ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องแรก มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้แล้ว เรื่องน่าเศร้าที่ผมฮาไม่ออกคือ มีคนเข้าใจผิดว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีอยู่ ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ ความเข้าใจผิดเกิดจากการไปอ่านข้างหลังกล่อง ...  ตามรูปครับ(ภาพไม่ชัดโปรดทำใจ) รูปนี้เป็นรูปกล่องวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี 2005-2006 ข้างหลังกล่องจะเขียนชื่อสายพันธุ์ไว้ดังรูป ... สังเกตไหมครับว่าสายพันธุ์ที่มีคือ H1N1 และ H3N2 บางคนพอเห็นสายพันธุ์ว่า H1N1 ก็ไปหลงเข้าใจว่า ในเมื่อมันคือสายพันธุ์H1N1เหมือนกัน ดังนั้นวัคซีนก็น่าจะป้องกันได้บ้าง ซึ่งไม่ถูกต้องครับ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:35:56

ความคิดเห็นที่ 2 ตามที่เคยได้บอกไปเมื่อนานมาแล้ว ... H และ N คือส่วนประกอบที่อยู่ที่ผิวๆของเชื้อไข้หวัดใหญ่ แต่ส่วนที่เป็นสารพันธุกรรมหรือส่วนที่ร่างกายจะใช้ในการตรวจตราหรือจัดการกับเชื้อมันไม่ใช่ส่วนเปลือกหากแต่อยู่ข้างใน H1N1 ในตอนนี้ ก็ไม่เหมือนกันH1N1ปีหน้า และ H1N1 สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตอนนี้ กับอีกสองเดือนข้างหน้า ก็ไม่เหมือนกัน มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อยครับ ... แต่ในเวลา1ปี ความแตกต่างจะยังน้อยมากจนถ้าผลิตวัคซีนตอนนี้แล้วฉีดไปก็ยังพอช่วยได้ แต่ถ้าเอาวัคซีนปีนี้ ไปฉีดในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็จะได้ผลน้อยลงมาก เช่นเดียวกัน H1N1 สายพันธุ์ 2009 คือตัวใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เป็นคนละตัวกับสายพันธุ์ H1N1 ที่มีมาก่อนหน้านี้หลายสิบปี ดังนั้นมันคือคนละตัวกันครับ ... วัคซีนฉีดไปก็ไม่ควรได้ผล ใช้คำว่าไม่ควร เพราะว่ายังไม่มีคนเคยทดลองจริง ... แต่จากความรู้พื้นฐานที่เรามี ขนาดH1N1 H3N2สายพันธุ์เดิมที่เราทำวัคซีนกันปีต่อปี พอผ่านไปสามสี่ปี วัคซีนยังไม่ค่อยได้ผลเลย ... เพราะเชื้อมันกลายพันธุ์ได้เร็ว แค่ปี2003 เกิดการกลายพันธุ์แบบ antigenic drift ขึ้น ทำให้วัคซีนที่เคยใช้ได้ผล กลับใช้ไม่ได้ผลเลย นับประสาอะไรH1N1ที่มีโครงสร้างทางพันธุกรรมเปลี่ยนไปจากH1N1ปกติแบบ Antigenic Shift หรือโครงสร้างภายในเปลี่ยนไปแบบไม่เหลือเค้าเดิม ดังนั้นสรุปว่า วัคซีนใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ หรือถ้าได้ผลก็คงน้อยมาก แต่ถ้ามีเงินจะฉีดก็ดีเพราะว่ากันหวัดใหญ่สายพันธุ์เดิมซึ่งก็รุนแรงอันตรายพอๆกัน จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:36:15

ความคิดเห็นที่ 3 2. หน้ากากอนามัย ใช้อันไหนดี หลายคนมีความสับสนเกี่ยวกับชนิดและการใช้ บางคนสงสัยว่าคนไม่เป็นได้ประโยชน์หรือไม่ถ้าจะใส่  ...  ทำไมในทีวี คนแต่ละคนพูดไม่ตรงกัน บางคนบอกให้ใส่ไปเลย ทำไมบางคนบอกว่าใช้ได้เฉพาะ N95 คำตอบง่ายๆอยู่ที่การแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่ ... ที่เราพบว่ามีการแพร่กระจายได้ทางการหายใจเข้าไปและจากการสัมผัสโดยตรง การป้องกันมีสองวิธีคือ ป้องกันคนที่เป็นไม่ให้แพร่เชื้อ และป้องกันคนที่ไม่เป็นไม่ให้ได้รับเชื้อ คนที่เป็นจะแพร่เชื้อได้ด้วยการไอแล้วละอองลอยออกไปหรือไปเปื้อนตามที่ต่างๆ ป้องกันได้ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งจะลดจำนวนละอองฝอยได้มาก ... ดังนั้นคนที่เป็นจะใส่หน้ากากอันไหนก็ได้ประโยชน์ เพราะว่าสามารถลดจำนวนละอองที่จะลอยออกมาในอากาศได้ ส่วนคนที่จะรับเชื้อ รับได้จากการหายใจและการสัมผัส หน้ากากN95 กรองละอองขนาดเล็กได้ประมาณ 95 % ดังนั้นลดความเสี่ยงได้ (แต่ก็ยังเสี่ยงอยู่ดีกับอีก 5 %ที่เหลือ) ส่วนหน้ากากผ้าหรือหน้ากากแบบที่ขายตามท้องตลาด กันละอองฝอยในอากาศไม่ค่อยได้ครับ เพราะอนุภาคอากาศเล็กมาก ลอยเข้าไปได้อยู่ดี สรุปแล้ว คนเป็นควรใส่ครับ ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากสีเขียวๆที่ขายกันก็ได้ ... เป็นการใส่เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่ไปสู่คนอื่น ส่วนคนที่ไม่เป็นก็ควรใส่ครับ ... ถ้าคุณใส่N95 ก็จะป้องกันได้มากหน่อย เพราะกันละอองเล็กๆที่จะหายใจได้ แต่ถึงไม่มีก็ควรใส่ถ้ามีโอกาส เพราะว่าเวลามีคนมาไอจามใกล้ๆคุณ มันก็กันละอองใหญ่ๆไม่ให้ไปติดที่หน้าตาของคุณซึ่งเดียวคุณจะเอามือไปป้ายเข้าจมูกหรือปากได้ สรุปแล้วคนไม่เป็นใส่ได้ครับ ดีกว่าไม่ใส่ ... แต่คนที่เป็นควรจะใส่เพราะดีที่สุด และสำหรับคนที่สงสัยว่าแล้วทำไมเวลาออกทีวี หมอหลายคนจึงบอกว่า"การใส่หน้ากากธรรมดาไม่มีประโยชน์" แต่หมอกับพยาบาลบางคนใส่หน้ากากธรรมดาราวกับว่ากันได้ เพราะว่าในสังคมเรา ดันมีคนที่พอใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากผ่าตัดแล้วคิดว่าป้องกันได้100% จนกระทั่งไม่กลัวที่จะเข้าไปใกล้คนที่ไอโขลกๆๆ แต่หมอกับพยาบาลอย่างน้อยก็พอรู้ระยะห่างที่พอจะปลอดภัย / กลั้นหายใจเป็นบางจังหวะ(ไม่รู้ช่วยได้ไหม) / ที่ตรวจมีการตั้งพัดลมระบายอากาศพัดจากหมอไปทางคนไข้ ก็พอช่วยได้บ้างนิดหน่อย .... ถามว่าปลอดภัยไหมก็ไม่ปลอดภัย ... แต่จะทำอย่างไรได้ครับ ใส่ N 95 ตรวจคนไข้ตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน เหนื่อยนะครับ นั่งตรวจคนไข้ที่นั่งแออัดเสียงดังกันอยู่ ต้องพูดฝ่าหน้ากากออกมาแบบตะโกน ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย ต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับคนไข้ที่นั่งรอตรวจ ให้เลือกระหว่างใส่N95 8 ชั่วโมงแล้วขาดอากาศหายใจ(เหมือนหายใจผ่านหลอดกาแฟสี่หลอด) ปวดหัว เจ็บคอ (แถมพรุ่งนี้ต้องตื่นตอนตี5ไปทำงานต่อ) กับติดหวัด 2009 แล้วใส่หน้ากากธรรมดากันไม่ให้กระจายไปติดคนอื่น บางครั้งพูดมันง่ายครับ แต่ให้ใส่ทำงาน 8 ชั่วโมงมันก็เกินไป จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:38:21

