ความคิดเห็นที่ 1   แวะเข้ามาขำความหมายของเด็ก Thumb ค่ะ 55+ จากคุณ : ~พุงนำนม~ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:09:24

ความคิดเห็นที่ 2 เขาว่าคนฝรั่งเศสไม่ชอบอาบน้ำ XP จากคุณ : @jirayu (wsteven) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:11:42

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ได้สอนมหาวิทยาลัย ได้สอนแค่ระดับปวช+ปวส แต่เจอเหมือนกันครับ ผมว่าหารสอบบรรจุน่าจะมีการสอบเรื่องศีลธรรมด้วยนะครับ เป็นครูเป็นอาจารย์สมัยนี้ทั้งครูหญิง ครูชาย ถ้าตะบะไม่สูงจริงๆ คงได้เสร็จพวกนักเรียนเป็นแน่แท้ เห็นครู อาจารย์โดนไล่ออกมาหลายราย เพราะทนเด็กยั่วไม่ไหว ผมเองก็ไม่รู้จะตะบะแตกเอาวันไหน ตอนนี้ก็ทนมาได้ 5 ปีครึ่งแล้ว แล้วก็จะบำเพ็ญตะบะต่อไปจนกว่าจะทนไม่ไหวคงได้ข่าวกันมั่งล่ะครับพี่น้อง 555+ จากคุณ : alexmatrix เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:15:58

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเจอเหมือนกันทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นข้อสอบ จากคุณ : interaction เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:16:44

ความคิดเห็นที่ 5 เรียนจบทำงานมานาน ไม่เคยคิดจะไปเป็นอาจาร์ยพิเศษเลย ไม่ว่าใครมาบอกให้ไปเป็นก็ไม่เคยสนแม้แต่น้อย . . . . . . . ความคิดจะมาเปลี่ยนก็ตอน หลังจากอ่านกระทู้นี้จบ .... ที่มหาลัยยังต้องการอาจาร์ยพิเศษเพิ่มหรือปล่าวครับ จากคุณ : TaToTaT เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:17:11

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเพิ่งไปสอนมา นิยามนี้ไม่ผิดจริงๆ "เด็กทัมบ์" คือทึ่มบวก Dumb จากคุณ : Nisapus เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:24:28

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องสไลด์ ผมแจกไปเลยครับ แต่สไลด์จะไม่ค่อยมีเนื้อหา ส่วนใหญ่เป็นหัวข้อ ๆ ให้ตอนสอนนึกได้ว่าจะต้องสอนอะไร แค่นั้น นักเรียนไม่เข้าเรียนก็ต้องไปค้นอ่านเองอยู่ดี ปล. ผมอยู่ฟินแลนด์ จากคุณ : ratchana เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:27:50

ความคิดเห็นที่ 8 ในฐานะที่ตอนนี้เป็นทั้งคนเรียน และคนสอน ทั้งสองอย่าง อยากจะบอกว่าเหมือนที่ จขกท บอกครับ ไอ้คนตั้งใจเรียน จิงจัง เห็นแล้วก็แบบ เมิงจะขยันไปไหน บางครั้งเห็นแล้วเหนื่อยแทน ไอ้พวกไม่ตั้งใจ ไม่เอาห่ามอะไรเลย มันก็ไม่เอาอะไรเลยจิงๆ เอาเป็นผ่านพองานๆพอ เผาส่งๆไปเรื่อยๆ จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:28:06

ความคิดเห็นที่ 9   ขออนุญาตเดาชื่อถาบัน น่าจะมีอยู่สอง อันแรก เอชอบแบก(อันนี้นักเขียนคอลัมน์คนนึงในนสพ.หัวเขียวชมว่า หลักสูตรหัวคิดก้าวหน้ามากกก ทันสมัยที่ซู้ดด อีกอันคือมหาลัยเมืองหลวง อันนี้คนสวยๆจบมาช่อบอยู่จอตู้ช่อง3 ยังไงเฉลยหน่อยดีมั๊ยเอ่ย จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 18:56:42 A:210.246.64.181 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 10 สไลด์ อ.ที่คณะจะอัพขึ้น elearning ให้ไปโหลด+ปริ้นเอาเอง (ม.รัฐ) จากคุณ : กบ|ใน|>>Ka-La<< เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:01:10

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เคยทำแฮะ เด็กทัมป์ มีแต่จดสไลด์เอง เพราะตอนปีหนึ่ง เรียนๆโดด จดบ้างไม่จดบ้าง พอตอบสอบ เพิ่งจะสลดได้ว่า แล็กเชอร์ที่เราจดเองมันช่างละเอียด ส่วนอันที่ไปก๊อบของเพื่อนมัน แง่มม อ่านไม่รู้เรื่อง จดอันไหนไว้ตรงไหนก็ไม่รู้  ด๊อกบวกและซีไปเลย อีกเทอมนึงเลยเข้าเรียนแลคเชอร์เอง เอาของเพื่อนมาอ่านเก็บความเข้าใจอีกรอบ ว่ามันเข้าใจเหมือนเราไหม   พอตอบสอบ ช่างมหัศจรรย์ มันอยู่ในแล็คเชอร์หน้านี้ด้านขวามือล่างของเรานี่ โอ้ววววว เอและบีบวกมาให้หลึ่ม   ตระหนักได้เลยว่า เรียนเองดีกว่าพึ่งทัมบ์และแลคเชอร์ชาวบ้าน จากคุณ : piak_love เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:19:22

ความคิดเห็นที่ 12 เราเป็นอย่างที่จขกทว่าเลย  ไอ้เข้าเรียนสาย  กับก๊อบสไลนี่   เข้าไปในห้องคุยอย่างเดียว  ตอนสอบค่อยว่ากันอีกที   นักศึกษาประมาณ 50% เขาไม่จดกัน ส่วนใหญ่เข้าห้องก็เตรียมคุย  อ่านนิยาย เสริมสวย คุยนี่จะแย่หน่อย  ต้องไปนั่งหลังๆ ซึ่งข้างหลังมักจะเต็มเสมอ  ข้างหน้าว่างมันซ่ะ 4 แถว เข้าห้องเรียนนี่เพื่อเช็คชื่ออย่างเดียว  เรียนไม่เคยหวัง A  B ได้มากกว่า C ก็หรู ได้ D บ่นว่าอาจารย์ต่างๆนานา  F นี่สาปแช่งอาจารย์ด้วยเลย ตอนซัมเมอร์เรียนปั้นหม้อ  อาร์ทแอ็ป (4 ตัวลงมาแล้ว2)   เลี้ยงหมา เลี้ยงปลา  เลี้ยงแมว  ปรัชญา  และพละ นักศึกษาประมาณครึ่งหนึ่งของไทยเป็นแบบนี้นะ (หรืออาจจะมากกว่า)   เพราะส่วนใหญ่ใช่ว่าจะเรียนเพราะว่าอยากเรียนกันจริงๆ   แต่จบม.6 แล้วไม่ต่อมหาลัยก็ทำอะไรไม่ได้  ตอนเอ็นก็อ่านๆสอบๆ   ตอนเรียนก็เรียนมั่งไม่เรียนมั่ง ตอนสอบค่อยว่ากันอีกที พอมาทำงานก็ทำงานไปวันๆ  มีสุขบ้างทุกข์บ้าง  เรือ่ยๆๆๆ ม.ของรัฐนะคะ  แต่สภาพก็ไม่น่าจะต่างกันมาก  อะนี้ก็แล้วแต่คณะแล้วแต่วิชาด้วย เพราะว่าเจอเด็กแพทย์แล้วมันก็ขยันเคร่งเครียดกันดี แต่เด็กเภสัชมาเรียนด้วยสภาพก็ธรรมดา  คือมาสาย  แถมคุยโคตรเก่ง เก่งกว่าเราอีก แต่ก็เข้าใจว่าวิชาเบาๆเขาอาจจะไม่ใส่ใจมาก  วิชาภาคเขาอาจจะโคตรเครียดเลยก็ได้ จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:19:38

