ความคิดเห็นที่ 1   เดี๋ยวก็ชิน จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 00:59:39

ความคิดเห็นที่ 2   เรื่องธรรมดาครับ การมองคนของคนไทย ส่วนใหญ่ มองเพียงเปลือกนอก มากกว่าที่จะมองถึงแก่นแท้ ด้วยเหตุและผล เหมือนคนติดเอดส์ เจอปุ๊ป ถอยให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือ เห็นเหตุการณ์แปลกๆ ก็จะขอหวยก่อนเลย โดยไม่ใช้ เหตุผล หรือ ไตร่ตรองก่อนที่จะเชื่อ ขอแค่ให้ตัวเองรอดจากเหตุการณ์ ที่กำลังเผชิญ หรือ ได้สิ่งที่ตนหวัง ต่อเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ ถ้าคิดว่า ใส่หน้ากากแบบนี้ อาจจะป้องกันตัวก็ได้ และเราก็ใส่ด้วย เพื่อป้องกันตัวเอง หรือ คนเป็นโรคร้ายแรง ถ้ามองด้วยเหตุผล ถึงการติดต่อ ว่า ติดเฉพาะทางนี้ๆๆๆ เท่านั้น ถ้าทำแบบนี้ๆๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก หรือ เรื่องหวย ถ้ามีอะไรแปลกๆ ตีความก่อนเลย หวยมาก่อน เหตุผลว่า เกิดจากอะไรกันแน่ ซึ่ง ถ้าคนคิดว่า คนที่สวมหน้ากากคือคนรักตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเอง เสี่ยงให้เกิดการเจ็บป่วย ตัวเลขการติดเชื้อก็จะน้อยกว่านี้มาก เชื่อว่า คนไทยหลายคน อายที่จะใส่หน้ากาก ( ผมก็เช่นกัน อิๆ ) เพราะกลัวมองว่า เป็นคนติดเชื้อหวัดแน่ๆ   ไม่งั้น ตัวเลชการติดหวัด ไม่เยอะขนาดนี้หรอก แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 01:04:32 จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:03:11

ความคิดเห็นที่ 3   ต้องยอมรับกับประเทศที่มีสุขอนามัยต่ำ เห็นเป็นเรื่องแปลก จากคุณ : PanJ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:03:59

ความคิดเห็นที่ 4   เดี๋ยวผมจะเขียวติดไว้ที่ปากว่า "กรูสบายดี แล้วพวกคุณหละ???" พรุ่งนี้จะลองใส่ดู จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:09:44

ความคิดเห็นที่ 5   แต่ผมกลับรู้สึกว่า คนที่ใส่หน้ากากอยู่เนี่ยปลอดภัยกว่า คือ ถ้าใครไม่ใส่ มาเดินใกล้ๆ ผมจะระวังมากกว่าอีก จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:17:09

ความคิดเห็นที่ 6   ผมมองคนใส่หน้ากากว่า "เออคนนี้เค้าป้องกันตัวเองนะ ไม่เหมือนเรา เดินลอยไปลอยมาอยู่ได้ ไม่กลัวติดมั่ง" ส่วนตัวรู้สึกชื่นชมคนที่ใส่หน้ากากในที่สาธารณะ เพราะรู้สึกว่าเขาเหล่านั้นทันข่าวสารและรู้จักระวังตัวครับ จากคุณ : คนบ้านั้นชอบหอบ "ฟาง" เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:21:06

ความคิดเห็นที่ 7   *ผมใช้วิธีคล้องหน้ากากห้อยไว้ที่หูข้างหนึ่งครับ *ถ้ามีผู้ป่วยที่มีอาการจาม/ไอ ที่ไม่สวมหน้ากากเข้าใกล้ในระยะ 2 เมตร หรือต้องอยู่ในสถานที่แออัด ผมจะปิดหน้ากากทันที... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:27:17

ความคิดเห็นที่ 8   ไม่ใช่แต่ไทยหรอกค่ะ รายการฝรั่งรายการนึง รู้สึกจะ Entertainment Tonight ก็เคยทำการทดลอง ตอนไข้หวัดใหม่นี่ระบาดที่อเมริกาช่วงแรก โดยให้ผู้สื่อข่าวใส่ผ้าปิดปากสีเขียวเหมือนของเรา แล้วเดินไปมาในย่านชุมชน จะเห็นว่าคนหลบ หนี รังเกียจกันใหญ่ จากคุณ : animE' เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 01:56:59

