ความคิดเห็นที่ 1   คุณสมบัติของก้าซมันต่างกันครับ Oxigen ไม่ติดไฟ ช่วยให้ไฟติดไป Nitrogen ไม่ติดไฟ ไม่ช่วยให้ไฟติด จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 12:55:06

ความคิดเห็นที่ 2 ปกติยางทั่วไปก็เติมไนโตรเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ พอทีเติมลมมันก็เป็น compresser ธรรมดาๆ นี่แหละ เอาอากาศปกติเข้าไปก็ ไนโตรเจน 70 ออกซิเจน 22 - -* จากคุณ : navalsamurai เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 12:59:09

ความคิดเห็นที่ 3   ผมว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่ติดไฟนะครับ เคยเจอว่า Nitrogen จะขยายตัวน้อยกว่า Oxigen เมื่อเกิดความร้อน เวลารถวิ่งๆ ไปเกิดความร้อนที่ยาง ตัวยางก็จะไม่ขยายตัวครับ ว่าแต่เวลายางระเบิด มันมีไฟด้วยเหรอครับ เคยระเบิดที ก็ไ่ม่เห็นไฟ นะครับ จากคุณ : Merion เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 13:01:55

ความคิดเห็นที่ 4 จะสรุปยังไง http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8226714/V8226714.html http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8310892/V8310892.html เพราะผมก็เห็นตาม คห. 2 มีแล้วถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 14:04:01

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนประกอบของอากาศ(โดยประมาณ) ไนโตรเจน    78% ออกซิเจน     21% อื่นๆ              1% จากคุณ : คนธรรมดา (Comet's Tail) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 14:25:24

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ได้วิ่งในสนามแข่ง ลมธรรมดาก็เกินพอ จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 14:37:45

ความคิดเห็นที่ 7 ก็เพราะ 21% นี่มันขยายตัวไงละมันเลยโพล๊ะ...(คิดว่าเสียงจริงคงไม่น่ารักอย่างนี้) เค้าเลยเติมเข้าอีกในอัตตราการขยายตัวของก๊าสภายในน้อยลงมันจะได้ไม่โพล๊ะแต่เป็น ฟี่ๆๆๆๆ แทน จากคุณ : Pigusto เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 18:16:44

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ว่าจะเติมอากาศธรรมดาหรือไนโตรเจน อุณหภูมิของก๊าซทั้งสองก็จะเท่ากับสภาพแวดล้อมภายนอก เพียงแต่ว่า ไนโตรเจนที่ใช้เติมมีความชื้นปนอยู่น้อยมาก เจ้าความชื้นที่ปะปนอยู่ในก๊าซ ทำให้แรงดันอากาศเปลี่ยนแปลงมากเมื่อก๊าซมีอุณหภูมิสูงขึ้นต่างหาก ง่ายๆ ก็คือ เมื่อพื้นถนนร้อน ยางรถที่เติมด้วยไนโตรเจน จะมีแรงดันเพิ่มขึ้นปกติตามกฏของก๊าซ แต่หากเป็นอากาศแรงดันจะมากกว่าอันเป็นผลมาจากความชื้นที่ปะปนอยู่ จากคุณ : Waterman (LN106) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 18:38:29

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ใช่ยางไม่้ร้อนครับ มันร้อนเหมือนกัน แต่ร้อนแล้วความดันยางไม่เปลียนเท่าลมปกติ เรื่องการขยายตัวของก๊าซผมไม่แน่ใจ เพราะ อากาศปกติก็มีไนโตรเจน 70 กว่า % อยุ่แล้ว แต่จุดนึงน่าจะเป็นความชื้นที่ปนมากะลมปกติ ทั้งความชื้นในอากาศ ทั้งไอนน้ำมันจากเครื่องปั้ม ไอ้เรื่องนิ่มขึ้น อะไรนั้นอุปทานครับ มันเหมือนกันนั้นแหละ แต่โดยปกติเช็คลมยางประจำ ไม่ให้ยางมีการบิดตัวมากเกินปกติ มันก็ไม่ค่อยจะร้อนจนเห็นผลอะไรหรอกครับ แล้วแต่ความพอใจ ใส่ลมธรรมดาไป ปิดจุกเขียวๆก็ไม่รู้หรอกว่าลมอะไร จากคุณ : Jet_XP เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 18:41:44

ความคิดเห็นที่ 10   เติมแล้วแอบเท่ครับ -*- จากคุณ : fak เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 19:59:08

ความคิดเห็นที่ 11 น่าจะทดสอบให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยดีกว่าครับ แลปก็เอาแลบมาตรฐาน ที่ สถาบันยานยนต์ ส่วนวิธีการเค้าก็มีวิธีการทดสอบที่เป็นสากลอยู่แล้ว http://www.tisi.go.th/lab/testing/test94_t.html จะได้จบเรื่องจบราวซะที ดีกว่าเอารถ 2 คันไปวิ่งมั่วซั่ว ไม่รู้ว่าไอ้ตอนแรกวิ่งไปติดไฟแดงกี่ครั้งเหยียบเบรคกี่ครั้ง ความเร็วคงที่รึป่าวอััตราเร่งเท่ากันไหม ส่วนค่าใช้จ่ายในการทดสอบ ถ้าสินค้าดีจริง เป็นผม ผมเอาทดสอบแน่นอนครับ...!!! -------------------------------------- เวรกำผิดกระทู้  เอิ๊กๆ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 52 20:02:35 จากคุณ : Nanolove เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 20:01:56

