โฆษณาเกี่ยวกับไข้หวัด 2009 ว่า "ถ้าหากรู้สึกว่าเป็นไข้ห้ามหายากินเองควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด"   กำ -_-" ที่นี่ประเทศไทยจริงๆ ดังนั้นผมจึงรีบหยิบ "ทิฟฟี่ แผงสีเขียว" ออกมาพร้อมกับกระดกน้ำตามทันที อย่าคิดมากครับอากาศเปลี่ยนพายุมันเข้า อากาศข้างนอกมันร้อนๆ ชื้นๆ ฝนตกปรอยๆ พอโดยแอร์มันก็เป็นหวัดนะสิ  ทานเสร็จหลับสบายถึงกรุงเทพฯ อิอิ จากคุณ : rbko - [ วันเข้าพรรษา 08:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 77 มันไม่ได้น่ากลัวหรอก ไม่งั้นจะมีการจัดงานแซยิดอะไรนั่นที่สนามหลวงเหรอ ถ้ามันน่ากลัวจริงๆมันคงประกาศเลิกจัดไปแล้วล่ะ จากคุณ : ไม่เป็นไรจริงๆ - [ วันเข้าพรรษา 10:55:52 A:203.156.37.224 X: TicketID:181838 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอรบกวนหมอแมวครับ จาก คห.3 ที่บอกว่า หวัด2009 โอกาสเสียชีวิต 0.5% และไขัหวัดทั่วไป 0.05% ตัวเลขที่ใช้หาร ของหวัดทั่วไป นั้นเป็น Tip of iceberg เหมือนกันรึเปล่าครับ หรือเค้าใช้ตัวเลขทั้งหมดจริงๆ จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง - [ วันเข้าพรรษา 10:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มันจะไม่เป็นการเมืองได้ไงครับ ผมไปอยู่เมกา ช่วงที่กำลังแพร่ระบาด รัฐบาลเค้าทั้งทำความสะอาดถนน รณรงค์ ร้านอาหาร ห้าง มีที่ล้างมือฆ่าเชื้อหมด ขากลับแวะเที่ยวฮ่องกง รัฐบาลสั่งทำความสะอาด โรงเรียน สถานที่ต่างๆ กลับมาเมืองไทย ประเทศเราบอกอย่างเดียว โรคไม่ร้ายแรง หายเองได้ เจลล้างมือ เพิ่งมีได้ไม่นานตามสถานที่ต่างๆ มองที่ประเทศอื่น เค้ามี จนท รัฐยืนตรงทางออก รถไฟฟ้า บีบเจลล้างมือให้ ปชช ขณะที่ของเรา มันช้า มันปิดข่าว ปชช เห็นว่าไม่น่ากลัว ก็ไม่ป้องกัน มันตลกน่ะครับ คุณจะมา ปชช ป้องกันตัวเอง อย่างเดียวได้ไง ปชช แต่ล่ะคนพื้นความรู้ไม่เท่ากัน รัฐบาล จะมาโมเม คิดเอาเองว่า ปขช รู้วิธีป้องกันและวิธีรักษามันไม่ได้ บางคนเป็นหวัด ก็ไม่ต้องกินยา นอนเยอะๆ ก็หาย บางคนเป็นหวัด ก็กิน ก็หาย การรักษาของแต่ล่ะคนมันไม่เหมือนกัน สุดท้ายเป็นไง ตายมันทุกวัน นี่หรือครับโรคที่ไม่น่ากลัว(อย่างที่ประกาศปาวๆ) ตอนนี้กำลังจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะหยุดยาว คนกลับ ตจว แพร่เชื้อกันสนุกสนาน ยินดีด้วยครับ กับนโยบายดีๆ ของรัฐบาลชุดนี้ จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ วันเข้าพรรษา 13:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมไม่สบายมาวันนี้วันที่แปดแล้วครับ ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดหน้าอก แค่นี้แหละครับ... กินยาทิฟฟี่ ซดน้ำอุ่น ดมยาดม ทายาหม่องที่จมูก ออกกำลังกาย นอนทั้งวัน หยุดงาน อาบน้ำอุ่น เป่าหัวให้แห้ง จะจาม จะไอก็ปิดปาก เดินไปที่ๆ โล่งๆ ด้วย แถมยังมีผ้าปิดปากอีก ที่บ้านอยู่กันห้าชีวิต ... ยังไม่เห็นมีใครติดไข้เลยครับ สงสัยดูแลตัวเองดีไปหน่อย - -' จากคุณ : monixe - [ วันเข้าพรรษา 13:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณค่ะ เป็นกระทู้ที่ควรถ่ายทอดให้อ่านกันเยอะๆ จะได้เลิก panic แล้วหันมาดูแลตัวเองดีๆ จากคุณ : เสียงดัง ฟังชัด - [ วันเข้าพรรษา 18:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณคับ และขอยาดเผยแพร่ให้คนอื่นๆได้ทราบต่อไปคับ จากคุณ : Hi5Ni1 (dany2k64) - [ วันเข้าพรรษา 20:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 83 โหวตไป  ^__^ จากคุณ : Strawberry 59 Baht - [ วันเข้าพรรษา 20:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มีหลายคนอ่านกระทู้นี้แล้วบอกว่าเพิ่งเข้าใจเรื่องหวัด 2009 เป็นไปได้อย่างไรกัน ถ้าคุณอ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวี ฟังวิทยุเป็นปกติ ก็แสดงว่าต้องมีความบกพร่องที่ใดที่หนึ่งในการเผยแพร่ข่าวสารแล้วแหละ อย่างนี้จะว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาลได้อย่างไร จากคุณ : spmx - [ วันเข้าพรรษา 23:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เสื้อสีอะไรก็เหอะมาชุมนุมกันหน่อยเร็ว แล้วอย่าแอบหนีไปไหนนะ สักเดือน จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 9 ก.ค. 52 01:40:21 A:115.67.24.251 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อยากทราบความคืบหน้าของวัคซีน ไข้หวัด2009 หน่อยครับว่า ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว? คืออยากมีภูมิคุ้มกันโดยไม่ต้องติดหวัดนะครับ จากคุณ : เซล - [ 9 ก.ค. 52 02:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ^ ^ ตอบ #86 ถ้าอยากมีภูมิคุ้มกันโดยไม่ต้องติดหวัด หมั่นดูแลสุขภาพตัวเอง รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ หมั่นออกกำลังกาย ทำจิตใจให้เบิกบาน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แค่นี้ไม่ว่าเชื้อโรคไหนๆ ภูมิคุ้มกันของร่างกายตามธรรมชาติสามารถขจัดได้หมดโดยไม่ต้องพึ่งยาครับ จากคุณ : rbko - [ 9 ก.ค. 52 08:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 88 มาป้องกันตัวเองกันเหอะ อย่างที่หมอแมวเขาว่าบ้านเราติดกันงอมเพราะคน ส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองอย่างง่ายๆ ขอบคุณมากครับที่ให้ข้อคิด จากคุณ : kittynoys - [ 9 ก.ค. 52 09:09:27 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คงต้องระวังตัวเองให้ดีที่สุด ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยไปไหนเลยวันหยุดกลับบ้านนอกทุกอาทิตย์ จากคุณ : tus_sks - [ 9 ก.ค. 52 10:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 90 โดยหลักการ หากมีความเสียหาย หรือการตายเกิดขึ้น ต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุที่แท้ จริง และต้องสรุปให้ได้ดังนี้ 1. หากความเสียหาย หรือการตายที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากเหตุสุดวิสัย ก็ไม่ต้อง มีใครรับผิดชอบใดๆ 2. แต่หากเกิดจากความบกพร่อง ประมาทเลินเล่อ หรือเจตนา ต้องมีผู้ที่ต้อง รับผิดชอบเสมอ ตัวอย่างเช่น - หมอจ่ายยาให้คนไข้ แต่ไม่ถามว่าแพ้ยาหรือไม่ หรือไม่บอกว่ามีโอกาสแพ้ ยามากน้อยแค่ไหน ในรูปแบบใดบ้าง หากคนไข้แพ้ยา หมอคนนั้นต้องรับ ผิดชอบครับ กรณีมีคนตายจากการระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ก็เหมือนกัน ต้องมีการ สืบสวนหาสาเหตุการตายว่า กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล มีความ บกพร่อง หรือประมาทเลินเล่อ หรือปกปิดข้อมูล หรือไม่ปฏิบัติตามหลัก วิชาการครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ อย่างไร หากพบว่า มีความผิดดังกล่าวจริง กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ก็ต้องรับผิดชอบ ญาติผู้ตายสามารถฟ้องร้องเอาความกับกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ได้ตามกฏหมายครับ ใครที่บอกว่า โยงไปเป็นเรื่องการเมือง แสดงว่า เชียร์รัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืม ตา และน่าจะมีนิสัยชอบปัดความรับผิดชอบ ชอบโทษคนอื่น โดยไม่เห็นค่า ความเป็นคนของผู้ตายเลย เหมือนกับเห็นเหมือนผัก ปลา ที่ตายก็ตายไปซะ ยังงั้น จากคุณ : คนไม่มีสมอง - [ 9 ก.ค. 52 10:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ภาครัฐผิด เพราะสื่อได้ไม่ดีพอทำให้คนเข้าใจผิด แต่รัฐบาลโดนด่านี่สิงง รัฐบาลเขาทำงานดูแลในเชิงมหภาค คิดนโยบายใหญ่ ๆ มาให้ภาครัฐรับนโยบายไปทำต่อไม่ใช่เหรอ ? ภาครัฐนี่แหละที่ต้องทำงานจุลภาครายละเอียดปลีกย่อย คิดสื่อ คิดวิธีการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้คนเข้าใจ รวมถึงการนำเสนอข้อมูลไปให้รัฐบาลรับรู้เพื่อให้รัฐบาลคิดนโยบายที่เหมาะสมมารองรับด้วย ให้ข้อมูลผิด >>> รัฐบาลออกนโยบายผิด รับนโยบายมาแล้วไม่เข้าใจวิธีการเพียงพอ >>> สื่อกับประชาชนไม่รู้เรื่อง ใจขอจะให้รัฐมนตรีในรัฐบาลมาแปะป้ายหน้าลิฟต์เพื่อเตือนหวัด 2009 หรือไง ? ต้องให้ข้าราชการทางภาครัฐแจกจ่ายเอกสารให้คนทั่วไปรู้สิ หรือจะให้รัฐมนตรีในรัฐบาลเสริชกูลเกิลถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหรือWHOเพื่อหาข้อมูลเหรอ ? ต้องให้ข้าราชการทางภาครัฐไปหาข้อมูลมาให้สิ ดังนั้นคนที่ด่ารัฐบาล จงใจโยงการเมืองจริง ๆ นั่นแหละ ถึงแม้ไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะคนผิดมันภาครัฐ ไม่ใช่รัฐบาล ถ้าไม่มีอคติตั้งแต่ต้น หรือโดนใครกรอกหูมา น่าจะคิดว่าคนที่ผิดคือทาง"ภาครัฐ" ก่อนที่จะเป็น"รัฐบาลปชป" นะ รัฐบาล = การเมือง ภาครัฐ = ไม่ใช่การเมือง ดังนั้นห้องนี้ไม่ใช่ราชดำเนิน หากจะว่าถึงคนสั่งการ น่าจะว่าที่ "ภาครัฐ" มากกว่าใช้คำว่า "รัฐบาล" จากคุณ : ซ่อนนาม - [ 9 ก.ค. 52 11:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 92 มันไม่สำคัญว่า จะตายกี่คนกี่% เพราะทุกชีวิตมีค่าเท่ากันหมด ไม่ว่าจนหรือรวย แต่ปัญหาอย่างที่บอก มาจากนโยบายของกระทรวงที่ขึ้นชื่อว่าดูแลประชาชน ออกมาให้ความรู้ ให้คนตระหนักและป้องกันตัวเองมากน้อยแค่ไหน คนที่ชอบบอกว่า ตาย0.4% เท่าๆกับประเทศอื่นหล่ะ ลองตรองดูว่า ทำไมคนเหล่านี้ถึงต้องมาตาย ทำไมไม่มีการให้ข้อมูลกับคนเหล่านี้เลยหรือว่า ถ้าท่านมีโรคแทรกซ้อน แล้วมีไข้เป็นหวัดให้รีบมาพบแพทย์ หรือคนที่เสียชีวิตเพราะมาหาคุณหมอช้า ฟังข่าว TNN people เมื่อวาน ที่ อธิบดีมาให้สัมภาษณ์ กลายเป็นว่า พวกเค้าเหล่านี้ มาถึงมือหมอช้าไป อย่างที่บอก คนตายพูดไม่ได้ คนอยู่ คนที่มีอำนาจ อยากจะพูดอะไรก็พูดได้สิครับ ...อะไรที่ปัดให้พ้นตัวไป มันง่ายมาก ก่อนหน้าที่มีการระบาดหนัก นโยบายคือ ไม่มีการปิด โรงเรียน ใครป่วยให้หยุดเรียนไป แล้วตอนนี้ไงถึงจะมากลับลำหล่ะครับ เพราะนโยบายที่ผ่านมาผิดหรือเปล่า อันนี้ต้องพิจารณาตัวเองแล้ว วันนี้ ลมเปลี่ยนทิศ ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ ลองหาอ่านดูน่ะครับ ใครที่บอกว่าโรคนี้ พอๆกับ season flu  อาจาร์ยหมอ ธีรวัฒน์บอกไว้ว่าไม่ใช่ มันระบาดง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ปกติมาก ทำให้ความน่าจะเป็นของโอกาสการเสียชีวิตมีมากว่า เพราะมันติดง่ายนี่หล่ะ จากคุณ : Pita - [ 9 ก.