ความคิดเห็นที่ 9   แต่เราจะทำตรงข้ามกับสองแม่ลูกนั่นค่ะ  ใครไม่ใส่หน้ากากแล้วจามหรือไม่สบายแล้วไม่ใส่หน้ากากจะมองตายสายตารังเกียจ  555555 จากคุณ : ก้านดอกบัว เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:01:23

ความคิดเห็นที่ 10   ใครจะคิดยังไงช่างหัวเค้า ไม่ได้แคร์ซะหน่อย เอาตัวเองปลอดภัยไว้ก็พอ จากคุณ : งุงิ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:27:38 A:202.91.18.194 X: TicketID:215266

ความคิดเห็นที่ 11   ตายละ ผมเห็นคนใส่ที่ร้านเกมก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งเดือนที่เชียงใหม่ ผมยังคิดเลยนะว่าพ่อแม่ท่าจะกลังลูกเป็นเลยให้ใส่เลย ไมไ่ด้คิดว่าน้องเค้าเป็นโรคเลยนะนั่น จากคุณ : delytezz เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 02:46:13

ความคิดเห็นที่ 12   ผมก็ใส่ครับวันนี้ ไปเดินแฟชั่นไอส์แลน ผลปรากฏว่า............... ไม่มีใครสนใจเลย มีคนใส่ประปราย ไม่มีใครหันมอง แม่ค้งแม่ค้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ตรูจาขายของ และมันก็เริ่มเป็นเรื่องปกติครับ จากคุณ : นายตะแง้วศรี เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 03:23:43

ความคิดเห็นที่ 13   ทำใจครับ จากคุณ : โอวัลตินร้อนกับป๋าท่องโก๋ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 05:01:35

ความคิดเห็นที่ 14   ส่วนใหญ่คน "กลัวอาย ไม่กลัวตาย" ค่ะ อยู่ต่างจังหวัด คนยังไม่ค่อยตื่นตัวค่ะ ทั้งๆที่ก็มีรายงานผู้ป่วยหลายรายแล้ว วันก่อนใส่ mask ไปเดินในห้างคนเดียวเลยค่ะ มีบางคนมองด้วยสายตาแปลกๆ ไอ้เราก็เชิดๆ ไม่อายค่ะ กลัวตายมากกว่า ลูกยังเล็ก ^ ^" จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 07:29:25

ความคิดเห็นที่ 15   เป็นเราจะบอกแม่เค้าไปว่า เราไม่ได้เป็นไข้หวัด แต่ใส่ป้องกันไว้ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 08:01:51 จากคุณ : Hello_The_Rain เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 08:01:39

ความคิดเห็นที่ 17   คคห 16 mask ครับ ไม่ใช่ mark ครับ ทันมุขนะเนี่ย จากคุณ : Lord BoBo Of Sarkhanland เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 08:44:28

ความคิดเห็นที่ 19   อ่านข่าวป่ะ    โชเฟอร์รถตู้ไล่ผู้โดยสารคนนึงที่ใส่หน้ากากอนามัย ตอนแรกโชเฟอร์สั่งให้ถอดหน้ากาก   ผู้โดยสารไม่ยอมถอด โชเฟอร์ไล่ลงเลย       สงสัย "วิธีคิด"   ของโชเฟอร์มั๊ย ????   เค้าคิดว่าคนใส่หน้ากากเนี่ย  คือคนป่วย        อ่ะ แล้วทำไม ถ้าคิดว่าเค้าป่วยดันสั่งให้เค้าถอดหน้ากาก   ถ้าเค้าป่วยแล้วถอดหน้ากากก็เท่ากับให้เค้าแพร่เชื้อซิ         สงสัยวิธีคิดเค้ามั๊ย       ข่าวโชเฟอร์แท๊กซี่ โอดว่า   ใสหน้ากากแล้วไม่มีผู้โดยสารกล้าเรียก  อ่ะ สงสัย "วิธีคิด" ของเหล่าผู้โดยสารมั๊ย        ผมถึงบอกมานานแล้วไงว่า    คนส่วนใหญ่  โง่ จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:01:07

ความคิดเห็นที่ 21   ความคิดคนเกิดจากสื่อครับ สื่อสามารถเปลี่ยนความคิดหลายๆเรื่องของเขาได้ แนะนำให้เสริจกูเกิลคำว่า "ทฤษฏีการสื่อสาร" แล้วจะเข้าใจ ความโง่ ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ จากคุณ : i.everyday เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:15:56

