ความคิดเห็นที่ 1   ถามก่อนว่า 60:40 หมายถึงอะไร ในเมื่อมีคน3คน ถ้าหมายถึง นายก. ได้60% ที่เหลือไปแบ่งเอาเอง ก็จะเป็นอัตรา 60:20:20 รึเปล่าครับ? ถ้าคิดแบบนี้ นายก. ควรได้ กำไร 2.7ล้าน นายข. 2แสน นายค. 1แสน แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 00:18:55 จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:15:43

ความคิดเห็นที่ 2   2.7 ล้านรึเปล่าครับ คิดแบบงงกับโจทย์นะครับ คือโดยปกตินาย ก ควรได้ 2.25ล้าน แต่กรณีนี้บอกว่าไม่ 50:50 แต่เป็น 60:40 อนุมานว่าคำว่า 50:50 คือเท่าเทียมกัน ซึ่งจริงต้องใช้กับกรณี2คนเท่านั้น หาก 60:40 ก็คือนาย ก ได้มากกว่าปกติจาก 50 เป็น 60 เพิ่มขึ้น 20% ก็นำ 20% บวกเข้าไปได้ 2.7ล้านครับ นาย ข.ได้2แสน นาย ค.ได้1แสน แต่ผมว่าโจทย์มันผิดนะ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:17:03

ความคิดเห็นที่ 3   เหมือโจทย์มัน งงๆ อยู่ที่ว่า เค้าตกลงกันตอนแรกว่ายังไงป่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 00:30:39 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 00:28:36 จากคุณ : ปลาหมึกรสเลม่อน เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:28:25

ความคิดเห็นที่ 4   เงื่อนไขไม่ครบครับ นาย ก. ลงทั้งเงินและแรง นาย ข. ลงเงิน แล้ว ลงแรงด้วยหรือเปล่า นาย ค. ลงเงินแล้วลงแรงด้วยหรือเปล่า ถ้าคิดให้ง่าย บวกค่าแรงลงไปในต้นทุนด้วยครับ เอาไปคิดรวมในกำไร ส่วนการหาโอกาสนั้น คงไม่สามารถนำมาคิดได้ ครับ(ถ้าคิดจะยุ่งยากกว่านี้เยอะครับ) ซึ่งถ้าจะให้คิดจริงๆ ก็คงต้องดูแหละครับ ว่าโอกาสนั้นคืออะไร -*- จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:31:33

ความคิดเห็นที่ 5   ผมไม่เข้าใจ โจทย์ครับ ผมรู้แต่ ส่วนแบ่ง 60:40 ทำให้นาย ก. ขาดทุนครับ. ไม่มีประวัติ การลงแรงเลยนะครับ นาย ก. ลงเงิน 4.5 ล้านของเงินต้น 6 ล้าน เท่ากับเขาลงเงินไป 75% ของทั้งหมดครับ ผลกำไรคืนกลับ ต้องได้ 75% ของผลกำไรครับ ึึีึ75% ของ 3 ล้าน = 2.25 ล้านครับ. ที่เหลือคนอื่น ไปแบ่งตามสัดส่วนผมไม่คิดให้นะครับ. จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:39:50

ความคิดเห็นที่ 6   เหลือ 0.75 ข. 0.5 ค. 0.25 จากคุณ : Ken เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:43:32

ความคิดเห็นที่ 7   มาต่อกันว่า ถ้าให้สัดส่วน การลงแรง = 60:40 บนวงเงิน อาจจะต้องแบ่งเงินกำไร  ออก เป็น 3 * 60 % ซึ่ง = 1.8 ล้าน. ยกให้ นาย ก. ก่อนเลย จากนั้นเรื่องการลงเงิน กำไรที่เหลือ 40 % จึงตัดแบ่งให้ักันตามสัดส่วน เงินลงทุน ดังนั้น นาย ก. จะต้องได้เงินอีก 75% * 1.2 ล้าน ซึ่งจะ เท่ากับ 0.9 ล้าน รวม นาย ก. จะได้ 2.7 ล้าน. ปัญหาคือ การลงแรง 60:40 มันเป็น fair ของ การลงทุนหรือ. นำำกำไรทั้งหมด มาตัด เป็นการลงแรง 60 % เลยเหรอ. ถ้าแบบนั้นคนไม่ต้องลงทุน ลงแรงอย่างเดียวเลย ก็ได้ส่วนแบ่งมากกว่าได้. จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:46:23

ความคิดเห็นที่ 8   Logic ในการตั้งคำถามผิดครับ คิดเล่นๆ ได้นะ แต่ผมว่าอย่าเสียเวลากับการตอบคำถามเลย เหมือนกรณีที่ว่า มีคนใจดีให้เงินเด็กทั้ง 3 คนมา 60 บาท ด.ช. ก โตกว่าควรได้ 45 บาท ด.ช. ข โตรองลงมา ควรได้ 10 บาท ด.ช. ค เล็กสุดควรได้ 5 บาท แต่ ด.ช. ก เป็นคนดี เรียนเก่ง กตัญญูกว่าเพื่อน ควรได้เงินในสัดส่วน 60:40 จะแบ่งเงินยังไงถึงจะยุติธรรม? หึหึ จากคุณ : EEclub เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:49:19

ความคิดเห็นที่ 9   ถามหน่อยดิ ทำไมเวลาคนเราตั้งกระทู้แปลกๆ มักจะใช้ TicketID มาตั้งคำถามเนอะ ตั้งกระทู้เพื่อขำๆ รึป่าวจ๊ะ :D จากคุณ : EEclub เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:52:09

