ความคิดเห็นที่ 2 พร้อมรบ รับมือหุ่นยนต์ปฏิวัติ How to survive a robot uprising ผู้เขียน Danial H. Wilson ผู้แปล นพดล เวชสวัสดิ์ 2549 สำนักพิมพ์มติชน หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์พล็อตโหล หรือหนังสือวิชาการเนื้อหาหนักสมอง แต่เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์อ่านง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจวิทยาศาสตร์ในระดับเบาถึงปานกลาง เนื้อหาว่าด้วยจะเกิดอะไรขึ้นหากในอนาคต หุ่นยนต์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่รับใช้กลับลุกขึ้นมาต่อกร มนุษย์เราจะเป็นอย่างไร จะมีหนทางรอดหรือไม่และจะรับมือกับหุ่นยนต์ได้อย่างไร ผู้เขียนแบ่งเนื้อตาออกเป็นตอนสั้นๆ แต่ละตอนกล่าวถึงหุ่นยนต์แต่ละรูปแบบที่มีการวิจัย ประดิษฐ์คิดค้นในปัจจุบัน รวมถึงมีแนวโน้มถูกนำมาใช้จริงในอนาคต จากนั้นจึงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากหุ่นเหล่านั้นมีการปฏิวัติ และวิธีการป้องกัน เอาตัวรอด เตรียมพร้อม ต่อสู้รบกับหุ่นยนต์แต่ละจำพวก ผู้อ่านจะได้รู้จักกับหุ่นยนต์หลากหลายชนิด (โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรม ไฟฟ้าใดทั้งสิ้น) ทั้งหุ่นยนต์หน้ามนุษย์ หุ่นแอนดรอยด์ ยานไร้ผู้ขับขี่ หุ่นยนต์แมลง หุ่นยนต์โมดูล (แบบเดียวกับ T-1000 Terminator) บ้านชาญฉลาด ปัญญาประดิษฐ์ หรือกระทั่งหุ่นยนต์ขนาดยักษ์แบบทรานส์ฟอร์เมอร์! โดยรวมถือว่าเป็นหนังสือวิทยาศาสตร์อ่านสนุกครับ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: - *ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: *มีห้าระดับ 1-5 ง่าย-ยาก ทั้งนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของจขกท.เท่านั้น ไม่ใช่เกณฑ์มาตรฐาน จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:04:46

ความคิดเห็นที่ 3 ประวัติย่อของหลุมดำ Black holes and time warps ผู้เขียน Kip S. Thorne ผู้แปล รศ.ดนัย วิโรจน์อุไรเรือง 2551 สำนักพิมพ์มติชน Kip S. Thorne เป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ผู้มีประสบการณ์ศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์มายาวนานกว่า 30 ปีร่วมสมัยเดียวกับ Stephen Hawkins ผู้ก่อกำเนิดทฤษฎีหลุมดำ จากประสบการณ์ศึกษาดังกล่าว ศ.คิฟได้นำเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับหลุมดำมาเรียบเรียงเป็นรูปเล่มอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนกล่าวได้ว่าไม่มีหนังสือวิทยาศาสตร์สำหรับบุคคลทั่วไป (ซึ่งไม่ใช่ textbook อันเขียนด้วยภาษาวิชาการน่าเบื่อ เต็มไปด้วยสมการอ่านไม่รู้เรื่อง และไร้การยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม) เล่มใดอธิบายเกี่ยวกับหลุมดำได้ดีเท่านี้อีกแล้วครับ ศ.คิฟก็เหมือนกับศาสตราจารย์ชั้นนำของโลกคนอื่นๆคือเป็นคนขี้เล่นและจินตนาการสูงส่ง หนังสือเล่มนี้ในบทแรกๆจึงคล้ายนิยายวิทยาศาสตร์ว่าด้วยนักบินอวกาศที่เดินทางไปสำรวจหลุมดำ ศ.คิฟบรรยายถึงชะตากรรมของพวกเขาบนยานอวกาศที่สามารถเร่งความเร็วได้เท่าความเร็วแสง สวมชุดอวกาศที่ทนแรงกดดันมหาศาล อะไรจะเกิดขึ้นกับนักบินอวกาศ หลุมดำที่นักบินอวกาศเห็นมีสภาพเป็นอย่างไร ขอบฟ้าเหตุการณ์มีหน้าตาเป็นอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาลงไปเหยียบบนขอบฟ้าเหตุการณ์! เป็นอารัมภบทที่ดี แต่บทต่อไปจากนี้นั้นถึงขั้นสยองขวัญ ด้วยเนื้อหาที่อ่านยากมากหากไม่มีความรู้พื้นฐาน ถึงแม้จะมีการยกตัวอย่างหรือรูปภาพประกอบก็อาจต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะเข้าใจ การยุบตัวของหลุมดำ มวลของหลุมดำ การค้นหาหลุมดำ ความโค้งและมิติที่พับซ้อนซ่อนอยู่ในจักรวาล การระเหยของหลุมดำ ความลี้ลับของหลุมดำ รูหนอนและทฤษฎีย้อนเวลา เนื้อหาเหล่านี้อ่านแล้วเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในหลุมดำจริงๆ สรุปคือ หากไม่มั่นใจความรู้ตัวเองว่าแน่น อย่าคิดแตะเล่มนี้เป็นอันขาด ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ขั้นสูง (ระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไป) ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:06:26

ความคิดเห็นที่ 4 ทอถักจักรวาล The fabric of cosmos ผู้เขียน Brian Green ผู้แปล ดร.อรรถกฤต ฉัตรภูติ 2551 สำนักพิมพ์มติชน ผู้เขียน The fabric of cosmos เป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์ แต่ได้ยินแล้วอย่าเพิ่งแขยงเหมือนตอนได้ทดลองหยิบ ประวัติย่อของหลุมดำ ขึ้นมาอ่าน อย่างน้อยเล่มนี้ก็ยังอ่านกว่า(มั้ง)ครับ ทอถักจักรวาลเป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่อธิบายแนวคิด ทฤษฎีต่างๆที่อธิบายการกำเนิด การดำรงอยู่และจุดหมายปลายของจักรวาลที่เราทุกคนอยู่อาศัย ด้วยทฤษฎีที่เป็นยอมรับในปัจจุบัน (แน่นอนครับว่าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงควอนตัมฟิสิกส์และทฤษฎีสัมพัทธภาพได้เลย) รวมถึงแนวคิดเชิงอภิปรัชญาซึ่งปัจจุบันถูกผูกติดกับจักรวาลวิทยาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อพยายามอธิบายภาพจักรวาลที่ “จริงแท้” ที่สุดไม่เพียงแต่ในสายตาของเรา แต่ในระดับสากลจักรวาล จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ มีการเปรียบเทียบแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตที่มีอิทธิพลต่อภาพจักรวาลในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น บอร์ นิวตัน ไอน์สไตน์ ไลบนิตช์ โชรดิงเกอร์ ฯลฯ บุคคลในหน้าประวัติศาสตร์เดินเรียงหน้าออกมาอธิบายจักรวาลเป็นฉากๆตามแนวคิดของตนเอง (ใครอยากรู้ว่าไอน์สไตน์ “ดื้อแพ่ง” ไม่ยอมรับทฤษฎีควอนตัมขนาดไหน ลองอ่านได้ในเล่มนี้ครับ) และยกตัวอย่างการทดลองที่มีชื่อเสียงต่างๆมากมาย การทดลองที่ไขปริศนาของจักรวาล การทดลองที่ทำให้คุณทึ่งว่าจักรวาลนั้นประหลาดจริงและเกินยิ่งกว่าที่คุณจินตนาการ เช่น ความพัวพันเชิงควอนตัม (Quantum entanglement) การย้อนเวลาและการทำนายอนาคตล่วงหน้าในระดับควอนตัม นอกจากการถกเถียงระหว่างนักวิทยาศาสตร์และตัวอย่างการทดลองแล้ว บางบทที่เข้าใจยาก ศ.กรีนก็ยังยกตัวอย่างด้วยจินตนาการสุดบรรเจิด บทที่ผมชอบมากคือ ทฤษฎีการย้อนเวลาโดยใช้รูหนอนซึ่งศ.กรีนใช้สองพี่น้องสุดแสบซิมป์สันเป็นตัวอย่าง (ผมได้นำตัวอย่างดังกล่าวมาดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่น Mr.Fusion&คุณ แก่ม แก้มในกระทู้ TIME MACHINE ) โดยรวมแล้วเป็นหนังสือแนวจักรวาลวิทยาที่ดี แต่ก็ต้องการความรู้พื้นฐานระดับหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากการทดลองทางควอนตัมบางการทดลองนั้นอ่านแล้วชวนงงจริงๆ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ขั้นสูง (ระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไป) ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: 1/2 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:07:20

ความคิดเห็นที่ 5 ตามรอยกำเนิดมนุษย์ ผู้เขียน: ดร. ธนิก เลิศชาญฤทธิ์ 2550 สำนักพิมพ์สารคดี หนังสือแนวกำเนิดมนุษยชาติสำหรับผู้สนใจวิทยาศาสตร์ทั่วไป (แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ) เล่มนี้คงไม่มีความเห็นอะไรมากนักครับ เพราะเนื้อหาก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา ใช้เป็นหนังสืออ้างอิงในการศึกษาระดับมัธยม-มหาวิทยาลัยก็ดี เป็นหนังสืออ่านก็ดี ผู้เขียนแบ่งเนื้อหาออกเป็นสองบทคือ 1.มนุษย์คือใคร ซึ่งอธิบายภาพรวมของมนุษย์เชิงชีววิทยา ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับไพรเมทอื่นในโลกนี้ และเราต่างจากมันอย่างไร ทำไมเราจึงเจริญเป็นมนุษย์ขณะที่มันเป็นสัตว์ 2.มนุษย์มาจากไหน ซึ่งอธิบายวิวัฒนาการของมนุษย์อย่างเป็นลำดับขั้นตอน โดยการศึกษาทางโบราณคดีและบรรพชีวินวิทยา ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ชีววิทยาระดับมัธยมปลาย ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:07:54

ความคิดเห็นที่ 6 ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง A short history of nearly everything ผู้เขียน Bill Bryson ผู้แปล โตมร ศุขปรีชา/วิลาวัลย์ ฤดีศานต์ 2551 สำนักพิมพ์วงกลม หนังสือเล่มนี้เคยเป็น rare item ช่วงหนึ่งในหว้ากอ ด้วยความที่หาซื้อยากและจำนวนตีพิมพ์จำกัด ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ก็มีคุณค่าและไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ชื่อหนังสือก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวกับ ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่ว่าก็คือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา จากไกลตัวที่สุดมาใกล้ตัวที่สุด ผู้เขียนจะพาเราท่องจากจักรวาล มายังโลก เรียนรู้องค์ประกอบต่างๆของโลก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก อะตอมและหน่วยที่เล็กกว่าอะตอม สิ่งมีชีวิต และวิวัฒนาการกว่าจะมาเป็นเรา เรียกว่าอ่านเล่มเดียวได้รู้ครบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นเรา ทั้งนี้ในคำนำได้แนะนำให้ผู้อ่านอ่านไล่ลำดับไปทีละบท (แม้ว่าแต่ละบทเนื้อหาจะค่อนข้างเป็นเอกเทศ) เพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ยกเว้นจะเป็นสายวิทย์หัวแข็งที่สามารถอ่านข้ามบทได้อย่างไม่งง ผู้เขียนค่อนข้างมีอารมณ์ขัน และมีความรู้ ประสบการณ์ที่กว้างมาก ในบางบทของหนังสือนั้นคล้ายกับสารคดีที่ผู้เขียนเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน ทั้งนี้ผู้อ่านแต่ละคนอาจเข้าใจเนื้อหาได้ไม่เท่ากันขึ้นกับความรู้พื้นฐานที่มีอยู่ (เนื่องจากหนังสือมีเนื้อหาที่กว้างมากกกก) อย่างเช่นผม ยอมรับว่าอ่านบทว่าด้วยสิ่งมีชีวิตได้ฉลุยมาก แต่งงอยู่นานกับบทที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์โลกครับ จุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้คือ ด้านมืดของเหล่านักวิทยาศาสตร์ ในการค้นพบข้อเท็จจริงต่างๆทางวิทยาศาสตร์ คุณแน่ใจหรือว่ามันได้มาด้วยวิธีอันขาวสะอาด คุณแน่ใจหรือว่านักวิทยาศาสตร์ในหน้าประวัติศาสตร์ต่างล้วนเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาและเสียสละเพื่อสังคม รวมถึงคุณแน่ใจหรือว่าพวกเขาต่างมีสติสัมปัญชัญญะครบถ้วนทุกคน ใช่ครับ หนังสือเล่มนี้สอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับการทรยศหักหลัง ตุกติก การค้นพบซ้ำซ้อนกันแต่ฝ่ายหนึ่งไม่ได้รับชื่อเสียง ฯลฯ น่าสนใจมากครับ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ระดับมัธยมปลาย-มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: 1/2 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:09:15

