ความคิดเห็นที่ 1   จริงครับ มันคือต้นยูคาลิปตัสนั่นเอง ซึ่งที่ไม้ชนิดนี้หายาก เพราะประเทศที่เราเคยนำเข้า ประเทศเค้าไม่สนับสนุนให้เพิ่มเนื้อที่ในการปลูกแล้ว เพราะมันจะเป็นการทำลายหน้าดิน ไม่ใช่แค่น้ำ แต่รวมถึงแร่ธาตุ อาจจะทำให้ดินบริเวณนั้นเสื่อมสภาพ จนประเทศนั้นกลายเป็นทะเลทรายก็ว่าได้ครับ แล้วความอุดมสมบูรณ์ของประเทศที่ปลูกก็จะหมดสภาพ และที่เห็นโฆษณา เค้าไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าคือต้นอะไร เลยบอกอ้อมๆ ว่าเป็นต้นกระดาษ ไว้หลอกชาวไร่ชาวสวน น่ะครับ.... หากข้อมูลผมไม่ถูกต้องขอรับผิดแต่ผู้เดียวครับ จากคุณ : เคยเรียนวิธีทำกระดาษมา (Kia460) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 01:00:16

ความคิดเห็นที่ 2 บริษัทเราทำงานตรวจวัดให้กับบริษัทผลิตกระดาษยักษ์ใหญ่ในจังหวัดปราจีนบุรี พี่เค้าก็ถามถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ได้ใจความจากเจ้ว่า "มันก็เหมือนเด็ก 3 ขวบล่ะค่ะคุณน้อง ยิ่งกินเยอะ มันก็ยิ่งโตเร็ว จะไปห้ามยังไงล่ะคะ ก็เด็กมันกำลังโต กำลังกินเลย" แล้วก็เดินจากไป(??) มิน่าถึงเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นที่กระดาษทำได้ เราเข้าใจว่ายังงั้นนะ จากคุณ : เคลิ้มสมาคม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 01:05:25

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นข้อมูลส่วนใหญ่ลือมาก FW จริงๆแล้วไม่ถึงขนาดนั้น จำหลายปีก่อนได้ไหม กว่า10ปีแล้ว แต่ก่อนภาคอิสานแห้งแล้ง รัฐบาลมีโครงการอิสารเขียว นำต้นไม้มาปลูกจนอิสารเขียวขึ้น รู้มั้ยเอาต้นไม้อะไรมาปลูก ต้นยูคาลิปตัสนี่เอง ดูในสารคดี มีหลายประเทศนำยูคาลิปตัสไปปลูกในพื้นที่แห้งแล้วเพื่อให้สภาพแวดล้อมดีขึ้นอากาศชุ่มชี้น เพราะมันโตได้ในที่แห้งแล้ง ต้นยูคาลิปตัสทำให้ชุ่มชี้นขึ้นได้จริง แต่ข้อเสียใหญ่หลวงของมันก็มี คือถ้าเอาไปปลูก เนื่องจากมันโตเร็ว ทำให้พืชอื่นโตยาก ในบริเวณนั้นจะมีแต่ยูคาลิปตัส ใบยูคาลิปตัสเป็นพิษต่อสัตว์ทั่วไป  มีแต่หมีโคล่าที่กินได้ สัตว์อื่นกินไม่ได้ ถ้ามียูคาลิปตัสมากๆระบบนิเวศจะเสีย เพราะมันโตแต่ของมัน พืชอื่นโตตามยาก สัตว์ก็ใช้ไม่ได้ ปัญหาช้างเร่ร่อนส่วนหนึ่งก็มาจากยูคาลิปตัสนี่เอง จากปากคนเลี้ยงช้างแถวอิสารบอกมา เพราะรัฐเอาแต่ยูคาลิปตัสไปปลูก พืชอื่นก็ไม่ขึ้น ช้างเลยไม่มีอะไรกิน ถ้าปลูกแซมตามนาคงไม่เกิดผลกระทบมาก  เพราะเดิมทีมันก็ไม่มีต้นอะไรอยู่แล้ว แต่การปลูกแทนป่าไม่ควรอย่างมาก ถือเป็นการทำลายระบบนิเวศแบบร้ายแรงเลย จากคุณ : Darigaaz เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 01:23:44

