ความคิดเห็นที่ 1   ผมว่ามันมีหลายปัจจัยนะ จากคุณ : a1255 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:00:42

ความคิดเห็นที่ 2   ขอตั้งข้อสังเกตว่า โรงงานส่วนใหญ่ที่เคยอยู่ในเมือง เค้าย้ายออกไปอยู่ชานเมืองกับต่างจังหวัดกันเยอะมากแล้วนะครับ  ผมว่าโรงงานในกทมเอง มีน้อยมากแล้วครับ ถ้าผมจะบอกว่า โดยส่วนใหญ่ของการใช้รถ ผมไม่เคยเจอรถติดเลย คุณจะเชื่อผมไหมครับ   ปรับที่ตัวเองคนเดียวผมว่าง่ายกว่าปรับทั้งระบบครับ แวะมาตอบครับ ผมก็โดนบ้างครับรถติดไม่ใช่ไม่เจอเลย แต่ผมสามารถวางแผนการใช้ชีวิตเองได้ระดับหนึ่งครับ ตั้งแต่ ผมทำงานใกล้บ้านมาก ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน5 นาที  เวลาผมจะออกไปหาลูกค้า ผมก็จะนัดเวลาที่การจราจรไม่คับคั่ง เช่น11 โมง หรือบ่ายสองโมง เป็นต้น  หลีกเลี่ยงการนัดช่วงเวลาหลัง 4โมงเย็นครับ หรือถ้าต้องเดินทางช่วงเวลาเร่งด่วนจริงๆ บางครั้งผมก็นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้าง หรือไม่ก็รถไฟฟ้าครับ จอดรถทิ้งไว้ข้างทางเลย  เท่านี้ชีวิตส่วนใหญ่ของผมก็สามารถหลีกเลี่ยงรถติด ได้มากแล้วครับ ผมเพียงแค่อยากให้คิดอีกด้านครับ ผมมองว่าการปรับทั้งระบบมันยากครับ ย้ำว่ายากมาก  การปรับพฤติกรรมและวางแผนของเราเอง มันแก้ปัญหารถติดได้ง่ายกว่ามาก เท่านั้นครับ ไม่อยากเบี่ยงประเด็นเจ้าของกระทู้ครับ เรื่องย้ายโรงงานออกนอกเมืองครับ     ต่อครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 52 08:23:06 จากคุณ : landon เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:01:35

ความคิดเห็นที่ 3   ถ้าผมจะบอกว่า โดยส่วนใหญ่ของการใช้รถ ผมไม่เคยเจอรถติดเลย คุณจะเชื่อผมไหมครับ ************************************************* ผมอยากฟังว่า คุณขับที่ไหนครับ และเวลาเท่าใดครับ จากคุณ : แปล เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:11:43 A:61.19.66.252 X: TicketID:222008

ความคิดเห็นที่ 4   วิธีนั้นอาจได้ผลแต่กว่าจะทำได้ก็ช้าครับ อยากให้ลองดูกรณีศึกษา การเก็บค่าธรรมเนียมจรจรติดขัด แบบที่ลอนดอนอังกฤษ ปีเดียวจากการเริ่มต้นเก็บ ปริมาณรถลดลง 1 ใน 3  ถือว่าลดได้พอสมควรแต่จะ เอามาใช้ยังไงคงต้องปรับเพื่อให้เหมาะสม จากคุณ : poobas เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:27:48

ความคิดเห็นที่ 6   ขนส่งสาธารณะที่ดีขึ้น จากคุณ : IRQ5 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:34:31

ความคิดเห็นที่ 7   เหมือน #5 จากคุณ : Chenm เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 07:57:10

