ความคิดเห็นที่ 1 แต่เมื่อพวกเรามาเรียนเป็นนักบิน ได้เข้าเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาอุตุนิยมวิทยา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ "เมฆ" ทำให้รู้ว่า "เมฆ" เป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปใกล้เลยทีเดียว ในโลกแห่ง ความจริง นักบินมักจะหลีกเลี่ยงการบิน เข้าเมฆ แม้กระทั่งเครื่องบินลำใหญ่ๆอย่างจัมโบ้(Boeing747) ยังต้องยอมเปลืองค่าน้ำมันหลบเมฆเลยครับ ทั้งนี้เนื่องจากอากาศในเมฆจะมีความแปรปรวนมาก เราจะสังเกตได้ว่า เครื่องบินจะมีอาการสั่นมากเมื่อบินเข้าก้อนเมฆ หรือที่เขาเรียกกันว่า "ตกหลุมอากาศ" นั่นแหล่ะครับ (แต่สำหรับเครื่องบินโดยสารอาการสั่นอาจจะเกิดจากสภาพอากาศอย่างอื่นด้วย เช่น Clear Air Turbulence = กระแสอากาศอลวนที่เราไม่สามารถมองเห็นครับ) จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:47:06

ความคิดเห็นที่ 2 ตามมาทำความรู้จักกับเมฆ แบบต่างๆกันดีกว่าครับ เมฆที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ จริงๆแล้วก็มีลักษณะอะไรที่ไม่ต่างจากหมอกที่เกิดเหนือพื้นดินที่เราเห็นแต่ อย่างใดครับ ต่างกันก็เพียง เมฆ จะอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่ออากาศเย็นลง ไอน้ำที่อยู่ในอากาศเริ่มอิ่มตัว เห็นเป็นละอองน้ำลอยอยู่ในอากาศ สีของก้อนเมฆจะแสดงถึงความหนาแน่นที่มากขึ้นของละอองน้ำที่ลอยตัวอยู่ ถ้ามีความหนาแน่นมากขึ้น สีก็จะเข้มขึ้นๆเรื่อยๆ จนกระทั่งดำทมิฬ และก็จะตกลงมาเป็นเม็ดน้ำฝนสู่พื้นดินนั่นเองครับ และเมฆที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้  มีการเรียกชื่อกันมากกว่า เมฆรูปช้าง ขนม หรือสิ่งก่อสร้างตามแต่จินตนาการของผู้เรียก แต่จริงๆแล้ว ชื่อหลักๆ 3 ชื่อของมันคือ "คิวมูลัส" (Cumulus) "สเตรตัส"(Stratus) และ เซอรัส (Cirrus Cloud) จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:48:15

ความคิดเห็นที่ 3 คิวมูลัส(Cumulus) เป็นชื่อของก้อนเมฆที่มีลักษณะเป็น "ก้อน" เหมือนกับรูปเมฆที่เราวาดกันตอนเด็กๆ ภาษาฝรั่งใช้ว่า "Lumpy, Billowy appearance" ฝนที่เกิดจากเมฆชนิดนี้จะมีลักษณะเม็ดใหญ่ และตกไม่ค่อยนาน จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:50:13

ความคิดเห็นที่ 4 สเตรตัส(Stratus) เป็นชื่อของก้อนเมฆที่มีลักษณะเป็นแผ่นๆ แผ่กระจายไปเต็มฟ้า ฝรั่งจะใช้ว่า "Uniform, Sheet-like appearance" ฝนที่เกิดจากเมฆชนิดนี้จะเป็นฝนเม็ดเล็กๆ แต่จะตกต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:51:51

ความคิดเห็นที่ 5 เซอรัส (Cirrus Cloud) เป็นชื่อของก้อนเมฆที่มีลักษณะสวยงามมากๆครับ เพราะมีสีขาวเจิดจ้า แสงอาทิตย์สามารถส่องผ่านได้อย่างดี มีหลาย ๆ รูปทรง เช่น เป็นฝอย คล้ายขนนก เป็นริ้วๆบางๆ หรือเป็นทางยาวครับ จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:53:21

