ความคิดเห็นที่ 1   อื้ม... ถ้ามีจริง ผมว่าคงโดนเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ก่อนจะได้ตั้งขบวนมั้งครับ จากคุณ : Shineokung เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:40:51

ความคิดเห็นที่ 2   ผมเข้าใจว่า ข้อมูลนี้ เป็นความลับชั้น ปกปิด นะครับ แต่ก็เห็นมีเผยแพร่ทั่วไป อิอิ จากคุณ : ดอกต้อยติ่ง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:41:45

ความคิดเห็นที่ 3   จอดไว้ที่ท่าเรือแล้วเอารถถังเฝ้า จากคุณ : @Jirayu (wsteven) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:43:46

ความคิดเห็นที่ 4   เข้ารอดูคห.ที่เตรียมพร้อม ตั้งใจเต็มเปี่ยมล้นเหลือ...ที่จะออกทะเล จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:44:16

ความคิดเห็นที่ 5   ถ้าไม่พร้อมรบแบบนี้  ดูท่าทางจะเป็นภาระนะ จากคุณ : AVAVA เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:52:03

ความคิดเห็นที่ 6   เอาเรือวางไว้บนรถ จากคุณ : StVaIkyrie เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:59:07

ความคิดเห็นที่ 7   เอารถถังไว้บนเรือ อิอิ จากคุณ : yananisawa เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:08:32

ความคิดเห็นที่ 8   จมเรือตัวเองก่อน จรวด และ เรือดำน้ำ คนไม่ดีมาเจิมตี จากคุณ : 1234บัตรผ่านก็เสียวได้ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:14:41 A:125.26.156.172 X: TicketID:184742

ความคิดเห็นที่ 10   เรือที่ไม่มีอากาศยานประจำเรือแล้วแบบนี้ก็เหมือนไร้อาวุธแล้ว เขาจะมาโจมตีให้เสียจรวดทำไม สู้ไปซัดเรือที่ติดอาวุธลำอื่นๆดีกว่า จากคุณ : a3xx เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:33:25 A:125.24.21.239 X: TicketID:211532

ความคิดเห็นที่ 11   ออกทะเลกันหมดแล้ว ความจริงก็การจัดรูปขบวนคุ้มกันก็จะจัดตามภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ โดยถ้ารบกับประเทศ ข. ก็ต้องประเมินว่าภัยคุกคามที่มีโอกาสเข้าถึงได้ง่ายที่สุด คืออะไรก็จะจัดการป้องกันตามนั้น ส่วนเรื่องน้ำมันที่จะเติมเรือนั้น ไม่เกี่ยวหรอกครับว่าไม่มีจะเติม ในภาวะสงครามจริงๆ ทุกอย่างหามาได้ครับ คุณรู้ได้อย่างไรว่าไม่มี...... จากคุณ : Pick--Pick iT uP-- เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:39:10

ความคิดเห็นที่ 12   ส่วนใหญ่ ตามหลัก สากรที่เรา พอมีก็ เอา ฟรีเกต หรือ เรือ พิฆาต มาแล่นอยุ่วงนอก ก็ทำได้แค่นี้ละครับ จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 21:17:14

ความคิดเห็นที่ 13   ใช้เรือด่วนเจ้าพระยาคุ้มกันทั้งหน้า-หลังครับ ถ้าไม่พอ เอาเรือเร็วในคลองแสนแสบมาเพิ่ม อีกก็น่าจะรับมือไหวนะผมว่า.... จากคุณ : อย่ารู้เลย ชื่อมันโหล เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 21:18:34

ความคิดเห็นที่ 14   T_T จากคุณ : semplice เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 21:29:19

ความคิดเห็นที่ 15   เฮ้อ...ถึงจะเป็นยังไงก็ของประเทศเรานะครับ จากคุณ : dusitcon39 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 21:34:07

ความคิดเห็นที่ 16   ขอโทษนะครับ ท่านๆ ทราบหรือไม่ว่า คนที่ "รู้จริง" หลายๆ คน โบกมือลาห้องนี้เพราะตอบออกทะเลกันเยอะนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ สักพักก็จะมีคำตอบที่ตรงประเด็น มาถกกันต่อ ขอร้องลั่ะครับ เพลาๆ กันหน่อย Reply นี้ พลีชีพครับ จากคุณ : Luftwaffe เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 21:58:35

ความคิดเห็นที่ 17   . แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 22:14:43 จากคุณ : . (ไม่ได้มีสิบมือ) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 22:13:18

ความคิดเห็นที่ 18   เทพมังกร = เรือบรรทุกเครื่องบิน มุมอะซิมุท = เรือส่งกำลังบำรุง หนอนปลอก = เรือลำเลียงพลนาวิกโยธินขึ้นบก รถถังติดแอร์ = เรือปืนยิงสนับสนุนปืนฝั่ง มะเขือเทศเขตร้อน = เรือคุ้มกัน ไม่ได้มั่ว แต่เอามาจาก แผนพิทักษ์อธิปไตย รหัส "ทร.51" ลองไปหาในgoogleได้ จากคุณ : ออกทะเลอย่างมีคุณค่า (หมอแมว) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 22:16:09

ความคิดเห็นที่ 19   โดยหลักการแล้วน่าจะให้เรือชุดเรือหลวงนเรศวร 2 ลำป้องกันภัยทางอากาศและทางเรือครับ ให้เรือชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทำหน้าที่ปราบเรือดำน้ำ และให้เรือหลวงสิมิลันเป็นเรือสนับสนุน แต่ถ้าเรือชุดเรือหลวงนเรศวรยังปรับปรุงไม่เสร็จเนื่องจากต้องทะยอยทำเพราะงบไม่มี (กำหนดเสร็จปี 56) และเรือจักรียังไม่ได้รับการอัพเกรดให้มีอาวุธและอากาศยานครบตามแผน (ไม่รู้เมื่อไหร่) ..... ผมจะเลือกจอดเรือจักรีฯไว้ที่ท่าจุกเสม็ดรับ จากคุณ : Analayo เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 22:16:10

ความคิดเห็นที่ 20   ผมว่าสมัยนี้มันไม่น่าจะเหมือนหนัง Master and Commander แล้วนะครับ ที่เรือประจัญกับเรือ คิดว่า ถ้าจะโดนโจมตี ก็น่าจะเป็นทางอากาศ ถึงจุดนั้นเรือคุ้มกัน แต่ถ้าเป็นกระบวนทางน้ำ ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก ขบวนเรือคุ้มกัน ก็น่าจะพอ อาจจะมีเครื่องบินต่อต้านเล็กซักลำบนเรือ พอเป็นกระษัยยา (ไม่รู้ว่ามีรึยังประเทศไทย) แต่ถ้าเป็นทางอากาศ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน เพราะเป็นหน้าที่ของเครื่องบินรบแล้ว และประสิทธิภาพเรด้าร์ในสมัยนี้ ก็ไม่น่าจะด้อย น่าจะรู้ล่วงหน้า พอที่จะ นำจักรีนฤเบศร์ เดี่ยวๆไปได้ ถ้าฉุกเฉินจริงๆก็ขับรถบนเรือพุ่งทยานลงมาชนเรือลำอื่นเลยครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 22:23:14 จากคุณ : Travianไม่มีเรือรบ (เครื่องทำน้ำขุ่น) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 22:22:12

ความคิดเห็นที่ 21   คำตอบก็ยังไม่ได้ ขยันออกทะเลกันจังเลยนะ... จากคุณ : MoMelyz เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 22:52:56

ความคิดเห็นที่ 22   ....เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ คห.16 และเซ็งเป็ดอย่างยิ่งกับ คห.ที่ 9 จากคุณ : รู้น้อยไปหน่อย เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 22:53:12

ความคิดเห็นที่ 23   น.อ.ปิยะศักดิ์ นิลนิมิตร รองเสนาธิการกองเรือยกพลขึ้นบก (รอง เสธ.กยพ.กร.) บรรยายยุทธวิธีการฝึกครั้งนี้ว่า ในการฝึกทั้งหมดจะใช้เรือ 9 ลำ คือ (1) ร.ล.จักรีนฤเบศร ทำหน้าที่ควบคุมอากาศยานเป็นหลัก (2) ร.ล.ปิ่นเกล้า และ (3) ร.ล.มกุฎราชกุมาร ทำหน้าที่ยิงสนับสนุนปืนฝั่ง (4) ร.ล.ปัตตานี และ (5) ร.ล.สุโขทัย ทำหน้าที่คุ้มกันและโจมตี (6) ร.ล.สิมิลัน เป็นเรือส่งกำลังบำรุง (7) ร.ล.สุรินทร์ (8) ร.ล.มันนอก และ (9) ร.ล.มันกลาง เป็นเรือลำเลียงกำลังรบ 'นาวิกโยธิน' ยกพลขึ้นบก ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะมีเรือประมาณ 5 ลำ และมีอากาศยานร่วมด้วย จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 23:12:09

ความคิดเห็นที่ 24   ถาม : .: [ ในยามสงคราม เราจะจัดกองเรือคุ้มกันเรือจักรีนฤเบศอย่างไรครับ? ] :. ตอบ :  ก่อนอื่นขอแสดงความรู้สึก เห็นในหลายๆกระทู้ พอพูดคุยหรือมีประเด็น อาวุธยุทโธปกรณ์ ก็มีหลายความเห็น รู้จริงและรู้ไม่จริงบ้าง หรือเอามันเข้าว่า โดยที่อีกฝ่าย ไม่มีโอกาสได้มากล่าวโต้ตอบในที่นี้เลย แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง กองทัพเรือหรือหน่วยงานนั้น ก็ตกเป็นจำเลยไปเสียแล้ว ว่าไม่พร้อมรบ บ้างล่ะ อาวุธไม่มีประสิทธิภาพ จะเอาอะไรไปสู้เขา ซื้อมาทำมั้ย จะไปรบกับใคร  พอไม่ซื้อก็ว่า ไม่พัฒนา ล้าหลังประเทศอื่น  โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง   เข้าเรื่องกันดีกว่า แต่เรื่องทหารเรือไม่คอยถนัดเท่าไร มีความรู้แค่ 25 %  แต่จะอธิบายเท่าที่เคยไปสัมผัส และหลักการ ก่อนอื่นต้องมารู้จักกับ เรือหลวงจักรีนฤเบศร  หมายเลขเรือ 911 ตาม Clip นี้ จากคุณ : Navy (กกร่ม) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 23:37:41

ความคิดเห็นที่ 25   ที่สุดของ เรือหลวง จักรีนฤเบศร 12 ปีแล้ว กับภารกิจเพื่อชาติ       ร.ล.จักรีนฤเบศร เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ ลำแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีระวางขับน้ำ้มากถึง 11,743 ตัน สามารถทนต่อคลื่นลมรุนแรงได้ในระดับ 9 ซึ่งคลื่นมีความสูงถึง 13.8 เมตร และเพื่อให้การต่อเรือเป็นไปอย่างคุ้มค่า กองทัพเรือจึงได้พิจารณากำหนดคุณลักษณะเฉพาะของเรือ ให้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานปฏิบัติการในทะเล เพื่อต่อระยะทำการของอากาศยาน และเรือรบของกองทัพเรือ ให้สามารถปฏิบัติภารกิจหน้าที่คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และปกป้องอธิปไตยของชาติได้อีกด้วย ดังนั้น เรือลำนี้จึงมีภารกิจในยามสงบและยามสงคราม ได้แ่ก่                 > ยามสงบ                 - การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ                 - ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล                   - ปฏิบัติการอพยพประชาชน                   - ปฏิบัติการควบคุมและรักษาสิ่งแวดล้อมในทะเลและบริเวณชายฝั่ง                   - คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติในทะเล               > ยามสงคราม                 - ทำหน้าที่เป็นเรือธง ควบคุม บังคับบัญชากองเรือในทะเล                 - ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือ                 - ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยผิวน้ำ้ให้กับกองเรือ                 - ควบคุมการปฏิบัติการปราบเรือดำน้ำให้กับกองเรือ                   - สนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร จากคุณ : http://www.youtube.com/watch?v (กกร่ม) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 00:34:47

ความคิดเห็นที่ 26   ขออนุญาต เพิ่มเติมข้อมูล ก่อนเข้าเรื่องน่ะครับ ทำความเข้าใจกันก่อน ว่าทำมั้ย ประเทศไทยต้องมีเรือ          เมื่อครั้งเกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ในอ่าวไทยบริเวณจังหวัดชุมพรในปี พ.ศ.2532 กองทัพเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการหลักในการค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ได้ใช้เรือและอากาศยาน ในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ ประสบภัย ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฐานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทยและชาวประมง แต่มีขีดจำกัดในการปฏิบัติการ อันเนื่องจากเรือขนาดใหญ่ที่สุดที่กองทัพเรือมีอยู่ขณะนั้น ไม่สามารถทนสภาพทะเลเมื่อครั้งพายุไต้ฝุ่นเกย์ได้ ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยกระทำได้ด้วยความยากลำบากและไม่ได้ผลตามที่กองทัพเรือต้องการ ประกอบกับภารกิจของกองทัพเรือในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งในปัจจุบันเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ได้ขยายออกไปถึง 200 ไมล์ทะเล       การมีเรือขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ทันสมัยจะสามารถใช้ในการค้นหา และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ ตลอดจนการมีเฮลิคอปเตอร์ประจำการบนเรือจะช่วยขยายพื้นที่ในการลาดตระเวน และระยะเวลาในการปฏิบัติการในทะเลได้เป็นเวลานานและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น กองทัพเรือจึงได้มีแนวความคิด ในการสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เพื่อให้สามารถบรรลุภารกิจตามความมุ่งหมาย และได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้      ในการจัดหาเรือและการปฏิบัติภารกิจของเรือ จนกระทั่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 17 มีนาคม 2535 อนุมัติให้กองทัพเรือว่าจ้างสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล จำนวน 1 ลำ จากบริษัทบาซาน ประเทศสเปน ในวงเงินประมาณ 7,100 ล้านบาท และกองทัพเรือได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างสร้างเรือเมื่อ 27 มีนาคม 2535      กองทัพเรือได้ขอพระราชทาน ชื่อเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เพื่่อความเป็นสิริมงคลแก่กองทัพเรือ และเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลประจำเรือ รวมทั้งเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ทำให้ประเทศมีความเป็นปึกแผ่น และเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานา อารยประเทศโดยทรงเป็นศูนย์รวมน้ำใจคนไทยให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ต่อเนื่องกันมากว่า 200 ปี ซึ่งกองทัพเรือได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเรือหลวงลำนี้ว่า “ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ” อันหมายถึง ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี ภาพการต่อเรือหลวงจักรีนฤเบศร ณ อู่ต่อเรือปรเทศ สเปน แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 00:53:06 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 00:49:22

