PANTIP.COM : X8139209 ประเทศอินเดียรู้ได้ไงว่าใครวรรณะใดบ้างครับ []

ความคิดเห็นที่ 11

เคยไปทัศนาจรที่อินเดีย พอจะสรุปเรื่องวรรณะได้ดังนี้ค่ะ

วรรณะ แปลว่า สี ระบบวรรณะเป็นเครื่องมือที่ใช้แยกระหว่างชาวอารยันผิวขาว ออกจากชาวมิลักขะ ( ดราวิเดียน ) ผิวดำ

จะทราบได้อย่างไรว่าใครอยู่วรรณะไหน ?

ในปัจจุบันแยกยากมากค่ะ แต่พอจะแยกอย่างหยาบจาก

1.ภาษา อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษาหลากหลายมากที่สุดในโลก สถาบันวิจัยภาษาฯ มหาวิทยาลัยมหิดลเคยให้ข้อมูลว่าภาษาที่ใช้ในอินเดียมีมากระดับหลัก 1000 ภาษา ยังไม่นับรวมที่แยกย่อยออกเป็นสำเนียงต่างๆอีกมากมาย

ภาษาที่กลุ่มวรรณะสูงใช้จะมีความแตกต่างจากวรรณะที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน แม้จะเป็นภาษาเดียวกันแต่จะมีความแตกต่างกันที่สำเนียงเนื่องจากจะใช้กันมาตั้งแต่เกิด

ใครที่เกิดวรรณะไหนก็จะถูกฝึกให้ใช้สำเนียงนั้นๆ เมื่อโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่บุคคลนั้นๆก็จะยังคงติดสำเนียงเดิมอยู่ ถ้าเปรียบกับประเทศไทยอาจเทียบได้กับ การพูดเหน่อของคนสุพรรณ หรือสำเนียงทองแดงของชาวใต้

เมื่อมาอยู่รวมกันในสังคมใหญ่เช่นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็จะพอทราบได้ว่ามาจากไหน

2.สีผิวและชาติพันธุ์ อย่างที่ทราบกันดีว่าชาติพันธุ์ในอินเดียแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจนคือ

1. ชาวอารยัน ที่อพยพมาจากฝั่งทะเลแคสเปียนเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ชาวอารยันนั้นชาติพันธุ์จริงๆแล้วคือ กลุ่มคอเคซอยด์

ลักษณะกายวิภาค (anatomy) เป็นกลุ่มคนรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว จมูกโด่ง เบ้าตาลึก ลักษณะร่างกายโดยทั่วไปมีความแข็งแรง

มีความสามารถหลายด้านทั้งการรบ (โดยเฉพาะการรบบนหลังม้า) รวมถึงมีความรู้เรื่องศาสตร์ต่างๆ เป็นอย่างดี

ในปัจจุบันจะสังเกตได้ว่าลักษณะต่างๆของชาวอารยันจะแตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อยคือ จากสีผมและสีตาที่มีลักษณะเป็นชาวยุโรปจะกลายเป็นสีดำแบบชาวเอเชีย

แต่สัณฐานของด้านร่างกายยังเหมือนบรรพบุรุษคือสูงใหญ่ ผิวขาว จมูกโด่ง และเบ้าตาลึก

ชาวอารยันเมื่ออพยพข้ามเทือกเขาหิมาลัยและเข้ามาในอินเดีย ก็มีการรวมกลุ่มสร้างสังคม โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ

1.กลุ่มนักรบ มีหน้าที่ขยายดินแดน สร้างอาณาจักร กวาดล้างชนพื้นเมือง
กลุ่มนักรบนี้ต่อมามีการพัฒนาเป็นวรรณะกษัตริย์

2.กลุ่มนักบวช มีหน้าที่ถ่ายทอดวิทยาการ ความรู้ทางด้านศาสตร์ต่างๆแก่คนรุ่นใหม่เพื่อสร้างระบบสังคมที่เข้มแข็ง กลุ่มนักบวชต่อมาได้พัฒนาเป็นวรรณะพราหมณ์

ชาวอารยันทั้งสองกลุ่มต่างทำงานร่วมกัน จนเกิดเป็นสังคมใหญ่และมีการสืบเชื้อสายต่อๆกันมา