ความคิดเห็นที่ 13 ผมก็เจอ คำไทยเรียก ทึมบวก โ ง ่ ผมเจอมานั่งข้างๆ แล้วขอคะแนนเพิ่ม ตอนสอบFinal เสร็จเมื่อหลายีก่อน พอเห็นว่า ขอไม่ได้ ก็เริ่มมากระแซะเอา milk มาถูแขน ข้อมูลเพิ่มเติม She เป็น คนป่วยด้วย คือเป็น โรคเท้าช้างที่ก้น และมีอาการปอดบวม แถมยากจน มีตังซื้อเสื้อแค่ Size S ใส่ แต่ตัวเธอ นะ น่า จะใส่ L กระโปรงก็ไม่มีตังซื้อ มีผ้ามาแค่คืบเดียว ท้ายสุดต้องเรียก สามีเอ้ย  เพื่อนชายเธอในห้อง  พาไปสงบสติอารมณ์ ผมก็ให้เกรดเท่าเดิม แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 19:22:27 จากคุณ : sumalai_computer เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:19:57

ความคิดเห็นที่ 14 มาขำเด็กทัมบ์... นึกๆ เมื่อก่อน สมัยเรียน...เพื่อนๆ มันลงทุนซื้อสมุด ปากกา อย่างดีให้ แบบว่า จดคนเดียวพอ เด๊ยว ไป copy จนร้านถ่ายเอกสาร บอกว่า... เล่มนี้มาอีกแล้วเหรอ จากคุณ : a dear เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:21:42

ความคิดเห็นที่ 15   ใช่ครับ คห.10 ^^ แต่มีแค่บางวิชานะ จากคุณ : แมวโหดกระโดดกัด เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:24:47

ความคิดเห็นที่ 16   มีทุกที่แล้วครับ พอๆกับชนเผ่า เกรียน ติ่งหู แว้น ตัดอ้อย จากคุณ : NKL เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:30:25

ความคิดเห็นที่ 17 สวีเดนไม่น่าพูดภาษาอังกฤษห่วยแตกนะคะ เท่าที่เคยไป ขนาดคนขับรถเมล์ คนถูพื้น แคชเชียร์ร้านสะดวกซื้อ ยังพูดภาษาอังกฤษปร๋อเลย หรือถึงห่วยยังไงก็ไม่ใช่แนวฝรั่งเศสแน่นอน เพราะประเทศแถบสแกนใช้ภาษากลุ่มเจอร์มานิก ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับภาษาอังกฤษ ในขณะที่ฝรั่งเศสเป็นภาษากลุมโรมานซ์ พวกเดียวกับอิตาลี สเปน จากคุณ : แมวบอส เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:30:45

ความคิดเห็นที่ 18 จากที่ จขกท บรรยายมา มหาลัยเราแหงๆเลย ^^" จากคุณ : 4-th เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:46:22

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วอยากเป็นอาจารย์ จากคุณ : HiGain เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:52:38

ความคิดเห็นที่ 20   เด๋วไปสมัครเป็นอาจารย์พิเศษดีกว่า เพื่ออนาคตของชาติ จากคุณ : !!! เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 19:53:59 A:10.9.31.171 X:202.28.179.4 TicketID:203053

ความคิดเห็นที่ 21 แถวศาลายาป่ะครับ?? จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:11:25

ความคิดเห็นที่ 22 พวกชอบเข้าห้องสาย ผมแก้ด้วยการเช็คชื่อครับ แล้วก็มีสอบเก็บคะแนน ต้นชัวโมง ส่วนการขอไฟล์สไลด์ ผมแจก 1 คน แล้วให้ไปดูดต่อๆกันไปเอง จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:14:51

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้เช็คชื่ออาจารย์นี่นา จากคุณ : phonetics เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:21:29

ความคิดเห็นที่ 24 คริ คริ เจอเหมือนกันครับ จากคุณ : in-situ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:38:55

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเรียนอยู่ปี 4 ม.รัฐแห่งหนึ่ง ส่วนตัวจากห้อง แทบไม่เคยมีใครขอสไลด์จากอาจารย์เลยนะ (คงแล้วแต่สถาบัน) พวกขยันก็แล็คเชอร์กันชนิดแทบจะเขียนหนังสือเล่นใหม่ พวกขี้เกียจอย่างผมก็จดนิดๆ หน่อยๆ เอาแค่หัวข้อ หรือไม่ก็หลับ แต่ช่วงก่อนสอบนี่ ติวกันชนิดหัวฟู ยืมหนังสือเล่มเป้งๆ มา แล้วก็นั่งอ่าน นั่งเขียน ฯลฯ นึกแล้วก็สนุกไปอีกแบบ ส่วนมากอาจารย์ม.ผมเขามักจะให้ชีทน.ศ.ไปถ่ายแจกจ่ายกันเอง แต่ก็ไม่ทุกวิชาหรอกนะครับ บางวิชาก็สไลด์อย่างเดียว บางวิชาก็สไลด์+ชีท สบายไป จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:39:32

ความคิดเห็นที่ 26 จากประสบการณ์ การเข้าไปเป็น อ.พิเศษที่สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐแห่งหนึ่ง  เดี๊ยนขอบอกว่า  สภาพเหมือนที่ จขกท. เล่ามาเลยค่ะ นอกจากไม่เอาวิชาการแล้ว เด็กสมัยนี้ยังมีน้ำอดน้ำทนน้อย  เวลาเรียน 9.00 น. กว่าจะเสด็จมา ก็ 9.30 น. เป็นอย่างช้า  พวกเขาบอกว่า รอลิฟต์ (เรียนแค่ชั้น 4 เองนะเฟ้ย) เข้ามาแล้วก็คุย คุย คุย คุย และ คุย  ถ้าไม่คุย ก็หลับ  บางคน เอาหนังสือการ์ตูน + นิยายมาอ่าน บางคนคุยโทรศัพท์  บางคนฟังเพลง บ้างก็นั่งตัดผมแตกปลายให้เพื่อน(อันนี้เจอบ่อยมาก)   ประมาณ 30 นาทีก่อนหมดเวลาสอน  ไม่ต้องหวังว่า คุณ ๆ ทั้งหลายเขาจะสนใจเรียน  ยิ่งสาว ๆ นะ หล่อนจะควักตลับแป้ง ลิปสติก บลัชออน มาสคาร่า และหวี มาแต่งหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่สนหรอกว่าอาจารย์จะสอนอะไร ชั้นจะสวยอย่างเดียว อย่างอื่น ชั้นไม่สน (เดี๊ยนละคันปาก อยากจะบอกว่า ว่าง ๆ ลองหยุดแต่งหน้ามาแต่งสมองมั่งก็ดีนะ) ที่น่าแปลก คือ เด็กสมัยนี้น่าจะเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ เรื่องอินเตอร์เน็ต  แต่เปล่าเลย  ไอ้ที่พวกเขาพอจะทำได้ก็มีแค่  เมนต์ hi5  แล้วก็ Forward Mail  เชื่อป่าวคะว่า  บางคนส่งเมล์แบบแนบไฟล์ยังทำไม่เป็น  Copy พวก Output จากโปรแกรมต่าง ๆ ไปใส่ Word (เพื่ออธิบายผลลัพธ์แล้วส่งเป็นการบ้าน) ก็ทำไม่เป็น คำสั่ง Save กับ Save As ต่างกันยังไง มากกว่าครึ่่งห้องไม่รู้  Search ข้อมูลใน Google ก็ไม่เป็น โอ้...นี่กันอะไรกัน (แรก ๆ เครียดมาก ๆ เพราะอะไร ๆ พวกเขาก็ทำไม่ได้) พวกที่มาเรียนแบบข้าแน่ที่สุดในโลก ก็เยอะค่ะ คือ ไม่เอาอะไรมาเลย มันมาแต่ตัว เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าตังค์ เท่านั้น หนังสือ ชีท ปากกา สมุดไม่มี ถามว่า ทำไมไม่เอามา คุณท่านบอกว่า ไม่ได้กลับบ้านบ้าง อยู่บ้้านเพื่อนบ้าง ฯลฯ สำหรับวิธีแก้ปัญหา เรื่องเข้าเรียนสาย ปล่อยไปค่ะ เพราะว่านักศึกษาเยอะ (เกือบ 70 คน) ถ้ามัวเช็คชื่อพวกที่เข้าห้องสายคงไม่ต้องสอนกันพอดี  ส่วนเรื่องเด็กขอ Slide นี่ก็มีค่ะ  แรก ๆ ก็ให้  แต่มาจับได้ว่าไม่เคยเปิดอ่านกันเลย ตอนหลังเลยไม่ให้แล้ว ให้จดกันเอาเอง ซึ่งแน่นอนค่ะ โวยวายกันน่าดู (มี จนท.ภาคมาเล่าให้ฟังว่า นศ.มันด่าลับหลังแรง ๆ ก็มี) น่าสงสารคนเป็นครู - อาจารย์สมัยนี้มาก ๆ ค่ะ จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:40:32

