ความคิดเห็นที่ 1 1.ไมเกรน สุดยอดอาการปวดศีรษะ สาเหตุที่แท้จริงของปวดศีรษะไมเกรนยังไม่มีใครทราบ แต่เชื่อว่าสมองของผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนมีการไวในการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอาจจะอยู่นอกร่างกาย หรืออยู่ภายในร่างกายทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบเมื่อหลอดเลือดขยายจึงมีอาการปวดศีรษะ  เมื่อพูดถึงอาการ ปวดศีรษะ (headache) แล้ว คงมีน้อยคนในโลกนี้ที่ไม่เคยมีอาการนี้  แต่ที่ก่อปัญหาเห็นจะเป็นอาการชนิดปวดศีรษะเรื้อรังอย่างที่สหรัฐอเมริกาเขาประมาณการณ์ไว้ว่า มีชาวอเมริกันประมาณ 40 ล้านคน ที่มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง โดยส่วนใหญ่ไม่ไปปรึกษาคุณหมอเพราะคิดว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย บ้างก็คิดว่าไปหาหมอก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เพราะยังไงก็ไม่มียาที่รักษาหาย หรือถ้ามี ก็คงมีอาการหรือผลข้างเคียงอยู่แล้ว อยู่บ้านดีกว่า หมอบางโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยบอกถึงระดับความรุนแรงของอาการปวด 1-10 ระดับ1-3จึงเป็นระดับอ่อนๆ สามารถทำงานตามปกติได้ แต่หากระดับ4ขึ้นไปแล้ว จะปวดหัวมากซึ่งจะมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันของคุณอย่างแน่นอน มันค่อนข้างจะทรมานมากกับอาการเหล่านี้ เพราะทำอะไรก็ไม่ได้ จะนอนพักก็นอนไม่หลับ มันจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากกกกก จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:12:11

ความคิดเห็นที่ 2 อาการปวดหัวแบบ ไมเกรน จะเป็นอาการปวดที่สร้างความรำคาญ ทรมานให้กับผู้ป่วย โดยจะมีตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงมากจนกระทบกับการดำรงชีวิตประจำวัน อาจจะมีอาการปวดตุ๊บๆ แถวขมับหรืออาจจะจะปวดบริเวณเบ้าตาเหมือนหัวใจเต้นตุ๊บๆ ที่ปวดน้อยๆมักจะไม่ใช่ไมเกรน อาการปวดไมเกรนอาจจะปวดได้นาน 2-3วัน หรืออาจจะปวด 2-4 ชั่วโมง และอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการปวดไมเกรนเวลาหายปวดจะหายสนิท อาการปวดไมเกรน มักจะมีอาการนำมาก่อนที่จะเกิดอาการปวดเราเรียกว่า Aura อาจจะเห็นแสงแวบ แสงจ้า ตาพร่ามัว ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ ก่อนจะมีอาการปวด ไม่แน่เสมอไปที่ว่าอาการปวดหัวข้างเดียวคืออาการปวดไมเกรน อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่น นอนตกหมอนเมื่อคืน หรืออาจจะเป็นเนื้อร้ายก็ได้ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:14:26

ความคิดเห็นที่ 3 ไมเกรนพบในคนกลุ่มไหนได้บ้าง ไมเกรนส่วนใหญ่แล้วพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายค่ะ  ไมเกรนมักจะพบมากในช่วงวัยรุ่นอายุ 10-25 ปีแต่ก็พบในเด็กอายุ 7-8 ขวบได้  แต่พออายุมากขึ้นอาการก็จะลดน้อยลง คนสูงอายุจึงมักไม่มีปัญหาเกี่ยวกับไมเกรน วิธีรักษาไมเกรนแบบง่ายๆ ถ้าอยากหายแบบวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ยา นี่เลยค่ะ ทำสมาธิ จิตใจจะได้สงบ  ออกกำลังกายหรือฝึกโยคะก็ได้ค่ะอาจจะช่วยคุณได้ หรือไม่ก็วิธีง่ายๆ จดบันทึกอาการของโรค เช่นปวดเมื่อไหร่ ระยะเวลาในการปวดนานไหม มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยหรือเปล่า พกยาติดตัวไว้อย่างน้อย 1ชุดค่ะ เผื่อมีเหตุเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน ที่สำคัญควรพักผ่อนเยอะๆ อย่างน้อยการนอนจะช่วยบรรเทาอาการปวดของคุณได้บ้าง จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:16:25

ความคิดเห็นที่ 4 2.โรควูบ คุณผู้หญิงบางคนทำงานหนัก ข้าวปลาอาหารไม่ค่อยชอบกินให้ตรงเวลา บางคนถึงกับมีอาการวูบซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นสัญญาณบอกอะไรต่อสุขภาพหรือเปล่า ถ้ามีอาการบ่อยๆอาจจะไม่ดีแน่ อาการวูบนั้น อาจเกิดได้กับทุกคนโดยไม่ทราบสาเหตุ บางครั้งมีอาการร่วมกับวิงเวียนศีรษะ เป็นลมหมดสติ แขนขาอ่อนแรงชั่วขณะซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติของหัวใจหรือสมองซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นอัมพาต หรือโรคหัวใจที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ คุณหมอบอกว่าอาการวูบหรือการเป็นลมหมดสติเป็นอาการที่พบบ่อย เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียความรู้สึกตัวและแรงของกล้ามเนื้อชั่วคราวอันเป็นผลมาจากเลือดไปเลี้ยงก้านประสาทสมองลดลง อาการวูบนี้มักจะฟื้นกลับเป็นปกติได้เอง และอาจเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้นแล้วคุณแม่ คุณป้า คุณน้า คุณอา ที่มักทำงานหักโหม ไม่ค่อยได้พักผ่อน ที่มีอาการวูบควรเข้ารับการตรวจรักษาเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและหาหนทางแก้ไขแม้จะมีเพียง 75% ของคนที่เคยมีอาการวูบที่หาสาเหตุได้ แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอย่างน้อยอาการวูบก็เป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งถึงความผิดปกติของร่างกายของคุณแล้วละค่ะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:18:59

ความคิดเห็นที่ 5 3.เนื้องอก (tumor หรือ tumour) ทุกคนคงรู้จักกันดีค่ะ มันก็คือ ก้อนของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเนื้อร้าย หรือเป็นเนื้องอกไม่ร้าย ง่ายๆคือไม่เป็นมะเร็งนั่นเอง เนื้องอกอาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ เช่น การกลายพันธุ์การแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์ หรือ ไวรัสบางตัว เนื้องอกประกอบด้วย เซลล์ประเภทต่างๆ หมายรวมถึง เนื้องอกที่เป็นถุงน้ำ หรือก้อนตุ่มไตที่ผิดปกติ ที่เรียกว่า ซีสต์ (Cyst) ปัจจุบันนี้คนเป็นเนื้องอกกันมากขึ้น อาจจะด้วยจากสภาวะและปัจจัยรอบข้างต่างๆซึ่งบางครั้งคุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วันนี้เราจะมาพูดถึงเนื้องอกในสมองกัน มาดูกันว่าหน้าตามันเป็นยังไง คุณ คุณ และก็คุณ มีโอกาสเป็นโลกเหล่านี้ได้หรือไม่ ? จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:21:00