ความคิดเห็นที่ 9   เอาแค่กระจายอยู่สักรอบกรุงเทพฯ ก็แย่แล้วครับ แมสเซ็นเจอร์วิ่งเก็บเช็ค-วางบิล ออฟฟิซอยู่บางปะกงแต่ต้องวิ่งไปนครชัยศรี-มหาชัย-แปดริ้ว เปิดออฟฟิซทำรีทัชรูปอยู่เขาวัง เพชรบุรี เอเจนซี่วิ่งมาดูหน้าจอจากชลบุรี ลูกค้ามาจากโรงงานที่นิคมโรจนะ อยุทธยา โรงพิมพ์วิ่งมารับไฟล์อาร์ทเวิร์คจากบางปู วันๆ ไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ อยู่บนรถก็เอาเวลาไปครึ่งหนึงแล้ว เงินเติมน้ำมันน่ะต้นทุนทั้งนั้นครับ จากคุณ : dragunov เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:26:25

ความคิดเห็นที่ 10   โรงงานน่ะส่วนใหญ่อยู่นอกเมืองอยู่แล้ว ไม่น่าก่อปัญหาอะไร พวกรถบรรทุก ตั้งแต่วงแหวนอุตสาหกรรม กับวงแหวนกาญจนาภิเษกเสร็จ เค้าก็ไม่ต้องเข้ามาในเมือง ที่เหลือปัญหารถติดของกรุงเทพตอนนี้ก็คือ จากการวิเคราะห์ของผมเองนะครับ 1.ตอนเช้า 6.30-8.00 รถติดเพราะผู้ปกครองขับรถมาส่งเด็กนักเรียน (โดยเฉพาะโรงเรียนดัง ๆ ไม่กี่แห่ง ทำรถติดทั้งเมือง) ตรงนี้สังเกตุได้จาก วันไหนโรงเรียนดังกล่าวปิด ถนนจะโล่งทันที ผู้ปกครองเหล่านี้แย่งถนนกับคนทำงานออฟฟิศครับ (คุณ ๆ ก็รู้ว่าโรงเรียนอะไรบ้าง) 2.ตอนเย็น คนออฟฟิศครับ อันนี้ชัดเจน ออกจากที่ทำงานพร้อม ๆ กันช่วง 17.00-19.00 ปิดเทอมแล้วมันก็ยังติด อันนี้ก็ค่อนข้างชัดเจน 3.แหล่งช๊อปปิ้งต่าง ๆ อันนี้ว้นทำงานตอนเย็นๆ กับวันเสาร์อาทิตย์ ห้างใหญ่ ๆ เนี่ยมีรถเข้าออกชั่วโมงละเป็นพัน ๆ คันครับ 4.ความไม่เป็นระเบียบของคนที่ใช้ถนนในกรุงเทพฯ เอง แท๊กซี่ รถเมล์ จอดแช่ป้าย จอดนอกป้าย คนข้ามถนนไม่ใช้สะพานลอย ไม่ดูสัญญาณไฟ ทำให้การระบายรถเสียจังหวะ วิธีแก้ 1.สำหรับนักเรียน ต้องไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองจอดส่งเด็กหน้าโรงเรียนอย่างเด็ดขาด ให้ไปส่งที่จุดรับส่งที่จัดไว้ให้ แล้วให้เด็กนั่ง shuttle bus ของโรงเรียนเข้ามา ตอนกลับบ้านก็ทำเหมือนกันครับ 2.สำหรับคนออฟฟิศ อันนี้ต้องทำระบบขนส่งมวลชนให้ดี .. สำนักงานส่วนใหญ่อยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือจากบ้านไปรถไฟฟ้ามันลำบาก ต้องจัดรถตู้ สองแถว และรถเมล์เป็น feeder ให้ระบบพวกนี้มากขึ้น และทั่วถึงขึ้น 3.สำหรับขาช๊อป ให้ห้างต่าง ๆ ที่อยู่ในเมือง บังคับขึ้นราคาค่าที่จอดรถ เอามันชั่วโมงละ 50-100 บาทไปเลย อันนี้เห็นใจคนมาซื้อของจริงๆ นะครับ แต่เท่าที่สังเกตุคนส่วนมากขับรถ "มาเที่ยว" เฉย ๆ ถ้าจะซื้อของเยอะๆ คงต้องเชิญท่านออกไปช๊อปนอกเมืองหน่อย 4.สำหรับพวกคนไร้ระเบียบ วิธีการปรับและแจกใบสั่งคงไม่ค่อยได้ผล พวกรถจอดในที่ห้ามจอด หรือเจตนาฝ่าฝืนกฏจราจรอย่างร้ายแรง ให้ยึดรถไว้เลยครับ ระยะเวลาตั้งแต่ 1 อาทิตย์ ถึง 3 เดือน อีกอย่าง พวกคนเดินถนนที่ไม่ปฏิบัติตามกฏ ต้องจับมาปรับให้เข็ดครับ ทำเหมือนตอนทิ้งขยะปรับ 2000 นั่นแหละ จากคุณ : เตยทะเล เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:54:33