ความคิดเห็นที่ 7 ลวดลายสีสัน มหัศจรรย์วิวัฒนาการชีวิต Endless forms most beautiful ผู้เขียน Sean B. Carroll ผู้แปล ดร.เมธนี ศรีวัฒนกุล 2552 สำนักพิมพ์มติชน โดยส่วนตัวคิดว่าหนังสือชีววิทยาดีๆที่แปลไทยนั้นหาอ่านได้ยาก (จนบัดนี้ The selfish genes ของ Richard Dawkins ก็ยังไม่แปลไทย) เมื่อเห็นหนังสือเล่มนี้จึงตัดสินใจเก็บไว้ (แต่ก็นานกว่าจะซื้อ เพราะรอเก็บตังค์) ผู้เขียนหนังสือเป็นศาสตราจารย์ด้านพันธุกรรม และศึกษาวิจัยทางด้าน developmental เป็นหลัก หนังสือเล่มนี้จึงว่าด้วยการกำเนิดชีวิต สิ่งใดเป็นตัวกำหนดสิ่งมีชีวิต ทั้งขนาด รูปร่าง หน้าที่การทำงานและลวดลายอันซับซ้อน ลวดลายบนปีกผีเสื้อหรือม้าลายนั้นมาจากไหน ตา หู จมูก ปากของเรานั้นมาได้อย่างไร คุณคงมีคำตอบในใจคือ ยีน หรือหน่วยพันธุกรรมในชีวิต แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณทึ่งในวิถีทางที่ยีนทำงาน คุณจะพบว่าในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้มีชุดคำสั่งยีนส่วนหนึ่งที่คล้ายกัน จะพบว่ายีนที่ควบคุมการสร้างแขนขาของคุณกับยีนที่สร้างระยางค์ในแมลงนั้นมีความสัมพันธ์กัน 99.9% ของลำดับพันธุกรรมในมนุษย์และชิมแพนซีเหมือนกันแต่ทำไมมันเป็นลิง เราเป็นคน คุณจะเข้าใจว่าทำไมทุกเซลล์ในร่างกายซึ่งมีลำดับพันธุกรรมเหมือนกันแต่กลับแสดงออกแตกต่างกันในแต่ละอวัยวะ และจะประหลาดใจอย่างมากว่าจากเซลล์หนึ่งเซลล์ที่เกิดจากการปฏิสนธิเจริญเติบโตเป็นมนุษย์ตัวเป็นๆหนึ่งคนได้อย่างไร โดยตัวคำนำ คำโปรย ชมหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นหนังสือชีววิทยาที่อ่านง่าย แต่อันที่จริงไม่ง่ายอย่างที่คิดแม้แต่น้อย หนังสือเล่มนี้อ่านยากครับ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความผิดผู้แต่งหรือผู้แปล (หรือความผิดผู้อ่าน) หลายๆบท หลายๆตัวอย่างประกอบพิจารณาดูแล้วมีเนื้อหาที่ไม่ยากมาก แต่การบรรยายในหนังสือกลับทำให้เข้าใจยากและชวนสับสน ศัพท์เทคนิคถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อเกินไป เป็นข้อเสียหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ที่อยากวิจารณ์ครับ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: พันธุศาสตร์และอณูชีววิทยา ระดับมหาวิทยาลัย ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:09:57

ความคิดเห็นที่ 8 ชีวิตนี้ ฟ้าลิขิต The drunkard’s walk ผู้เขียน Leonard Mlodinow ผู้แปล กฤตยา รามโกมุท/นภดล เวชสวัสดิ์ 2551 สำนักพิมพ์โพสบุ๊ค หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับความน่าจะเป็น ความน่าจะเป็น และความน่าจะเป็น ความน่าจะเป็นของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับในชีวิตเรา ความน่าจะเป็นที่เรามักจะมองข้ามไม่ให้ความสำคัญ ทั้งที่หลายๆเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับเราในระดับคอขาดบาดตาย... สำหรับผู้ที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ ศาสตร์แห่งความน่าจะเป็นนั้นเป็นเรื่องสนุก เพราะเราสามารถจินตนาการ ยกตัวอย่างมันได้ภายในใจ แต่ในขณะเดียวกันจินตนาการบางครั้งก็หลอกล่อให้เราติดกับวังวนของความน่าจะเป็นที่ผิดพลาดได้เช่นกัน (แนะนำให้อ่านอย่างยิ่ง ปริศนามอนตี้ ฮอลล์ ที่ Marylyn Vos Savant ผู้หญิงที่ไอคิวมากที่สุดในโลกทำให้บรรดานักคณิตศาสตร์ที่ ‘หมั่นไส้’ เธอหน้าแหกไปตามๆกัน ปริศนาดังกล่าวมีชื่อเสียงมาก หากคุณไม่สนใจที่จะซื้อหนังสือเล่มนี้ก็ยังสามารถ search หาอ่านได้ในอินเตอร์เนต) ผู้อ่านจะได้อ่านประวัติศาสตร์ความเป็นมาของศาสตร์ความน่าจะเป็น และความน่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องชีวิตประจำวันของเรา การพนัน (การระดมทุนเพื่อสร้างเศรษฐีเพียงหยิบมือเดียว) รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การแพทย์ กฎหมาย การวิจัยค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ และอื่นๆอีกมากมาย แนะนำว่าผู้อ่านควรมีใจรักวิชาคณิตศาสตร์ จึงจะอ่านสนุกครับ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: คณิตศาสตร์มัธยมต้น ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: ลบรูปออกนะครับ ใหญ่เว่อร์ -_-" แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 22:11:00 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:10:34

ความคิดเห็นที่ 9 มหัศจรรย์แห่งร่างกาย 1-2 Odd body 1-2 ผู้เขียน Stephen Jaun ผู้แปล โรจนา นาเจริญ หนังสือแนว Q&A (ถาม-ตอบ) เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ที่อ่านง่ายเล่มหนึ่งครับ มีทั้งหมดสองเล่ม เนื้อหาแบ่งบทตามระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ แต่ละบทประกอบชุดคำถาม-คำตอบสั้นๆที่น่าสนใจซึ่งผู้เขียนรวบรวมมาจากคนขี้สงสัยทั่วโลก บางคำถามก็คล้ายคลึงกับคำถามในหว้ากอดีๆนั่นเอง (บางครั้งผมก็อ้างอิงความรู้จากในหนังสือเล่มนี้มาตอบนะ) เป็นต้นว่า หลังปฏิสนธิในครรภ์มารดาแล้วคุณรู้สึก เห็น ได้กลิ่น หรือได้ยินอะไรเป็นครั้งแรก? เราสามารถใช้ชีวิตด้วยสมองเพียงครึ่งเดียวได้หรือไม่ เหตุใดคนส่วนใหญ่จึงถนัดขวา? หัวเราะจนขาดใจตายมีจริงหรือ? หากถูกตัดคอจะยังมีสติอยู่อีกนานเท่าใด? สีตาสองข้างต่างกันได้อย่างไร? เหตุใดคุณผู้หญิงต้องอ้าปากขณะทามาสคาร่า? นอกจากอ่านง่าย สนุกแล้ว ด้วยความที่เป็น Q&A คุณจึงไม่ถูกบังคับให้อ่านจบในรวดเดียว นอกจากนี้ แนะนำคุณพ่อคุณแม่ให้ซื้อให้ลูกอ่านเพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและความใฝ่รู้ทางวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดีครับ   ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: - ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:11:36

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องของเวลา A matter of time ผู้แปล ดร.ปิยบุตร บุรีคำ 2551 สำนักพิมพ์มติชน A matter time เป็นรวบรวมบทความซีรี่ย์เกี่ยวกับ “เวลา” ของวารสาร Scientific American ฉบับพิเศษ ซึ่งมีผู้เขียนบทความหลายคน แต่ละบทความพูดถึง “เวลา” ในแง่มุมต่างๆ ทั้งทางวิทยาศาสตร์ จักรวาลวิทยา เวลาในวัฒนธรรมต่างๆ เวลาเชิงปรัชญา เวลาทางกายภาพและจิตใจ แต่ละบทความมีเนื้อหาครอบคลุมเฉพาะประเด็นหนึ่งๆและมักไม่สรุปทิ้งท้ายอย่างชัดเจน แต่จะอ้างอิงข้อมูลให้ไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง แต่ละบทความเป็นเอกเทศแยกจากกันไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงลำดับ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ ชีววิทยา ระดับมัธยมปลาย ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: 1/2 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:14:03

ความคิดเห็นที่ 11 Mimic เลียนแบบทำไม ผู้เขียน แทนไท ประเสริฐกุล 2549 สำนักพิมพ์ Openbook คุณแทนไทเป็นนักเขียนแนวกึ่งสารคดีที่มีชื่อเสียง บทความแต่ละบทความที่เขาเขียนนั้นมีคุณภาพจัดว่าดีมาก และที่น่าชื่นชมอย่างมากคือแต่ละบทความที่คุณแทนไทเขียนจะมีการทำการบ้านมาอย่างดี มีข้อมูลอ้างอิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่น่าเอาอย่าง เนื่องจากสังเกตว่าบทความในอินเตอร์เนตสมัยนี้ชอบละเลยการอ้างอิง ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ สำหรับหนังสือเล่มนี้ก็ว่าด้วยกลไกการพรางตัว เลียนแบบสิ่งแวดล้อมของเหล่าสรรพสัตว์ เพื่อความอยู่รอดในธรรมชาติที่เต็มไปด้วยผู้ล่าและผู้แข่งขัน เราจะพบกับแมลงที่พรางเหมือนก้อนหิน ใบไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ (อันนี้เป็นระดับเบสิค) การเลียนแบบสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อผลกระโยชน์บางอย่างตั้งแต่เหตุผลง่ายๆ (หลอกให้คิดว่าแข็งแกร่ง หลอกมาเป็นเหยื่อ) ไปจนถึงระดับซับซ้อน (เพื่อการสืบพันธุ์) การเลียนแบบเผ่าพันธุ์ตนเอง การเลียนแบบเพศตรงข้าม สารพัดสารพันกลยุทธที่สรรหามาแข่งกัน แบบว่ามันจะชิงไหวพริบกันไปถึงไหน อยากรู้ต้องหามาอ่านเอง (อ้อ จำได้ว่าพริมจังก็เคยเอาตัวอย่างจากหนังสือมาตั้งเป็นกระทู้ได้แนะนำ) ส่วนตัวชอบบทส่งท้ายของคุณแทนไทที่กล่าวว่า ในสายตาของบางคน ธรรมชาติอาจจะโหดร้ายเหลือจะทน พวกสัตว์เหล่านั้นมีแต่หลอกลวงกัน ทำร้ายซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือบางคนอาจจะเห็นว่า ธรรมชาตินี้ช่างงดงามเหลือแสน ใครหนอออกแบบให้มีความเกี่ยวโยงกันทางนิเวศวิทยาได้สลับซับซ้อนเช่นนี้ คุณแทนไทชี้ให้เห็นว่า ธรรมชาติมันก็เป็นไปของมันเอง ทุกชีวิตต่างดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าจะโหดร้ายหรือฉลาดซับซ้อน งดงามนั้น เป็นเพียงมุมมองของเรา (พูดง่ายๆคือจิตปรุงแต่งไปเอง) อันที่จริงต้องอ่านสำนวนของเขาครับ จะฮากว่านี้ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ชีววิทยา ระดับมัธยมปลาย ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:14:40

