 |
ความคิดเห็นที่ 8 |
|
<มา มา>
1. ผมว่าคุณเข้าใจถูกแล้ว ... คือ PAL NTSC SECAM เป็นระบบการ ... เข้ารหัสสัญญาณ แล้วก็ส่งออกไปทาง คลื่นพาหะ หรือเรียกว่า UHF , VHF(อันนี้คือย่านของคลื่น(ช่วงความถี่))
ทีนี้ PAL / NTSC /SECAM คืออะไร
มันคือ ... ปกติสัญญาณวิทยุ-โทรทัศน์ มันจะส่งออกมา คล้ายๆ กับเป็นข้อความเดี่ยว ยาวๆ
แล้วเราก็จะเอา ข้อความ (message) นั้นมาเรียงบนหน้าจอให้เป็นภาพที่ปรากฏ ... ซึ่ง การที่จะเรียงภาพได้ถูกต้องนั้น จะต้องทราบว่า ภาพที่เรียงมีรูปร่างยังไง แล้วจะแปลข้อความยาวๆ นั้นให้เป็นภาพได้ยังไง
ดังนั้น NTSC PAL SECAM จะเป็นตัวระบบตรงนี้
อย่างแรกที่ระบุคือ จำนวนเส่นภาพ 625 / 525 หรืออะไรก็แล้วแต่
อย่างต่อมาคือ จำนวนภาพ ต่อวินาที หรือ Frame Rate ซึ่ง ปกติ NTSC หรือ PAL จะผูกกับความถี่ไฟบ้านของประเทศนั้นๆ (เนื่องจากเป็นการง่ายในการออกแบบวงจรกรณีเป็น TV CRT ในยุคแรกๆ)
อันต่อมาคือ รูปแบบการเข้ารหัสของสี หรือเรียกว่า Color Matrix ซึ่ง อีกทั้ง ยังมีเรื่องความถี่พาหะของรหัสสี (Chrominance)
ขยายความนิดนึง
เริ่มแรก TV เป็นขาวดำ ... ซึ่งเพื่อให้ TV ขาวดำยังสามารถรับสัญญาณแหล่งเดียวกับ TV สีได้นั้น ... คนออกแบบเลยคิดถึงวิธีในการที่จะแทรกสีลงไปในภาพขาวดำ
เค้าจะใช้วิธี ให้สัญญาณขาวดำ หรือ Luminance นั้นเป็นสัญญาณพื้น แล้วเอาสัญญาณสี ซึ่งถูกกล้ำ(Modulate) กับความถี่พาหะ ซึ่งจะต่างกันตามระบบ ... เรียกว่าสัญญาณ Chrominance ซึ่ง ..สักษณะของ Chrominance จะแตกต่างกัน ตามลักษณะ ของ Color Matrix และการออกแบบ
ส่วนถามว่ามีระบบอื่นอีกมั้ย ผมคิดว่ามี ... แต่อาจจะไม่นิยม
2. จะว่าไป ...ระบบการส่งในปัจจุบัน - อดีตของเรา ใช้ ช่องสัญญาณ (Band width ) เปลืองมาก
แปลว่า ถ้าเราเอาวงจรรับสัญญาณสมัยนี้ไปใช้ เราจะสามารถมีสถานีวิทยาได้อีกเป็น 2-3 เท่าของปัจจุบัน
ปกติ ... วิทยุจะแบ่งที่ 0.5 Mhz ซึ่งมาจาก ว่า การที่เรากล้ำสัญญาณ ความถี่ 0.25 Mhz ลงไปบนสัญญาณ 104.5MHz จะได้ว่า
เมื่อเอา Sin(A) * Sin(B) = .... a* Sin(A+B) + b* Sin(A-b) +....
แปลว่า จะเท่ากับว่ามีความถี่ 104.25 -> 104.75 เกิดขึ้นมา
ทว่าความถี่เสียง(ที่หูได้ยิน)มี ช่องกว้างแค่ 20kH เท่ากับว่า เราใช้ ช่องขนาด 250kH เพื่อส่งข้อความแค่ 20kH
ดังนั้นวิทยจึงสามารถแบ่งได้ อีกมาก (สมัยก่อนที่ทำไม่ได้เพราะระบบรับยังไม่ทันสมัยเท่าตอนนี้)
อีกทั้งการส่งข้อมูลในรูปของ Digital จะใช้ ช่องน้อยกว่า ระบบอนาลอก (ในกรณีที่มีสัญญาณรบกวน)
ทีนี้ นี่คือ ส่วนนึงกรณีที่ยังไม่ไ้ด้ใช้ระบบ Digital เต็มตัว เพราะระบบ Digital จะมีการบีบอัดเข้ามาช่วย
ซึ่งคล้ายๆ Mp3 ที่สามารถอันข้อมูลลง CD ได้ในระดับ 12:1
การใช้ การบีบอัดพวก MPEG จะทำให้ ช่องสัญญาณของโทรทัศช่องหนึ่งในตอนนี้ สามารถส่งได้เป็น 10 ช่อง โดยที่คุณภาพ ไม่ต่างกัน (การบีบอัดนี้เป็นการบีบอัดแบบสุญเสีย คือ lossy Compression)
ดังนั้น Digital จึ่งสามารถส่งได้เยอะกว่า
3. อาจจะมีอยู่ เพราะ อัตรา framerate ยังมีอยู่ ระบบสีที่ต่างกันนิดๆ อาจจะมีอยู่
แต่ที่สุดคิดว่า มันคงจะไปจบที่ค่าสักค่านึงที่ยอมรับ ... อย่างค่า frame rate อาจจะยังมีความต่างกัน ถ้า ยังต้องการให้ source สามารถออกอากาศในระบบเดิมได้ (การแปลงจาก 50 ->60Hz จะไม่ค่อยดี)
แต่เรื่องสี น่าจะเปลี่ยนเป็น native RGB แต่ัระบบสีใน Digital แต่ล่ะอันก็อาจจะ เหมาะกับ ระบบสัญญาณที่ต่างกัน
สรุปว่า ถ้าระยะเวลาผ่านไปสักระยะ เรื่อง PAL-NTSC น่าจะลดความสำคัญไป
(รอผู้รู้ท่านอื่น ... หากผิดถูกประการได้ขอคำแนะนำด้วยครับ)
จากคุณ |
:
ฟหกด
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 52 00:54:56
A:124.120.225.3 X: TicketID:205742
|
|
|
|
 |