ความคิดเห็นที่ 27 คห. 16 ตัดอ้อยคืออาร๊ายยยยย  ศัพท์ใหม่เราไม่รู้ - -" นศ. ขอรายงานตัวบ้างละกัน 555 ม.เราอัพสไลด์ลงE-learning เหมือนกัน ส่งงานก็ส่งผ่านE-learning แต่ดันอัพไม่ติดซะนี่ เพิ่งเข้าไปดูเมื่อวันก่อน ได้อัพลงใหม่ เลยขึ้นว่าส่งช้าเลย เซ็ง -*-   เอ้อ แถมมีครั้งนึงเพื่อนปริ๊นท์สไลด์มาผิด(ทั้งที่ของตัวเองไม่เหมือนเพื่อนอยู่คนเดียว)แล้วไปเถียงอ.ว่าอ.สอนผิดอัน อ.เลยน้อยใจบอกว่า ถ้านี่เป็นความผิดของครู วันนี้ครูก็ของดสอน เลยไม่ได้เรียนไปบทนึงเลย -*- ส่วนอีกคนเพื่อนภาคเราไปพูดขู่อ.หัวหน้าภาค บอกว่าถ้าวิชาภาคติดเอฟ จะโทษว่าเป็นความผิดของอ.(ไม่อยากจะบอกว่าเจ้แกเข้ามาเรียนก็เหมือนไม่ได้เข้า คุยตลอด) ดีนะที่อ.ไม่ถือสาอะไร ส่วนเรา มี Thumb Drive ไว้โหลดโปรแกรมของมหาลัยเท่านั้น  555  ชั่วร้ายจริงๆ -*- จากคุณ : ElinTyne เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:49:27

ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่มเติม อีกประเภทที่เจอประจำก็  ไม่มาเรียนเลย หรือมาเรียนน้อยมาก งานไม่ส่ง  แล้วพอปลายเทอม มาขอเกรด มาของานทำ(ทีเวลาใ้ห้ทำส่ง ทำไมไม่ทำว๊า) พวกที่เรียนมานานปี ลงหลายรอบแล้วไม่ผ่าน พอเหลือวิชาเดียว ทีนี้จะดิ้นรนอย่างมาก เอาพ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา มาช่วยขอ ที่มาพูดดี ๆ นิ่ม ๆ ทำให้สงสารนี่ไม่รู้จะว่ายังไง  ก็อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ให้เด็กไปอ่านหนังสือมาสอบ (ถ้าแกมาคนเดียว โดนด่าเละ)  แต่บางคนผู้ปกครองเข้าข้างลูกสุดฤทธิ์ค่ะ ลูกพูดอะไรเชื่อหมด   เคยมีครั้งนึง เข้าไปที่นั่น ยังไม่ทันวางของเลย จนท. บอกว่ามี ผู้ปกครอง นศ. มาพบ (อันนี้เป็นคุณพ่อ นศ.) แบบว่า เขามาแบบวางท่าว่าเป็นคนรวยมาเลยค่ะ คงเห็นเดี๊ยนเป็น แค่ อ.พิเศษ  คำถามแรกที่แกถามมาคือ "อาจารย์ทำไมลูกผมเรียน 5 รอบแล้วยังไม่ผ่านอีก ที่นี่สอนกันยังไง" ยังไม่ทันได้ตอบ  แกก็ถามคำถามที่สองว่า "ไม่ทราบว่าที่นี่ เขามีหนังสือหนังหาให้นักศึกษาอ่านบ้างหรือเปล่า เด็กมันไม่มีหนังสืออ่าน มันจะเรียนผ่านไ้ด้ยังไง" พอถึงตรงนี้ เดี๊ยนไม่ไหวแล้ว  เลยถามกลับไปว่า   "ก็ไม่ทราบว่าเขาสอนกันยังไงหรอกนะคะ  แต่นักศึกษาห้องนึงเกือบ ๆ 70 คนเนี่ย จะมีไม่ผ่านก็แค่ 3 - 4 คนเท่านั้นค่ะ ที่เหลือเขาก็สอบผ่านกันไปได้นะคะ...ส่วนเรื่องหนังสือ (ชี้มือไปที่ตู้หนังสือของภาควิชานั้น) ที่ภาคมีเหลือเท่านี้ค่ะ เล่มอื่น ๆ นักศึกษายืมไปอ่านกันหมด  แล้วคุณได้ลงไปดูที่ห้องสมุดของคณะหรือยังคะ ที่ชั้น...น่ะค่ะ  ทั้งชั้นนั้นเลยเป็นห้องสมุด ....แล้วยังมีห้องสมุดของมหาวิทยาลัยอีกนะคะ  เป็นตึกสูง ๆ ด้านหน้า เข้ามาจะอยู่ซ้ายมือค่ะ  ที่มี 7 ชั้นน่ะคะ่ เห็นหรือเปล่าคะ....เอ่อ...หนังสือแค่นี้พออ่านไม๊คะ" จบประเด็นการสอนกับหนังสือไป แกทำหน้ามึน ๆ อยู่นิดนึง แล้วก็เริ่มประเด็นใหม่ว่า.... "แล้วมีคะแนนช่วยอะไรให้เด็กมันมั่งหรือเปล่า ให้สอบอย่างเดียวก็ตายน่ะสิ เรียนมาทั้งเทอม สอบแค่หนเดียวตอนปลายเทอม ใครจะไปจำได้" (เดี๊ยนคิดในใจ...มหาวิทยาลัยที่ไหนสอบครั้งเดียวหว่า...แกจบวัดลิงขบมาหรือไงเนี่ย...)  อันนี้ไม่ได้ตอบ  แต่เอาใบเช็คชื่อ นศ. กับ ใบตรวจงาน นศ. มาให้แกดู  ลูกแกขาดเรียนหลายครั้ง แถมไม่ยอมส่งการบ้านเลย  นั่นแหละ แกถึงยอมรับว่าสาเหตุมาจากลูกแกเอง อยากบอกคนที่เป็นผู้ปกครองนะคะ  ถ้าหากลูกหลานตัวเองเรียนแล้วมันตกแล้ว ตกอีก  ช่วยกรุณาสืบก่อนว่า  ในรุ่นหรือห้องที่เรียนด้วยกันนั้น มีกี่คน แล้วสอบตกกี่คน  ได้ข้อมูลมาแล้วก็น่าจะพิจารณาได้ว่า ลูกหลานตัวเองตกซ้ำตกซาก เพราะอะไร จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 20:57:52

ความคิดเห็นที่ 29 กระทู้นี้น่าติดตามดีแหะ เรตบ้างเล็กน้อย พอกล้อมแกล้ม~ จากคุณ : Shineokung เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:06:08