ความคิดเห็นที่ 12 Parallel worlds By Michio Kaku Publisher: Penguin books เล่มนี้ยังไม่มีแปลไทยครับ แต่ผมขอนำเสนอ Parallel worlds เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ผมนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งกระทู้หลายกระทู้ บางกระทู้ก็ได้ขึ้นแนะนำ โดยส่วนตัวประทับใจเนื้อหาในหนังสือนี้มาก ศ.มิชิโอะได้นำผู้อ่านท่องไปยังความลี้ลับต่างๆในจักรวาลนี้ ตั้งแต่การถือกำเนิดจากบิ๊กแบง (สร้างจักรวาลเองก็ได้! ง่ายจัง) สภาพปัจจุบันและอนาคต จุดจบของจักรวาล จักรวาลคู่ขนาน ทฤษฎีย้อนเวลา (TIME MACHINE) สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาและอารยธรรมนอกโลก (CIVILIZATION) เนื้อหาทั้งหมดเขียนได้เข้าใจง่ายมาก (พูดตามตรงแล้ว ง่ายกว่าหนังสือจักรวาลวิทยาที่แปลไทยหลายเล่มด้านบนเสียอีก) และเรียงลำดับได้เหมาะสม แม้จะเป็นภาษาต่างประเทศแต่ก็แนะนำให้อ่านครับ สำหรับผู้ที่สนใจ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ ระดับมัธยมปลาย-มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:15:31

ความคิดเห็นที่ 13 ธรรมชาติของสรรพสิ่ง การเข้าถึงความจริงทั้งหมด บรรณาธิการ ประเวศ วะสี 2547 สำนักพิมพ์รักบ้านเกิด เล่มสุดท้ายของผมในวันนี้ (ความจริงไม่ใช่ของผม เป็นของห้องสมุดคณะที่ยืมบ่อยจนเกือบจะเป็นของตนเอง) ชื่อเหมือนหนังสือแนวปรัชญาหรือศาสนาอะไรเทือกนั้น ความจริงก็ไม่ผิด เพราะเป็นหนังสือที่มุ่งหวังอธิบายความจริงแท้ของโลกนี้ วิถีทางในการเข้าถึงความจริงนั้นผสมผสานกันระหว่างปรัชญา ศาสนา และวิทยาศาสตร์ หนังสือแบ่งออกเป็นบท แต่ละบทเขียนโดยนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย (ส่วนใหญ่เกษียณอายุราชการแล้ว) ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านอย่างลึกซึ้งได้แก่ โลกทางจิต จักรวาล สัมพัทธภาพและควอนตัม ระบบซับซ้อน ทฤษฎีโกลาหล โลกทางชีวภาพ ระบบนิเวศ มนุษย์และสังคม ปิดท้ายด้วยบูรณาการระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์ อีกนัยหนึ่ง เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ก็คล้ายคลึงกับประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง ของไบรสัน แต่มีเนื้อหาค่อนข้างวิชาการกว่า จริงจังกว่า แต่ความสนุกไม่แพ้กันครับ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ระดับมัธยมปลาย-มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:16:20

ความคิดเห็นที่ 14 ที่ผมมีอยู่ก็เท่านี้ล่ะครับ (ไม่รวมที่อ่านแต่ไม่ได้ซื้อเก็บไว้อย่างเช่น โลกจิต จักรวาลในเปลือกนัท ฯลฯ) จะรีวิวนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีอีกเป็นกระตั้กก็เกรงใจ พอดีไม่ใช่ห้องไซไฟ ชาวหว้ากอมีหนังสือวิทยาศาสตร์อะไรแนะนำกันบ้าง จะอ่านยากง่ายยังไงก็ได้ มาช่วยกันโพสหน่อยครับ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:17:07

ความคิดเห็นที่ 15 โห....  แล้วจะเหลืออะไรให้แนะนำ เอาการ์ตูนได้ไหม? ว่าแล้วพอดีมีเล่มนี้วางอยู่บนโต๊ะพอดี เรื่องจริง จานบิน ฉบับรวมหลักฐานจากภาพถ่าย โดย สำเริง สัมพันธารักษ์ พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2523 ราค 30 บาท ไม่ต้องบรรยาย สุดยอดแห่งหนังสืออยู่แล้ว คุณเคยมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนบ้างไหม? บางทีแสงประหลาดที่คุณเห็นแล่นผ่านไปบนท้องฟ้า เมื่อคืนนี้ อาจจะเป็นเครื่องบินก็ได้ แต่คราวหน้าคุณควรเพ่งดูให้ดี มันอาจจะเป็นยานอวกาศที่มาจากโลกอื่น และขับเคลื่อนโดยมนุษย์ต่างดาว! หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมภาพถ่ายของจานบินลึกลับ ไว้อย่างมากที่สุด บางทีเมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คุณอาจจะเปลี่ยนความเชื่อของคุณเกี่ยวกับจักรวาลนี้ โดยสิ้นเชิงก็ได้! จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:40:51

ความคิดเห็นที่ 16 ฮิๆ ไม่ได้พาออกทะเล แต่พาขึ้นอวกาศ เอาล่ะ กลับมายังโลกเถอะ การ์ตูนครับ ชุด Introducing กำเนิดควอนตัม ร้อยปีแห่งการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ กับสิ่งที่มนุษย์ยังไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด Joseph P. McEvoy เขียน Oscar Zarate ภาพ สุจินต์ วังสุยะ แปล พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2550 ราคา 200 บาท กำเนิดควอนตัม คือการเล่าประวัติความเป็นมาของวิทยาการนี้ ด้วยภาพบุคคลสำคัยๆ เช่น กาลิเลโอ, นิวตัน, กูรี, พลังค์, ไอน์สไตน์, โปร์, เบลล์, แอสเปค พร้อมได้อ่านสาระหลักของความรู้ทำให้ "ตำรา" เล่มนี้นอกจากจะน่าอ่านและเข้าใจง่ายแล้ว ยังทำให้ผู้อ่านเข้าใจถูกต้อง สำหรับคนที่มีความรู้กลศาสตร์ควอนตัมบ้างแล้ว หนังสือเล่มนี้จะช่วย เติมเต็มความเข้าใจและความซาบซึ้งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:51:52

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่รู้ืจะแนะนำเล่มไหนดีแหะ - -" .............................. The fabric of cosmos ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์ขั้นสูง (ระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไป) .............................. ถึงว่าละ บางตอนอ่านแล้วเครียดจริงๆ กับสมองที่ปราศจากความรู้ทางฟิสิกส์อย่างผม แต่อยากแนะนำเล่ม A short history of nearly everything เหมือนใน #6 ครับ อ่านง่าย สนุกสนานครับ จากคุณ : taechawat เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:51:53

ความคิดเห็นที่ 18 mimic กับ โลกจิต ของคุณแทนไทอ่านแล้วขำดีนะ จากคุณ : arsarn เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:52:45

ความคิดเห็นที่ 19 Seven Deadly Colours Andrew Parker 2006  Simon & Schuster ถ้าหากคุณต้องการค้นหาความอัศจรรย์ของธรรมชาติผ่านสีสันต่างๆ ที่ประดับประดาสิ่งมีชีวิตแล้วล่ะก็... Andrew Parker นักชีววิทยาทางทะเลที่จะพาคุณไปไขความอัศจรรย์ผ่านบทต่างๆ ที่เรียงร้อยตามสีสันทั้งหมด 7 บทโดยเริ่มจาก Ultraviolet, violet, ... จนถึง Red ครับ ทำไมผีเสื้อปีกไข่มลายูถึงมีปีกสีเหลือบม่วงโดดเด่นอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ผู้ล่าเป็นนกที่มีสายตาดีมาก? ทำไมงูที่มีลายส้ม-ดำ-ขาวถึงมีสีเขียวเหมือนมันเคลื่อนที่? ปลาหมึกยักษ์พรางในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างไร? และคำถามอื่นๆ ที่ Andrew Parker จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า NanoCam เพื่อศึกษาและหาคำตอบออกมา หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่ายครับ ใช้ศัพท์แสงไม่ยากนัก และมีการปูพื้นในเรื่องต่างๆ (เช่นเดียวกับหนังสือของ Sean Carroll) อย่างไรก็ตาม คุณจะพบคำว่า NanoCam บ่อยไปนิดนึง ซึ่งนั่นอาจจะทำให้คุณเกิดความรำคาญเล็กๆ ก็เป็นได้ ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ฟิสิกส์และชีววิทยา ระดับมัธยมปลายเป็นหลัก แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 22:55:00 จากคุณ : Due_n เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:53:26

ความคิดเห็นที่ 20 กำเนิดควอนตัม เล่มนี้อ่านสนุก และไม่เครียด เข้าใจง่ายดี แปลดีด้วย หลายๆ เล่มในซีรีย์นี้ ไม่รู้ว่ามัน เขียนไม่ดี หรือเปลไม่ได้เรื่องก็ไม่รู้ อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ แต่เล่มนี้ดีครับ แนะนำ ตัวอย่างหน้าการ์ตูน จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:54:47

ความคิดเห็นที่ 21 เอาคร่าวๆก่อนนะ The Collapse of Chaos จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:54:59

ความคิดเห็นที่ 22 figments of Reality จากคุณ : KL เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:55:38

ความคิดเห็นที่ 23 Thumbs, Toes, and Tears: And Other Traits That Make Us Human Chip Walter 2006   Walker & Company หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องลักษณะพิเศษที่พบเฉพาะมนุษย์ เนื้อหานั้นน่าสนใจทีเดียว หลายคนคงเคยอ่านบทความของ Chip Walter มาบ้างแล้ว (เช่นเรื่อง Affairs of the Lips: Why We Kiss ในนิตยสาร Scientific American Mind) ซึ่งผมเองรู้สึกประทับใจมากครับ เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านง่าย แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 23:05:43 จากคุณ : Due_n เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:03:31

ความคิดเห็นที่ 24 ก้าวพ้นกรอบไอน์สไตน์ beyond einstein วาระครบรอบ 1 ศตวรรษ การบุกเบิกของอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ Scientific American รอฮีม ปรามาท แปล มติชน พิมพ์ครั้งแรก มกราคม 2548 ราคา 195 บาท เป็นหนังสือฉบับพิเศษของ Sci-Am ที่เขียนถึงความรู้ที่ต่อยอดมา จากสิ่งที่ไอน์สไตน์ได้วางพื้นฐานเอาไว้ มีภาพประกอบ และบางภาพ ก็พิมพ์ 4 สีด้วย - เส้นทางสู่ทฤษฎีสรรพสิ่ง - พลังงานลึกลับที่ทำให้เอกภพขยายตัว - มิติพิเศษ อาณาจักรพหูภพ - ความเร็วแสงเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:06:42