ค. 52 11:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 93 คุณ : ซ่อนนาม มีการสอบสวนหรือยังครับว่า ใครให้ข้อมูลผิด อาจจะเป็น รมต.หรือรัฐบาล สั่งให้ข้าราชการทำแบบนั้นก็ได้นะครับ และหากรมต.หรือรัฐบาลโดนข้าราช การหลอกเอาได้ ก็แสดงให้เห็นว่ารมต.หรือรัฐบาลชุดนี้ฉลาดเพียงใด จากคุณ : คนไม่มีสมอง - [ 9 ก.ค. 52 11:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เช้านี้ตายแล้วอีก 2 ราย ตำรวจจราจร สน.บางนา กับ น.ร.สาธิต ม.มหาสารคาม รวมเป็น 13 รายแล้วครับ รัฐบาลคงรอให้ตายวันละ 10 คนละมั้ง ถึงจะเริ่มใส่ใจมากขึ้นกว่านี้ จากคุณ : เกลียวเชือก - [ 9 ก.ค. 52 12:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ว่าคนโน้น ว่าคนนี้กันไปเรื่อย มองตัวเองบ้างรึเปล่าครับว่า เดินออกมาจากบ้าน ใส่หน้ากากป้องกันไหม ถ้าพวกคุณมองว่าพึ่งใครไม่ได้ ก็เริ่มที่ตัวคุณเองก่อนสิ ทุกวันนี้เห็นคนที่ใส่หน้ากากป้องกันน้อยมากๆ แล้วจะไปโทษใครได้อย่างไร เชื้อโรคอยู่ในอากาศ ลอยไปลอยมา แพร่กระจายง่ายๆ คุณก็รู้กันไม่ใช่เหรอ ศึกษาข้อมูลกันมาเยอะไม่ใช่เหรอ ข่าววงนอกวงในรู้กันมากมายไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ปกป้องใคร ไม่ได้เข้าข้างใครหรอกนะ แต่เบื่อพวกที่เอาแต่บ่นๆๆมีอะไรก็หาเรื่องบ่นเรื่องว่าคนอื่นๆเค้าไปได้ทุกเรื่อง จากคุณ : firstlifeidea - [ 9 ก.ค. 52 12:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 96 #91 ปวดหัวเลยเจอ คห. นี้ รัฐมนตรี สั่งการ ภาครัฐ น่ะครับ ผ่านนโยบาย ภาครัฐทำเองได้แค่บางอย่างครับ จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ 9 ก.ค. 52 13:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณครับ สาระดีมากครับ เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ ครับ ดูแลสุขภาพนะครับ จากคุณ : cheychai - [ 9 ก.ค. 52 13:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ติดตามข่าวไข้หวัดตัวนี้อยู่ครับยังไม่เบื่อ แต่เบื่อหมีแพนด้ามากกว่า จากคุณ : Caesar. - [ 9 ก.ค. 52 13:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตายเพิ่มรายที่ 14 ชายวัย 54 วันนี้ตาย 3 คนแล้ว จากคุณ : เกลียวเชือก - [ 9 ก.ค. 52 13:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เรียนคุณหมอแมว ไปเผยแพร่ความรู้หลายๆห้อง จะดีครับ เช่น เฉลิมไทย สวนลุม เป็นต้น จากคุณ : Kyoshin - [ 9 ก.ค. 52 14:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ^ ^ ^ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8060907/A8060907.html http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7977288/A7977288.html เฉลิมไทยมีแล้วคับ มี Link มาทู้นี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 52 14:37:21 จากคุณ : Caesar. - [ 9 ก.ค. 52 14:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ลุงหมอแมวครับ(คนอื่นที่มีความรู้) ผมสงสัย  2 สิ่งครับ 1.เชื้อหวัดธรรมดากับเชื้อหวัด2009อะไรคือสิ่งแตกต่างที่ทำให้ เชื้อหวัด2009 แพร่ไวกว่าเชื้อหวัดปกติครับ 2.เวลามันแพร่โรค จากหนึ่งคนไปแพร่กระจายๆไปเรื่อยๆ มีโอกาสที่คนไทยทั้งเกือบประเทศต้องโดนหวัด2009ไหมครับ เพราะการควบคุมมันยาก  ติดง่าย กระจายจากกลุ่มไปสู่กลุ่ม คนต้องติดต่อกันอยู่แล้ว จากคุณ : OFF_KUB - [ 9 ก.ค. 52 15:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ไหนบอกว่าไข้หวัด 2009 ไม่น่ากลัวไง เเล้วทำไมมีคนตายทุกวัน ตอนนี้ผมเป็นหวัด ผมเริ่มกลัวเเล้วนะค๊าบบบบ จากคุณ : sametcafe - [ 9 ก.ค. 52 15:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 แนะนำให้หาวิตามินซีมาทานประจำสำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นหวัด สำหรับผู้ที่เป็นหวัดแล้วให้ทานหอมแดงซอยสดๆ วันละอย่างน้อย 3 มื้อ จะช่วยให้หายหวัดได้ชะงัดครับ (ภูมิปัญญาชาวบ้านครับ) จากคุณ : POPEYE - [ 9 ก.ค. 52 16:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ตัวเลขจริง วันที่ 09 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 15:52:11 น.  มติชนออนไลน์ สธ.คาดมีผู้ป่วยเกือบ 2แสนเล็งลดค่าตรวจเชื้อไม่เกิน 4พัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. เป็นประธานในการประชุมการดูแลรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จัดโดยกรมการแพทย์ สธ. ร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเข้าร่วมประชุมประมาณ 50 คน โดยนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีจำนวนมากกว่าที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ป่วยยืนยันของสธ. ซึ่งนักวิชาการระบุว่า จะต้องนำ 68 คูณกับจำนวนผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด ซึ่งตัวเลข 68 เป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดแล้วเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ดังนั้น ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทยจำนวน 2,925 เท่ากับมีผู้ติดเชื้อประมาณ 198,900 ราย จากคุณ : misery - [ 9 ก.ค. 52 17:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 106 หมอแมวครับ กิฟหมด  เอาเป็นว่าชอบก็แล้วกันครับ  และขอขอบคุณข้อมูลต่างๆ จากคุณ : คน72000 - [ 9 ก.ค. 52 17:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 107 กู้มาแปดแสนล้านอยู่ไหน  เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายนะ  เรียนมาก็เยอะเอาประเทศชาติไม่รอด  ประชาชนเดือดเนื้อร้อนใจแสนสาหัสจะให้เขารักนับถือและเชื่อมั่นได้อย่างไร จากคุณ : heartshape - [ 9 ก.ค. 52 18:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอนำบทความของหมอแมวไปเผยแพร่นะคะ จากคุณ : nuicekung - [ 9 ก.ค. 52 18:36:12 A:158.108.92.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 109 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 9 ก.ค. 52 19:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 110 มันเริ่มระบาดในหมู่บุคลากรทางการแพทย์แล้วอ่ะ จากคุณ : aey_omu - [ 9 ก.ค. 52 22:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ป้องกันตัวเองและครอบครัวให้ดีก็แล้วกันครับ โดยส่วนตัวไม่อยากโยงไปการเมืองอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้จะไม่โทษรัฐบาลได้อย่างไร ในเมื่อการทำงานของรัฐทำไปโดยมีรัฐบาลคอยควบคุม แล้วไอ้สิ่งที่ทำๆกันไปแล้วน่ะ ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่เพียงพอ จากคุณ : หล่อเลิศ ฉลาดล้ำ - [ 9 ก.ค. 52 22:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ผมเบื่อข่าวแพนด้า เบื่อข่าว สามจว.ชายแดน เบื่อข่าวหวัด2009 เบื่อข่าวกลางเดือนสิ้นเดือนเจอของแปลก เคยคิดมั้ยว่าต่างชาติมองอย่างไรเพื่อนผมคนเยอรมันเขาถามผมว่า ประเทศยูล้าหลังขนาดนี้เลยหรอ เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ หน้าพวกคุณชามั้ยครับถ้าถูกถามอย่างนี้ ผมรู้แต่ว่าหน้าผมชานะ ไร้ความรู้สึกไปเลย บ้านเรางมงายกันจริงๆครับ จากคุณ : ความรู้น้อยแต่ขอแจม - [ 9 ก.ค. 52 23:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ^ ^ ^ หมายถึงข่าวไหนงมงายคะ ไม่เคลียร์ จากคุณ : gluhp - [ 10 ก.ค. 52 00:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ต่อจาก 91 ก็แล้วกัน เอาล่ะ ไม่ได้ทำงานในด้านนี้ ไม่ได้สนใจค้นคว้าทางด้านนี้ เลยไม่รู้ว่าหน่วยงานราชการกับทางรัฐมนตรีมีอำนาจในการทำงานสั่งการมากแค่ไหน ยอมรับเลยว่าที่พิมพ์ไปอาจจะผิดจริง แต่ที่แน่ ๆ รัฐบาล มันเจาะจงเฉพาะบุคคล ส่วนภาครัฐ มันมองในภาพรวม ภาคการปกครองส่วนรวม การบอกว่ารัฐบาลคุมเรื่องนี้ไม่ดี เหมือนบอกว่ารัฐบาลนี้ห่วย เปลี่ยนไปรัฐบาลอื่นจะทำได้ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเมือง แต่ถ้าคุณพูดว่า ภาครัฐคุมเรื่องนี้ได้ไม่ดี จะแปลว่า ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ไม่สน อาจจะห่วยที่รัฐบาลหรือส่วนราชการก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ อยู่หว้ากอได้ สรุปคือ การใช้คำว่ารัฐบาลแทนคำว่าการเมือง มันจะทำให้คุณดูเหมือนมีอคติแอบแฝงอยู่ ถึงจงใจหรือไม่ก็ตาม ไม่ได้มาสนับสนุนใคร หรือคัดค้านใคร แค่อยากแนะนำว่าให้ใช้คำศัพท์ให้ถูกหน่อย จะได้ไม่ถูกหาว่าโยงไปเกี่ยวกับการเมือง จากคุณ : ซ่อนนาม - [ 10 ก.ค. 52 00:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ค.ห. 102 นะครับ ลุงหมอแมวครับ(คนอื่นที่มีความรู้) ผมสงสัย  2 สิ่งครับ 1.เชื้อหวัดธรรมดากับเชื้อหวัด2009อะไรคือสิ่งแตกต่างที่ทำให้ เชื้อหวัด2009 แพร่ไวกว่าเชื้อหวัดปกติครับ 2.เวลามันแพร่โรค จากหนึ่งคนไปแพร่กระจายๆไปเรื่อยๆ มีโอกาสที่คนไทยทั้งเกือบประเทศต้องโดนหวัด2009ไหมครับ เพราะการควบคุมมันยาก  ติดง่าย กระจายจากกลุ่มไปสู่กลุ่ม คนต้องติดต่อกันอยู่แล้ว ---------------------------------------------------------------------- เท่าที่ทราบนะครับ... 1.มันติดต่อได้ง่ายกว่าเนื่องจากคนยังไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสตัวนี้อ่ะครับ แต่ถ้าเป็นแล้วเราก็จะมีภูมิคุ้มกัน(ถ้ามันไม่กลายพันธุ์นะ)...ก็จะกลายเป็นเหมือนไข้หวัดประจำถิ่น 2.ถ้าคุมดีๆจนมีวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นทั้งประเทศครับ...อย่างอีสุกอีใส...บางคนตลอดชีวิตไม่เคยเป็นเลยก็มี... ไม่รู้ว่าตรงคำถามไม๊นะครับ...อันนี้เท่าที่ผมติดตามอ่านมา...ไม่ได้มีความรู้โดยตรงด้านนี้อ่ะครับ... จากคุณ : Sense Of Wind - [ 10 ก.ค. 52 02:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เราเคยตอบไปนานเเล้ว  ตามนี้....ตอนนั้นไม่มีใครฟังเราเลย เหอๆ T_T รบกวนหมอแมวเลยค่ะ เพราะตอนนั้นคุณเองก็เห็นเเย้งกับข้อความของดิฉัน (เป็นข้อความเก่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้นนะคะ)     """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""      http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7982890/X7982890.html      ...............................................................................      