ความคิดเห็นที่ 6 เนื้องอกในสมองถือเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนักเมื่อเทียบกับเนื้องอกของอวัยวะอื่นๆ แต่ถ้าเป็นแล้วผู้ป่วยมักมาหาแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้ว การรักษาจึงมักไม่ค่อยได้ผลดี เนื้องอกในสมองมีทั้งเนื้องอกธรรมดา และเนื้องอกมะเร็ง โดยที่สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก เนื้องอกธรรมดาของสมองจึงมักถูกเรียกรวมๆไปกับเนื้องอกมะเร็งว่าเป็น  มะเร็งสมอง โรคนี้เกิดได้กับคนทุกอายุทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเพศหญิงและเพศชายมีโอกาสที่จะเป็นได้ใกล้เคียงกัน และเกิดได้ในทุกๆ ส่วนของสมอง แต่ในเด็กมักเกิดในบริเวณสมองส่วน Cerebellum ง่ายๆค่ะ สมองส่วนนี้หลายคนเรียกว่า สมองน้อย นั่นเอง จะทำหน้าที่เรื่องของ การทรงตัว การเคลื่อนไหวต่างๆ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:23:12

ความคิดเห็นที่ 7 20% ของเนื้องอกที่พบในมนุษย์ที่เกิดขึ้นนั้น คืออาการที่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ(meningiomas)ซึ่งเนื้องอกจะเจริญระหว่างเยื่อหุ้มสมอง คือส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ที่ห่อหุ้มระบบประสาทส่วนกลางเยื่อหุ้มสมองที่อักเสบนั้นจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  มันจะเจริญภายในเนื้อเยื่อนั้น ซึ่งสามารถตรวจสอบและระบุได้ว่าเนื้องอกนั้นมีลักษณะอย่างไรโดยใช้การทำ CT scan  หรือการเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรง (benign tumors) นั้นออกไม่ให้เจริญต่อไปได้ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:24:09

ความคิดเห็นที่ 8 แต่หากร้ายไปกว่านั้นถ้าเนื้องอกมีการเจริญมากขึ้น มันจะแทรกซึมและแพร่กระจายไป ผลก็คือจะทำให้เกิดเป็นเนื้องอกที่ร้ายแรง(malignant tumors) ซึ่งจะทำลายได้ยากกว่าและไม่สมบูรณ์ ซึ่งเนื้อร้ายนั้นก็จะยังคงอยู่และสามารถเจริญได้อีก  10%ของเนื้องอกในสมองคนไม่ได้มีต้นกำเนิดจากในสมองเพียงอย่างเดียว มันสามารถเจริญมาจากเศษของเนื้อร้ายที่แพร่ กระจายมาตามกระแสเลือดซึ่งเรียกว่า Metastatic tumors หรือเนื้องอกที่แพร่กระจายมาจากที่อื่น ซึ่งเป็นการติดต่อจากอวัยวะหนึ่งไปสู่อวัยวะอื่นๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดของเนื้องอกในสมองชนิดนี้มาจากมะเร็งปอด จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:26:13

ความคิดเห็นที่ 9 มะเร็งสมองจะต่างกับมะเร็งอื่นๆตรงที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นการลุกลามเฉพาะที่มีผลทำลายเนื้อสมองโดยตรงเนื้องอกของสมองพบน้อยมากที่จะมีการแพร่กระจายออกนอกสมองและไขสันหลัง ไม่มีการแพร่กระจายทางระบบน้ำเหลือง การแพร่กระจายทางกระแสโลหิต สามารถพบได้แต่น้อยมาก เนื้องอกของสมอง ถึงแม้จะเป็นแบบเนื้องอกธรรมดา แต่มีอันตรายเหมือนกับมะเร็ง เพราะมีการเจริญเติบโตที่สามารถไปกดเนื้อสมองส่วนดีและเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:27:35

ความคิดเห็นที่ 10 มาดูกันต่อว่าอาการเริ่มต้นของคนที่เสี่ยงจะเป็นเนื้องอกในสมอง มีอะไรกันบ้าง มีอาการปวดศีรษะอย่างมาก จนมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมาจากสาเหตุที่ความดันในสมองเพิ่มขึ้น เนื่องจากก้อนเนื้องอกและการบวมของสมอง อาการเป็นอัมพาตของ แขน ขา โดยแขนขาจะชาหรืออ่อนแรงลง ปฏิกิริยาโต้ตอบ ช้าลง เช่น การพูดจาช้า ความจำเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น ความจำเสื่อม มีอาการทางระบบประสาทตา เช่น เห็นภาพซ้อน ไม่ชัดเจน หรือ ไม่สามารถมองเห็นได้มีอาการชัก (seizures) โดยเฉพาะถ้าเป็นในผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมีประวัติของการชักมาก่อน อาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นอาการที่อาจเกิดจากโรคทั้งของสมองเอง และโรคอื่นๆ ที่อาจจะไม่ใช่อาการเฉพาะของมะเร็งสมอง ดังนั้นแล้วถ้ามีอาการเหล่านั้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้รับการตรวจวินิจฉัย และรักษาต่อไปค่ะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:29:21

ความคิดเห็นที่ 11 4.โรคต่อไป เราเรียกกันว่า Stroke STROKE คืออะไรหนอ ? STROKE  เกิดจากความผิดปกติของสมอง โดยแบ่งเป็น2ประเภทคือ เส้นเลือดในสมองตีบตัน หรือ เส้นเลือดในสมองแตก ภาวะผิดปกติ2กรณีนี้ทำให้เกิดความพิการ สมองเสื่อม(amnesia)เกิดความผิดปกติทางด้านภาษา เป็นอัมพาต  และ coma  ซึ่งบริเวณของเนื้อเยื่อที่ตายอันเกิดขึ้นจากstroke นั้นเรียกว่า infarct จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:31:24

ความคิดเห็นที่ 12 ****เพศชายเสี่ยงภัยต่อ Stroke มากกว่าเพศหญิง   ***** ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบตัน หรือแตกนั้น เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศชาย เพราะลักษณะการดำเนินชีวิตของผู้ชายนั้นมักเป็นไปอย่างรีบร้อน ขาดความระมัดระวัง ไม่ค่อยดูแล ห่วงใยในเรื่องของสุขภาพร่างกาย  ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น สูบบุหรี่ โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันเพิ่ม  นอกจากนี้แล้วเด็กที่มีความผิดปกติของเส้นเลือดในสมองตั้งแต่กำเนิดนั้นก็มีโอกาสเส้นเลือดในสมองแตกได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป ส่วนความเครียดที่ถูกเข้าใจว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมากเมื่อเทียบกับความเสี่ยงอื่นที่กล่าวมา จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:33:06

ความคิดเห็นที่ 13 อย่างที่เคยบอกค่ะว่า  stroke เป็นโรคที่แสดงอาการอย่างเฉียบพลัน เมื่อเป็นแล้วมักทรุด หมดสติ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาการต่อไปนี้จะบอกคุณได้ว่าเสี่ยงต่อโรคนี้หรือเปล่า ปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุและมีอาการอาเจียนร่วมด้วยในบางครั้ง แขนขาอ่อนแรง หรือชาขึ้นมาทันทีครึ่งซีก มีอาการพูดลำบาก เปล่งเสียงไม่ได้ ออกเสียงไม่ชัด เสียทักษะการมองเพียงด้านเดียว อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้แม้ผู้ป่วยกำลังเดินชอปปิ้งอยู่ตามร้านที่ลดราคา หรือแม้กระทั่งที่ยืนอยู่เฉยๆเพื่อรอรถเมล์ มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาค่ะการวินิจฉัยโรคนี้ใช้เครื่อง CT Scan เช่นกัน หรือเครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เรียกว่า MRI เพื่อที่จะประเมินความเสียหายของเนื้อสมองหากคุณไม่อยากเสี่ยงต่อโรคนี้ ควรดูแลร่างกายให้สมบูรณ์อย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย  อาหาร 5หมู่ แล้วอย่าลืมกินผลไม้บ้างนะคะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:34:45