ความคิดเห็นที่ 25 The Making of the Fittest: DNA and the Ultimate Forensic Record of Evolution Sean B. Carroll 2007  W.W. Norton & Co. เนื่องจากอ่าน Endless Forms Most Beautiful มาก่อนแล้ว (กว่าจะอ่านจบ ผมใช้เวลาไปเกือบ 5 เดือน) ทำให้ผมอยากรู้ว่าเล่มนี้ Sean Carroll จะพาเราไปทำความรู้จักกับศาสตร์ที่เรียกว่า Evo Devo ผ่านทางเรื่องน่าสนใจแตกต่างไปจากเล่มเดิมหรือไม่...  หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาคล้ายกับเล่มเก่าอยู่บ้าง แต่ก็มีเรื่องที่น่าสนใจที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้แก่ผู้อ่านอยู่เช่นเคยครับ เนื้อหาอ่านยากอยู่เหมือนกันครับ ศัพท์แสงเยอะพอสมควร แต่ก็มีคุณค่าน่าเก็บไว้เป็นเจ้าของครับ จากคุณ : Due_n เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:17:02

ความคิดเห็นที่ 26   ประวัติย่อหลุมดำนี่อ่านแล้วเหมือนโดนดูดลงหลุมดำจริงๆ มึนเป็นวัน กว่าจะอ่านจบ ก็หลายวัน แต่สุดยอดจริงๆ อ่านแล้วรู้สึกว่านักวิทยาศาสตร์คะวันตก ยังดูถูกคนอินเดีย จริงๆ อย่างจันทรสิกขา ที่หามวลวิกฤตของหลุมดำนี่ รู้สึกว่าก็รู้ๆอยู่แต่ไม่อยากยอมรับผลงานซะงั้น อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ขอแนะนำบ้าง หนังสือชื่อ แฟนพันธุ์แท้ไอสไตน์ ครับ อ่านง่ายดี จะลำดับ ตัวสัมพัทธภาพพิเศษ จนถึงการนำไปสู่สัมพัทธภาพทั่วไป กาลอวกาศโค้ง อย่างไร ปัญหา twin paradox การยืดหดของระยะทาง เวลา การแปลงลอเรนซ์ จากคุณ : mm เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:21:55 A:222.123.190.211 X: TicketID:207667

ความคิดเห็นที่ 27   เยี่ยมมากครับ จะพยายามหาอ่าน จากคุณ : i.everyday เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:29:49

ความคิดเห็นที่ 28 เคยอ่านหลายเล่มเหมือนกันนะครับ ที่เพิ่งอ่านจบไปคือ A matter of time เพราะตอนนั้น ต้องเขียน paper โต้แย้งความคิดของ Mc Taggart เลยใช้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูล อ่านแล้วสนุกดี รู้สึกเลยว่าวิทยาศาสตร์ทำให้จินตนาการบรรเจิดอะไรขนาดนี้ ก่อนโลกจะถูกทำลายล้างก็อยากมีงานหนังสือของตัวเอง มีการตีพิมพ์และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วแบบนี้บ้างจัง บรืนๆๆ~ จากคุณ : Jinx D Wednesday เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:31:53

ความคิดเห็นที่ 29 ลองเซิสจากข้อมูลในห้องสมุดของมหาลัยดู มีหลายเล่มเหมือนกันไว้จะลองไปยืมมาอ่านดู ขอบคุณครับ จากคุณ : RapidasH เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:53:37

ความคิดเห็นที่ 30 น่าจะเป็นเล่มล่าสุดของมติชนครับ ไทสัน, เนล เดอ เกรสส์ และโกลด์สมิธ, โดนัลด์. กำเนิดเอกภพ. แปลโดย บัณฑิต คงอินทร์ และศศนันท์ บุญยะวนิช. กรุงเทพมหานคร: มติชน, ๒๕๕๒. ตั้งแต่จุดกำเนิดของเอกภพ ถึง จุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิต อธิบายตามฟิสิกส์กระแสหลัก แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 00:29:02 จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:23:13

ความคิดเห็นที่ 31 Steinhardt, Paul  J. and Turok, Neil. Endless Universe : Beyond The Big Bang-Rewriting Cosmic History. New York : Random House, Inc. 2006. การใช้ทฤษฎีสตริงและทฤษฎี M ตีความกำเนิดเอกภพในรูปแบบใหม่ บิ๊กแบงไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เป็นวงรอบใหม่ของ จักรวาลแบบวงรอบ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 00:29:42 จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:26:59

ความคิดเห็นที่ 32 Hoyle, Fred., Burbidge, Geoffred and Narlikar Jayant V. A Different Approach to Cosmology : from a static universe through the Big Bang toward Reality. London : Cambridge. 2000. ข้อมูลที่แสดงถึงจุดอ่อนของทฤษฎีบิ๊กแบง นำโดย  Fred Hoyle เจ้าของทฤษฎีสภาวะคงที่ ก็น่ารับฟังดีครับ เพราะทฤษฎีบิ๊กแบง ก็มีจุดอ่อนที่ยังอธิบายไม่ได้จริงๆ เช่น พลังงานมืด สสารมืด จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:35:22

ความคิดเห็นที่ 33 บุรินทร์ อัศวพิภพ และนรพัทธ์ ศรีมโนภาษ. เจาะเซิร์น. กรุงเทพมหานคร: สารคดี, ๒๕๕๒. เราสงสัยอะไรเกี่ยวกับเซิร์น เครื่อง LHC บ้างล่ะ เล่มนี้ผมขอให้ ๕ ดาว สำหรับข้อมูลและความอ่านง่ายครับ จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:43:39

ความคิดเห็นที่ 34 แมททิวส์, โรเบิร์ต. ๒๕ ความคิดพลิกโลก. แปลโดย รศ.ดร.ชัยวัฒน์  คุประตกุล. กรุงเทพมหานคร : วี.วิชช์, ๒๕๕๑. ๒๕ ความคิด, ทฤษฎีใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา ดีครับ ที่ชอบมากคือมี time line ของศาสตร์นั้นๆ ให้มองในภาพรวมได้ จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:53:12

ความคิดเห็นที่ 35 ขอแนะนำหนังสือ โลกจิต ของคุณแทนไท ด้วยอีกเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสมองที่พวกเรายังไม่เคยรู้กันมาก่อน อ่านสนุกมากครับ จากคุณ : kidarmy เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:07:58

ความคิดเห็นที่ 36 Kaku, Michio. Einstein’s Cosmos : How Albert Einstein’s Vision Transformed Our Understanding of Space and Time. New York: W. W. Norton & company, Inc., 2004. มิชิโอะ คากุ. จักรวาลของไอน์สไตน์: วิสัยทัศน์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เปลี่ยนแปลงความเข้าใจเรื่องสเปซและเวลาอย่างไร. แปลโดย สว่าง พงศ์ศิริพัฒน์. กรุงเทพมหานคร: คบไฟ, ๒๕๕๐. หนังสือของดร.มิชิโอะ คากุ อ่านง่ายเหมือนที่จขกท.ว่าไว้จริงๆครับ สำหรับผู้สนใจน่าอ่านทุกเล่มที่แกเขียน ตอนแรกผมก็สงสัยว่าหรือจะ เป็นเพราะสำนวนแปล ผมเลยซื้อมาอ่านเทียบกันเลย ปรากฏว่าดร.มิชิโอะ เขียนง่ายจริงๆ แล้วผู้แปลก็แปลได้เนี๊ยบจริงๆ จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:08:10

ความคิดเห็นที่ 37 ชักสนุกครับ เพราะความจริงผมไม่ต้องพิมพ์อะไร มีข้อมูลเป็นบรรณานุกรมในงานของผมอยู่แล้ว ภาพก็ขอขอบคุณเว็บไซต์ต่างๆและกูเกิลครับ Kaku, Michio. and Thompson, Jennifer. Beyond Einstein : The Cosmic Quest for the Theory of the Universe. New York: Stuart Krichevsky Literary Agency, Inc., 1995. มิชิโอะ คากุ และเจนนิเฟอร์ ทอมป์สัน. เหนือมิติที่สี่ของไอน์สไตน์. แปลโดย สว่าง พงศ์ศิริพัฒน์.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: คบไฟ, ๒๕๔๘. ว่าด้วยเอกภพและทฤษฎีสตริงครับ ผมมีทั้งสองเล่มเหมือนกัน เอาไว้ศึกษาการเขียนด้วย เพราะเขียนง่ายจริงๆ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 01:19:52 จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:19:18

ความคิดเห็นที่ 38 Hawking, Stephen. A Brief History of Time. New York: Writers House Literary Agency, 1996. ฮอว์กิ้ง, สตีเฟน. ประวัติย่อของกาลเวลา. แปลโดย รอฮีม ปรามาส. กรุงเทพมหานคร : มติชน, ๒๕๕๑. ฮอว์กิ้ง, สตีเฟน. ประวัติย่อของกาลเวลา ฉบับภาพประกอบ. แปลโดย ปิยบุตร บุรีคำ และอรรถกฤต ฉัตรภูติ. กรุงเทพมหานคร : มติชน, ๒๕๕๒. หนังสือต้นแบบ popular science เนื้อหาคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่ที่น่าสนใจคือฉบับภาษาไทยครับ รุ่นแรกแปลโดย รอฮีม ปรามาท แต่ในปีนี้เอง มีฉบับแปลใหม่โดย ดร.ปิยบุตร บุรีคำ และดร.อรรถกฤต ฉัตรภูติ ผมก็สงสัยว่ามีความแตกต่างอย่างไร ก็เลยไปหาต้นฉบับมาเทียบเคียง ก็พบว่า เนื้อหาเหมือนกันครับ โดยฉบับแปลเดิม แปลได้สละสลวยมาก แต่มีแปลรวบแบบเรียบเรียงในหลายจุด แต่ฉบับแปลใหม่ คือแปลแบบ ประโยคต่อประโยค (และมีภาพสีประกอบตามต้นฉบับใหม่ ซึ่งเ้รียกว่าฉบับ The Illustrated) ครับ ก็ดีไปคนละแบบ จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:38:19