ความคิดเห็นที่ 4 3. ใส่หน้ากากด้านไหนดี หน้ากากบางชนิดบางยี่ห้อมีสีเขียวด้านนึง สีขาวด้านนึง คำถามคือควรใส่ด้านไหนกันแน่ เคยมีช่วงหนึ่งที่ทางการอบรมการควบคุมโรคเคยสอนสั่งกันมาว่าคนเป็นให้ใส่ด้านเขียว คนไม่เป็นให้ใส่ด้านขาว ... แต่เมื่อลองไปถามเหตุผลดู ไปๆมาๆไม่มีใครตอบได้น่าพอใจ จนสุดท้ายผมโทรไปถามทางบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งครับ ว่าตกลงแล้วใส่ด้านไหนกันแน่ และการใส่คนละด้านมีความแตกต่างกันหรือไม่ ... คำตอบที่ได้คือ "ไม่มีความแตกต่างในประสิทธิภาพ" เพราะ - ส่วนประกอบคือชั้นสีเขียว บางที่สุด 1ชั้น และ ชั้นสีขาว ที่หนากว่าอีกสองชั้น เวลาอากาศผ่านก็ผ่านทั้งสามชั้นนี้ไม่ว่าคุณจะหันเอาด้านไหนออก - ส่วนประกอบทั้งสองสี เหมือนกัน - ดูเผินๆแล้วบางคนคิดว่าสีเขียวกันน้ำได้ แต่ที่จริงแล้ว ทั้งสองด้านสามารถกันน้ำได้บางส่วนเท่านั้น และกันได้ในเวลาพอๆกัน ดังนั้นถ้ามีน้ำมาเปื้อนไม่ว่าด้านไหนก็ควรถอดเปลี่ยน เพราะสุดท้ายมันซึมได้ทั้งสองด้านอยู่ดี - แต่ทางบริษัทออกแบบให้ใส่ด้านเขียวไว้นอก แล้วคำถามว่าทำไมต้องด้านเขียวไว้นอก คำตอบคือ - สายอีลาสติกถูกออกแบบให้อยู่ด้านนอกเพื่อจะไม่ได้ไปเสียดสีกับใบหน้า เพราะว่ามีบางคนโดนแล้วเกิดอาการแพ้ - ตรงที่มีเหล็กด้านบน ส่วนชายตะเข็บจะอยู่ด้านสีเขียว ... ถ้าเอาไปไว้ด้านในจะไปเสียดสีกับใบหน้าเช่นกัน - ลองลูบๆดูจะพบว่าการปั้มขอบของหน้ากากอนามัยจะมีด้านเรียบและด้านที่ขรุขระ ... ซึ่งด้านขรุขระจะระคายหน้ามากกว่า แต่สุดท้ายแล้วจะใส่ด้านไหนก็ได้ผลพอๆกันถ้าใส่ถูกวิธี จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:44:27

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพชั้นทั้งสามของหน้ากากครับ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:48:35

ความคิดเห็นที่ 6 4.  ควรติดเชื้อตั้งแต่ตอนนี้เลย ครั้งหน้าจะได้ไม่เป็นหนัก เป็นความคิดที่แย่มาก เพราะ เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ทั่วๆไป และเชื้อไวรัสหลายๆตัว ส่วนใหญ่ของคนที่เป็นจะไม่มีอาการหนัก ... แต่คนที่หนักก็มีและเราไม่รู้ว่าจะเป็นตัวเราหรือไม่ .... ถ้าให้ยกตัวอย่างใกล้ตัว ไวรัสไข้เลือดออกนั้นคนที่ติดเชื้อและถึงตายก็มีน้อยกว่า 1% และเราติดได้ 4 ครั้ง ... ทำไมเราไม่รับเชื้อไข้เลือดออกหลายๆครั้งล่ะ พอครบ 4 ครั้งก็จะได้มีภูมิ ... คำตอบเดียวกันเลยครับคือเราไม่รู้ว่าจะดวงกุดเป็นคนในจำนวนน้อยกว่า1%หรือไม่ที่จะอาการหนัก อีกประการหนึ่ง ไวรัสไข้หวัดใหญ่ตัวนี้มันเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆและเร็วเพราะมีคนเป็นพร้อมกันเยอะ ... ถ้าดวงกุดไปเอาเชื้อที่กลายพันธุ์มาล่ะจะเป็นอย่างไร อีกประการหนึ่งก็คือ ไวรัสมันกลายพันธุ์เรื่อยๆ ติดไปปีนี้ ปีหน้าสายพันธุ์นี้ก็อาจจะกลายพันธุ์มาติดเราใหม่ได้อีกอยู่ดี ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ป้องกันตัวเองด้วยวิธีต่างๆที่ได้กล่าวไปก่อนแล้ว และรอวัคซีนออกมา จากนั้นก็ไปฉีดวัคซีนครับ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:49:09

ความคิดเห็นที่ 7 5. . เชื้อนี้มันใหม่มาก ยอมรับเถอะว่าหมอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ดังนั้นเชื่อตัวเองดีที่สุดอย่าไปเชื่อพวกหมอเลย เพิ่งรู้ว่าที่มันร้ายกว่าหวัดธรรมดาเพราะมันโจมตีไปที่ปอดและติดเชื้อได้รุนแรงกว่าหวัดธรรมดาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง...(เมืองนอกนะ) ข้อมูลเดิมก็คือ เราเอามันไปพ่วงกับหวัดนก โดยให้ยาทามีฟู หลังๆ เริ่มรู้ว่ามันน่าจะเป็นญาติของหวัดสเปนเนื่องจากรหัส H1N1 เหมือนกันก็เลยให้ยาโอเซลทามีเวีย ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามาตรการต่างๆ ล้วนแต่ออกมาตามคำแนะนำของผู้ที่รู้แต่ไม่เชี่ยวชาญทั้งสิ้น...เพราะมันใหม่ มากๆ.เคสก็เพิ่งมี..ตัวอย่างเลือดและสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อก็เพิ่งได้เมื่อ เดือนที่แล้ว.... นี่คือตัวอย่างของความเห็นหนึ่งที่แสดงถึงความไม่มั่นใจในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ (ขอไม่บอกว่าเอามาจากความเห็นใคร) และคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงความยากในการอธิบายให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ให้เข้าใจในส่วนที่เป็นประเด็นลึกๆ เช่นในเรื่อง เราเพิ่งรู้ว่ามันร้ายแรงกว่าหวัดธรรมดา ... ก็ไม่จริง เพราะว่าเรารู้ตั้งแต่เมื่อมันแพร่ที่เม็กซิโกแล้วว่ามันเป็นไข้หวัดใหญ่ซึ่งแน่นอนว่าในรายที่รุนแรงเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันโจมตีปอดได้ ... แต่เราก็รู้อีกว่า ในประชากรราวๆล้านคนที่ติดเชื้อนี้ มีคนตายไปเป็นหลักร้อย (ในอเมริกา) ดังนั้นอันนี้ไม่ใช่เพิ่งรู้ ... เพียงแต่ว่ามีงานวิจัยที่ประกาศผลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าในสัตว์ทดลอง พบว่าในสัตว์ทดลองที่เป็นปอดบวม อาการปอดบวมรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่เดิม  ... หรือที่บอกว่าไปพ่วงกับหวัดนกเลยให้ทามิฟลู หลังๆเพิ่งมารู้ว่าเป็นญาติหวัดสเปนเลยให้โอเซลทามีเวีย ประการแรก ทามิฟลู คือชื่อการค้าของ โอเซลทามีเวีย ... มันคือยาตัวเดียวกัน -_-' ประการที่สอง ไข้หวัดใหญ่ ไม่ว่าจะตัวไหน ก็ให้ยากลุ่มเดียวกัน เพราะยามันออกฤทธิ์ด้วยกลไกเดียวกัน ประการที่สาม เราไม่ได้เพิ่งรู้ว่ามันเป็นญาติกับไข้หวัดสเปน ... แต่นั่นคือสิ่งแรกที่เรารู้ครับ ... เรารู้ว่ามันเป็น H1N1 ก่อนที่จะรู้ว่ามันคือตัวใหม่เสียอีก -_-' ประการที่สี่ ถ้าใครลองไปค้นกระทู้เก่าๆสมัยหวัดนกหรือซาร์สระบาด จะเห็นว่าหลายๆคนออกมาเตือนเรื่องไข้หวัดใหญ่ระบาดกันแล้ว ... บอกถึงความรุนแรงและการระบาดฯลฯ แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจกัน นี่เป็นแค่คำถามเล็กๆน้อยๆที่บอกให้เห็นว่าหลายคนยังไม่เชื่อมั่น ... แต่สิ่งที่อันตรายคือ บางคนพอไม่เชื่อมั่นแล้วถึงขนาดพาลไม่เชื่อคำแนะนำเลย ... ความจริงคือ ความรู้เกี่ยวกับหวัดพวกนี้เราก็รู้พอสมควร ... แต่การอธิบายให้เข้าใจแก่คนในวงกว้างมันยากครับ อย่างถ้าผมมานั่งอธิบายเรื่องว่า ทำไมหวัดนกมันรุนแรงกว่าหวัดหมู (ส่วนประกอบของ H antigenเป็นตัวกำหนดความรุนแรง) ก็คงงงกันเป็นแถว หรืออย่างที่ตอนนี้หมอหลายคนพยายามอธิบายว่าความน่ากลัวของมันไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรงของโรค แต่อยู่ที่ความเสี่ยงในการกลายพันธุ์ และการที่มันระบาดเร็วจนทำให้เกิดการloadงานในระบบสาธารณสุข .... คนก็ยังไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ที่เค้ารู้กันมาตั้งนานแล้วว่ามันคือไข้หวัดใหญ่ซึ่งมีอัตราการตายสูงกว่าไข้หวัดธรรมดา ... แต่คนบางคนยังเข้าใจผิดคิดว่านักวิทยาศาสตร์เพิ่งรู้ เอาเป็นว่ามาถึงตอนนี้แล้ว ผมลองไล่อ่านกระทู้ที่หมอ/เภสัช เขียนหลายกระทู้ตามห้องต่างๆ Theme ของการเชียนมีตั้งแต่มองโลกในแง่ดี(อย่าเพิ่งกลัวไปก่อน ป้องกันตัวกันดีกว่า) ไปจนมองโลกในแง่ร้าย(อย่าชะล่าใจนะ ป้องกันตัวกันดีกว่า) ... สุดท้ายไม่ว่าใครก็บอกตรงๆกันครับว่าให้ป้องกัน ดังนั้นมาถึงวินาทีนี้ไม่เชื่อผมไม่เป็นไร ... แต่ขอร้องเถอะครับ อย่าแค่ไปเปิดwikipediaแล้วอ่านประโยคแค่ไม่กี่ประโยคจากนั้นเอามาตีความเองจนตกใจ และถ้าจะหาความเป็นวิชาการที่เชื่อถือได้ ก็อย่าไปฟังจากพวกNGO นักการเมือง มากนัก เพราะบางอันอ่านแล้วมึนๆเหมือนกัน ตย. ขนาดเป็นนักการเมืองที่เป็นหมอแท้ๆ ยังไม่เข้าใจเรื่องการตรวจเลย เอาแต่อารมณ์และความรู้สึกเป็นที่ตั้ง http://news.mjob.in.th/social/cat2/news13632/ ... ดังนั้นถ้าสงสัยอะไรลองถามหมอที่คุณรู้จัก ... หรือถ้าไม่รู้จักหมอ ถามทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ... หรือสัตวแพทย์ก็ได้ครับ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:49:25