ความคิดเห็นที่ 14 5. Closed - head injuries การกระทบกระเทือนทางศีรษะ จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยความระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีภาวะที่ประสาทรับความรู้สึกและสั่งการถูกรบกวนและตามมาด้วยอาการหมดสติ การบาดเจ็บทางสมองนั้นเกิดจากการถูกกระทบกระเทือนแต่ไม่มีการแตกร้าวของสมองซึ่งเรียกกันว่าClosed-Head Injuries อาการช้ำของสมองจะมีอาการบาดเจ็บภายในศีรษะที่ทำลายระบบไหลเวียนเลือดของสมอง หากมีเลือดออกในสมองจะทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในสมองได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เลือดแข็งตัวเป็นก้อนในอวัยวะหรือเนื้อเยื่อนั้น  ความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับว่าสูญเสียสมองส่วนไหนไป อาการสมองช้ำภายในศีรษะเกิดมาจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เป็นที่น่าประหลาดใจที่อาการช้ำของสมองเกิดขึ้นบริเวณตรงข้ามกับบริเวณที่ถูกกระทบกระเทือน  ส่วนอีกอาการหนึ่งจะมีอาการน้อยกว่าการช้ำของสมองโดยจะมีอาการหมดสติอยู่ชั่วครู่อาจมีอาการมึนงง  และลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:36:50

ความคิดเห็นที่ 15 มีอีกอาการนึงค่ะคือโรคเมาหมัด เราเรียกกันว่าThe Punch-drunk syndrome  คือภาวะสมองเสื่อมที่พบในนักมวยหรือผู้ที่มีการกระทบกระเทือนซ้ำๆที่ศีรษะหากไม่มีความเสียหายที่เป็นผลมาจากการกระทบกระเทือนในแต่ละครั้ง ผลจากการกระทบกระเทือนนั้นๆก็ไม่ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรง และคำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุดก็คงเป็นคำถามที่ว่า เมื่อไหร่คนไข้หรือผู้บาดเจ็บจากสมองได้รับความกระทบกระเทือนจะมีอาการดีขึ้น คำตอบก็คือ การหมั่นฝึกความอดทนที่ทางญาติจะสอน หรือกระตุ้นให้มีการเรียนรู้ วิธีป้องกันจากอาการบาดเจ็บทางสมอง ง่ายๆเลยค่ะ สวมหมวกกันน็อก คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะสวมกันเท่าไหร่ แหม... แม่ก็ ออกไปตลาดแป๊บเดียวเอง ไม่ไกลหรอกหน่า ไม่ต้องใส่ก็ได้, ใส่ทำไมไม่รู้ร้อนก็ร้อน คันก็คัน, ผมขับไม่เร็วหรอกจ้ะที่รัก  แถวนี้ตำรวจไม่มี คงไม่ต้องมั๊ง หลายคนชอบใส่หมวกที่ไม่ใช่หมวกที่ป้องกันอันตรายได้ แต่จะใส่เพื่อความเทห์ ใส่แล้วหล่อขึ้นแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย  หลายข้ออ้างที่ยกมาอ้างได้สารพัด แต่พอเกิดอุบัติเหตุแล้วอ้างไม่ออกดูแลสุขภาพของสมองให้ดี เพราะสมองคือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในโลกที่คุณมีมันอยู่ในมือ หมวกบางๆแบบนี้ไม่เอานะจ๊ะตัวเอง จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:39:33

ความคิดเห็นที่ 16 6.อาการชัก (Epilepsy) อาการชักเกิดจากเซลล์ของสมองบางส่วนมีการปลดปล่อยพลังไฟฟ้าผิดปกติ  ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด บางคนอาจพบเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ (มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย) บางคนอาจมีประวัติชักจากไข้สูงตั้งแต่ตอนเด็ก เด็กที่ชักก่อนอายุ 2 ขวบ อาจมีสาเหตุจากความผิดปกติของสมองมาแต่กำเนิด หรือสมองได้รับบาดเจ็บระหว่างคลอด หรือมีโรคบางอย่างที่มีผลกระทบต่อสมอง (เช่นภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ) คนที่มีอาการชักเป็นครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 25 ปี มักเกิดจากความผิดปกติในสมอง เช่น มีเนื้องอก ก้อนเลือด ฝีหรือพยาธิในสมอง บางคนอาจมีประวัติได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อน โรคลมชักเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย  โดยมีอัตราการเกิดประมาณ 1 % ของประชากรทั้งหมด  โรคลมชักนั้นไม่ใช่โรคติดต่อและโดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์อาการที่เห็นได้ชัดคือ  มีอาการหมดสติ กล้ามเนื้อเกร็งทั้งตัว  หายใจลำบาก  หน้าเขียว ต่อมาเพียงไม่กี่วินาทีก็จะมีอาการชักกระตุกของกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเป็นระยะ ๆ และมีอาการตาค้าง ตาเหลือก มีอาการน้ำลายฟูมปาก และอาจมีเลือดออก เพราะผู้ป่วยกัดริมฝีปากหรือลิ้นตัวเอง หากคุณพบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคลมชัก ช่วยเขาได้โดยวิธีเหล่านี้ค่ะ ผู้ป่วยให้นอนราบกับพื้น และคลายเสื้อผ้าให้หลวม พลิกศีรษะผู้ป่วยให้ตะแคงข้าง  เพื่อให้น้ำลายไหลออกทางมุมปาก และไม่ให้ลิ้นปิดกั้นทางเดินหายใจ หากมีหมอนให้ลอดหมอนไว้ใต้ศีรษะผู้ป่วย และที่สำคัญ      ********   ห้ามสอดใส่สิ่งใด ๆ เข้าไปในปากของผู้ป่วยในขณะชัก เพราะเราใส่ไม่เป็น ฟันเค้าจะหักเข้าไปอุดหลอดลมได้ ตายกันพอดี ลิ้นน่ะกัดๆไปเถอะ เย็บได้ (อันนี้พี่หมอบอกมาอีกทีค่ะ) หนูก็เลยถามต่อไปว่าอ้าว แล้วใช้ผ้าให้เค้ากัดไม่ได้หรอ ฟันไม่หักด้วย  พี่หมอก็บอกมาว่า เออดี งั้นเย็บนิ้วเธอแทนลิ้นเค้าละกัน ถ้าบางอย่างเราไม่รู้จริงๆ ก็ปล่อยให้เป็นทางที่ของคุณหหมอดีกว่าค่ะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:43:12