ความคิดเห็นที่ 11   ให้จอดรถอยู่บ้าน...ใครขับมาเจอปรับแรงๆ ยังงี้แก้ได้กว่านะ ... แต่ไม่เข้าท่าเลย จากคุณ : รุกฆาต เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:56:09

ความคิดเห็นที่ 12   ปล่อยไฟเขียวทุกแยกครับ ให้เล็งกันเองว่าใครจะมา ใครจะไป ไม่นานก็ติดกันวินาศสันตะโร แล้วคนก็จะเลิกใช้รถกันไปเอง มือใหม่ ขับไม่เก่งก็ไม่กล้าเอารถออกจากบ้าน มือเก่า ขับคล่องแต่ต้องกลัวมือใหม่มาทิ่มตรูด สองล้อ ไม่มีที่ให้แทรก เพราะติดหนัก ไม่มีช่องให้มุด ทางที่เหลือคือ ย้ายบ้านมาใกล้ๆที่ทำงาน เช่าหอพักอยู่กัน แล้วเดิน จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:02:43

ความคิดเห็นที่ 13   รถบริการ มีหลายระดับและเพียงพอความต้องการ และ ทั่วถึงจริงๆ รวมทั้งช่วงเวลาต้องมีรองรับ ตลอด เชื่อเหอะ เดี๋ยวคนก็แห่กันมานั่ง เพราะสบายแล้วไม่ต้องหาที่จอด ให้วุ่นวาย พวกมีตังก็นั่ง คันที่ไฮโซๆ หน่อย นั่งกับคนส่วนรวมแต่ ไหลลื่นชิลๆ สบาย ถึงบ้านไวอีก จากคุณ : hahesfha เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:08:11

ความคิดเห็นที่ 14   ขออนุญาตเห็นแย้ง # 10 บางประเด็นค่ะ 1. การให้ผู้ปกครองไปส่งแล้วให้ขึ้น shuttle bus มา ก็ไม่ต่างกับการส่งที่โรงเรียน เพราะมันก็จะไปติดจุดที่ shuttle bus จอดอยู่ และยังเพิ่มจำนวนรถขึ้นมาอีกต่างหาก บางโรงเรียน นักเรียนมีเป็นพันสองพันคน คุณต้องใช้รถกี่คัน ถึงจะส่งนักเรียนทุกคนให้ไปถึงโรงเรียนทันเวลา นอกจากนี้ ถ้าจะจัดให้จุดที่ขึ้น shuttle bus อยู่นอกเมือง เด็กจะต้องตื่นกี่โมง เพื่อจะเดินทางไปโรงเรียนให้ทัน ถ้านักเรียนส่วนใหญ่อยู่นอกเมือง ก็คงไม่ค่อยมีปัญหา แต่ส่วนมากก็จะอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนกันมากอยู่แล้ว 2. ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะถ้าจัดให้มี feeder เหตุผลก็จะคล้ายๆ กับข้างบน คือคุณต้องใช้เพิ่มจำนวนเท่าไร ถึงจะเพียงพอ แล้วคนก็จะไปกระจุกขึ้นรถไฟฟ้าพร้อมกันอีก 3. ข้อนี้ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก  เป็นการแก้ไขที่ไม่ถูกจุด และทำให้คนเดือดร้อนมากกว่ารถติดซะอีก 4. ข้อนี้เห็นด้วยค่ะ ถ้าคนทำผิดกฎจราจร ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ก็ควรจะลงโทษให้เหมาะสมและถูกต้องตามกฎ จากคุณ : Angel4Phoenix เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:14:35