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเติมลมด้วยอากาศปกติ จะเจอปัญหาเรื่องความชื้น หรือไอน้ำ ที่ปะปนมาในอากาศ สำหรับรถบ้านทั่วๆ ไป จะสร้างปัญหาเรื่องสนิมกินกระทะล้อได้ เมื่อใช้ไปนานๆ แต่ไม่นานเกินกว่าอายุยางหรอกครับ สำหรับรถแข่ง หรือ เครื่องบิน  การเติมลมยางด้วยไนโตรเจนล้วน จะคำนวณแรงดันลมยางเมื่อมีการใช้งานได้ง่ายและแน่นอนกว่า โดยคำนวณตามกฏของกาซได้เลย เพราะไม่มีไอน้ำมาปะปน ซึ่งจะทำให้คำนวณพลาดได้ หลายคนก็บอกว่า เติมไนโตรเจนล้วน แรงดันลมยางจะค่อนข้างคงที่กว่า ไม่ขึ้นลงหวือหวาเหมือนเติมอากาศ นอกจากนี้ การเติมไนโตรเจน ลมยางจะซึมช้ากว่าด้วย ความจริง เราสามารถเติมลมยางด้วยอากาศปกติ ที่ผ่านเครื่องควบคุมความชื้นสัมพัทธ์มาแล้วก็ได้  แต่คงแพงกว่าไปซื้อกาซไนโตรเจนเพียวๆ มาเติม จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 22:35:59

ความคิดเห็นที่ 13 ไนโตรเจน ออกซิเจน ไอน้ำ ขยายตัวเมื่อร้อน  ในสัดส่วน เท่ากันหมด  ตามกฏการขยายตัวของกาซ สำหรับรถในบ้านเราเมืองร้อน เติมแบบไหน ก็เหมือนกันหมด แต่ในเมืองหนาว อากาศเย็นจัด  (หรือล้อเครื่องบิน ตอนบินขึ้นสูงๆมันเย็นจัด) ไอน้ำที่มีในกาซ  จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ  กาซ(ไอน้ำ)ก็จะสูญเสียปริมาตรไปส่วนหนึ่ง ทำให้ความดันลดลงมากได้ ____________________________ ยางร้อน เมื่อรถวิ่ง  ยางร้อนขึ้น เพราะ ยางส่วนที่กดลงผิงถนนมีการยืดหด และบิดตัว เกิดการเสียดสีของโมเลกุลในเนื้อยาง จึงเกิดความร้อนในเนื้อยางเอง ไม่เกี่ยวกับ กาซที่เติมในล้อ แต่อย่างใด จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 23:19:15

ความคิดเห็นที่ 14   555+ ฮาๆๆ ง่วงๆๆๆ ไม่ยอมคิดเอง คนไรไม่รุ จากคุณ : SandP เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 12:42:04 A:161.200.255.162 X:

ความคิดเห็นที่ 15 มันก็แค่กลยุทธดึงดูดลูกค้า ไนโตรเจนจริงหรือเปล่า บริสุทธิ์กี่เปอร์เซ็นต์ เราก็ไม่รู้ ใบเซอร์อะไรก็ไม่มี คงไม่มีร้านไหนใจปล้ำซื้อไนโตรเจนสำหรับอุตสาหกรรม จาก TIG หรือ ผู้ผลิตก๊าสรายอื่นๆ มาเพื่อเติมลมยาง บางร้านร้ายสุดๆ ก็ใช้ปั๊มลมธรรมดา แล้วอ้างว่าไนโตรเจน บางร้านก็ใช้เครื่องแยกไนโตรเจนจากอากาศแบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ คุณว่ามันจะทำได้บริสุทธิ์ขนาดไหนกันเชียว เอาอากาศไปวิ่งผ่านฟิลเตอร์ ลองไปถามทางร้านดู "พี่ๆ เครื่องแยกไนโตรพี่มันแยกได้จริงๆเหรอ ผมว่ามันตลกว่ะ เอาอากาศไปผ่านฟิลเตอร์" อาจได้ปากแตกแทน อิอิ ของบางอย่างการตลาดมันนำหน้า ดีไม่ดีไม่สน ทำแล้วขายของได้ จะสนใจทำไม ส่วนเรื่องที่บริษัทผลิตยางก็ออกมารับรองว่าเติมในโตรเจนดีกว่า คุณว่าไนโตรเจนที่ บริษัทผลิตยางใช้ในการทดสอบ ใช้เกรดไหน เกรดเครื่องแยกแบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์เหรอ? ไม่ม้าง แล้วการออกมารับรองผล มันก็มีแต่ผลดีกับบริษัทยาง ลูกค้าเติมไนโตรเจน แม้จะ 90 หรือ 95 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับอากาศที่มีไนโตรเจนประมาณ 70 เปอร์เซนต์ อาการบางอย่างที่เกิดจากการผลิตไม่ได้คุณภาพ จากการลดต้นทุน ลดคุณภาพวัถุดิบ ก็จะออกอาการน้อยลง หรือยืดระยะเวลาออกไป กลายเป็นว่าเสื่อมตามการใช้งาน โยนภาระมาให้ผู้บริโภคแทน รถทั่วไป ปั๊มลม+กรองความชื้นคุณภาพสูง+กรองน้ำมัน ก็เพียงพอ จากคุณ : Tread'em all เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:09:32

ความคิดเห็นที่ 16 ก้าซอะไรก็ขยายตัวทั้งนั้นแหล่ะ ถ้าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเท่ากัน ที่ความดันที่เปลี่ยนไปเท่ากัน ปริมาตรที่ขยายตัวเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากันด้วย... จากคุณ : oxidation เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:58:06

ความคิดเห็นที่ 17 ไนโตรเจน มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ไนโตรเยน" ครับ ซึ่งมาจาก ไนโตรเย็น ... จากคุณ : ขอบคุณโต๊ะสี่ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:50:51