Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  
 


กลโกงของการสาธิต อาหารเสริม Amway (Episode 4)  

ขออนุญาตต่อนะคะ มีคนถามไว้ที่ Episode 3

อะเซโรล่า กับ active8

เริ่มต้นการทดลอง เพื่อนสามีที่เป็น นธอ. เธอเอาบิกเกอร์ ปิเปต สารละลายไอโอดีนมาวาง ไอ้เราก็ดีใจว่าพี่แกเลิกขายแอม.. แล้วเหรอ

ป้าดติโธ่...

เธอเอาข้าวสารใส่ในบิกเกอร์ ใส่น้ำเปล่า แล้วหยดไอโอดีนลงไป
โอ๊ว อัศจรรย์อะไรอย่างนั้น ข้าวสารกลายเป็นสีน้ำเงินอมม่วงไปแล้ว

ดูสิกินกันเข้าไป สารพิษเข้าไปสะสมในร่างกายแล้วเห็นไม๊น่ะ
เธอพูดพลางก็หันมามองหญิงที่ล้มเหลวทางสรีระอย่างดั๊น

ว่าแล้วเธอก็ควัก อะเซโรล่า กับ active8 ออกมาค่ะ เอาช้อนเล็กๆ ตักผง
ออกมานิดหน่อย แล้วก็คนๆๆ บิกเกอร์

ดูสิ อะเซโรล่า กับ active8 มหัศจจรย์ม่ะ
ทำให้ขาวสารกลับมาขาวปิ๊งได้เหมือนเดิม เห็นไม๊ๆๆ มันล้างพิษอ่ะ
เอ๊า เห็นละ ก็ซื้อกินกันซะสิ ถ้าไม่ซื้อเพราะไม่มีตังค์ก็ไม่ได้นะ
เพราะชีวิตน่ะสำคัญกว่าเงิน เง้อ...

ในความเป็นจริง นี่เป็นวิทย์ที่เด็ก ม2 เค้าเรียนกันนะคะ
น้ำแป้ง+สารละลายไอโอดีน น้ำแป้งจะกลายเป็นสีน้ำเงินอมม่วง
อันนี้ ทุกคนทราบๆ กันดีอยู่แล้ว แล้วถ้าเกิดเราอยากทดสอบวิตามินซีล่ะ
ไม่ยากค่ะ เอาน้ำแป้งสีน้ำเงินอมม่วงที่ได้มาหยดวิตามินซีลงไป
มันจะกลับมาเป็นสีขาวเหมือนเดิม ยิ่งถ้าวิตามินซีเข้มข้น ไม่กี่หยดก็ขาวจั๊วะ

พอเพื่อนคุณสามีกลับไป ดั๊นก็เลียนแบบเธอเปี๊ยบ
ต่างกันตรงดั๊น บีบมะนาวลงไป ข้าวสารก็กลับมาขาวแบบเดิม
มะนาวลูกละไม่กี่บาท ดั๊นจำเป็นจะต้องซื้อวิตามินซีราคาเป็นพันเลย?
จริงอยู่ที่ อะเซโรล่า เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเว่อร์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ
แต่ร่างกายเราก็ไม่ได้ต้องการวิตามินซีเยอะเทพขนาดนั้น อีกอย่างวิตามินซี
ก็สลายตัวเร็วมากกกก.. แล้วผลไม้ถูกๆ หรือผักอีกหลายชนิดที่ราคาไม่แพง
และต้านอนุมูลอิสระได้เช่นเดียวกัน แล้วจะจ่ายแพงกว่าเพื่อ?

ดั๊นไม่เคยว่า ว่าสินค้ามันไม่ดีเลยนะคะ สาวกอย่าเพิ่งร้อนตัว
แต่มันเกินความจำเป็นของดั๊นจริง จริ๊งงงง...
และบอกตรงๆ ว่าราคามันไม่ resonable price เลยซักกะติ๊ดอ่ะค่ะ
แต่เรื่องที่ดั๊นไม่ชอบเลยก็คือ เรื่องที่เอาการทดลองมาเป็นเครื่องมือเนี่ย

ดั๊นเข้าใจว่า นธอ. อาจไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เห็นเป็นเรื่องมหัศจรรย์
อยากบอกเล่าสิ่งดีๆต่อ ไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงคดโกง
แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อัพไลน์บอกอย่างนั้น ก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น
ดั๊นอยากให้สาวกทุกคนเปิดใจ เปิดหู เปิดตา
รับฟังข้อมูล แล้วอย่ามาบอกว่าพวกเราไม่รู้จริงแล้วมาพูด

พวกเราชาวหว้ากอ เชื่อเรื่องพิสูจน์ได้เท่านั้น
เรื่องที่เราไม่รู้ข้อมูล เราไม่วิจารณ์สุ่มสี่สุ่มห้า เพียงเพราะคนอื่นเล่าให้ฟัง

ย้ำอีกครั้งนะคะ ไม่ได้แอนตี้เรื่องสินค้า หรือบริษัท
แต่ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดในการอธิบายสรรพคุณสินค้าน่ะค่ะ
ต้องอธิบาย ทดลองอยากถูกต้องตามหลักเกณฑ์ นะคะ