ความคิดเห็นที่ 15   ทำถนนให้เป็นไฮเวย์ให้ หมด สังเกตุดูนะครับ ถนน ที่วิ่งเป็นไฮเวย์ไม่เห็นมันจะติดเลย ไปเจาะแยกเยอะ ลดมาจากซ้าย สุดไปจะขวา สุด ขวาสุดจะไปซ้ายสุด จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:26:31

ความคิดเห็นที่ 16   ^ ^ ความเห็น 14 ครับ ผมว่าจริงๆ เรื่องส่งลูกที่โรงเรียนแค่เพียงไม่ลากันนานจนเกินไปก็พอครับ ผมเห็นบางคันคุณแม่โอ๋ลูกอยู่นานเกินน่ะครับ แม่ไปแล้วนะลูก ไม่ร้องนะ อย่าดื้อกับคุณครูนะลูก ... คือ จริงๆตรงนี้ควรเป็นหน้าที่ของคุณครูในการดูแลเด็ก ต่อจากผู้ปกครองนะครับผมว่า จากคุณ : นายหัวเห็ด เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 09:57:44

ความคิดเห็นที่ 17   #9 +1 ครับ จะแก้มันต้องแก้ ที่ระบบขนส่งมวลชนครับ อ้อ ไม่งั้น อย่าบอกว่า ไปตั้งออฟฟิศพวกนี้อยู๋โซนเดียว กันนะครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:02:21

ความคิดเห็นที่ 18   วิธีการที่แก้ปัญหารถติด 100 % มีทางเดียว เท่านั้น ครับ เลิกใช้รถ ไม่มีรถ รถก็ไม่ติด แล้วไปเน้น ระบบขนส่งมวลชน ให้มีประสิทธิภาพ นี่แหละ วิธีแก้ ที่ได้ผล 100 % แต่ใคร จะบ้า ทำ ล่ะ จากคุณ : Never Walk Alone By Saebsan (the_kop_san) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:07:44

ความคิดเห็นที่ 19   เก็บภาษี คนที่มีรถขับ เพิ่มขึ้น แค่นี้ก้อคิดกันหนักแล้วเวลาจะออกรถสักคัน แล้วทำรถเมล์ เฉพาะ ไฮโซนั่ง ตัวรถ ลายหลุยวิทตอง ค่าโดยสาร 100 บาทขึ้นไป ใครมีปัญญานั่งแสดงว่าเป็นคนมีเงิน คนมีเงินยอมจ่ายอยู่แล้วเพราะมันได้หน้าได้ตา เหมือนหิ้วกระเป๋าหลุย ทำบัตรสมาชิก การด์ทองคำ ให้ด้วย เท่านี้ คนรวยขับรถคันใหญ่ๆ นั่งคนเดียว จะหมดไป รถบนถนนที่เห็นจะเป็นรถที่ถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่านี้ จากคุณ : อาท (chan ty) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:15:26