ความคิดเห็นที่ 39 รู้สึกว่าผมจะโซโลติดลมมากไปกระมังรึเปล่า เอาเป็นว่าขอลงเฉพาะชื่อหนังสือ-ผู้แต่งที่น่าสนใจไว้เพิ่มเติมนะครับ เล่มไหน จขกท.สนใจ ก็รบกวนช่วยหาภาพมาประกอบในภายหลังด้วย ก็แล้วกันครับ   เคลก คาลเลนเดอร์. ปริศนากาลเวลา. แปลโดย สุจินต์ วังสุยะ. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิเด็ก, ๒๕๕๑. ชัยวัฒน์ คุประตกุล. ปริศนาจักรวาลพิศวง. กรุงเทพมหานคร: สารคดี, ๒๕๕๐. โทนี เฮย์ และ แพทริก วอลเตอร์ส. ควอนตัมจักรวาลใหม่. แปลโดย ดร.พิเชษฐ กิจธารา. กรุงเทพมหานคร : มติชน, ๒๕๕๑. ไพรัช ธัชยพงษ์. ไอน์สไตน์ หลุมดำ และบิกแบง. กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, ๒๕๔๙. เฟลิกส์ พิรานี. ประวัติเอกภพ. แปลโดย สุจินต์ วังสุยะ และ มณีเนตร เวชกามา. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิเด็ก, ๒๕๔๘. ไมค์ โกลด์สมิท. แอลเบิร์ตไอน์สไตน์ กับจักรวาลยืดหด. แปลโดย พลอย โจนส์. กรุงเทพมหานคร : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, ๒๕๔๘. รอฮีม ปรามาท. เอกภพ สรรพสิ่ง และมนุษยชาติ. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพมหานคร: เซเว่น พริ้นติ้ง กรุ๊ป, ๒๕๔๙. ศักดา ศิริพันธุ์(ศาสตราจารย์). แกะรอยไอน์สไตน์ 1 : ชีวิต ผลงาน และความสำเร็จ. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์, ๒๕๔๘. ศักดา ศิริพันธุ์(ศาสตราจารย์). แกะรอยไอน์สไตน์ 2 : ชีวิต ผลงานด้านวิทยาศาสตร์  สังคมและการเมือง. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์, ๒๕๔๙. ฮอว์กิ้ง, สตีเฟน. ประวัติย่นย่อของกาลเวลา. แปลโดย รอฮีม ปรามาส. กรุงเทพมหานคร : มติชน, ๒๕๔๙. ฮอว์กิ้ง, สตีเฟน . จักรวาลในเปลือกนัท. แปลโดย รศ.ดร.ชัยวัฒน์  คุประตกุล. กรุงเทพมหานคร :เบียร์ พับลิชชิ่ง, ๒๕๔๖. จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:47:10

ความคิดเห็นที่ 40 ชวนอ่านการ์ตูน/ดูภาพยนต์แทนได้ไหม? ถ้าไม่เหมาะสมกดลบเลยค่ะ เป็นการ์ตูนที่ค่อนข้างเก่า และเนื้อหาหนักพอสมควร มีทั้ง manga และ animation ผู้เขียน Katsuhiro Otomo http://en.wikipedia.org/wiki/Akira_(manga) แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 03:55:56 จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 03:41:30

ความคิดเห็นที่ 41 สั้นๆ ทั้งเรื่อง akira และ ghost in the shell (ซีรี่ย์) เหมาะสำหรับคนที่ชอบ matrix มีทั้ง manga/animation เนื้อหาค่อนข้างหนักและซับซ้อน+อิงปรัชญา รวมถึงมีความรุนแรงสูง จึงไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีค่ะ เวลาดูต้องใช้สมาธิค่อนข้างมาก แนะนำว่าหาหนังสือมาอ่านประกอบด้วยจะช่วยให้เข้าใจเรื่องได้มากขึ้น http://en.wikipedia.org/wiki/Ghost_in_the_shell "The Wachowski brothers, makers of the The Matrix trilogy, have commented on the influence of the first Ghost in the Shell film, directed by Mamoru Oshii, on The Matrix.[4] Producer Joel Silver also stated in an interview on the The Animatrix DVD that he was shown the Ghost in the Shell movie during a pitch from the Wachowski brothers to indicate the style and look of the film they wanted for The Matrix." แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 04:10:25 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 03:58:51 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 03:50:57 จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 03:41:52

ความคิดเห็นที่ 42 ขาดอันนี้ไม่ได้ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 03:42:19

ความคิดเห็นที่ 43 เยี่ยมยอดมากๆ ขอเก็บไว้เลยครับกระทู้นี้ กำลังเป็นสิ่งที่ต้องการ จากคุณ : monixe เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:10:23

ความคิดเห็นที่ 44 ลืม "ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" อันลือลั่นไปได้อย่างไร แนะนำให้อ่าน ... เพื่อให้รู้ว่า ถ้าคนเราจะเพี้ยน .. เพี้ยนได้แค่ไหน ยิ่งถ้าใครอ่าน โดยไม่เคยอ่านคำวิเคราะห์ วิจารณ์ จากหว้ากอมาก่อน แล้วสามารถจับประเด็นความเพี้ยนได้ถูกต้องชัดเจน ... ความสามารถในการวิเคราะห์ จะก้าวขึ้นอีกระดับหนึ่ง ไม่เหมาะกับคนที่อ่านแล้วเชื่อ โดยไม่คิด วิเคราะห์ หรือ หาข้อมูลเพิ่มเติม จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 07:19:35

ความคิดเห็นที่ 45 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 07:25:53

ความคิดเห็นที่ 46 เอกภพ เพื่อความเข้าใจในธรรมชาติของจักรวาล ผู้แต่ง: วิภู รุโจปการ สำนักพิมพ์/จัดจำหน่าย : นานมี จากคุณ : ?? (MADAM MARTIN) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 07:27:20

ความคิดเห็นที่ 47 #46 น่าอ่านมากครับ เป็นหนังสือที่เข้าใจง่ายและมีรายละเอียดครบถ้วน จากคุณ : แอลอีดีสีเขียว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:03:25

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ^^ จากคุณ : *คุณวรมัน* เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:31:03

ความคิดเห็นที่ 49 อืม.. อยากมีเวลาตามอ่านให้ได้ครบทุกเล่ม   จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:01:40

ความคิดเห็นที่ 50   ตอบความคิดเห็นที่ 38 เข้าใจว่าที่ต้องหาคนแปลใหม่ เพราะการแปลรุ่นแรกแม้ว่าจะสำนวนการแปลดี แต่มีแปลผิดพลาด ผิดความหมายทางฟิสิกส์ และทำให้สื่อความเข้าใจที่ผิดพลาดอยู่หลายจุด จนมีผู้ร้องเรียนเข้าไปทางมติชนเยอะมาก ทางสำนักพิมพ์เลยต้องหานักฟิสิกส์จริงๆ มาช่วยแปลให้ใหม่ครับ เพื่อลดข้อผิดพลาดลง เพราะหนังสือวิทยาศษสตร์ ความถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำนวนภาษาสำคัญรองลงมา จากคุณ : ผ่านมาเห็นพอดี เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:15:30 A:161.200.255.162 X: TicketID:191544

ความคิดเห็นที่ 51 #44 อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวมีกระทู้ประหลาดๆเพิ่มขึ้น -*- คนไม่เคยอ่านกองข้างบนมาก่อน ไม่เคยเรียนฟิสิกส์ลึกๆ จับผิดเล่มนั้นนี่ไม่ง่ายนะ อ่านแล้วหลายเล่ม ได้ลิสต์ที่จะไปตามอ่านเพิ่มหลายเล่ม ขอบคุณคร้าบ(ไม่มีมาแชร์ เพราะที่จะแชร์มันก็ไปอยู่ข้างบนหมดแล้ว -*-) จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:19:03

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณ จขกท มากนะคะที่ตั้งกระทู้ดีๆ แบบนี้ อยากให้กิฟ แต่หมดไปซะแล้ว T-T ขออนุญาตแนะนำบ้างค่ะ 1. The Elegant Universe: Brian Greene ถ้าชอบ Brian Greene จาก Fabric of Universe The Elegant Universe ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ อ่านง่าย สนุก ที่สำคัญคือภาษาสวยมากๆ โดนใจเราซึ่งเรียนแนว Lit Crit ปนๆ กับ Cultural Studies และ Economics เอามากๆ เนื้อหาหลักๆ ก็เกี่ยวกับ String Theory เหมือนกับ อีกหลายๆ เล่มของ Greene ค่ะ จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:20:53

ความคิดเห็นที่ 53 2 อีกเล่มที่น่าสนใจ อันนี้จะออกแนว Natural Sciences หน่อย ก็คือ Winter World: The Ingenuity of Animal Survival ของ Bernd Heinrich เล่มนี้เนื้อหาตรงไปตรงมา เกี่ยวกับการจำศีล และเอาตัวรอด ของสัตว์ป่าต่างๆ ในฤุดูหนาวของ Vermont ผู้เขียนใช้ภาษาที่อ่านง่าย น่ารัก เห็นภาพชัดเจนมากมาย จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าตัวตุ่น กระต่ายป่า และสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ทั้งหลายดำรงชีวิตอยู่ในป่าหน้าหนาว ที่หิมะท่วมสูง ได้อย่างไร โดยไม่มีฮีทเตอร์ น้ำร้อน และฝาผนังบ้านอุ่นๆ จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:27:40

ความคิดเห็นที่ 54 ตอนนี้ผู้เขียน Winter World ก็ออกหนังสือเล่มใหม่ มาอีกเล่มหนึ่งแล้วค่ะ ชื่อน่ารักไม่แพ้กันว่า Summer World: A Season of Bounty แต่ยังเป็นปกแข็งอยู่ paperback ยังไม่ออก เราเลยยังไม่ได้ซื้อมาอ่าน ^^'' จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:29:24

ความคิดเห็นที่ 55 ฉันว่า ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง มันอ่านยากอ่ะ แบบคำที่เค้าพูดบาง อันมัน..... แต่ก็ดีค่ะอ่านอะไรก็เพิ่มความรู้ ^^ ที่งานหนัง สือที่ มธ มีค่ะ ลดราคา 20% ด้วย จากคุณ : หมวย (arifree) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:30:15

ความคิดเห็นที่ 56 3 เล่มนี้เราชอบมาก เพราะแปลกดี จะว่าเพี้ยนหน่อยๆ ก็ได้ Reinventing the Sacred: A New View of Science, Reason, and Religion ของ Stuart Kauffman Kauffman ประกาศตนว่าเค้าเป็น Complexity Theorist ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพวก Reductionist และในหนังสือเล่มนี้ ผู้แต่งได้แนะนำ Concept และ model เกี่ยวกับ God ในสายตาของผู้แต่ง ซึ่ง God ในที่นี้มิได้เป็น transcendental or supernatural One แต่ว่าเป็นสิ่งที่ผู้แต่งเรียกว่า natural creativity ในจักรวาล Kauffman พยายามเสนอว่าจักรวาลนี้ซับซ้อนและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ วิทยาศาสตร์ปัจจุบันจะครอบคลุมได้ เพราะวิทย์ปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นมาจาก reductionist assumption ............ Provocative มากค่ะเล่มนี้ แนะนำๆ *แก้ไขที่พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 09:42:08 จากคุณ : chaucerian reader เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:39:19

ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อคืนไม่ได้ online มัวแต่อ่าน rainbow six ของ clancy (มันส์เป็นบ้า กว่าจะได้นอน ตี 4) ไม่งั้นคงได้มาแจมกระทู้นี้แต่เนิ่น ๆ ตอนนี้จะเลือกเล่มที่ยังไม่มีใครแนะ ๆ นำ และเห็นวางอยู่ใกล้ ๆ ตัวก่อนนะครับ 1. PROGRAMMING the Universe เขียนโดยโปรเฟซเซอร์ Seth Lloyd หนึ่งในผู้บุกเบิก quantum computing เล่มนี้ Lloyd ตีความเอกภพว่าเป็นควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่คำนวณตัวมันเอง พยายามแสดงให้เห็นการรีจีสต์บิตของอนุภาค การความสามารถเชิงประมวลผลลอจิกของมัน พูดง่าย ๆ ว่าตีความทฤษฎีควอนตัมทั้งหมดมามองในมุม information ดังนั้นเล่มนี้ถูกวิจารณ์แรงใน amazon ครับ มีทั้งคนรักและคนชัง ผมอยู่พวกรัก เล่มนี้ผู้เขียนเขียนแบบอธิบายตั้งแต่ก้าวแรก (คุณไม่จำเป็นต้องรู้จัก qubit หรือกลศาสตร์ควอนตัม หรือแม้แต่บิตคืออะไรก่อนอ่าน) ผมมีฉบับปกแข็งพิมพ์ปี 2006 edition แรก ความหนาเพียง 200 หน้านิด ๆ เท่านั้นเอง รับประกันความเร้าใจตอนอ่านครับ (อิอิ เหมือนเซลขายหนังสือยังไงก็ไม่รู้) จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:16:00