ความคิดเห็นที่ 8 ความในใจ ช่วงนี้ผมเซ็ง ... เซ็งตามปกติธรรมดาอย่างที่เคยเป็นมา และรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องเข้าเนื้อสักวัน เรื่องราวทางการแพทย์ใดๆก็ตามที่มีความใหม่ มีการแพร่ออกอากาศทางสื่อสารมวลชน จะมีลักษณะตรงกันคือ ช่วงก่อนเกิดเรื่อง หมอเตือนอย่าประมาท ... หมอตื่นตูม ช่วงเกิดเรื่องใหม่ๆ หมอเตือนอย่าประมาท+ให้ความรู้ ... ทำไมเพิ่งเตือน ช่วงเรื่องเริ่มคุมพอได้ หมอเตือนอย่าประมาท+ให้ความรู้ ... เว่อร์หรือเปล่า ไม่เห็นมีอะไรเลยแค่หวัดชิวๆ ช่วงมันเริ่มกลับมาระบาดอีกรอบ(จากการเห็นว่าเป็นหวัดชิวๆ) หมอเตือนอย่าประมาท+ให้ความรู้ ... ไหนบอกว่าหวัดชิวๆไง เห็นไหมนี่มันหวัดมรณะชัดๆ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:50:48

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะกรุณาอีกสักนิด อยากให้บางคนที่กำลังบอกในหลายๆกระทู้ว่า ไหนบอกว่าหวัดชิวๆไง เห็นไหมนี่มันหวัดมรณะชัดๆ ลองกลับไปอ่านกระทู้แรกที่ผมเขียนไว้ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7973976/X7973976.html สำหรับคนที่บอกว่า ไหนบอกว่าไม่น่ากลัว ... ผมก็บอกแล้วว่ามันน่ากลัวอย่างไร สำหรับคนที่บอกว่า ไหนบอกว่าต้องตรวจก่อนให้ยา แล้วตอนนี้ข่าวบอกว่าให้ยาไปเลย ... ผมก็บอกแล้วว่าให้ยาเค้ามีเกณฑ์อย่างไร จนถึงตอนนี้ ก็ยังบอกเหมือนเดิมครับ สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้สุดท้ายนี้คือ ถึงแม้ว่าช่วงนี้ข่าวจะออกไปในแง่ลบมากขึ้น นักข่าวมีการไปเชิญหมอหลายๆคนมาพูดจากนั้นจับเฉพาะส่วนที่ไม่ตรงกันมาวิจารณ์ว่าหมอยังพูดไม่ตรงกัน (ถ้าไปตรงกับลักษณะของนักเล่าข่าวบางคนก็ขออภัย ไม่ได้ตั้งใจด่า) แต่คำแนะนำของหมอทั้งหลาย(ทีไปออกทีวี)และผมตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ยังคงเดิมครับ 1. ล้างมือ หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่คนมาก ใส่หน้ากากหากเราไอ 2. ถ้ามีไข้ ไข้38องศา หรืออาการไม่ค่อยดี ให้ไปหาหมอ 3. ถ้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีโรคหัวใจ อ้วนมาก ตั้งครรภ์ เป็นเบาหวาน กินยากดภูมิคุ้มกัน หากมีไข้ไม่ค่อยดีก็ต้องไปหาหมอและบอกหมอ 4. เมื่อผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ขอให้ระวังการติดหวัดต่อไป หมั่นล้างมือและรักษาสุขลักษณะให้ดี เพราะครั้งหน้าเราอาจจะไม่โชคดีเจอไข้หวัดใหญ่เบาๆแบบนี้ครับ ต่อจากนี้ไปคงไม่เขียนกระทู้หวัด2009แล้ว เพราะว่าดูดพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์แถมได้ความขุ่นมัวกลับมามิใช่น้อย กระทู้ต่อไปจะขายประกันแทนครับ ***************** จบ พอแล้วครับ ****************** จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:52:05

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่งจะเห็นวีดีโอที่หมอแมวสอนใส่หน้ากากอนามัย ประหลาดใจเล็กน้อย เอาเหอะ.... จากคุณ : ไฟแดงลิซึม เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 01:53:27

ความคิดเห็นที่ 11 จะรอดูกระทู้หมอขายประกันครับ ขออนุญาตแปะกิฟต์ไว้ก่อน เพราะเพิ่งใช้หมดกับกระทู้ด้านล่าง ^_^ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 52 02:18:17 จากคุณ : เข้ามาแซว (ลูกเป็ดขี้เกียจ) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 02:17:30

ความคิดเห็นที่ 12 ช่วงนี้บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ขอบคุณหมอแมวมากค่ะ ที่เสียสละเวลามาให้ความรู้  ยังไงถ้ามีความรู้ใหม่ๆ ก็อยากให้หมอแมวกลับมาอัพเดทอีกนะ ส่วนช่วงความในใจ คห 8 ให้กีบเป็นการปลอบใจแล้วกันนะคะ สุดท้ายนี้อยากสอบถามว่าประกันครอบคลุมถึงโรคระบาดหรือเปล่าคะ จากคุณ : antares[em] เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 02:24:42

ความคิดเห็นที่ 13 รู้สึกเศร้าใจกับคนบางกลุ่มครับ เห็นการ์ตูนของหมอแมวแล้ว ผมเซ็งแทนหมอเลย จากคุณ : ความจำสั้นสันหลังยาว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 02:47:17

ความคิดเห็นที่ 14 บุคลากรทางการแพทย์ยิ่งทำงานหนักกว่าเดิมอีกทีนี้ สื่อต่างๆไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยย จากคุณ : HamyLee เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 03:33:56

ความคิดเห็นที่ 15 มาให้กำลังใจหมอแมวครับ ส่วนคนบางกลุ่มนั้นเขาคงยากที่จะเข้าใจแล้วละ จากคุณ : LordPongpon เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 03:40:51

ความคิดเห็นที่ 16   หมอสู้ๆค่ะ ^^ จากคุณ : Stinky Cat เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 03:44:49

ความคิดเห็นที่ 17 พวกนั้นเกินเยียวยา แถมพวกเอาข้อความคุณหมอแมวไปตัดแปะทำ FWD mail โดยใส่ข้อความเพื่อจะแนะแหนการเมืองผสมเข้าไปด้วย อีก ก้หวังดี แต่ไม่ต้องมีฟังก์ชั่นนี้เสริมเข้าไป ไม่ได้รึ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 04:18:42

ความคิดเห็นที่ 18 เอาใจช่วยหมอแมวครับ สู้ ๆ นะครับ จากคุณ : หนอนปลอกผัดซอสมะเขือเทศเขตร้อน เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 06:01:03

ความคิดเห็นที่ 19 คน..        คน  ...          คน ....         คน  .....          คน  ยังมี สี่ประเภท      คนจบโคลน                                         คนพ้นโคลน                                         คนกลางน้ำ                                         คนโผล่พ้นน้ำ          เป็นกำลังใจให้หมอแมว.........สู้ จากคุณ : น้าช่าง เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 06:02:11

ความคิดเห็นที่ 20 มารับความรู้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : แม่ยืมล็อกอินก่อนนะนู๋ (~นู๋อ้อนจัง~) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 06:36:04

ความคิดเห็นที่ 21 จังหวัดผมยังแทบไม่เห็นคนใส่หน้ากาก       ทั้งอำเภอมีบ้านผมใส่บ้านเดียว            จังหวัดผมติดอันดับจังหวัดยากจน1ใน3ของประเทศ จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 07:58:55

ความคิดเห็นที่ 22   อีกเรื่องที่อยากให้คุณหมอเตือน คือ เรื่อง เงิน ครับ ความจริงอยากเตือนนานแล้ว แต่กลัวจะถูกหาว่า ตื่นตูมเกินเหตุ เห็นบ่อยมาก เข้าห้องน้ำ ล้างมือ แล้วเดินไป 7-11 หยิบเงินจ่าย รับเงินทอน แล้วก็เอามือหยิบขนมกิน กินเสร็จก็ดูดนิ้วอร่อยไปเลย ไม่แปลกใจว่าทำไมบางคนได้ัรับเชื้อโรค ทั้งๆที่แทบไม่ได้ไปไหนเลย คนป่วยไอเอามือปิดปากหรือป้ายน้ำมูก หยิบเงินให้แม่ค้า ต่อมาคุณมาซื้อ แม่ค้าหยิบเงินใบนั่นแหละทอนให้คุณ คุณเอามือหยิบขนมกิน จบข่าว โลกนี้ไม่มีเงินสะอาดหรอกครับ มีแต่เงินสกปรก จะสกปรกมาก สกปรกน้อย ก็อีกเรื่องนึง แต่หลายๆคนละเลยในเรื่อง การหยิบจับเงิน เพราะรู้สึกเป็นเรื่องปกติ อันนี้ ไม่ได้เตือนเฉพาะ เรื่อง หวัด 2009 นะครับ แต่เตือนเผื่ออนาคตที่อาจมีเชื้อตัวใหม่เกิดระบาดอีก แล้วไม่ได้ให้ตระหนกเกินเหตุนะครับ แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ควรจะต้องระวัง เพราะ เงินเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องหยิบ ต้องจับกันทุกวัน ผ่านมือใคร ต่อใคร วันนึงไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยมือ ทุกครั้งที่คุณหยิบเงิน ถ้าพอจะล้างมือได้ ก็ล้างซักนิดครับ จากคุณ : a1255 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 08:15:37