ความคิดเห็นที่ 30 กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โดนใจข้าเจ้าเหลือจะเอ่ย ที่มีเยอะๆคือ ไม่ตั้งใจเรียน แล้วพอปลายเทอมก็จะเอาคำว่า "จะโดนไทร์" "เกรดไม่ดี" มาข่มขู่อาจารย์ 555555 มีอยู่คนนึงเดินมาบอกว่า "อาจารย์คะ ช่วยด้วยค่ะ" (ก่อนสอบมิดเทอม เค้าเรียกเราว่า จานๆ พอหลังมิดเทอม เค้าจะเรียกเราว่า อาจารย์) เราก็มองหน้าก็จำได้แล้วแหละว่า รายนี้สอบได้ 0 คะแนน เราก็ถามว่า "มีอะไรเหรอคะ" "หนูอยากให้ตรวจข้อสอบใหม่ค่ะ เพราะว่าเพื่อนคนที่นั่งข้างๆหนูเค้าได้เกือบเต็ม หนูอ่ะลอกเค้าเกือบทุกข้อ ทำไมหนูถึงได้ 0 ล่ะคะ มันเป็นไปไม่ได้" เด็กน้อยบอก เราก็อึ้งๆ จะหัวเราะก็ไม่ออก จะร้องไห้ก็ไม่ควร เลยบอกว่า "คุณรู้มั้ยคะ ว่าข้อสอบมี 4 ฟอร์ม ของคุณกับของเพื่อน คนละฟอร์มกัน" เจ้าตัวก็อึ้ง ตอนลอกก็คงไม่ได้ดู ลอกอย่างเดียว เราเลยถามต่อว่า "ตอนสอบคุณได้อ่านหนังสือมั้ยคะ ทำไมต้องไปลอกเพื่อนด้วย" เค้าตอบเราว่าไงรู้มั้ยคะ "โธ่ อาจารย์ หนูอ่ะไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือหรอก วิชาอีกตั้งหลายวิชารอให้หนูอ่าน อีกอย่างวิชานี้ หนูเรียนไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว ก็เลยไม่อ่านมันหรอก อ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง สู้มารอเวลาอาจารย์เผลอลอกเอาในห้องดีกว่า" วันนั้นเลยเปลืองน้ำลายไปสามปี๊บ อบรมเสด็จลูกศิษย์บังเกิดเกล้า 555555555 . อีกเรื่องเกิดหลังสอบไฟนอลแล้ว เจ้าตัวกลัวว่าตัวเองจะตก ก็เลยพาพ่อกับแม่มาที่ภาค มาขอหัวหน้าภาคให้กดดันเราไม่ให้ D หรือ F ลูกเค้า หัวหน้าภาคก็อึ้ง เราก็อึ้ง แบบ โห อะไรเนี่ย แต่สุดท้ายลูกเค้าก็ติด F อยู่ดีแหละค่ะ เพระาคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ . อีกคราว ยกมากันสิบกว่าคน มาบอกเรา ง่ายๆสั้นๆ เลยว่า "ถ้าอาจารย์ให้พวกผมตก อาจารย์เดือดร้อนแน่" เราก็เกือบหัวเราะออกมาแล้วนะ แต่ยั้งไว้ทัน ก็ถามว่า "ทำไมเหรอคะ" เด็กๆเค้าก็ตอบว่า "พวกผมจะเขียนคอมเมนท์อาจารย์ให้เละไม่เหลือซากเลย คอยดูซิว่าทางมหาลัยเค้าจะให้อาจารย์สอนอยู่อีกรึเปล่า" เราก็เกิดอาการสลดใจขึ้นมาทันทีเลยล่ะ ว่า นี่หรือ คือ นิสิต ของประเทศไทย แต่ก็ตอบไปตามปกติว่า "ก็เชิญค่ะ ครูทำหน้าที่ของครู ครูสอนคุณอย่างดีที่สุด ทำอย่างดีที่สุด ถามตัวเองเถอะว่าตัวเองน่ะ ทำหน้าที่เรียนอย่างดีที่สุดหรือยัง ทำหน้าที่เข้าเรียนหรือยัง ทำหน้าที่อ่านหนังสือหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ทำ เอาเวลาขู่ครู กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ เป็นนิสิตแล้วค่ะ ไม่ใช่กุ๊ยข้างถนน ที่ไม่ได้อะไรดังใจ ก็ข่มขู่จะเอาให้ได้" ลงท้ายก็ตกยกก๊กอยู่ดี เหอๆ เพราะพ่อคุณไม่เข้าเรียน ไม่มีหนังสือเรียน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรา (ซึ่งสอนมาเกือบหนึ่งเทอม) ชื่ออะไร . อีกคราวนึงเป็นเด็กที่มาสายหลายรอบมาก จนเราต้องเรียกมาตักเตือน นี่คือ บทสนทนา 555 เรา: คุณคะ คุณมาสายหลายรอบแล้วค่ะ หากมาสายอีกครั้ง คุณจะหมดสิทธิสอบค่ะ (วิชาเรา สาย 3 ครั้งเท่ากับขาดเรียน 1 ครั้ง ขาดเรียน 3 ครั้ง เท่ากับหมดสิทธิสอบค่ะ เด็กคนนี้ขาดไปแล้ว 3 ครั้ง มาสายอีก 2 ครั้ง แปลว่าใกล้หมดสิทธิสอบแล้วแหละ) เด็กน้อยตาดำๆ "อาจารย์พูดงี้ได้ไง จารย์รู้ป่าว ผมลูกใคร" เรา (ซึ่งกำลังอึ้ง ว่ามุกแบบนี้เค้ายังใช้กันในยุค 2009 อีกเรอะ) ก็มองหน้าเด็ก แล้วก็ตัดสินใจ 'เล่น' ด้วย เรา: พ่อแม่คุณเอง คุณยังไม่รู้จัก ต้องมาถามครูเลยว่าคุณเป็นลูกใคร เเล้วครูจะรู้มั้ยล่ะคะ" เด็กน้อยตาดำๆโกรธมากค่ะ เดินออกไป ไม่พูดอะไร แต่วันรุ่งขึ้น เอาเลยค่ะ พ่อของเด็กน้อยตาดำๆโทรมาหาเราแต่เช้า หุหุหุ พ่อของเด็ก "ขอพูดกับอาจารย์ xxxหน่อย" เรา: "พูดอยู่ค่ะ" พ่อของเด็ก : ลูกผมบอกว่าอาจารย์ตัดสิทธิสอบแกอย่างไม่ยุติธรรม ทั้งที่แกตั้งใจเรียน ผมขอบอกว่าผมรู้จักอธิการบดี และผมสามารถเอาอาจารย์ออกจากตำแหน่งได้เลย ณ ตอนนี้ วันนี้เลยก็ได้ เพระาฉะนั้น คืนสิทธิสอบให้ลูกผมซะ แล้วเลิกทำตัวไม่ยุติธรรมกับลูกผมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" เรา: "ดีมากเลยค่ะที่คุณพ่อโทรมา หนูขอรายงานพฤติกรรมการเรียนของลูกชายคุณพ่อเลยค่ะ รบกวนช่วยสอดส่องดูแลด้วยนะคะ เพระาผลการเรียนแกค่อนข้างแย่" ว่าแล้วเราก็จาระไนเลยค่ะ ว่าเด็กมาสายกี่ครั้งๆ ขาดเรียนกี่ครั้งๆ ไม่มีหนังสือเรียน บลาๆๆๆๆๆ จนสุดท้ายคุณพ่อเด็กต้องยอมรับอ่ะ ว่าลุกเค้าไม่ตั้งใจกับวิชานี้จริงๆ และวางสายไป อีกสัปดาห์นึงต่อมา เด็กน้อยตาดำๆมาเรียน เข้าตรงเวลา!!!!!! มีหนังสือเรียน !!!!! ได้ข่าวเเว่วๆ ว่าโดนพ่อด่าซะเละ  เลยไม่กล้าหืออีก เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ . เราจะบอกว่า ให้นินทาเด็กน้อยๆของเรานี่ สามวันคงไม่จบ แต่ละเรื่องสนุกสนานทั้งน้านนนนนน ดีค่ะ ไม่เครียด ถ้าชีวิตการสอนมีแต่เข้าห้อง สอน ออกข้อสอบ ตัดเกรด คงน่าเบื่อพิลึก ว่ามั้ย???? แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 23:21:04 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 21:22:53 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 21:14:02 จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:06:20

ความคิดเห็นที่ 31   เด็กThumb VS อาจารย์Slide ดัดหลัง(!!)นศ. หุหุ นึกว่างานหลักของอาจารย์มหาวิทยาลัยคือ บริการ(สอน) นศ.(ตรี) พอกันทั้งคู่ ขิงก็ราข่าก็แรง จากคุณ : จริงหรือ? (เดธซิทีนี้) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:33:45