ความคิดเห็นที่ 58 ๒๕ ความคิดพลิกโลก. ไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะแปลได้ห่วยมาก อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ------------------------------------------- เดอะ แพลเนต ประวัติย่อของดวงดาว : The Planets ชมความอัศจรรย์ของระบบสุริยะ ผ่านมุมมองวัฒนธรรมดาราศาสตร์ เขียน Dava Sobel แปล คุณากร วาณิชยวิรุฬห์ มติชน ราคา 195 บาท ร่วมทัวร์ระบบ สุริยะฉบับ ดาวา โซเบล บอกเล่าเรื่องราวของเหล่าสมาชิกเทหวัตถุบนฟากฟ้า ผ่านมุมมองอันหลากหลาย นับจากปรัมปราคติ ประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ นิยายวิทยาศาสตร์ จนถึงข้อมูลล่าสุดจากยานหุ่นยนต์สำรวจอวกาศยุคใหม่ อัดแน่นด้วยเรื่องน่าประหลาดใจและความงดงามเกินจินตนาการ เพียบพร้อมด้วยสำนวนภาษาอันสละสลวยราวบทกวี และเล่มนี้คือหนังสือขนาดกะทัดรัดเล่มที่สามในชุดประวัติศาสตร์โลก ที่ขอเชิญคุณร่วมดื่มด่ำไปกับประวัติย่อของจุดแสงพเนจร ซึ่งคอยปลุกเร้าจินตนาการและการสร้างสรรค์ของมนุษยชาติมาทุกราตรี ถึงแม้ว่าจะเก่าสักหน่อย (ดูจากดาวพลูโต ยังเป็นดาวเคราะห์) แต่ก็ถือว่า อ่านได้เพลิดเพลินดีครับ เหมาะสำหรับผู้สนใจดาราศาสตร์ มีภาพประกอบ ขาว-ดำ แต่ภาพวาดแนะนำแต่ละบทเป็นสี จากคุณ : .eAT เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:16:43

ความคิดเห็นที่ 59 2. ฟิสิกส์นอกตำรา รวมบทความ 20 บทความที่เกี่ยวกับฟิสิกส์ของศาสตราจารย์วิชัย หโยดม แต่ไม่ใช่บทความวิชาการนะครับ มันก้ำกึ่งระหว่างวิชาการกับวิชากวน (กวนจริง ๆ อ่านไปฮาไป) โดยเฉพาะตอนที่แกบอกว่าไหน ๆ พวกปรัชญา-ศาสนาก็เอาฟิสิกส์ไปเขียนถึงบ่อย ๆ แล้วเราสมควรแก้แค้นโดยการเอาเรื่องเหล่านั้นมาเขียนในวารสารวิทยาศาสตร์บ้าง (แกเขียนด้วยอารมณ์ขัน) เล่มนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ซีเรียส และถ้าไม่แม่นฟิสิกส์ ก็อย่าจริงจังกับเล่มนี้มาก เพราะผมคิดว่าผู้เขียนไม่ได้เน้นในบทความของแกรัดกุม แต่เน้นให้เห็นว่าฟิสิกส์ก็มีมุมมองที่ขำ ๆ อยู่เหมือนกัน จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:20:59

ความคิดเห็นที่ 60 โอ้ เยี่ยมมากๆครับ ที่จะแนะนำก็คงเป็นเรื่องประวัติย่อของเกือบทุกสิ่งนั่นแหละ อีกเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์ เก่ามากแล้ว คาดว่าคงไม่มีเพิ่ม และที่สำคัญจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว แต่ผู้แต่ง ถ้าไม่ใช่ นิพนธ์ ทรายเพชร ก็เป็น สาลิน วีรบุตร์ (ไม่แน่ใช่ว่าเขียนชื่อและนามสกุลถูกหรือเปล่า) เป็นเล่มที่จุดประกายให้ (เคย) หันมาสนใจดาราศาสตร์ ต้องเก็บเข้าคลังกระทู้ ว่าแต่ถ้าเก็บเข้าคลังแล้วควรจะใช้ keyword อะไรค้น เอาแบบค้นปุ๊บเจอปั๊บ แบบที่หมอแมวแนะนำ keyword "ตัดอวัยวะเพศ Cryptomnesia" น่ะ จากคุณ : Ronachai (amscmu) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:21:48

ความคิดเห็นที่ 61 มติชนซะส่วนใหญ่อยากได้หลายเล่มมากแต่.....ปัญหาคือเงินในกระเป๋านี่แหละ เฮ่ออออออออ ขอบคุณที่แนะนำค่ะ บางเล่มจ้องๆเหมือนกันแต่ยังไม่กล้าซื้อมา(ดอง) จากคุณ : citrus_tree เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:23:35

ความคิดเห็นที่ 62 55555555555 ของเราเล่มนี้ก่อนเลยชอบมาก อธิบายง่ายเกี่ยวกับของใช้ทั่วๆไป เด็กๆก็อ่านได้ จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:23:50

ความคิดเห็นที่ 63 3. Mathematics (A very short introduction) ผมเคยฟันธงไว้ว่าคนเขียนหนังสือชุด a very short introduction ของ oxford press นั้นระดับเทพในทุกเรื่องและทุกคน ดูชื่อหนังสืออาจคิดว่าเล่มนี้ยาก เล่มนี้จริงจังครับ แต่ไม่ยาก และไม่ใช่ตำราเรียนในห้องเรียน แต่เป็นตำราเรียนที่เหมาะกับคนที่อยากรู้จักว่าคณิตศาสตร์คืออะไร ผู้เขียนคือโปรเฟสเซอร์ Timothy Gowers เป็นนักคณิตศาสตร์ ที่แกเองบอกว่าหัวใจสำคัญของคณิตศาสตร์คือการคิดเชิงนามธรรม หนังสือเล่มนี้จะบอกกับคุณว่าการคิดเชิงนามธรรมคืออะไร (เหมาะสำหรับน้อง ๆ ม. ปลาย และผู้สนใจคณิตศาสตร์ทั่วไป) จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:25:07

ความคิดเห็นที่ 64 ต่อมาเล่มโปรดเลยค่ะ ไม่มีอะไรจะทำ็เอามานั่งอ่านเล่นๆได้ เพราะเนื้อหาสนุก คนแปลแปลดี รูปสวยด้วยค่ะ เป็นหนังสือรวมเรื่องของเทคโนโลยีค่ะ ว่าของที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เขาผลิตกันอย่างไร มีเทคนิคอะไรบ้าง ของบางอย่างที่เราใช้กันเป็นประจำ ที่จริงการผลิตกลับต้องอาศัยความละเอียดสูง เช่น ปากกาลูกลื่น หรือ เทคโนโลยีในการสำรวจโลก เป็นต้น รู้รอบตอบได้ ของ Reader Digest แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 10:29:31 จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:25:49

ความคิดเห็นที่ 65 ตัวอย่างสารบัญ จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:26:21

ความคิดเห็นที่ 66 ตัวอย่างเนื้อหา จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:26:39

ความคิดเห็นที่ 67 อยากให้อ่านหนังสือ โลกของโซฟี Sophies' world ไม่ใช่หนังสือวิทยาศาสตร์ แต่จะทำให้เข้าใจปรัชญาตะวันตกมากขึ้น และเข้าใจว่าวิทยาศาสตร์แบบที่เรารู้จัก เป็นมาอย่างไร ใครที่เคยเรียนหรือกำลังเรียนปรัชญาตต. ควรหามาอ่านอย่างยิ่ง อีกเล่มก็ Science: A History ของนาย John Gribbin อ่านสนุก ไม่หนักไม่เบา หนังสือเน้นเล่าในเชิงประวัติศาสตร์ว่าอะไรเกิดขึ้นที่ไหนโดยใครเมื่อไร มากกว่าเล่าถึงเนื้อวิทยาศาสตร์ อ่้านเล่มนี้แล้ว รู้สึกเหมือนนิวตันเป็นตัวโกงเลยหล่ะ ไม่ต้องการความรู้วิทยาศาสตร์มากนัก อ่านภาษาอังกฤษแตกก็อ่านได้เลย แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 10:50:46 จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:28:30

ความคิดเห็นที่ 68 ขอสนับสนุน #58 ด้วยคนว่าผมอ่าน 25 ความคิดพลิกโลกฉบับแปลไม่รู้เรื่อง (โยนทิ้งไปแล้ว) 4. A Passion for Mathematics มันก็เหมือนชื่อหนังสือแหละครับ A Passion for Mathematics: Numbers, Puzzles, Madness, Religion, and the Quest for Reality เป็นหนังสือที่รวบรวมเกร็ดที่ผู้เขียน Clifford A. Pickover คิดว่าเด็ด ๆ น่าสนใจสำหรับคนรักคณิตศาสตร์ (ไม่จำเป็นต้องคลั่งตัวเลข หรือนักคณิตศาสตร์นะครับ) ผมชอบหนังสือเล่มนี้ ด้วยหลายเหตุผล อันแรกคือมันจะเปิดอ่านจากหน้าไหนก็ได้ ต่อหนึ่งความคิดคุณใช้เวลาอ่านระหว่าง 30 วินาที - 2 นาที (ผมหมายถึงแค่อ่านให้เข้าใจมันนะครับ แต่ถ้าคุณอยากพิสูจน์มัน บางอันอาจจะใช้เวลาเป็นปี ๆ) อีกประการมันจุดประกายไอเดียอะไรมากมายให้เราค้นหาต่อไป เป็นเหมือนประตูนะครับ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:29:42

ความคิดเห็นที่ 69 เล่มที่ชอบมาก คอขาประจำ Quantum พลาดไม่ได้ ของตา John Gribbin อีกแหละ In search of Schrodinger's cat เล่าเรื่องควอนตัมให้เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีสมการคณิตศาสตร์เยอะแยะ แถมด้วยThough experiment ที่เป็นการประลองกำลังสมองของนักคิดแนวหน้าให้เราขบตาม และความประพฤติแปลกๆมากมายของโลกควอนตัม ที่ขัดกับสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง มีตอนต่อ ชือ In search of Schrodinger's kitten แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 10:45:34 จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:32:41

ความคิดเห็นที่ 70 5. แฟนพันธุ์แท้ ไอน์สไตน์ เป็นหนังสือที่เดี๋ยวนี้อาจจะหาในร้านหนังสือยากสักนิด ผมไม่ได้เห็นมาหลายปีแล้วครับนับแต่ที่ได้เห็นในช่วงปีแรก ๆ ของการพิมพ์ ผมได้หนังสือเล่มนี้โดยตรงจากผู้เขียน ดร.บัญชา ธนบุญสมมบัติ พี่แกบอกว่า "จับผิดให้หน่อย" โอ... ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ การอ่านงานที่ผู้เขียนเขียนจากความเข้าใจที่แท้จริง กับงานที่เขียนขึ้นมั่ว ๆ ตามอารมณ์ให้เห็นแพะ-แกะวิ่งวุ่นนั้นต่างกัน ในงานประเภทแรก ถ้าเราจะจับผิดต้อง "ตั้งใจจับผิด" ครับ ส่วนประเภทหลัง หลับตาสักข้าง หรืออ่านบรรทัดเว้นบรรทัดก็ยังมองเห็นที่ผิด ส่วนเนื้อหาวิชาการด้วยสติปัญญาที่ผมมีขอสารภาพว่าจับผิดอะไรไม่ได้เลย แต่ในส่วนของงานพิมพ์ ตกสระ ลืมวงเล็บ อะไรพวกนี้ถ้า "ตั้งใจกันจริง ๆ" ก็ต้องจับได้บ้าง (แทบทุกเล่ม) ป.ล. มีข่าววงในว่าเล่มนี้จะพิมพ์ครั้งใหม่โดยสำนักพิพม์สารคดี จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:33:21