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นใดจำให้แน่              นึกหมาย ฟังใดอย่าฟังดาย           สดับหมั้น ชนม์ยืนอย่าพึงวาย         ตรองตรึก ธรรมนา สิ่งสดับทั้งนั้น                ผิดเพี้ยนเป็นครู จากโคลงโลกนิติ ค่ะ.. จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 08:47:28

ความคิดเห็นที่ 24 ส่วนอันนี้มอบให้คุณหมอแมวค่ะ.. ห้ามเพลิงไว้อย่าให้           มีควัน   ห้ามสุริยแสงจันทร์           ส่องไซร้   ห้ามอายุให้หัน                 คืนเล่า ห้ามดังนี้ไว้ได้                 จึ่งห้ามนินทา ... จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 08:51:39

ความคิดเห็นที่ 25   ประเทศญี่ปุ่นที่เค้าไม่วุ่นวาย เพราะเค้าใส่หน้ากากกันตั้งแต่เป็นไข้หวัดธรรมดาแล้ว สังคมไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มมากมาย แต่ของเราวุ่นวายในการสื่อสารเพราะมีข้อมูลที่สังคมต้องเรียนรู้ไปด้วยกันเยอะ ถือว่าวิกฤตินี้เป็นโอกาสละกัน ผมว่าที่หน้ากลัวมันอาจจะรอบหน้ามากกว่า เมื่อถึงรอบหน้าคนไทยคงพร้อมใจกันเรื่องการใส่หน้ากาก และสุขอนามัย โดยไม่ต้องมาเรียนใหม่ ที่จริงราชการควรมีเวปหลักเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้เท่าที่มีแล้วให้นักข่าวประชาชนเข้าไปอ่านนะ จะได้มีประสิทธิภาพในการสื่อสารมากหน่อย จากคุณ : หลับตา เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 08:53:18 A:58.64.66.131 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 26 ขอหมออย่าไปสนใจกับพวกป่วนไม่กี่คนที่ไปทำให้หมอหมดกำลังใจเลย ความรู้ที่คุณหมอแมวบอกไว้ในห้องหว้ากอนี้ เราเชื่อว่าจะสามารถกระจายออกไป จนช่วยชีวิตคนอื่นๆนอกสังคมพันทิปได้อีกมากมาย ขอให้คุณหมอกระทำตามเจตนารมณ์เดิมเถิด อย่าท้อแท้หวั่นไหวไปกับลมปากเหม็นเน่าของคนที่เกิดขึ้นมาเพื่อสักแต่หายใจเลย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 09:15:21

ความคิดเห็นที่ 27 หมอแมวสู้ๆจ้ะ เซ็งมากก็วางๆซะนะ อย่าไปคิดอะไรมาก คนเราก็งี้แหละเนอะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป มาให้กำลังใจนะจ๊ะ ทั้งหมอแมวและเพื่อนหมอทุกคน บุคลากรทางการแพทย์ทุกๆคนด้วยจ้ะ หาเวลาพักผ่อนกันด้วยเน่อ เป็นห่วงจ้า จากคุณ : HeLL_Is_HeRe เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 09:20:00

ความคิดเห็นที่ 28 ความเป็นจริงในสังคม มันมีเรื่องไม่สร้างสรรค์เยอะ มีกลุ่มคนที่ไม่รู้อะไรเลยและก็ไม่พยายามที่จะขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเอง คิดแต่จะพึ่งผู้อื่นอยู่ร่ำไป แต่กลับมีความมั่นใจในตัวเองสูง คิดคาดการณ์ต่างๆนานาทั้งที่ตนเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนั้นเวลาตั้งคำถามบุคลากรทางการแพทย์ก็จะมีตั้งธงในใจรอไว้อยู่แล้ว ไม่เปิดใจกว้าง พอได้รับคำตอบไม่ถูกใจหรือไม่เป็นไปตามที่ตนเองคาดการณ์ก็โวยวายใส่คนตอบ โทษนู่นโทษนี่ แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ทุกคนเลวหมด รัฐบาลเลว-ไม่ประกาศปิดประเทศเสียที หมอเลว บุคลากรทางการแพทย์เลว-พูดจาสื่อสารให้คนไข้รู้เรื่องไม่เป็น (ไม่เคยถามตัวเองว่า เปิดใจรับฟังมากน้อยแค่ไหน) ทุกคนในสังคมเลว แต่ไม่เคยกลับมามองตัวเอง ที่ต่อว่ามาทั้งหมดนั้นตัวเองได้รับผิดชอบต่อสังคมแค่ไหน ได้ทำอะไรเพื่อบ้านเมืองหรือเอาแต่ติ ในสถานการณ์อย่างนี้ยังคงออกไปเที่ยวในที่พลุกพล่าน หน้ากากก็ไม่ใส่ ความรู้ก็เข้าใจแบบผิดๆและเอาความเข้าใจแบบผิดๆไปเผยแพร่ที่อื่น กระต่ายตื่นตูมอย่างไม่มีเหตุผล ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8077267/A8077267.html#37 รักเมืองไทย..แต่อยู่ในความคิด เกิดความผิด..โทษไปให้พ้นเสีย ระบบแย่กฏหมายห่วย..ช่วยกันเชียร์ แต่ที่เอี้ย..จริงๆคือสิ่งใด มือไม่พายคอยเอาเท้าราน้ำ พยายามว่าเขาไม่เอาไหน พูดเพราะห่วง เพราะรัก เพราะจริงใจ ที่พูดไป ทำก่อน ค่อยสอนคน แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 52 09:26:10 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 09:25:15

ความคิดเห็นที่ 29 คุณหมอแมว มาให้กำลังใจนะคะ อย่าคิดมาก สู้ๆค่ะ คุณหมอดูแลด้วยนะคะ จากคุณ : forgive and forgot ! เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 09:30:54

ความคิดเห็นที่ 30 มีสัตวแพทย์ด้วย ฮาๆ ยังงัยก็ เป็นกำลัวใจให้ คุณหมอแมว นะคะ สังคมเลวเพราะคนดีท้อแท้ (คล้ายๆกับ สังคมดีเพราะคนเลวท้อแท้) เข้าใจว่า ทำแล้วนอกจากเหนื่อย เสมอตัว แถมเข้าเนื้ออีก แถมบางคนชอบเอาการเมืองมาปนให้มันปวดตับหนักกว่าเก่า จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 09:49:04

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้ เดี๋ยวจะปริ๊นท์ไปแปะบอร์ดที่ทำงาน จะได้อ่านกันเยอะๆ ขอให้กำลังใจหมอแมว และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขทุกท่านครับ อย่าเพิ่งท้อนะครับ จากคุณ : Newt เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 09:59:50

ความคิดเห็นที่ 32 หมอสู้ๆๆๆๆ จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:00:03

ความคิดเห็นที่ 33 ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกฝ่าย ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับภาระกิจในช่วงนี้ครับ จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:05:29

ความคิดเห็นที่ 34   เขียนไปเหอะหมอ จริง[^_^]มาก ใครเขียนกระทู้ก็โดนหมดละหมอ ธรรมดา คนมีความคิดต่างกัน อย่างเราเขียนก็อาจโดนด่า แต่เราก็จะเขียน เพราะคิดว่าเขียนไปถ้าการระบาดมันน้อยลง พ่อแม่เราได้ไม่ต้องเสี่ยง เราก็เขียนไปตามจุดหมายของเรา เหมือนคนใส่หน้ากากก็เหมือนกันใครมองสายตาแปลกๆ ก็ใส่ไป เพราะเรามีจุดหมายของเรา หมอก็เหมือนกัน อย่าลืมจุดหมายที่หมอมาเขียนตอนแรก แล้วทำตามจุดหมายเดิม อย่างเราเป็นโปรแกรมเมอร์ เคยอยู่สองกรณี โดนลูกค้าที่ไม่รู้เรื่องโปรแกรมเลยเถียง สุดท้ายเวลาผ่านไปต้องยอมรับว่าความคิดเขาเจ๋งจริงแล้วก็เอาเป็นความรู้ใหม่ อีกรายเราเคร่งตามกฏในตำรามากเกินไป บางเคสเปิดตำราไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเขา เป็นหมอก็มีพลาดบ้าง ใครจะว่าก็ว่าไปดิหมอ ก็เอามาเป็นบทเรียน เป็นความรู้ บางอย่างคนเราพลาดได้ คนไม่พลาดเลยมันมีแต่หุ่นยนต์ แล้วบางทีบางคนเขาว่านักการเมืองนะหมอ หมออย่าไปน้อยใจว่าเค้าว่าหมอ จากคุณ : ยมฑูต เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:03:11 A:222.123.173.57 X: TicketID:222168

ความคิดเห็นที่ 35   ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ทุกท่านค่ะ จากคุณ : sirilek เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:10:10

ความคิดเห็นที่ 36 เล่าให้ฟัง เพื่อให้เพลียหัวใจยิ่งขึ้นไปอีก ที่รพ.แถบๆชานเมืองตอนเหนือ กับนิคมอุตสาหกรรม ลูกไม่สบายมารพ. คนพามากับแม่ใส่หน้ากากกันหมด แต่ตัวลูกที่เป็นหวัดไม่ได้ใส่หน้ากาก หนักไปกว่านั้น Swab แล้ว Flu A - positive เอาหน้ากากไปให้ลูกใส่ ตัวแม่กับญาติ ด่าจนท.กับหมอกันลั่น รพ. ว่ามาใส่หน้ากากลูกทำไม ให้คนรู้ว่าเป็นหวัดตัวใหม่ ทำให้คนรอบข้างรังเกียจลูกเขา แถมสั่งสอนอีกว่า หน้ากากน่ะคน(รับใช้ในสายตาเขา)ในรพ. ก็ใส่ป้องกันตัวเองไปซิ ไปยุ่งกับคนอื่นให้เขาใส่ทำไม เอวัง กับ การระบาดของหวัดในไทย ย่อมเป็นด้วยประการดังนี้ล่ะครับ จากคุณ : อัสสุชลแห่งตารา เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:22:28