ความคิดเห็นที่ 27   ไปเจอวีดีโอแนะนำ ร.ล.จักรีนฤเบศร โดยบังเอิญ ใน youtube เป็นวีดีโอที่แสดงถึงความภาคภูมิใจในการต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน (Aircraft Carrier) ร.ล.จักรีนฤเบศร ให้กับราชนาวีไทย โดยอู่ต่อเรือ Bazán ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Ferrol ราชอาณาจักรสเปน โดยถูกปล่อยลงน้ำใน พ.ศ.2539 และเดินทางกลับประเทศไทยในปี พ.ศ.2540 ต่อมาใน พ.ศ.2543 อู่ Bazán ได้ควบรวมกิจการกับอู่ AESA ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน และเปลี่ยนชื่อเป็นอู่ IZAR ทำให้กลายเป็นบริษัทต่อเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของทวีปยุโรป       แต่ต่อมาอู่ IZAR ประสบปัญหาการขาดทุน จึงได้ขายกิจการให้กับผู้บริหารรายใหม่ใน พ.ศ.2548 และเปลี่ยนชื่อเป็นอู่ Navantia จนถึงปัจจุบัน (ขอบคุณข้อมูลจาก ท่านรองต้นกลคนแรกของ ร.ล.จักรีนฤเบศร มาก ๆ ครับ ที่ช่วยลบข้อสงสัยเรื่องอู่ต่อเรือที่แน่ชัดของเรือลำนี้ ให้ได้หายสงสัยเสียทีครับ)   เครดิตจาก คุณเจ้าชายน้อย Clip การออกแบบ เรือหลวงจักรีนฤเบศร จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 00:59:54

ความคิดเห็นที่ 28   ที่สุด... แห่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล 12 ปีที่ผ่านมา การช่วยเหลือผู้ประสบภัย นับเป็นภารกิจที่สำคัญในยามสงบของ  ร.ล.จักรีนฤเบศร   นับตั้งแต่ต่อเรือลำนี้ และได้เข้าประจำการในกองทัพเรือเมื่อปี  พ.ศ.2540  ได้ออกปฏิบัติภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง ดังนี้ี้           การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล เป็นอีกหนึ่งกิจสำคัญในยามสงบ ร.ล.จักรีนฤเบศร เป็นเรือขนาดใหญ่สามารถทนคลื่นลมในทะเลได้ดี เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยสามารถค้นหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถขยายพื้นที่ในการลาดตระเวนและระยะเวลาในการปฏิบัติการในทะเลได้เป็นเวลานาน ทำให้ภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ภายในเรือยังมีโรงพยาบาลขนาด 15 เตียง ซึ่งมีอุปกรณ์พร้อมใช้สำหรับรักษาผู้ป่วย มีทั้งห้องผ่าตัด ห้องทันตกรรม และห้องเอ็กซเรย์ โดยมีคณะแพทย์ที่มีความสามารถพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ตลอด 24 ชม. เวลา 12 ปีที่ผ่านไปนั้น เรือลำนี้ได้มีบทบาทช่วยเหลือประชาชนคนไทยจากความไม่สงบและภัยพิบัติทางธรรมชาติมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง อาทิ         - พายุไต้ฝุ่นซีตาห์ ที่จังหวัดชุมพร เมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ.2540     - พายุไต้ฝุ่นลินดา ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที 4-7 พฤศจิกายน พ.ศ.2540     - น้ำท่วมที่จังหวัดสงขลา วันที่ 23-29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543     - เหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2546     - เหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นยักษ์ Tsunami บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2547     และในทุกๆปีช่วงฤดูมรสุมของประเทศไทย ร.ล.จักรีนฤเบศร จะได้รับมอบหมายให้เป็นเรือหลักในหมู่เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัย (มชภ.) ซึ่งต้องเตรียมพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อกองทัพเรือสั่งการ   ส่วนใหญ่แล้วหลายๆคนยังไม่เข้าใจ นึกแต่เพียงว่าจะเอาเรือไปรบ อย่างเดียว บางก็ว่าไม่มีประโยชน์ แต่หารู้ไม่ว่า ถ้าได้ศึกษาและเข้าใจ ในภารกิจของเรือ จะเริ่มเข้าใจดี ว่ามีไว้เพื่ออะไร   สำหรับ เหตุการณ์ Tsunami  เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น กองทัพเรือ ก็ได้สั่งเตรียมพร้อม เรือ ร.ล.จักรีนฤเบศร ในทันที โดยเตรียมกำลังพล อุปกรณ์การช่วยเหลือ น้ำดื่ม เสบียง จนท.แพทย์และยา เพื่อให้พร้อม เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทาง อย่างเร่งรีบที่สุด เพราะมันคือความหวังในการช่วยเหลือ  เพราะในการช่วยเหลือต้องอาศัย ฮ.ในการบินค้นหาและช่วยเหลือ นำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 01:12:24

ความคิดเห็นที่ 29   มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ร.ล.จักรีนฤเบศร เมื่อ ยามสงคราม                - ทำหน้าที่เป็นเรือธง ควบคุม บังคับบัญชากองเรือในทะเล                - ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือ                - ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยผิวน้ำ้ให้กับกองเรือ                - ควบคุมการปฏิบัติการปราบเรือดำน้ำให้กับกองเรือ                  - สนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร      สมัยนี้ในการรบทางเรือ คงไม่ต้องมาให้เห็นเสากระโดงกันหรอกครับ กดยิงกันตั้งแต่ ยังไม่เห็นเงากันครับ ระบบเรดาห์ก็ตรวจจับกันได้ เป็นร้อยๆกว่ากิโลเมตร แล้วที่บอกว่า จะมีเครื่องบินมายิงกองเรือในอ่าวไทย  ด้วยระบบเรดาห์ของกองทัพไทย สามารถตรวจจับได้ทั่วทั้งหมดในอ่าวไทย ครับ  หน้าที่ปกป้องน่านฟ้าทางทะเลต้องยกให้ Jas-39 เขาล่ะถ้างบประมาณแบบถึงๆหน่อย พวกเรือรบที่เข้ามาอาจจะเจออะไรบางอย่าง.........ที่ทอ.เขาอยากได้ ระบบขีปนาวุธ เอาไว้จัดการพวกเรือโดยเฉพาะ  ต่อไประบบข่ายการรบและการสื่อสาร จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน    และจะมีการรบแบบเครือข่าย กันมากขึ้น สงสัยหรือเปล่าว่าทำมั้ยทอ.ถึงอยากได้ jas-39 ไปวางไว้แทน F5 ที่กำลังจะปลด เครื่องบิน รุ่นอื่นที่เสนอตามกระทู้ต่างๆ หมดสิทธิ์ ก็เพราะเขาวางระบบรองรับกันไว้หมดแล้ว บ.ชนิดอื่นไม่สามารถรองรับกับระบบที่ออกแบบไว้ได้   การรบแบบเครือข่ายหรือที่เราเรียกว่า Network Centric Warfare ครับ   ต่อไปก็ไม่ต้อง มารอตรวจจับแบบเรดาห์ ตัวใครตัวมันอีกแล้ว  ในการป้องกันน่านฟ้าของประเทศ จะเป็นหน้าที่ของทอ. และภารกิจตรวจจับ พื้นที่ภาคใต้ ทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน ขอยืนยันว่าเราสามารถตรวจจับได้ทั้งหมดทุกชนิดที่บินเข้ามา  และในอนาคตอันใกล้ เมื่อมีการตรวจจับ ข้าศึกไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ หรือ ทางทะเล ข้อมูลเป้าหมายจะส่งถึงกันหมดครับ แล้วเป้าหมาย หรือข้าศึกมันจะเหลืออะไรล่ะ   * ระบบการสื่อสารข้อมูลการรบของ แต่ล่ะเหล่าทัพ มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ปี 2551 อีกไม่กี่ปีก็จะเสร็จสมบูรณ์  สงสัยก็หลังไมค์เข้ามาครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 01:46:45

ความคิดเห็นที่ 30   อ้อมแหลมไปอันดามันนี่กี่วันครับตอนสึนามิอ่ะครับ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 02:07:05

ความคิดเห็นที่ 31   ถ้าอ่านดีๆๆ น่าจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ ว่าเรือหลวงของเราลำนี้ภารกิจที่แท้จริงคืออะไรกัน        เมื่อเกิดศึกสงคราม ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกครับแต่ถ้ามันเกิดขึ้น คงไม่มีใครมานั่งด่าประเทศตัวเองหรอกน่ะ  ในการรบ ฉันใดก็ฉันนั้น จะต้องโจมตีในส่วนที่สำคัญที่สุดที่เป็นหัวใจ   เช่นระบบสื่อสาร ระบบเรดาห์ สนามบิน นี้แหละเป็นจุดที่ต้องจัดการเป็นอันดับแรก แต่ถ้าเป็นทางเรือล่ะ แน่นอนที่สุด ก็ต้องจัดการกับเรือ ธง หรือเรือควบคุมบัญชาการรบ ในทะเลนั้นเอง จากภารกิจของ ร.ล.จักรีนฤเบศร               - ทำหน้าที่เป็นเรือธง ควบคุม บังคับบัญชากองเรือในทะเล               - ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือ               - ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยผิวน้ำ้ให้กับกองเรือ               - ควบคุมการปฏิบัติการปราบเรือดำน้ำให้กับกองเรือ                 - สนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร มาดูความพร้อมของการฝึกกันสิครับ  ออกทะเลกันแล้วๆๆๆๆๆๆ ร.ล.จักรีนฤเบศร ออกเรือเพื่อฝึกความพร้อมของเรือและอากาศยานประจำเรือ เมื่อ 9-10 ก.ค.52 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 02:07:35

ความคิดเห็นที่ 32   ขอเพิ่มเติมอีกเรื่อง เกี่ยงกับ โรงพยาบาล บนเรือ ร.ล.จักรีนฤเบศร จะได้ให้คนที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าทำมั้ยเราต้องมี  ร.ล.จักรีนฤเบศร        ร.ล.จักรีนฤเบศร เป็นเรือขนาดใหญ่ ออกแบบไว้สำหรับเป็นเรือควบคุมบังคับบัญชา การปฏิบัติการทางเรือ และเป็นเรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล ฉะนั้น ภายในเรือจึงประกอบด้วยห้องควบคุมการปฏิบัติการทางเรือที่ทันสมัย ทั้งด้านการควบคุมเรือ อากาศยาน และกลจักร พร้อมทั้งมีโรงพยาบาลขนาด 15 เตียง มีอุปกรณ์สำหรับสนับสนุนภารกิจของเรือได้เป็นอย่างดี ทั้งห้องผ่าตัด ห้องทันตกรรม และห้องเอ็กซเรย์ โดยมีคณะแพทย์ที่มีความสามารถพร้อมปฏิบัติภารกิจได้ตลอด 24 ชม. โรงพยาบาล ร.ล.จักรีนฤเบศร มีหน้าที่      > ให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น      > ดูแลด้านการสุขาภิบาลหน่วยเรือ      > ส่งกลับสายแพทย์ (กรณีฉุกเฉินหากเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจะทำการส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด)      > ส่งกำลังบำรุงสายแพทย์ (เบิกยาและเวชภัณฑ์ที่ รพ.อาภากรเกียติวงศ์ฯ)            >ให้การช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่กำลังพลของเรือและจัดกำลังพลช่วยเหลือหน่วยอื่นๆที่จัดขึ้นในกรณีพิเศษกรณีเรือเดิน กำลังพลในส่วนแพทย์จะประกอบด้วย - นายแพทย์  มีหน้าที่ ควบคุม สั่งการ รับผิดชอบในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ และตัดสินใจด้านการแพทย์ - ทันตแพทย์  มีหน้าที่ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเกี่ยวกับทันตกรรม - นายทหารพยาบาล  มีหน้าที่ ช่วยเหลือนายแพทย์ ติดต่อประสานงาน - พันจ่าพยาบาล  มีหน้าที่ ติดต่อประสานงาน รายงานผู้บาดเจ็บ ประจำ ห้องพักผู้ป่วย และเป็นหัวหน้าสถานีปฐมพยาบาล และพยาบาลประจำห้องควบคุมดาดฟ้าบิน       - จ่าพยาบาล  มีหน้าที่ พยาบาลประจำห้องผ่าตัด ห้องตรวจโรค ห้องเอกซเรย์ ห้องปฐมพยาบาลท้ายเรือ เรือช่วยชีวิต และห้องควบคุมดาดฟ้าบิน จากภาพ ห้องตรวจรักษา ห้องทันตกรรม ห้องผ่าตัด ห้องถ่าย X-Ray ห้องพักผู้ป่วย ภาพการฝึกการช่วยชีวิตนักบินที่ได้รับบาดเจ็บบนดาดฟ้าบิน จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 02:27:37

ความคิดเห็นที่ 33   เยี่ยมเลยครับคุณกกร่ม ป.ล.อย่าลืมเรื่องรถหุ้มเกราะด้วยนะครับ จากคุณ : ผมแอบชอบคุณ!! เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 02:45:28

ความคิดเห็นที่ 34   เกริ่นมาตั้งนาน ยังไม่เข้าเรื่องเลย จะไล่ให้เห็นภาพออกมาที่ละช็อตแล้วกันน่ะครับ เมื่อเข้าใจ ภารกิจแล้ว และวัตถุประสงค์ และผลงานตลอดระยะเวลา 12 ปี ปิดทองหลังพระมาตลอดเลย ต่อไปจะมาเข้าเรื่องระบบการรบของเรือกันน่ะ แล้วคอยต่อด้วยระบบเรือ ที่จะมาจัดขบวนเรือคุ้มกัน ระบบอาวุธ บนเรือ  ร.ล.จักรีนฤเบศร - อาวุธป้องกันตนเองระยะประชิดแบบ SADRAL จำนวน 3 แท่นยิง - อาวุธปืน 20 มม. จำนวน 4 แท่นยิง *การติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี SADRAL ร.ล.จักรีนฤเบศร ระบบปล่อยอาวุธนำวิถี SADRAL ทั้ง ๓ ระบบ จะทำงานอิสระจากกัน โดยแต่ละระบบ จะรับผิดชอบย่านพื้นที่ป้องกันอาวุธปล่อยนำวิถีของข้าศึกตามสถานที่ติดตั้งดังรูปที่ ๑ โดยมี ส่วนประกอบย่อยในแต่ละระบบฯ ดังนี้        ๑.ตู้ CONTROL CONSOLE ควบคุมการทำงานของระบบโดยรวม และเชื่อมต่อกับ ระบบอื่นๆ ติดตั้งในห้องศูนย์ยุทธการ จำนวน ๓ ตู้        ๒. ตู้ SERVO CONTROL UNIT ควบคุมการหัน กระดกแท่นยิงทั้ง ๓ ตามคำสั่ง ควบคุมจากตู้ CONTROL CONSOLE ซึ่งติดตั้งในห้องเซอร์โวหัว ๒ ตู้ (สำหรับแท่นยิงหัว เรือขวาและซ้าย) และห้องเซอร์โวท้าย ๑ ตู้ (สำหรับแท่นยิงท้ายเรือ)        ๓ แท่นยิง (LAUNCHER) ติดตั้งบริเวณหัวเรือกราบขวา หัวเรือกราบซ้ายและท้าย เรือ ขวา แต่ละแท่นยิง ประกอบด้วยท่อยิง ๖ ท่อยิง ซึ่งหมายถึงสามารถต่อสู้ด้วยระยะประชิด ป้องกันอาวุธปล่อยนำวิถีฝ่ายข้าศึกได้ถึง ๑๘ ลูก ในเวลาใกล้เคียงกัน (เกือบพร้อมกัน) มีกล้อง โทรทัศน์และกล้องอินฟราเรดติดตั้งบนแท่นยิง (ไม่มีกล้อง LASER RANGE FINDER)        ๔. อาวุธปล่อยนำวิถี "MISTRAL" (อย่าสับสนกับระบบควบคุมการยิง SADRAL) ปกติจะเก็บไว้ในคลังพร้อมใช้บนเรือ กอว.สพ.ทร. รับผิดชอบติดตั้งคลังดังกล่าว        ๕. กล่องห้ามยิง (VERTO BOX) สำหรับผบ.เรือ ๒ ชุด ใช้ยกเลิกสัญญาณการยิง อัตโนมัติของอาวุธปล่อยนำวิถี ปกติแล้วจะพร้อมยิงตลอดเวลา ติดตั้งบริเวณที่นั่งสั่งการ ผบ.เรือ ที่ห้องศูนย์ยุทธการ และสะพานเดินเรือ ในภาพ ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี SADRAL บน ร.ล.จักรีนฤเบศร จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 03:02:36