ปล. ขอต่ออีกนิด และฝากถามด้วยค่ะ
คือตอนสาวๆ ไฟแรงอ่ะค่ะ เคยลองคำนวณว่า กินกันเป็นทอดๆเช่นนี้
ต้นทุนยาสีฟันหลอดนึงมันเท่าไรหว่า คิดคร่าวๆ ไม่รู้จำผิดเปล่า
ต้นทุนอยู่ที่ 20 บาทก่าๆ เองค่ะ ใครไฟยังแรงอยู่รบกวนคำนวณทีค่ะ
จะคำนวณอีกก็จำไม่ได้แล้วว่า เค้าแบ่งเปอร์เซนต์กันยังไง

ตอนนั้นเนี่ย คิดว่า อะโห ต้นทุนเท่านี้เอง กล้าขายนะเนี่ย
งั้นจะบอกว่าที่แพงเพราะคุณภาพดี ก็....
ก็ต้องแบ่งกันกินหลายทอดนี่เนอะ ไม่แพงพวกล่างๆจะตาโตที่ได้แบ่ง% เหรอ
เรื่องของคนโลภอ่ะเราว่า

ตอบคุณ #40 ค่ะ

เห็นได้ชัดว่า นธอ. ได้รับความรู้จากการอบรมเพียงอย่างเดียว
ปริศนาโอเมก้า3 ทุกอย่างไขกระจ่างแล้วค่ะ เชิญหาความรู้เพิ่มเติมได้เลย

โอเมก้า3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดจำเป็นต่อร่างกาย คือร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานเท่านั้น

ปริมาณที่คนปกติต้องการต่อวัน คือวันละ 1-3 กรัม ในคนที่ป่วยเป็นโรคบางชนิดอาจต้องการในปริมาณที่มากขึ้นเล็กน้อย

จากพฤติกรรมการกินของคนสมัยนี้ทำให้เป็นโรคไขมันอุดตันกันเยอะ
ทีนี้นักวิทยาศาสตร์ก็เลยค้นคว้าเกี่ยวกับการป้องกัน รักษา
และดันไปพบว่าพวกชนเผ่าเอสกิโม ที่กินปลาเป็นประจำมีอัตราการเป็นโรคนี้ต่ำมาก เลยสนใจอาหารที่พวกเค้ากินกัน

เอาล่ะซิ ทีนี้เราเลยเข้าใจกันว่าโอเมก้า3 หาได้จากปลาเทพๆ ราคาแพง หายากเท่านั้น เนื่องจากพวกเอสกิโมก็ห่างประเทศไทยอยู่โข

แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถพบโอเมก้า3 ได้ ที่ผักผลไม้และสัตว์พื้นๆ ใกล้ตัวเราเนี่ยนะคะ มีปริมาณมากบ้าง น้อยบ้างแต่ยืนยันค่ะ ว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแน่นอน ปู่ย่าตายายเรา ไม่ต้องทาน แกก็ไม่ขาดกันนี่ค่ะ

เอาล่ะ เราพบโอเมก้า3 จากที่ไหน
แหล่งสำคัญก็พวกสัตว์ทะเลค่ะ กุ้ง หอย ปู ปลา (แต่ปลาเป็นที่นิยมเพราะครอเลสเตอรอลน้อยกว่า) ปลาแมคคอเรล(ในปลากระป๋อง) ปลาทูน่า มีปริมาณโอเมก้า3 ประมาณ 4 กรัม/เนื้อปลา 100 กรัม แต่ถ้าปลาที่ว่ามาหายากเกินไป - -" เอ่อ ก็กิน ปลาทู ปลาเก๋า ปลากระพง ปลาโอ แทนค่ะ ปริมาณโอเมก้า3ก็เหมาะสมอยู่ แต่ถ้าปลาพวกนี้ยังหายากและมีราคาแพง
อืม ก็กินปลาบู่ ปลาช่อนก็ได้ค่ะ มีเหมือนกัน แต่ถ้าไม่กินปลาน้ำจืด เพราะเหม็นคาว ขอแนะนำนี่เลย ไข่ หรือ โยเกิร์ตค่ะ

แต่อย่ากินมากนะคะ อันตรายเชียวล่ะค่ะ
เพราะน้ำมันปลาเนี่ยมันลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด (ถึงลดอัตราเส้นเลือดอุดตันได้ไงคะ) จะทำให้เกิดปัญหาเลือดออกหยุดยากค่ะ ในหญิงผ่าท้องคลอดเนี่ย ก่อนคลอดงดรับประทานไปเลยนะคะ

ยิ่งถ้าเป็นแบบแคปซูลเนี่ย มันจะเหม็นหืนค่ะ(ก็เป็นไขมันไม่อิ่มตัวนี่นะ)

แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 14:05:03

แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 14:03:56

แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 14:03:00

แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 22:52:06

จากคุณ : ชาตอง
เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 22:21:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com