เห็นเเย้งคห.12ค่ะ      เมื่อไม่มีisolated room ก็เลยส่งกลับ      ให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง กลับเช้าไปอยู่ในสังคมทั่วไป โดยไม่รู้ว่าจะมีการเเพร่เชื่อมต่อไปอีกเท่าไหร่งั้นหรือคะ      เราว่าตลกมากเลย      สิ่ง ที่น่าจะทำก็คือ รพ. ควรจัดสถานที่ซับพอร์ต  คือมีห้องสำหรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงแยกออกมาจากผู้ป่วยธรรมดา เเล้วมีการเฝ้าดูอาการ(ไม่ใช่ต้องรอisolated room ที่เป็นทางการ)หรือ ไม่ก็transfer ไปรพ.ใหญ่ เช่นรพ.ศูนย์ในพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีสถานที่พร้อม  เจ้าหน้าที่พร้อม เพราะอย่างไรเสีย เราก็เชื่อว่าจนท.สามารถรับมือและป้องกันการเเพร่ของโรคได้ถูกวิธีกว่าผู้ ป่วยและญาติเอง(สังเกตุจากความสับสนของคนไทยขณะนี้)      เพราะหลักในการ ควบคุมพื้นที่แพร่กระจายของโรคติดต่อท่มีอัตราการเเพร่ของโรคสูง ก็การเเยกตัวผู้ป่วย หรือผู้มีความเสี่ยง ออกจากกลุ่มคนปกติไม่ใช่หรอคะ  ไม่ใช่ปล่อยกลับไปให้มีความเสี่ยงในการติดมากขึ้น      เราไม่รู้หรอกนะ คะ ไม่ได้เรียนทางสายการเเพทย์มา  เพียงเเต่เห็นความเเตกต่างในการจัดการปัญหาของไทยกับของประเทศที่เราอยู่ แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้      การไม่เน้นความสำคัญของปัญหา  ที่บอกว่าโดยทั่วไปไม่อันตรายถึงชีวิต(อัตราการตายต่ำมาก)  อันนี้จริงแต่ไม่ใช่ว่าอัตราการตายต่ำเเล้วคือไม่มีปัญหา  เพราะอัตราการระบาดของโรคสูง หากระบาดไปที่ห่างไกล ผู้มีโอกาสติดไม่มีความรู้พอ บริการทางการเเพทย์เข้าไม่ถึง หรือในทางกลับกับผู้มีโอกาสเสี่ยงเข้าไม่ถึงการบริการทางการเเพทย์ ทำให้มีการติดต่อของโรคมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เเละอาจมีการพัฒนาสายพันธ์เป็นเชื้อที่มีความรุนเเรงมากขึ้น  ถึงตอนนั้นจะรับมืออย่างไรกันดี ดังนั้นการทำให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาไว้บ้างแต่ไม่ใช่กลัวเกินไปจึงน่าจะ เป็นการดีกว่า      เห็นด้วยว่าต้องมีการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจที่ ถูกต้อง  ไม่ใช่เเค่อาการขอโรค  อาการในกลุ่มเสี่ยง แค่นั้น  แต่ต้องทำความเข้าใจเรื่องลักษณะและอัตราการกระจายของเชื้อโรค  การป้องกันตัวเองจากโรคด้วย  ซึ่งเราว่าข่าวสารตอนนี้อยู่เฉพาะกลุ่ม ไม่ทั่วถึง และ บางครั้งไม่ตรงกัน สร้างความสับสนแก่ประชาชนด้วยซ้ำ  อีกทั้งข่าวเรื่องพื้นที่เสี่ยงก็ออกมาช้ามาก ตอนเเรกมีการปิดข่าวอีกต่างหาก  ก็อยากจะให้ปรับปรุงตรงนี้      ที่นี่ (ที่เยอร์มัน)  มีคนติดเชื้อไม่ถึงยี่สิบคน แต่กระจายไปทั่วเยอร์มัน  คือสรุปที่ละคนสองคน  ทำให้รู้ว่าเขาควบคุมการกระจายของโรคได้ดีกว่าบ้านเรามากนัก  คนที่นี่ใช้ชีวิตกันปกติมากๆ ไม่มีใครpanic แต่ข่าวออก  มีการประชาสัมพันธ์ และเขาตื่นตัวในการที่จะป้องกันมากกว่าบ้านเรา(ในความรู้สึกของเรา)        ปัจจุบัน นี้เราไปไหน เราก็พกน้ำยาล้างมือแบบแห้งไปทุกครั้ง  เราอยู่ในที่โปร่ง ไม่หยิบจับอะไรพร่ำเพรื่อ มานานประมาณสองเดือนแล้ว ตั้งเเต่มันเริ่มระบาดใหม่ๆ (ทราบข่าวจากคุณเเม่ซึ่งทำงานที่สธ.ที่ไทย ที่เตือนว่าให้ระวังเเละสังเกตุอาการอย่างไร + ข่าวที่นี่เองซึ่งประชาสัมพันธ์วิธีสังเกตุอาการและป้องกันตัวเองตั้งเเต่ โรคยังไม่เข้ามา)   จะเห็นว่าเรารู้มานานแล้ว คนไทยก็รู้เเต่รู้เฉพาะกลุ่ม เราถึงเข้าใจว่าการกระจายข้อมูลให้ประชาชนรับรู้เข้าใจตรงกัน ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับมาตรการควบคุมโรคมีประสิทธิภาพต่ำมาก  หากท่านสมาชิกท่านใดมีส่วนร่วมในการกำหนดแผนการดำเนินการควบคุมการระบาด พร้อมทั้งการรักษาไม่ว่าจะเป็นระดับล่างหรือบนได้เห็นข้อความนี้ ได้โปรดฝากความเห็นเเละคำวิจารณ์(ที่บางทีอาจบ่นมากไปหน่อย) ไปปรับปรุงแผนของท่านด้วย....ขอบคุณค่ะ      หวังให้เมืองไทยควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว      จากคน(ไม่ได้)ร่วมชะตากรรม แต่ เป็นห่วงเเทน      .................................................................................      แล้วคุณหมอเเมวก็มาโพลส์กลับว่า...      ^      ^      งั้นต้องย้อนกลับว่าทำไมเด็กเป็นอีสุกอีใสแล้วทำไมเราไม่กักตัวไว้รักษาเป็นเวลา 21 วัน ทั้งที่โรคนี้ติดต่อง่าย      Isolate room ใช้ในกรณีที่การปล่อยกลับแล้วมีผลเสียมากกว่าผลดีครับ      ในกรณีที่สงสัยและเข้าข่ายวันละ100คนแบบปัจจุบัน โรงพยาบาล 300 เตียงก็เอาไม่อยู่ครับ      ....      จริงๆการจับคนไข้แยกแม้ว่าสงสัยนั้น มีการทำตั้งแต่แรกๆที่ระบาดที่เม็กซิโกครับ ... ตอนนั้นยังไม่เป็นข่าวกัน      ตอนที่ข่าวออกมามากๆ กลุ่มที่โดนกักรอบแรกก็กลับบ้านหายดีหมดแล้ว      ประกอบ กับข้อมูลตอนหลังเจอว่ามันไม่รุนแรงอย่างที่กลัว ก็เลยไม่ทำการแยกครับ ... เหมือนกับที่เราไม่กักเด็กที่เป็นอีสุกอีใส/หวัด/ไข้เลือดออก .... เพราะว่าติดต่อง่ายก็จริง แต่อัตราตายโดยรวมต่ำ      แต่ถ้าโรคนี้อัตราตายสูงหลายสิบ% และมีกลุ่มเสี่ยงมาก มาตรการณ์จะไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ครับ      อาจจะมีการประกาศเึคอร์ฟิว จากนั้นมีรถไปรับผู้ป่วยไปนอนรวมกันที่สนามกีฬา      การรักษาพยาบาลก็ต้องเปลี่ยนไป      จากคุณ : หมอแมว      รวมทั้งมีคนอื่นๆมากมายมาสนับสนุนเช่น...      ความคิดเห็นที่ 32      หวัด 2009 มันก็แค่หวัดใหญ่นั่นแหละ      อาการที่เป็นก็ ปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ      ถ้าร่างกายแข็งแรงพอประมาณ ก็จะหายเองได้      เหมือนกับเป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วไป      คนแก่ คนที่อ่อนแอกว่าปกติ เด็กเล็ก ก็ดูแลเป็นพิเศษหน่อย      .......................................................................      หรือ      ตอบคุณ muupan68      อย่างที่พี่หมออธิบายครับ      รพ. หนึ่งๆ อาจจะมี Isolated room แค่ 1 ห้องเท่านั้น บางทีไม่มี บางทีมีแค่ Negative Pressure Room ซึ่งใช้พัดลมดูดอากาศออกไปยังที่โล่งแจ้งครับ      ในแง่ของการควบคุมโรคติดต่อนั้น ถ้าดูระดับของการแพร่กระจายแล้ว เชื้อตัวนี้ไม่ได้สร้างปัญหามากครับ      ไม่ต่างกับหวัดธรรมดา      อย่างที่บอกว่า CFR ที่ต่ำมากๆ ไม่ได้เสี้ยวของหวัดนกหรือ SARS เลย      การยอมให้เชื้อกระจายไปยังที่โล่งแจ้งนั้น ดีกว่าการเก็บไว้ในพื้นที่จำกัดที่เต็มไปด้วยคนป่วยอย่างชัดเจนครับ      จากคุณ : Epinephrine      ยังมีอีกมาก      ....................................................................................      ซึ่งเราก็ได้เรียนเพิ่มไปตามนี้      สงสัยคุณหมอทั้งหลายจะอ่านประโยคนี้ไม่เคลียร์      >>> คือมีห้องสำหรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงแยกออกมาจากผู้ป่วยธรรมดา เเล้วมีการเฝ้าดูอาการ(ไม่ใช่ต้องรอisolated room ที่เป็นทางการ) <<<      ซึ่งเราต้องการหมายความคล้ายกับคห.46      >>>ถึงขนาดที่ว่า มีผู้ป่วยสงสัยหวัด 2009 ต้องเอาผู้ป่วยไป Admit ที่ห้องพิเศษ      เอ แต่มันไม่ใช่ Isolated room นี่      แต่มันก็ Isolated ล่ะครับ      เพราะวอร์ดนั้นปิดซ่อม      แล้วห้องพิเศษไม่ได้ซ่อมด้วย      จึงถือเป็น Isolated room แบบชั่วคราวครับ(เพราะวอร์ดพึ่งปิดซ่อม และยังไม่มีใครไปทำงานที่ตรงนั้น)      แต่พอ Isolated Room จริงๆว่าง      ก็รีบย้ายเข้าอย่างรวดเร็วล่ะครับ <<<      อันนี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีการเเยกผู้ป่วย      ซึ่งตอนนี้จะเห็นว่าผู้ป่วยนั้นได้เพิ่มเป็น5-600คนเเล้ว  และทราบมาว่าค่าตรวจเเพงมากๆ ค่ายาก็แพงด้วย      เรา จึงยืนยันตามความเห็นเดิมว่าแม้ความร้ายเเรงในเเง่ของอัตราการเสียชีวิตจะ ต่ำเเต่ก็ไม่ควรทำการละเลยความร้ายเเรงในด้านอื่น เช่นด้านเศรษฐกิจ การขับเคลื่อนทางสังคม  ความเชื่อมั่นทั้งในและระหว่างประเทศ  รวมถึงเรื่องการจัดการการสาธารณสุขเอง เมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะเรื่องงบประมาณของชาติ ไหนจะเรื่องความเสี่ยงในกลายพันธ์ไปสู่ไวรัสที่ร้ายเเรงกว่า  ทั้งหมดส่งผลประกอบกันในองค์รวม      ดังนั้นเราจึงได้ฝากข้อความตรงนี้ไว้ในคห.ที่เเล้ว      >>>... เห็นด้วยว่าต้องมีการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจ ที่ถูกต้อง  ไม่ใช่เเค่อาการขอโรค  อาการในกลุ่มเสี่ยง แค่นั้น  แต่ต้องทำความเข้าใจเรื่องลักษณะและอัตราการกระจายของเชื้อโรค  การป้องกันตัวเองจากโรคด้วย  ซึ่งเราว่าข่าวสารตอนนี้อยู่เฉพาะกลุ่ม ไม่ทั่วถึง และ บางครั้งไม่ตรงกัน สร้างความสับสนแก่ประชาชนด้วยซ้ำ  อีกทั้งข่าวเรื่องพื้นที่เสี่ยงก็ออกมาช้ามาก ตอนเเรกมีการปิดข่าวอีกต่างหาก  ก็อยากจะให้ปรับปรุงตรงนี้....      ......... คนไทยก็รู้เเต่รู้เฉพาะกลุ่ม เราถึงเข้าใจว่าการกระจายข้อมูลให้ประชาชนรับรู้เข้าใจตรงกัน ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับมาตรการควบคุมโรคมีประสิทธิภาพต่ำมาก  หากท่านสมาชิกท่านใดมีส่วนร่วมในการกำหนดแผนการดำเนินการควบคุมการระบาด พร้อมทั้งการรักษาไม่ว่าจะเป็นระดับล่างหรือบนได้เห็นข้อความนี้ ได้โปรดฝากความเห็นเเละคำวิจารณ์(ที่บางทีอาจบ่นมากไปหน่อย) ไปปรับปรุงแผนของท่านด้วย....ขอบคุณค่ะ .....<<<      ......................................................................................      นี่คือสิ่งที่เราได้โพลส์ไป  ในตอนนั้น      คือ ณ เวลานั้นไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นปัญหาบานปลายขนาดนี้ ที่ว่าไม่รุนเเรงในเเง่ของอัตราการเสียชีวิตเข้าใจก่อนพวกคุณหมอๆหลายคน แต่ทว่าไม่มีใครคิดว่าเมื่อมันเเพร่กระจายไปมากเเล้ว  เราจะต้องเสียงบประมาณในการดูแลเท่าไหร่เเละทั่วถึงไหม  ผลลบในเเง่ของบุคลากรทั้งทางตรงทางอ้อมอีก  ในเเง่ของเศรษฐกิจอีก  จะเห็นว่าจากวันนั้น(กลางเดือนมิ.ย. ) จนวันนี้  คำพูดที่ว่าไข้หวัด2009 รักษาเองได้ ไม่ต้องตื่นเต้น บลาๆๆ        ตอนนั้นไม่มีใครฟังคำของเราหรอก  เรื่องการเเยกผู้ป่วย การประชาสัมพันธ์ การควบคุมโรคนี่ไม่มีใครสนใจ จนเราเซ็งเลิกพูดเรื่องนี้ไป (เพราะยังไงก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย  อยู่เมืองนอก เมืองที่เขามีมาตรการณ์ป้องกันที่ดี  ครอบครัวพ่อเเม่น่าห่วงหน่อย แต่ก็คงถึงมือหมอได้ง่ายถ้าเป็น เพราะเป็นคนในอยู่เเล้ว) ก็ได้แต่มองดูชะตากรรมคนไทยมาเรื่อยๆนั่นเเหละ        ปัจจุบันคงเห็นเเล้วว่าไม่ได้มองผิดเรื่องนี้เลย จากคุณ : muupan68 - [ 10 ก.