ที่เรารู้จักกันดีคือ ตระกูลศากยะ ของพระพุทธเจ้าหรือเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งพระองค์เป็นเจ้าชายที่เกิดในวรรณะกษัตริย์ สืบเชื้อสายมาจากชาวอารยัน

แต่เดิมเราเข้าใจกันว่าวรรณะที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดคือวรรณะกษัตริย์ ที่จริงแล้ววรรณะกษัตริย์และวรรณะพราหมณ์ต่างมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ในสังคมอินเดียโบราณทั้งสองวรรณะต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน และมีการคานอำนาจกันอยู่เสมอเรียกได้ว่าวรรณะกษัตริย์เป็นฝ่ายบู๊ และวรรณะพราหมณ์เป็นฝ่ายบุ๋นก็ว่าได้

เลยมาซะไกล ชาติพันธุ์กลุ่มที่ 2 ของอินเดียที่ความสำคัญกับระบบวรรณะคือ

ชาวมิลักขะหรือดราวิเดียน ชาวดราวิเดียนมีลักษณะทางกายภาพคือ เป็นคนผิวดำ ร่างเล็ก ค่อนข้างผอม ปัจจุบันจะพบคนกลุ่มนี้ในอินเดียตอนใต้และประเทศศรีลังกา

ชาวดราวิเดียนเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของอินเดีย มีการขยายตัวทั่วไปในอินเดียโบราณ เมื่อมีการอพยพของชาวอารยันเข้ามา กลุ่มดราวิเดียนจำต้องถอนร่นลงมาทางตอนใต้

เนื่องจากไม่ชำนาญการรบเท่าอารยัน ประกอบกับอุปนิสัยของชาวดราวิเดียนที่รักความสงบ มีชาวดารวิเดียนบางกลุ่มที่ถูกจับไว้เพื่อป็นทาส หรือเป็นชนชั้นแรงงาน

กลุ่มนักบวชอารยันมีความคิดว่าลักษณะที่มีการปะปนกันระหว่างอารยันและดราวิเดียน จะไม่เป็นผลดีกับชาวอารยันอย่างแน่นอน

เนื่องจากอาจมีการแต่งงานกันข้ามเชื้อชาติ ทำให้ความเป็นอารยันถูกกลืน นักบวชจึงคิดระบบวรรณะขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกชาวอารยันออกจากชาวดราวิเดียน

และมีการบัญญัติกฎขึ้นมาว่า หากมีการแต่งงานกันข้ามวรรณะจะถือว่ามีความผิด ซึ่งโทษอาจรุนแรงจนถึงขั้นถูกฆ่า

และลูกที่เกิดจากการข้ามเชื้อชาตินั้นจะถูกเรียกว่า จัณฑาล ซึ่งมีความเป็นอยู่ที่แย่มาก ถึงขั้นไม่สามารถใช้บ่อน้ำร่วมกับคนอื่นได้ หรือเดินผ่านหน้าบ้านใครเจ้าของบ้านต้องนำน้ำนมมาล้างหน้าบ้านเลยทีเดียว

ดังนั้นค่านิยมเรื่องระบบวรรณะที่ถูกปลูกฝังมาของสังคมอินเดียโบราณจึงถือว่าได้ผลมากทีเดียว

สุดท้ายการแยกวรรณะอาจสังเกตุจากการแต่งกาย ซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน เนื่องจากค่านิยมการแต่งกายของคนอินเดียเปลี่ยนไป

อินเดียยุคใหม่จะแต่งกายแบบสมัยนิยม ไม่ยึดติดกับชุดสาหรีแบบอดีต เรียกได้ว่าไม่ว่าจะอยู่วรรณะไหนก็แต่งกายตามแฟชั่นได้หมดหากมีเงิน

สรุปคือระบบวรรณะเริ่มจะถูกลดความสำคัญลงไปมากค่ะ แทบจะไม่เหลือแล้วค่ะที่ว่าฉันมาจากวรรณะกษัติรย์ ฉันมาจากวรรณะพราหมณ์

ที่หลงเหลือก็คือชื่อสกุลหรือการไล่ลำดับชั้นตระกูลที่พอจะให้ความภาคภูมิใจได้ว่าอาจจะสืบเชื้อสายมาจากวรรณะกษัตริย์ หรือวรรณะพราหมณ์

จากคุณ : bailie

เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:25:36