ความคิดเห็นที่ 35   ***ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี SADRAL มีหน้าที่อย่างไร        เมื่อร.ล.จักรีนฤเบศร ถูกโจมตีจากข้าศึกโดยยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่างๆ จากเรือผิวน้ำ เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ และเรือดำน้ำ เมื่อระบบอาวุธปล่อยนำวิถี SADRAL อยู่ในสถาพพร้อม รบ ลูกอาวุธปล่อยนำวิถี MISTRAL จะวิ่งออกจากแท่นยิงโดยอัตโนมัติ ตรงเข้าหาอาวุธปล่อย นำวิถีของข้าศึก และระเบิดตัวเอง เพื่อให้ลูกปรายขนาดเล็กจำนวนมากระเบิดทำลายอาวุธ ปล่อยนำวิถีข้าศึกนั้นให้ตกก่อนที่จะวิ่งถึง ร.ล.จักรีนฤเบศร        เมื่อระบบอำนวยการรบของเรือชี้เป้า (Target Designation)แท่งยิงจะหันและ กระดกไปยังเป้าอาวุธปล่อยนำวิถีข้าศึกนั้นโดยอัตโนมัติ กล้องโทรทัศน์ และกล้องอินฟราเรด บนแท่นยิง จะจับเป้าเห็นภาพเป้าบนจอ เมื่อเป้าเข้าใกล้ระยะที่ IR SEEKER ในหัวลูกอาวุธปล่อยสามารถทำงานได้ จะเริ่มติดตามเป้าอัตโนมัติควบคุมแท่นยิงให้หันกระดก ตามเป้านั้น เมื่อได้ระยะยิงลูกอาวุธปล่อยนำวิถีจะออกจากท่อยิงวิ่งเข้าหาเป้า และทำลายเป้าใน ที่สุด การติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี SADRAL        ในการติดตั้งระบบควบคุมการยิง หรือระบบอาวุธใดๆรวมทั้งการติดตั้งระบบอาวุธปล่อย ฯ SADRALนี้ด้วยแบ่งออกเป็น ๕ ขั้นตอนใหญ่ๆ ดังนี้        ๑. การติดตั้งแท่นฐาน (FOUNDATION) หมายรวมถึงแท่นฐานของแท่นยิง หรือระบบปืนแท่นฐานตู้ต่างๆ (SEATING) จะต้อง เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดของแต่ละ บริษัทผู้ผลิต        ๒. การเดินสายและเข้าหัวสาย (CABLING) เป็นการเดินสายระหว่างตู้ต่างๆ ผ่านที่ ต่างๆ ตามตัวเรือ จะต้องออกแบบเส้นทางเดินของสายไฟ การเข้าหัวสาย (CONNECTING) ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคต่างๆและประสบการณ์มาก และต้องการความประณีตสูงมาก        ๓. STW/SIT (SETING TO WORK/SYSTEM INTEGRATION TEST) เป็น การเริ่มการเชื่อมต่อระหว่างตู้ต่างๆของระบบ ตรวจสอบการจ่ายไฟต่างๆ เข้าระบบ ตรวจสอบ อุปกรณ์หรือระบบอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกันกับระบบอาวุธนั้น เชื่อมต่อกันเพื่อรับ/ส่งสัญญาณต่างๆ มีการตรวจสอบเป็นรายการย่อยต่างๆ ตามที่บริษัทผู้ผลิตได้กำหนดไว้        ๔. HAT (HARBOUR ACCEPTANCE TEST) ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบการ ทำงานของระบบว่าสามารถทำงานตามขีดความสามารถต่างๆของระบบนั้นได้หรือไม่ ตรวจสอบการทำงาน/การประมวลผลข้อมูลของคอมพิวเตอร์ควบคุมการยิง รวมทั้งโปรแกรม เป็นการตรวจสอบเมื่อเรือจอดหน้าท่า อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้เป็นการทำงานจริงๆของระบบ อย่างแท้จริง        ๕. SAT(SEA ACCEPTANCE TEST/TRIAL) ขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบ/ ทดลองการทำงานของระบบในทะเล ว่าสามารถทำงานตามขีดความสามารถจริงต่างๆ ของ ระบบ นั้นได้หรือไม่ กล่าวคือจะต้องพยายามให้เหมือนจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งถือว่าเป็น ขีดความสามารถ/การทำงานอย่างสมบูรณ์ของระบบนั้นๆอย่างแท้จริง ในบางระบบจะต้องมีการ ทดลองการยิงต่อเป้าสมมติหรือจำลอง เช่น การยิงอากาศยานลากท้ายเครื่องบิน (ติด MDI) การยิงเป้าพื้นน้ำลากท้ายเรือลากเป้า เพื่อวัดความแม่นยำ ของระบบอาวุธนั้น บริษัทผู้ผลิตมัก จะไม่ยอมผูกพันการยิงทดสอบฯ นี้ไว้ในสัญญาฯ เพราะโอกาสผ่านเกณฑ์ตรวจรับยาก และยุ่ง ยากมาก        การติดตั้งระบบอาวุธประเภทในส่วนของระบบตรวจจับ (SENSOR) ของระบบควบคุม การยิงและระบบอาวุธ จะต้องติดตั้งตามหลักการ "การขนาน" (PARALLELISM) กล่าวคือ ทั้งทางหัน (TRAINNING) ของทุกอุปกรณ์ต้องขนานกัน และในทางกระดก (ELEVATION) ของทุกอุปกรณ์ก็ต้องขนานกัน ประสิทธิภาพและความถูกต้องแม่นยำในการยิงทำลายเป้าของ ระบบอาวุธต่างๆ ก็ขึ้นกับคุณภาพและความประณีตในการติดตั้งขึ้นตอนนี้เอง และที่น่าภูมิใจเป็นที่สุดในการติดตั้ง ระบบอาวุธชนิดนี้ กองทัพเรือดำเนินการติดตั้ง ทั้ง 3 ระบบเองหมดครับ สุดยอดความภูมิใจ ถ้ามีงบประมาณ กองทัพเรือคงติดตั้งระบบอาวุธป้องกันเพิ่ม ทุกอย่างมันก็ต้องใช้เงินอีกนั่นแหละ ซื้อก็บ่นกัน ไม่ซื้อก็หาว่าไม่มีอาวุธ พอได้มาสัมผัส ระบบการอาวุธของ กองทัพเรือ ผมว่าเขาไม่ธรรดา น่ะ คอยติดตามกันดูน่ะว่าไม่ธรรมดาอย่างไร จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 03:23:56

ความคิดเห็นที่ 36   ต่อก็มาดูอากาศยานที่ประจำอยู่บนเรือกันว่ามีอะไรบ้าง เราจะเรียกว่า หน่วยบิน ร.ล.จักรีนฤเบศร มีอยู่ 2 ฝูงบินด้วยกัน 1. ลาดตระเวนโจมตี AV-8S HARRIER อากาศยานประจำเรือ 2. S-70B Sea Hawk เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ AV-8S HARRIER  ของทร. ถ้าได้รับงบประมาณในการบำรุงรักษาที่ดีและเพิ่มเติมระบบอาวุธ ต่างๆเข้าไป คงจะเป็นเขี้ยวเล็บที่น่ากลัว แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่งบ เงิน อีกนั่นแหละครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 03:47:58

ความคิดเห็นที่ 37   S-70B Sea Hawk เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ  ถ้าจะพูดถึง ร.ล.จักรีนฤเบศร  เจ้านี้ น่าจะถูกคอกันมากที่สุด  ร.ล.จักรีนฤเบศร  สังกัด กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ S-70B Sea Hawk เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ ระบบอาวุธ           -อาวุธนำวิถี Penguin MK2 MOD7,                  AGM-119          -ปืนกล 7.62 มม.           -ตอร์ปิโด MK46,50           -Gravity Sonabouy Launcher เครื่องมือสื่อสาร        -HF-9000        -VHF/UHF /AM / FM          (AN/ARC182(v))         -IFF (AN/APX-100 V) อุปกรณ์เดินอากาศและค้นหา         -ESM (ALR-606 V)       -เรดาร์ตรวจการณ์(Search Radar,         AN/APS-143 V)       -LF/ADF (ADF-60 A)       -VOR/ILS (ARN-147 V)       -DF (DF-130 E)       -DOPPLER (APN-217 V)       -GPS (R-2513 A/U)       -TACAN (RT-1159/A)       -RAD.ALT. (APN-194 V)       -ELT (ELT-100 M) นามเรียกขาน     Navy Hawk             ร.ล.จักรีนฤเบศร มีเครื่องบิน AV-8S และเฮลิคอปเตอร์ S-70B เป็นอากาศยานประจำเรือที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งอากาศยานทั้งสองชนิดนี้ ล้วนเป็นอากาศยานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในกองทัพ ยามสงครามนับว่าเป็นอาวุธชั้นเยี่ยม แต่หากในยามสงบเป็นอากาศยานค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย       ตลอดจนการสนับสนุนภารกิจของกองทัพได้เป็นอย่างดี  S-70B ในวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังทางเรือ ให้สามารถรักษาอธิปไตยและปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้อย่างเต็มกำลัง และเป็นการยากที่จะได้เห็นจุดสุดท้ายของการพัฒนานี้ เช่นเดียวกับกองทัพเรือไทย ราชนาวีไทย ที่ยังคงพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของกองทัพได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด   ดูจากภารกิจ จะเห็นได้ว่า ทั้งรบทั้รับเลย ในด้านการรบของ อากาศยาน  S-70B  อาวุธของมันที่น่ากลัวที่สุด -ตอร์ปิโด MK46,50 โดนทีร้องไม่ออก แต่เรื่องระบบอาวุธ คงจะมีการพัฒนาและจัดหามาประจำการกับ ฮ. ต่อไป ระบบบนอาวุธบนเรือ และระบบอากาศยาน ประจำการ ที่มีบนเรือก็มีประมาณนี้ครับ  เดี๋ยวจะไปต่อกันที่ การรบทางเรือ การจัดกำลังกองเรือ อาวุธขีปนาวุธแบบต่างๆของ กองทัพเรือไทย   ใช้ทั้งภารกิจรบ ทั้งภารกิจช่วยเหลือประชายามเกิดภัยพิบัติ  แล้วยังจะมาว่าไม่มีน้ำมันเติมบางล่ะ ซื้อมาทำมั้ย เห็นจอดอยู่เฉยๆ เอาไว้ทัวร์บ้างล่ะ คิดสักนิดเถอะครับ  12 ปี ที่ผ่านมา คงพิสูจน์ได้ กับผลงานที่มา  คุ้มค่าที่สุดแล้ว แม้เพียง 1 ชีวิต เราก็จะไป เคยได้ยินทหารท่านหนึ่งพูดไว้ สุดยอดๆๆ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 04:11:10

ความคิดเห็นที่ 38   เข้ามาชื่นชม และรับความรู้ด้วยคนคะ จากคุณ : หัวโต๊ะโต่ะ~ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 04:21:52

ความคิดเห็นที่ 39   ขอบคุณมากๆครับ ที่นำสิ่งดีๆมาให้รับรู้กันครับ ขอให้ทำความเข้าในในสิ่งที่ท่าน กกร่ม พยายามอธิบายครับ ความอคติต่างๆ คงจะหายไปกันได้นะครับ จากคุณ : datasim (datasim) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 05:13:22

ความคิดเห็นที่ 40   เรียนคุณหมอแมว #23 การฝึกในครั้งนั้นเป็นการฝึกยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธินครับ ดังนั้นการฝึกแบบนี้จึงมีเรือหลวงสุรินทร์ เรือหลวงมันนอก และเรือหลวงมันกลางเข้าร่วม และจะสังเกตุว่าจะมีเรือหลวงปิ่นเกล้าและเรือหลวงมกุฎราชกุมารทำหน้าที่ระดมยิงฝั่ง คือเป็นเรือปืนนั่นเอง เรือหลวงปัตตานีและเรือหลวงสุโขทัยจึงทำหน้าที่แค่คุ้มกันกองเรือยกพลขึ้นบกตรงนี้ครับ ในอนาคตเมื่อกองทัพเรือได้รับมอบเรือ LPD (ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกชนิดหนึ่ง) ก็น่าจะใช้เรือ LPD แทนเรือจีกรีในบทบาทของการควบคุมอากาศยานครับ แต่ในกรณีของคำถามของจขกท.ซึ่งจะหมายถึงในกรณีของการจัดกองเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ Carrier Strike Group เพื่อทำภารกิจที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแบบนี้ ในการจัดจะไม่จำเป็นต้องใช้เรือยกพลขึ้นบกหรือเรือปืนระดมยิงฝั่งครับ เนื่องจากหลักนิยมของตะวันตกที่เรือละลำต้องสนับสนุนกัน ในกรณีนี้เรือจักรีซึ่งเป็นเรีอบรรทุกเครื่องบินจะต้องถูกสนับสนุนด้วยเรือป้องกัยภัยทางอากาศ เรือป้องกันภัยจากภัยคุกคามบนผิวน้ำ เรือหรือเรือดำน้ำที่ป้องกันภัยจากเรือดำน้ำ รวมไปถึงเรือสนับสนุนครับ ทำให้อย่างที่เรียนไปในความเห็นที่ 19 ครับว่ากองเรือคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบิน (เรือหลวงจักรีนฤเบศร) น่าจะประกอบไปด้วยเรือชุดเรือหลวงนเรศวร 1 หรือ 2 ลำ (ควรจะสองลำ) เรือชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก1 ลำ และเรือหลวงสิมิลัน 1 ลำ สาเหตุที่ความจะเป็นเรือพวกนี้ก็เพราะเรือเหล่านี้มีระวางขับน้ำที่มาก มีความคงทนทะเลสูง สามารถปฏิบัติงานในทะเลลึกได้พร้อม ๆ กับเรือจักรีนฤเบศรครับ เรือหลวงสุโขทัยเป็นเรือคอร์แวตต์ที่มีระวางขับน้ำไม่ถึงหนึ่งพันตัน แม้ว่าเรือจะมีจรวดพื้นสู่อากาศต่อสู้อากาศยานแบบ Aspide อยู่แล้ว ความคงทนทะเลไม่น่าจะสูงพอที่จะตามคุ้มกันเรือจักรีได้ทุกสถานการณ์เนื่องจากขนาดของมัน เรือหลวงปัตตานีแม้จะมีระวางขับน้ำราวหนึ่งพันตันแต่ยังไม่ได้ติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือรบหรือต่อสู้อากาศยาน และมันเป็นเพียงเรือตรวจการไกลฝั่ง ความคงทนทะเลจะน้อยกว่าเรือฟริเกตขนาดใหญ่โดยธรรมชาติอยู่แล้วครับ เรือชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้นมีความสามารถในการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ (Anti-Submarine Warfare) ได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เรือชุดเรือหลวงนเรศวรยังไม่ได้รับการติดตั้งอาวุธครบตามแผนงาน ยังขาดอาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศต่อสู้อากาศยานพิสัยกลางที่จะทำหน้าที่คุ้มกันกองเรือทั้งหมด ซึ่งแผนงานปรับปรุงนั้นเริ่มในปีนี้และจะไปสิ้นสุดในปี 2556 ประกอบกับเรือหลวงจักรีนฤเบศรยังมีแผนงานการปรับปรุงอีกหลายแผนงานที่ยังรองบประมาณ ดังนั้นตอนนี้ เรือ Carrier Strike Group ยังต้องรอการปรับปรุงเรือไปก่อนนะครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 06:00:33