ค. 52 05:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ความคิดเห็นที่ 23 [แจ้งลบ] ถามหน่อยนะ ที่บอกการเมืองรับผิดชอบไข้หวัดนี่ ตอนซาร์ส ระบาดเข้ามานี่ ใครเป็นรัฐบาล ถามหน่อย มี รัฐมนตรี สาธารณสุขของ เม็กซิโก สหรัฐ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ อังกฤษ เยอรมัน ขนาดญี่ปุ่น เลือดบุชิโด อย่างเข้มข้น หน้าไม่หนาเท่าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านในประเทศเรา รัฐมนตรี เขาลาออกเพราะ H1N1 2009 ให้เห็นรึยีังครับ อะไรก็ลากเข้าการเมืองซะหมด น่าเบื่อเกินแล้วล่ะ ................................................................................. ลากเข้สการเมือง เรายังไม่ได้ลากนะคะ เพราะผิดห้อง ตอนสมัยรัฐบาลนั้นมีโรคอุบัติใหม่สองโรคค่ะ คือ ซาร์ กับไข้หวัดนก  เราได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบหวัดนก กรณีหวัดนกกับหวัด2009 ไว้คร่าวๆ ซึ่งคุณอาจจะไม่อยากเข้าไปตามลิงค์นี้ แต่ถ้าสนใจจะเข้าไปก็ยินดีค่ะ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8063949/P8063949.html หากคุณไม่สนใจ  ที่คุณถาม เราจะตอบว่าตอนนั้นคนที่เป็นรัฐบาลขณะนั้น ได้รับคำชมจาก WHO ในการควบคุมสถานการณ์ได้ดีและเป็นตัวอย่างให้ประเทศข้างเคียงค่ะ  แต่ตอนนี้เราเป็นอย่างไรบ้างคะ อันดับหนึ่งของเอเชียแล้ว และเป็นอันดับเจ็ดของโลก (สี่ประเทศที่อันดับดีกว่าเราเป็นประเทศในทวีปอเมริกาที่เป็นแหล่งระบาด  ที่เหลือคืออังกฤษ กับ ออสเตรเลีย)  ส่วนอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเทียบกับจำนวนประชากร ในรอบสัปดาห์ล่าสุด เราเป็นที่สองรองจากอาเจนติน่าค่ะ  ประเทศอื่นเขาเริ่มควบคุมกันได้เเล้ว แต่ของเรามันยังไม่เห็นวี่แววเลยค่ะ หากคุณไม่สนใจจะเข้าห้องนั้นคุณสามารถศึกษาเองได้ในเว๊ปไซต์ของWHO นะคะ  มีทุกโรคที่คุณอยากรู้แหละ  ดิฉันนำลิงค์มาให้ค่ะ http://www.who.int/csr/disease/avian_influenza/avian_faqs/en/ http://www.who.int/csr/disease/swineflu/frequently_asked_questions/en/ http://en.wikipedia.org/wiki/Influenza_A_virus_subtype_H5N1 http://en.wikipedia.org/wiki/Swine_influenza http://www.who.int/csr/disease/influenza/pipguidance2009/en/index.html และ http://www.who.int/csr/disease/swineflu/en/ เข้าไปดูข้อมูลสถิติได้ค่ะ จากคุณ : muupan68 - [ 10 ก.ค. 52 05:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เพื่อนๆที่ไอหรือจาม ถ้าเราใช้มือปิดปากเชื้อไวรัสมันจะติดอยู่ที่มือเรา ถ้าเราเอามือไปจับต้องสิ่งขิง เชื้อมันก็จะอยู่ที่นั่น กว่ามันจะตายก้หลายชั่งโมงค่ะ ทางอเมริกาแนะนำว่าควรใช้ทิชชู่ปิดปากเวลาไอหรือจาม ใช้แล้วทิ้งเลยค่ะ อย่าใช้ซ้ำอีก ส่วนผ้าคาดปากไม่ใช่ทุกแบบจะป้องกันเชื้อได้ค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าแบบไหน แต่คิดว่าหาข้อมูลจากในเนตนะคะ เราอยู่ที่อเมริกาตอนที่โรคระบาดใหม่ๆ โอบามาสาธิตวิธีป้องกันให้ดูในข่าวเลยนะคะ ไม่มีการปกปิดข้อมูลหรือเพิกเฉย แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพยายามปกป้อง รวมถึงให้ความรู้กับประชาชน ถ้ารัฐบาลได้พยายามถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน ประชาชนก็ยอมรับค่ะ วันนี้ฟังข่าววิทยุรัฐบาลเริ่มกังวลนิดหน่อยแล้ว ตอนแรกคิดว่ามันจะหายไปพร้อมกับอากาศร้อนในหน้าร้อนนี้ แต่มันก็ยังอยู่ไม่ไปไหน ปกติไข้หวัดใหญ่จะระบาดในตอนที่อากาศหนาว แล้วก็จะซาลงเมื่ออากาศเริ่มอุ่น จากคุณ : wheel of forture - [ 10 ก.ค. 52 09:21:10 A:68.127.191.220 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ถ้าไม่ติดก็มีลุ้นทุกวันว่าจะติดไหม ไม่น่าเบื่อหรอก จากคุณ : Godgate - [ 10 ก.ค. 52 09:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เข้ามาโหวตครับ.. จากคุณ : pae_get - [ 10 ก.ค. 52 10:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ต่างคนต่างมองคนละมุม ทำไมไม่มองกันบ้างว่าที่ตัวเลขขึ้นจริง ๆ นี่เป็นเพราะการไม่ปิดข่าว และพยายามแก้ด้วยความจริงใจ ในขณะที่ประเทศที่ตัวเลขต่ำ ๆ การสาธารณสุขไม่ดี ประชาชนป่วยแล้วรักษาตัวเอง ไม่ได้เข้าระบบ และบันทึกข้อมูล และยอดในไทยน่าจะเป็นตามปรากฏการณ์ Iceberg Phenomenon ที่หมอแมวว่าไว้ คือมีจำนวนคนเป็นมากกว่านี้มาก แต่ที่เห็นแค่บางส่วนเฉพาะอาการหนักหรือตายเท่านั้น จากคุณ : Phoenix032 - [ 10 ก.ค. 52 11:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เฮ้อ...~ จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 10 ก.ค. 52 12:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เมื่อวานไปธุระ รพ. หรูกลางกรุง แห่งหนึ่ง ได้คุยกับบุคคลากรของ รพ. บุคคลากรของรพ. ยังบอกเลยว่า ไม่ต้องกลัวติด หน้ากากผ้าไม่ต้องใส่ อึดอัด โรคนี้ไม่รุนแรงอะไร (ประมาณว่าไม่จำเป็นต้องป้องกัน) ถึงติดก็แค่นอน รพ. สักวันสองวัน ... อึ้งคับ ... ผมว่านอกจากจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไป เอาจริง เอาจัง กับการป้องกันแล้ว บุคคลากรในรพ. หมอ, พยาบาล, ฯลฯ ก็ควรต้องให้การประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ ปล. แต่ รพ. ติดประกาศไว้ว่าใครไอจาม ขอรับ หน้ากากผ้าได้ฟรีนะครับ จากคุณ : Caesar. - [ 10 ก.ค. 52 13:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 124 คห.118 หน้ากากอนามัย ต้องใช้เเบบสำหรับเเพทย์ผ่าตัดค่ะ หรือเเบบN95  ซื้อได้ตามร้านขายยา ปรึกษาเภสัชค่ะ จากคุณ : muupan68 - [ 10 ก.ค. 52 14:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ความคิดเห็นที่ 121 ต่างคนต่างมองคนละมุม ทำไมไม่มองกันบ้างว่าที่ตัวเลขขึ้นจริง ๆ นี่เป็นเพราะการไม่ปิดข่าว และพยายามแก้ด้วยความจริงใจ ในขณะที่ประเทศที่ตัวเลขต่ำ ๆ การสาธารณสุขไม่ดี ประชาชนป่วยแล้วรักษาตัวเอง ไม่ได้เข้าระบบ และบันทึกข้อมูล และยอดในไทยน่าจะเป็นตามปรากฏการณ์ Iceberg Phenomenon ที่หมอแมวว่าไว้ คือมีจำนวนคนเป็นมากกว่านี้มาก แต่ที่เห็นแค่บางส่วนเฉพาะอาการหนักหรือตายเท่านั้น ........................................................................................ เพราะว่าเค้าไม่สนับสนุนการตรวจหาโรคไงคะ  พอเป็นก็จะตรวจหาเเค่ว่าเป็นไวรัส influenza a เท่านั้น แต่ไม่ได้ตรวจละเอียดว่าเป็นหวัด๒๐๐๙ หรือไม่ ถ้าตรวจคนไข้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองและแพงมาก ซึ่งพอตรวจได้ก็รักษาเเนวเดิม(อันนี้ทราบว่ามันจำเป็นเพราะไม่มีตัวเลือกอื่น)   พอคนตายก็ออกมาบอกว่าไม่ใช่  ตายเพราะโรคประจำตัวบ้าง อ้วนบ้าง  เเข็งเเรงเกินไปบ้าง คือไม่ยอมรับว่าตายเพราะหวัด๒๐๐๙ ทั้งที่ความจริงเพราะเป็นหวัดตัวนี้มันถึงเกิดหรือไปกระตุ้นโรคเเทรก การประชาสัมพันธ์ก็บอกไปแล้ว  หากไม่ปิดข่าวทำไมไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจน สัมพันธ์กับความเป็นจริง มีเเต่บอกว่าไม่อันตรายๆ  สิ่งนี้เป็นกลไกที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆด้วยส่วนหนึ่ง เพราะคนคิดว่าไม่อันตรายก็เลยละเลย ไม่ป้องกัน ไม่สวมหน้ากาก ไม่ล้างมือ  ไม่สบายก็ออกไปข้างนอกอยู่ดี จากคุณ : muupan68 - [ 10 ก.ค. 52 14:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ไม่เข้าใจว่า โรคระบาดจะไม่เกี่ยวกับรัฐบาลได้ยังไง - นโยบายมองเรื่องปัญหา ว่าใหญ่แค่ไหน ให้ความสำคัญแค่ไหน - สั่งการ ลงมือทำอะไร ในขอบเขตอำนาจที่มี - ประชาสัมพันธ์ - สั่งงาน ประสาน ดูแล รมต มีไว้ทำอะไร ถ้าโรคระบาดไม่เกี่ยวกับรมต งั้นเกี่ยวกับใคร - หรือกระทั่งความคิดเห็นส่วนบุคคล นักข่าวไปสัมภาษณ์ ยังไงคำที่พูดออกมาก็มีผลกับประชาชนในวงกว้าง - ที่ต่างประเทศดูแลโรคระบาดได้ดี ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลของประเทศนั้น ?????? ไม่ได้อยากโยง หรือตามน้ำ แต่หน้าที่ ความรับผิดชอบ มันก็ขึ้นกับเหตุการณ์ การวิพากษ์วิจารณ์ที่มีพื้นบนความจริงของสถาณการณ์มันทำไม่้ได้ เพราะกลัวจะทะเลาะกันเพราะการเมือง แค่นั้นหรือ จากคุณ : tgih - [ 10 ก.ค. 52 14:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ตอนนี้เห็นด้วยกับคุณ muupan68 ซะแล้วค่ะ เพราะ - เท่าที่ทราบ ร.พ. เอกชนใกล้บ้าน และที่คนรู้จักทำงานอยู่ เต็ม ส่วน ร.พ.รัฐใกล้บ้าน รู้สึกจะไม่ค่อยพบคนไข้หวัดตัวนี้นะ  แปลกจริงๆนะ   - มันผิดปกติตรงไหนเหรอ ถ้าจะประกาศชัดๆ เรื่่องมาตรการในการป้องกันโรค  แค่เริ่มด้วยการรณรงค์ให้ใส่หน้ากากเนี้ย แค่เนี้ย ทำไมทำไม่ได้  ไม่เข้าใจ   ไม่ได้ขอบ้าๆ ให้หมอต้องตรวจเชื้อให้ทุกคนที่จามนะคะ (กลุ้มวุ้ย รู้จัก ปลอดภัยไว้ก่อนมั้ยเนี้ย)   เอ่อ...แต่แถวบ้านร้านขายยาไม่มีหน้ากากขายแล้วนะ  ต้องรอสั่งซื้ออีกหลายวันค่ะ  เหอๆ -และ....ถ้าไม่มีคนมาเที่ยวประเทศเรา  เพราะเราพยายามป้องกันโรคเนี้ย  ดิฉันว่าคนพวกนั้นไม่ต้องมาก็ดีแล้วนะ  เขาคงป้องกันตัวเองได้ไม่ดีเท่าไรหรอกมั้ง ป.ล.  ยืนยันว่าไ่ม่ได้เกี่ยวกับการเมืองใดๆ แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ต้องการแสดงความคิดเห็นตามสิทธิอันพึงมีตามรัฐธรรมนูญ ทุกฉบับที่เคยประกาศใช้ในราชอาณาจักรไทย จากคุณ : น้ำฝนเย็นใส - [ 10 ก.