ความคิดเห็นที่ 10   ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจโจทย์ของคุณถูกต้องหรือไม่นะครับ ขอเริ่มจากประเด็น 60:40 ซึ่งผมไม่เคลียร์ ฉะนั้นจึงบัญญัติขึ้นมาเองดังนี้ ตรงนี้ผมตีความว่า ผู้ร่วมลงทุนยอมรับหลักการนี้ หลักการนี้คือหลักการที่ว่า กรณีผู้ลงทุน 2 คน ผู้ที่ลงทุน+ลงแรง จะได้ค่าตอบแทน 60/100 ของกำไร ในขณะที่ผู้ลงแรงอย่างเดียวได้ค่าตอบแทน 40/100 ของกำไร มีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าผู้ลงุทนลงทุนเท่า ๆ กัน ลองพยายามทำให้มันเข้าใจง่ายขึ้น ก็เหมือนกับเราตั้งสมการ ลงทุน + ลงแรง + ลงทุน = 100 ลุงทุน = 40 เพราะฉะนั้นลงแรง = 20 เพื่อทำให้เป็นสากล ตรงนี้ผมขอตีความว่าค่าแรงคือ 20% ของกำไร ทุก ๆ คนที่ได้กำไรต้องหักกำไรออก 20% มาจ่ายค่าแรง เช่น A กับ B ได้กำไรคนละ 50 บาท ก็ต้องหักคนละ 10 บาท เพื่อมาจากให้ A (A เป็นคนออกแรง) ทำให้ A ได้ 40 + 20 บาท และ B ได้ 40 บาท ภายใต้การตีความ 60:40 แบบนี้ ทุกคนก็แค่หักเงินคนละ 20% มาจ่ายให้กับนาย ก. ก่อนหักค่าแรง นาย ก. ได้ 2.25 ล้านบาท นาย ข. ได้ 0.5 ล้านบาท นาย ค. ได้ 0.25 ล้านบาท หักค่าแรงจาก นาย ก. 0.45 ล้านบาท นาย ข. 0.1 ล้านบาท นาย ค. 0.05 ล้านบาท รวมค่าแรง = 0.45 + 0.1 + 0.05 = 0.6 ล้านบาท ฉะนั้นส่วนแบ่งกำไรสุทธิ นาย ก. 2.4 ล้านบาท (สอดคล้องกฎ 60:40 ของคุณ) นาย ข. 0.4 ล้านบาท นาย ค. 0.2 ล้านบาท ซึ่งแฟร์หรือไม่แฟร์ขึ้นอยู่กับว่าทั้งหมดยอมรับร่วมกันมั้ยที่จะยอมเสียกำไร 20% เป็นค่าแรง แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 01:19:30 จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:18:13

ความคิดเห็นที่ 11   ออ ขอโทษครับ คำถามเขียนรวบรัดไปหน่อย แบ่ง60:40ในที่นี้ ไม่ใช่กำไรที่ได้มาทั้งหมดแบ่งนาย ก 60 และนายข,ค 40นะครับ เพราะนาย ก คนเดียวก็ลงเงินไปตั้ง 75%ของทั้งหมดแล้ว แต่นาย ก ต้องได้ผลกำไรมากกว่า สัดส่วนที่ตนถือหุ้นด้วย เป็นการแบ่ง 60:40 ตามอัตราส่วนการลงแรงงานที่มากกว่าทุกคน ยกตัวอย่างสมมุติจ๊อบก่อน ลงทุน6ล้าน นาย ก ลง3ล้าน นายข/ค/ง ลงคนละล้าน กำไร3ล้าน แบ่ง 60:40 (นาย ก 60เหมือนเดิม) ฉนั้นนาย ก ได้1.8ล้าน (60%ของ3ล้าน) นายข/ค/ง ได้ (40%ของ3ล้าน) รวมกัน1.2ล้าน ฉนั้นได้คนละ4แสน จ๊อบก่อนมันง่ายและคิดลงตัว แต่จ๊อบนี้ นาย ก ลงเพิ่มอีก 1.5ล้าน มันเลยทำให้ตัวเลข ซับซ้อนอีกนิด งง งง ปัญหามันอยู่ที่ว่า นาย ก ไม่ได้2.4ล้านด้วย เพราะก็จะไม่แฟร์กับนาย ก ในส่วนของ1.5ล้านในอีกpartนึง และประเด็นมันอยู่ที่ว่า 40% ของกำไร3ล้าน คือ1.2ล้าน นาย ก ก็ต้องได้มากกว่า6แสน (เพราะ นาย ก ลงแรงงาน ลงเงินด้วย จึงเกิดข้อตกลงการแบ่ง60:40เกิดขึ้น) แล้วปัญหาอยู่ที่ว่า จะให้ตัด 60%จาก1.2ล้าน ให้นาย ก อีกมันจะ ซับซ้อนในหลักธุรกิจทางคณิตศาสตร์หรือเปล่า? คือมันจะไม่แฟร์ต่อนาย ข และ ค หรือเปล่า พอจะเข้าใจมากขึ้นมั้ยครับ ผมก็พิมพ์มึนๆงงงงง่วงๆ ผมซีเรียสกับคำถามครับ แต่ไม่ต้องสนใจก็ได้ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ขอบคุณมากครับ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:31:41 A:119.31.1.244 X: TicketID:148264

ความคิดเห็นที่ 12   นายก ควรเสนอ กระทรวงการคลังให้คิดกำไรให้ครับ จากคุณ : Darigaaz เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:03:43