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาอ่านกลอน........จ๊าก จากคุณ : Polymerist เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:26:22

ความคิดเห็นที่ 38 อยากให้หมอแมวเป็น รมต.สาธารณสุข แทนคนปัจจุบัน ลง ส.ส.เมื่อไหร่ บอกด้วยนะครับ จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:29:27

ความคิดเห็นที่ 39 ข่าวร้ายตอนนี้คือ หน้ากากอนามัย ไม่ว่าแบบไหน ๆ ก็หมดค่ะ เคยใส่ N95 แล้วแบบแทบตาย เกือบเอาชีวิตไม่รอด หายใจไม่ออก ใจจริงคิดว่าถ้าใส่กันทุกคนก็ดีนะคะ ลดความเสี่ยงในการติดลงได้มาก แต่มันก็เปลืองอยู่ ก็ต้องมาคิดว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากันระหว่างสิ่งแวดล้อมกับชีวิตคน เคยคิดว่าใส่หน้ากากเพื่อไซโคลคนที่เป็นให้ใส่บ้าง แต่ไร้ผลค่ะ แถมฮัดชิ่วมาทางเราอีก ดีนะที่ไม่มีอาการ เห็นกระทู้หมอแมวก็โหวตอีกเหมือนเคย อิอิ จากคุณ : LaDy_GrApE (angunjah..) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:43:00

ความคิดเห็นที่ 40 ช่วงนี้หมอแมวโดนเละเลย ว่าแต่ไม่สนใจขายแอมเวย์บ้างเหรอครับ จากคุณ : ZoRtA เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:56:54

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณ น้องหมอแมว ที่พยายามรวบรวม และอธิบายให้คนที่สนใจ จะรับฟัง ได้รับรู้ ขอบคุณมากๆครับ เยี่ยมครับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:57:26

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นความรู้เลยนะเนี่ย  เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ ตอนนี้ทำตัวเป็นฮิกกี้ขังตัวเองอยู่ในห้อง  55+ เข้าใจเลยทำไมญี่ปุ่นโรคมันไม่ค่อยแพร่  เพราะพวกฮิกกี้เยอะนี่เอง (ล้อเล่นนะคะ) จริงๆเห็นใจหมอกะพยาบาลเหมือนกัน จากธรรมดาก็งานเยอะอยู่แล้ว  นี่ยังมีงานเพิ่มเข้ามาอีก   เข้าใจเลย  ทำไมไปโรงพยาบาลแล้วโดนดุตลอด ความเข้าใจไม่ตรงกันนี่เอง จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:57:38

ความคิดเห็นที่ 43 เขียนไปเถอะหมอแมว ช่วงแรกๆผมก็เขียนเตือนเสียเยอะ ก็ยังมีคนว่าเป็นปกติ ที่จริงถ้าหากรณรงค์การใส่หน้ากากได้ผมว่ามันก็ลดโอกาสการติดเชื้อลงพอสมควรนะ บ้านเราที่น่ากลัวคือความเข้าใจต่อหน้ากากและทัศนคติของคนที่มีต่อใส่หน้ากาก ซึ่งต่างจาก ตปท.ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะใส่เพื่อปกป้องตัวเอง หรือเลือกที่จะปกป้องคนอื่นโดยการใส่หน้ากากในขณะที่เป็นหวัด ที่แน่ๆเลิกคิดเถอะว่าหวัดชนิดนี้เหมือนที่ผ่านๆมา ในระหว่างนี้ระลอกสองมาแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ซึ่งของบ้านเราที่หวั่นๆ คือช่วงปลายปี โอกาสมันน่าอยู่ที่ช่วงของการระบาดของไข้หวัดนก อันนี้น่ากลัวหน่อย แต่ก็ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นเสมอไป ที่น่าห่วงคือหลังจากนี้ 8 เดือน- ปีเศษ ช่วงข้ามปีที่คนเริ่มชินชากับโรคนี้ เพราะคนไทยลืมง่าย และไม่ค่อยใส่ใจระวังจริงจัง พอข้ามปีมันก็มีโอกาสกลายพันธ์ทีละนิดอยู่แล้ว ก็หวังในทางดีด้านหนึ่ง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ ควรจะสนใจระมัดระวังป้องกันมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ให้กับตนเองและครอบครัว ทำความเข้าใจให้ชัดว่าโรคนี้มันยังไม่นิ่ง ความน่ากลัวคือความไม่นิ่งที่กลายพันธ์ได้นี่แหละ น่าหนักใจ เพราะว่าปัจจุบันก็ยังสับสนกันเยอะมากๆ จากคุณ : djnyzzz เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:07:32

ความคิดเห็นที่ 44 ต้องโทษนักการเมือง และคนมีอำนาจที่เกี่ยวข้อง - ช่วงแรกน่ากลัว ทำเป็นเรื่องใหญ่  แต่ออกมาตรการแต่ละอย่างไม่ได้เรื่อง หย่อนหยาน หละหลวม - พอเข้ามาเมืองไทยแล้ว ก็ออกมาบอกว่าไม่ต้องตกใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่น่ากลัว ไม่ต้องตื่นตูม - ตอนนี้ระบาดแล้ว ก็ไม่กล้าตัดสินใจ ห่วงเศรษฐกิจจะเสียหาย ออกมาตรการครึ่งๆ กลางๆ (แล้วมีหน้ามาบอกว่าเดินสายกลางอีก) จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:09:38

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณข้อมูลดี ๆค่ะ และก็เป็นกำลังใจให้ อย่าเพิ่งท้อนะคะ เหนื่อยนักพักบ้าง แต่อย่าหยุดเลยค่ะ ^_^ รออ่านข้อมูลดีๆ อยู่นะคะ จากหมอแมวอยู่นะคะ จากคุณ : nu_ninny เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:12:35

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับ อย่างน้ยผมก็จะระวังตัวไม่ให้เป็น ตอนแรกคิดว่าเป็นตอนแข็งแรงๆ ดีกว่า อืมๆๆ เข้าใจแล้ว ปลเหนื่อยหน่อยนะครับ สู้ๆ จากคุณ : sos_num เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:19:30

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:04:18

ความคิดเห็นที่ 48 ดูแลตัวเองด้วยนะครับผม คุณหมอ และทุกๆท่าน... จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:23:41

ความคิดเห็นที่ 49 มาให้กำลังใจให้หมอแมว ขอบคุณมากที่ให้ความรู้อยู่เสมอ   สังคมไทยนี่แปลกประหลาดจริง ๆ คนที่มานั่งพิมพ์ความรู้ที่เขามีให้อ่านด้วยความห่วงใยตั้งมากมาย   ถูกตำหนิให้ท้อใจได้อย่างไรก็ไม่ทราบ คนในสังคมของเรา  ยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมาก   ส่วนตัวยังมีความหวังอยู่   หนึ่งคนทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด พรุ่งนี้มันต้องดีกว่าวันนี้ จากคุณ : jedi-jaidee เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:27:24

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณกับความรู้ที่ให้มาค่ะ มาขำก๊ากก็ตรงจะไปขายประกันเนี่ยแหละ ก๊ากกกกกกกกก จากคุณ : ข้าวเหนียวไหม้ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:28:38

ความคิดเห็นที่ 51 เป็นกำลังใจให้คุณหมอแมวค่ะ แม๊วๆๆ จากคุณ : hahaiiba เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:28:56

ความคิดเห็นที่ 52 งั้นขอคุณหมอแมว เขียนอีกสักตอนนะครับ มีแต่พวกบังคับให้ใส่หน้ากาก แต่ทว่า วีธีบำรุง ดูแล และเตรียมพร้อมให้ใช้งาน อย่างหน้ากากผ้านี่ ยังไม่มีใครบอกเลยว่าใช้แล้วต้องทำความสะอาดยังไง ใช้ได้กี่ครั้ง อยู่ดีๆ เอาหน้ากากเห้นบางบริษัท เอามาแจกๆลูกค้านี่ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าคนทำหน้ากากที่แจกมานี่เขาได้ดูแลมันให้สะอาดก่อนถึงผู้ใช้ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:30:52

ความคิดเห็นที่ 53 ครับผม! จากคุณ : ห้ามวางไว้ไกล้เด็ก เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:31:11

ความคิดเห็นที่ 54 โหวต ครับบบ ^__^ คุณหมอแม สู้ๆ ครับ จากคุณ : lightkung เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:35:21

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนรอดพ้นจากไข้หวัด 2009 นะคะ สู้-สู้ จากคุณ : cotton_ud เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:39:25

ความคิดเห็นที่ 56 น่าเสียดายนะ ที่มีแต่คนหว้ากอที่ได้อ่าน หมอแมวจะว่าแต่คนทั่วไปเข้าใจผิดไม่ได้หรอกครับ เขาไม่รู้จริงๆ เพราะทีวีแต่ละช่องยังให้ข่าวไม่ชัดเจนเลย แม่ผมดูข่าวทุกวัน ยังมีหลายส่วนที่เข้าใจผิดเลยครับ เรื่องเป็นไว้ก่อน จะได้มีภูมิต้านทาน ผมโดนเข้าไปเต็มๆ ขอบคุณครับ ถามอีกนิด สรุปคนแข็งแรงกับคนมีโรคประจำตัวเนี่ย ใครมีโอกาสตาย มากกว่ากันแน่ ต่างประเทศบอกคนแข็งแรง แต่ในไทยบอกคนอ่อนแอ งง จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:41:31

ความคิดเห็นที่ 57 หมอสู้ๆ ครับ คนมีหลายประเภทอย่าไปสนใจเลย จากคุณ : rbko เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:53:34