ค. 52 14:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 128 หลายๆหัวข้อ มักจะมีประเด็นที่เกี่ยวเนื่องมากกว่า 1 ผล สิ่งนึง อาจมาจากเหตุปัจจัยหลายสิ่ง การคุยกันมันไม่สามารถที่จะจบได้ในประเด็นเดียว แล้วจะวัดอย่างไร ว่าเมื่อไหร่จะลบ หรือจะคุย ไม่คุยในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ??? ก็วัดที่เหตุผล เช่นหากการตอบนั้น โยงไปในเรื่องที่ไม่ได้มีเหตุผล มันก็เป็นการโยงที่ไม่สมควร จะไล่ไปคุยห้องการเมืองก็ไล่ จะลบก็ลบได้เลย แต่หากการตอบนั้นเป็นการวิพากษ์ไปที่เหตุ อันนำสู่ผล ทำไมจะทำไม่ได้ ? ตัวอย่างกระทู้นี้ หากคนโยงเข้าการเมืองโดยบอกว่า เพราะนักการเมืองฝ่ายค้านปัจจุบันบางคนแอบเอาไวรัสมาแพร่ในไทย เพื่อดิสเครดิตประเทศ เพื่อโจมตีรัฐบาล แบบนี้มันเป็นการโยงที่ไม่ได้มีข้อพิสูจน์ หรือสาระสำคัญอะไรเลย อคติล้วนๆ แต่ถ้าหากเป็นการวิจารณ์ การทำงานของรัฐบาล เช่น รัฐบาลประเมินความรุนแรงของโรคระบาดต่ำเกินไป ออกนโยบายช้าเกินไป เบาเกินไป มันก็อยู่ในข่ายที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่คุยกันอยู่ เพราะกำลังคุยกันเรื่องโรคระบาด จริงอยู่โรคระบาดคือหัวข้อในเรื่องสุขภาพ การแพทย์ วิทยาศาสตร์ แต่โรคระบาดก็เป็นผลกระทบระดับมหภาค ที่ผู้มีอำนาจ และเกี่ยวข้องทั้งหลายต้องร่วมกันรับผิดชอบ หมอเก่งไม่กี่คน ไม่สามารถทำให้โรคระบาดหยุดการแพร่กระจายได้ ปัจจัยใหญ่เบ้อเริ่มที่ยังไงก็ต้องเกี่ยว มันก็คือเรื่องนโยบายของผู้มีอำนาจสั่งการ แล้วจะให้คุยกันโดยหลับๆตา มองข้ามไป อย่าวิจารณ์ มันก็แปลกๆอยู่ หากเรามัวแต่กลัวจะทะเลาะกัน อีกหน่อยคงไม่ต้องชี้ความผิดให้แก้ไขกันแล้ว อวย ได้อย่างเดียว ประเทศนี้ ทำงานแย่ให้เงียบ ทำงานดีให้ชม จากคุณ : tgih - [ 10 ก.ค. 52 14:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ประชาชนทั่วไปก็ดูแลตัวเองเต็มที่แล้ว ที่บ้านไม่เข้าห้างไม่เข้าสถานที่ปิดติดแอร์มาเดือนกว่า ตอนนี้ออกไปข้างนอกทุกคนใช้หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียวก็ห่อถุงพลาสติกทิ้ง เพื่อนบ้านรอบๆก็ทำคล้ายๆกันและถ้าไม่สบายก็ดูแลตัวเองก่อนยังไม่ไปโรงพยาบาลทันที เพราะกลัวไปรับเชื้อมา ภาคประชาชนทำเต็มที่เท่าที่คนในระดับปัจเจกจะทำได้แล้ว แต่ภาครัฐอันหมายโดยตรงถึงรัฐบาลโดยเฉพาะผู้นำซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรีนั้น ได้แสดงการดำเนินงานอะไรที่เรียกว่า "เต็มที่"แล้วหรือยัง? (ยังเห็นไปแสดงปาฐก ไปเวียดนามเฉย) ต่อกรณีไข้หวัดหมู รัฐบาลชุดนี้ช่างละม้ายคล้ายกับสมาคมฟุตบอลไทยไม่มีผิด เวลาแพ้คู่ต่อสู้ก็จะบอกว่า นักฟุตบอลไม่มีเวลาซ้อม อากาศร้อนเกิน อากาศหนาวเกิน ไม่ถนัดหญ้าเทียม พื้นสนามไม่เรียบ แฟนบอลโห่ แฟนบอลไม่ส่งเสียงเขียร์ คู่ต่อสู้ตัวใหญ่ กรรมการไม่แมน อาหารไม่ถูกปาก เสียงเพลงที่เปิดระหว่างพักครี่งไม่ไพเราะ ฯลฯ กรณีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมู รัฐก็ไม่เคยแถลงยอมรับแม้สักรายเดียวว่าเสียชีวิตเพราะหวัดนี้ แต่เสียชีวิตเพราะ อ้วนไป ผอมเกิน เด็กอายุน้อยไม่มีภูมิต้าน ชราเกินไปไม่มีภูมิต้าน ฯลฯ การให้ข้อมูลลักษณะนี้เขาเรียกว่าเป็น สับเซ็ท ของการ ปิดข่าว ขอให้รัฐบาลละเลิกนิสัยเอาชั่วใส่คนอื่นใส่อย่างอื่นเสีย ยอมรับว่ามันเป็นปัญหา แล้วเริ่มเด็ดขาดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคนก็จะไม่ตระหนักไม่คิดสวมหน้ากากเพราะคิดว่า เป็นแค่หวัดธรรมดาถ้าตัวเองแข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัว ถึงติดก็ไม่ตาย ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้น อย่าถามว่าแล้วจะให้รัฐบาลทำอย่างไร เพราะในฐานะพลเมืองก็ดูแลตัวเองและชุมชนในระดับ "เต็มที่"แล้ว รัฐบาลมี "หน้าที่"ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง จงใช้หัวสมองคิดเองเพราะเสนอตัวอยากเป็นรัฐบาลเอง ขอให้รับผิดชอบบ้าง จากคุณ : รัฐชาติไม่ใช่เผ่าบูชาผี - [ 10 ก.ค. 52 16:15:50 A:121.115.143.199 X: TicketID:223548 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ^ ^ อยากให้ Give จัง จากคุณ : Night Claw - [ 10 ก.ค. 52 21:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เป็นไข้หวัดมา 10 วันแล้ว ยังไม่หายซักที ไอจนจะตายอยู่แล้ว ไม่มีเสียงด้วย เซ็งเป็ด ไม่เกี่ยวแต่อยากระบายครับ=_= จากคุณ : NorsDavincy - [ 10 ก.ค. 52 21:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 132 คุณmuupan68 ขอบคุณค่ะ เพื่อนๆที่ไม่สบาย อย่าเพิ่งไปหาหมอทันทีนะคะ ขออนุญาตเอาความเห็นของหมอท่านนึงมาลงนะคะ คนที่ไม่สบายแล้วสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อไวรัสตัวนี้ หมออยากให้รอสังเกตุอาการอยู่ที่บ้านก่อน เพราะบางทีคุณอาจจะไม่ได้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ ช่วงนี้ร่างกายคุณจะอ่อนแอจากอาการป่วย ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลนั้นที่จริงแล้วก็เป็นแหล่งเชื้อโรคอันดับต้นๆเลยทีเดียว วันนึงมีผู้ป่วยสารพัดโรคไปที่โรงพยาบาลมากมาย แทนที่คุณจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่จากไวรัสสายพันธุ์อื่น คุณก้อาจติดเชื้อไวรัสตัวนี้จากโรงพยาบาลได้ รอดูอาจสักนิดถ้าค่อนข้างแน่ใจแล้วไปโรงพยาบาลจะปลอดภัยกว่า ตอนนี้ที่อเมริกาปิดเทอมหน้าร้อน ก็เลยไม่ต้องห่วงเรื่องโรงเรียน แต่ตอนที่มีการปิดโรงเรียน รัฐจะออกมาขอร้องผู้ปกครองว่า ไม่ควรพาเด็กออกไปในที่สาธรณะ ควรให้ลูกหลานตัวเองอยู่ที่บ้าน เพราะถ้าพาเด้กออกไปก็เท่ากับการปิดโรงเรียนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสแพร่กระจายไม่เป็นผล การคิดป้องกันล่วงหน้าไปหนึ่งขั้น เราว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ จากคุณ : wheel of forture - [ 10 ก.ค. 52 22:24:23 A:68.127.159.139 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 133 มาถึงตอนนี้เริ่มเบื่อในการอ่านหรือตอบคำถามเรื่องหวัด2009 เพราะเรื่องที่พยายามสื่อหลายเรื่องไม่ได้รับความสนใจ ... และเมื่อเหตุการณ์มาถึงตอนนี้ที่มีการระบาดมาก(ตามที่หลายฝ่ายก็คาดเอาไว้) คนก็ยังไม่เข้าใจและเข้าใจผิดอยู่ดี คนที่ไม่เข้าใจเรื่องตัวเลขการระบาด ตัวเลขผู้ป่วย ก็ยังเข้าใจผิดไปว่ามีการปิดข่าว คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการตรวจรักษา ก็เข้าใจว่ารพ.รัฐไม่ตรวจเพื่อปิดจำนวน คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการตรวจรักษา ก็ไปอวยรพ.เอกชนที่ตรวจ RT-PCRกันเป็นแถบ ตอนนี้ได้ยินจากหมอหลายท่านว่ารพ.เอกชนบางแห่ง สร้างมาตรฐานผิดๆด้วยการให้ยาทุกเคสแม้กระทั่งคนที่ไอมีน้ำมูกและมีไข้ต่ำๆ อาการvery mild และมีการตรวจ RT-PCRทุกเคส จนทำให้คนเข้าใจว่ามันคือสิ่งที่จำเป็นในการตรวจรักษา ส่วนเรื่องจำนวนผู้ป่วย ... ได้เคยอธิบายไปแล้วว่าการตรวจหรือไม่ตรวจ และจำนวนผู้ป่วย ไม่ได้เป็นการชี้จำนวนผู้ป่วยที่แท้จริง ... เพราะตามที่คาดกันไว้ ยังไงประเทศไทยก็มีผู้ติดเชื้อน่าจะเหยียบแสน ... เช่นเดียวกับที่อเมริกาก็บอกว่าตรวจเจอ30000 น่าจะเป็นจริงหนึ่งล้าน การที่รพ.รัฐไม่ตรวจ ไม่ใช่เพราะปิดข่าว แต่เพราะว่าการตรวจไม่ได้ช่วยในการตัดสินใจในการรักษา และในแง่การระบาด การตรวจอย่างไม่จำเป็นจะทำให้ทรัพยากรในการรักษาลดลง  ...  ยาที่ใช้ในการรักษาครบคอร์สราคา 400  แต่ว่าค่าตรวจ 4000 และตรวจไปแล้วไม่ช่วยในการรักษาเลยแม้แต่น้อย ... จะตรวจทำไม? เรื่องการIsolate ผมก็ยังยืนยันว่าไม่ควรเอาโรคที่ติดต่อง่ายทุกเคสมาอัดทะนานกันในโรงพยาบาล คุณ muupan68 กล่าวมา เป็นสิ่งที่ดี ถ้าทำได้จริง แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่กล่่าวมาเรื่อง Isolate คนไข้"ไข้หวัดใหญ่"แบบดังกล่าว ทำไม่ได้ในชีวิตจริง เพราะอาการเมื่อแรกเริ่มมา ไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งโรคติดเชื้อทุกชนิด แยกกันไม่ได้ ถ้าคุณแยกคนที่ต้องสงสัยทุกคนออกมา ก็จะยิ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อขึ้นมา เพราะว่าในโรงพยาบาลมีพื้นที่จำกัด การที่admit คนเข้ามามากๆจะยิ่งทำให้เกิดการติดต่อง่ายกว่าให้กลับไปที่บ้านแล้วใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ... ถ้าคุณนึกภาพไม่ออกนะครับ ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่มีผู้ที่มาตรวจด้วยเรื่องไข้หวัดที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นไข้หวัด2009หรือไม่ วันละ 300-600คน รวมแล้วถ้าต้องเอาทุกคนมานอนในโรงพยาบาล ก็จะต้องมีที่พอสำหรับคน 2500 คน 2500 คนนี้ ที่อาจจะเป็นจริงสักครึ่งนึง และไม่ได้เป็นอีกครึ่งนึง ... ซึ่งครึ่งหลังจะมาติดจากพวกแรกในรพ. 2500 คนนี้ การรักษาไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่โรงพยาบาล 2500 คนนี้ ถ้ารักษาที่บ้านแล้วให้คนที่เป็นหนักมารพ.ทีหลัง ... น่าจะรอดมากกว่าจับ 2500 คน นอนรพ.แต่แรก ความคิดที่บอกให้ส่งต่อไปที่รพ.ศูนย์ ก็เป็นความคิดที่ผิด ... ถ้าใครเคยไปทำงานจริงจะทราบได้ว่าการส่งคนไข้ไปแบบนั้น ยิ่งดูแลได้แย่กว่าอยู่รพช.เสียอีก สุดท้าย สรุปสถานการณ์ตอนนี้ บ้านเราเริ่มแย่กว่าหลายประเทศ อันมีองค์ประกอบหลักๆคือ 1. คนไทยขาดจิตสาธารณะและประมาท คนเป็นไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย เด็กเป็นหวัด ยังปล่อยให้ไปโรงเรียน จนบัดนี้ ก็ยังไม่ล้างมืออยู่ดี 2.รัฐบาลวางนโยบายบางอย่างผิดพลาด เจ้าแนวทางการรักษาตามWHOถูกแล้ว แต่เรื่องบางเรื่องที่ทำถูก แต่ดันมีการเมืองมาแทรก ทำให้ทุกอย่างที่เราทำกันมาเหลวไปหมด ถ้าสังเกตดูทุกกระทู้ที่ผ่านมา ผมให้เครดิตรัฐบาลและกระทรวงมาก แต่ไอ้การตกม้าตายตอนหลังแล้วทำให้ทุกอย่างที่ผ่านมาเสียเปล่านี่ ผมโมโหจริงๆ 3. ประชาชนไม่ไว้ใจ การเล่นการเมืองบา่งอย่าง ทำให้เกิดความไม่ไว้ใจและเกิด Panic ซึ่งความตื่นตระหนกของประชาชน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราการตาย ... เพราะว่าเมื่อตระหนก จะเกิดการแห่มารพ. เมื่อแห่มารพ. จะเกิดการเหนื่อยล้าของเจ้าหน้าที่ เกิดการติดเชื้อจากรพ.กลับไปที่บ้านมากขึ้น เกิดการกระจายโรคมากขึ้น เกิดการให้ยาในคนที่ไม่จำเป็นมากขึ้น โอกาสเสี่ยงต่อเชื้อดื้อยาก็มากขึ้น โอกาสที่จะหลุดคนที่อาการหนักก็มากขึ้น ต่อจากนี้คนตายจะมากขึ้นแน่นอนครับ และPeakของคนไข้จะมากขึ้น... เพราะความตื่นตระหนกนี่แหละ จากคุณ : หมอแมว - [ 10 ก.ค. 52 22:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ถึง คห 129 ที่ว่าประชาชนดูแลตัวเองเต็มที่แล้วนี่ขอโทษทีเถอะครับ เมื่อตอนหัวค่ำผมไปเดินมาบุญครอง สยาม กลับ BTS มา ใส่หน้ากากไปกับแฟน 2 คน เห็นมีคนใส่หน้ากากป้องกันไม่ถึง 10 คน  แถมยังเห็นบางคนยังมาชี้ผมกับแฟนแล้วหัวเราะกันคิกคัก อย่างนี้ผมว่าโทษรัฐบาลอย่างเดียวมันก็ไม่ถูกนะครับ จากคุณ : nisas - [ 10 ก.