ความคิดเห็นที่ 13   แบบนี้ถูกชัวร์ครับ ใช้บัญญัติไตรยางค์ ถ้า 50:50 = 75:25 แล้ว 60:40 = 75:25 * 60:40 = (75*60)/(25*40) = 4500:1000 ดังนั้น นาย ก จะได้ 4500/(4500+1000) = 81.8181.. % นาย ข และ ค รวมกันจะได้ 1000/(4500+1000) = 18.1818... % ดังนั้น นาย ข. ได้ 12.1212... % และนาย ค. ได้ 6.0606... % Q.E.D แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 02:38:10 จากคุณ : saknarak เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:25:01

ความคิดเห็นที่ 14   เป็นคำถามที่ยากมากกกกกกกกเลยครับ นั่งคิดจนปวดหัวเลย 55555 ขอพิสูจน์จากตัวอย่างใหม่ก่อนนะครับ... จะได้ไม่งง สมมติลงทุนได้กำไร XXX บาท หุ้นส่วน 2 คนคือ A กับ B แบ่งเป็นกรณีๆ นะครับ 1. มองที่หุ้นส่วน (ลงแรงเท่ากัน) สมมติ A:B = 75:25 ก็คือ A ได้ 75% ของ XXX ส่วน B ได้ 25% ของ XXX 2. มองที่การลงแรง (หุ้นส่วนเท่ากัน) สมมติ A:B = 60:40 ก็คือ A ได้ 60% ของ XXX ส่วน B ได้ 40% ของ XXX สองตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ว่าถ้า A ลงหุ้นเยอะกว่าและลงแรงมากกว่า ย่อมได้มากกว่า 75% ของ XXX แน่ๆ 3. หุ้นส่วน/ลงแรงไม่เท่ากัน • 3.1 คิดที่หุ้นก่อน A:B = 75:25 ; A ได้ 75% ; B ได้ 25% การตกลงในการลงแรงก็คือ A ได้เพิ่ม 60-50 = 10% ของ XXX ซึ่งก็เท่าๆ กับ B ที่จะได้ลดลงไป 50-40 = 10% ของ XXX แสดงว่าทุกๆ 100 บาท A จะได้มากกว่า B 10+10 = 20 บาท ถ้ากำไร 200 บาท A จะได้มากกว่า B 2*(10+10) = 40 บาท ถ้ากำไร XXX บาท A ย่อมได้มากกว่า B 2* ( 10/100 * XXX ) บาท สรุป A จะได้ 75 + 10 = 85% ของ XXX ส่วน B จะได้ 25 - 10 = 15% ของ XXX • 3.2 คิดที่อัตราลงแรงก่อน A:B = 60:40 ; A ได้ 60% ; B ได้ 40% การตกลงในหุ้นส่วนก็คือ A ได้เพิ่ม 75-50 = 25% ของ XXX เท่าๆ กับ B ที่จะได้ลดลงไป 50-25 = 25% ของ XXX แสดงว่าทุกๆ 100 บาท A จะได้มากกว่า B 25+25 = 50 บาท ถ้ากำไร 200 บาท A จะได้มากกว่า B 2*(25+25) = 100 บาท ถ้ากำไร XXX บาท A ย่อมได้มากกว่า B 2* ( 25/100 * XXX ) บาท สรุป A จะได้ 60 + 25 = 85% ของ XXX ส่วน B จะได้ 40 - 25 = 15% ของ XXX แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 03:02:27 จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:39:59