ความคิดเห็นที่ 41   เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าหว้ากอไม่ใช่ที่ของคนที่มีความรู้อย่างเดียวอีกต่อไป ห้องที่ไร้คุณภาพของสมาชิก คนที่รู้จริงที่เข้ามาตอบก็น้อยลง เพราะไม่มีคนอยากรู้เท่าคนอยากออกทะเล น่าเสียดายค่ะ จากคุณ : ร้อยแปดพันมังกร เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 08:17:25

ความคิดเห็นที่ 42   ถ้ามีเงินพอที่จะซ่อม AV 8 ทุกลำ สามารถซ่อมได้ไหมครับ แล้วก้มีงบพอจัดหาอาวุธ ให้ ครบทุกลำ เสียดายของครับ จากคุณ : PMC K.SRI เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 08:45:21

ความคิดเห็นที่ 43   ช่วงแรกทำท่าออกทะเล ตอนนี้ออกทะเล แบบมีสาระ แล้ว 555 ขอบคุณ คุณกกร่ม มากๆครับ จากคุณ : wingboy เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 10:24:16

ความคิดเห็นที่ 44   กระทู้  ปล้นหัวใจ(Give) จากผมชัดๆเลยครับคุณกกร่ม ขอบคุณครับสำหรับความรู้แบบนี้ครับ จากคุณ : บิน102 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 10:25:22

ความคิดเห็นที่ 45   ตอนแรกคิดว่ากระทู้นี้จะออกทะเลหาทางกลับฝั่งไม่เจอซะแล้วซิ ขอบคุณพี่กกร่มนะคะที่อุตส่าห์นอนซะดึกหาข้อมูลมาตอบให้แบบนี้ รออ่านต่ออยู่นะคะ ปล. ต่างกันแค่นิดเดียวแต่ทำไม Sea hawk มันไม่หล่อเหมือน Black hawk เลยน้อ   ^^" จากคุณ : when i'm feeling .. blue เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 10:47:54

ความคิดเห็นที่ 46   สำหรับ ความคิดเห็นที่ถามต่างๆ เดี่ยวจะตอบให้ทีหลังเอาที่ทราบน่ะครับ โดยส่วนตัวตัวเองก็ไม่ทราบข้อมูล อาศัยคู่มือ และอ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงานนั้นๆ ถ้าไม่รู้ก็ถามผู้รู้ หรือจะหาข้อมูลใน สังคมอินเตอร์เน็ต เพื่อจะได้รู้ในสิ่งที่สงสัย ตอบสนองความอยากรู้ของตัวเอง ในการจัดกระบวนเรือ คุ้มกัน ของ ร.ล.จักรีนฤเบศร  ที่เป็นไปได้มากที่สุด และนำไปใช้ในปฎิบัติการจริง ยกตัวอย่างจริงเลยครับ       เรือรบขนาดใหญ่หมื่นกว่าตันลำนี้ มีการจัดหน่วยภายในเรือตามระเบียบกองทัพเรือ เป็นการจัดแบ่งคนให้เข้ากับงานและจัดงานให้เข้ากับคน ซึ่งเรือทุกลำในกองทัพต่างก็จัดแบ่งกันไปตามคุณลักษณะและโครงสร้างของเรือ (หน้าที่ ระบบยุทโธปกรณ์ กำลังพล) ที่เชื่อได้ว่าแทบไม่มีผิดเพี้ยน เว้นเพียงเรือบางลำที่สามารถสนับสนุนภารกิจต่างๆได้ หลากหลาย       โครงสร้างการจัดอาจเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมได้ ร.ล.จักรีนฤเบศร ก็เป็นเรือรบอีกลำหนึ่งที่รูปแบบของการจัดภายในเรือ มีเพิ่มเติมปรับเปลี่ยนโดยอ้างอิงจากภารกิจหน้าที่ของเรือเป็นหลัก เพราะด้วยการที่ ร.ล.จักรีนฤเบศร เป็นกำลังรบสำคัญในการป้องกันประเทศ รักษาอธิปไตย และคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล อีกทั้งคอยช่วยเหลือประชาชนคนไทยยามประสบภัยพิบัติ ซึ่งทุกคนล้วนทราบดี   ร.ล.จักรีนฤเบศร นั้นมีสายการบังคับบัญชาที่ครอบคลุมชัดเจน โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะสำคัญ       ได้แก่ การจัดหน่วยทางธุรการ และการจัดหน่วยทางยุทธการ โดยการจัดหน่วยทางธุรการ แบ่งเป็น 5 แผนก ได้แก่ แผนกยุทธการและสื่อสาร  แผนกเดินเรือและการเรือ (รวมแผนกแพทย์) แผนกการบิน แผนกพลาธิการ และแผนกช่างกล โดยแต่ละแผนกแบ่งย่อยออกไปเป็นส่วนๆรวมแล้วทั้งหมด 17 ส่วน และหากจัดตามการจัดทางยุทธการแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 6 ศูนย์ควบคุม ได้แก่ ศูนย์ควบคุมทางยุทธวิธี ศูนย์ควบคุมเรือ ศูนย์ควบคุมการบิน ศูนย์ควบคุมช่างกล ศูนย์ควบคุมพลาธิการ และศูนย์ควบคุมแพทย์ี้ี   รวมแล้ว กว่า 450 ชีวิต ไม่นับหน่วยบิน น่ะครับ ***เหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงพนมเปญ               เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2546 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงพนมเปญ และสถานเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญจนได้รับความเสียหาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมความพร้อมในการอพยพประชาชนชาวไทยในกัมพูชา ให้เดินทางกลับประเทศไทย โดยในเบื้องต้นรัฐบาลมอบหมายให้ กองทัพเรือจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกของสนามบินอู่ตะเภา เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติการลำเลียงทางอากาศของ กองทัพอากาศ และให้กองทัพเรือจัดตั้ง หมู่เรือปฏิบัติการพิเศษ โดยมี พล.ร.ต.วัลวภ เกิดผล หน.ฝอ.ศปก.ทร./ผช.เสธ.ทร.ฝยก.เป็นผบ.หมู่เรือ ประกอบด้วย                    - ร.ล.จักรีนฤเบศร              - ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย              - ร.ล.สุโขทัย              - 4ชุดปฏิบัติการและฝ่ายอำนวยการจากหน่วยสงคราพิเศษเดินทางไปกับ ร.ล.จักรีนฤเบศร                - อากาศยานจาก กองการบินทหารเรือ ประกอบกำลังเป็นหมวดบิน ปฏิบัติภารกิจ อพยพ พลเรือน                     โดยการปฏิบัติพิเศษนี้ เป็นการปฏิบัติภารกิจ สนับสนุนการอพยพ จนท.สถานเอกอัครราชทูตไทย และครอบครัว ตลอดจนประชาชนชาวไทยในกัมพูชา ให้เดินทางกลับประเทศไทยโดยปลอดภัย และเตรียมพร้อมปฏิบัติการบริเวณพื้นที่ด้านตะวันตกของเกาะกง นอกน่านน้ำอาณาเขตประเทศกัมพูชา   *** > คลื่นยักษ์สึนามิ                         จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติ จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ Tsunami บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ในวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 นั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ กองเรือยุทธการจัดตั้งหมู่เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัย      ในทะเล (มชภ.) โดยมี พล.ร.ต.สุรศักดิ์  พุ่มพวง ผบ.กบฮ. เป็น ผบ.มชภ. มีกำลังพลรวมทั้งสิ้น 760 นาย ซึ่งประกอบด้วย                    - ร.ล.จักรีนฤเบศร              - ร.ล.นเรศวร              - 3 ฮ.ปด.1 (S70B)              - 1 ชุด ชปพ.นสร.              - ชุดแพทย์เคลื่อนที่ จาก  2 เหตุการณ์คงเข้าใจ คร่าวๆแล้วน่ะครับ ว่า การคุ้มกันเรือ นั้นจะมี เรือรบฟริเกตติดตามไปด้วย อย่างน้อย ก็ 1 ลำ เช่น - ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย/- ร.ล.นเรศวร และจะมีเรือคอร์เวต จัดเพิ่มไปในกระบวนเรือ เช่นเรือ - ร.ล.สุโขทัย  ถ้าเป็นการรบจริง ก็จัดกระบวนเพิ่มขึ้นไปตามแต่ล่ะเหตุการณ์และภารกิจ อีกสักครั้ง ระบบอาวุธ ของ ร.ล.จักรีนฤเบศร ซ้าย :ระบบป้องกันตนเองระยะประชิดแบบ SADRAL ขวา : อาวุธปืน 20 มม.   เครดิตรูปภาพจากคุณ : tOntrAnETY จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 11:14:14

ความคิดเห็นที่ 47   ขอบคุณ คุณกกร่มมากๆครับผม ตอบความคิดเห็นที่ 30 น่ะครับ ใช้เวลาอ้อมแหลมมลายู ประมาณ 2 วัน 2 คืนครับ มีพี่ๆบ้างคนที่อยู่เรือนเรศวรเหล่าว่า ภาระกิจนั้น พี่เขาไม่ได้เอาเสื้อผ้าไปด้วยเยอะครับ ใส่ชุดเดียวเกือบทั้งภาระกิจเลย......แต่ก็ได้ของบริจาคจากบกมาครับ ไม่งั้นแย่เลยครับ รวมทั้งเสบียงด้วยครับ เนื่องจากเป็นภาระกิจเร่งด่วนจึงเตรียมไม่พอ อีกทั้งประเมินความเสียหายของชายฝั่งทางตะวันตกของเราว่าเสียหายต่ำกว่าความเป็นจริงครับ แทนที่จะรับการส่งกำลังบำรุงจากฝั่งก็เป็นไปไม่ได้เนื่องจากฐานทัพเรือพังงาหายไปเกินครึ่ง เลยกินกันแต่ มาม่า ปลากระป๋อง กันเกือบเดือน อีกอย่างก็เป็นงานกลางทะเลครับ ปิดทองหลังพระสุดๆ ไม่มีคณะอะไรไปเยี่ยม ไม่มีของเอาไปฝากครับ ผิดกับที่ทำงานอยู่บนบก ได้ของฝากเต็มเลย....ทำไงได้ครับ เป็นทหารเรือเนี่ย เป็นเรื่องที่คนนอกจะเข้าถึงลำบากครับ มีแต่น้ำกับฟ้า จากคุณ : Pick--Pick iT uP-- เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 11:41:30

ความคิดเห็นที่ 48   คำถามนี้  มาตอนช่วง "เขียนแผน" พอดี คับผม  แต่ก็อาจจะบังเอิญก็ได้ คับ แต่  น่าเกี่ยวข้องกันบ้าง ตามความคิดผม เรือจักรีนฤเบศ ถือเป็น  COG เลย หากถูกทำลาย แล้วเหมือนกะจบกันเลยคับ เพราะ  เรือทำหน้าที่เป็น  C4ISR ด้วย คับผม  เป็นหัวใจ เลยใ นการสั่งการบังคับบัญชา และการประสานการปฏิบัติระหว่างเหล่าทัพ  หากจม หรือถูกทำลายก็เหมือน จบกันเลย ลองดู ความเห็น ที่  29 ในส่วนของ ภารกิจ ของ เรือจักรีนฤเบศ  คับผม ฉนั้นในยามสงคราม จำต้อง จัด F-16 บิน CAP ลาดตระเวณรักษาเขต เอาไว้  เพื่อ  ป้องกัน COG คือ เรือจักรีนฤเบศ เอาไว้ให้ดี คับผม  ส่วนการจัดกองเรือ ไม่มีความรู้ คับผม แต่ผมว่า คำถาม นี้ไม่ น่าจะ  บังเอิญ คับผม   ช่วงเวลาได้ พอดี  ผมเห็นมีอีกหลายคำถาม ที่ เกี่ยวข้องกัน จากคุณ : ชลน่าน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 11:50:22