ความคิดเห็นที่ 17 7.Parkinson's disease หลายคนคงได้ยินโรคนี้กันมาพอสมควร โรคพาร์กินสัน คือ โรคทางสมองและระบบประสาทชนิดหนึ่ง พบโรคนี้ในเพศหญิงและชายเท่าๆกัน และพบในทุกอายุ แต่จะพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการของโรคพาร์กินสันเป็นอย่างไร ? โรคพาร์กินสันเป็นการเสื่อมของเซลล์สมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย  เกิดจากการขาดสารสื่อประสาทโดพามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่จำเป็นต่อการส่งข่าวสารในสมอง สารนี้ถ้ามีมากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคจิตเภทได้นะคะ แต่ในรายนี้มีสารสื่อประสาทชนิดนี้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการแสดงออกมาในรูปของอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า ตัวแข็งเกร็ง และทรงตัวลำบาก โรคพาร์กินสันนั้นเป็นที่รู้จักกันมานาน ระยะหลังคนดังระดับโลกก็เป็นโรคนี้กันหลายคน เช่นประธานาธิบดีเรแกน มูอะมัดอาลี และดารา อาการที่พบมักจะมีอาการสั่น พบได้ค่อนข้างบ่อย มักพบที่บริเวณแขน มือ และอาจพบ บริเวณคาง ลำตัว และขาได้ ซึ่งอาการสั่นในโรคนี้มีลักษณะสำคัญคือ มักจะสั่นมากเวลาอยู่นิ่งๆ อาการที่สั่นใช้เวลาประมาณ 4-6 ครั้ง/วินาที และมักจะเริ่มที่ซีกใดซีกหนึ่งก่อน แล้วต่อมาเมื่อเป็นมากขึ้นจะสั่นทั้งสองข้าง  อาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง อาการเคลื่อนไหวช้า  ไม่กระฉับกระเฉงว่องไวเหมือนเดิม โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้หายขาดได้ การให้ยาเป็นการช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกาย และทำกายภาพบำบัดค่ะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:45:05

ความคิดเห็นที่ 18 8. Huntington's disease โรคนี้อาจจะไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยนักโรคฮันติงตัน  เป็นโรคสมองเสื่อมที่เกิดจากพันธุกรรม  ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งทางจิตใจและร่างกาย  อาการของโรคจะเริ่มแสดงในวัยกลางคนระหว่างอายุ 35-50 ปี  โดยแขนขาและกล้ามเนื้อบนใบหน้าจะมีอาการผิดปกตควบคุมไม่ได้ และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย  เช่น ระดับเชาวน์ปัญญาลดลง  บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง ความจำเสื่อม  พูดไม่ชัด  ตัดสินใจไม่ถูก และมีปัญหาด้านจิตใจ สาเหตุของโรคเกิดจากพันธุกรรมแบบลักษณะเด่น  หากบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งมียีนของโรคนี้จะสามารถถ่ายทอดไปยังลูก  ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ถึงร้อยละ50 ส่วนการรักษาโรดฮันติงตันนี้ยังไม่มีการรักษาที่จะหยุดการลุกลามได้หรือลดอาการสมองเสื่อมที่เกิดขึ้นได้ แต่อาการเคลื่อนไหวผิดปกติและอาการทางจิตใจสามารถควบคุมได้ด้วยยาแต่เป็นเฉพาะบางประเภทเท่านั้น จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:47:01

ความคิดเห็นที่ 19 9. Multiple sclerosis โรคนี้ก็ไม่ค่อยได้ยินชื่อเหมือนกันค่ะ โรคมัลติเพิลสเคลอโรซิส (Multiple sclerosis) หรืออาจเรียกสั้นๆ ว่าโรคเอ็มเอส (MS) เป็นความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางที่พบได้บ่อยที่สุดในคนที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี พบได้น้อยมากในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า12 ปีหรือมากกว่า 55 ปี *** และพบว่าผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายถึงครึ่งเท่าตัว กล่าวคือ พบผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงจำนานสามคนต่อผู้ชายจำนานสองคน ****** ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยโรคเอ็มเอสทั่วโลกประมาณ 2,500,000 คน เป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราการเกิดโรคนี้พบได้น้อยในประเทศแถบใกล้เส้นศูนย์สูตรรวมทั้งประเทศไทย แต่พบมากในประเทศที่ห่างเส้นศูนย์สูตรออกไป เช่น สหรัฐอเมริกา  นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:49:02

ความคิดเห็นที่ 20 สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นผลเกี่ยวข้องกับการทำลายส่วนของระบบประสาทจากภูมิต้านทานของตัวเอง โดยที่ในผู้ป่วยบางรายพบว่า มีอาการของโรครุนแรงขึ้นหลังจากติดเชื้อไวรัส จึงมีสมมุติฐานที่ว่า ในผู้ป่วยกลุ่มนี้แทนที่ภูมิต้านทานจะไปเล่นงานเชื้อโรคอย่างเดียว กลับไปทำลายปลอกหุ้มเส้นประสาทของตัวเองด้วย อาการของโรคเอ็มเอสจะหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดรอยโรค เช่น เกิดที่เส้นประสาทตา การมองเห็นของคนไข้อาจผิดปกติ แย่ลง ถ้าเป็นที่ไขสันหลังหรือสมอง อาจมองเห็นเป็นภาพซ้อน มีอาการชาครึ่งตัว  ขึ้นอยู่กับว่าเกิดที่สมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนไหนของร่างกาย ถ้าเป็นที่สมองส่วนกลางที่ควบคุมการทรงตัว คนไข้อาจมีอาการหัวหมุน หรือวิงเวียนศีรษะได้แต่มักมีอาการอื่นร่วมด้วย จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:50:41

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณคุณ lightkung ที่อยู่เป็นเพื่อนนะคะ 10 Alzheimer's disease ทุกคนคงเคยได้ยินกันบ่อยกับโรคนี้ อัลไซเมอร์ มัจจุราชเงียบ วันที่ ๒๑ กันยายนของทุกปี คือวันอัลไซเมอร์ (Alzheimer) ที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้โลกได้ระลึกและระวังโรคร้ายชนิดนี้ว่าสามารถทำลายสมองและชีวิตของคนทุกคนได้ถึงแม้คนคนนั้นจะได้รับการรักษาและป้องกันแล้วก็ตาม ทุกวันนี้โรคอัลไซเมอร์กำลังคุกคามคนทั่วโลก บุคคลทุกชั้นวรรณะตั้งแต่ประธานาธิบดีของสหรัฐ (นายโรนัลด์ รีแกน) จนกระทั่งคนยากจนไร้การศึกษา ก็มีโอกาสเป็นเหยื่อของโรคอัลไซเมอร์ได้ทั้งสิ้น  โดยทั่วไป อาการเริ่มต้นของคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ คือลืมบ่อย เช่นจำไม่ได้ว่าตนวางอะไรไว้ที่ไหน ลืมชื่อคนรู้จัก ลืมนัดที่เคยตกลงกันไว้ สับสนเรื่องทิศทาง เช่น ขับรถผิดทางจราจร หรือเลี้ยวผิดซอย การหลงลืมของผู้สูงอายุ เช่น ลืมไปว่าวางกุญแจรถไว้ที่ไหน แต่คนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยมีรถ  บางคนก็ลืมลูกตัวเอง แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 03:01:41 จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:56:06

ความคิดเห็นที่ 22 สาเหตุของโรคอัลไซเมอร์มีได้หลายกรณี อาจจะมาจาก การเปลี่ยนแปลงในทางลบของสมองที่ทำให้เกิดความผิดปกติทางพฤติกรรมตามมา ความผิดปกติเกิดขึ้นที่บริเวณ เนื้อสมอง(cortex)และสมองส่วน Hippocampus ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความทรงจำ   นอกจากนั้น นักวิจัยพบว่าบริเวณของสมองส่วนนี้มีเกลียวประสาท เรียกว่า neurofibrillary  tangles เป็นบริเวณที่เนื้อสมองและประสาทจับกันเป็นก้อนแข็ง อันเนื่องมาจากการเสื่อมของปลายประสาท axon  นอกจากนี้ยังพบว่าสมองของผู้ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ มีอาการขาด acetylcholine เพราะเซลล์ประสาทที่ผลิตสารสื่อประสาทชนิดนี้ได้ตายไป ***acetylcholine เป็นสารสื่อประสาทค่ะ มีผลต่อเรื่องความจำ มีมากก็จำดี มีน้อยก็เป็นโรคอัลไซเมอร์ ได้ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:02:51