ความคิดเห็นที่ 15   ผมพอเข้าใจครับ แต่คุณกำลังสับสนกับโจทย์ของตัวเองอยู่ (มันซ้อนกันอยู่นะ) เอาอย่างนี้นะ บอกมาก่อนว่า การจัดสรรเงินกำไร จะคิดตามหลัก 60(นาย ก.):40(คนที่เหลือ) หรือจะจะคิดตามสัดส่วนการลงทุน หรือทั้งสองแบบกันแน่? ถ้าคิดตามหลัก 60:40 อย่างเดียวล่ะก็ง่ายเลย คือถ้าได้กำไร 3 ล้าน แปลว่า นาย ก. จะได้ 1.8ล้านแน่ๆ (ไม่ว่าจะลงทุนในสัดส่วนเท่าไหร่ก็ตาม) ในขณะที่อีกสองคนจะได้ส่วนที่เหลือ 1.2 ล้านไป ซึ่งในเมื่อสองคนที่เหลือนั้นลงทุน(ลงเงิน)อย่างเดียวเหมือนกัน ก็ควรจัดสรรผลกำไรตามสัดส่วนการลงทุนไป สรุปว่า นาย ข. ได้แปดแสน และนาย ค. ได้สี่แสน ถูกต้องไหมครับ แต่จริงๆ แล้ว เขาไม่กำหนดเกณฑ์แบบนี้กันครับ เพราะการจัดสรรผลกำไร (หรือเงินปันผล) นั้นจะต้องจัดสรรตาม “สัดส่วนการลงทุน” นี่เป็นหลักสากลเลย แม้ว่าจะไม่เคยตกลงกันมาก่อน ก็ต้องถือว่าทุกคนเข้าใจตรงกันตามนี้ นั่นคือ.. ถ้ามีคนนึงลงทุน(วัดค่าได้)+ลงแรง(สำคัญมาก แต่วัดค่าไม่ได้) ในขณะที่คนที่เหลือลงทุนอย่างเดียว ก็เพียงให้เจรจาประเมินมูลค่าการลงแรงออกมาก่อน โดยการถือเป็นหุ้นปุริมสิทธิ์ (เช่นสมมติว่า มีค่า=20%) จากนั้น เมื่อได้ตัวเลขผลกำไรออกมาแล้ว ก็จ่ายให้ผู้ถือหุ้นปริมสิทธิ์ไปก่อนเลยเป็นจำนวน 20% ของผลกำไร จากนั้นจึงนำผลกำไรที่เหลือมาคำนวนจ่ายให้ผู้ถือหุ้นสามัญตามสัดส่วนเงินลงทุนของแต่ละคน(เป็นเปอร์เซ็นต์) แค่นี้เอง -สูตร- ยอดขาย(Sales) หัก-ต้นทุน(Cost) =กำไรเบื้องต้น(Gross Profit) หัก-เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นปุริมสิทธิ์(Preferred Stock Dividend) =เงินคงเหลือสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญ(Net Profit available for Common Stockholder) หาร จำนวนหุ้นสามัญ (Number of Common Stocks) =เงินปันผลต่อหุ้น (Dividend per share) (*หมายเหตุ- ผมข้ามรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับโจทย์ไปนะครับ จริงๆ มีรายการในสูตรนี้อีกเยอะเลย) จากนั้น เอาตัวเลขสุดท้าย ไปคูณกับจำนวนหุ้น(หรือคำนวณตามสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละคน) ก็จะได้ยอดเงินกำไรสุทธิ ที่แต่ละคนจะได้รับแล้วครับ ตัวอย่าง.. ถ้ากำหนดว่า ค่าแรงในการหางานและเจรจางานให้ได้มาจนสำเร็จ ถือเป็นหุ้นปุริมสิทธิ์ 20% ดังนั้น เมื่อมีกำไร 100 บาท ก็ต้องหัก 20 บาทออกไปจ่ายให้นาย ก. ผู้ลงแรงก่อนเสมอ จากนั้น เงินกำไรอีก 80 บาทที่เหลือ จึงนำไปจัดสรรเป็นให้แก่ผู้ร่วมลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น ก็แค่นี้เองครับ ดังนั้น หากทำตามตัวอย่างนี้ ก็จะได้ว่า.. นาย ก. จะได้เงิน (3ล้านx20%)+(2.4ล้านx75%) = 2,400,000.- บาท นาย ข. จะได้เงิน (2.4ล้านx16.67%) = 400,080.- บาท นาย ค. จะได้เงิน (2.4ล้านx8.33%) = 199,920.- บาท จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:46:08

ความคิดเห็นที่ 16   จากตัวอย่างบน คิดสองวิธีซึ่งไม่ตรงกันเลย แต่ได้คำตอบเท่ากัน... ผมเองขอเอาไปพิสูจน์ด้วยสมการแบบไม่สมมติทีหลังครับ แต่ตอนนี้ขอเอาคำตอบก่อน ลองดูว่าสมน้ำสมเนื้อไหม? โจทย์ กำไร 3 ล้านบาท นาย ก ลงเงิน 4.5 ล้าน แต่ลงแรงหนักกว่าได้ 60% นาย ข ลงเงิน 1 ล้าน แต่ลงแรงน้อยกว่าได้ 40% นาย ค ลงเงิน 0.5 ล้าน แต่ลงแรงน้อยกว่าได้ 40% - จะเห็นว่าถ้าพิจารณาการลงแรง ก ได้มากกว่าค่ากลาง 10% ส่วน (ข และ ค) ก็น้อยกว่าค่ากลาง 10% - เดิมอัตรา ก:ข:ค = 9:2:1 แต่ผมขอสมมติให้ ข+ค = ง นะครับเพื่อง่ายต่อแพทเทิร์นเดิม - โจทย์จะกลายเป็น ก:ง = 9:3 - รวบรัดตัดตอน ...ผมเพิ่งสังเกตตอนพิมพ์นี่ล่ะว่าแพทเทิร์นเหมือนกะตัวอย่างเป๊ะๆ เลย = =; - สรุปก็คือ ก จะได้ 85% ของ 3 ล้าน = 2.55 ล้านบาท - ส่วน ข และ ค ลงแรงเท่ากัน ออกหุ้นในอัตราส่วน 2:1 ก็แสดงว่า ข จะได้ 2/3 * 15% ของ 3 ล้าน = 0.3 ล้านบาท และ ค จะได้ 0.15 ล้านบาทครับ จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:47:27

ความคิดเห็นที่ 17   อ๊ะ โดนตัดหน้า... ของผมคิดตามหลักคณิตศาสตร์ล้วนๆ นะครับ ถ้าอาจารย์ท่านใดแย้งได้แย้งเลยครับ /me เดี๋ยวจะไปแก้สมการให้อยู่ในรูปใดๆ ก่อน ถ้าผิดยังไง ผมจะมาตอบอีกที ^^ จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:49:37