ความคิดเห็นที่ 20   ลดราคาระบบขนส่งมวลชนใหม่ๆ หน่อยก็ดีครับ นี่อะไร รถไฟฟ้า ไปกลับ สองคนก็ 160 บาทแล้วถ้าผมไปกับเพื่อนซัก 3-4 คน ผมเรียกแท็กซี่ หรือขับรถไปประหยัดกว่าเยอะครับ (ไม่นับรถเมล์นะ) และเร่งทำให้มันครอบคลุมจริงๆซะทีครับ ส่วนข้อที่ผม เห็นว่าทำให้รถติดขึ้นนั้นผมเห็นด้วยกับบนๆ ครับ แต่ผมคิดว่าควรทำแค่สองอย่างนี้ก่อน รับรองว่า รถติดน้อยลง 20% ครับ! 1 ตำรวจเลิกตั้งด่านครับ เพราะด่านที่ตำรวจตั้งนั้นทำให้รถติดเพิ่มขึ้น และเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นครับ และหันมาให้ตำรวจทุกคนกวดขันวินัยจราจร ตามจุดปรกติทั่วๆไป ครับ เห็นทำผิดจับทันที ไม่ต้องไปตั้งด่านให้วุ่นวาย เช่น ถนนเพชรบุรีครับ ตอนเย็นๆ รถติด เพราะมันมีสามเลน กลับรถ 1 เลน แต่ว่าคนพยายามมาแทรกกลับรถจากเลน2 เลนสองเลยติด คนที่ต้องหลบก็เลยมาหลบเพื่อจะไปเลนที่ 3 รถติดครับ 2 กวดขัน ตามจุดต่างๆที่รถติด เพราะรถสาธารณะ จอดกันเยอะแยะไปหมดครับ เช่น จตุจักร (โดยเฉพาะวันอาทิตย์) ประตูน้ำแถวๆ ตรงข้ามพันทิพย์  BigC ลาดพร้าวหน้า MBK ถนนพวกนี้ไปดูได้ครับ รถจะติดมากก่อนจะถึงแถวๆนั้น แต่พอเลยไปได้ ถนนจะโล่งเลยครับ สองอย่างนี้ทำได้เลยโดยไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่ม ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรให้วุ่นวายเลยครับ ยกเว้นเปลี่ยนแนวความคิดของตำรวจเองครับ จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:20:41

ความคิดเห็นที่ 21   จับและปรับอย่างจริงจัง ทุกวันนี้รถขนส่งสาธารณะเป็นตัวก่อปัญหาแบบหนึ่งเหมือนกัน การจราจรจะลื่นไหลกว่านี้ถ้าพวกรถเมล์รถแท็กซี่เข้าจอดให้เป็นระเบียบ แม่มโหนมาจากเลนขวาปาดพรวดเข้าซ้ายหน้าห้างแต่ปริ่มๆ เลนไว้ จอดแช่ป้ายมันสักหน่อย จอดจนพอใจเมื่อไหร่มันก็ปาดออกขวาอีกรอบ ลองไปดูเถอะครับหน้าโลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซีสาขาต่างๆ หน้าห้างทั้งหลายย่านปทุมวัน ราชประสงค์ เมเจอร์รัชโยธิน เดอะมอญทั้งหลาย ยิ่งตรงรังสิตนี่ผมว่ามันจะจลาจลแล้ว เห็นมีห้างมาบุญครองที่มีการจัดการที่ดีหน่อยคือให้รถแท็กซี่-สามล้อเข้าไปวนรับแขกกันหลังห้างเป็นเรื่องเป็นราว ของพารากอนก็มีทำเหมือนกัน ส่วนคนทำงานตามตึกสำนักงานที่แห่กันลงมาตอนเลิกงานนี่นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำไง - -" จากคุณ : ล็อกอินไม่ปรากฏสัญชาติ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 11:08:09

ความคิดเห็นที่ 22   ย้ายเมืองหลวง จากคุณ : su เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 11:11:47 A:125.27.79.93 X: TicketID:224344

ความคิดเห็นที่ 23   ผมว่าปัญหารถติดของกรุงเทพ หลักแล้วก็คือถนนของเรามีแยกมากเกินไปครับ เอาง่ายๆถนนสุขุมวิทเส้นเดียวเคยลองนับรึเปล่าว่ามีกี่แยก!!! จากคุณ : napatter เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 11:27:50