ความคิดเห็นที่ 49   บอกตรง คนที่ว่ากองทัพเรือ ว่าจะเอาอะไรไปสู้กับกับ เรือก็มีเท่านี้ อาวุธก็เก่า ซื้อก็โดนว่า จะเอาไปรบกับใครที่ไหนๆๆ ถ้าไม่ซื้อ ล่ะ ก็โดนหาว่าไม่พัฒนา เสียดาษภาษี บอกตรง ผมเองก็มีความคิดเช่นนั้นเมื่อก่อน แต่เมื่อได้มาสัมผัส ระบบอาวุธทั้งหมด เห็นแล้ว ตื่นเต้น ขนลุก ใครมีความรู้สึกบ้างเวลาได้ไปอยุ่บนเรือรบ ทำมั้ยมันใหญ่โตเช่นนี้ ณ เวลานี้ เรือเหลวง จักรีนฤเบศร กำลังออกฝึกทางทะเล เพื่อความพร้อมรบ และภารกิจ ช่วยเหลือประชาชน ***การฝึกความพร้อมรบของ ร.ล.จักรีนฤเบศร ***          การฝึกการรบในสาขาต่างๆ  ในสถานการณ์ของสงครามหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ กำลังทางเรือจะใช้ในการควบคุมทะเล รักษาเส้นทางการคมนาคมทางทะเล ให้เราสามารถใช้ทะเลได้ในการขนส่งสินค้นเข้า-ออกจากประเทศ การขนส่งสินค้ายุทธปัจจัย ฝ่ายตรงข้ามพยายามจะค้นหาว่าเรือบรรทุกเฮลิคอปตอร์อยู่ที่ไหนและกำลังปฏิบัติอะไร ซึ่งภัยคุกคามที่มีต่อกองกำลังทางเรือที่สำคัญจะมาจากทั้งสามมิติ คือ ทางอากาศจากเครื่องบินและอาวุธปล่อยต่างๆ จากเรือผิวน้ำ และจากใต้น้ำ โดยมีการฝึก -การป้องกันภัยทางอากาศ สมมุติให้อากาศยานฝ่ายตรงข้ามต้องการค้นหาและเข้ามาโจมตีกระบวนเรือ ฝ่ายเราจะมีการควบคุมอากาศยานในการค้นหาและเข้าขัดขวาง รวมทั้งใช้อาวุธประเภทต่างๆ จากเรือในกระบวนในการต่อต้านภัย รวมทั้งมีการฝึกการนำเรือทางยุทธวิธีในการหลบหลีกการโจมตีของอากาศยาน -การป้องกันภัยผิวน้ำ โดยสมมุติให้เรือฝ่ายตรงข้ามต้องการมาขัดขวางการใช้ทะเล ฝ่ายเราจะต้องมีการใช้ยานต่างๆ ในการตรวจจับ ควบคุมอากาศยานในการค้นหา เมื่อ พิสูจน์ทราบได้ อาจจะมีแจ้งตำบลเป้าเพื่อให้เรือในกองกำลังใช้อาวุธปล่อยนำวิถีต่อตีเป้าหมาย  ในระยะไกล -การป้องกันภัยจากเรือดำน้ำ สมมุติเรือดำน้ำฝ่ายตรงข้ามเข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่ ฝ่ายเราจะต้องมีการใช้ยานต่างๆ ในการค้นหาและตรวจจับ ฝึกการควบคุมอากาศยานค้นหาตำบลที่ของเรือดำน้ำโดยใช้โซนาร์ชักหย่อน และประสานกับเรือผิวน้ำในการใช้โซนาร์ตรวจจับเป้าหมาย เมื่อตรวจพบมีการฝึกการควบคุมอากาศยานเข้าทิ้งตอร์ปิโดในตำบลที่ของเรือดำน้ำ  หรือแยกเรือผิวน้ำเข้าไปต่อตีเป้าเรือดำน้ำนั้น จากระบบการฝึกที่กล่าวมา กองทัพเรือจะใช้กำลังรบชนิดต่างๆ เพื่อปกป้องคุ้มกัน ร.ล.จักรีนฤเบศร มาดูศักยภาพกองเรือรบของเราสิครับ ว่ามีอะไรบ้าง กองอื่นจะเรียบเรียงให้เห็นภาพกันก่อน  พูดถึงเรือทหารเรือ และการรบทางทะเล หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดย ตรงคืน "กองเรือยุทธการ" "กองเรือยุทธการ"  หน่วยขึ้นตรงได้แก่ กองเรือฟริเกตที่ 1 มี 3 หมวดเรือ -หมวดเรือที่ 1 -หมวดเรือที่ 2 -หมวดเรือที่ 3 กองเรือฟริเกตที่ 2 -หมวดเรือที่ 1 -หมวดเรือที่ 2 -หมวดเรือที่ 3 กองเรือตรวจอ่าว -หมวดเรือที่ 1 -หมวดเรือที่ 2 -หมวดเรือที่ 3 กองเรือทุ่นระเบิด -หมวดเรือที่ 1 -หมวดเรือที่ 2 -หมวดเรือที่ 3 กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยามฝั่ง กองเรือลำน้ำ กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ - ร.ล.จักรีนฤเบศร - ฮ.ปด.1 (S70B) กองการบิน หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองการฝึก กองสนับสนุน     เอาแค่รายละเอียดคร่าวๆ กำลังรบทางเรือ เรือฟริเกต แบ่งเป็น 4 ชุดเรือ  12 ลำ เรือคอร์เวต 2 ลำ เรือเร็วโจมตีปืน 3 ลำ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง 2 ลำ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง  มี 4 ชุด  รวม 25 ลำ เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง มี 3 ชุด รวม 15 ลำ (ไม่แน่ใจ) เรือเร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถี มี 2 ชุด รวม 6 ลำ เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ 3 ลำ เรือตรวจการณ์ปืน มี 2 ชุด รวม 9 ลำ เรือกวาดทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง 2 ลำ เรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิด 1 ลำ เรื่อล่าทำลายทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง 2 ลำ เรือต่อต้านทุ่นระเบิด 2 ลำ เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ 2 ชุด รวม 7 ลำ    และยังมีเรืออีกมาก จำนวนเรืออีกมากมาย  ที่ไม่ได้ยกตัวอย่าง แล้วคุณคิดว่า กองทัพเรือไทย ไม่ธรรมดาหรือเปล่าล่ะครับ  อนาคต กองทัพเรือจะมีการปฏิบัติการรบ ร่วมกับกองทัพอากาศ  กองทัพอากาศในส่วนของ พื้นที่ทางภาคใต้    ในการปกป้องน่านฟ้าทางทะเล จะเป็นหน้าที่ ของ กองบิน 7 สุราษฏ ที่จะมี เครื่องบินรบ jas - 39 เข้ามาประจำการ  ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง และ ถ้างบประมาณ มี จะสามารถติดอาวุธที่ทันสมัย จาก อากาศ สู่พื้น เพื่อทำลายเรือข้าศึก  ขอย้ำอีกทีว่า ระบบเรดาห์ ของกองทัพ ณ เวลานี้ สามารถตรวจจับ ได้ในพื้นที่ ทั้ง ฝั่ง อ่าวไทยและอันดามันได้ทั้งหมด และขอบเขตยังกินไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ไม่ต้องห่วง เรื่องที่จะเข้ามาทำลายกองเรือเราได้ง่ายๆๆ   ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณอีกนั้นแหละครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 12:08:58

ความคิดเห็นที่ 50   บอกตรง คนที่ว่ากองทัพเรือ ว่าจะเอาอะไรไปสู้กับกับ เรือก็มีเท่านี้ อาวุธก็เก่า ซื้อก็โดนว่า จะเอาไปรบกับใครที่ไหนๆๆ ถ้าไม่ซื้อ ล่ะ ก็โดนหาว่าไม่พัฒนา เสียดาษภาษี บอกตรง ผมเองก็มีความคิดเช่นนั้นเมื่อก่อน แต่เมื่อได้มาสัมผัส ระบบอาวุธทั้งหมด เห็นแล้ว ตื่นเต้น ขนลุก ใครมีความรู้สึกบ้างเวลาได้ไปอยุ่บนเรือรบ ทำมั้ยมันใหญ่โตเช่นนี้ ณ เวลานี้ เรือเหลวง จักรีนฤเบศร กำลังออกฝึกทางทะเล เพื่อความพร้อมรบ และภารกิจ ช่วยเหลือประชาชน >>>>> ประโยคนี้ถูกใจมากครับ  คุณกกร่ม จากคุณ : บิน102 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 12:19:41

ความคิดเห็นที่ 51   เก่าไม่เก่า ใช่ได้ไม่ได้ไม่รู้ ถึงเวลารบจะต้องพร้อมทุกอย่าง จากคุณ : PMC K.SRI เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 12:38:54

ความคิดเห็นที่ 52   จาก ความคิดเห็นที่ 47  เกี่ยวกับภารกิจ คลื่นยักษ์สึนามิ ต้องยอมรับกันว่า ทางรัฐบาลและ กองทัพประเมิน เหตุการณ์น้อยเกินไป แต่ความศูนย์เสีย ใหญ่หลวงนัก ร.ล.จักรีนฤเบศร มีเวลาเตรียมตัวไม่มาก ก็แบบที่ คุณ Pick--Pick iT uP-- กล่าวมา ระบบการสื่อสารในพื้นที่ถูกตัดขาดเกือบ จะเป็นอัมพาต หมด จะมีก็แค่ของเหล่าทัพ ทอ.ส่ง c-130 บินขึ้นเที่ยวแรกในเช้าวันต่อมา ตั้งแต่วันแรก จนวันสุดท้ายของเหตุการณ์ บินกันทั้งวันทั้งคืน รับส่ง จนท.ที่ลงไปปฏิบัติงาน ผู้ได้รับบาดเจ็บ ชาวต่างชาติ ที่จะมาขึ้นเครื่องกลับประเทศ     ตั้งแต่ มี C-130 มา นับเป็นการปฏิบัติภารกิจที่สุดหินที่สุด เบื้องหลังความเหนื่อยยาก คือความภาคภูใจ  แต่ก็มีบางท่านที่ไม่เข้าใจ ไปนำภาพ ผู้โดยสารที่และผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นภาพ ยืน ในสภาพที่แออัด ในเครื่อง มาลงว่าไม่ถูกหลักการบิน บ้างแหละ ขนคนเยอะบ้างแหละ อืม คนเราไม่เข้าใจเอาอะไรคิด ณ เวลานั้นคิดอย่างเดียว นำผู้บาดเจ็บกลับเข้ากรุงเทพให้มามากที่สุดและเร็วที่สุด บินทั้งกลางวันกลางคืน   ขาไปก็นำ ทั้งอาหารแห้ง น้ำดื่มขวด โลงศพ จนท.ผลัดเปลี่ยนกันลงไป ยืนหน่อยก็ไม่ว่ากัน ขากลับ ก็ นำผู้โดยสารชาวต่างชาติ ผู้ได้รับบาดเจ็บ สภาพในเครื่องมีแต่แววตาความภาคภูมิใจ และเสียงขอบคุณ ที่ได้รับจากผู้โดยสาร ไม่เฉพาะหน่วยอื่นๆ ในกองทัพ ที่ได้รวบรวม แรงกายแรงใจได้ช่วยในเหตุการณ์นี้ ยกตัวอย่างเช่น กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก (พัน.รนบ.พล.นย.) การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากคลื่นสึนามิ (๓๑ ธ.ค.๔๗ - ๑๕ ม.ค.๔๘) ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพเรือ (ศปก.ทร.) จัดยานโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกแบบลำเลียงพล (AAV P7 A1)  พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน ๔ คัน  ดำเนินการปฏิบัติภารกิจ ตรวจ ค้นหา และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บและ เสียชีวิต จากภัยพิบัตินี้ โดยให้ขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับ กองทัพเรือภาค ๓ (ทรภ.๓)  ภารกิจหลักที่ได้รับมอบหมาย ๑.  ลำเลียงกำลังพลทำความสะอาดชายหาด ๒.  ลำเลียงถุงยังชีพไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยในพื้นที่ ที่เรือและเฮลิคอปเตอร์เข้าไม่ถึง ๓.  ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ที่เรือและเฮลิคอปเตอร์เข้าไม่ถึง   พื้นที่ปฏิบัติภารกิจ ๑.  อ่าวบ้านคลองม่วง ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ๒.  อ่าวโละดาลัม หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ๓.  อ่าวโละดานา หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ๔.  บ้านน้ำเค็ม อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ๕.  บ้านเกาะคอเขา อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา นี้ก็อีกหนึ่งหน่วยที่ปิดทองหลังพระอีกเช่นกัน นอกเรื่องมาเยอะ ไปต่อกันที่กำลังรบทางเรือกันดีกว่า จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 12:49:22

ความคิดเห็นที่ 53   เรื่องที่เอาประเทศตัวเองไปเปรียบเทียบกับประเทศร่ำรวย จีน อเมริกาฯลฯ แล้วมาดูถูกประเทศตัวเอง ขอให้เพลาๆกันหน่อยค่ะ กองทัพไทยอาจมีเทคโนโลยี ด้อยกว่า กำลังพลน้อยกว่า แต่ก็ภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่ค่ะ รอฟังต่อค่ะ จากคุณ : ผีหลายบทบาท เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:15:28

ความคิดเห็นที่ 54   ขอบคุณ คุณกกร่มครับ จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:39:58

ความคิดเห็นที่ 55   อ่านแล้วรักชาติครับ จากคุณ : gerrard19 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:53:33

ความคิดเห็นที่ 56   ให้ ใจ โพส สุดท้าย ของคุณ กกร่ม นะครับ  ว่าจะให้แต่โพสแรก แต่ขออ่านก่อน พออ่านจบ เลยให้ที่ โพสสุดท้ายเลย (มันหลายโพส อิอิ) 3 ใจ เลยครับ คริๆ จากคุณ : คนจ๊นจน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:59:37

ความคิดเห็นที่ 57   ผมขอยก ตัวอย่าง เรือแต่ล่ะชั้น แต่ละ กองเรือ และระบบอาวุธ มาให้ทราบคร่าวๆ หลายละเอียด ก็เข้าไปดูได้ในแต่ ละ Link ทั้งหมดของกองทัพเรือครับ มีบอกไว้หมด ทั้งการภารกิจ ข้อมูลเรือ ระบบอาวุธ มีหมดทุกอย่าง เริ่มกันที่ กองเรือฟริเกต ของ กองทัพเรือกันเลยครับ สังกัด กองเรือยุทธการ แบ่งออกได้เป็น 2 กองเรือ ดังนี้ กองเรือฟริเกตที่ 1 มี -หมวดเรือที่ 1 ร.ล.ตาปี ร.ล.คีรีรัฐ ร.ล.รัตนโกสินทร์ ร.ล.สุโขทัย -หมวดเรือที่ 2 ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ร.ล.ปิ่นเกล้า -หมวดเรือที่ 3 ร.ล.คำรณสินธุ ร.ล.ทยานชล ร.ล.ล่องลม กองเรือฟริเกตที่ 2 มีหน้าที่จัดและเตรียมกำลังสำหรับการปฏิบัติการผิวน้ำ การปราบเรือดำน้ำและการป้องกันภัยทางอากาศ -หมวดเรือที่ 1   -หมวดเรือที่ 2 -หมวดเรือที่ 3       นับเป็นหน่วยกำลังรบหลักที่สำคัญยิ่งของกองเรือยุทธการ โดยได้รับหมอบหมายภารกิจในการปกป้องอธิไยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาประเทศ            และในปัจจุบันกองเรือฟริเกต นี้แหละครับ คือ หัวหมู่ หัวหอก ทะลวงข้าศึกของกองทัพเรือก็ว่าได้  ติดอาวุธที่ทันสมัย รบได้ทั้ง 3 มิติ (เฉพาะบางลำ ถ้ามีงบประมาณก็อยากให้ครบทุกอาวุธ ทุกลำครับ) ถ้าเปรียบเทียบ กับทอ. ก็คงเป็น F-16 ประมาณนั้น ในกองเรือฟริเกต ยังแบ่งชั้นของเรือ ได้เป็น 6 ชั้นเรือได้แก่ ชั้นพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (Knox Class Frigate) 461 ร.ล. พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 462 ร.ล. พุทธเลิศหล้านภาลัย ชั้นเจ้าพระยา (Jianghu Class Frigate) 455 ร.ล.เจ้าพระยา 456 ร.ล. บางปะกง 457 ร.ล. กระบุรี 458 ร.ล. สายบุรี ชั้นนเรศวร (Type-025T) 421 ร.ล. นเรศวร(ปืนใหญ่ 1 กระบอก จรวดต่อต้านเรือรบ Harpoon 8 ท่อยิง ปืนกลข้างเรือ 2 กระบอก 422 ร.ล. ตากสิน โรงเก็บ ฮ.1เครื่อง ฮ.ประจำเรือ Super Lynx 300 สามารถค้นหา, ทำลายเรือดำนำ) ชั้นตาปี 431 ร.ล. ตาปี 432 ร.ล. คีรีรัฐ ชั้นมกุฎราชกุมาร 433 ร.ล. มกุฎราชกุมาร ชั้นปิ่นเกล้า(ปลดประจำการ) 413 ร.ล. ปิ่นเกล้า บางข้อมูลอาจจะไม่อัพเดทน่ะครับ แต่แบ่งมาให้ทราบตามนี้ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 14:21:23