ความคิดเห็นที่ 18   ผมคิดตามหลักวิชาไฟแนนซ์ (ซึ่งเป็นหลักการคำนวนแบบสากลนิยมครับ) รายละเอียดหาอ่านได้จากตำราเรียน (น่าจะเป็นของระดับปริญญาโท) เช่น The Principle of Investment / Corporate Finance / Financial Statement Analysis ลองดูในหัวข้อที่เกี่ยวกับ Common Stocks & Dividend นะครับ หมายเหตุ- ผมกำลังจะเปิดบริษัทใหม่เพิ่มอีกแห่งนึง และมีหลักการคล้ายๆ แบบนี้เลย ถึงแม้ผมจะลงเงินคนเดียว แต่ผู้ถือหุ้นที่จะมาร่วมลงแรงต่างก็มีความสำคัญไม่น้อย จึงต้องใช้วิธีการจัดสรรผลตอบแทนที่เป็นธรรม และถูกต้องตามหลักการมากที่สุด (แต่สัดส่วนและลำดับการหักค่าใช้จ่ายจะแตกต่างออกไปจากนี้นิดนึง) แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 03:11:47 จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 03:08:36

ความคิดเห็นที่ 19   ง่า คิดสมการตัวแปรใดๆ แล้วของผม ผิด ครับ = =; ตอนนี้ขอยืนยันตาม คห.13 (ใช้บัญญัติไตรยางค์) ไปก่อน เดี๋ยวถ้าหาข้อมูลมาเพิ่มแล้วจะตอบอีกทีครับ ส่วนอาจารย์ท่านใดจะช่วยเสริมได้ ผู้น้อยรอรับฟังครับ T^T ส่วนคุณ Piggie MM ถึงจะไม่ใช่คณิตศาสตร์ แต่ผมก็ได้ความรู้ธุรกิจเหมือนกัน ขอบคุณที่แบ่งปันครับ :) จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 03:20:44

ความคิดเห็นที่ 20   (#ลองคิดอีกแบบนึง ถ้าจะว่ากันตามหลักคณิตศาสตร์และไม่แย้งโจทย์ แม้ว่าโจทย์จะกำหนดเงื่อนไขไม่เหมาะสม) ถ้าข้อตกลงของพวกคุณคือ.. [การลงทุน+ลงแรง] เปรียบเทียบกับ [การลงทุนอย่างเดียว] คิดเป็น 60:40 (*ซึ่งในความเป็นจริงเขาไม่ทำกัน) แล้วล่ะก็ แปลเป็นภาษาตัวเลขได้ว่า ค่าน้ำหนัก(Weight Factor)= 1.5:1 ดังนั้น นาย ก. ลงทุน 4.5 ล้าน คูณด้วย 1.5 = 6.75 ล้าน (6.75/8.25=0.8182) คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 81.82% นาย ข. ลงทุน 1 ล้าน คูณด้วย 1 = 1 ล้าน (1/8.25=0.1212) คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 12.12% นาย ค. ลงทุน 0.5 ล้าน คูณด้วย 1 = 0.5 ล้าน (0.5/8.25=0.0606) คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 6.06% (*มูลค่าการลงทุนทางบัญชีคือ 8.25 ล้านไงครับ) ดังนั้น จะจัดสรรผลกำไรตามสัดส่วนการลงทุนได้ดังนี้: นาย ก. จะได้เงิน (3ล้านx 81.82%) = 2,454,600.- นาย ข. จะได้เงิน (3ล้านx 12.12%) = 363,600.- นาย ค. จะได้เงิน (3ล้านx 6.06%) = 181,800.- *ซึ่งอยากจะบอกอีกครั้งว่า คิดเล่นๆ น่ะได้ แต่ในทางธุรกิจ โดยสากลแล้วเขาจะไม่ทำแบบนี้นะครับ จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 03:59:38

ความคิดเห็นที่ 21   จาก #11 ผมว่าต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนว่า ถ้าแทนที่จะเป็นนาย ก ที่ลงเพิ่มอีก 1.5 ล้านบาท แต่เป็นผู้ลงทุนรายอื่น (ข ค ง) หรือ รายใหม่ (จ) จะมองว่า 1.5 ล้านบาทนี้มีค่าเท่ากันหรือไม่ และ ถ้านับกันบาทต่อบาทแล้วเงินทุนใหม่ควรมีค่าน้อยกว่าเงินทุนเก่าหรือไม่ เนื่องจากความเสี่ยงน้อยลงหรือไม่ ขอเสนอไว้แนวคิดหนึ่งครับ ให้คิดว่าของเดิมคือมีทั้งหมด 100 หุ้น นาย ก ถืออยู่ 60 หุ้น โดย"ซื้อ"มาราคาหุ้นละ 50,000 บาท + แรงงาน นาย ข ค ง รวมกันถือ 40 หุ้น โดย"ซื้อ"มาราคาหุ้นละ 75,000 บาท ทีนี้เงินก้อนใหม่ 1.5 ล้าน จะ"ซื้อ"ได้กี่หุ้น คุณก็ต้องไปตกลงกันว่าจะตั้งราคาหุ้นของใหม่หุ้นละเท่าไหร่ ถ้าความเสี่ยงลดลงจากโปรเจคก่อน ก็ควรต้องตั้งราคาหุ้นแพงขึ้นกว่า 75,000 บาท หรือถ้านาย ก ลงแรงเพิ่มด้วย ก็ต้องตกลงกันอีกว่าส่วนนั้นจะตีมูลค่าเป็นเงินเท่าไหร่ หรือจะคิดให้ซับซ้อนขึ้น (แต่ผมว่าโปร่งใสมากขึ้น) ก็คือต้องกำหนดออกมาเลยว่าเงินเดือนของนาย ก คือเท่าไหร่ แล้วหักออกจากกำไรเพื่อมาจ่ายเงินเดือนก่อน ส่วนที่เหลือจึงค่อยมาแบ่งตามจำนวนหุ้นอีกที แต่นาย ก เองก็สามารถเลือกที่จะไม่รับเงินเดือนได้เหมือนกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แบ่งตามหุ้นอย่างเดียว จากคุณ : 512 เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 06:35:30 A:75.18.192.215 X: TicketID:031931