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนมากเซลล์กระดาษที่ผมเจอ เขาจะแนะนำให้ปลูกตามคันนา แบ่งเป็นเขตพื้นที่ไป ไม่แนะนำให้่ปลูกเป็นพืชไร่ ซึ่งข้อนี้ ชาวไร่ชาวนาจะทราบข้อมูลดีอยู่แล้ว เพราะเข็ดกับการปลูกไม้สักทองมาก่อน จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 01:39:49

ความคิดเห็นที่ 5 เคยคุยกับคนที่ปลูก เขาก็บอกว่าทางบริษัทเขาสอนวิธีปลูกและดูแลหน้าดินด้วย แต่เกษตรกรจะทำตามหรือเปล่าก็อีกเรื่องนึง ส่วนมากจะให้ปลูกเป็นแนว เป็นเส้นไป ไม่ใช่มาทีเป็นแผงอย่างที่บางเจ้าปลูก พวกนั้นไม่น่าจะปลูกได้นาน จากคุณ : สมบัติดี เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 02:10:39

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ใช่ปลูกแล้วดินกลายเป็นทะเลทรายแน่นอน จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 07:26:41

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนนี้ผมอยุ่จังหวังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีพื้นที่ที่ปลูกยูคาฯกันมากมาย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ ขาดน้ำเป็นที่เนินดินทราย ไม่สามารถเพาะปลูกอย่างอื่นได้  จะมีบ้างก็พวกมันสำปะหลัง อ้อย ซึ่งก็แบ่งพื้นที่กัน ตรงไหนมันไม่มีน้ำก็ปลูกต้นยูคาฯกันไป ตรงไหนที่ลุ่มพอมีน้ำก็ปลูกพืชอย่างอื่น  นาข้าวอยู่ข้างแปลงยูคาฯก็เยอะครับ  ผมเห็นแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว มันก็พออยู่ร่วมกันได้นะ  ถ้าบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสม   พื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ไม่มีใครเอาไปปลูกยูคาฯครับถ้าจะปลูกกันจริงๆ เค้าปลูกตามคันนา หรือปลูกเป็นรั้วกันฝูงวัวเข้าที่นาครับ ผมกลับมองว่าถ้าบริหารจัดการพื้นที่ดีๆ กลับได้ประโยชน์นะครับ เพราะถ้าเราไม่ปลูกไม้พวกนี้โรงกระดาษที่ผลิตกระดาษให้เราใช้จะใช้วัตถุดิบอะไรครับ จากคุณ : ขอชื่อที่รักจ๋า ณ พันทิป เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 08:12:21

ความคิดเห็นที่ 8 จริงครับ ดินจะเป็นดินทราย จากไร่ยูคา มาเป็นไร่มัน ปีหน้าคงหยุดทำ บำรุงดินอีก 3 ปี จากคุณ : kiat10100 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 08:57:14

ความคิดเห็นที่ 9 แถมให้อีกรูปเห็นดินที่เป็นทรายชัด ( ก็ทรายดีๆนี่ละ) จากคุณ : kiat10100 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:03:48