ความคิดเห็นที่ 6 นอกจากแบ่งเป็นสามลักษณะใหญ่ๆแล้ว นักอุตุนิยมวิทยาเค้าจะมีการเติมคำนำหน้า และตามหลังเพื่อบ่งบอกระดับความสูง และคุณสมบัติของมันด้วยครับ เมฆระดับสูงมักจะเติมคำว่า "Cirro-" เช่น Cirrocumulus ส่วนเมฆระดับกลางจะเติมคำว่า "Alto-" เช่น Altostratus แต่ระดับล่างจะไม่มีการเติมครับ สำหรับการเรียกชื่อของเมฆนั้น มีการผสมกันเยอะแยะไปหมดมีมากกว่าจะอธิบายให้ละเอียด เช่น Stratocumulus ผสมชื่อหลักๆ สองชื่อกันเสียอย่างนั้น  หรือถ้าเติมคำว่า "Nimbo-" เข้าไป เมฆนั้นก็จะบ่งบอกว่าเป็นเมฆฝนครับ เช่น Nimbostratus มาถึงผู้ร้ายของงานนี้กันเลยดีกว่านะครับ เมฆที่อันตรายที่สุดชื่อ "คิวมูโลนิมบัส" (Cumulonimbus) ครับ หรือที่ภาษาคนบินอย่างเราๆเรียกว่า "CB" ครับ เมื่อแปลความหมายตามชื่อ จะเห็นได้ว่าเป็นเมฆฝนระดับล่างที่เป็นก้อนใช่ไหมครับ นั่นเป็นคำตอบที่ถูกต้องส่วนนึงเองนะครับ จริงๆแล้วเมฆชนิดนี้เป็นเมฆที่ก่อตัวในแนวตั้งจึงมีความสูงตั้งแต่ระดับล่าง ซึ่งอาจจะสูงไปถึงระดับที่บนที่สุด(สูงกว่าระดับที่เครื่องบินโดยสารบินเสีย อีกนะครับ) เมฆชนิดนี้มีอันตรายต่อการบินมากเพราะข้างในมีอากาศแปรปรวนมากๆ นักบินจึงไม่ควรเข้าไปใกล้ ผมย้ำเลยนะครับว่าไม่ควรเข้าไปใกล้   เมฆแบบนี้ทำเครื่องบินตกมานักต่อนักแล้ว นอกจากจะเจอความปั่นป่วนของลมและเม็ดฝนแล้ว เผลอๆยังเจอลูกเห็บอีกด้วยนะครับ สมัยเรียนบินคุณครูการบินของผม เคยบอกไว้ว่ามันสามารถดีดลูกเห็บออกมาจากกลุ่มเมฆได้ด้วยรัศมีที่เป็นกิโล เลยครับ จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:53:56

ความคิดเห็นที่ 7 อิอิ มาแอบ ปาด เงียบๆๆ จากคุณ : หงษ์สู้เว้ย เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 15:32:45

ความคิดเห็นที่ 8 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 15:35:23

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเองเคยมีประสบการณ์เข้าเมฆมาบ้างครับ แต่ครั้งที่สร้างความตื่นเต้นของผมครั้งหนึ่งคือ สมัยเป็นศิษย์การบิน ตอนผมบินกลับมาจากชุมพรกับครู ช่วงนั้นมีเมฆมากมายเหลือเกิน มองไปทางไหนก็ขาวโพลนไปหมด ครูของผมก็เลยสอนว่า อย่างไรเสีย เราก็ต้องออกไปจากกลุ่มเมฆพวกนี้ให้เร็วที่สุด แต่ที่ไหนได้ไม่ยอมออกสักทีครับ รอบตัวมีแต่เมฆขาวโพลนจนมองไม่เห็นอย่างอื่นเลย จะลดระดับลงไปก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าพอลงไปแล้วจะเจอกับภูเขาหรือเปล่า ครูเลยให้ผม ลองเลี้ยวออกไปทิศที่เข้าหาอ่าวไทยเผื่อว่าจะออกได้เร็วขึ้น(ช่วงนั้นเมฆไม่ค่อยก่อตัวเหนือทะเล) ระหว่างรอพ้นแนวเมฆผมลุ้นอยู่ตลอดเวลาเหงื่อไหลเต็มมือเลยครับ แต่ก็ยังไม่วายที่จะโดน Down Draft กระแสอากาศกดเครื่องลง ในขณะนั้น ครูของผมเป็นคนบินครับ โดยให้ผมช่วยมอง...แต่สิ่งที่ผมมองเห็นสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผมไม่น้อยครับ เพราะเครื่องวัดความสูง ชี้ความสูงที่เครื่องเราอยู่ลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ไปเกือบพันฟุตเลยทีเดียวครับ แต่ครูก็บอกว่าไม่ต้องตกใจ... อีกไม่นานนักพอผมเห็นพื้นทะเลจางๆ ผมดีใจมากๆเลยครับ "รอดตายแล้ว...." ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เมฆ กับผม ไม่อยู่ใกล้กันอีกเลยครับ ถ้าไม่จำเป็น เมฆมีความสวยงามตามธรรมชาติของมันนะครับ แต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตรายที่เราคาดไม่ถึง เป็นยังไงกันบ้างครับ กับอีกมุมหนึ่งของเมฆที่เราไม่เคยรู้! จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 15:56:59