ความคิดเห็นที่ 58 .....ถ้าไม่มีคนอย่างหมอแมว คนเล่นพันทิพยังคงงมโข่งกันอีกเยอะเลย... ได้แต่ให้กำลังใจ วันนี้ก็เพิ่งได้ยินประเด็น ใส่หน้ากากด้านไหนดี.... โอย.... มึน... เห็นคนใส่หน้ากาก ก็ขยับหนี แล้วหนีไปไหน ไปใกล้คนไม่ใส่หน้ากาก ที่เพิ่งจาม เพิ่งไอ... น้องเล่าให้ฟัง.... จะรอดกันมั้ยนี่ จากคุณ : proofman เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:58:36

ความคิดเห็นที่ 59 เอาใจช่วย คุณหมอทุกท่านครับ .. ตอนนี้ท่านเป็น นักรบของชาติ จริงๆ .. จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:00:02

ความคิดเห็นที่ 60   ให้กำลังใจหมอแมวด้วยคนนะคะ เข้าใจที่สุดในความหวังดีในความเป็นหมออดไม่ได้ที่จะไม่บอกใช่ไหมคะ จากคุณ : UBL เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:09:15

ความคิดเห็นที่ 61 ขออนุญาตหมอแมวนำ Print กระทู้นี้ไปเผยแพร่ให้เพื่อนๆ อ่านด้วยนะคะ จากคุณ : เหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:30:39

ความคิดเห็นที่ 62 สู้ๆค่ะหมอแมว อย่าเพิ่งท้อจิ... มีคนเขียนเรื่องเป็นประโยชน์ยังงี้ให้อ่านอ่ะดีแล้ว อย่าเพิ่งไปขายประกันเลยนะ Am....y  เหอะ 555+ ล้อเล่นนะค้าาา จากคุณ : เลดี้ลิลิ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:49:40

ความคิดเห็นที่ 63 หมอแมวเซ็นเซอร์ชื่อได้แบบว่าไม่รู้เลยนะว่าใคร 555555 /me จะรอซื้อประกันนะครับ จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:55:57

ความคิดเห็นที่ 64 โดนใจครับหมอแมว เพราะสังคมไทยมักจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เวลามีปัญหาอะไรก็เลยกลายเป็นเรื่องยาวได้ตลอด ปล. จนถึงปัจจุบันนี้ คนเป็นหวัดก็ไม่ยอมใส่หน้ากากอยู่ดี แต่กลายเป็นว่า คนที่ใส่หน้ากากส่วนใหญ่ คือคนไม่เป็นซะได้ จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:56:31

ความคิดเห็นที่ 65   ขอบคุณ คุณหมอ และขอเป็นกำลังใจในการทำงานค่ะ เรารู้ว่าท่านและอีกหลายๆฝ่าย หลายๆคนเหนื่อยมาก สู้ๆนะคะ ส่วนเรื่องความรู้ และพฤติกรรมของคนไทย ตลอดจนนโยบายมาตรการของรัฐ ในการรับมือกับโรคติดต่อชนิดนี้ เป็นเรื่องที่เราต้องร่วมกันเรียนรู้ และก้าวผ่านไปด้วยกัน คิดเสียว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้ สิ่งใดที่ช่วยได้ ทำได้ ก็ช่วยกันไป อย่าโทษหรือตำหนิแต่ผู้อื่นดีกว่าไหม พวกเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน จากคุณ : ฟ้าใสวันศุกร์ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:58:55

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : vnv เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:17:58

ความคิดเห็นที่ 67 สู้ๆครับหมอ จากคุณ : นายเบียร์ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:26:36

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุนมากๆค่ะหมอ ขอเล่าเรื่องของเราที่เจอมั่งนะค่ะ เราขายอาหารที่โรงเรียนค่ะ ที่โรงเรียนเป็น รร.บ้านนอกแถวเชียงใหม่ อาทิตย์ก่อนๆหน้านี้ เด็กสุขสบายดีในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ครูที่ รร. ดันพานักเรียนชั้นม.ต้นทั้งหมดร่วมๆ100คนไปธรรมกายค่ะ กลับมาเมื่อวันจันทร์ กระทั่งวันนี้วันอังคารมีเด็กมีไข้ตัวร้อนหลายคนแล้ว และเมื่อเช้านี้ รร.ยังพานักเรียนทั้งโรงเรียนไปวัดค่ะ เพราะวันนี้วันพระ เรากลัวจริงๆว่ามันจะมาระบาดแถวบ้านเรา เพราะคนแถวบ้านเป็นตาสีตาสา ไม่รู้อะไร วันนี้ว่าจะก้อปปี้ที่หมอหลายๆคนช่วยกันตั้งกระทู้ เอาไปให้ครูที่ รร.ดู กะให้คนในหมู่บ้านประกาศ เฮ้อ...... เมื่อกี้ขายอาหารอยู่ เด็กก็มาจามลงตรงใกล้ๆเราพอดี เราใส่หน้ากากผ้าไว้ แต่ไม่รู้จะเป็นไงมั่ง สยอง แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 52 15:39:43 จากคุณ : ตุ๊มาแว้ว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:31:24

ความคิดเห็นที่ 69 อยากเรียนถามคุณหมอแมวหรือผู้รู้ทีค่ะ ตอนนี้คุณแม่ค่อนข้างเข้มงวดเลยค่ะเรื่องในบ้าน หลังจากที่ข่าวไข้หวัดเริ่มรุนแรงเรื่อยๆ - อย่างแรกคุณแม่จะบอกให้ทุกคนทานน้ำเยอะๆ ทานน้ำอุ่นน้ำร้อน ห้ามทานน้ำเย็น (ซึ่งปกติที่บ้านไม่ทานน้ำเย็นกันอยู่แล้ว อันนี้เลยไม่มีปัญหา) -อย่างที่สองคุณแม่บอกให้ทานผลไม้ที่มีวิตามินซีเยอะๆ พวก ฝรั่ง ส้ม คุณแม่จะซื้อติดบ้านไว้ตลอดเลยค่ะ แต่คุณแม่จะไม่ซื้อวิตามินซีเป็นเม็ดอะค่ะ -อย่างที่ 3 ตอนนี้ที่บ้านจะต้องล้างมือก่อนทานข้าวทุกครั้ง ปกติจะไม่เข้มงวดเท่าไร ตอนนี้เข้มงวดมาก รวมถึงเวลาทำธุระในห้องน้ำเสร็จด้วย ก็เลยอยากทราบว่าความเข้าใจของคุณแม่ เนี่ยถูกต้องทุกข้อมั้ย ที่ฉันเห็นจะตรงกับที่รณรงค์ก็เรื่องล้างมือนี่แหละค่ะ . จากคุณ : luk-narm เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:37:32

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณครับ หมอแมว จากคุณ : Gazz เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:38:35

ความคิดเห็นที่ 71 เฮ้อ เห็นกรณีนี้แล้วเซ็งนี่ขนาดหวัดนะ ที่มันไม่ได้ปัจจุบันทันด่วนนัก ถ้าเกิดเป็นเหตุภัยพิบัติ ที่ต้องรีบอพยพ หรือช่วยเหลือคนด่วน เช่น ซึนามิ2022 ?(ฮ่าๆๆๆ) หรือ อุกบาตชน ต้องรีบหนีจากกรุงเทพให้เร็วที่สุด ที่ยกตัวอย่างอาจจะเวอร์ไป แต่ลองคิดดูว่า มันจะสับสนและวุ่นวายขนาดไหนกับการให้ข่าว จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:45:24

ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อวานขึ้นรถตู้คนข้างๆ และข้างหลังเรา แข่งกันไอ จาม แบบตลอดเส้นทาง รู้ตัวว่าเป็นหวัด (ชนิดไหนก็เถอะ) ไม่คิดจะใส่ผ้าปิดปากเลย ไม่รับผิดชอบต่อสังคมเลย อยากทราบว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตัวใหม่เนี่ย ราคาแพงไม๊คะ จะได้ไปฉีดทั้งบ้าน เพราะมีทั้งคนแก่และเด็กเล็ก จากคุณ : pyramidas เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:46:55

ความคิดเห็นที่ 73 หมอครับ  ขอบคุณสำหรับบทความทั้งหลาย ยังไงก็อย่าท้อนะครับ สุดท้าย   หมอว่าทำประกันตัวไหนดีครับ ที่คลุมถึงการรักษาไข้หวัดใหม่ สายพันธ์ใหญ่นี้ ได้เป็นอย่างดี คห 73   หมอเค้าบอกด้านบนแล้วครับ  ว่าวัคซีน  ไม่น่าจะได้ผล ยกเว้นจะมีคนอาสา ไปเป็นหนูทดลอง แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 52 16:05:58 จากคุณ : pantaye เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:03:33

ความคิดเห็นที่ 74 ผมไม่สบายและได้ไปตรวจมาแล้ว เป็นหวัดใหญ่ธรรมดาไม่ใช่พันธ์ใหม่ ก่อนไป ก็ได้กระทู้ หมอแมวนี่แหละครับ ที่ผมนั่งอ่านระหว่างนอนซมอยู่บนเตียง เปิดโน๊ตบุ้คนอนอ่านไป ทุกวันนี้ผมก็ล้างมือ 6 ขั้นตอนตามคลิป คุณหมอแล้วนะครับ หน้ากากก็เรียนวิธีใส่จากคลิปคุณหมออีก ใครจะว่าไงก็ช่าง สำหรับผม ผม ขอบคุณคุณหมอมากๆครับ ขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : CKN เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:11:11