ความคิดเห็นที่ 22   สมมติให้แบ่งคนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่จะได้ 60% กับ กลุ่มที่จะได้แค่ 40% ให้ A เป็นเซ็ตของกลุ่มที่ได้ 60% และ B เป็นเซ็ตของกลุ่มที่ได้ 40% ให้ x_i=1..n เป็นสมาชิกของ A ให้ y_i=1..m เป็นสมาชิกของ B sum(x)_i=1..n = SumA sum(y)_i=1..m = SumB เทียบบัญญัติไตรยาง 50:50 = SumA:SumB 60:40 = SumA*60:SumB*40 ดังนั้น set A ได้ส่วนแบ่ง Pa = (SumA*60)/(SumA*60+SumB*40) และ set B ได้ส่วนแบ่ง Pb = 1-Pa สมาชิกของ A แต่ละคนได้ส่วนแบ่ง = x_i/SumA * Pa สมาชิกของ B แต่ละคนได้ส่วนแบ่ง = y_i/SumB * Pb นาย ก อยู่ใน Set A ส่วน ข และ ค อยู่ใน Set B SumA = 4.5, SumB = 1.5 Pa = 4.5*6.0/(4.5*6.0+1.5*4.0) = 0.8181 Pb = 1-Pa = 0.1818 นาย ก ได้ส่วนแบ่ง = 4.5/4.5 * 0.8181 = 0.8181 = 81.81% นาย ข ได้ส่วนแบ่ง = 1.0/1.5 * 0.1818 = 0.1212 = 12.12% นาย ค ได้ส่วนแบ่ง = 0.5/1.5 * 0.1818 = 0.0606 = 6.06% ซ.ต.พ. (ตามบัญญัติไตรยางค์นะครับ) จากคุณ : saknarak เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 06:35:42

ความคิดเห็นที่ 23   งงตั้งแต่โจทย์เลยค่ะ 1. สัดส่วนลงทุน   เงินลงทุน 6 ล้านบาท นาย ก. = 4.5/6 = 75% นาย ข. = 1.0/6 = 17% นาย ค. = 0.5/6 =   8% 2.สัดส่วนกำไร กำไร3ล้าน สัดส่วนแบ่งกำไร ของนาย ก คือ 60:40 เพราะนายก ลงทั้งเงิน และแรงงานและนำโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจมาเสนอให้ทั้งหมด เหตุใดนาย ก จึงได้สัดส่วนกำไรแค่ 60%  ในเมื่อลงทั้งเงินทั้งแรงงาน  ทั้งๆ ที่แค่จากสัดส่วนเงินลงทุนก็น่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 75% จากคุณ : glorious เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 08:43:14

ความคิดเห็นที่ 24   ผมเคยเจอครับ โจทย์เลข ม.ต้น ใช่มั้ยข้อนี้ ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่เจอใน ข้อสอบเข้า ม.ปลาย ผมว่าโจทย์มันเคลียร์กว่านี้นะ นี่โจทย์งงไปนิดนึงอะ จากคุณ : wgpngt เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 08:57:43

ความคิดเห็นที่ 25   ควรคิดค่าแรงของนาย ก ก่อน แล้วเอาไปรวมกับต้นทุน หักเบ็ดเสร็จ ก็จะได้กำไรสุทธิ (ที่ตอนนี้ก็จะไม่ถึง 3 ล้าน) มันก็คล้ายๆวิธีของคุณ PiggyMM แต่ต่างกันที่ ควรคิดค่าแรงเป็นจำนวนตายตัว โดยอาจจะดูจากอัตราตลาด หรือ Opportunity Cost ของนาย ก ว่าถ้านาย ก เอาเวลาเท่าๆกันนี่ ไปทำมาหากินตามความถนัดของนาย ก จะได้ตังเท่าไร นาย ก จะได้ไม่ขาดทุนค่าแรง ถ้ามันเกิดกำไรน้อย ซึ่งพอคิดเป็น % แล้ว อาจจะจิ๊ดเดียว ไม่คุ้ม ไปยืนแจกใบปลิวอาจจะได้มากกว่า ส่วนกำไรสุทธิที่เหลือ ก็แบ่งกันตามสัดส่วนเงินลงทุน ถ้าอยากจะให้นาย ก เพิ่มเนื่องจากเป็นคนเอางานมาให้ ส่วนนี้อาจจะให้เป็นเงินก้อน หรือให้เป็น % จากกำไรก็ได้ ถือว่ากำไรเยอะก็แบ่งให้เยอะในฐานะต้นคิด แล้วก็เอาไปเป็นต้นทุนเหมือนกับค่าแรงนาย ก แล้วทำไมไม่ไปถามที่โต๊ะสีลมนะ จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:32:17