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อยอดจากคุณ "คุณหมีอ้วน" นะครับ ผมนำเอาภาพเมฆแปลกๆ 10 แบบที่ได้จาก fw mail มาให้ดูกันนะครับ เริ่มจากอันดับ 10เลยล่ะกัน เมฆกลุ่มนี้คือจะเป็นพุ่มๆ เหมือนแมงกะพรุนครับ เกิดจากลมที่ชื้นๆ จากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มาเจอกับอากาศแห้งๆ ฮือๆๆๆ โพสท์รูปไม่ได้อ่า่ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 17:44:47 จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 17:39:15

ความคิดเห็นที่ 11 ได้ความรู้ในอีกมุมมอง จากคุณ : DR บ๊อง เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18:13:09

ความคิดเห็นที่ 12 คห.11 รอคุณCMNut มาโพสอยู่อ่ะค่า จากคุณ : ลูกเจี๊ยบแอบบิน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18:24:48

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบถ่ายรูปเมฆค่ะ อยู่บนฟ้าก็ถ่ายพื้นดิน จากคุณ : Komi (komi_to) เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 19:24:16

ความคิดเห็นที่ 14 อยู่พื้นดิน ก็ถ่ายบนฟ้า จากคุณ : Komi (komi_to) เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 19:26:45

ความคิดเห็นที่ 15 คิดถึงเวลาเครื่องบินบินเข้ากลุ่มเมฆ เครื่องสั่นจริงๆ แอบดู cabin crew เห็นปกติอยู่ ก็ใจชื้นหน่อย นั่งเครื่องนี่จะรอประโยคเดียวเท่านั้น Cabin crew prepare for landing ! จากคุณ : Komi (komi_to) เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 19:38:52

ความคิดเห็นที่ 16 10 Altocumulus เมฆกลุ่มนี้คือจะเป็นพุ่มๆเหมือนแมงกะพรุนครับ เกิดจากลมที่ชื้นๆจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มาเจอกับอากาศแห้งๆ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 20:50:21

ความคิดเห็นที่ 17 มาแล้วครับ ขอโทษที่ให้้รอ งั้นมาต่ออันดับที่ 9 เลยล่ะกัน 9 Nacreous เมฆ นี้เรียกได้ว่าเป็นไข่มุกแห่งเมฆาเลยทีเดียว เพราะสีนวลตาและหลากสี ทำให้เพลินตาดี ซึ่งจะพบได้ที่แถบใกล้ๆขั้วโลก เช่นสแกนดิเนเวียตอนช่วงหน้าหนาว เวลาเย็นๆที่แสงอาทิตย์ส่องผ่าน เป็นเวลา2ชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะเห็นแบบนี้ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 20:51:40

ความคิดเห็นที่ 18 8 Mammatus Clouds เมฆ ลักษณะแบบเป็นกระเปาะยื่นลงมา คนทั่วไปมักจะนึกว่าเดี๋ยวจะมีพายุเข้ามารึเปล่าหว่า จริงๆแล้ว เมฆนีไม่ใช่สัญญาณเตือนอันตรายแต่อย่างใด แต่มักเกิดขึ้นหลังจากที่พายุทอร์นาโดพ้นผ่านไปแล้วต่างหากล่ะ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 20:54:04