ความคิดเห็นที่ 58   เข้ามากระทู้ นี้ เพราะความอยากรู้ อยากได้ความรู้ พอมาเจอคห.แรกๆ แล้ว ฉุนขึ้นมาทันทีว่าเล่นกันมากไปไหม เกือบไม่ได้ความรู้แล้วมั้ยล่ะ จากคุณ : Idolnarok เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 14:44:53

ความคิดเห็นที่ 59   มาทำความรู้จัก กับ เรือชุด ร.ล. นเรศวร (Type - 025 T ) ใน เรือชุดนี้มี 421 ร.ล. นเรศวร และ 422 ร.ล. ตากสิน ในที่นี้ ขอเป็น ร.ล. นเรศวร  หมายเลขประจำเรือ  421        *กองทัพเรือไทยใช้คำว่า "เรือหลวง" และคำย่อว่า "ร.ล." เป็นคำนำหน้าเรือ ซึ่งแสดงถึงการเป็นเรือรบของพระมหากษัตริย์ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า "His Thai Majesty's Ship" และใช้คำย่อว่า "HTMS" นำหน้าเรือ โดยคำว่าเรือหลวงนั้นจะใช้นำหน้าเรือรบที่มีระวางขับน้ำมากกว่า 150 ตันขึ้นไป ส่วนเรือที่มีระวางขับน้ำต่ำกว่า 150 ตัน จะใช้ตัวอักษรอื่นนำหน้า       *เรือพิฆาต ตั้งตามชื่อตัว ชื่อบรรดาศักดิ์ หรือชื่อสกุลของบุคคลที่เป็นวีรบุรุษของชาติ เช่น ร.ล.ปิ่นเกล้า       *เรือพิฆาต เรือฟริเกต เรือคอร์เวต กำหนดด้วยหมายเลข 4 นำหน้า  เลข 2 กลาง  นั้นหมายถึงประเภทชนิดของเรือ ว่า ใช้รบประเภทไหน เลข 1 นั้น คือ ลำที่ 1 รวมกันเป็น เรือหลวงนเรศวร  หมายเลขประจำเรือ  421 นั่นเอง ระบบอาวุธของเรือรบ ชั้นร.ล. นเรศวร (Type - 025 T ) ปืนใหญ่เรือ Mk. 45 ขนาด 127 ม.ม. 1 กระบอก อาวุธปล่อย Harpoon 8 ท่อยิง แท่นยิง Mk.32 แฝด 3 ยิงตอร์ปิโด Mk. 46 2 แท่น ลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ คาดว่าเรือจะถอดปืนกลขนาด 37 มม. จำนวน 2 แท่นออกและติดตั้งแท่นยิง Sadral พร้อมยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Mistral จำนวน 2 แท่น ระวางขับน้ำปกติ 2,800 ตัน เต็มที่ 2,985 ตัน เครดิตรูปภาพจากคุณ : tOntrAnETY จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 14:46:52

ความคิดเห็นที่ 60   ระบบอาวุธส่วนของหัวเรือจะเป็น ปืนใหญ่เรือ Mk. 45 ขนาด 127 ม.ม. 1 กระบอก ติดตั้งให้กับ เรือ 421 ร.ล. นเรศวร และ 422 ร.ล. ตากสิน ครับ ระบบปืนใหญ่สมัยนี้คงไม่ต้องมานั่งหมุนๆกันอีกแล้วครับ สมัยนนี้เป็นระบบไฟฟ้า ควบคุมการยิงด้วยระบบเรดาห์ จับเป้าได้เป็น กดยิง ทันที แม่นเหมือนจับวาง ยิงกันด้วยระยะ หลาย หลักสิบๆ Km จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 15:05:51

ความคิดเห็นที่ 61   ระบบต่อไป ที่น่ากลัวที่สุด และไว้วางใจที่สุด คงนี้ไม่พ้น อาวุธปล่อย Harpoon 8 ท่อยิงและแท่นยิง Mk.32 แฝด 3 ยิงตอร์ปิโด Mk. 46 2 แท่น จากรูปนี้ จะเห็น อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ติดตั้งด้าน มุมขวากลางของภาพ รูปด้านล่างทางซ้ายจะเป็น แท่นปล่อย ตอร์ปิโด Mk. 46   อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน พัฒนาโดยบริษัท McDonnell Douglas Astronautics Company ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาวุธปล่อย ฯ แบบ พื้น - สู่ - พื้น และอากาศ - สู่ - พื้น เพื่อใช้ทำลายเรือผิวน้ำ มีคุณสมบัติดังนี้ * ยิงได้ไกลเกินระยะขอบฟ้า      การกำหนดระยะยิงของลูกอาวุธปล่อยนำวิถี ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ เช่น ภารกิจ น้ำหนักหัวรบ ขนาดและน้ำหนัก สภาวะแวดล้อมในการทำงาน ความสามารถของระบบนำวิถี ความเหมาะสมของอาวุธปล่อยนำวิถี กับแท่นยิง เป็นต้น อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนถูกออกแบบให้มีหัวรบมีอำนาจทำลายสูง สามารถต่อตีเป้าซึ่งมองเห็นได้หรืออยู่ไกล เกินขอบฟ้า ระยะยิงของอาวุธปล่อยนำวิถียิ่งไกลขึ้นก็จะทำให้เกิดอัตราผิดของตำแหน่งอาวุธปล่อยนำวิถีมากยิ่งขึ้น      อาจเกิดขึ้นจากค่าผิดพลาดจากอุปกรณ์ภายในลูกอาวุธปล่อยนำวิถีและสภาวะภายนอก เช่น ลม อุณหภูมิ ถ้าไม่มีการแก้ไขอาจทำให้อัตราผิดยิ่งมากขึ้น จนถึงขั้นทำให้ภาระกิจล้มเหลวได้ ระยะยิงไกลสุดของอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนประมาณ ๗๕ ไมล์ทะเล สามารถค้นหาเป้าเรือผิวน้ำภายในพื้นที่วงกลมมากกว่า ๑๗,๕๐๐ ตารางไมล์ * สามารถใช้ได้ทุกสภาวะอากาศ อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ สภาวะอากาศ เครื่องค้นหาเป้ามีสมรรถภาพสูง ตรวจจับเป้าได้ระยะไกล มีขีดความสามารถติดตามเป้าในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี เช่น ระดับคลื่น ทัศนวิสัยต่าง ๆ การเกิดฝน หิมะ ลูกเห็บและอุณหภูมิ * นำวิถีด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติหลังจากยิงแล้ว ความต้องการของอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ในการทำงานแยกเป็นอิสระจากเรือยิง หลังทำการยิง เรือยิงสามารถเคลื่อนที่อย่างอิสระ สามารถต่อตีเป้าอื่นได้ทันที * โชคการทำลายเป้าสูง อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนมีหัวรบที่มีประสิทธิภาพสูง พลังงานจลน์ในการชนของลูกอาวุธปล่อย ฯ จะเท่ากับรถไฟขนาด ๖๕ ตัน วิ่งด้วยความเร็ว ๖๐ ไมล์ทะเล ต่อชั่วโมง หลังจากการชนแล้ว จะตามด้วยการระเบิดด้วยดินระเบิดขนาด ๕๐๐ ปอนด์ ซึ่งสามารถทำลายเรือชั้นฟริเกตให้ขาดออกเป็นสองส่วนได้ * โชคการรอดพ้นเข้าทำลายเป้าสูง อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนมีขีดความสามารถในการเล็ดรอดเข้าไปในพื้นที่ของข้าศึกโดยไม่ถูกต่อต้านจากระบบป้องกันของข้าศึก ซึ่งอาจจะเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถีระบบป้องกันตัวระยะประชิด หรือการต่อต้านทางอิเล็กทรอนิกส์ การโคจร *เรือหมายเลข 422 ร.ล. ตากสิน ชั้นนเรศวร (Type-025T) แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 20:30:51 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 15:14:41

ความคิดเห็นที่ 62   การยิงระบบ อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน กองทัพเรือมีการฝึกยิง มาหลายครั้ง และต่อมาก็มีการฝึกร่วมกับกองทัพเรือ สิงคโปร์  ครับ และล่าสุดก็ฝึกยิงร่วม กับเป้ากลางทะเล ยิงกันไปประเทศล่ะนัด เข้าเป้า อย่างแม่นยำ เหมือนจับวาง กับระยะยิง เทียบเท่า กรุงเทพ - เพชรบุรี ระยะขอบฟ้า ประเภทมองไม่เห็นหัวเรือก็ซัดกันแล้วครับ  และ เรือ ที่ติดอาวุธชนิดนี้มีกี่ลำ ในกองทัพเรือ สนใจก็เข้าเวบกองทัพเรือได้เลยครับ *จากประวัติการยิง อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ไม่เคยพลาดเป้าแม้แต่ครั้งเดียวครับ แล้วผมจะไม่ภูมิใจ ในกองทัพเรือได้งั้ยล่ะท่าน   *ลูกล่ะประมาณ 30 ล้านจ้าๆๆๆๆๆๆๆ เครดิตรูปภาพจากคุณ : tOntrAnETY และคุณชายน้อย จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 15:31:30

ความคิดเห็นที่ 63   การยิงร่วมกันระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสิงคโปร์เช่นเดิม โดย ทางฝั่งเราได้ใช้เรือหลวงนเรศวรเป็นเรือยิง และฝั่งสิงคโปร์ใช้เรือ  RSS Victory เป็นเรือยิง สำหรับผลการยิงนั้น ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยจรวดเข้าเป้าพื้นน้ำทั้ง 2 ลำครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 15:41:01

ความคิดเห็นที่ 64   แวะมาให้กำลังใจพี่กกร่มค่ะ ขอบคุณนะคะที่สละเวลานำข้อมูลดี ๆ เหล่านี้มาแบ่งปันกัน ขออนุญาตเอาภาพจากการทำงานกับ ทร. ครั้งล่าสุดมาแจมค่ะ จากคุณ : when i'm feeling .. blue เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 15:59:59

ความคิดเห็นที่ 65   ฮาร์พูนแม่นมากก็จริง แต่ถ้าเกิดต้องยิงใส่เรือที่มีระบบอาวุธป้องกันระยะใกล้ CIWS มันจะไม่ถูกยิงร่วงไปหมดก่อนเหรอครับ ยิงกับเป้านิ่งมันก็เท่านั้น น่าจะลองยิงใส่ระบบอาวุธที่ออกมาเพื่อต่อต้านมันดูนะครับ จะได้มั่นใจมากขึ้นไปอีก เรือชั้นพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (Knox Class)ก็มีระบบนี้อยู่น่าจะลองถอดออกมาเป็นเป้าลองยิงดูนะครับ จากคุณ : a3xx เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 16:18:18 A:125.24.93.207 X: TicketID:211532

ความคิดเห็นที่ 66   ขอบคุณ  คุณกกร่ม   ครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 17:39:25 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 16:32:11 จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 16:21:06

ความคิดเห็นที่ 67   ยังไม่หมดครับ พระเอก ฮาร์พูน ของเราแหละ ปืนใหญ่เรือ Mk. 45 ขนาด 127 แล้ว อาร์พูน มีติดตั้งกับเรือชั้นไหนบ้างล่ะ ลองมาดูกัน ระบบ อาร์พูนมีชื่อเรียกใน ทร.สหรัฐ ว่า อาร์จีเอ็ม - 48เอ ในรุ่นที่ติดตั้งกับเรือผิวน้ำของไทย สามารถยิงได้จากท่อยิงมาตรฐาน  ในทร.ไทย มีการติดตั้งครั้งแรกให้กับ -เรือชุด ร.ล.รัตน์โกสินทร์มี (เรือคอร์เวต) 2 ลำ  441 ร.ล. รัตนโกสินทร์ 442 ร.ล. สุโขทัย -ตามด้วยเรือฟริเกต ชั้นพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (Knox Class Frigate) มี 2 ลำ 461 ร.ล. พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 462 ร.ล. พุทธเลิศหล้านภาลัย -เรือฟริเกตชุด ชั้นนเรศวร (Type-025T) 2 ลำ 421 ร.ล. นเรศวร 422 ร.ล. ตากสิน แลยังสามารถยิงจาก เครื่องบินลาดตระเวนแบบ F-27 ฟ็อกเกอร์ และ TP-3B ได้อีกด้วย มาดูเรือ ชั้น ร.ล.นเรศวรกันต่อ *ระบบ 3 ยิงตอร์ปิโด Mk. 46 2 แท่น หลายคนคิดว่า ทร.ไม่มีระบบปราบเรือดำน้ำ จริงๆน่ะมีครับ เรือ ชั้นนี้ก็มี ดังในภาพ เป็นชุดท่อยิงตอร์ปิโด 3 ท่อยิง  ในการยิง จะทำการตรวจจับเป้าหมายใต้ผิวน้ำ เช่น พวกเรือดำน้ำ ที่ชอบมุดทะเลชาวบ้ายเขา เราก็จะใช้ คลื่นโซ่นาร์หย่อน ลงไปเพื่อตรวจจับ และเมื่อตรวจับได้แล้ว ในการยิง ท่อยิงที่เห็นขนานกับลำเรือ จะหมุนเฉียงให้กับลำเรือแล้ว ปล่อยอาวุธ ออกไป ลงสู่ใต้น้ำเพื่อทำลายเป้าหมาย *ระบบ ปตอ.ขนาด 37 มิลลิเมตร (37 ม.ม.คือ ความกว้างปากลำกล้อง) ติดตั้ง จำนวน 2 แท่นยิง ควบคุมการยิงด้วยไฟฟ้า ติดตามเป้าด้วยเรดาร์ เมื่อล๊อกเป้าหมายทางอากาศระยะใกล้ ก็กดปุ่มยิงได้เลย *ระบบ เป้าลวง ป้องกันจรวด  DECOY หรือเป้าลวง อยู่ข้างกราบลำตัวเรือ ยิงแล้วกระจายขึ้นกลางอากาศเป็นแฟร์แสง เวลายิงขึ้นไปจะเป็นแผ่นชาร์ป คล้ายแผ่นโลหะชิ้นเล็กๆ เพื่อล่อเป้าจากจรวดนำวิถีข้าศึกให้หลงทาง    แผ่นชาร์ปมี 2 ชนิด    1. จรวดนำวิถีด้วยความร้อนก็ยิงแผ่นชาร์ปชนิด IR  ให้กระจายไปบนฟ้าจรวดนึกว่าเป็นความร้อนจากเรือวิ่งชนของปลอมระเบิด    2. นำวิถีด้วยเรดาร์ ก็ยิงแผ่นชาร์ปชนิด RF จะเป็นม่านควันหลอกเป็นตัวเรือ ไม่ให้รู้ว่าเป็นตัวเรืออยู่ตรงไหน จรวดก็หลงทางวิ่งชนม่านควันนั้นระเบิด บน เรือหลวงตากสิน   ล่างซ้าย : ระบบ 3 ยิงตอร์ปิโด Mk. 46 2 แท่น ล่างขวา  : ระบบ ปตอ.ขนาด 37 มิลลิเมตร และระบบเป้าหลวงที่ติดตั้งรอบตัวเรือ น่าจะหมดแล้วน่ะ นี้แค่ อาวุธเฉพาะ เรือชุด นเรศวร 421/422 ต่อไปเป็นอากาศยาน ประจำเรือชุดนี้ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 16:53:03