ค. 52 23:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 135 อันที่จริงดิฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้หมอแมวนะคะและค่อนข้างเชื่อในทุกเรื่องที่หมอบอกมา แต่วันนี้ต้องขอโทษคุณหมอแมวที่จะขอบังอาจชี้แนะคุณหมอบางอย่าง เพราะเท่าที่อ่านความที่ 133 ของหมอ ดิฉันคิดว่าหมอคิดเหมือนคนในรัฐบาลคือ คิดโทษประชาชนลูกเดียว และคิดแต่ว่าทุกอย่าง เป็น "การเมือง" (อาจไม่ถึงขั้นคิดว่าแม้วเอาเงินไปจ้างเชื้อโรคหรือพวกการเมืองใหม่เล่นคุณไสยกลั่นแกล้งรัฐบาล แต่ก็อารมณ์เกือบๆจะไปทางนั้น) ซ้ำร้ายยังดูเหมือนคุณหมอจะก้าวไม่ทันความคิดสังคมคนทั่วไปนอกโรงพยาบาลด้วย รอบข้างดิฉันนี่ทั้งตระหนักทั้งตระหนกและพยายามดูแลตัวเองทุกวิถีทาง อย่างที่ได้บอกไปที่ความเห็น 129 แต่เรื่องพ่อแม่ให้ลูกที่ไม่สบายไปโรงเรียนนั้น ตอนนี้ไม่มีค่ะ บางโรงเรียนแค่รู้ว่าเพื่อนเป็นหวัด เด็กมันก็โดดเรียนกันเองแล้ว แต่ก็โดดได้ไม่กี่วันก็ต้องกลับไปเรียนอีก ไม่งั้นเรียนไม่ทันสอบไม่ได้ ไม่เป็นหวัดตายก็สิ้นอนาคต ก็เลือกเอา คนเลือกชีวิตก่อนก็ยอมไม่ไปเรียน คนเลือกอนาคตก็ยอมเสี่ยงชีวิตไป มันเป็นเรื่องการตัดสินใจระดับปัจเจก แต่สถานการณ์ตอนนี้ระดับปัจเจกมันช่วยอะไรไม่ได้ ถึงได้ต้องร้องหานโยบายจากรัฐไงคะ ผู้ปกครองหลายคนก็พูดแล้วว่าถ้าเขามีอำนาจสั่งปิดโรงเรียนเขาปิดไปนานแล้ว แต่ในเมื่อโรงเรียนมันไม่ปิด เด็กๆก็ต้องไปเรียน ไปรับไปแพร่เชื้อ มันก็คอมมอนเซ้นส์ล่ะค่ะ จะไปโทษเค้าได้ยังไง ชีวิตมันต้องดำเนินไปถึงต้องเสี่ยงป่วยเสี่ยงตายก็ตาม ในเมื่อสังคมทั้งสังคมมันไม่หยุดแล้วใครจะไปหยุดโอกาสของตัวเองด้วยการหยุด? ส่วนข้อที่สามสุดท้าย ที่หมอบอกว่าเป็นการเมืองน่ะ มันไม่มีอยู่จริงค่ะ ตอนนี้ไม่มีใครคิดอะไรแล้ว ขอให้ไม่เป็นศพที่ 16 17 18 ก็พอแล้ว คิดแค่จะเอาตัวให้รอดจากสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร เท่านี้จริงๆค่ะ ส่วนเรื่องคนจะแห่ไปโรงพยาบาลเพราะตื่นตูมน่ะ เรื่องนี้หมอก็ไม่ทันชาวบ้านอ้ะ เดี๋ยวนี้เค้าปากต่อปากกันให้แซ่ดว่าถ้าไม่จำเป็น ห้ามไปโรงพยาบาลเด็ดขาดเพราะเชื้อมันไปรวมกันที่นั่น ไอ้ที่ต้องแห่ไปโรงพยาบาลเพราะมันติดมาแล้วและอาการหนักคุมไม่อยู่แล้วมันถึงต้องไป ไม่ใช่ไม่เป็นไรแล้วตื่นตูมไปขอยามากินฟรีๆ ลองไปถามดูก็ได้ว่าถ้าไม่มีธุระจำเป็นอะไร ณ วินาทีนี้มีใครอยากเข้าไปในโรงพยาบาลบ้าง? สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้คือนโยบายระดับชาติค่ะ ระดับชาติ ประชาชนดูแลตัวเองอย่างยิ่งยวดแล้วค่ะ ใครไม่กลัวเจ็บป่วย ไม่กลัวตาย ไม่มีหรอกค่ะ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องหิดเหาติดกันในครัวเรือนแบบดูแลกันเองหายเองบ้านไหนสกปรกก็มีบ้านไหน รักสะอาดใช้หวีเสนียดทุกวันเดี๋ยวหายเอง โรคระบาดที่แพร่ได้ง่ายดายและอาจหายยากในคนบางกลุ่ม แถมมีโอกาสกลายพันธุ์อีก มันต้องควบคุมขนานใหญ่จากการสั่งการของผู้ขับเคลื่อนสังคมในระดับ ใหญ่ๆแล้วค่ะ ไม่ใช่เวลามองไปที่จุดเล็กจุดน้อยอีกต่อไปแล้ว ด้วยความเคารพ จากคุณ : รัฐชาติไม่ใช่เผ่าบูชาผี - [ 10 ก.ค. 52 23:35:01 A:121.115.143.199 X: TicketID:223548 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เห็นด้วยเรื่องสาสุข ประชาสัมพันธ์ได้ห่วยมาก ตอนนี้ควรรณรงค์เรื่องใส่mask หลีกเลี่ยงที่แออัด อย่างคอนเสิร์ตโรงหนัง ออกspotโฆษณา มาเลย ดูกระทู้ในห้องเฉลิมไทยสิ ยังมีคนไม่สนใจดูหนังดูละครกันเรื่อยเปื่อย หมอในวอร์ดก็ไม่ค่อยใส่mask จะบ้าตาย ตอนนี้มีหมอเริ่มป่วยแล้ว ถึงแม้พวกที่ตายจะมีunderlying diseaseเป็นส่วนใหญ่ อย่างเด็กสาธิตที่ ตายที่ศรีนครินทร์น่ะ เธอเป็นscleroderma กินทั้งprednisolone กะendoxan สอบเสร็จไปดูดงบังต่อ ติดเชื้อขึ้นมาก็ไม่เหลือน่ะสิ แล้วเวลาหนังสือพิมพ์ลงข่าว บอกรายละเอียดซะที่ไหน เพราะฉะนั้นควรเน้นป้องกันจะดีกว่า ที่เหลือก็แล้วแต่กรรมใครกรรมมันละนะ ป้องกันเต็มที่แต่ตายขึ้นมาก็คงหมดอายุขัยแล้ว ... จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด...... จากคุณ : ดา - [ 10 ก.ค. 52 23:47:32 A:114.128.192.239 X: TicketID:112403 ]

ความคิดเห็นที่ 137 คุณความเห็นที่ 134 ก็นี่ล่ะค่ะที่แสดงให้เห็นว่าเราต้องการการสั่งการระดับชาติ การปล่อยให้ระดับบุคคลเล็กๆน้อยๆต้องใช้วิจารณญาณเองมันไม่เวิร์กสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ ประชาชนที่เค้าดูแลตัวเองอย่างเต็มที่แต่วันหนึ่งอาจต้องมาติดเชื้อเพราะพวกไม่ดูแลตัวเอง มันก็ไม่ใช่ที่ แต่จะมาไล่ดูเป็นคนๆไปว่านั่นไงมีคนไม่ดูแลตัวเองดังนั้นต้องโทษคนนั้นเป็นตัวๆไป ห้ามโทษรัฐ นั่นก็ยิ่งไม่ใช่ที่เข้าไปใหญ่ การอยู่รวมกันในสังคมใหญ่ๆมันต้องมีผู้นำทาง ต้องมีกฎหมาย กฎเกณฑ์ที่ใช้กับทุกคนให้ ปฎิบัติตามอย่างพร้อมเพรียงกัน และคนที่เป็นคนคอยดูจังหวะว่าเมื่อไร ในสถานการณ์ยังไงถึงต้องหยิบเอากฎไหน กฎไหนมาใช้ ก็คือ รัฐบาล ไม่งั้นสังคมมันก็แตกกันไปคนละทางสองทาง เอาง่ายๆ แค่นายกสั่งการลงมาเปรี้ยงเดียว คนไทยออกจากบ้านใครไม่สวมหน้ากากโดนปรับ หรือโดนกักตัว กฎนี้มีผลบังคับใช้หนึ่งเดือน เอาแค่นี้ก็ได้ยังไม่ต้องถึงกับปิดประเทศน่ะ แค่นี้ได้ไหมคะ ได้หรือเปล่า? ก็ นะ รัฐบาลยังไม่ขยับนโยบายเชิงรุกอะไรเลยไง ดิฉันถึงต้องมาโวยวายอยู่ในนี้ จากคุณ : รัฐชาติไม่ใช่เผ่าบูชาผี - [ 10 ก.ค. 52 23:48:15 A:121.115.143.199 X: TicketID:223548 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ความคิดเห็นที่ 135 [แจ้งลบ] อันที่จริงดิฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้หมอแมวนะคะและค่อนข้างเชื่อในทุกเรื่องที่หมอบอกมา แต่วันนี้ต้องขอโทษคุณหมอแมวที่จะขอบังอาจชี้แนะคุณหมอบางอย่าง เพราะเท่าที่อ่านความที่ 133 ของหมอ ดิฉันคิดว่าหมอคิดเหมือนคนในรัฐบาลคือ คิดโทษประชาชนลูกเดียว ด้วยความเคารพ..... อ่านมาแล้วตอนแรกงงๆ พออ่านจบก็เข้าใจ .... และผมก็ยังยืนยันว่าตอนนี้การเล่นการเมืองทำให้มีปัญหา คนที่เล่นคือรัฐบาล ตอนนี้เราต้องการนโยบายและการสั่งการที่ดี เราต้องการการให้ข่าวที่มีมากกว่าการมาบอกว่า "ตอนนี้ป่วยแค่2700 หายแล้ว 2500 ยังนอนในรพ. 200" เราต้องการการประสานงานของกระทรวง ในขณะที่เรื่องนี้มันคือเรื่องสุขภาพ เรื่องทางการแพทย์ กระทรวงศึกษา / กระทรวงการท่องเที่ยว / กระทรวงพาณิชย์ ยังมีการออกความเห็นคัดค้านความเห็นทางการแพทย์ ยังมีการออกระเบียบออกประกาศที่ผิดหลักทางการแพทย์ หรือสั่งการบางสิ่งบางอย่างที่นอกจากจะไม่ช่วยลดการแพร่ระบาด ยังส่งเสริมการแพร่ระบาด อันนี้ไม่ใช่การเมืองหรือ? แต่ผมว่าใช่ เพราะคุณปล่อยให้กระทรวงอื่นมาออกความเห็นคัดค้านเรื่องนโยบายควบคุมโรคระบาดทั้งที่ทางนั้นไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้ หรือบางคนอาจจะเถียงว่าไม่ใช่ ... ผมก็อยากชี้ให้เห็นเรื่องบางเรื่อง การแถลงข่าวในช่วงต้น ก็โอเคอยู่ ... บอกจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงต้นไว้ตามการSwab ... แต่พอผ่านไปได้พักนึง จนถึงจุดที่ทางWHOก็บอกไว้ว่าไม่จำเป็นต้องswabตรวจเชื้อ รพ.ทั้งหลายก็หยุดswab และเปลี่ยนมารักษาตามclinical หรืออาการที่ตรวจพบ ถ้าเมื่อใดที่ถึงจุดนี้ สิ่งที่รัฐบาลที่เอาถ่านควรทำ คือรีบประกาศว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโดยประมาณคือเท่าใด อย่างอเมริกา เมื่อถึงจุดนึงเขาก็ประกาศว่าน่าจะติดกันไปแล้วล้านกว่าคน http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8049629/X8049629.html#3 ธรรมชาติของไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่ไม่มีทางป้องกันได้ในสังคมปัจจุบัน สุดท้ายในสองถึงสามปี ทุกคนก็ต้องได้รับเชื้อนี้ (ยกเว้นอยู่ในป่าลึกไม่เจอผู้คน) การไปบอกว่า เราควบคุมได้ มีคนเป็นแค่ 2500 - 3000 คน หรือการไปยึดตัวเลขที่รู้ๆกันว่ามันลดลงเพราะว่า"ทางการแพทย์เค้าลดการทำswab ตามหลักทางการแพทย์" มันคือการสร้างภาพครับ สุดท้ายผลของการสร้างภาพคืออะไร โรคนี้มันไม่มีทางป้องกันได้ ดีที่สุดก็ชะลอให้เป็นช้าไปอีกปีสองปี แต่คุณไปพร่ำบอกว่าเป็นแค่ 3000 ซึ่งความจริงควรจะบอกว่า ตัวเลขตอนนี้ 3000 แต่จริงๆแล้วตามหลักน่าจะติดเชื้อไปแล้ว 200000 คน การไม่ยอมบอกให้เคลียร์ ... พอถึงจุดนึงประชาชนเค้าไม่ไว้ใจ คุณจะพูดอะไรคนก็ไม่เชื่อ นี่เล่นการเมืองในเรื่องสุขภาพ แต่ดันไม่หาข้อมูลดีๆ ผลเป็นไงล่ะ คนเค้าก็ไม่เชื่อคำแนะนำของกระทรวง เมื่อวานซืน ตรวจคนไข้ก็มีปัญหา เพราะการให้ข่าวที่กึ่งสร้างภาพนี้ ทำให้คนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องมา เข้าใจว่าตนเองควรมา เด็กจำนวนไม่น้อยที่มาตรวจกับผม ไออย่างเดียว ไม่มีไข้ บางคนไอมีน้ำมูกใสๆเป็นมาเป็นเดือนยังมาตรวจ เพราะคำพูดที่ว่า "ถ้ามีอาการรีบไปพบแพทย์ มียารักษาให้หาย" พูดเอาหน้า ... ไม่รู้จักบอกให้ชัดเจนว่าต้องมีอาการอย่างไรจึงจะควรไปรพ. อาการไหนควรรอดูที่บ้าน อาการไหนที่ไม่ต้องไป ผลเป็นไงล่ะ คนที่ไม่จำเป็นก็ไปหาหมอ ... ไปด้วยความเข้าใจว่าตนเองจำเป็นต้องไป ... ทั้งที่ไม่จำเป็น .... นอกจากนี้ก็นโยบายการปิดโรงเรียน จริงอยู่ที่ที่ผ่านมารัฐบาลทำถูกที่ไม่ได้ปิดโรงเรียน ... ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ทำกันทั่วโลก (นอกจากเม็กซิโก และจีน ที่อื่นไม่เห็นบังคับแบบนี้เท่าไหร่) แต่ความพลาดอยู่ที่การไปประกาศของกระทรวงศึกษาที่ให้โรงเรียนพิจารณาปิดโรงเรียนเอง (แล้วครูจะรู้มั้ย) ไปสร้างความลักหลั่นว่า "ตกลงการปิดโรงเรียนจำเป็นหรือไม่" ซึ่งจริงๆ การปิดโรงเรียนไม่จำเป็นในช่วงแรกเลย สิ่งที่จำเป็นคือนโยบายว่า คนที่เป็นหวัด ไม่ต้องมารร.จนกว่าจะหายต่างหาก แต่ถ้านโยบายไม่ปิดแสดงให้เห็นชัดว่าไม่ได้ผลและเสี่ยงต่อการระบาด ... อย่างของเมืองไทย ที่เห็นชัดๆคือคนจำนวนมากขาดจิตสาธารณะ ป่วยก็ยังไปรร.ไม่ใส่หน้ากาก ตอนนี้แหละนโยบายปิดโรงเรียนจะจำเป็นต้องทำ และเมื่อทำก็ต้องปิดให้หมด ทั้งโรงเรียน ร้านเกมส์ โรงเรียนกวดวิชา ... เลื่อนการสอบ GATPAT ยกเลิกคอนเสิร์ตและออกประกาศแนะนำให้งดการเดินห้าง ทำสัก 5 วัน ไม่ใช่มาติงต๊องออกกฎให้ปิดโรงเรียนกวดวิชา แล้วมาทำเหนียมอายกับธุรกิจอื่นๆ ไร้สาระและการเมืองชัดๆ ... .... ใครที่รู้จักผมในนี้จะรู้ว่าผมเชียร์ใคร เลือกพรรคไหน แต่เรื่องสุขภาพผมไม่เอาสีครับ ต่อให้คนที่ผมเชียร์ ดันออกกฎเห่ยๆออกมา หรือเล่นการเมืองจนเสียเรื่องแบบนี้ ... ผมก็โกรธครับ เรื่องโรคระบาดถ้าจะเล่นการเมืองก็น่าจะเล่นให้เนียนกว่านี้ ... เล่นแบบตอนหวัดนกก็ยังดี ... เพราะการเล่นการเมืองที่เก่งๆ สร้างภาพแบบเจ๋งๆ อย่างน้อยประชาชนก็ไม่ตื่นตกใจ เมื่อไม่ตกใจก็ไม่เกิดปัญหามากนัก งานก็ไม่load แต่นี่ข้อมูลก็ไม่ดี ... จะเล่นการเมืองสร้างภาพยังไม่สู้ตอนหวัดนก ตอนนั้นอย่างน้อยเค้าสร้างภาพและคนก็สงบลง แต่นี่สร้างภาพทีนึงผลออกมากลายเป็นคนตื่นตระหนกกว่าเดิม ยังไงผมก็ยังยืนยันครับว่าตามความรู้สึกของผม งานนี้เล่นการเมืองชัดๆ! จากคุณ : หมอแมว - [ 11 ก.