ความคิดเห็นที่ 26   เถียงกันไม่จบครับ เพราะคุณยังไม่ได้ตี "ค่าแรง" ของ นาย ก. ครับ กำไรที่ว่าจึงไม่ใช่กำไรสุทธิ เพราะต้องหักค่าแรงของนาย ก. ก่อน แล้วค่อยมาแบ่งตามสัดส่วนเงินลงทุน ในกรณีนี้ นาย ก. 75% ข. 17% และ ค. 8% ที่นี้ต้องมาคิดว่าค่าแรง ค่าเหนื่อย และค่าสติปัญญาของนาย ก. จะประเมินอย่างไร วิธีการง่าย ๆ คือคิดเป็นต่อวันครับ สมมติว่า เวลาที่นาย ก. ใช้ทำงานนี้ 'จริง ๆ' นะครับ ไม่นับรวม activity อื่น คุณอาจจะให้ค่าจ้างนาย ก. วันละ 20,000 ก็เป็นได้ (แล้วแต่ตกลงกัน) แล้วคูณดู สมมุติทำ 20 วัน ก็หักไป 20,000x20 = 400,000 เหลือกำไร 3,000 k - 400 k = 2,600 k. นอกนั้นอาจมีค่านายหน้าหางานให้ ปกติก็ประมาณ 3% ของยอดขาย คิดเป็น 0.03x 9 ล้าน คือ 270 k ต้องลบกำไรออกไปอีก ก็เอาตัวเลขนี้ไปคำนวณเป็นเปอร์เซ็น อีกที เรื่อง 60:40 ไม่สามารถนำมาใช้กับ case นี้แล้วครับ ไม่งั้นจะวุ่นมาก จากคุณ : HaHaHa เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 12:00:22

ความคิดเห็นที่ 27   วิธแก้ปัญหาง่ายๆ กำไร คืออะไร นาย ก ลงแรง แล้วคุณได้หัก ค่าแรงให้นาย ก ไปรึยัง 3 คนนี้ ก็เหมือนคนเล่นหุ้น ส่วนนาย ก คือ ประธานบริษัท ที่มีหุ้น ก่อนคุณจะคิดกำไรออกมา คุณต้องหักต้นทุนไปก่อน คุณลืมหัก ค่าแรงนายก เพราะคุณคิดแค่ว่า 6 ล้าน นั้นคือ ต้นทุน จริงๆ ต้นทุนไม่ใช่ 6 ล้านเพราะต้องคิดในส่วนที่เป็นค่าแรงนาย กุ ด้วยซึ่ง ถ้าคุณไม่ได้ตกลง หรือ นาย กุ เต็มใจทำให้ ก็ต้องแบ่งตามสัดส่วนหุ้น หรืองเินที่ลง ทุนนั้นไปเสีย จากคุณ : ZGMF-X10A เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 12:21:57

ความคิดเห็นที่ 28   น่านนนน สิครับ .. ลงทุนตั้ง 75%   ลงแรงอีกตาหาก  แถมเอา่ช่องทางมาให้ พอแบ่งกัน ได้ 60  จะถูกต้องได้ไง .. ผมว่า   แบ่งใหม่อีกทีเถอะครับ จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 12:30:23

ความคิดเห็นที่ 29   ขอตัวช่วยเป็นสภาพัฒฯ จากคุณ : billion_mls เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 13:14:30

ความคิดเห็นที่ 30   ..เพื่อนผมทำงานสรรมพากร...ขอชื่อกับที่อยู่ทั้ง 3 คนจะได้ให้เค้าคิดให้...จะได็เก็บภาษีได้ถูกต้อง... จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 13:49:42

ความคิดเห็นที่ 31   ถ้า 60:40 เป็นตัวเลขที่ทั้ง 3 คนตกลงมาตั้งแต่แรกแล้ว ก็โอเค แต่กระนั้นความคลุมเครือก็ยังมีอยู่ เพราะ 60% ของนาย ก. บอกแต่ว่าครอบคลุมเฉพาะค่าแรง กับค่าความคิด แต่ไม่ได้บอกเสียด้วยว่ารวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนของนาย ก. ด้วยหรือไม่ จึงต้องแบ่งเป็น 2 กรณี ให้หุ้นส่วนไปคุยกันว่ายอมรับกรณีไหนได้ กรณีแรก 60% รวมผลตอบแทนจากเงินลงทุนด้วย 60% จากผลกำไร เป็นของนาย ก. เป็นตัวเลขเหมาสำหรับ ค่าแรง ค่าความคิด และผลตอบแทนจากเงินลงทุน เพราะฉะนั้นนาย ก. ก็จะได้ 60%(3ล้าน) ก็จะเท่ากับ 1.8 ล้าน ส่วนอีกสองคนที่เหลือจะได้อีก 1.2 ล้านไป โดยนาย ข. ลงเงิน 2/3 ส่วน (1 ล้านจาก 1.5 ล้าน ) ก็จะได้ไป 8 แสน ส่วนนาย ค. ลงเงิน 1/3 ส่วน (0.5 ล้านจาก 1.5 ล้าน) ก็จะได้ไปอีก 4 แสน เป็นอันว่าลงตัว กรณีสอง 60% ไม่รวมผลตอบแทนจากเงินลงทุนด้วย ก็หักไปให้นาย ก. เป็น แป๊ะเจี๊ยก่อนเลย 1.8 ล้าน แล้วอีก 1.2 ล้านที่เหลือ ก็มาแบ่งกัน 3 คนตามสัดส่วนการลงทุน ของนาย ก. ได้ 75% ของ 1.2 ล้าน ส่วนนาย ข. ได้ 16.667% ของ 1.2 ล้าน และนาย ค. ได้ 8.333% ของ 1.2 ล้าน ปล. ลองอ่านโจทย์อีกทีแล้ว คิดว่าข้อแรกน่าจะเหมาะสมจากประโยคที่บอกว่า "สัดส่วนแบ่งกำไร ของนาย ก คือ 60:40 เพราะนายก ลงทั้งเงิน และแรงงานและนำโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจมาเสนอให้ทั้งหมด" ประโยคนี้ เดาได้ว่าน่าจะเป็นประโยคที่นาย ก. เคลมกับหุ้นส่วน ซึ่งหมายความได้ว่า 60% รวมผลตอบแทนจากการลงทุน ค่าแรง และค่าความคิด เหมาไปทั้งหมดแล้ว จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:19:47