ความคิดเห็นที่ 19 7 Mushroom Clouds เมฆนี้อาจจะเคยเห็นกันบ่อยในหนังแนวนิวเคลียร์ล้างโลก และเมฆแบบนี้คงไม่ใช่อะไรที่จะดีเท่าไหร่ เพราะมันเกิดจากการระเบิดอย่างแรง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับระเบิดนิวเคลียร์ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 20:59:15 จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 20:57:49

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ Komi และ คุณ CMNut ชอบมากๆครับ สวยดีทุกรูปเลย จากคุณ : คุณหมีอ้วน เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:15:25

ความคิดเห็นที่ 21 6 Noctilucent Clouds เมฆ ตามชื่อ คือ เกิดขึ้นในช่วงกลางคืนแต่เรืองแสง ซึ่งเกิดที่บริเวณแถวๆใกล้ๆขั้วโลกโดยแสงอาทิตย์ จากอีกฟากส่องมาปะทะกับเมฆ จึงเห็นเหมือนกับเรืองแสงได้ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:29:43

ความคิดเห็นที่ 22 5 Cirrus Kelvin-Helmholtz เป็น เมฆม้วนเป็นเกลียว โอกาสเกิดขึ้นยากมาก และเกิดขึ้นเป็นเวลา 2-3นาที แล้วจากนั้นก็เละ เรียกว่า เป็นความบังเอิ๊ญบังเอิญจริงๆ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:30:41

ความคิดเห็นที่ 23 4. Lenticula Clouds เกิดจากหลยองค์ประกอบ ทั้งลมและความชื้น ทำให้รวมกลุ่มกลายเป็นเลนส์ได้(แต่บางครั้งก็เหมือนUFOนะ หรือว่า.....!?????) จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:31:33

ความคิดเห็นที่ 24 3. Roll Clouds ออกตัวไก่อนเลยนะครับ นี่ไม่ใช้รูปโฆษณาหนัง 2012 นะครับ นี่คือเมฆครับ เมฆจริงๆ เป็น เมฆฝนถึงขั้นที่จะเกิดพายุ แต่เป็นเมฆก้อนใหญ่บวกกับความดันอากาศ ความร้อนและเย็น ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเมฆเป็นการม้วน เลยดูเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:33:17

ความคิดเห็นที่ 25 2. Shelf Clouds ลักษณะ คล้ายๆกับอันดับ 2 แต่อันนี้ไม่ได้เป็นการม้วน แต่เป็นชั้นๆเหมือนที่กำบัง (บ้างก็ว่าเหมือนลิ้นชัก) และจะมาเป็นแนวตั้ง นอกจากนี้มันยังคล้อยตัวต่ำจนน่ากลัว และเขาบอกว่าถ้าเข้าไปอยู่ในนั้นนี่ อย่างกับในหนังเลยครับ พยาุกระหน่ำรวมทั้งอุณหภูมิที่ร้อนมากๆและการหมุนของพายุที่น่าสะพรึงกลัว จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:34:06

ความคิดเห็นที่ 26 และอันดับหนึ่งของเรามีชื่อว่า่ "Stratocumulus Clouds" เมฆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ยาก ลักษณะมันก็เหมือนกับเอาดินน้ำมันมานวดๆๆๆๆๆๆ เลยออกมาเป็นเส้นยาวๆ และเผอิญว่าเส้นยาวๆจะแบ่งเป็นช่วงๆซะด้วย ทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของการเกาะกลุ่ม จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:36:04

ความคิดเห็นที่ 27 จบแล้วครับซีรี่ย์เมฆแปลก นำจาก fw mail มาให้ชมกัน ขอโทษที่ให้รอครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : CMNut เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:38:11

ความคิดเห็นที่ 28 ว้าวว กระทู้ดี มีคีย์เวิร์ดให้ไปถามอากู๋ต่อด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : จิ้งจกเก้าหาง เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 22:06:51

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องเมฆ เคยขึ้นกระทู้แนะนำครั้งนึงแล้วนี่ แต่ยังไงก็ัยังดูสวยงามอยู่เสมอ  ^^ จากคุณ : gidd009 เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 00:46:21