ความคิดเห็นที่ 22   . เอาน่าา เป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจผิดกันได้ครับ คนที่เป็นกับคนที่ไม่เป็นย่อมเข้าใจกันผิดได้จากสิ่งที่มองเห็นครับ 1. คนหนึ่งอาจจะใส่เพื่อป้องกัน (ป้องกัน อะ ป้องกันเข้าใจเปล่าว) 2. ส่วนที่คนเขามองว่าเขาไม่ได้เป็นไข้หวัดซักหน่อย ก็คิดว่า จะสวมทำไม ?  ไม่ได้เป็นซักหน่อย คนที่เป็นนั่นแหละต้องใส่! แต่ถ้าจะให้ดี ใส่ประจำก็ดีนะ - * - ตอนนี้รู้สึกว่า การสวมใส่ผ้าปิดจมูก จะกลายเป็นแฟชั่นไปแล้วอะ มีสีสันด้วย? มีลายคิตตี้ด้วย ? . จากคุณ : 1 2 3 ... ลมหายใจเป็นเธอ (Thai_DeSeRT) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:18:47

ความคิดเห็นที่ 23   เอาบ้างครับ อิอิ จากคุณ : Gunz_za เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:30:33

ความคิดเห็นที่ 24   นายสีเสียด ผมยอมรับว่าคุณฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ก็ได้ครับ แต่คนฉลาดในหว้ากอส่วนใหญ่เขาน่าจะไม่พิมพ์ข้อความแบบ #16 กับ #18 กันนะครับ เพราะคนฉลาดในหว้ากอน่าจะแยกแยะออกว่าที่คุณตอบมันเกี่ยวกับกระทู้นี้หรือไม่ ----- สำหรับผมมองว่าคนใส่แล้วดูเท่ดีน่ามองครับ แต่อย่าหาว่ามองด้วยความรังเกียจล่ะ จากคุณ : บ้านสามกอ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:42:59

ความคิดเห็นที่ 25   คือ มันเป็นอย่างนี้ครับ ครับ จขกท. ทำไมคุณทำตัวอย่างนี้ สากล : คนที่ป่วย ต้องใส่หน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อ ไทย : คนที่ใส่หน้ากาก(เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ) คือ คนที่ป่วย จะเห็นได้ว่า เป็นข้อความที่สมมูลกัน แต่.........มันสลับ "เหตุและผล" กันไงครับ เลยเป็นการสื่อสารกัน "คนละประเด็น" สากล ให้ความสำคัญที่การป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ แต่.. ไทย กลับคิดตรงข้าม จ้องแต่จะดูว่าใครเป็นคนใส่หน้ากาก แสดงว่าป่วย ..เพราะว่าแนวคิดไทย มันไม่ได้มีข้อความที่อยู่ในวงเล็บครับ มันเหลือแค่ "คนที่ใส่หน้ากาก คือ คนที่ป่วย" โดยสภาพแล้ว คนที่ป่วย มันน้อยกว่า คนไ่ม่ป่วย สากล : Prevent ปกป้อง ไม่ให้เชื้อออกไปจากคนที่ป่วย ไทย : Protect ป้องกัน ไม่ให้เชื้อเข้ามาหาเรา ซึ่งไม่ได้ป่วย แล้วมาเจอหลักการใหม่ "หลักการป้องกันตัว" ไทย(2) : คนป่วยไม่ใส่หน้ากาก แต่ผมไม่อยากป่วย ผมจึงใส่หน้ากาก คุณเห็นหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น?? พวกคุณ ๆ ทั้งหลายที่กำลังคิดจะใส่หน้ากากเพื่อป้องกันตัว คุณกำลังหวังดี(ต่อตัวคุณเอง) และประสงค์ร้าย(ต่อสังคม) นะครับ ขอย้ำว่า ่ถ้าคุณป่วย ถึงอยากจะตาย ก็ต้องใส่หน้ากาก ส่วน คนที่ไ่ม่ป่วย ไม่ต้องสวมใส่หน้ากาก ถึงคุณจะกลัวตายแค่ไหนก็ตาม ไม่งั้นระบบก็พัง กลายเป็นว่าทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากกันหมด ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย หลาย ๆ คนคิดว่า ดีซะอีก ใส่ให้หมด ป้องกันทุกคนเลย แต่คิดในแง่เศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเถอะครับ หน้ากากอนามัย ทั้งผ้า และโพลิเมอร์ (คล้ายเยื่อกระดาษ) มันไม่ใช่ของที่ได้มาฟรีนะครับ และสุดท้าย มันก็กลายเป็นขยะติดเชื้อ ที่ต้องนำไปทำลายอย่างถูกวิธีต่อไป หน้ากาก 1 อัน คุณไม่ป่วย คุณใส่เอง คุณป้องกันได้แค่ตัวเอง แต่ถ้าคุณเจอคนป่วย แต่ไม่ใส่ คุณไปขอร้องให้เขาใส่ของคุณ คุณสามารถป้องกันไม่ให้อีก หลาย ๆ คน ติดเชื้อนะครับ จริงอยู่ที่การใส่หน้ากากทุกคน รวมแล้วเสียเงินน้อยกว่าการใช้ยารักษาแม้จะไม่กี่คน แต่ถ้าเราทำให้จำนวนหน้ากากที่ต้องใช้มันน้อยลงได้ มันจะเป็นประโยชน์กว่าไหมครับ ด้วยความเคารพอย่างสูงครับทุกท่าน จากคุณ : TumProfess เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:51:03