ความคิดเห็นที่ 32 ใครคนหนึ่งขอฝากถึง อาจารย์ (โคลงสี่สุภาพครับ) อาจารย์โปรดเกล้า เมตตา ศิษย์กราบงามสามครา สิบครั้ง หวังท่านพิจารณา เกรดใหม่ D และ F โปรดยั้ง หยุดมั่ง ยอมมือ เราก็คือหนึ่งผู้ รักเรียน อ่านอ่านจนแทบเอียน โอษฐ์อ้วก สิบตลบสิฝึกเขียน จนคล่อง พอสอบดั่งบ้าใบ้ หน้ามืด ตามัว สุดกลัวตอบผิดแล้ว หรือเรา ข้อสอบยากเกินเดา สุ่มได้ ไม่รู้แต่ท่านเอา ออกสอบ แสนยากอยากร้องไห้ โหดมาก จริงจริง อิงเกณฑ์อิงกลุ่มก้อน เป็นไร ไป่ฤา D และ F สิจี้ใจ เจ็บแท้ A B และ C ไป ไหนหมด สอบเสร็จต้องกลับแก้ สอบซ้ำ สุดซวย ขวยเขินเกินหยุดยั้ง ยืนยง แปลกแปลกข้อสอบงง เรียบร้อย อ่านกลับมิได้ตรง ที่ออก ที่ออกสิลิ้นห้อย ใกล้ฆ่า ตัวตาย ใหว้ล่ะอาจารย์ผู้ ใจดี ก้มกราบสองอีกที อย่าร้าย เหอะเหอะอย่าถึงC เลยแม่ นาพ่อ ท้ายอาจไทร์เทอมท้าย สุดโง่ โดนไทร์ ใจจะวายโปรดจ้องเนตร ศิษย์ดู ... นึกว่าช่วยลูกงู ตกน้ำ หากได้(แฮ่ แฮ่)ไก่ อู อบ อร่อย มิได้อาจต้องช้ำ ชอกเนื้ออาจารย์สังเวียน จากคุณ : จำที่มาไม่ได้ (Neo_zeeout) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:34:41

ความคิดเห็นที่ 33 ผมมีปัญหาด้านสมาธิอย่างรุนแรง เพราะโรคประจำตัว แค่จะนั่งฟังอาจารย์อธิบาย ก็แทบจะไม่รู้เรื่อง ก็เลยไม่ได้จดแลคเชอร์อะไรเลย ได้สมุดจดของเพื่อนกับขอดูดข้อมูลอาจารย์ ถึงพอได้สอบผ่าน บางทีเทคโนโลยีก็ช่วยชีวิตได้ แต่ ม. ที่ผมเคยเรียนก็ไม่ได้มาสายกันนะครับ พวกที่มาสายมากๆ หลังๆมักหลุดไปเลย คนที่ตั้งใจเรียนก็มากันตรงเวลา เรื่องขอชีตอาจารย์นี่ทำกันทั่ว พวกขยันๆยิ่งทำ มันละเอียดกว่าจดเองในบางด้าน จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:35:33

ความคิดเห็นที่ 34 เฮ้อ อ่านดูแล้วรู้สึกแปลกๆ กับเด็กสมัยนี้ อย่างน้อย สมัยที่เราเป็นนักศึกษา เราก็ได้ F มาอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เข้าเรียน ไม่ลอก ไม่ขอเกรด โฮะๆๆๆ (น่าภูมิใจตรงไหนเนี่ย) จากคุณ : Phagus เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:36:11

ความคิดเห็นที่ 35 นี่ไง จะมีใครกล้าพูดอีกไหมว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:44:46

ความคิดเห็นที่ 36 555 งั้นผมคงเป็นกลุ่มแปลกแยก เรียนตั้งแต่ ตรี ยันโท ไม่เคยจดเลคเชอร์ ไม่เคยเอาทัมป์ไดรฟ์ไปดูดไฟล์ ที่ทำก็แค่นั่งหน้าสุด อ่านมาก่อน ตั้งใจฟัง แล้วก็ถามเยอะๆ ก็เอาตัวรอดไปได้อีกเทอม แบบไม่ต้องอ่านหนังสือสอบหนักๆ และเกรดก็ดีด้วย (ความจริงคือลายมือไม่สวย จดไปก็อ่านไม่ออก แถมขี้เกียจอีก ได้สไลด์ไปก็คงไม่อ่าน สู้เอาเวลาไปติวกับเพื่อนช่วงใกล้ๆสอบดีกว่า) แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 21:50:02 จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:48:32

ความคิดเห็นที่ 37 เออ... อ่านแล้วสังเวชใจดีครับ ทุเรศดี ถ้าจะมองโลกในแง่ดี ก็ต้องคิดว่า ไม่ใช่คุณภาพของเด็กไทยมันตกลงหรอก แต่เศรษฐกิจและการศึกษาของประเทศไทยมันดีขึ้นต่างหาก เด็กกลุ่มที่อยู่ฐานล่างของปิรามิดสังคมเลยได้มีโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น และเนื่องจากเด็กกลุ่มนี้เป็นเวฟแรกของกลุ่มฐานที่เพิ่งได้รับโอกาส เขาจึงขาดทักษะการเรียนรู้ และมีพฤติกรรมสถุลๆ ติดตัวมาด้วย หลังเวฟนี้ผ่านไป ในอนาคตก็คงดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ แต่นั่นก็เป็นการ "แค่น" มองโลกในแง่ดีน่ะนะ ในความเป็นจริงแล้ว ไอ้พวกที่มีพฤติกรรมสถุลๆ นี่ ไม่ได้เป็นเด็กกลุ่มฐานปิรามิดหรอก แต่มันเป็นเด็กที่ถูกสปอยล์โดยพ่อแม่ และกระแสสังคมบันเทิงนิยมนี่แหละ กลับกัน พวกฐานปิรามิดจะเป็นพวกเด็กที่เรียบร้อย มีมารยาท ขยันขันแข็งซะอีก   พูดจากประสบการณ์ในฐานะที่เป็นคนรุ่นช่วงต่อของเด็กสมัยใหม่กับอาจารย์สมัยเก่า และได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างมาในมหาลัยทั้งภูมิภาคและส่วนกลาง จากคุณ : PastelSalad เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:48:54

ความคิดเห็นที่ 38 กระทู้นี้รวมอาจารย์จริงๆ ด้วยครับ... จากคุณ : ปัจจุบันคนหลังเขา (อดีตเป็น) (คนไทยในลอนดอน) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:58:49

ความคิดเห็นที่ 39 ที่ม.ผมส่วนใหญ่มีแต่แผ่นใสครับ Thumb Drive อะไรไม่เคยเสียบเพราะอาจารย์กลัวไวรัสจึงไม่ให้ใครเสียบ ส่วนพวกPPT นี่ก็จะมีแต่รูปภาพ ใครไม่จดไม่ฟังก็ซวยไปครับ ควรดัดหลัง นศ.พวกนี้โดยการทำสไลด์ห่วยๆครับ ถ้ามันไม่ฟังก็ช่างมัน จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:08:34

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่อยากนินทาลูกศิษย์ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:10:14

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ ซักนิดน่า แค่เล่าสู่กันฟัง จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:14:52

ความคิดเห็นที่ 42 ผมปี4เรียนอยู่ม.รัฐแห่งหนึ่งครับ สภาพการแบบนี้ อาจารย์มักจะแก้ไขด้วยการ เช็คชื่อนิสิต ต่อให้คิเกียจก็ต้องถ่างตามาเรียน -___-" จากคุณ : okaunkung (okaunkung) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:16:52

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องขอเกรดนี่ คงจะมีมาตั้งแต่รุ่นลุงๆป้าๆแล้ว แต่ขนาดนั่งตัดผม แต่งหน้ากันในห้องเรียนนี่ บรือๆๆๆ ถ้าต้องเจอเด็กรุ่นใหม่แบบนี้จริงๆ คงเครียดไม่น้อยเลย จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:27:39

ความคิดเห็นที่ 44 ในฐานะ ศิษย์คนนึง อยากบอกอาจารย์ว่า ทำหน้าที่ที่ดีต่อไปนะคับ อยากให้กำลังใจอาจารย์หลายๆท่านว่า อย่าเพิ่งท้อกับศิษย์หลายๆคนที่ไม่ตั้งใจเรียน และไม่มีน้ำทนกันซะเลย ขอชื่นชมกับอาจารย์หลายๆท่านที่ทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดแล้ว ผมเห็นว่า ให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองดีที่สุดคับ อย่าไปอ่อนข้อให้พวกเขาเลย ตกเป็นตก ให้เขาได้รู้ซะทีว่า เขามาเรียนไม่ใช่เพราะเกรด แต่เพราะความรู้ที่จะเอาไปประกอบวิชาชีพ ถ้าเรียนยังเป็นแบบนี้ แล้วไปหางาน ที่ไหนเขาจะรับ อยากให้อาจารย์เข้มงวดกับพวกเขาให้เยอะๆคับ แล้วบอกเขาเลยว่า ที่ตัวอาจารย์เข้มงวดเนี่ย ไม่ใช่เพราะเกลียดเลยนะ แต่เพื่ออนาคตที่ดีของพวกเธอต่างหาก จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:33:37