ค. 52 02:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 139 แล้วมันยังมีอีกหลายเรื่อง ที่นโยบายออกมาได้ห่วยมาก ... จนปัจจุบันผมก็ยังเจอเรื่อยๆ ... ที่คนมาตรวจเพราะกลัว ... คนที่อ่าน net อาจจะรู้บ้างครับว่าไม่จำเป็นอย่าไปรพ. แต่คนที่ดูแต่ทีวี ตอนนี้ก็ยังมีหลายช่องที่บอกประมาณว่า ป่วยแล้วต้องรีบไปรพ. ... ถ้ามานั่งตรวจกับผม ก็จะเจอคนที่มาโดยไม่มีอาการไข้เลยจำนวนมากครับ บางเรื่อง สื่อก็เสนอไม่ถูก และผมก็รอนานแสนนานแล้วให้รบ.หรือกระทรวง ส่งใครก็ได้มาประชาสัมพันธ์ให้ตรงกัน แล้วก็ไม่มี มัวแต่นั่งเล่นตัวเลขอยู่นั่น นี่ยังไม่นับรวมนโยบายและเรื่องบางเรื่อง ที่ทำออกมาแล้วหมออยากจะบ้าตาย ไม่อยากเชื่อว่าออกมาจากกระทรวงสธ.ได้ยังไง จากคุณ : หมอแมว - [ 11 ก.ค. 52 02:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 140 อยากให้กิ๊ฟท์คุณหมอแมว แต่ให้ไม่ได้ ให้เป็นกำลังใจไปแทนละกันนะคะ อย่าเครียดนะคะคุณหมอ แล้วก็ขอให้คุณหมอและทุกๆคน มีสุขภาพที่แข็งแรง ขอให้โรคนี้หยุดระบาดในเร็ววันด้วยค่ะ *-* จากคุณ : -0- - [ 11 ก.ค. 52 03:20:54 A:118.172.242.136 X: TicketID:172388 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ปล. ขออณุญาตนำกระทู้นี้ และบทความของคุณหมอไปฟอร์เวิร์ดทีนะคะ เพราะรำคาญคนรู้จักหลายๆคนมาก ที่ตื่นตระหนกเกินเหตุ ปากบอกว่ากลัวเหลือเกิน แต่ก็ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ล้างมือ ทำตัวซกมกเหมือนเดิม ไปช้อปปิ้ง เที่ยวผับ กินเหล้า ฯลฯ ไม่ได้ดูแลตัวเองเลยสักนิด เห็นแล้วเพลียใจ เมื่อยปากที่จะพูด อธิบายไปก็เถียงกลับแบบข้างๆคูๆอีก จากคุณ : -0- - [ 11 ก.ค. 52 03:23:48 A:118.172.242.136 X: TicketID:172388 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ขอบคุณคุณหมอแมวสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่ะ ที่ตอนหลังที่อเมริกาไม่แนะนำให้ปิดโรงเรียน เพราะคิดว่ามันสายเกินไปแล้วค่ะ เพราะตอนแรกไม่มีใครรู้เรื่องไวรัสตัวนี้ เด็กที่ป่วยก็ไปโรงเรียนโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว ก้เลยมีการคิดกันว่าอาจจะเหมือนวัวหายแล้วล้อมคอก แต่ที่ไทยเรารู้เรื่องนี้ล่วงหน้ากันแล้วนะคะ เราก็ยังเห็นว่าควรจะปิดโรงเรียนนะคะ เราอยู่ที่แคลิฟลอรืเนีย ถึงตอนหลังรัฐบาลจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครทำตามนั้นเลยค่ะ แถวที่เราอยู่แค่ผู้ปกครองคนนึงสงสัยว่าลูกตัวเองติดเชื้อไวรัสตัวนี้ เพราะอาการน่าสงสัยมากแล้วก็เพิ่งกลับมาจากแมกซิโกด้วยก็รีบรายงานทางโรงเรียนแล้วค่ะ ส่วนทางโรงเรียนก็รีบประชุมด่วนทันที แล้วก็รีบโทรบอกผู้ปกครองทุกคนทั้งโรงเรียนกันคืนนั้นเลยว่าต้องต้องปิดโรงเรียน ทุกคนถือคติกันไว้ดีกว่าแก้ ส่วนเรื่องการเรียนให้มาเรียนชดเชยกันทีหลัง ลูกสาวเราเรียนโรงเรียนประจำอยู่เกรด๑๑ที่รัฐ Connecticut ช่วงที่เกิดเรื่องใหม่ๆ ตอนต้นเดือนพ.ค. โรงเรียนอีเมลล์บอกผู้ปกครองทุกคนว่า เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ถ้ามีใครป่วยด้วยไวรัสตัวนี้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียน หรือเจ้าหน้าที่ โรงเรียนจะปิดทันที ขอให้ผู้ปกครองเตรียมพร้อมเรื่องการเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน เพราะตอนนั้นใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์นักเรียนก็กลับบ้านกันแล้ว นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังงดกิจกรรมนอกโรงเรียนทุกอย่าง เสาร์-อาทิตย์ทุกคนต้องอยู่ที่โรงเรียน ปกติโรงเรียนจะพานักเรียนไปดูหนัง ชอปปิ้ง หรือเล่นโบว์ลิ่ง ช่วงนั้นงดหมด ห้ามนักเรียนกลับบ้านช่วงนั้นด้วย ส่วนเรื่องการเรียนเนื่องจากว่าใกล้จบแล้วก็ถือว่าเรียนจบชั้นนั้น โชคดีที่ไม่มีใครป่วย ก้เลยได้เรียนกันจนถึงวันสุดท้าย ส่วนเราในฐานะผู้ปกครองก็เห็นค่ะด้วยที่โรงเรียนทำแบบนี้ จากคุณ : wheel of forture - [ 11 ก.ค. 52 03:33:52 A:68.127.159.139 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 143 เอาไปเลย 3 กิบ จากคุณ : poohpisces - [ 11 ก.ค. 52 03:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ตอนแรกบอกอย่าโยงเข้าการเมือง ไปๆมาๆ จขกท.สรุปให้เองเลยว่าเป็นเรื่องการเมือง จากคุณ : Jacare - [ 11 ก.ค. 52 12:51:06 ]

ความคิดเห็นที่ 145 โดนคำพูดนี้ครับ 3. สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ทำใจเถอะครับ -_-' มันเพิ่งจะเริ่มต้น งานเข้าเลยผม จากคุณ : Enchize - [ 11 ก.ค. 52 15:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ต้องให้ลูกหลานญาติโกโหติกาของท่านทั้งหลายติดเชื้แล้วตายห่ าน ไปซะก่อนถึงจะลุกขึ้นมาทำอะไรจริงจัง ล่ะมั้ง เห็นตั้งแต่เริ่มแรกละล่ะว่าทำอะไรไม่เข้าท่าเอาซะเล้ย แถมยังเอื่อยเฉื่อยเป็นรฟท. ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง(ขอโทษที่ต้องพาดพิง ^_^) แล้วเรื่องมันก็บานปลายมาจนบัดนี้ วิ่งตามแก้ก็ไม่ทัน ถ้ายังไม่เด็ดขาดยังคงเฉื่อยชาเรื่อยๆไปอย่างนี้ มันคงไม่หยุดอยู่ที่15รายแน่ๆ แล้วมันก็จะยิ่งทวีความเสียหายมาก-มากกว่าความคิดหางอึ่งที่กลัวว่าปิดประเทศจะสูญเสียรายได้มหาศาล หรือปิดประเทศไปก็ไม่ช่ายแก้อะไรตราบใดที่ยังมีคนเดินทางไปมาเข้าออกประเทศอยู่ดี ออกมาจากปากท่านหรือนี่แค่ปิด รร.กวดวิชา ร้านเกมส์ สถานบันเทิงก็พอ????? ปล.เค้าว่ากันว่า เพราะ รมต กับรมช กระทรวงที่รับผิดชอบ คนละสังกัดกัน เวลาเดิน เอ๊ยทำงาน ขามันเลยไม่สามัคคีกัน ให้มันได้อย่างนี้สิ น่าดีใจและภูมิใจจริงๆ ประเทศจะได้เจริญฮวบๆ โอ๊ะๆๆ เบื่อมากที่จะพูดเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่ทู้ของหมอแมวนี่จะไม่ตอบละนะ กลื่นน้ำลายลงคอยังดีกว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง เกี่ยวแค่ว่าทำไมมีโอกาสเข้ามาทำงานแล้วถึงทำงานได้เส็ งเค ร็งแบบนี้วะคะ จากคุณ : Hangover Inc. - [ 11 ก.ค. 52 15:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ประเด็นการทำงานของรัฐบาลหรือกระทรวงสาธารณสุขนี่ ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องเท่าไหร่นะครับ ถึงจะทำให้มันดีกว่านี้ได้ก็เถอะ เพราะอย่างที่ว่ากันไว้ โรคนี้มันติดต่อกันทางเดินหายใจ บทจะระบาดมันก็ระบาด ถ้าจะควบคุมให้ได้ชงัดคงต้องประกาศเคอร์ฟิวกัน ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น รู้แบบนี้แล้ว มานั่งด่ารัฐบาลไปก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตตัวเองปลอดภัยขึ้นมาหรอกครับ ไม่อยากติดหวัดหมู ก็ง่ายๆ  แค่กินน้ำอุ่นบ่อยๆ ทานผลไม้เยอะๆ นอนแต่หัวค่ำ ไม่อาบน้ำกลางคืน แล้วก็ไปวิ่งออกกำลังกายให้เยอะๆ อ้อ เกือบลืม อยู่ให้ห่างๆ คนไร้มารยาทที่ไอจามไม่ปิดปากด้วย ถ้าใครเป็นคนติดหวัดง่าย ก็ให้ quarantine ตัวเองเป็นพิเศษเพิ่มเติมด้วย แค่เนี้ยะ จากคุณ : PastelSalad - [ 11 ก.ค. 52 15:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 148 แล้วคุณมาคิดแทนคนที่เค้าด่ารัฐบาลได้ไง ว่าเค้าไม่ดูแลตัวเอง เรากำลังพูดถึงท่าที นโยบาย และการป้องกันภาครัฐ ซึ่งนำไปสู่การป้องกัน รักษาตัวเองของภาคประชาชน ที่ผ่านมามันล้มเหลว ยิงสปอต ออกมาให้คนใส่หน้ากากกันเชื้อ แต่กลับทำเอาฮา คนดูก็ไม่รู้สึกว่าจริงจัง กลายเป็นว่าใครใส่หน้ากากดูตลกไป ยังมีอีกหลายปัจจัย ขี้เกียจบ่น ชีวิตคนธรรมดาในไทย มันมูลค่าต่ำ ต้องดูแลกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ไม่ต้องสนใจใช่มั้ยครับ ถ้าผมไม่ได้เห็นของดีๆ ในต่างประเทศ คงไม่เอามานั่งด่าหรอกครับ ไปดูแล้วกันที่ผมเขียนไว้ แล้วมาเปรียบเทียบซะน่ะครับ กับการดำเนินงานของรัฐบาลนี้ ปล. โชคดีในชีวิตที่ไม่เคยเลือกพรรคนี้ จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ 11 ก.ค. 52 17:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ติดตามข่าวยังงงเลยน่าสงสารผู้ปฎิบัติงานอะดูข่าววันนี้มติชน http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid จากคุณ : ตามข่าวจนงง - [ 11 ก.ค. 52 19:22:01 A:58.9.174.115 X: TicketID:005921 ]

ความคิดเห็นที่ 150 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการคาดคะเนของผู้เชี่ยวชาญ เพราะต่างประเทศก็ยอมรับอย่างนี้ ขณะนี้ตัวเลขที่จะเทียบเคียงได้ชัดเจนที่สุด คือ ประเทศอังกฤษ เพราะมีประชากรใกล้เคียงกับไทย จำนวนผู้ติดเชื้อที่ทดสอบได้อาจจะมากกว่าไทยเล็กน้อย ผู้เสียชีวิตใกล้เคียงกับไทย เขาก็เลยมีการคาดคะเนว่าน่าจะมีการติดเชื้อเป็นแสนคนแล้ว **ขณะนี้เกือบทุกประเทศบอกว่ามันเป็นเหมือนโรคระบาดปกติ **แต่ยังเป็นห่วงที่มีคนเสียชีวิต ดังนั้นจึงต้องเข้มงวดกวดขันกันตรงนี้ เลื่อนลงมาอ่านข่าวเดียวกัน "ชวน"ออกโรงดัน"วาระแห่งชาติ" แล้วผู้ปฏิบัติงานก็น่าจะงงนะ จากคุณ : ตามข่าวจนงง - [ 11 ก.ค. 52 19:24:12 A:58.9.174.115 X: TicketID:005921 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ตอนนี้โอบามาบอกให้ประชาขนเตรียมพร้อมรับมือกับไวรัสตัวนี้ที่อาจจะกลับมารุนแรงขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และได้โทรคุยกับนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นประมาณ๕๐๐คน ให้เตรียมพร้อมและศึกษาเรื่องนี้ ช่วงนี้ไวรัสตัวนี้ระบาดในประเทศทางตอนใต้ของอเมริกา เดือนตุลานี้คาดว่าวัคซีนตัวใหม่จะออกมาแล้ว แผนตอนนี้คือจะมีการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับก่อนตามลำดับ คือเด้ก เพราะรงจะเปิดเทอมปลายสิงหา ผู่ป่วยที่มีโรคความดันสูง และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข เนื่องจากคิดว่าการวางแผนป้องกันล่วงหน้าจะมีผลดีกว่ามาแก้ปัญหาทีหลัง ประเทศจีนก้เข้มงวดมาก เร็วๆนี้เพิ่งกักตัวนักการเมืองอเมริกันไว้ เพราะป่วยรอจนแน่ใจว่าปลอดภัยถึงปล่อยตัว น่าชื่นชมที่ทางการจีน เอาข้อผิดพลาดในครั้งก่อนมาแก้ไขในปัจจุบัน อยากให้รัฐบาลไทยจริงจังมากกว่านี้นะ ที่บอกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในอังกฤษใกล้เคียงกับไทย แต่มันก็ไม่เหมือนกันนะ ของเขาไม่ได้ปานปลายจำนวนเพิ่มสูงในตอนหลังแบบเรา จากคุณ : wheel of forture - [ 11 ก.