ความคิดเห็นที่ 71 เล่มนี้ แฟนานุแฟนของท่าน Feynman ควรอ่าน ด้านมืดของนักฟิสิกส์โนเบล! อ่านไปขำไป นี่นะ นักฟิสิกส์ที่เขาว่ากันว่าเป็นไอน์สไตน์ของศตวรรศที่ 20 Surly you're joking, Mr. Feynman อ่านจบ รักป๋าแกเยอะขึ้นเป็นกอง RIP ครับป๋า จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:37:02

ความคิดเห็นที่ 72 6. chance chance เขียนโดย dr. amir d. aczel นักคณิตศาสตร์ที่รู้จักกันดีด้วยผลงานโด่งดังหลายเล่ม เช่น fermat's last theorem, entanglement หนังสือเล่มนี้ออกสู่ตลาดปี 2004 พาดอักษรคำโปรยปกหน้าว่า "คู่มือสำหรับนักพนัน ความรัก ตลาดหลักทรัพย์ และสิ่งอื่นๆที่เหลือ" สไตล์ก็เหมือนกับเล่มก่อน ๆ ของเขานั่นแหละ หนังสือคณิตศาสตร์สำหรับคนที่ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์ หัวข้อคณิตศาสตร์เล่มนี้คือ "ความน่าจะเป็น" แทรกด้วยเกร็ดประวัติศาสตร์และมุขที่พี่แกคงคิดว่าขำลงไป อ่านได้เพลินดี สำหรับเซียนคณิตศาสตร์ ผมไม่ขอแนะนำเล่มนี้ เพราะมันอาจน่าเบื่อ aczel พูดตั้งแต่เริ่ม ความน่าจะเป็นคืออะไร หาได้อย่างไร วัดได้อย่างไร ถึง 4 บท เมื่อขึ้นบทที่ 5 แนะนำ subjective probability และพูดถึง de Finetti Game เกมที่เปลี่ยนความน่าจะเป็นแบบ subjective (e.g. ผมบอกกับเด็กล้างแก้วว่ามีโอกาสสูงที่คืนนี้ผมจะถูกลากไปนอนเป็นเพื่อนกับลูกค้าคนใดคนหนึ่ง เด็กล้างแก้วถาม "ที่ว่าโอกาสสูงนั้นสูงเท่าไรล่ะ" เขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับคำว่าโอกาสสูงของผม ความน่าจะเป็นแบบนี้แหละครับ เรียกว่า subjective) ไปสู่ความน่าจะเป็นแบบ objective (e.g. ความน่าจะเป็นที่โยนลูกเต๋าได้หมายเลข 1 คือ 1/6 ถ้าเป็นเต๋าปกติยุติธรรม เป็น objective ไม่มีใครกังขาความน่าจะเป็นนี้) เกมของ Finetti เป็นอย่างไร เชิญอ่านต่อได้ในบทที่ 5 ของหนังสือ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:37:29

ความคิดเห็นที่ 73 แนววิทยาศาสตร์กายภาพเยอะจัง ขอแนะนำแนวชีววิทยานะคะ ชีวิตพืชบนดาวเคราะห์โลก สำนักพิมพ์ : บ้านและสวน โดย: รองศาสตราจารย์ ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม (เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ม.เกษตร ไม่แน่ใจว่ายังสอนอยู่รึป่าว) คำแนะนำ จาก naiin.com ภายในหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจของพืชบนโลกของเรา นับตั้งแต่การก่อกำเนิดของพืช ตั้งแต่พืชโบราณยุคดึกดำบรรพ์วิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยระบบป้องกันตนเองจากศัตรูในธรรมชาติ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย การสืบเผ่าพันธุ์ การเจริญเติบโต และเดินทางไปสู่สถานที่แห่งใหม่ ความสัมพันธ์ของพืชกับสัตว์ต่างๆ ทั้งในแบบพึ่งพาอาศัยและเบียดเบียนกัน การต่อสู้เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอดด้วยวิธีการอันแยบยลน่าสนใจยิ่ง คำแนะนำจากเรา ผู้เขียนเขียนเล่าจากประสบการณ์ที่ไปพบเจอและความเชี่ยวชาญของตนเอง เป็นแนวสารคดีที่เขียนได้น่าติดตาม ใช้คำบรรยายง่ายๆ แต่เป็นความรู้ที่ควรจดจำ และควรสังเกต ยิ่งถ้าใครสนใจเรื่องพืช ยิ่งควรหามาอ่าน เราชอบนะคะเล่มนี้ ปล จำไม่ค่อยแม่นเนื้อหาเป็นอย่างไร เพราะหนังสือเล่มนี้ เป็น 1 ในชุดชีวิตในธรรมชาติที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมา น่าอ่านทุกเล่มค่ะ แต่ความน่าติดตามต่างกัน ความรู้พื้นฐานที่ต้องการ: ชีววิทยา ม ปลาย ระดับความยากในการเข้าใจเนื้อหา: จากคุณ : อุริ อุริ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:40:01

ความคิดเห็นที่ 74 7. QED เห็นคุณ alan the lamb แนะนำฟายน์แมน ผมจะละ series นี้ทั้งชุดก็แล้วกัน แต่ขอสักเล่มหนึ่งนะครับ เพราะเดาว่าหลาย ๆ คนคงไม่เคยอ่าน เพราะมันไม่ใช่เล่มที่ฟายน์แมนเขียน แต่เป็นเล่มที่เขียนในรูปของบทละครถึงฟายน์แมน ชื่อบทละครว่า QED บทละครสั้น ๆ 2 องก์ 1 ฉาก เรื่องราวใน 1 วันของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ริคชาร์ด ฟายมันน์ ด้วยตัวละครเพียง 2 ตัว ฟายมันน์ กับ นักศึกษาสาวชั้นเรียนฟิสิกส์ เอ็กซ์ มิเรียม ฟีลด์ มันทำให้เห็นว่าคนเขียนบททำการบ้านมาดี และยัดการบ้านที่ทำมาลงในบทพูดได้ดูแนบเนียน ละครนั้นสั้น แต่พาดพิงถึงช่วงชีวิตที่ยาว ทั้งตลก ทั้งสะท้อนความเป็นนักคิดที่ยิ่งใหญ่ และความวุ่นวายในวันเสาร์ที่ฟายมันน์หลบมาตีกลองพักผ่อน และค้นคว้าเรื่องคว๊าก จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:40:22

ความคิดเห็นที่ 75 ส่วนเล่มนี้ เป็นภาคจริงจังของป๋า Feynman เรื่องยากๆ ป๋าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ น่าทึ่งมากครับ ว่าตัวเรา โลกของเราประกอบของอนุภาคอะไรประหลาดๆอย่างนี้ ตายๆๆๆๆ อ่านกระทู้นี้แล้วแย่แน่ กองหนังสือที่ยังไม่ได้อ่านก็เป็นพะเนินอยู่แล้ว เดี๋ยวไดเกิดกิเลศไปคิโนะฯกว้านมากองอมฝุ่นอีกตั้งแหงๆ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 10:46:55 จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:41:45

ความคิดเห็นที่ 76 8. คณิตศาสตร์มหัศจรรย์ ผู้เขียน Theoni Pappas นำผู้อ่านท่องไปในโลกคณิตศาสตร์ ชมความพิศวง มหัศจรรย์ สำรวจหลายแง่มุมครับ ตั้งแต่สิ่งใกล้ตัว ศิลปะ สถาปัตยกรรม ความที่มันแทบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์ทุกแขนง หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเสมือนไกด์ชั้นดีคนหนึ่งที่ชี้ให้เราดูจุดชม บางจุดชมมันก็ธรรมดาถ้าคุณไม่สังเกต แต่สวยงามจับใจ ผู้แปลทั้ง 2 ท่านถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ดร.กิตติกร นาคประสิทธิ์ และคุณโกสุม กรีทอง สำหรับคนที่ได้ยินคำว่าคณิตศาสตร์แล้วเกิดอาการแพ้ ลองชิมดู อาจจะติดใจ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:42:04

ความคิดเห็นที่ 77 9. The Universal Book of Mathematics From Abracadabra to Zeno's Paradoxes David Darling นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษที่หันมาเอาดีด้านการเขียนหนังสือสารคดีวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดยเฉพาะเขียนให้เด็ก ๆ และสามัญชนคนนอกแวดวงวิทย์อ่าน เล่มนี้ The Universal Book of Mathematics From Abracadabra to Zeno's Paradoxes เป็นสารานุกรมคณิตศาสตร์ที่มีหัวข้อไล่เรียงกันไปตามตัวอักษรตั้งแต่ A จนถึง Z แต่ A ตัวแรกไม่ใช่ abracadabra นะครับ เป็นลูกคิด (abacus) และ Z ตัวสุดท้ายก็ไม่ใช่ Zeno's paradox แต่เป็น zonohedron แต่ใครเล่าจะปฏิเสธได้ว่า Abracadabra กับปฏิทรรศน์ของ Zeno เป็นตัวแทนของ A และ Z ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ใครที่ชอบเลข ศึกษาเลขเป็นงานอดิเรก ผมว่าเล่มนี้จะดีในแง่ที่มันทำตัวเป็นไกด์แนะนำคุณ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:44:11

ความคิดเห็นที่ 78 10. guesstimation ยืนอ่านในร้านขายหนังสือที่สยามพารากอน 2 - 3 บท ควักตังค์ซื้อทันที รูปสวยครับ เข้าใจว่าคนวาดคือ Patty Edwards เขียนโดยโปรเฟสเซอร์ 2 ท่าน Lawrence Weinstein (ฟิสิกส์) กับ John A Adam (เลข) แค่นี้คุณคงเดาได้แล้วว่าเป็นหนังสือฟิสิกส์ เลข ไม่ใช่แค่นั้นครับ มีเคมี ชีวะ ธรณี สิ่งแวดล้อม การคมนาคม แต่ถ้าคุณคิดว่าเป็นหนังสือเครียด ๆ ผิดครับ ค่อนไปทางขำ ๆ อ่านแล้วยิ้มได้ และไม่เกี่ยวโดยตรงกับ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ฯลฯ อะไรนั่นเลย ตามชื่อ มันคือ "เกสติเมชั่น" ว่าด้วยการเดาอย่างมีชั้นเชิง เป็นการคำนวณง่าย ๆ เพื่อประมาณสิ่งที่เราอยากรู้ เช่น ปีที่ผ่านมาชาวอเมริกันกินแตงกวาดองถ้านำมาต่อกันยาวเท่าใด (เฉลย ไกลกว่าระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์), ตอนนี้มีคนแคะจมูกอยู่กี่คน (เฉลย 10 ล้านคน), บุหรี่ 1 มวนบั่นทอนชีวิตกี่นาที (เฉลย 5 นาที แต่จากข้อมูล BMJ 11 นาที), ถ้าเปิดก๊อกน้ำใส่ให้เต็มมหาวิหารเซ็นต์ปอลใช้เวลานานเท่าไร... เฉลย ลองหามาอ่านต่อกันครับ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:45:55