ความคิดเห็นที่ 45 พรุ่งนี้เราจะให้พี่ชายมาแชร์ประสบการณ์มั่ง เขาเป็นอาจารย์พิเศษอยู่สถาบันแห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีอาจารย์พิเศษลาออกเยอะสุดๆ พี่เราเคยเล่าว่าเด็กมันคุยกันมาก เลยบอกว่าผมไม่ว่าถ้าคุณจะนอนหลับหรือเดินออกจากห้องไปเลย แต่ขอร้องว่าอย่าคุยกันนะครับ ปรากฏว่าเด็กมันเลยฟุบหลับไปครึ่งห้อง เลิศเลยมั้ย เรื่องของเรื่องคือเด็ดส่วนใหญ่หัวไม่ดีอยู่แล้วและต้องมาเรียนวิชาภาษาอังกฤษซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วมันยาก บางคนจบมาแบบท่องได้แค่A-Z จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:01:18

ความคิดเห็นที่ 46   โอ้โฮ เชื่อแล้วครับว่าห้องนี้อาจารย์เยอะจริงๆ คราวนี้เลยร้อนตัว ขอชี้แจงก่อนว่าลูกศิษย์ของผมน่ารักเป็นส่วนใหญ่นะครับ ที่จะเป็นพวก "พลัดถิ่น" จริงๆ เป็นส่วนน้อยครับ ข้อสังเกตที่ได้จากการกลับมาสอนคราวนี้ มีเพิ่มเติมอีกคือ 1. เด็กไม่ใส่ใจกับเกรด F มากนัก เพราะมหาลัยนี้ (และอีกหลายๆแห่ง) ไม่เอา F มาหาร !!! โอ้... สมัยผมนี่ติด F ทีนึงเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตนักศึกษา เพราะจำนวนหน่วยกิตของวิชาที่ติด F จะเอามาหาร ถ่วงให้ GPA ต่ำติดดิน 2. เด็กกิจกรรมส่วนใหญ่ มักจะได้คะแนน "ปฎิสัมพันธ์" สูงในห้องเรียน ถึงทำคะแนนสอบไม่ดี แต่มักจะได้คะแนนพิสวาทจากผม เด็กกลุ่มนี้จะมีโอกาสตีตื้นเด็กเรียนก็ตอนนี้เอง 3. เด็กเก่งๆ ผมเรียก "ทีมชาติ" ส่วนใหญ่มักจะเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ สังเกตจากตอนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมมักจะไม่เข้าพวก ต้องคอยจับยัดเข้ากลุ่มอื่นๆทีหลัง 4. วิธีดัดหลังพวก "กินแรงเพื่อน" ที่ดีที่สุดเวลาแบ่งกลุ่มทำรายงานสำหรับผมคือ กันคะแนนส่วนหนึ่งไว้ให้เด็กๆให้คะแนนเพื่อนๆในกลุ่ม เช่นคะแนนกลุ่มมี 30 คะแนน ผมจะให้แค่ 20 อีก 10 คะแนนปล่อยให้เขาให้คะแนนสมาชิกในกลุ่ม คะแนนที่ได้จะรู้ทันทีว่าใครเป็นตัวอู้ เดี๋ยวนึกอะไรออกจะมาเขียนเพิ่มนะครับ จากคุณ : FlyingBuffalo เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:03:00

ความคิดเห็นที่ 47 ม.ผมไม่มีนะขอก๊อปสไลด์หน้าห้อง ลองไปสิ โดนด่ากระเจิง มีให้โหลดในเว็บคณะ ไม่มีก็หาทางจดเอา ขอเกรดนี่ หึหึ "คุณ F คุณเปอร์ แล้วยังไง" แค่ขอเปิดกระบวนวิชายังไม่ได้เล้ยยยย อย่าเหมารวมว่านักศึกษาสมัยนี้จะเป็นแบบนั้นทั้งหมดเลยครับ จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:03:28

ความคิดเห็นที่ 48 #32 ประพันธ์โต้ โดย อ.มงคล เดชนครินทร์ อาจารย์ภาควิชา วิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราชบัณฑิต ศิษย์เง่าอย่าเรียกร้อง เมตตา ถึงกราบงามสามครา แทบเท้า อย่าหวังเรื่องจะกา เกรดใหม่ D F เป็นของเจ้า อยู่แล้ว นะเออ เธอหรือคือผู้ชอบ ขาดเรียน ถึงจะอ่านจนเอียน โอษฐ์อ้า ร้อยตลบฝึกเขียน ฤาคล่อง พอสอบย่อมบ้าใบ้ มืดหน้าตามัว มีกลัวตอบผิดด้วย หรือเธอ ข้อสอบหมูนะเออ บอกให้ ตรงตัวอย่างจังเบอร์ เลยพ่อ เคยอ่านบ้างหรือไม่ บอกไว้จริงจริง อิงเกณฑ์กลุ่มไป่สู้ อิงกู D F ของชอบครู จึ่งให้ A B และ C กู กักเก็บ สอบเสร็จพึงหวังได้ สอบซ้ำแน่เลย เหวยเหวยใยกล่าวอ้าง งุนงง ข้อสอบครูออกตรง ทุกถ้อย ไยอ่านมิเจาะจง ที่บอก เจอเจอะจึ่งลิ้นห้อย แทบม้วยเท่งทึง ถึงจะประหลกไหว้ ร้อยที ขอว่าครูปราณี อย่าร้าย อย่างมากจะให้ C อย่าบ่น ถึงจะไทร์เทอมท้าย ช่วยได้ยังไง เห็นใจจึงจ้องเนตร ศิษย์ดู เห็นว่าอาจเป็นงู กัดแว้ง ถึงจะยกไก่อู มาล่อ ท้ายสุดคงจะแกล้ง เจาะล้อรถครู... จากคุณ : แอลอีดีสีเขียว เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:12:13

ความคิดเห็นที่ 49   นึกถึง FWD mail ที่เป็นกระดาษคำตอบ แล้วนักศึกษาตอบไม่ได้ แล้วเขียนไปว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก อาจารย์เรยตอกกลับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จากคุณ : !!! เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:21:35 A:58.64.82.236 X: TicketID:203053

ความคิดเห็นที่ 50   อ่านแล้วขำ+เรท ดีครับ เด็กทัมป์ อ.สไลด์ สมัยผมยังเป็นแค่เด็ก Xerox อ.over head อยู่เลย จากคุณ : แผ่นใสชุดเดียวสอนซ้ำมา 10ปี เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:29:02 A:118.173.63.145 X: TicketID:216827

ความคิดเห็นที่ 51 เป็น 1 ในเด็กทัมบ์ เพราะชอบดูดสไลด์บ่อยๆ อยากได้เนื้อหา ใน slide ด้วยนี่คะ จดไม่ทัน อาจารย์บางคนเนี่ยนะ slide 1 หน้า ใส่ตัวหนังสือประมาณ 10 บรรทัด ใครจะจดทันล่ะเนี่ย ต้องเลคเชอร์นอก slide ที่อาจารย์สอนอีก จากคุณ : Pretty_Cute_Girl เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:33:19