ความคิดเห็นที่ 10 ตามข้างบนว่าครับ ดินอิสานหลายพื้นที่ปลูกพืชอื่นไม่ค่อยจะได้ผล จึงจำเป็นต้องปลูกยูคาครับ ยูคาปลูกง่าย ตายน้อย โตเร็ว  ทนแล้งทนฝน ปลูกไม่กี่ปีก็ตัดขายได้ครับ ตัดแล้วก็งอกขึ้นใหม่ ขยายออกตอละหลายต้น โตไวกว่าเก่าอีกครับ ยูคากินปุ๋ยน้อยกว่าพืชอื่น ในดินเสื่อมโทรมที่ขาดปุ๋ย หรือดินเค็มที่มองเห็นส่าเกลือ พืชอื่นปลูกแล้วมักจะตาย แต่ยูคาปลูกแล้วโตได้ครับ ปริมาณความต้องการน้ำของยูคา ก็ไม่แตกต่างจากพืชอื่นครับ พืชอื่นถ้าแล้งจัดส่วนใหญ่มักจะตาย แต่ยูคาถึงจะแล้งอย่างไร ยังมีเปอร์เซ็นรอดสูงกว่าครับ สำหรับข้อหาที่ว่าปลูกยูคาแล่้วดินเป็นทรายนั้น ไม่จริงครับ ที่จริงพื้นที่บริเวณนั้นเป็นทรายอยู่แล้ว (ดินอิสานส่วนใหญ่เป็นทราย) แต่หน้าฝนทรายอุ้มน้ำไว้จึงมองไม่ออก พอหน้าแล้งจึงเห็นเป็นทรายครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:04:02

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่รู้ข้างบนหมายถึง ถ้าของผม ไร่ผมอยู่กาญจนบุรีนะครับ ไว้ถ้าผมได้กลับกาญจน ไปดูงาน ผมจะไปถ่ายรูปไร่ผม อีกที่นึง ซึ่งอยู่ใกล้ภูเขา (ติดเขาดีกว่า) ดินในที่ไม่ปลูกยูคา มีความสมบูรณ์มาก แต่ดินที่ปลูกยูคา ดินทรายเหมือนในรูปเลย รูปหาเจอแค่นี้ จากคุณ : kiat10100 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:43:44

ความคิดเห็นที่ 12 คุณปลูกพืชชนิดเดียวกัน แร่ธาตุมันก็หายไปหมดละคับ อย่าว่าแต่ ต้นยูคาเลย พืชชนิดไหนๆก็ตาม ถ้าไม่บำรุงรักษาดิน ก็จะเกิดภาวะดินเสื่อมโทรม เขาถึง รณรงค์ให้มีการปลูกพืชหมุนเวียนไง พืชที่เพิ่มแร่ธาตุในดินมากที่สุดก็คือ พืชตระกูลถั่ว จากคุณ : boylife เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:03:46

ความคิดเห็นที่ 13 เศษวัสดุที่เหลือจากการทำกระดาษ นำมาผลิตไฟฟ้า จ่ายให้กับผู้ใช้ไฟได้ สี่แสนครัวเรือน   กำลังผลิตเท่าไหร่เนี่ย ... จากคุณ : rdo เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:06:49

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเคยไปโรงงานดับเบิ้ลเอทัศนศึกษาทีหนึ่ง กลิ่นเหม็นมาก... แต่วิทยากรบอกกลิ่นปกติดี... จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:24:47

ความคิดเห็นที่ 15 555 คห.14ค่ะ เค้าก็ต้องตอบแบบนั่นซิค่ะ ถ้าเค้าบอกว่าเหม็นเค้าก็จะโดนนายเล่นเอา อันนี้เรื่องจริงค่ะ คนแถว 304 เค้ารู้กันดี เหม็นจะตายยังบอกเฉยๆ  สงสัยเค้าเป็นริดสีดวงจมูกกันน่ะค่ะ แต่เห็นใจเค้าน่ะค่ะเพราะถ้าไม่พูดอย่างนั้นเค้าโดนจิงๆค่ะ ส่วนปลูกยูคาแล้วดินไม่ดีอ่ะเราว่าจิงน่ะค่ะถ้าปลูกนานๆถึงเราจะไถ่หน้าดินใส่ปุ๋ยก้อตามเหอะ ที่เราก็ปลูกค่ะแต่ถ้เลิกยูคาไปก็ปลูกอย่างอื่นยากค่ะ เพราะดินแห้งๆแล้งๆ เป็นทรายอ่ะค่ะไม่ดีเลย จากคุณ : คนแถวโรงงาน (กิ๋มน้อย) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:44:17

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาเบิ่ง จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:06:32