ความคิดเห็นที่ 79 11. The World's 20 Greatest Unsolved Problems เล่มนี้เก่านิดนึง 20 ปัญหาที่พูดถึงนั้นได้แก่ 1. สสารมืด 2. กำเนิดเอกภพ 3. ปัญหาค่าคงที่เอกภพ 4. ทฤษฎีควอนตัมของสนามโน้มถ่วง 5. กลไกการสร้างมวล 6. ปัญหานิวตริโนสุริยะ 7. แหล่งที่มาของการระเบิดรังสีแกมมา 8. การรวมแรงทั้ง 4 9. กลไกเบื้องหลังตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวดที่อุณหภูมิสูง 10. ดีเอ็นเอ + โปรตีน สร้างกลไลพื้นฐานของชีวิตอย่างไร 11. การม้วนตัวของโปรตีน 12. ต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตโบราณ 13. เจตจำนงค์เสรี 14. จิตสำนึก 15. กลไกของแกนโลก 16. การทำนายแผ่นดินไหว 17. แรงระดับอะตอมจุลภาคขับพฤติกรรมระดับมหัพภาคได้อย่างไร 18. การสร้างและจัดการโครงสร้าง carbon-based 19. พลังงานเสรี 20. นิวเคลียร์ฟิวชันกับของเสีย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการรู้ลึกในทุก ๆ เรื่อง แต่ต้องการรู้ว่ามันมีอะไรที่เขาพูดคุยกันบ้างในแต่ละเรื่อง จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:49:50

ความคิดเห็นที่ 80 12. Warped Passages สตริง กับมิติที่ซ่อนเร้น หนังสือเจ้แกแบ่งเป็น 6 ตอน 3 ตอนแรกสำหรับทบทวนทั่วๆ ไป ถ้าใครอ่านหนังสือแนวนี้อยู่แล้วก็ข้ามไปอ่านตอนที่ 4-6 ได้เลยครับ แต่ผมว่ามันไม่ต่างจาก Hyperspace ของ Michio Kaku มากเท่าไรนัก คากุเขียนสนุกกว่า แต่รันดาลเขียนเก็บทุกเม็ด จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:52:10

ความคิดเห็นที่ 81 13. Relativity Simply Explained หลายคนรู้จักชื่อมาร์ติน การ์ดเนอร์ในฐานะนักเขียนโจทย์ นักรวบรวมโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ช่วงหนึ่งเคยปล่อยโจทย์ประจำอยู่นิตยสาร Scientific American เล่มนี้แกเขียนอธิบายทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ทฤษฎีหนึ่งของโลก หลายคนรู้จัก แต่น้อยคนเข้าใจ ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ตามชื่อหนังสือ อธิบายง่ายๆ เหมือนอธิบายให้เด็กฟัง ภาพประกอบสวยดีครับ ป.ล. หนังสือชุดเกมคณิตศาสตร์ของ Martin Gardner อาจจะหยิบนำมาแนะนำกันดึก ๆ (ถ้ายังไม่มีใครแนะนำนะครับ) จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:54:01

ความคิดเห็นที่ 82 ทั้งหมดที่กล่าวมาต้องรอที่งาน "มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 14" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 25 ตุลาคม 2552 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ http://www.thailandbookfair.com/ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 10:55:33 จากคุณ : อิอิ (blacklimpbizkit) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:54:38

ความคิดเห็นที่ 83 14. Four Colours Suffice "เราลงสีแสดงอาณาเขตบนแผนที่เพียงสี่สีได้ไหม โดยไม่ให้ประเทศที่อยู่ติดกันมีสีเดียวกัน พิสูจน์" ประเด็นหนังสือเล่มนี้คือจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นคิดคำถาม รวมไปถึงการหาหนทางพิสูจน์เจ้าทฤษฎีบทสี่สี วิวาทะต่าง ๆ เป็นหนังสือคณิตศาสตร์ที่คุณไม่ต้องมองหาสมการครับ มีไม่เกิน 10 สมการตลอดทั้งเล่ม อ่านสนุก จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:58:54

ความคิดเห็นที่ 84 กำลังพยายามอ่านเล่มนี้ให้จบอยู่ครับ สู่อัจฉริยะด้วยสมองสองซีก ผู้เขียน ซอลลี พี สปริงเกอร์,จอร์จ ดัตช์,สันต์ สิงหภักดี เนื้อหาโดยสังเขป: ศัลยแพทย์ประสาทผู้เกี่ยวข้องกับการวิจัยเกี่ยวกับความแตกต่างกันระหว่างซีกสมองจะมีความสำคัญต่อการศึกษาเขาให้ความเห็นว่าการเน้นหนักในเรื่องทักษะของภาษาและกระบวนการความคิดทางการวิเคราะห์ในปัจจุบันทำให้เกิดการละเลยต่อการพัฒนาความสามารถสำคัญ ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาเขาอ้างว่าจะเกิดผลคือเรากำลังทำให้สมองซีกหนึ่งอดอยากและเลยต่อการพัฒนาศักยภาพของคนทั้งคนโดยรวม comment : เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับสมองครับ เล่มนี้จะรวบรวมตั้งแต่สมัยที่มีการตั้งทฤษฏีเกี่ยวกับสมองตั้งแต่แรกๆเลยทีเดียว จนมาถึงยุคที่มีการทดลองผ่าสมองพิสูจน์ บลา บลา ... ภาษาที่ใช้ก็ยากบ้าง ง่ายบ้างแล้วแต่ความรู้พื้นฐานของแต่ละท่านหล่ะครับ แต่โดยรวมแล้วถือว่าน่าสนใจสำหรับคนที่อยากรู้ว่าสมองเราทำงานกันได้อย่างไร แล้วทำไมสมอง 2 ซีกถึงมีความสามารถที่ไม่เหมือนกันครับ จากคุณ : กระบี่ไร้เลือด เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:00:26

ความคิดเห็นที่ 85 15. paradoxes from a to z เล่มนี้ยืมมาจากห้องสมุดธรรมศาสตร์ เป็นหนังสือรวบรวมพาราด็อกซ์โดยย่อเขียนในรูปที่ไล่เรียงกันไปตามตัวอักษรโดย michael clark (บ.ก. นิตยสาร Analysis) พาราด็อกซ์ที่รวบรวมเป็นพาราด็อกซ์เชิงปรัชญาและคณิตศาสตร์ (ผมอ่านไม่เจอ Twin paradox หรือ Diamond-water paradox) บางเรื่องอย่างเช่นปัญหา Monty Hall หรือ Bertrand's Box ผมไม่คิดว่ามันเป็นพาราด็อกซ์อะไร แต่ข้อขัดแย้งกับสามัญสำนึก (สำหรับบางคน) มาจากการคิดการให้เหตุผลที่ผิด micheal clark ยกคำนิยามพาราด็อกซ์ของ Mark Sainsbury มาอ้างว่า "พาราด็อกซ์คือข้อสรุปที่เห็นได้ชัดว่ามันยอมรับไม่ได้ที่พิสูจน์โดยใช้การให้เหตุผลที่เห็นชัดแจ้งว่ายอมรับได้จากหลักฐานที่เห็นเด่นชัดว่ายอมรับได้" พาราด็อกซ์ส่วนใหญ่เข้ากับรูปแบบนี้ แล้วเราจะอ่านพาราด็อกซ์ให้ปวดหัวเล่นทำไม ผมว่ามันสนุกดี เหมือนเคี้ยวหมากฝรั่งเพลิน ๆ จนหนำใจก็คายทิ้ง (ห่อให้ดีก่อนทิ้งนะครับ) พาราด็อกซ์อันเยี่ยมยอดก็นำไปบดในสมองให้พอมึน ๆ จนหนำใจแล้วก็ต้องปล่อยมันผ่านไป (ตามธรรมเนียมส่วนตัวหนังสือยืมที่อ่านแล้วก็ต้อง xerox เก็บไว้ อิอิ) จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:01:03

ความคิดเห็นที่ 86 16. The Infinite Book เอาเป็นเล่มสุดท้ายของรอบนี้ ตามชื่อหนังสือเลยครับ John D Barrow เล่าประวัติศาสตร์ปัญหาค่าอนันต์ ค่าอนันต์คืออะไร มีจริงมั้ย เปรียบเทียบกันได้หรือเปล่า เรื่องเล่าทางคณิตศาสตร์ที่เขียนเน้นความสนุกสนานอ่านบันเทิง มีสมการพอหอมปากหอมคอ ไม่ทำให้ตาลาย ภายในเล่มมีการเล่านิทานโรงแรมอนันต์ของฮิลแบร์ตด้วยสำนวนใหม่ จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:04:41

ความคิดเห็นที่ 87 เล่มที่ผมอ่าน เขาก็แนะนำกันไปหมดแล้วอ่ะ จากคุณ : unholy เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:23:42

ความคิดเห็นที่ 88 นึกถึงโต๊ะเครื่องแป้ง มารีวิว เครื่องสำอางค์ เลย แฮะ อ๊ะ  โหวตๆๆ จากคุณ : pedpukking เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:38:56

ความคิดเห็นที่ 89 เคยสงสัยไหมทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญเหมือนตะวันตก ทำไมเราไม่สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ เช่น ปืนไฟ เรือรบ แล้วออกไปครองโลก สงสัยไหมว่าทำไมประเทศในยุโรปไม่กี่ประเทศ ทำไมถึงมีเทคโนโลยี ไปรุกรานหลายๆ ประเทศรอบโลกเป็นอาณานิคม แต่ประเทศในทวีปอื่นทำไม่ได้ (ยกเว้นมองโกล) สงสัยไหมทำไมชาวอัฟริกัน ถึงไม่สามารถสร้างอารยธรรมที่ยั่งยืนได้ และมักถูกมองว่าเป็นชาติพันธุ์ที่ด้อยพัฒนา ยังป่าเถื่อนไม่สามารถปกครองตัวเองได้ คำตอบแบบมักง่ายที่เรามักได้ยิน คือ เพราะคนไทยเป็นอย่างนี้เลยไม่เจริญ ฝรั่งเจริญเพราะมีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้ คนดำโง่เพราะพันธุกรรมห่วย ยิวเป็นอย่างนั้น คนแขก คนจีนเป็นอย่างนี้ ถ้าอยากได้คำตอบนอกเหนือการเหมารวม หรือดูถูกชาติพันธุ์ คุณต้องอ่านหนังสือเล่มครับ Jared Diamond เป็นนักภูมิศาสตร์ แต่สามารถเอาประวัติศาสตร์โลก มาวิเคราะห์ด้วยหลักการและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อหาเหตุผล และที่มาว่าทำไม่แต่ละประชากร แต่ละอารยธรรมถึงเจริญไม่เท่าเทียมกัน อะไรคือเหตุผล และอนาคตของมนุษยชาติน่าจะเป็นเช่นไร จากคุณ : Geneticist เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:43:18

ความคิดเห็นที่ 90 ดูเหมือนยังไม่มีงานเข้า ขอแนะนำต่อ 17. Problem-Solving Strategies เล่มนี้เครียด จะมองว่าเป็น textbook ก็ได้ หรือไม่ใช่ก็ได้ (แหงล่ะ ผมมองแบบหลัง เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกระทู้นี้) หนังสือจะรวบรวมโจทย์คณิตศาสตร์หมวดหมู่ต่าง ๆ ตามทักษะหรือกลยุทธ์ที่จะใช้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เป็นความรู้ระดับมัธยมครับ แต่ยาก (ชิบ) ผมแอบใช้มันเป็นไกด์เอาไปเขียนบทความหลายเรื่อง ผู้เขียน Arthur Engel ตั้งใจใช้เป็นหนังสือเทรนแบบเข้มข้นสำหรับทีม IMO ของเยอรมัน เน้นอีกทีว่ายากครับ (แต่ยากไม่ได้แปลว่าไม่สนุก) จากคุณ : ศล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:58:28