ความคิดเห็นที่ 26         น้ำตาไหลเลยครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 10:27:42 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 09:55:26 จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 09:51:32

ความคิดเห็นที่ 27   #26  ทำไมถึง "น้ำตาไหลพรากเลยครับ" เหรอครับ เกิดอะไรขึ้นหรอ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 10:13:51

ความคิดเห็นที่ 28   หายแล้ว  น้ำตาไม่ไหลแล้ว เมื่อกี๊อารมณ์อ่อนไหวไปหน่อยนึง  คนมันขี้ใจน้อยน่ะ ขออภัยด้วย               แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 10:21:40 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 10:20:07 จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 10:19:48

ความคิดเห็นที่ 29   เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับ คห 25 ค่ะ จากคุณ : UBL เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 10:23:31

ความคิดเห็นที่ 30   เชื้อนี้มันแพร่ไปมากแล้ว อีกไม่นานแพร่ไปทั้งประเทศแน่ จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 10:32:24

ความคิดเห็นที่ 31   ไม่เห็นด้วยกับ คห.25 ตอนครึ่งหลังครับ ควรใส่กันทุกคนครับ ใส่กัน 63 ล้านคนไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่หรอกครับ ญี่ปุ่นก็ใส่กันเยอะ ไม่เห็นเขาบ่นไรเลย ทำไมควรใส่กันทุกคน ก็ย้อนดูข้อความตอนต้นๆของคห. 25 นั่นล่ะครับ สาเหตุที่ผมคิดว่าต้องใส่ทุกคน ทั้งป่วยและไม่ป่วย เพราะ ๑. ถ้าคนไม่ป่วยไม่ใส่ คนป่วยคนอื่นก็ไม่ใส่ คห.25 ป่วยขึ้นมา คุณกล้าใส่ไหมครับ ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่กล้า แต่ คห. 25 กล้าใส่ แล้วเกิด คห. 25 เป็นคนขับแท๊กซี่ พอผู้โดยสารเห็นคุณ คห.25 ใส่ เขาจะไม่กล้าขึ้นครับ ๒. ถ้าคนไม่ป่วยใส่ด้วย ใส่กันเต็มเมือง คุณ คห. 25 ป่วยก็ใส่ด้วย แล้วเกิด คห. 25 เป็นแม่ค้า ลูกค้ามาซื้อก๋วยเตี๋ยวของคุณ คห. 25 ลูกค้าจะไม่หนีทั้งๆที่เห็นคุณ คห. 25 ใส่หน้ากาก เพราะไรครับ ก็เพราะ คนไม่ป่วยก็ใส่กันเต็มเมือง คนป่วยก็ใส่ หน้ากากไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ที่แปลว่าใครป่วยแล้วครับ จากคุณ : ยมฑูต เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:04:22 A:117.47.93.30 X: TicketID:222168

ความคิดเห็นที่ 32   พรุ่งนี้อย่าลืมไปเยี่ยม ตัวแม่ และ ตัวลูก ที่ติดหวัด 2009 ด้วยนะครับ จากคุณ : torwat_fc เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:04:52

ความคิดเห็นที่ 33   ร่วมกันทำให้หน้ากากอนามัยไม่ใช่สัญลักษณ์ของคนป่วย แต่เป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันการระบาด ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคนครับไม่ว่าคุณจะป่วยหรือไม่ป่วย จากคุณ : ยมฑูต เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:09:38 A:117.47.93.30 X: TicketID:222168

ความคิดเห็นที่ 34   เจอมาเหมือนกันครับ คือใส่เพื่อป้องกัน ไม่ได้เป็นซักหน่อย เดี๋ยวใส่แบบนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จากคุณ : อาจจะแก่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:22:00