ความคิดเห็นที่ 17   มีที่อยู่ร้อยเอ็ด 5 ไร่ ปลูกยูคาเป็นรั้ว ที่เหลือเขาก็ทำนาปกติ ไปดูเมื่อเร็วๆนี้ก็เห็นข้าวเขียวขจีงามอยู่เลยคงไม่เป็นไรมั้ง จากคุณ : UBL เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 16:13:28

ความคิดเห็นที่ 18 แถวบ้านเราเค้าก็ปลูกกันนะคะ ก็เห็นเค้าทำนากันปกติเหมือนกันอ่ะค่ะ จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 16:42:35

ความคิดเห็นที่ 19   ไม่เป็นความจริงครับ ไร้สาระครับ คนไม่มีที่ดินจะปลูกส่วนใหญ่จะพูดแบบนั้นครับ - - เมื่อก่อนคนไม่รู้ความจะกล่าวหาไร่มัน ไร่มันบางแห่งปลูกมันมา 30 ปี ก็ไม่เห็นเป็นไร มันสมัยนี้ใช้ระบบน้ำหยด และฉีดพ่นน้ำหมักแทนการใส่ปุ๋ยครับ - - บางแห่งปลูกยูคาติดต่อมา 20-30ปี ก็ไม่เห็นเป็นไรครับ มีแต่รวยกับรวยครับ ดินเสียก็ช่างปะไรครับ จะแต่งงานกับดินหรอไงครับ รวยก่อนครับ แล้วมาแก้ดินเสีย ที่ดินก็ของเราเอง อย่าไปปลูกบุกรุกที่หลวงก็พอ - - ซื้อขี้หมู ขี้เป็ด มาไถกลบดินก็ดีปลูกได้ต่อครับ จากคุณ : วมแย์ราจอา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 17:52:17 A:125.27.20.39 X: TicketID:199878

ความคิดเห็นที่ 20 มายืนยันอีกเสียงว่าไม่มีปัญหาครับ ต่างจังหวัดหลายๆที่ก็ปลูกควบคู่ไปกับการทำนานะครับ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย เพียงแต่ว่าเค้ามีการจัดสรรที่ดินในการปลูกครับ ประมาณว่าส่วนนี้ทำนา ส่วนนั้นที่เหลือและดินไม่ค่อยดีก็จะปลูกต้นยูคากันครับ อยู่ใกล้กันก็จริง แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ จากคุณ : heynong1 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 21:57:46

ความคิดเห็นที่ 21   รอดูกันต่อไปในระยะยาวคับ จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 20:07:14

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อก่อนที่เขากลัวกันเพราะรากของยูคามันแตกแขนงไปไกลมากๆ จัดแบ่งพื้นที่ลำบาก เพราะมันแย่งน้ำจากพืชอื่นๆที่อยู่ใกล้เคีัยง แถมรากลงลึกถอนยาก เวลาจะล้มเพื่อปลูกใหม่ ต้องจ้างรถไถมาถอนซึ่งแพงมาก แต่ต้นยูคาของบ.กระดาษเขาbreeding ใหม่จนไม่มีรากแก้ว ปลูกติืดกับพืชอื่นได้โดยไม่แย่งสารอาหาร เพราะมันแตกรากไปไม่ถึง แถมเปลี่ยนชุดก็ไม่ยาก ถอนง่ายกว่าเดิม ส่วนปลูกแล้วดิืนเสีย ปลูกอะไรก็ดินเสียทั้งนั้นถ้าปลูกซ้ำๆและไม่ปรับปรุงดิน ยิ่งยูคาโตไว มันก็สูบสารอาหารไว ถ้าไม่ปรับปรุงมันก็เห็นได้ชัดว่าเสียเร็วกว่าเดิมน่ะสิ ข่าวลือพวกนี้เล่ากันปากต่อปาก email ต่อ email ผิดเพี้ยนจากความจริงไปไกลมากๆ ทั้งๆที่ชาวนาจริงๆ เขาปลูกแซมคันนากันมานานแล้ว มีรายได้ดีกว่าเดิม  เห็นมีแต่คนในเมืองส่วนใหญ่ที่บ่นๆกลัวกัน จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 12:06:11