ความคิดเห็นที่ 32   เอาใหม่ ๆ เพิ่งมาเห็น #11 คือโปรเจกแรก ก. ไม่ได้ลงเงิน หุ้นส่วนที่เหลือเป็นคนลงเงินให้ แต่มาโปรเจกนี้ นาย ก. ลงเงินด้วย ถ้ากรณีนี้เอาแบบแฟร์ ๆ ก็ควรคิดตามกรณีที่ 2 ตามความเห็นที่ 31 ครับ เพราะการที่ ก. ลงเงิน 1.5 ล้าน มันก็เหมือนกับโปรเจกแรกที่มีนายทุน 3 คน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น 1. เงินที่เอามาลง เป็นการเอามาลงตั้งแต่เริ่มโปรเจก ไม่อย่างนั้นก็คุยกับ ข. และ ค. ยาก 2. ท้ายที่สุด ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่าง  ก. ข. ค. เพราะฉะนั้น ไปคุยกับหุ้นส่วนคุณดีกว่าครับ จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:31:22

ความคิดเห็นที่ 33   จาก คท11 ชี้ประเดนนึง อันเก่า มัน 3ล้าน = 3ล้าน เป็น 50/50 ปรับเป็น 60/40 ได้ แต่อันใหม่ มันไม่เท่ากัน อาจจะทำให้ปรับยาก หรือปรับ ไม่ได้หรือเปล่า ผมลอง ตั้งข้อสังเกต ไว้เฉยๆนะ จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:52:40

ความคิดเห็นที่ 34   งั้นเอาแบบในทางปฏิบัติบ้างละกันครับ โปรเจคเก่า ไม่ได้แบ่งสัดส่วนตามการลงทุน แต่ตกลงกันตามสัดส่วนที่เห็นสมควร ดังนั้นถ้าเอามาคิดใหม่เป็นค่าแรง+เงินลงทุน ในปริมาณงานเท่าโปรเจคเก่า ทุกคนยอมรับที่จะให้ค่าแรงนาย ก มูลค่าเท่ากับ 6 แสนบาท เหลือสองล้านสี่ก็แบ่งกันตามสัดส่วนเงินลงทุน มาทำโปรเจคใหม่ สมมติว่างานเท่าเดิม ดังนั้นจากกำไรสามล้าน หักค่าแรงออกไปหกแสน ก็เหลือสองล้านสี่เอามาแบ่งกันตามสัดส่วนเงินลงทุน ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าทุกคนยอมรับว่างานมีปริมาณเท่ากับโปรเจคครั้งที่แล้ว จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 18:56:09

ความคิดเห็นที่ 35   .. สัดส่วนการลงทุน ก : 4.5 ล้าน ข : 1 ล้าน ค : 0.5 ล้าน สัดส่วนการลงแรงของยอดขาย  = (ต้นทุน + กำไร) = 6000000+3000000 = 9000000 ก : 60% ของ 9000000 = 5.4 ล้าน ข : 20% ของ 9000000 = 1.8 ล้าน ค : 20% ของ 9000000 = 1.8 ล้าน รวมสัดส่วนการลงทุน&ลงแรง ก : 9.9 ล้าน ข : 2.8 ล้าน ค : 2.3 ล้าน รวม 15 ล้าน สัดส่วนการแบ่งกำไร ก : 9.9/15 = 66% = 1980000 ข : 2.8/15 = 19% = 560000 ค : 2.3/15 = 15% = 460000 .. จากคุณ : ไม่เป็นดั่งใจ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 20:40:55

ความคิดเห็นที่ 36   3 ล้าน แบ่งเป็น 60% ให้ นาย ก ก็คือ 1.8 ล้าน เหลือเงิน 1.2 ล้าน แบ่งจาก 1.2 ล้าน ให้ นาย ข จำนวน 800040 บาท เพราะเงิน ลงทุน 1 ล้านบาท คิดเป็น 66.67 % ของเงินลงทุนส่วน ข + ค และแบ่งให้นาย ค จำนวน 399960 บาท ลงทุน 0.5 ล้านบาท คิดเป็น 33.33 % ของเงินลงทุนส่วน ข + ค ครับ ดังนั้น ก ได้ 1.2 ล้าน ข ได้ 0.80004 ล้าน ค ได้ 0.39996 ล้าน จากคุณ : cheme (cheme) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 23:56:55

ความคิดเห็นที่ 37   ตัวเลขที่ใช่และใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นคคห.13, 20, 22 อ่ะครับ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและแฟร์กับทุกๆฝ่ายตามสูตร60:40 แต่.. ผมก็แอบยังไม่ค่อยชัดแจ้งเท่าไร ถ้าต้องอธิบายให้เป็นหลักคณิตศาสตร์ต่อหุ้นส่วน ถ้าท่านยินดีมาชี้แจงเพิ่มเติม จักเป็นทานแก่ข้าพเจ้าอย่างยิ่ง ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคนมากๆเลย น่ารักกันหมด ^^ ปล. ลองอ่านคคห 11ซ้ำครับ จะเข้าใจประเด็นที่ผมสอบถามมากขึ้น จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 03:25:56 A:124.120.228.26 X: TicketID:148264