 |
ความคิดเห็นที่ 61 |
คือ ผมมองว่าธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่นั้น จริงๆแล้วก็คือธุรกิจทั่วไป ที่ไม่ต้องการจ้างพนักงานขายถาวรนั่นเอง
เค้าแค่ให้คนมาสมัครโดยให้ค่าคอมมิชชั่นมากกว่าปกติ
ลอง คิดดูนะว่า คุณทำงานในห้างขายของได้โดยไม่ต้องมีของหรือทำโฆษณาเอง แค่ชักชวนคนมาซื้อ ก็เหมือนกับธุรกิจขายตรง เพียงแต่ขายตรงคุณไม่ต้องประจำตามแผนกต่างๆ แถมไม่ต้องตอกบัตร คุณแค่ทำยังไงก็ได้ ให้ขายออกทุกๆเดือน โดยได้ค่าเหนื่อยมากกว่าอาชีพอื่น
ในมุมมองบริษัทคือ /ยังไงของก็ขายออก เพราะคนต้องการจะทำยอด หรือ ทำคะแนน โดยมีความเชื่อว่างานนี้สบาย /ถ้า เจอพนักงานดีเด่นจริงๆ เขาจะซื้อของมาตุนก่อนเพิ่อทำแต้ม ซึ่งนั่นก็เรื่องของคุณ เพราะบริษัทได้เงินไปแล้ว ของๆคุณจะขายออกรึเปล่าไม่ใช่เรื่อง
ส่วนในมุมพนักงานขาย
/เข้าใจว่าทำงานสบาย อยู่เฉยๆก็เงินเข้า หลักหมื่นหลักแสน แต่ลืมนึกไปว่า กว่าจะตั้งตัวทำยอดได้ ต้องหาลูกค้า ไม่ว่าจะจดสินค้าแล้วไปส่ง หรือสอนวิธีซื้อทางเน็ต แต่ก็ต้องดิ้นรนตั้งตัวอยู่ดี เพราะ เงินคอมมิชชั่นเกิดจาก ((เงิน(ยอด)ที่ขายได้)คูณด้วย(เปอร์เซนต์จากลำดับแต้มที่ทำได้)) เช่นสมมติว่า ทำได้ 20,000 บาท และขายได้ (10,000 แต้ม= 12%) เงินที่จะได้เดือนนั้นคือ (20,000*12)/100 =2400 บาท
นี่แค่ตัวอย่าง แต่จริงๆแล้วแต้มแค่หมื่นเดียว อาจจะไม่ได้ส่วนแบ่งเปอร์เซนต์มากขนาดนี้ เพราะบางที่ ขายได้ 3,000 แต้ม ได้แค่ 3% (20,000*3)/100 = 600 บาท... แล้ว หากได้เปิดแคตตาล็อคดู จะทราบกันว่า ของที่ได้แต้งเยอะจริงๆส่วนมากจะเป็นของที่มาจากบริษัทเท่านั้น พวกของเครืออื่น หรือฝากขาย มักจะได้แต้มน้อย กว่าจะได้ 3,000 แต้ม ก็หนักเอาการอยู่นา
ฉนั้นแล้ววิธีที่จะออกขายน้อยลง แต่ทำแต้มได้มากขึ้นคือยังไง นั่นคือหาคนมาช่วยแชร์ หรือเรียกกันว่า downline เช่นคุณต้องการทำ หมื่นแต้ม คุณหาดาวน์ไลน์มาได้ 10 คน คุณก็แบ่งภาระไปให้พวกเขาคนละพัน*10=10,000 แต้ม และสุดท้ายสิ้นเดือน คุณขายของเน้นแค่ยอดขายเป็นบาท ไม่ต้องเน้นแต้ม เพราะ แต้มที่ดาวน์ไลน์ทำให้ จะถูกเอามาคิดให้คุณ เช่น ทำ ได้ 20,000 เท่าเดิม แต่ทำแต้มได้แค่ 3,000 ขั้นต่ำ แต่ดาวน์ไลน์ทำให้ 1,000*10=10,000 + 3,000 แต้ม = 13,000 แต้ม อาจจะเป็น 9%~12% เลยก็ได้ สำหรับ อัพไลน์
ฉนั้นประโยคที่ว่า ข้างบนต้องช่วยเหลือด้านล่างอยู่แล้ว ก็แน่นอน ผมถามว่า คุณแค่ไปช่วยพูด ช่วยให้กำลังใจ และกับเร่ขายของเองที่เงินเยอะแพงไม่เน้นแต้ม กับ เร่ขายเองหมด ที่แต้มเยอะๆ และแพง แต่ทำหมด อันไหนสบายกว่าหล่ะ
ฉนั้นอัพไลน์ ก็ได้แต้มไป ส่วนดาวน์ไลน์ ก็ได้แค่ 1,000 แต้ม ตามเท่าที่ทำได้ ฉนั้นหากดาวน์ไลน์อยากมีเงินหลักพันเข้าแต่ละเดือนบ้าง ก็ต้องหาดาวน์ไลน์ต่อไป และต่อไป
ส่วนประโยคที่ว่า ช่วยคนท้ายๆล่างๆให้ได้ดี ก็แน่นอน เพราะบางบริษัทมีกฏที่ว่า หากดาวน์ไลน์สายตรง (คือเราเป็นคนชวนตรงๆ) สมมติว่าเป็นระดับ lv.3 อย่างน้อยสามคนเมื่อไหร่ อัพไลน์จะได้เลื่อนขั้นอัตโนมัติ
ฉนั้น เปลืองน้ำลาย หาคนมาช่วยเยอะๆและดันไปเรื่อยๆสบายกว่า
และอีกจุดนึงที่สร้างความเข้าใจผิด คือ บางคนบอกว่า ถ้าไป lv.7 ขึ้นไป จะได้รับโบนัสพิเศษ (ทุกเดือน หรือ ทุกปี) ึคือ ยอดขายของบริษัท กี่ร้อย กี่พันล้านไม่รู้ คูณด้วย "เปอร์เซนต์ระดับทศนิยม" (XXX * 0.YYY%)/จำนวนคนใน lv. นั้นๆทั้งประเทศ...
extra: พนักงานบางคนชอบหาว่าคนไม่ร่วมธุรกิจด้วย เป็นคนอกตัญญู ไม่คิดหาเงินดูแลพ่อแม่ตอนบั้นปลายเหรอ ผม อยากถามกลับว่า กว่าคุณจะได้เงินหลักหมื่นหลักแสนต่อเดือนแบบมั่นคง คุณใช้เวลาเท่าไหร่ ต้องออกขายออกพูดเท่่าไหร่ กว่าจะทำให้พ่อแม่ดีใจตามที่คุณบอกได้ กับระหว่าง คุณทำงานไปเรื่อยๆ แล้วอยู่กับพ่อแม่ตอนเย็นๆ กินข้าวด้วยความ "สร้างความสุขเล็กๆ แต่เรื่อยๆ กับ รอสร้างทีเดียวครั้งเดียว โดยระหว่างนั้นพ่อแม่รอไปก่อนนะ"
แบบไหนน่าสนกว่าครับ
จากคุณ |
:
BossXIII
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 52 19:39:27
|
|
|
|
 |