ความคิดเห็นที่ 75 ขออนุญาต copy ให้เพื่อนที่ออฟฟิศอ่านนะคะ (เพราะส่งแค่ลิ๊งค์เขาก็ไม่เข้ามาอ่านอยู่ดี ต้องยัดเยียด) เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่าที่ทำงานมีคนเป็นหวัด คนอื่นๆกลัวหยั่งกะเขาเป็นเอดส์ ไม่กล้าเข้าใกล้ จะบ้าหรือ ทำให้ดิฉันรู้ว่าหวัด 2009 ไม่ได้ร้ายแรงแค่ต่อร่างกาย แต่มันทำลายน้ำใจ ทำลายสติ กับคนในสังคมด้วย เฮ้อ... สู้ๆค่ะหมอ พี่สาวเป็นเภสัชฯโรงพยาบาลรัฐ เข้าใจเหมือนกันว่าเหนื่อยกันแค่ไหน จากคุณ : setsu-chin เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:13:17

ความคิดเห็นที่ 76 เราชอบหมอแมวนะ ติดตามมานานไม่ค่อยได้เขียน คราวนี้ขอให้กำลังใจนะคะ จากคุณ : YALA เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:26:32

ความคิดเห็นที่ 77 ประเด็นใหญ่ที่สุดคือ มีคนพยายามนำไปขยายผลทางการเมืองตะหากหล่ะครับ หากบทความที่พวกเขาทำ ออกมาได้รับการเห่อ และ บ้าคลั่งไป เขาก็จะดังและได้รับการยอมรับในหมู่ กลุ่มคนเสื้อ ..... และส่งผลให้ เกิดความเสียหายต่อรัฐบาล ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเขาเพื่อให้ ... ได้กลับมา. จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:49:57

ความคิดเห็นที่ 78 เรื่องการจาม นี่ผมไม่รู้นะครับ แ ผมเห็นคนกลัวการจามกัน ทำให้ เวลาผมจะจามผมต้องพยายามไม่จาม ทั้งๆที่ผมเรียนรู้มาว่า การจามเป็นการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าร่างกายออกไป. แล้วดันไปกลั้นไว้ ผมก็เตรียม ไม่สบายไปแทนแหง๋แซะ. ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วผมร่างกายแข็งแรงมากทีเดียวเรื่องไม่สบาย ไม่เคยมี แต่บางทีมันคัดจมูกนี่หว่า พอจามปุ๊บ คนมันหันมามองกันเป็นตาเดียว จบเห่. จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:52:58

ความคิดเห็นที่ 79 เป็นกำลังใจให้หมอแมวด้วยคน รวมถึงเห็นด้วยกับ คห 25 43 และ 44 เพราะรู้สึกเหมือนกันเลย และ.. ไม่เฉพาะกลุ่มไข้หวัด ใครก็ตามที่มีอาการไอ จาม น้ำมูก ควรมีอะไรป้องกัน ไม่ให้มีละอองฝอยแพร่กระจายไปในอากาศ รวมถึงไม่ควรขากเสลดในที่สาธารณะ จากคุณ : คุณฉงน เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 17:17:08

ความคิดเห็นที่ 80 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 17:19:23

ความคิดเห็นที่ 81 มาให้กำลังใจค่ะ เห็นด้วยกับ #22 ค่ะ เรื่องมีเชื้อโรคที่เงิน เงินนี่ผ่านมาหลายมือมากๆ มือใครบ้างก็ไม่รู้ เพื่อนเรายังเคยทำเงินตกส้วมแล้วเก็บมาล้างๆ แล้วเอาไปใช้ต่อด้วยนะคะ จากคุณ : มังกรอ้วน เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 17:44:52

ความคิดเห็นที่ 82 ได้ความรู้ดีคับหมอแมว จากคุณ : KnOtZilLa เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:00:59

ความคิดเห็นที่ 83 อุ๊ย..โดน..ขอบคุณครับที่ตอบให้หายสงสัยให้หลายๆเรื่อง..ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่าทำไมบุคลากรทางการแพทย์ถึงเบื่อที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้....ซึ่งตอนนี้องค์ความรู้เกี่ยวกับหวัด2009 นอกจากเวปบอร์ดแล้วมีเอกสารทางวิชาการใดๆที่จะสามารถทำความเข้าใจได้บ้างครับ..ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้และเวลาในการเสียสละของคุณหมอนะครับ.. จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:18:40

ความคิดเห็นที่ 84 สู้ สู้ คับ จากคุณ : <<ampo>> เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:24:12

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ... ผมจะนำความรู้นี้ไปบอกต่อคนในครอบครัวครับ จากคุณ : ๛แบกเป้...ไปส่องโลก๛ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:49:12

ความคิดเห็นที่ 86 เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ จากคุณ : อาว์เอ็ด เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 19:09:39

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณสำหรับความรู้ และสู้ๆ ครับหมอแมว จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 19:52:14

ความคิดเห็นที่ 88 แวะมาอ่านข้อมูลดีๆ กับหมอที่พูดไพเราะไม่โวยวาย แบบนี้ค่อยหน้าอ่าน ไม่น่ารำคาญหน่อย ป.ล. หน้ากาก แบบเขียวๆ ขาวๆ ที่หมอบอกให้เอาตัวอีลาสติงออกข้างนอก ดิฉันได้ความรู้ใหม่จากนักกีฬาที่ใส่กันฝุ่นในสนามมาว่า การเอาสีเขียวออกด้านนอกนั้นเพื่อให้หายใจสะดวกกว่า ถ้าเอาสีเขียวเข้าด้านใน ตรงส่วนสีเขียวมันเป็นผ้าบางๆ ชั้นเดียว เนื้อมันจะนิ่มกว่าด้านสีขาว พอใช้ไปสักพักความร้อนจากการหายใจ จะทำให้เกิดความชื้นจนทำให้แผ่นสีเขียวนั้นเด้งออกจากแผ่นสีขาว อีทีนี้เวลาหายใจเข้าแผ่นสีเขียวก็จะแฟ่บ เข้าไปบังจมูกด้วยทำให้หายใจลำบาก มันจะมีอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นสีขาวทั้งสองด้าน เมื่อเช้าลองเอาด้านนิ่มๆ เข้าด้านในแล้ว ปรากฏว่าเหมือนที่เด็กบอกมาเลยค่ะ พอใช้ไปสักพักมันจะมีอาการผะงาบๆ ต้องกลับเอาด้านที่มันแข็งกว่าไว้ข้างในมันจะได้ไม่แฟ่บๆๆ ไปบังรูจมูก จากคุณ : sugarhut เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 20:52:29

ความคิดเห็นที่ 89 คุณหมออย่าเพิ่งท้อ............ ถือว่าคุณหมอให้ความรู้เป็นธรรมทานนะคะ......... สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในเชิงแพทย์ นี่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากค่ะ ทำให้เข้าใจมากขึ้น ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : JinMingTian เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 20:56:14

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากครับหมอแมว เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ จากคุณ : ChocolateMousse เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:24:42

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณกระทู้ ดีๆนะค่ะ คุณหมอแมว จากคุณ : onlycat เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:20:36

ความคิดเห็นที่ 92   ตามมาให้กำลังใจครับ จากคุณ : i.everyday เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:48:04

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณครับ ที่ผมทำงาน ต้องจัดหน่วยตรวจพิเศษ เพื่อตรวจไข้หวัด ถ้าเขาได้อ่านก่อน ก็คงจะดีไม่น้อย... จากคุณ : Bazophil เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 23:08:18

ความคิดเห็นที่ 94 ขอพระคุณคุณหมอแมวสำหรับคำแนะนำ ข้อเท็จจริง และความห่วงใยที่ส่งผ่านกระทู้นี้และหลายกระทู้ก่อนหน้าค่ะ ทั้งที่จริงๆ คุณหมอแมวไม่ได้อะไรจากการเขียนกระทู้แต่ละครั้งเลย นอกจากความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นของคนที่เข้ามาอ่าน จีจึงรู้สึกขอบคุณมากๆ กับทุกๆ กระทู้ที่คุณหมอแมวได้เขียนขึ้นมา เพราะมันทำให้จีรู้สึกว่าคุณหมอแมวมีความหวังดี และห่วงใยผู้คนที่เข้าใจผิดในเรื่องหวัด 2009 ทั้งที่เป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป กระทู้นี้ได้รับความรู้มากจริงๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณหมอแมว และคุณหมอ นางพยาบาล ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านนะคะ เข้าใจว่าคนที่ออกมาตรการและออกสื่อไม่รู้จริง คนที่รู้และทำงานจริงไม่ได้กำหนดมาตรการและออกสื่อ เป็นกำลังใจให้มากๆ ค่ะ ปล. เมื่อวานได้รับกระทู้เรื่องหวัด 2009 ที่เคยลงในพันทิปด้วยค่ะ แต่ไม่มั่นใจว่าของท่านไหนเขียนไว้ เพราะคนก๊อป ก๊อปแต่ทำพูดและรูปภาพ โดยไม่ได้ให้เครดิตชื่อผู้เขียนและอ้างอิงที่มาของข้อความนั้นๆ เลยค่ะ แต่ก็เป็นเมลที่มีประโยชน์มากเหมือนกันนะคะ ^^ จากคุณ : g_lunasea เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 23:09:24

ความคิดเห็นที่ 95 ติดตามทุกกระทู้ ไข้หวัดเลยค่ะ ได้ความรู้มากๆ ขอบคุณ คุณหมอแมวอย่างใจจริงค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 52 00:53:16 จากคุณ : Pretty_Cute_Girl เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 00:52:38

ความคิดเห็นที่ 96 เห็นใจหมอทุกคนนะครับ แต่อยากเปรียบเทียบความเห็น 8 กับความในใจของคุณสมิธตอนที่เตือนเรื่องสึนามิกับ storm surge แล้วมีแต่คนไม่เชื่อจัง  น่าเห็นใจเค้าเหมือนกันเนอะ จากคุณ : delabiere เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 00:56:57

ความคิดเห็นที่ 97 นี่คุณหมอแมวก็กำลังทำหน้าที่อยู่ อาจมีบางอย่างที่เป็นความเห็นส่วนตัว แต่ผมว่าคนอ่านหว้ากอน่าจะแยกแยะได้อยู่แล้วนะ จากคุณ : >>Hunter_One<< เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 01:45:59