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากสำหรับ ข้อมูลดีๆน่ะครับบบ ^^ กดโหวตให้แล้วเรียบร้อยแล้วนะครับ ว่าที่กระทู้แนะนำ - -" อ้าว นึกว่าหมดแล้วครับ ขอโทษที่เม้นแทรกน่ะครับ แป่ววววววว แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 03:08:56 จากคุณ : lightkung เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:03:33

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ใกล้จะจบแล้วละค่ะ ขอบคุณคุณทุกคราวที่ลมพัดด้วยนะคะที่แวะมา รูปนี้เป็นรูป Amyloid plaques เป็นก้อนแป้งที่อยู่ในสมองทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 03:08:03 จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:06:18

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านโรคอัลไซเมอร์ มาเจอตรงท่อน "บางคนก็ลืมลูกตัวเอง" เง้ออออ กลัวถูกพ่อแม่ลืม T___________T จากคุณ : ทุกคราวที่ลมพัด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:06:59

ความคิดเห็นที่ 26 การทำงานของสมอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมองของคน ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ (ขวา) ทำงานน้อยกว่า สมองของคนปรกติ (ซ้าย) และมีขนาดเล็กกว่ามากด้วย จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:07:25

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อผู้ป่วยทราบว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาก็จะวิตกกังวล ซึมเศร้า ระยะแรกก็จะพยายามเรียกคืนความทรงจำของตัวเองคืนมา ทำรายการกิจวัตรประจำวันไม่ให้ตกหล่นจดเบอร์โทรศัพท์ของทุกๆคนบางรายท่องแม้กระทั้งคำพูดของตัวเองว่าพูดอะไรบ้าง  ในการกระทำเช่นนี้ผู้ป่วยต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ยิ่งพยายามก็ยิ่งวิตกกังวลและกลัวจึงทำพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น ถามแล้วถามอีก พูดแล้วพูดอีก  ทำให้คนที่ใกล้ชิดเริ่มรำคาญ และหนีไป ยิ่งคนที่ใกล้ชิดหนีไป ผู้ป่วยก็ยิ่งเกิดความกังวลว่าลูกหลานจะทิ้งไป จะปล่อยให้ตนตายตามลำพัง ก็จะเกิดอารมณ์ซึมเศร้า ผิดหวัง และสิ้นหวังในตนเองในที่สุด ถ้าใครอยากทราบว่าใครจะเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือไม่   คุณหมอมีวิธีการใช้ยาหยอดตา แพทย์พบว่าเวลาตาได้รับยาหยอด ตาดำของคนปกติจะขยายขนาดเพียง ๔ เปอร์เซ็นต์แต่ผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ตาดำจะขยายอย่างน้อย ๑๓ เปอร์เซ็นต์ จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ สปอนเซอร์ของเราที่ขาดไม่ได้ http://neatorama.cachefly.net/images/ http://www.bangkokhospital.com/images/downloads/Brain_Tumor.pdf http://th.wikipedia.org/ http://www.siamdara.com/VarietyK/00011834.html http://www.satitcmu.ac.th/ http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/neuro/Headache/Migrain.htm http://www.sarakadee.com/feature/2000/12/alzheimer.htm นิตยสารแม่และเด็ก แผนกประสาทวิทยา กองกุมารเวชกรรม รพ.พระมงกุฎเกล้า ความรู้จากพี่หมอไอติม หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ Biopsychology book ต้องไปนอนแล้วค่ะ ให้สมองได้พักผ่อนซะที ราตรีสวัสดิ์ค่ะ จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:12:25

ความคิดเห็นที่ 28   ดีจริง ๆ ค่ะ สำหรับบทความชิ้นนี้ จากคุณ : กุ๊กไก่ไม่ขันมาหาฉันจะกระต๊าก เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:13:10 A:112.142.14.14 X: TicketID:191399

ความคิดเห็นที่ 29   ดีมากเลยครับ  แต่ต้องเพิ่มโรคที่11 เข้าไป ด้วยคือโรค ประสาทแดกครับ ผมบ่อยในคนไทยนี่ล่ะ จากคุณ : อั้ม ติ่งเหลือม เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:36:27

ความคิดเห็นที่ 30 โรคอัลไซเมอร์นี่น่ากลัวมากครับ โดยเฉพาะ พณ ท่านทั้งหลายที่ลืมเรื่องที่เคยพูดไว้เนี่ย จากคุณ : หมีอ้วนขนนิ่มสมัครอมยิ้มมาเฮฮา เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 07:18:14

ความคิดเห็นที่ 31   โอ้ว ดีมากเลย เพื่อนผมกำลังเป็น Stroke (เส้นเลือดในสมองแตก) พอดี ก็ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เป็นไร กระทู้ดีมากๆครับ  แต่โหวตไม่ได้อ่ะ จากคุณ : พะโล้ถ้วยไม่ใหญ่ส่ายไข่เป็ด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 07:20:38

ความคิดเห็นที่ 32 ได้รับสิ่งดีๆ แต่เช้า ขอบคุณครับ จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:25:35

ความคิดเห็นที่ 33   โอ้วว กระทู้ดีจริง ขอบคุณที่เอามาให้อ่านครับ จากคุณ : Sleeper MoNKeY เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:25:49

ความคิดเห็นที่ 34 ไมเกรนๆ กำลังเป็นพอดี จากคุณ : Desolation Angel เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:31:45

ความคิดเห็นที่ 35 เยี่ยมเลยครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:53:11

ความคิดเห็นที่ 36 ฮังตินตัน เพิ่งได้ยินชื่อจากดูซีรีย์บงดัลฮีเมื่อคืนนี้เอง สโตรคนี้ได้ยินบ่อยในซีรีย์ Dr.House ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : น้องหยิก (hotnuy) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:06:50

ความคิดเห็นที่ 37 แฟนผมเป็นเนื้องอกในสมอง พึ่งผ่ามาเมื่อวันที่ 6 May ที่ผ่านมานี่เอง ตอนนี้ร่าเริงมาก ลัลลากว่าเดิมอีก ตอนนั้นผมกลัวมากมายว่าเขาจะไม่ฟื้น ขอบคุณสำหรับบทความครับ จากคุณ : monixe เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:23:37

ความคิดเห็นที่ 38 bravo จากคุณ : หมื่นเทพยุทธจอมราชันณ์ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:51:47

ความคิดเห็นที่ 39 คนแก่ๆ ที่เป็น ทวด ส่วนใหญ่จะหลงๆลืม อาการนี่ใช้ อัลไซเมอร์แบบรุนแรงหรือป่าวครับ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:54:24

ความคิดเห็นที่ 40 ไมเกรน เป็นจนทำใจได้แล้ว จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:56:35

ความคิดเห็นที่ 41 ู^ ^ ^ เพื่อนผมกำลังจะผ่า22-23ก.ค.นี้เหมือนกัน เนื้องอกในสมอง ขนาดประมาณ 4 cm. ตอนแรกฟังผิด ได้ยินเป็น 4 inch. ไปหาหมอตอนที่เริ่มจะจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ผ่าแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น จากคุณ : wrought เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:15:38

ความคิดเห็นที่ 42 อืม..... กระทู้เยี่ยมครับ จากคุณ : อาว์เอ็ด เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:29:27

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ความรู้ใหม่จริงๆ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:32:57