ความคิดเห็นที่ 24   ซอยด้วยครับไม่เป็นระบบระเบียบ ตอนรถเลี้ยวเข้าซอยนั่นก็เป็นปัญหาที่ทำให้รถติด ต้องวางแปลนเมืองใหม่ ไม่ก็ย้ายเมืองหลวง บวกเพิ่มภาษีรถยนต์ ปลูกฝั่งค่านิยมคนไทยใหม่ หลายปัจจัยมากๆ ไม่ใช่แก้ง่ายๆ จากคุณ : b_b (blacklimpbizkit) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 11:49:17

ความคิดเห็นที่ 25   ผมลองคิดเล่นๆนะครับ ย้ำว่าคิดเล่นๆ 1. รณรงค์การใช้รถคนเล็ก และปรับการคิดภาษีใหม่ โดยคิดตามความกว้าง ยาวของตัวรถ คนจะออกรถใหม่ จะได้เน้นเลือกรถที่ขนาดเล็ก อย่างน้อยการใช้พื้นที่บนถนน ก็จะลดลง เวลากลับรถ ก็จะทำได้สะดวก รวดเร็วขึ้น 2. ปรับความเร็ว Internet ให้สูงขึ้น รวมถึงส่งเสริมและให้ความรู้กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้มีความรู้ว่า Internet สามารถทำอะไรได้บ้าง จะช่วยลดการเดินทางได้มาก 3. ส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ สามารถให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ โดยอาจปรับเงินเดือนตามปริมาณที่ลูกจ้างสามารถทำได้ ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย 4. ส่งเสริม E-Learning เพื่อให้เด็กสามารถเรียนหนังสือกับพ่อ แม่ แทนคุณครูที่โรงเรียน แต่ก็ต้องให้เด็กเล็กๆไปเรียนที่โรงเรียนบ้าง อาจจะอาทิตย์ละ 3 วัน เพื่อให้เรียนรู้การเข้าสังคมด้วย ส่วนเด็กมัธยม ก็อาจจะลดจำนวนวันที่ต้องไปโรงเรียนลง ให้เรียนที่บ้านมากขึ้น ส่งเสริมให้เด็กมีความรับผิดชอบ ส่วนเด็กมหาลัย ไปแค่วันลงทะเบียน ช่วงกิจกรรม กับ วันสอบ ก็พอ เพราะ ถือว่ามีความรับผิดชอบแล้ว แต่ทุกระดับก็ยังต้องเปิดสอนตามปกติ เผื่อช่วงไหนเน็ต หรือ เด็กมีข้อสงสัย หรือ อยากจะมาทำงานกลุ่มกัน ก็สามารถมาที่สถานศึกษาได้ตามปกติ 5. วางระบบไปรษณีย์ใหม่ สร้างระบบไปรษณีย์ออนไลน์ คือ สามารถส่งของจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง โดยที่ทั้งผู้รับ และ ผู้ส่งไม่ต้องไปที่ ไปรษณีย์เลย แต่พนักงานจะเป็นผู้มารับของ และจัดส่งไปสู่ผู้รับทันที โดยศูนย์กลางจะคอยจัดระเบียบเส้นทางว่า ต้องไปตรงไหน แวะตรงไหนบ้าง ต้องผ่านตรงไหนบ้าง ต้องส่งต่อสินค้าให้พนักงานคนอื่นไปส่งต่ออีกทอดหนึ่งหรือไม่ กลายเป็นโครงข่ายใยแมงมุม ระบบนี้จะทำให้ร้านค้า และ คนซื้อ สามารถติดต่อซื้อของผ่าน internet ได้อย่างทันที ทันใด เหมือนกับคุณแม่บ้านขับรถไปเดินซื้อที่ห้างเองเลย หรือ คุณลูกอยากกินข้าวขาหมูตรอกซุง ก็สามารถสั่งซื้อผ่านเน็ต แล้วหยิบจานมารอกินได้เลย มีอีกหลายร้อยวิธีการที่เราสามารถนำมาแก้ปัญหาได้ อยู่ที่ว่าคิดจะทำกันหรือเปล่า กล้าที่จะเสี่ยงไหม ไม่มีอะไรที่ดีพร้อมหรอก ทุกวิธีการมันย่อมมีจุดอ่อน หรือ ความเสี่ยงอยู่แล้ว จากคุณ : a1255 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:50:45