ความคิดเห็นที่ 52 อย่าเช็คชื่อเลยครับ อาจารย์สอนห่วยอย่าให้ผมต้องเสียเวลาเข้าไปนั่งฟังเลยครับ ผมไม่เข้า ผมหาอ่านเองได้ครับ ถ้าผมโง่จนสอบไม่ผ่าน ก็อย่าให้ผมผ่านสิครับ อย่างกสไลด์เลยครับ แจกผมเถอะ อย่าให้ผมต้องเสียเวลานั่งจด นั่งลอกสไลด์งกๆ โดยที่สมองไม่ได้คิดตามเรื่องที่อาจารย์สอนเลยครับ เด็กมาเรียน มารับเอาความรู้ ใช้สมองคิดตามที่อาจารย์สอน ไม่เข้าใจผมก็ถาม อย่าให้ต้องเจียดเวลามาจดๆๆๆ จดเรื่องที่มันก็มีในสไลด์อยู่แล้วเลยคับ มันเสียเวลา เด็กมันห่วย ก็อย่าให้มันจบครับ ถ้าคุณปล่อยให้เด็กห่วยๆมันจบ มหา'ลัยนั้น ก็จะกลายเป็นมหา'ลัยห่วยๆครับ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:37:17

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้นึกถึง ชอล์ก กับ กระดานดำ จากคุณ : nonlocality เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:49:50

ความคิดเห็นที่ 54 เห็นด้วยว่าการลอกสไลด์โดยที่อาจารย์กำลังพูดเนื้อหาต่อไปเรื่อยๆนั้น ทำให้รบกวนการรับรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังเรียนอยู่จริงๆ ครับ... อยากให้นักศึกษามีสไลด์มากกว่า เพราะคิดว่าทำให้คนที่เข้าเรียนในคาบนั้น เข้าใจกว่าคนที่ไม่ได้เข้าเรียนแต่อ่านเพียงสไลด์แน่ๆ... เพราะไม่ฉะนั้น ถึงจะไม่ให้สไลด์ คนที่ไม่ได้เข้าเรียนมันก็ไปขอซีรอกเล็กเชอร์กับคนอื่นก็ได้... สุดท้ายการงกสไลด์มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีครับ... ทำให้บั่นทอนการเรียนรู้ของคนที่ได้เข้าเรียนมากกว่า... ใช้เป็นการเช็คชื่อดีกว่านะครับ ถ้าจะแก้เผ็ดนักศึกษาที่ไม่ได้เข้าเรียน... แก้โดยเพิ่มคำว่า เล็กเชอร์ ครับ... แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 23:54:21 จากคุณ : Little Pig in Big World เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:53:06

ความคิดเห็นที่ 55 แล้วทำไมต้องจดหล่ะ......เดี๋ยวนี้สมัยใหม่แล้ว  เป็นอาจารย์อย่าล้าหลังสิ  เค้าก็อาจจะจดแต่ประเด็นสำคัญ  ทุกคำที่อาจารย์สอนเป็นประเด็นสำคัญหมดเลยหรือ  ก็ไม่ใช่  เป็นผมจะปล่อยบลูทูธยิงให้เลยด้วยซ้ำ Upลงเน็ทก็ได้  เอามาเสียบผมบ่อยๆ เดี๋ยวติดไวรัส แล้วให้เด็กตกเยอะๆนี่ ผมว่าอาจารย์น่าจะพิจารณาตัวเองนะ  แต่ก็เข้าใจว่าพวกไม่ตั้งใจเรียนมันเยอะ จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:02:41

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่ชอบอ่านสไลด์เลยให้ตาย  -  -" ยอมอ่านหนังสือเป็นเล่มๆดีกว่า ว่าแต่ เพื่อนที่ไปขอสไลด์อาจารย์เนี่ย ที่จริงก็ไม่ได้เอามาอ่าน แล้วก็ไม่เคยเห็นพวกมันอ่านกันด้วย เห็นมาสารภาพให้ฟังว่า ที่ไปขอสไลด์เพราะอยากให้อาจารย์เห็นว่า ตรูก็สนใจจะอ่านนะ แต่ที่จริง ก็เปล่า .. จากคุณ : พลอยจินดา เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:06:30

ความคิดเห็นที่ 57 ที่เป็นอย่างงี้ เพราะ รัฐบาลครับ !!!! ล้อเล่น .... ดักเอาไว้ก่อน ... ฮากะเด็ก สมัยนี้ จริงๆ .. สมัยก่อนเคยคิดไปอ้อนวอน อาจารย์ ขอ จบเหมือนกัน พอเจอหน้าอาจารย์ ปั๊บ ..  ไม่รู้จะพูดอะไร บอกไปเลย เพื่อนก็นั่งอยู่เต็มห้อง .. "  'จารย์ครับ  ผมจะจบแล้ว เหลือ ตัวเดียว ขอผ่านได้มั้ยครับ " อึ้ง กัน ทั้งห้อง ..   อาจารย์ เลย บอกกลับมาว่า " ให้ผ่านได้ค่ะ แต่ต้องสอบให้ผ่านนะ .. " สุดท้าย ตก ..  เซ็งจิต .. มาสอบผ่านเอาอีกเทอม .. สอบได้จริงๆนะ รู้สึกว่า ตัเองงี่เง่า มากวันนั้น ทำไปได้ไง เลย ตั้งใจด้วยตัวเองครับ ว่าแต่กระดุมเม็ดบนสุดนี่เป็นยังไง อ่ะครับ มะเคยเห็น .. อิอิ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 00:14:54 จากคุณ : Joeeey เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:14:01

ความคิดเห็นที่ 58 การจด แลคเชอร์ ดีจริงหรือ จะเน้นให้จด หรือเน้นให้เด็กเข้าใจดีล่ะ บางคนเวลาจด ก็ไม่มีสมาธิที่จะฟัง เวลาตั้งใจฟัง พยายามเข้าใจ ก็จดไม่ได้ ผมเป็นแบบนั้นแหละ ดังนั้น ถ้าแจกสไลด์มา เป็นแค่หัวข้อก็ยังดี จะได้จดเสริมในส่วนที่ช่วยให้เข้าใจดีขึ้น ไม่ใช่จดมันทุกคำพูด เพราะจดไปไม่เข้าใจ เสียเวลาต้องไปหาอ่านใหม่อีก จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:33:44

ความคิดเห็นที่ 59 อาจารย์ขา อย่าดุหนู... จากคุณ : ลูกศิษย์ (i Lost my way) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:46:53

ความคิดเห็นที่ 60 และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรา (ซึ่งสอนมาเกือบหนึ่งเทอม) ชื่ออะไร  <-----  ฮา  อันนี้มาก ๆ เลยค่ะ  เป็นแบบนี้จริง ๆ ด้วยแหละ นักศึกษาไม่เคยจำชื่ออาจารย์เลย ส่วนมาก จะจำแต่ลักษณะเด่น (ที่ไม่ดี) เช่น วันนึง มีนักศึกษามาในห้องแล้วถามว่า....อาจารย์ที่สอนแคลคูลัส  ผู้ชายที่หัวล้าน ๆ อยู่ไหมครับ ? ........... สำหรับเรื่องจดแลคเชอร์นี่  ถ้าหาก "จดเป็น"  ดีค่ะ  ดีแน่นอน  แต่ส่วนมาก นักศึกษาจะจดไม่เป็นกันมากกว่า  พยายามจดสิ่งที่ครูพูดทั้งหมดลงไป ซึ่งมันไม่ใช่ การจดแลคเชอร์น่ะ  เขาต้องฟังให้เข้าใจซะก่อน  แล้วค่อยจดตามความเข้าใจของตัวเราเองค่ะ สำหรับคำถามว่า "ทำไมต้องจด..."  อันนี้บอกได้แค่ว่า  การจดแลคเชอร์(แบบที่ถูกต้อง)  จะช่วยจัดระเบียบความคิดของผู้จด  ลดเวลาที่ต้องไปอ่านหนังสือ และเท่าที่สังเกตดู พวกที่จดแลคเชอร์(จดเป็น)น่ะ ส่วนมากสอบแล้วได้คะแนนดีทั้งนั้นเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 01:32:42 จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 01:29:36