ความคิดเห็นที่ 44   สุดยอดครับมีประโยชน์มากมาย แต่ละโรคน่ากลัวทั้งนั้น ผมก็เป็นหนึ่งคนที่เป็น ไมเกรน เซ็ง... ^^ จากคุณ : n13ut (n13ut) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 11:08:34

ความคิดเห็นที่ 45   ความรู้เยอะดีครับ จากคุณ : 15Niardem เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 11:49:12

ความคิดเห็นที่ 46 โหวดก่อนอ่าน หุหุ จากคุณ : HanaToKaze เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 12:46:17

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 13:04:13

ความคิดเห็นที่ 48 ผมกำลังปวดหัวพอดี ไม่รู้เกี่ยวข้องอะไรกับโรคในนี้หรือป่าว จากคุณ : gunbong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 13:07:40

ความคิดเห็นที่ 49 เยี่ยมๆไปเลย จากคุณ : golfemp เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 13:11:04

ความคิดเห็นที่ 50 acetylcholine เป็นสารสื่อประสาทค่ะ มีผลต่อเรื่องความจำ มีมากก็จำดี มีน้อยก็เป็นโรคอัลไซเมอร์ ได้ จะมีทางเพิ่มสารตัวนี้มั้ยคะเนี่ย อยากเพิ่มมากๆ จากคุณ : Bluedonut เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 13:25:08

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : tus_sks เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 13:38:16

ความคิดเห็นที่ 52 เคยได้ยินว่าโรคอัลไซเมอร์ไม่ใช่โรค"ความจำเสื่อม" แต่เป็นโรค"สมองเสื่อม" เมื่อสมองส่วนควบคุมระบบสำคัญๆเสื่อมเลยทำให้คนตายได้ ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน รอผู้รู้ขยายความ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 14:12:02

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ เพิ่งจะปวดหัวหนักๆมา 2 วันนี่เอง แทบจะลืมตาไม่ได้เลยทีเดียว จากคุณ : สนามบอลสีน้ำตาล เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 14:29:50

ความคิดเห็นที่ 54   http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/12/X7278379/X7278379.html จากคุณ : Brainwatcher เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 14:51:07 A:118.172.17.76 X: TicketID:219728

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านจนจบ ไม่พบลักษณะอาการที่ตัวเองเป็นเมื่อต้นเดือน คือเจ็บจี๊ดที่หัวด้านข้างเหนือสูงหูนิดหน่อย วันแรกที่เจ็บเริ่มราว 8โมงเช้า และจี๊ดขึ้นมาเป็นระยะๆ จนถึงเวลาเข้านอน วันนั้นเข้านอน2 ทุ่ม วันรุ่งขึ้นเริ่มจี๊ดครั้งแรกช่วง 6.24นาทีโมงเช้า ทั้งวันเป็นเพียง4ครั้ง บางวันไม่เป็นเลย หลายๆวันจี๊ดขึ้นมาอีก แต่เพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนหน้าจะอ่านพบข้อความนี้ ไม่จี๊ดมาหลายวัน ไม่มีอาการใดๆ นอกเหนือจากเจ็บจี๊ดๆที่ว่า คลำดูเจ็บถึงผิวหนังหัว....จำได้ว่าเคยลุกขึ้นชนขอบมุมตู้เย็น มันจี๊ดๆตรงที่ว่านั่นแหละ....เพียงแต่มันไม่ได้ เจ็บในวันที่ชน ทิ้งช่วงไปจน ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ว่าจะไปตรวจ แต่มันหยุดจี๊ดไปแล้ว เลยช่างมันก่อน ขอบคุณค่ะ"สีชา"ฝากลิงก์ให้อ่าน จากคุณ : รจนา (รจนา-ปะมู) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:06:07

ความคิดเห็นที่ 56 น่ากลัวดีครับ ^_^ ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ จากคุณ : chaible เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:12:37

ความคิดเห็นที่ 57   ใจครับความรู้แล่นเต็มหัวเลย จากคุณ : หล่อ ยุง มึน เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 18:22:28

ความคิดเห็นที่ 58 ขึ้นกระทู้แนะนำอีกแล้วน่ะ : ) จากคุณ : 1812Overtureyoot เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 18:49:27

ความคิดเห็นที่ 59 รอดแหะ ไม่เป็นเลยสักข้อ จากคุณ : 1812Overtureyoot เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:03:33

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:24:06

ความคิดเห็นที่ 61 ไม่เอาแบบนี้ได้มั้ย 'บางคนก็ลืมลูกตัวเอง' ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้มากค่ะ จากคุณ : เราขอบอกว่าเรา (ปลอดภัยห่วงใยคุณ) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:30:31

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณมากค่ะ เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์จริงๆค่ะ จากคุณ : หม้อแกงเมืองเพชร เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:54:48

ความคิดเห็นที่ 63 ที่ยังขาดคือโรคของกลุ่มอาการที่มีการติดเชื้อครับ โดยเฉพาะ JE หรือ Japanese Encephalitis ซึ่งพบได้เยอะครับในประเทศไทย และที่สำคัญ ถ้าเป็นขึ้นมา มีได้แค่ 2 อย่าง 1.ตาย 2.โง่ และที่สำคัญ โรคนี้ "มีวัคซีน" แปลง่ายๆว่า "ป้องกันได้" แต่ผมก็ยังเห็นคนไข้ที่ต้องทนทุกข์ทรมาร และเซ็งที่ตัวเองไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อยู่เดือนละ 2-3 คน แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 23:10:16 จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:29:14

ความคิดเห็นที่ 64 ตอนแรกเห็นหัวกระทู้ เราคิดถึงไฮโดรเซฟาลัสเป็นอย่างแรกเลยค่ะ แต่ไม่มี แหะๆ เป็นเพราะเราเคยเห็นคนไข้โรคนี้ด้วยมั้ง ติดตาสุดๆ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 21:05:04

ความคิดเห็นที่ 65 วันก่อนเพิ่งวูบ ไปเหมือนกัน... ขอบคุณกระทู้ดีๆแบบนี้ค่ะ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 23:16:37

ความคิดเห็นที่ 66 โหวตนะ จากคุณ : cryll เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 00:26:20

ความคิดเห็นที่ 67 ผมนี่มีแนวโน้มจะเป้นอัลไซเมอนะเนี่ย เพราะพึ่ง 20 เองแต่ลืมบ่อยมากๆ ลืมของวางไว้ที่ไหน ลืมว่าจะพูดไรกับอีกคนทั้งที่พึ่งคิดอยู่หยกๆ T-T อยากทราบว่ามีวิธีป้องกันอะไรไม่อะครับโรคนี้ จากคุณ : มอสคุงอะครับ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 00:52:22

ความคิดเห็นที่ 68 -*-  ฮ่วย  10โรค  ข้าเจ้าเป็นแล้ว3  ให้มันได้งี้สิ  -*- ปกติเวลาชัก จะควบคุมการกลืนไม่ได้ บางครั้งก็สำลักน้ำลายตัวเอง  เราเคยชักแล้วมีคนเอาผ้าเช็ดหน้าพันช้อนแล้วยัดใส่ปากเรา ผลหรือ...ผ้ามันไหลลงคอจนเราอาการหนักขึ้น  ตาเหลือก หน้าเขียว (อันนี้เพื่อนเล่าให้ฟัง)  จนเพื่อนเอะใจดึงเอาผ้าออก  อาการเราถึงดีขึ้นค่ะ ส่วนกัดลิ้นหรือปากตัวเองก็เป็นได้ค่ะ  เคยเป็นเหมือนกัน  แต่อย่างเก่งก็แค่เป็นแผลไม่กี่วันก็หาย  เหมือนเคี้ยวอาหารแล้วเผลอกัดลิ้นตัวเองเลือดไหลนั่นแหละ  -*- จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 02:08:19