ความคิดเห็นที่ 68   Super Lynx 300 สังกัด ฝูงบิน  203    เป็นฮ.แบบล่าสุดที่ทร.ได้รับเข้าประจำการครับ ตามหลักแล้วฮ.ถูกกำหนดภารกิจเป็นฮ.ปราบเรือผิวน้ำ โดยจะประจำการบนเรือฟริเกตที่มีโรงเก็บฮ.ต่าง ๆ  มีประจำการ 2 ลำ ในรูปภาพ จอดบนเรือ ร.ล.นเรศวร ส่วนระบบอาวุธ ต่าง ๆ ทร.คงจัดหามาเพิ่มเติมภายหลัง ตามกำลังงบประมาณ ถ้า ฮ. นี้ติดตั้งอาวุธ ทุกอย่างเต็มประสิทธิภาพของมันแล้ว จะเป็นเขี้ยวเล็บที่น่ากลัว จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 17:03:24

ความคิดเห็นที่ 69   โอ้โห....... ดูเพลินเลยครับ อ่านไม่เบื่อจริงๆ ๆ ต้องขอบคุณหลายๆ ท่านที่เข้ามาให้ความรู้อย่างจริงจัง พูดตรงๆ ว่าผมตั้งกระทู้นี้เมื่อคืนก่อนกลับห้อง ยังไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบเป็นสาระมากขนาดนี้ เห็นอย่างนี้ แล้วภูมิใจและชื่นชมกับขีดความสามารถของทร.เราครับ ก่อนเข้าๆ มาตั้งกระทู้ ผมก็ไปส่องดูมาใน wiki แล้ว อ่านท่อนนี้แล้วเซ็งๆ นิดหน่อยแหะ "In its current state many military commentators consider it more a national prestige vessel rather than a serious V/STOL amphibious warfare capable carrier" ซึ่งถ้าแปลไม่ผิด น่าจะประมาณว่า "ในสถานะภาพตอนนี้ของมัน (เรือจักรีนฤเบศ) ผู้เชียวชาญทางทหารหลายคนชี้ว่า เรือจักรีนฤเบศดูจะเป็นเรือที่เป็นเพียงความภูมิใจของชาติเท่านั้น มากกว่าที่จะเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่พร้อมรบจริงๆ" จะอย่างไรก็ขอบคุณอีกครับสำหรับสาระความรู้ครับ โดยเฉพาะคุณกกร่ม ที่อุตส่าห์หาความรู้มาใส่เสียเต็มอิ่มเลย เหอๆ เดิมที ผมก็นึกภาพไว้คร่าวๆ ถึงกองเรือคุ้มกันเรือจักรีนฤเบศในยามสงครามไว้ ว่าคงจะมีฟริเกตสัก 2-3 ลำ + เรือสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ แต่ไม่รู้จริง เลยมาตั้งกระทู้ถาม จนได้ความรู้ของจริงในที่สุด เยี่ยม!! จากคุณ : จขกท. (art_sarawut) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 17:43:37

ความคิดเห็นที่ 70   นั่นแค่ เรือหลวง 2 ลำเท่านั้นเองน่ะ ต่อไปเรามารู้จัก ระบบอาวุธที่มีประจำการ ในกองทัพเรือไทย   อาร์พูนก็รู้จักกันไปแล้ว ต่อก็ต้อง เอ็กโซเซต์ (Exocet)  พระเอกของเราอีกคน ที่ยิงที่ไร ก็ไม่เคยจะพลาดเป้าทำให้ทัพเรือต้องเสียใจ เอ็กโซเซต์ (Exocet) เอ็กโซเซต์เป็นขีปนาวุธโจมตีเรือที่ยิงจากรถปล่อย เรือดำน้ำ และ เครื่องบิน เอ็กโซเซต์ถูกสร้างและพัฒนาโดยบริษัท เอ็มบีดีเอ รุ่น เอ็มเอ็ม 38 ถูกยิงจากฐานปล่อยบนเรือ ในปี ค.ศ. 1967 เอ็กโซเซต์ เอ็มเอ็ม 40 เป็นรุ่นล่าสุดที่ได้มีการพัฒนา รัศมีการยิง 180 กิโลเมตรมีระบบนำทางจีพีเอส-ไอเอ็นเอส สามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ตามแนวชายฝั่งได้ มันจะทำงานโดนอัตโนมัติ ตั้งแต่ปล่อยออกจากท่อยิง หรือที่เราเรียกว่า ยิงแล้วลืม FIRE AND FORGET และโคจรเข้าหาเป้าหมายแบบเรี่ยกับพื้นน้ำ  จึงถูกตรวจจับได้ยาก ถูกพัฒนาโดยประเทศ ฝรั่งเศส  มีอยุ่ 4 รุ่นด้วยกัน ทรงไทยใช้รุ่นพื้นฐาน ติดตั้งให้กับ เรือชุด ร.ล.ชั้นราชฤทธิ์ เรือเร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถี (เรือ รจอ.) มีระยะยิง 42 กม.  แต่ถ้าเป็น MM 40 จะเพิ่มระยะยิงมาที่ 70 กม.  รุ่นยิงจากอากาศ AM 39  และ รุ่นยิงจากเรือดำน้ำ SM 39 ชั้นราชฤทธิ์ มี 3 ลำ ได้แก่ 321 ร.ล.ราชฤทธิ์ 322 ร.ล.วิทยาคม 323 ร.ล.อุดมเดช ระบบอาวุธ ของชุด ร.ล.ราชฤทธิ์ ปืน 76/62 Oto-Melara จำนวน 1 กระบอก ปืนกล 40/61 Breda จำนวน 1 กระบอก ปืนกล .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก จรวด Exocet MM 38 (SSM) จำนวน 4 ท่อยิง เครื่องควบคุมการยิง WM 28/41     การทำงานของระบบ  Exocet MM 38 (SSM)  ชนวนเป็นแบบ เฉียดระเบิดบรรจุพร้อมยิง อยุ่ในท่อสูญกาศที่ใช้เก็บรักษาและลำเลียงในตัว  ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด คือ ส่วนหัวนำวิธี เรดาห์ แอ็คทีพ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนหัวรบ  หัวส่วนขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแข็งท่อนเดียวพร้อมบูสเตอร์ดินขับนำและส่วนอิเล็กทรอนิกส์ท้าย พร้อมครีบหางในการบังคับการบิน    การทำงาน เมื่อเรดาห์ควบคุมการยิงของเรือ ตรวจพบเป้าหมายและตัดสินใจยิงทำลาย  เรดาห์ควบคุมการยิงจะป้อนข้อมูลเป้าหมายให้กับลูกจรวดอาวุธนำวิถี จากนั้น จนท.จะกดปุ่มยิง ฝาครอบจะเปิดออกและมอเตอร์ดินขับจะทำงานขับให้อาวุธนำวิถีพุ่งออกจากท่อยิง   เมื่อออกจากท่อยิง  Exocet MM 38  จำทำงานจนพุ่งเข้ากระทบเป้าหมายเสร็จสิ้นภารกิจ นี้แหละ ยิงแล้วลืม  การทำงานเมื่อออจากท่อยิง  Exocet จะเร่งความเร็วและไต่ขึ้นที่ระดับความสูงประมาณ 30 เมตร แล้วจะเริ่มทรงตัวเข้าสู่วิถีโคจร เป็นระยะทาง 4 กม. แล้วลดระดับเองเพื่อที่จะร่อนเรี่ยผิวน้ำทะเลหลังจากยิงไปแล้ว 2.5 วินาที ดินขับนำจะหมดและดินขับเคลื่อนจะเริ่มทำงาน ขับดินให้จรวดโคจร ด้วยความเร็วคงที่ 300 เมตร/วินาที  หัวนำวิถีเรดาร์จะเริ่มแอ็กทีฟเริ่มทำงานที่ระยะ 12 กม. 8 กม. หรือ 5 กม.จากเป้า ทั้งน้ขึ้นอยู่กับการตั้งโปรแกรมก่อนที่จะทำการยิง  เมื่อจับเป้าได้ จำทำการล็อคออน เพื่อเลือกความสูงในการชนเป้าหมายได้ 3 ระดับ 7,4.2,และ 2.2 เมตร ตามลำดับ   ความแม่นยำในการยิงไม่ต้องพูดถึงครับ เห็นได้จาก Clip ที่แนบมานี้ทำการยิง จากเรือชุดนี้ และจากการเข้ามาประจำการและยิงทดสอบ ไม่เคยพลาดเป้าแม้แต่ครั้งเดียว  อีกหนึ่งอาวุธความภาคภูมิใจ ของ กองทัพเรือไทย จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 17:45:12

ความคิดเห็นที่ 71   ต่อไป อาวุธนำวิถีโจมตีเรือแบบ C-801 ยิงแล้วลืม ผลิตใน จีน หน้าตามัน คล้ายๆ  เอ็กโซเซต์ (Exocet) ของฝรั่งเศส อาจจะเรียกว่า เป็นฝาแฝดกันก็ว่าได้  หรือจะเรียกว่า เอ็กโซเซต์ จีน C-801 ติดตั้งในเรือ ชั้นเจ้าพระยา (Jianghu Class Frigate) 455 ร.ล.เจ้าพระยา 456 ร.ล. บางปะกง 457 ร.ล. กระบุรี 458 ร.ล. สายบุรี ระบบอาวุธ (455 และ 456) ปืนใหญ่เรือ Type 79A ขนาด 100 ม.ม. แท่นคู่ 2 กระบอก อาวุธปล่อยนำวิถี C-801 จำนวน 8 ท่อยิง แท่นยิงระเบิดน้ำลึก RBU-1200 1 แท่น ปืนกล 37 ม.ม. แท่นคู่ 4 แท่น ระวางขับน้ำ 1,702-1,925 ตัน ระบบอาวุธ (457 และ 458) ปืนใหญ่เรือ Type 79A ขนาด 100 ม.ม. แท่นคู่ 1 กระบอก อาวุธปล่อยนำวิถี C-801 จำนวน 8 ท่อยิง แท่นยิงระเบิดน้ำลึก RBU-1200 1 แท่น ปืนกล 37 ม.ม. แท่นคู่ 4 แท่น ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ หลักการทำงาน คล้ายกับ เอ็กโซเซต์ (Exocet) ของฝรั่งเศส  แต่การโคจรเรี่ยน้ำที่ระดับ 20 เมตร จากผิวน้ำและขี่นตอน การกระทบเป้าหมาย มี 2 ระดับ คือ 5 และ 7 เมตร ถ้าสังเกตให้ดีเวลายิง C-801 จะมีควันที่เกิดจากดินขับมากว่า (Exocet) ทร.มีโครงการที่จะเปลี่ยน เป็น  C-802 ที่มีความทันสมัยกว่า และระยะยิงที่ไกลเพิ่มขึ้นเป็น 120 กม. จาก Clip นี้ เป็นการยิง C-801  จากเรือ 2 ลำในชั้น เจ้าพระยา ดูเอาแล้วกันครับว่าแม่นมั้ย  สมัยนี้แบบที่บอกครับ ไม่มีวันได้เห็นหน้า ใครกดก่อนได้ก่อน จบเกมส์ให้เร็วที่สุด อาวุธจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ความพร้อมรบด้วยงบประมาณที่จำกัด แต่ยังคงขีดความสามารถไว้ได้ นี้แหละครับ คุณภาพกองทัพเรือไทย จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 18:02:37

ความคิดเห็นที่ 72   เอ็กโซเซต์ สุดยอดไปเลยครับ คลิปนี่อย่างกับหนังสงครามเลย เหอๆ เท่ห์สุดๆ แต่คลิป C-801 เป็นไรไม่รู้แหะ ตะกี้กดเล่นแล้วปิดไปทั้งเว็บเลย แหง่ววว.. จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 19:34:03

ความคิดเห็นที่ 73   อาวุธต่อไป แอสปิเด้ เป็นอาวุธนำวิธีต่อสู่อากาศยานพิสัยใกล้ พื้น- สู่อากาศ ผลิตโดย ประเทศ อิตาลี ปัจจุบันมีติดตั้งเป็นเขี้ยวเล็บ ของเรือคอร์เวต ชุด ร.ล. รัตนโกสินทร์ 2 ลำ ได้แก่ 441 ร.ล. รัตนโกสินทร์ , 442 ร.ล. สุโขทัยสามารถต่อต้านเครื่อนบิน เฮลิคอปเตอร์ และ UAV และอาวุธปล่อยนำวิถี ในระยะระหว่าง 1-15 Km ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นำว่าเป็นอาวุธต่อสู้อากาศยานที่ทันสมัยที่สุด ของ ทร.ในปัจจุบัน          ความเร็วในการ วิ่งเข้าหาเป้าหมาย 2.5 มัค เมื่อพุ่งออกจากท่อยิง ปีก 4 ปีก และ ครีบหาง 4 ครีบ ใช้ในการบังคับทิศทางในการรักษาการทรงตัวขณะโคจรเข้าสู้เป้าหมาย  ลูกอาวุธนำวิถีบรรจุอยู่ในท่อยิง 8 ท่อยิง เรียงกัน แถวละ 4 ท่อยิง ในภาพ การติดตั้ง แอสปิเด้ บนเรือ ร.ล. สุโขทัย 442 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 19:55:10

ความคิดเห็นที่ 74   Clip การยิง แอสปิเด้ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 19:56:43

ความคิดเห็นที่ 75   ขอบคุณมากเลยครับ ทั้งคนตั้ง และคนตอบกระทู้ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:03:40

ความคิดเห็นที่ 76   ระบบอาวุธนำวิถีชนิดต่างๆ น่าจะหมดกองทัพเรือแล้วน่ะครับ แต่ระบบเรือต่างๆ ยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเรือ ไกลฝั่ง - ใกล้ฝั่ง เรือปราบเรือดำน้ำ เรือตรวจการร์ปืน เรื่อตรวจการณ์ชายฝั่ง เรือประเภทกวาดทุ่นระเบิด เรือทำลายทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง เรือต่อต้านทุ่นระเบิด เรือยกพล เรือระบายพล เรือสำรวจขนาดใหญ่ และต่างๆๆ อีกมากมาย นับไม่ถ้วน เยอะจริง  ต่อไปก็มาดูศักยภาพกองเรือเอามาให้ดูเป็นตัวอย่างครับ *เรือคอร์เวต ร.ล.สุโขทัย 442 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:11:03

ความคิดเห็นที่ 77   *เรือคอร์เวต ร.ล.สุโขทัย 442 ซ้าย : ปืนใหญ่เรือ 76/62 และปืนกล 40/70 แท่นคู่ กลาง : ระบบเรดาร์ และ ควบคุมการยิง ขวา : อาวุธปล่อยนำวิถี Harpoon แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 20:17:46 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:16:02