ค. 52 21:50:34 A:68.127.158.155 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 152 อือ ก้จริงที่ไม่ป้องกัน คนไทยใจเย็นไป อะไรๆก้ใจเย็น มันไม่ไหวน่ะ อย่างใส่ที่ปิดปาก โอเค รพ.เอกชนบางทีในตัวเมือง ใส่กันหมดทั้ง รพ ทั้งจนท. คนไข้ เค้าแจกให้เลย อืมก้ไม่แปลก ไปหาหมอ รพ แถวบ้าน(บ้านนอกหน่อยๆ) ใส่ที่ปิดปากไป คนมองกันทั้งแถว ประมาณว่าอินี่เป็นแน่ๆตูไม่เข้าใกล้ อะไรอ่า...-*- อืมแต่ก้เป็นจริงๆแหละ!!! เอาจริงๆ อาการ วันแรก เริ่มเจ็บคอตะหงิดตอนดึกๆ เพราะไปกินข้าวกะเพื่อน 6 คน + เรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งกะเพื่อน 1 คน คนนี้มันบอกว่าเจ็บคอตั้งกะตอนเรียน วันที่สอง ตื่นมาเจ็บคอไม่หาย ตัวรุมๆ ปวดเมื่อยนิดๆ กินพาราไป 1 เม็ด แต่ก้ไป รร ตามปกติ เพื่อนอีก 2 คนที่กินข้าวกันเมื่อวานเป็นหวัดงอมแงมหมดเลย คนนึงเป็นยังไหว อีกคนไอจามตาแดงไปหมด ตอนสายๆ เราก้เริ่ม ตัวร้อน ปวดหัว เลยนอน วันนั้นดีที่ไม่มีเรียนเยอะ กลางวันกินพาราไปอีก 2 แล้วก้ไข้เริ่มลดเพราะฤทธิ์ยา ตอนเย็นก้ไม่อะไรแต่พอกลับบ้าน ปวดหัวมาก ใส่คอนแทคตามันร้อนๆเหมือนร่างกายมันจะขับสิ่งแปลกปลอม ถึงบ้านเลยรีบอาบน้ำ ซัดพาราไปอีก 2 นอนยาว พอดีมีลูกพี่ลูกน้องมาบ้าน เค้าก้ขึ้นมา จับหน้าผาก บอกทำไมตัวร้อน ให้รีบไปตรวจ โอเคแม่กะพี่ก้พาไป แต่เป็นรพ.ใกล้บ้าน แถวฝั่งธนฯ ไปถึงก้รอๆ รู้แต่ว่าคนมองๆ เพราะเราใส่หน้ากาก ซึ่งที่นี่ไม่มีใครใส่เลย ไม่เกิน 5 คนน่ะเอาจริงๆถ้าไม่ใช่หมอหรือพยาบาล(บางคน) พอไปตรวจ เค้าก้ถามๆอาการ เราก้ไม่อะไร เพราะไข้เริ่มลด ไปถึงวัดไข้แค่ 37.5 เองนะ แบบ..กระจึ๋งเดียว เราก้อืม ชิวๆ หวัดธรรมดา หมอก้ตรวจๆแล้วบอกว่าค.จริงใส่หน้ากากก้ไม่ค่อยช่วย แค่ให้คนที่เป็นไม่สัมผัสหน้าตัวเอง แล้วไปจับอย่างอื่น เพราะเชื้อมันอณูเล็กมาก ถึงใส่หน้ากากก้แค่ป้องกันไม่เท่าไหร่ โอเคก้ไม่อะไร หมอส่องคอ แล้วก้บอก อืม..ใช่ไวรัส ใช่แน่ๆ แม่เราก้ถามว่าเป็นหรอ เค้าบอกไม่รู้เลยมันแยกได้ยากต้องดูอาการ หมอถามแม่เราว่า จะกลับบ้านไป กินยา รอดูอาการ หรือแยงจมูกไปเพาะเชื้อ แม่ก้บอกแยงไป เอาแน่ๆ แยงไปรอ 3 วันเค้าส่งไปตรวจที่ จุฬา วันที่ 3-4 อาการไม่มีอะไรเลย คัดจมูกหน่อยก้อินยาที่มีเองเพราะหมอให้มาแค่ยาแก้ปวด ยาบำรุงเลือด ยาคลายกล้ามเนื้อ -*- วันที่5 อาการ เริ่มไอและมีเสสมหะเวลาไอ จะดังโขลกๆ แต่นานๆที ทั้งที่วันแรกๆแทบไม่มีอาการไอ และวันนี้เองที่ รพ โทรมาบอกแม่เราว่าเราเป็นไข้หวัด 2009!!! เลยพาไปหมอ รพ เดิม เพื่อเอายาต้านเชื้อไวรัสมากิน วันที่6-7-8-9-10(วันนี้) อาการ มีแค่ไอ และมีน้ำมูกตอนเช้าๆ แต่ก้ใสๆ แต่จะย้อยๆออกมาแบบห้ามไม่ได้ -*- นอกนั้นปกติ... ส่วนเพื่อนที่เป็นด้วย อีกคนไม่รู้ข่าว อีกคนไม่ไปตรวจบอกว่าหายแล้ว -*- เอาจริงๆก้คือ มันไม่ร้ายแรง...แต่แพร่ระบาดเร็วมาก ตอนนี้ยัง งง เลยว่าติดจากใคร??? และรัฐบาลไทยก้ไม่ป้องกัน คนไทยหัวดื้อ ใครสั่งอะไรไม่ค่อยฟังหรอก ขนาดหมอยังพูดเองเลย ว่าอย่าไปเชื้อข่าวมาก(ที่ว่าอันตราย) แม่เราก้มองหน้าหมองงๆ หมอบอกเค้าพยายามขายข่าว ประโคมข่าว นั่น..เอาเข้าไป เค้าออกมาเตือนไม่ให้เชื้อแพร่ ก้หาว่าเค้าขายข่าว หรือจะให้ปิดข่าว คนตายเยอะๆก่อนค่อยรณรงค์เรอะ... เวนกำจริง อีกข้อก้คือ ส่วนใหญ่ก้ไม่ค่อยไปตรวจกัน คิดว่าหายเอง(อย่างเพื่อนตัวเอง) แต่ที่น่าห่วงคือเชื้อแพร่เร็วมากๆๆๆๆ อันนี้แหละน่าห่วง ส่วนอาการจะหนักแค่ไหนก้อีกเรื่อง ลองคิดว่าถ้าเราเป็นนิดๆแต่ดันไปติดญาติผู้ใหญ่ คนชรา ที่ร่างกายไม่แข็งแรง อะไรจะเกิดขึ้น!!! จากคุณ : PINKHOLiC - [ 11 ก.ค. 52 23:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ถ้า 5% นั้นเป็นพ่อแม่พี่น้อง แฟน ลูก หรือตัวคุณก็ดี คุณไม่มีโอกาสย้อนเวลากลับไป หลังจากเชื้อกินปอดได้ 3 วัน กล้ามเนื้อส่วนปอดจะตายยา วิเศษอะไรก็ไม่สามารถนำชีวิตกลับมาให้คนที่รักคุณ หรือคนที่รักคุณได้ เฝ้าสังเกตุ ตนเองและคนในครอบครัวให้ดี ตัวใครตัวมันพี่น้อง เราอยู่ประเทศโลกที่ สาม สาธารณะสุขพื้นฐานล้าหลังที่สุดแล้ว 1% ของ 20 ล้าน  = สองแสนคน 0.5 ของ 20 ล้าน  = แสนคน ปีหน้าเวลานี้จะมีคนตายในประเทศครบ  1 แสนคน เพราะเชื้อนรกตัวนี้ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 02:55:52 จากคุณ : Ken - [ 12 ก.ค. 52 02:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 154 เข้าห้องแอร์ที่มีคนมากๆ  มาจากหลายแหล่ง ระบบปรับอากาศเกือบทุกที่ในเมืองไทยไม่ใส่ใจเรื่อง คุณภาพอากาศภายในห้อง ระวังตัวไว้บ้าง ส่วนท่านที่เป็นเจ้าของที่ ก็สำรวจด้วยว่าระบบปรับอากาศของท่านมีระบบเติมอากาศหรือเปล่าถ้ามีกรุณาเปิดให้มันทำงานด้วยถึงแม้จะเปลืองไฟเพิ่มขึ้น ระมัดระวังตัวเองด้วยครับ  ตอนนี้มันคงเพ่นพานไปทั่วแล้ว link หมอแมวมีคำแนะนำภาษาไทย อันนี้ทำสำหรับ ปชช. ของรัฐเข้าถ้าสนใจลอง download มาดู ผมเอามาแล้วแต่ไม่รู้จะเผยแพร่ยังไง http://www.mass.gov/Eeohhs2/docs/dph/cdc/factsheets/swine_flu_th.pdf หยิบ link มาทิ้งไว้ไม่ทราบว่าใช้ได้หรือเปล่า โชคดีครับ  ผมจะเริ่มใส่ mask สักทีแล้ว จากคุณ : cpbu - [ 12 ก.ค. 52 09:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ขอบคุณคุณหมอแมวครับ ผมเองก็เป็นบุคลากรสาธารณสุข ตอนนี้ที่ ร.พ. คนไข้ก็เยอะมาก เพราะ ตระหนก แต่ไม่ตระหนัก เอะอะ มาตรวจ จะเอายาท่าเดียว แมสเมิสไม่สน ไม่ใส่ ขนาดแจกหน้า OPD ยังจะถอดออกเลย พูดจนปากจะฉีกถึงรูหู ก็ไม่ฟัง เฮ้อๆๆๆๆ ส่วน ใครที่บอกว่า การเมืองไม่เกี่ยว  ขอเถอะครับ เรื่องการควบคุมโรค ยังไงๆ ระดับสั่งการมันก็ต้องมาจากข้างบน นโยบายต่างๆ การเตรียมการรับมือ งบเร่งด่วน คำสั่งเร่งด่วน มันก็ต้องมาจากข้างบน ไม่เลือกสีในเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ขอบอกเลยว่า การควบคุมโรคบ้านเรามันห่วยมาก ทั้งคนสั่งการ คนคุมนโยบาย และ ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ เอาตัวเองสบายไว้ก่อน เฮ้อๆๆ ขอบ่นสักทีแล้วกัน ปล. จะโทษลม โทษดิน โทษฟ้า ก็ทำไป แต่โปรดอย่าลืม ยังมีเรื่องที่ท่านยังไม่ได้ทำในการควบคุมโรคนี้ อีกหลายอย่างนะท่าน รมต. ทั้งหลาย จากคุณ : Sifer2002 - [ 12 ก.ค. 52 11:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 156 #153 ผิดแน่ ๆ ครับ เพราะเกือบ 0.5% ในไทยตอนนี้คือการเปรียบเทียบกับผู้ที่มีอาการและส่งตรวจ ยังมีผู้ไม่มีอาการ หรือมีอาการแล้วไม่ได้ตรวจอีกจำนวนมาก คิดว่า % น่าจะต่ำกว่า 0.5 มากนะครับ จากคุณ : Phoenix032 - [ 12 ก.ค. 52 11:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ขอบคุณครับ พี่หมอ : ) ... บุญรักษาครับ : ) จากคุณ : Bother Boy ! - [ 12 ก.ค. 52 15:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 158 แป่ว แล้ว ผมก็ติดไปเรียบร้อยแล้ว นอนกิน Tamiflu อยู่บ้าน จากคุณ : เอาไม่อยู่แล้ว - [ 12 ก.ค. 52 16:09:36 A:117.47.61.231 X: TicketID:223806 ]

ความคิดเห็นที่ 159 เป็นกระทู้ที่เอียงกระเท่เร่ มาก (วิเคราะห์ภาคประชาชนด้านเดียว ไม่วิเคราะห์ด้านรัฐ ทั้ง ๆ ที่ รัฐต้องนำประชาชน) แต่เห็นใจ จขกท ที่พยายามให้กระทู้ตรงขึ้นแต่ดันเอาหัวลง เมื่อสถานการ์ณเริ่มรุนแรงขึ้น (คคห 133) ปล คคห 4 ได้วิเคราะห์ด้านรัฐไว้บ้างเช่น เพราะ มาตรการป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ยาก (จนถึงปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดที่ออกมาตรการณ์ป้องกันได้ผล เพราะมนุษย์ทุกคนต้องหายใจ ========================================== เรียนเจ้าของกระทู้ อัตราการลดลง และหยุดนิ่งของการแพร่ระบาด และ ไม่เพิ่มการเสียชีวิต คือข้อพิสูจน์มาตรการที่ได้ผล เช่น อเมริกา ยุโรบ จีน ญี่ปุ่น อัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรง และ การเสียชีวิตรายวัน คือข้อพิสูจน์มาตรการที่ไร้ผล (อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 7 ของโลก) ไม่ว่าการเมือง หรือไม่ก็ตาม จะปฎิเสธเรื่องนี้อย่างไร จากคุณ : ไม่ชอบเป็นหวัด - [ 12 ก.ค. 52 19:00:34 A:124.120.188.144 X: TicketID:223821 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ยิ่งอ่านเยอะ หลายกระทู้ ยิ่งเครียดแล้วค่ะ งั้นขออนุญาตไปดู หมีแพนด้านะคะ ^^ ............... ป้องกันตัวเองไว้ ไม่มีอาการอะไร ไม่ต้องไปตื่นตระหนก คือคติที่ใช้อยู่ค่ะ จากคุณ : NaTuRaL^^SwEeT (เนเชอรัล) - [ 12 ก.ค. 52 23:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 161 พวกหมอ ๆ ทั้งหลายเชียร์ปชป. เยอะ แต่กรณีนี้ถ้าใครยังพยายามเชียร์ ทั้ง ๆ ที่ผลงานก็เห็น ๆ กันอยู่ ก็นะ... ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน นายกคนนี้ พ่อเป็นหมอเก่งด้วยนะ แต่เหลือเชื่อในวิสัยทัศน์มาก ๆ ผมได้ยินหลายคนเริ่มแ่ช่งให้ครอบครัวนายกติดหวัดบ้างเหมือนกัน อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของนายก เมื่อมันมาใกล้ตัวจริง ๆ จากคุณ : แขกขาว. (แม่อบเชย) - [ 13 ก.ค. 52 00:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ทำไม ไม่เอ่ยถึง รมต สาธารณสุข ? ทั้งๆ ที่ เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง และสมควรโดนก่อนนายกฯ เปรียบกับกรณี ภารโรงทำผิด เราก็ไปด่าอาจารย์ใหญ่ก่อนเลย จะดีหรือ แต่ถ้าพิจารณาว่า รมต ไร้ประสิทธิภาพ คนเราจึงมักเล่นที่ตัวนายก เพื่อให้สั่งการ ก็ทำไมไม่พิจารณาว่า รมต นั่นควรออกไปได้แล้ว ไม่ค่อยเข้าใจตรรกะ แต่เข้าใจความรู้สึกประชาชน จากคุณ : sommass - [ 13 ก.ค. 52 12:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 163 อ่าน คคห 464 (เม้นท์ของหมอแมว) ในอีกทู้นึง (ของหมอหน้าใสไร้รัก ห้องเฉลิมไทย) แล้ว ต้องขอกลับใจชื่นชมหมอแมว สมแล้วที่คนในห้องนี้รักหมอ ขอโทษ จากใจ ที่พูดไว้ คคห 159 จากคุณ : ไม่ชอบเป็นหวัด - [ 13 ก.ค. 52 21:08:00 A:124.120.187.176 X: TicketID:223821 ]