ความคิดเห็นที่ 69   ^^ จากคุณ : Ninoou เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 03:34:35

ความคิดเห็นที่ 70   ไมเกรนก็เป็นอยู่นะคะ  แต่ที่กลัว่าจะเป็นก็ อัลไซเมอร์เนี่ยล่ะ อาการมันชัดมากไป  กลัว -*- (แต่เราแค่ 23 เท่านั้นเองนะ) จากคุณ : นู๋ขี้สงสัย เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 10:06:18

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณสำหรับกระทู้เยี่ยมๆครับ จากคุณ : palermos เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:02:37

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณ จขกท.ค่ะ ได้ความรู้มากมาย โชคดีที่ยังไม่มีอาการเหล่านี้ เคยคิดว่าตัวเองเป็นไมเกรนเหมือนกันค่ะ ตอนยังทำงานอยู่ พอลาออกจากงานก็ไม่มีอาการอะไร พอมาอ่านบทความนี้ ถึงได้รู้ว่า ครั้งนั้นไม่ใช่ไมเกรนหรอก เป็นโรคอยากตกงานต่างหาก บุญรักษานะคะ จากคุณ : wanalee เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:30:20

ความคิดเห็นที่ 73 ***67 คงไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์หรอกค่ะ อายุแค่20ต้นๆเอง แต่ถ้าอาการของคุณเริ่มมีผลกระทบในชีวิตประจำวันแล้วละก็ ก็ใกล้โรคนี้ขึ้นมาเรื่อยๆแล้วละค่ะ วิธีป้องกัน อย่างที่บอกค่ะให้สมองได้พักผ่อน ดูแลสมองดีๆ กินอาหารบำรุงสมอง เช่น ปลา รับประทานปลาที่มีสารโอเมก้า 3 หลีกเลี่ยงอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด เพราะอาหารฟาสต์ฟู้ดมีไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายมาก ที่สำคัยออกกำลังกายด้วยนะคะ 30นาทีก็ยังดี จากคุณ : Epiglottis เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:09:25

ความคิดเห็นที่ 74 ฝรั่ง เป็นอัลไซเมอร์กันเยอะมั้ยครับ เห็นว่ากินแต่อาหารฟาสฟูด จากคุณ : 1812Overtureyoot เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:36:56

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ จากคุณ : ลูกอมรสเป็ดย่าง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:32:52

ความคิดเห็นที่ 76 Migrane เป็นกันมาก (มากๆ) สมัยก่อน รักษาลำบาก ยาที่ใช้ ประสิทธิภาพต่ำ มีฤทธิข้างเคียงมาก ยาสมัยนี้ ได้ผลดี มีฤทธิข้างเคียงน้อย ข้อเสีย มีประการเดียวคือ แพงอิ๋บอ๋าย จุดสงสัยที่ควรไปหาแพทย์: เห็นแสงวูบวาบ (aura) จุดที่ไม่ควรสงสัย: ปวดหัวตอนบ่าย ปวดตื้อๆนิดหน่อย พักก็หาย เสาร์-อาทิตย์ไม่เป็น .. พวกนั้น จัดอยู่ใน tension headache .. ปวดหัวจากความเครียด แพทย์ที่ควรหา: อายุรกรรมระบบประสาท (neuro medicine) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:33:26

ความคิดเห็นที่ 77 Stroke : ปัญหาร้ายแรงด้านโรคทางสมอง อันดับหนึ่งของประเทศไทยในขณะนี้ สาเหตุ เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ .. ไม่ว่า(เส้นเลือด) ตีบ  แตก หรือ ตัน ปฐมเหตุ เกิดจากการไม่ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นระยะเวลานาน ทั้งที่มีโรคที่ลงเอยด้วยตีบ แตก หรือ ตัน โรคอันดับหนึ่งคือ เบาหวาน และตามมาด้วยความดันเลือดสูง และไขมันชนิดเลว (LDL, VLDL)ในเลือดสูง ถ้าป้องกัน/รักษา โรคทั้งสามได้ ... โอกาสที่จะเป็น stroke น้อยลงมหาศาล การรักษา stroke .. ดูเผินๆ ยากมาก แท้จริงแล้วไม่ยาก .. ประคับประคองไม่ให้มีอาการอะไรแทรก ราวๆ 2-3 อาืิทิตย์ก็ดีขึ้น หรือ ผ่าตัด เอาเลือดที่ออกมาจากรอยแตก (และทับสมอง) ออก .. เดี๋ยวก็ดีขึ้น สิ่งที่ยุ่ง ยาก ลำบาก สิ้นเปลือง ฯลฯ มากๆๆๆๆ ในการรักษา stroke คือ โรคนี้ มักเกิดในผู้สูงอายุ เกิดแล้ว .. คนไข้ต้องมีคนดูแล เอาใจใส่ ทั้งจัดหาปัจจัยสี่มาให้ ทั้งคอยดูแลไม่ให้มีโรคแทรกซ้อน (เมื่อตอนอยู่บ้าน) ฯลฯ การรักษา stroke .. สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000-300,000 แต่ค่าดูแล ผป.โรค stroke หลังจากกลับไปอยู่บ้าน ... สิ้นเปลืองแรงงานคนอย่างน้อย 1 คน, ค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000-20,000/เดือน ... ยาวนาน ไม่มีวันจบสิ้น สาเหตุ .. จาก .. ไม่ดูแลรักษาเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง .. สามอย่างนี้ ให้มันดีๆ ... เท่านั้นเอง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:40:50

ความคิดเห็นที่ 78 คนไทย ที่อายุเกิน 40 ปี พบว่า มีความดันเลือดสูง (HT) ประมาณ 1/3 แต่ 1/3 นั้น ... มีเพียง 1/3 (หรือราวๆ 1/10 ... 10% ของคนทั้งหมดที่อายุเกิน 40) ที่ทราบว่า ตัวเองเป็นความดันเลือดสูง ในจำนวน 10% ที่ทราบว่าตัวเองเป็น HT... มีเพียง 3% ที่ไปหาแพทย์ และใน 3% ที่ไปหาแพทย์ ... 1% เท่านั้น ที่รักษา และใน 1% ที่รักษา ... 0.3% เท่านั้น ที่รักษาอย่างเต็มที่ ... คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:46:13

ความคิดเห็นที่ 79 ใส่ ALS ไปด้วยสิครับ ผมว่าโรคนี้ก็ดังนะ จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 00:30:07

ความคิดเห็นที่ 80 ใครจะ stroke อย่าลืม พอสกล้องกันน๊ะเออ จากคุณ : Fatdiary เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 04:28:13

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณความรู้ดีๆนะคะ มีญาติของเราเองหลายคนที่ป่วยเปนโรคทางสมอง มีทั้ง พาคิสัน อัลไซเมอร์ เนื้องงอกในสมอง แล้วตัวเองก็เป็น ไมเกรนค่ะ เฮ้อๆๆๆ จากคุณ : newnsixty เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 13:29:27

ความคิดเห็นที่ 82 กลัวจะต้องจับได้สักข้อนึง จากคุณ : ป้ามด เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 14:40:15

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณครับ จากคุณ : PPJNY เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 18:55:02