ความคิดเห็นที่ 78   *เรือหมายเลข 521   ร.ล.สัตหีบ เป็นเรือชั้น ร.ล.สัตหีบ ประเภท เรือตรวจการณ์ปืน (เรือ ตกป.) *เรือหมายเลข 533 ร.ล. ล่องลม เป็นเรือชั้น ร.ล. คำรนสินธุ ประเภท  เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ(เรือ ตกด.) ระวางขับน้ำ 475 ตัน จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:28:40

ความคิดเห็นที่ 79   *เรือหมายเลข 456   ร.ล.บางประกง เป็นเรือในชุด ร.ล.เจ้าพระยา (Jianghu Class Frigate)  ประเภท เรือฟริเกต ระบบอาวุธ ปืนใหญ่เรือ Type 79A ขนาด 100 ม.ม. แท่นคู่ 2 กระบอก อาวุธปล่อยนำวิถี C-801 จำนวน 8 ท่อยิง แท่นยิงระเบิดน้ำลึก RBU-1200 1 แท่น ปืนกล 37 ม.ม. แท่นคู่ 4 แท่น ระวางขับน้ำ 1,702-1,925 ตัน จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:36:15

ความคิดเห็นที่ 80   *เรือหมายเลข 511   ร.ล.ปัตตานี เป็นเรือ 1 ใน 2 ลำของเรือในชุด ร.ล.ปัตตานี อีกลำคือ  หมายเลข 512 ร.ล. นราธิวาส  ประเภท เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง  พิธีรับมอบ ร.ล.ปัตตานี มีขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2548 และเดินทางมาถึงประเทสไทยเมื่อ วันที่ 16 ธ.ค. 2548 ส่วน ร.ล.นราธิวาส เดินทางมาถึงประเทศไทย เมื่อ 20 มี.ค. 2549 ระบบอาวุธ ปืนใหญ่เรือ 76/62 แบบ Super Rapid Fire ของ Oto-Melara จำนวน 1 กระบอก ปืนกล 20 มม. ที่สามารถยิงแบบ Local Control จำนวน 2 กระบอก ปืนกล .50 จำนวน 2 กระบอก ระวางขับน้ำสูงสุด 1,635 ตัน หมายเหตุ: มีโครงการติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น – สู่ – พื้น Harpoon จำนวน 1 ระบบ ระบบอาวุธปืนรองแบบอัตโนมัติขนาด 40มม. หรือ 30 มม. 1-2 ระบบ และ ระบบ ESM / ระบบ IFF จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:54:31

ความคิดเห็นที่ 81   *เรือหมายเลข 511   ร.ล.ปัตตานี จากภาพ ปืนใหญ่เรือ 76/62 มม. ติดตั้งบริเวณ ส่วนหัวเรือ ควบคุมการยิงด้วยระบบเรดาห์ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:57:51

ความคิดเห็นที่ 82   *เรือหมายเลข 511   ร.ล.ปัตตานี มุมมองด้านข้างเรือ ชื่ออย่างเป็นทางการ " เรือหลวงปัตตานี " (511) " H.T.M.S. PATTANI " และ อีกลำชื่อ          " เรือหลวงนราธิวาส " (512) " H.T.M.S NARATHIWAT" จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 21:02:11

ความคิดเห็นที่ 83   ขอขอบคุณข้อมูล ที่ใช้ในการอ้างอิง ครับ ต้องใช้จากหลายๆแห่ง มารวบรวมข้อมูล เพื่อความเข้าใจ มิได้มีเจตนาหวังผลแต่ประการใด ข้อมูลต่างๆไม่ได้เตรียมมาก่อน ผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ กองทัพเรือ : http://www.navy.mi.th/ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีกองทัพเรือไทย ข้อมูล และรูปภาพ จากเวบ เสธแดง ตอน ร.ล.นเรศวร ข้อมูล รูปภาพ จาก คุณ tOntrAnETY (thaimazda3) และจากเวบ ในหน่วยต่างของ ทุกกองเรือ กองทัพเรือครับ เครดิต ข้อมูล เรือรบ จาก สมรภูมิ เครดิต ข้อมูล จาก  นาวิกศาสตร์ ***ถ้าอยากรู้จัก เรือหลวงจักรีนฤเบศรให้มากกว่านี้ ตาม Link ไปชมข้อมูลภารกิจได้เลยครับ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ*** Link : http://www.navy.mi.th/cvh911/ หวังว่าคงจะตามโจทย์การจัดกำลัง ของกองทัพเรือ และระบบอาวุธ ชนิดต่างๆ แต่ ยังมีอีกมาก ที่นำมาก็ยกตัวอย่างให้เห็นภาพบางส่วนเท่านั้น และความภาคภูมิใจของกองทัพเรือ ของประเทศไทยของเราครับ  ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ งบประมาณ จริงๆครับ ปิดท้ายด้วยชุดเรือ หลายคนเข้าใจผิดว่า จอดเฉยๆ จริงการปฏิบัติภารกิจ ก็ต้องมีการผลัดเปลี่ยน การออกปฏิบัติการทางทะเลครับ และภารกิจซ่อมบำรุงตามวงรอบ ในการออกทำภารกิจ ทั้งเสบียง เชื้อเพลง เบี้ยเลี้ยง ค่าใช้จ่ายในการออกเรือ ต่างๆ สรุปทุกอย่าง ในการพัฒนา งบประมาณเป็นปัจจัยแรกๆ ในการ พัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันทางทะเลครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 21:27:38 จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 21:19:12

ความคิดเห็นที่ 84   เคยคุยกับต้นปืน(มั๊ง เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว กลัวจำผิดเหมือนกัน)เรือรัตนโกสินทร์ สุดยอดมากครับ เรือชุดนี้ ....อาวุธที่ติดตั้งเอาไว้ก็ทันสมัยดีครับ เพียงแต่ลำเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง ที่จริงบนเรือ 911 น่าจะมีอากาศยานต่อระยะเรดาร์ซักสองลำนะครับ อีกทั้งน่าจะมีอากาศยาน ที่สามารถ"หิ้ว"จรวดต่อต้านเรือออกไปยิงในระยะไกลได้ ยามสงบอาจให้ความสำคัญน้อยกับเรื่องนี้ แต่พอถึงเวลา เกรงว่าเราจะรู้สึกว่า"ขาด"ได้ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 07:47:00

ความคิดเห็นที่ 85   เจอแน่นๆ แบบนี้ ขาประจำ ที่ชอบขัดและดูถูกกองทัพของเราเอง  ถอยเลย จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 11:47:51

ความคิดเห็นที่ 86   ดูจากคลิป VDO ที่คุณกกร่มนำมาให้ดูแล้ว Exocet น่าจะมีอำนาจในการทำลายสูงกว่า C-801 มากพอสมควรเลยใช่มั๊ยครับ? จากคุณ : Sweet-14 เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 20:12:28

ความคิดเห็นที่ 87   ตอบ คุณ Sweet-14  ถูกต้องครับ อนุภาพการทำลายสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด  ถ้ารูปร่างภายนอกอาจจะดูได้ไม่ออกครับ เพราะมีลักษณะระบบภายนอกค่อนข้างจะเหมือนกัน ### ถ้าพูดถึงระบบ   อาวุธปล่อยนำวิถี EXOCET MM.๓๘ มีประจำการในเรือ ชุด เรือหลวงราชฤทธิ์ เรือชุด ร.ล.ราชฤทธิ์ เป็นเรือยนต์เร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถี(EXOCET) ประกอบด้วยเรือ ๓ ลำ ได้แก่ ร.ล.ราชฤทธิ์ , ร.ล.วิทยาคม และ ร.ล.อุดมเดช กองทัพเรือได้จัดหาเรือประเภทนี้ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ โดยใช้งบประมาณจากค่าสัมปทานสำรวจน้ำมันในทะเลจากบริษัทต่างๆ นอกเหนือจากงบประมาณประจำและมีชื่อโครงการว่า " การจัดหาเรือคุ้มครองการสำรวจน้ำมันในทะเล " เพิ่มเติมลองเข้าไปอ่าน จากคุณ Skyman เขียนได้ละเอียด http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=13-05-2007&group=1&gblog=49 *  ทร.มีโครงการที่จะเปลี่ยน เป็น  C-802 ที่มีความทันสมัยกว่า และระยะยิงที่ไกลเพิ่มขึ้นเป็น 120 กม. จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:10:18

ความคิดเห็นที่ 88   ตอบ ความคิดเห็นที่ 84 ถูกต้องแล้วครับ เป็น เรือคอร์เวต ชุด ร.ล. รัตนโกสินทร์ 2 ลำ ได้แก่ 441 ร.ล. รัตนโกสินทร์ , 442 ร.ล. สุโขทัย ข้อมูลก็ตาม #73 , #74 ระบบอาวุธ ปืนใหญ่เรือ 76/62 มม. OTO MERALA หัวเรือ 1 กระบอก   ปืนกล 40/70 มม. BREDA แท่นคู่  ท้ายเรือ 1 กระบอก อาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีเรือ Harpoon 8 ท่อยิง อาวุธปล่อยน้ำวิถีพื้นสู่อากาศ Aspide 8 ท่อยิง 1 แท่น แท่นยิง Mk.32 Mod 5 ยิงตอร์ปิโด Mk. 46 2 แท่น เรือชุด  รัตนโกสินทร์  ต่อจาก บริษัท ทาโคม่า โบ๊ตบิลดิ้ง ประเทศ สหรัฐ ขึ้นระวาง วันที่ 26 พ.ย. 2529 ถือว่าเป็นเขี้ยวเล็บที่สำคัญและระบบที่ทันสมัยที่สุดชุดหนึ่งของกองทัพเรือไทยก็ว่าได้   ภารกิจ : ขีดความสามารถในการลาดตระเวนตรวจการณ์คุ้มกันกระบวนเรือ  ป้องกันภัยทางอากาศ ปราบเรือดำน้ำ  รบได้ทั้งผิวน้ำและยังสามารถสนับสนุนการยิงบนฝั่งได้อีกด้วย นับว่าเป็นเรือที่สามารถทำการรบได้ 3 มิติ ก็ว่าได้ครับ รบได้ทั้ง ป้องกันภัยทางอากาศ,เรือผิวน้ำ,ปราบเรือดำน้ำ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:34:26

ความคิดเห็นที่ 89   ขอบคุณครับ ท่อยิงฮาร์พูน ดูแล้วไม่ขลังเลย แต่จากที่เคยอ่านๆมา เข้าใจว่าดีที่สุด แต่ไม่ค่อยดังเท่า MM38 เพราะที่โดน MM38 จนจมเป็นถึงเรือของราชนาวีอังกฤษ ฮาร์พูนนี่เราเซ็ตให้เข้าหาเป้าเรี่ยน้ำ แล้ว Pop up ทิ้งตัวใส่เป้าแนวดิ่งได้ด้วยเหรอครับ...เคยเล่นเกมแล้วเห็นเป็นแบบนั้น จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 12:50:36

ความคิดเห็นที่ 90   ระบบอาวุธสมัยนี้มันมีการตั้งค่า ได้ เช่นแบบ เรี่ยกับน้ำแล้วกระทบเป้าหมาย หรืออีกแบบ เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายมันจะดิ่งหัวขึ้นตามระยะที่เหมาะสมอย่างอัตโนมัติ แล้วทำมุมประมาณ  30 องศา ตามที่กำหนดแล้วกระทบเป้าหมาย ครับ ตามข้อมูลที่ให้ไป และ อาร์พูนยังสามารถตั้งโปรแกรมจุดเลี้ยว หรือ เรียกว่า Way Point ได้สุงสุด 3 จุด เพื่อลวงข้าศึกและหลบหลีก ระบบต่อต้านจากเรือข้าศึก เช่นเรือข้าศึกอยุ่หลังเกาะหรือในบริเวณจุด อัพ เมื่อล๊อคเปล้าหมายได้มันก็จะบินเรี่ยน้ำไปและอ้อมเข้าไปทำลายเป้าหมายครับ   ในอาร์พูน จะมีระบบ ECCM ตอบโต้การต่อต้านทางอิเล็กทรอนิกส์โดยอัตโนมัติอีกด้วยครับ McDonnell-Douglas AGM-84A Harpoon and AGM-84E SLAM สามารถปล่อย ได้จาก เรือรบ,เครื่องบิน,เรือดำน้ำ ครับ ลองดูจากภาพนี้จะเข้าใจการทำงานของมันมากขึ้น จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 14:56:42

ความคิดเห็นที่ 91   ส่วนประกอบของ AGM-84A Harpoon ผลิตโดย McDonnell-Douglas จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:14:43

ความคิดเห็นที่ 92   AGM-84A Harpoon ปล่อยจากอากาศยาน ชนิดต่างๆ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:15:53

ความคิดเห็นที่ 93   AGM-84A Harpoon ปล่อยจาก เรือรบผิวน้ำ จะมีลักษณะเป็นท่อยิง แท่นคู่ครับ ถ้าปล่อยจากเครื่องบิน จะเป็นลูกพร้อมยิง นี้คือข้อแตกต่าง จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:31:50

ความคิดเห็นที่ 94   AGM-84A Harpoon  ยิงจากเรือดำน้ำ จะมีลักษณะคล้ายตอร์ปิโด เมื่อยิงออกไปจากเรือดำน้ำแล้ว เมื่อพ้นสู้ผิวน้ำ จะแยกออกเป็น ครีบหางจะกางออก ลูกจรวดHarpoon วิ่งขึ้นสู่โคจรการทำงานเหมือนกับการปล่อยแบบอื่นๆครับ จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:35:29

ความคิดเห็นที่ 95   ภาพนี้เป็นการฝึกยิง อาวุธประจำปี ของทั้ง 2 ประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมครับ http://www.navy.mi.th/frigate2/News/Office/office0001.htm จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:51:23

ความคิดเห็นที่ 96   ตัวอย่าง สภาพความเสียหายที่เกิด Harpoon  จาก ตปท.ที่ทำการยิง Harpoon missile hitting an retired destroyer at the Pacific Missile Test Range off Point Mugu. ซ้าย : เมื่อกระทบกับเป้าหมาย ขวา : สภาพความเสียหายอย่างหนัก จากคุณ : กกร่ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:57:12

ความคิดเห็นที่ 97   #๕๒ บ้านน้ำเค็มอยู่อำเภอตะกั่วป่าครับ เกาะคอเขาก็อยู่อำเภอตะกั่วป่าเช่นกัน จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:13:14

ความคิดเห็นที่ 98   อ๋อ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ อิอิ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:21:54

ความคิดเห็นที่ 99   ขอบคุณคุณ กกร่ม มากครับ ถามอีกนิดหน่อยนะครับ พวกปืนกลอัตโนมัติอัตราการยิงสูงทั้งหลายนี่ ผมสังเกตว่า มันยิงแนวดิ่งไม่ได้ ถือว่าเป็นจุดบอดไหมครับ แล้วสามารถเซ็ตให้ฮาร์พูน Pop up ที่กิโลกว่าๆ แล้วดิ่งลงมาในแนว +- 85 องศาได้ไหม จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 19:31:20

ความคิดเห็นที่ 100   น่าจะขึ้นกระทู้แนะนำ หน่อยนะ จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 21:39:28