ความคิดเห็นที่ 98   เป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกท่านนะคะ *-* สู้ๆค่ะ จากคุณ : -0- เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 03:37:52 A:118.172.243.52 X: TicketID:172388

ความคิดเห็นที่ 99 เยี่ยม... จากคุณ : ว้า.จอมแก่น เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:57:28

ความคิดเห็นที่ 100 ผมเพิ่งมาใหม่คับ แต่เอคยอ่านกระทู้ของหมอจากเพื่อนมาแล้ว เป็นกำลังใจให้นะคับ จากคุณ : tsubame_kp (tsubame_kp) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:07:40

ความคิดเห็นที่ 101 เป็นกำลังใจให้นะค่ะ..อยากให้คุณหมอแมวเขียนต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นกับความสบายของคุณหมอค่ะ เราเอง ติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องไข้หวัดนกจากกระทู้ของคุณหมอ ได้รับความรู้ความเยอะมาก..ทำให้คลายความกังวล   และรู้วิธีการรับมือกับโรคที่ก้าวเข้ามาใกล้ตัวทุกทีๆ ขอคุณมากๆ นะค่ะ จากคุณ : understatement เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:27:50

ความคิดเห็นที่ 102 - -* ถึงขั้นตั้งกระทู้ขายประกันเลยเหรอครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:57:37

ความคิดเห็นที่ 103   เข้ามาอ่านความรู้ดีๆค่ะ ต้องขึ้นรถไฟฟ้าทุกวัน เจอคนไอจามใส่ประจำแต่ดีหน่อยที่เค้าใส่หน้ากาก หนีไม่ได้ด้วยเพราะรถแน่นมาก เฮ้ออ จากคุณ : mylollipop เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:22:33

ความคิดเห็นที่ 104 ชัดเจนมากเลยค่ะ ^__________^ จากคุณ : Strawberry 59 Baht เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:25:27

ความคิดเห็นที่ 105   คุณหมอแมวครับ ผมได้รับ fw mail  (อีกแล้ว) เหอๆ เขาบอกให้ใส่ด้านสีเขียวไว้นอกครับ เพราะด้านสีเขียว กลีบผ้าจะปิดลงด้านล่าง ลดโอกาสรับเชื้อด้านบน และด้านสีขาว กลีบผ้าจะหงายขึ้น รับสารคัดหลั่งจากจมูกเราไม่ให้ไหลลงปาก ถูกผิดประการใดโปรดชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : AVSystem เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:28:02

ความคิดเห็นที่ 106   มีภาพประกอบด้วย จากคุณ : AVSystem เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:30:09

ความคิดเห็นที่ 107 กระทู้นี้ ค่อยมีการเมืองน้อยหน่อย จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 13:08:04

ความคิดเห็นที่ 108 สู้ๆค่ะคุณหมอ เข้าใจและเห็นด้วยอย่างมากในความเห็นที่แปดค่ะ ทุกคนที่มาอ่านกระทู้นี้ก็ช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องด้วยนะคะ จากคุณ : วี้ดวิ้ว เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 13:48:43

ความคิดเห็นที่ 109 #105 คุณหมอแมวครับ ผมได้รับ fw mail  (อีกแล้ว) เหอๆ เขาบอกให้ใส่ด้านสีเขียวไว้นอกครับ เพราะด้านสีเขียว กลีบผ้าจะปิดลงด้านล่าง ลดโอกาสรับเชื้อด้านบน และด้านสีขาว กลีบผ้าจะหงายขึ้น รับสารคัดหลั่งจากจมูกเราไม่ให้ไหลลงปาก ถูกผิดประการใดโปรดชี้แนะด้วยครับ ช่วยตอบค่ะ จาก คห.4 ของคุณหมอแมว 3. ใส่หน้ากากด้านไหนดี หน้ากากบางชนิดบางยี่ห้อมีสีเขียวด้านนึง สีขาวด้านนึง คำถามคือควรใส่ด้านไหนกันแน่ เคย มีช่วงหนึ่งที่ทางการอบรมการควบคุมโรคเคยสอนสั่งกันมาว่าคนเป็นให้ใส่ด้าน เขียว คนไม่เป็นให้ใส่ด้านขาว ... แต่เมื่อลองไปถามเหตุผลดู ไปๆมาๆไม่มีใครตอบได้น่าพอใจ จนสุดท้ายผมโทรไปถามทางบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ครับ ว่าตกลงแล้วใส่ด้านไหนกันแน่ และการใส่คนละด้านมีความแตกต่างกันหรือไม่ ... คำตอบที่ได้คือ "ไม่มีความแตกต่างในประสิทธิภาพ" เพราะ - ส่วนประกอบคือชั้นสีเขียว บางที่สุด 1ชั้น และ ชั้นสีขาว ที่หนากว่าอีกสองชั้น เวลาอากาศผ่านก็ผ่านทั้งสามชั้นนี้ไม่ว่าคุณจะหันเอาด้านไหนออก - ส่วนประกอบทั้งสองสี เหมือนกัน - ดูเผินๆแล้วบางคนคิดว่าสีเขียวกันน้ำได้ แต่ที่จริงแล้ว ทั้งสองด้านสามารถกันน้ำได้บางส่วนเท่านั้น และกันได้ในเวลาพอๆกัน ดังนั้นถ้ามีน้ำมาเปื้อนไม่ว่าด้านไหนก็ควรถอดเปลี่ยน เพราะสุดท้ายมันซึมได้ทั้งสองด้านอยู่ดี - แต่ทางบริษัทออกแบบให้ใส่ด้านเขียวไว้นอก แล้วคำถามว่าทำไมต้องด้านเขียวไว้นอก คำตอบคือ - สายอีลาสติกถูกออกแบบให้อยู่ด้านนอกเพื่อจะไม่ได้ไปเสียดสีกับใบหน้า เพราะว่ามีบางคนโดนแล้วเกิดอาการแพ้ - ตรงที่มีเหล็กด้านบน ส่วนชายตะเข็บจะอยู่ด้านสีเขียว ... ถ้าเอาไปไว้ด้านในจะไปเสียดสีกับใบหน้าเช่นกัน - ลองลูบๆดูจะพบว่าการปั้มขอบของหน้ากากอนามัยจะมีด้านเรียบและด้านที่ขรุขระ ... ซึ่งด้านขรุขระจะระคายหน้ามากกว่า แต่สุดท้ายแล้วจะใส่ด้านไหนก็ได้ผลพอๆกันถ้าใส่ถูกวิธี ความเห็นส่วนตัว *ใส่ด้านไหนก็ได้ค่ะ... เรื่องกลีบผ้าไม่ได้ส่งผลต่อสารคัดหลั่งเลยค่ะ แต่เหตุผลก็ดังที่คุณหมอเขียนไว้ใน คห.4 เกี่ยวกับเรื่องเหล็ก/ลักษณะใยสังเคราะห์ตามนั้นเลย *แถม... เผื่อมีคนถาม มีีคนเข้าใจว่า ด้านสีเขียวมีสารฆ่าเชื้อ ให้เอาสีเขียวเข้าข้างใน -*- เรื่องนี้ก็ไม่จริงอีกนั่นละ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 14:30:16

ความคิดเห็นที่ 110 เมื่อมันเป็นโรคระบาด จะรุนแรงระดับไหนก็ต้องระวังครับ ขอบคุณหมอแมวมากนะครับ ติดตามอ่านกระทู้ในเรื่องนี้มาตลอด เป็นกำลังใจให้ต่อไปครับผม ^__^ จากคุณ : yananisawa เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:40:52

ความคิดเห็นที่ 111 ชอบจขกท.จังเยยยย สู้ๆนะคะ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 17:52:37

ความคิดเห็นที่ 112 โถ   ผิดพลั้งประการใด  ขออภัย หมอแมว ไว้ ณ ตรง นี้ครับ จากคุณ : i-sho เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:07:31

ความคิดเห็นที่ 113 กลายเป็น forward mail ไปแล้วครับ ที่สำคัญ ไม่อ้างอิงกันเลยด้วย น่าเศร้ามาก... จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:49:45

ความคิดเห็นที่ 114 :) จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 19:20:56

ความคิดเห็นที่ 115 มาให้กำลังใจคุณหมอแมว  ขอบคุณมากๆนะครับนะ จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 20:21:48

ความคิดเห็นที่ 116 ถ้าเป็นFWD  แล้วคนรับฟัง ก็เป็นรางวัลสำหรับผมแล้ว  แต่ถ้าจะเอาชื่อผมออก ขอให้คงREFERENCEไว้นะครับเพื่อจะได้ดูน่าเชื่อถือ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 20:39:20

ความคิดเห็นที่ 117 ขอบคุณค่ะ คุณหมอแมว ^^" ข้อมูลดีๆแบบนี้ ให้กี่Giveก็ไม่พอเนอะ เป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ จากคุณ : ;) (rrltai^^) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 22:39:13

ความคิดเห็นที่ 118 ไม่รู้หมอแมวจะจำผมได้มั้ย แต่เป็นกำลังใจให้หมอแมวนะครับ สู้ๆ จากคุณ : alek149 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 22:41:25

ความคิดเห็นที่ 119   เข้ามาให้กำลังใจหมอแมวอีกรอบค่ะ แล้วก็เข้ามาแซวด้วย 55+ พึ่งได้ดูคลิปสอนใส่หน้ากากอนามัยของหมอจากเวปกระปุก รู้สึกหมอแมวอ้วนขึ้นป่ะคะ??? แก้มป่องเชียว >_< จากคุณ : -0- เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 01:51:55 A:118.172.243.39 X: TicketID:172388

ความคิดเห็นที่ 120 อย่าลืมพักผ่อนเยอะๆ นะ ทุกคนนนน จากคุณ : wooby เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 02:13:55