ความคิดเห็นที่ 84 ตอนนี้เจอไปแล้วโรคนึงครับ ไมเกรนนี่เป็นกันทั้งครอบครัวเลย=_= จากคุณ : NorsDavincy เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 00:43:09

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : only 1 meter , เพียง ฉัน มีเธอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 01:05:48

ความคิดเห็นที่ 86   ขอบคุณสำหรับความรู้ฮ่ะ โหวตๆๆ จากคุณ : Radompol_RT9 (Radompol_RT9) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 10:13:30

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆคับ จากคุณ : PzMonkeyz เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 12:53:49

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณครับ คนที่ผมรักมากมาย เขาก็ต้องจากไปด้วยวัยยี่สิบกว่าเพราะมีวิบากกรรมเป็นโรคมะเร็งสมอง แต่เขาก็ได้ไปอยู่อย่างสุขสบายในสุคติภูมิแล้ว สมกับความดีงามที่เขาได้ขวนขวายสร้างสมไว้เองในสมัยยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ทุกคนมีความสุข ปราศจากทุกข์โศกโรคภัยโดยทั่วกันครับ จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 21:47:25

ความคิดเห็นที่ 89 เวลาผมเป็นไมเกรน จะปวดหัวหนักๆ ติดต่อกันเป็นเดือนเลยครับ เป็นตั้งแต่ตื่นนอนยันหลับ (การนอนหลับ ช่วยเพียงแค่ ลดเวลาการปวดหัวลงแค่นั้น) สมัยก่อน รักษาด้วยยาหลายปี ไม่ดีขึ้น ... คนเป็นไมเกรน ต้องระวังเรื่องอาหาร เลือกทานดีๆ ช่วยลดอาการลงได้มาก ชา-กาแฟ ไม่เป็นไร แต่พวกช๊อตโกแลต โกโก้ ห้ามเด็ดขาด ยาพิษดีๆนี่เอง จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 05:11:21

ความคิดเห็นที่ 90 เห็นเพื่อนคนนึงเป็นไมเกรน แล้วเวลาไมเกรนขึ้น ตามันจะปิดไปข้างนึงเลย O_O" จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 09:55:56

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ย่าเราเป็นอัลไซเมอร์ค่ะ พูดไม่รู้เรื่อง ยังจำหน้าลูกหลานได้อยู่ พอเห็นหน้าก็ยิ้ม (ประมาณว่า ชั้นรู้จักคนนี้นะ) แต่จำชื่อไม่ได้ จากคุณ : Pat :o) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 11:22:02

ความคิดเห็นที่ 92 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 12:13:17

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณค่ะ ขอมอบกิ๊ฟด้วยค่ะ กระจ่างไปหลายโรคโดยเฉพาะฮันทิงตันและ เอ็มเอ็ส ซึ่งไม่ค่อยได้ยินใครในไทยเป็นกันนัก แต่ได้เห็นบ่อยจากหนังฮอลลีวูด จากคุณ : angy_11 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 14:28:29

ความคิดเห็นที่ 94 มาเก็บความรุ้ค่ะ ส่วนตัวจากที่อ่านสงสัยจะเป็นไมเกรน จากคุณ : ก้าวไปตามใจฝัน เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 18:43:11

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณค่ะ ก่อนหน้านี้เป็นไมเกรน เหมือนกัน ปวดหัวแล้วตาปิด ก็ยังคิดว่า เพื่อนจะรู้ไหมเนี่ยว่าปวดมากเนี้ย แต่พอเล่นกีฬา ก็ไม่ค่อยเป็นค่ะ ไงก็ขอให้ทุกคนสุขภาพดีค่ะ ไม่มีโรคเป็นลาภจริงๆ จากคุณ : ThatsNoon เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 22:29:12

ความคิดเห็นที่ 96 เวลาเราลุกเร็วๆจะรู้สึกวูบมาก เป็นค่อนบ่อย เช่น ลุกจากเตียงนอนเร็วๆตอนเช้า เคยล้มไปครั้งแต่นานมาก หัวโนเลย -*- อีกรอบล้มแต่ยังไม่ลงไปนอนแค่หน้าไปกระแทกตู้ - -a ตอนล้มไม่รู้เรื่องหรอก รู้อีกทีตอนที่เจ็บน่ะแหละ เลยลากสังขารไปนอนพักบนเตียงต่อ เดี๋ยวจะพยายามจับยึดอะไรไว้ถ้ารู้สึกวูบจริงๆ แต่อาการนี้ไม่เคยเป็นนอกสถานที่นะ ดีแล้วล่ะ เหอๆ เราควรไปหาหมอไหมเนี่ย >< จากคุณ : PINKHOLiC เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 08:54:31

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ เลยทำให้ผมรู้ว่า เป็นไมเกรนระดัีบต้นๆ T-T จากคุณ : Xscape เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 13:01:17

ความคิดเห็นที่ 98 มาเพิ่มเติมเรื่องอาการวูบครับ เนื่องจากว่าตัวผมเองเป็นโรควูบ(syncope) อยู่ครับ ตอนแรกก็นึกว่าตัวเองเป็นลมธรรดาไป แต่พอมานั่งหาสาเหตุก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นลมได้ เพราะว่าพักผ่อนเพียงพอ แล้วก็เพิ่งรับประทานอาหารมาได้ซักชั่วโมงนึงเองครับ จึงไม่น่าจะเกิดจากการขาดน้ำตาลในกระแสเลือดได้ เลยถามเพื่อนที่เป็นนสพ. ไปตอนแรกเค้าก็วินิจฉัยว่าเป็น epilepsy มา แต่พอให้หมอตรวจละเอียดลงพบว่าเป็น syncope ครับ คือนอกจากจะเกี่ยวกับสมองแล้ว ยังเกี่ยวกับหัวใจด้วยนะครับ อย่างกรณีของผมนี่เกิดจาก signal ของระบบประสาทหยุดฉับพลัน ทำให้หัวใจไม่ส่งเลือดขึ้นไปเลี้ยงที่สมอง เลยทำให้เกิดอาการหมดสติได้ตามมา คือจะบอกว่าคนที่มีอาการวูบ โดยไม่มีสาเหตุนี่อย่างได้นิ่งนอนใจนะครับ เพราะโรคที่ตามมานี่อันตรายเหมือนกันนะครับ จากคุณ : เฉาก๊วยกะบ๊วยเค็ม - -" เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 22:56:33

ความคิดเห็นที่ 99 มาเก็บความรู้ใส่ตัว จากคุณ : samapapa เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 13:10:29

ความคิดเห็นที่ 100 ท่านที่มีอาการ หรือมีเพื่อนที่มีอการ ช่วยบอกวัยด้วยสิครับ เตี่ยผม อายุ 65 ก็มีอาการ stroke ครับ เป็นเส้นเลือดตีบ ที่จริง น่าจะตันมากกว่า ทำให้ร่างกายซึกซ้าย หมดความรู้สึก ต้องไปรักษาที่ รพ นอนพักอยู่เดือน 1 กายภาพบำบัดอีก เป็นปี กว่าจะเดินได้ ปัจจะบัน ซึกซ้าย ยังไม่เป็นปกติครับ คาดว่า คงเป็นแบบนี้ตลอด ท่าน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มาก่อนหน้านี้ครับ ปัจจะบัน งดบุหรี่ แต่ดื่มแอบดื่มบ้าง บอกว่า ดื่มแล้ว หายปวดเส้น ปวดเมื่อย ผมแย้งว่า นั่นเป็นผลของแอลกอฮอล์ ที่ทำให้ประสาทชา ก็ไม่ฟัง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จากคุณ : ป้ายแดง เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:13:31