ความคิดเห็นที่ 26   นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ ผมขอเสนอด้วยซัก 2 ข้อ ดังนี้ [1] การวางผังเมืองที่มีระบบ และถูกต้องมากกว่านี้ ซึ่ง กทม. พลาดมากในเรื่องนี้ที่ไม่ได้มีการวางผังเมืองมาก่อนที่จะพัฒนาเมือง กลับรอให้เมืองมันพัฒนาไปมากแล้ว ค่อยมาวางผังเมืองทีหลัง มันขัดแย้งกับทฤษฎี (จะเห็นว่าปัจจุบันยังจัดนั่น จัดนี่กันอยู่) ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อระบบจราจรในเมืองหลวง [2] ที่จอดรถ ในตัวเมืองควรมีการเก็บค่าบริการ ราคาสูงๆ หน่อยเพื่อจะได้ให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น ปริมาณการจราจรก็จะลดลง นี่ก็เป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 13:13:31

ความคิดเห็นที่ 27   แล้วถ้าคุณรวยๆ อยากมีออฟฟิศไว้ติดต่อธุรกิจทั้งในและต่างชาติ คุณจะเลือกสีลม หรือจะเลือกทุ่งดอกสะดือครับ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 14:02:45

ความคิดเห็นที่ 28   เดี๋ยวไวรัสระบาดช่วงเดือน ตค. รถจะเลิกติดไปเอง จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:04:49

ความคิดเห็นที่ 29   ผมคิดว่ามีอยู่แค่ 2 อย่างเอง ว่าทำไมรถติด 1.  ไม่มีวินัย 2. รถเยอะเกิน   รถเยอะก็เพราะคนเยอะ คนเข้ามาเยอะเพราะงานที่นี่เยอะ ก็แก้อยู่ 2 อย่าง  ก็ต้องกระจายแหล่งธุรกิจไปต่างจังหวัด  หรือสร้างระบบขนส่งแบบรางมากขึ้น จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:09:26

ความคิดเห็นที่ 30   ^ ^ ถ้าเป็นคนไทย อาจจะคิดว่าฝรั่งอยากติดต่อที่สีลม แต่ถ้าฝรั่งเองคงอยากไปทุ่งดอกสะดือมากกว่า ได้คุยงาน ได้ชมธรรมชาติ ว่าแต่ทุ่งดอกสะดือมันอยู่ที่ไหน จากคุณ : <--APART เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:32:40

ความคิดเห็นที่ 31   ย้ายเมืองหลวง.. จากคุณ : tenno เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:43:45

ความคิดเห็นที่ 32   เอาล่ะ ช่วยหันก้นมาหน่อยครับ จขกท. จากคุณ : meddy hao เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 01:02:28

ความคิดเห็นที่ 33   รถเยอะกว่าถนน มันจะไม่ติดได้อย่าไง จากคุณ : Dr.Jackass. เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 05:56:47

ความคิดเห็นที่ 34   อากงผมเคยบอกไว้ว่า ให้คิดดูวันนึงมีคนออกรถใหม่กี่คัน แล้ววันนึงมีถนนตัดใหม่กี่เส้น จากคุณ : ฟิวส์คุง เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 52 01:02:13

ความคิดเห็นที่ 35   แค่จราจรกวดขันอย่างเข้มงวด ผิดก็จับจริงปรับจริงให้หมด แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นครับ หรือจะออกกฏหมายถ้าโดนจับในเรื่องเดิมซ้ำกี่ครั้งยึดใบขับขี่ไปเลยก็ได้ จากคุณ : นายกานต์ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:55:48