ความคิดเห็นที่ 35   ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกครับ ผมอยากรู้ว่าถ้าคนขับรถตู้มันเป็นแล้วใส่หน้ากากขับรับผู้โดยสาร จะมีคนขึ้นรถมันป่าว ใจเขาใจเรา เห้อ.. จากคุณ : ปิติกับเจ้าแก่ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:47:05

ความคิดเห็นที่ 36   คุณ ยมฑูต ครับ ของผม หลักการเริ่มต้น คือ *ป้องกัน* ไม่ให้เชื้อจาก 1 แพร่ไปหา N (จำนวนมาก) --- ซึ่งมันทำได้ง่ายกว่าของคุณ ---- ผมเห็นด้วยนะว่า "ร่วมกันทำให้หน้ากากอนามัยไม่ใช่สัญลักษณ์ของคนป่วย" แต่ผมว่า เปลี่ยนคำพูดเป็น "ร่วมกันทำให้หน้ากากอนามัยเป็นการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อทางอากาศ ป่วยแล้วต้องใส่ ไม่ป่วยก็ไม่ต้องใส่ ใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกคน" มันจะ win-win ที่สุดครับ แต่ถ้าคุณยังยืนยันว่า N ต้อง *ปกป้อง* ไม่ให้เชื้อจาก 1 เข้ามาหา และถือว่าการทำเช่นนี้เป็นการ *ป้องกันการระบาด* ก็แปลว่า ต่อไปเวลาเกิดโรคระบาดจากไวรัสครั้งต่อไป ที่ไม่ได้แพร่แค่ทางอากาศ (หมายถึง จากสารคัดหลั่งที่แพร่มาในอากาศ) ทุกคนต้องมาใช้วิธีปกป้องตัวเองจากเชื้อไวรัส เพราะสร้างภูมิคุ้มกันไม่ได้ มันเป็นไวรัส มันเหมือนกับว่า...........คุณกำลังทำให้สามีภรรยาที่สุขภาพปกติ ทำหมันแล้วหรือไม่ต้องการคุมกำเนิด (เพื่อตัดข้อเปรียบเทียบ) ไม่ได้เป็น HIV ทั้งคู่ ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่หลับนอนกัน ต้องเปลี่ยนความคิดมาใช้ถุงยางทุกครั้ง คุณกำลังจะบอกว่า เพราะสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้ใช้ชีวิตห็นหน้ากันตลอด 24 ชม. อาจจะ แว๊บ ไปรับเชื้อจากใครมาตอนไหนก็ได้ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ ..เหมือนกับที่ ถ้าเราปกติ แต่เราไม่ใส่หน้ากาก เราก็จะป่วยได้ เพราะมีโอกาสรับเชื้อได้ตลอดเวลา .. จากคุณ : TumProfess เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 11:53:39

ความคิดเห็นที่ 37   เรียนคุณ ยมฑูต (รอบ 2) ครับ ถ้าทุกคนใส่กัน เพราะจะได้ไม่เป็นการแบ่งแยกว่าใครป่วย ใครไม่ป่วย แนวความคิดนี้ดีครับ แต่ขอให้ใส่กันทุกคนเลยนะ ห้ามมียกเว้นเด็ดขาด ผู้ประกาศข่าวก็ต้องใส่ครับ (แม้ว่าจะนั่งประกาศข่าวอยู่คนเดียวในห้องส่ง) ถ้าไม่ใส่ ผมจะถือว่าผู้ประกาศข่าวคนนี้ มีเจตนาขัดหลักการของคุณ ยมฑูต คือ แสดงตนว่าตัวเองไม่ได้ป่วย ก็เลยไ่มใส่ ซึ่งมันมีผลตรงกันข้ามทันทีครับ คนที่ใส่หน้ากาก ก็จะกลายเป็นคนป่วยแทน แล้วการทำงานของผู้ประกาศข่าวที่ใส่หน้ากากทำงานนี่มันน่าชมน่าฟังไหมล่ะครับ??? เสียงชัดเจนอยู่เหมือนเดิมไหม ผมต้องการจะบอกว่า หลาย ๆ อาชีพ ใส่หน้ากากแล้วมันทำงานยาก มันไม่สะดวกเหมือนชีวิตแบบปกติแล้ว คุณไปเข้าฟิตเนส เล่นโยคะ คุณก็ต้องใส่นะ หายใจสะดวกเหมือนเดิมไหมล่ะ? นึกออกแค่นี้ครับ...ขอพักก่อน จากคุณ : TumProfess เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 12:11:08