ความคิดเห็นที่ 61 เฮือกร้อนตัวแหะ ผมคนนึงหละ ที่ชอบเอา Thumb ไปดูด Slide ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มันมี Diagram สี เวลาที่ซีรอกๆ เนี้ย มันเป็นขาวดำ ดูยากมาก ถึงอยากที่สุด เคยมีวิชานึง คนนี้อาจารย์ต่างประเทศ ภาคผมเค้าก็ซีรอกมาให้ตามปกติ เอาแบบขาวดำมาให้ แต่ผมไปดูดของอาจารย์มา อาจารย์ก็ยินดี ให้ดูด เอามาปริ้นอ่านเองที่บ้าน แน่นอนครับ ปริ้นท์สี ตอนออกสอบ มีข้อสอบนึงถามว่า สารตัวนี้ จะมีสีอะไรๆ ยังดี ที่ผมจำสีได้ เพราะไปก๊อปสไลด์ของอาจารย์แท้ๆ อิอิ แต่ในห้องเรียนสิครับ ปวดหัว คุยกันจริงๆ ภาคผมเรียนกันที 70 คน แถวแรกๆ 1 - 4 จะเป็นแถวที่ไม่ค่อยมีคนคุยกัน พอพ้น แถว 4 เท่านั้นแหละ คุย กินขนม นั่งเล่นมือถือ อ่อ ส่วนผมนะเหรอครับ ก็นั่งอยู่หลังแถว 4 เนี้ยแหละ จะประมาณแถวห้าแถวหก ไม่เกินนี้ เพราะมันเหมือนเป็นที่นั่งประจำอะครับ เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก อันไหนที่หลุดก็จะหลุดไปเลยพอหลุดปุ้ป ความสนใจก็หมดทันที มือถือ คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้จักครับ ว่ามี Silent Mode ดังอยู่ได้ น่ารำคาญมาก จะไปรับข้างนอกก็ไม่ได้นะครับ ต้องรับในห้องด้วย - -" เรื่องเช็คชื่อ ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ ที่อาจารย์จะให้เช็ค เพราะตราบใด ที่อาจารย์ให้เช็ค ยังไงก็ต้องมีคนที่รักเพื่อนเอามากๆ เซนต์แทนอยู่ดี เคยเจอมั้ยครับ นั่งเรียนกันอยู่ 20 คนในห้อง ใบรายชื่อโพล่มา 40 กว่าคน มีวิชานึง ไม่เช็คชื่อครับ ลงทะเบียนกันไว้ 93 คน อาทิตย์สุดท้าย เหลือกันอยู่ 4 คน และผมก็เป็นหนึุ่งใน 4 - -" เรื่องสอบ หลากหลายวิธีที่จะสรรหาครับ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ เสื้อกันหนาว ไปห้องน้ำ จดไว้ใต้กระโปรง บลา บลา บลา ที่แค้นกว่าคือ พวกที่แบ่งๆ กันเนี้ย มักจะได้คะแนนดีกว่าผมเสมอ T T ผมนั่งคิดอยู่หลายครั้งนะ จะเรียนไปทำไม ในเมื่อเกรดยังไงที่ออกมา เมื่อเทียบกะคนอืนแล้ว มันแย่กว่าคนที่ลอกกันเยอะแยะ ผมเคยเจอ  แบ่งเป็นสองช่วงใหญ่ๆ เลยนะ 80 - 60 กะ 40-20 ผมหละอยากรู้จริงๆ ว่า มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าที่ ระหว่าง 60-40 แทบไม่มีคนได้เลย มีอีกวิชา่นึงครับ คะแนนพุ่งจนอาจารย์ยังสงสัยเอง แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรอยู่ดี เรื่องที่ผมเจอมา แบบนี้มีอีกเยอะครับ เบื่อมาก ทุกวันนี้ แทบจะไม่อยากไปเรียนเลย เฮ้ออออ จากคุณ : เด็กกรุง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 02:31:13

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อก่อนผมสอน มหาวิทยาลัยเอกชนแถวต่างจังหวัด สอนพวกคอมพิวเตอร์ธุรกิจต้อง ออกกฎกันใครเข้าสายเกิน 15 นาทีตัดคะแนน(จริงๆไม่ตัดหรอก เป็นทริค) ซึ่งจริงๆ นศ มาถึงหน้าห้องแต่ไม่อยากเข้า ชอบนั่งชมวิวหรือผู้สอนหล่อเกินไปเลยไม่อยากเข้าไม่รู้ พอ15 นาทีสุดท้ายวิ่งกรูกันเข้าห้อง พวกที่ไม่ทัน มาโกรธเคืองผมหาว่าเคี่ยว กรรมจริง ๆ นี่ หรือปัญญาชน       พอมานั่งเรียนกัน นศ เอาโน้ตบุ๊คมานั่งเล่นแก้ด้วยการถามบ่อยๆ เพราะเห็นมี โน้ตบุ๊คไม่ชอบให้เอามาเล่นเกมส์ออนไลน์ในเวลาเรียน เลยสอนด้วยสไลด์ที่ต้องบรรยาย eng ส่วนคนไหนไม่จดไปเตรียมตัวตายตอนสอบ ทุกคาบต้องพยายามมีสอบย่อยเพื่อให้ คะแนนกันทีละนิด ใครไม่มาเรียนอด        ตอนนี้ลาออกแล้วเพราะสังคมที่โน้นไม่เน้นคนเก่ง เน้นการเอาหน้าเอาตามาก กว่า กำลังจะสอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลด้านเทคโนโลยี คราวนี้จะเจอ นศ อีกแบบที่ตั้งใจ มาเรียน สอนไม่ตั้งใจอาจจะโดนคอมแพลน ใครอยากเป็นครูบาอาจารย์ต้องมีใจรักนะครับ ไม่ควรทำอาชีพนี้เพราะเน้นรับจ็อบหาเงินเข้ากระเป๋ามาก ๆ ผมเองจะสอนเสริม นศ ฟรี เนื่องจาก ตอนผมสอนในคาบปกติ ผมอาจจะเนื้อหาหนักไป พอสอนพิเศษเราจะสอนนาน เท่าไหร่ย่อมได้ไม่จำกัดเวลาเพื่อลูกศิษย์ที่เรารักจะออกไปประกอบอาชีพในสังคมได้ครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 52 12:47:22 จากคุณ : artchula66 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 06:36:51

ความคิดเห็นที่ 63 แค่อ่านเห็นนักศึกษษสมัยนี้แล้วเบื่อแทน...สมัยเราตั้งใจเรียนและจดมาก... สไลด์ อ.ใจดีก็จะให้ ไม่ให้ก็จะจดเอาเอง และไม่ได้ยึดกับสไสลด์ เพราะสไสด์ หรือ PPt ไม่ได้มีทุกสิ่งที่ อ.พูด สิ่งที่ อ.จะออกสอบ เวลาที่ อ.สอนไปแล้ว มีการถามคำถาม การวิเคราะห์ ต่างหากหล่ะ..  นั่นคือสิ่งที่เราได้จากการเรียนจริงๆ.. ถ้าไม่สนใจการเรียน ไปแต่งหน้า อ่านการ์ตูน เล่นมือถือ หรือหลับ ก็ไม่ต้องห้องเข้าห้องเรียนดีกว่านะ..ไปนอนที่ห้อง หรือ ทำอะไรอย่างอื่นที่เปนประโยชน์มากกว่า.. เรามาเรียนที่ต่างประเทศ เพื่อนๆขยันมากกกกกก เห็นระบบการศึกษาแล้ว คิดถึงอนาคตของประเทศจริงๆๆๆ จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:03:04

ความคิดเห็นที่ 64 ผมว่า คุณไม่ค่อยแฟร์เลยฮะ ที่มีสไลด์สองเวอร์ชั่น คุณควรที่จะเต็มใจที่จะสอนเด็กเสมอ ไม่ว่าเด็กมันจะเลวยังไงก็ตาม คือ ถ้าเด็กมาขอความรุ้ อาจารย์ควรที่พร้อมที่จะให้ ถึงมันจะไม่เข้าเรียน แต่ถ้าเค้ามาขอสไลด์ หรือ เอกสารการเรียนเราก็ควรจะให้ ครับ จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:09:54

ความคิดเห็นที่ 65 ตอนนี้ก็กำลังศึกษาอยู่ปริญญาตรีปีสุดท้ายครับ ขอออกความเห็นหน่อยว่า ผมไม่ชอบวิชาที่อาจารย์ใช้้สไลด์มากเท่าไหร่ มันไม่ค่อยน่าสนใจ... ณ ตอนนี้ที่ผมเรียน หลายๆวิชา คือ โยน text มาให้ ... ไปอ่านเอง ตีความเอง แล้ว อ.จะ brief ให้รอบหนึ่ง อีกคาบหนึ่งก็นั่งถกกันว่า เข้าใจมายังไงบ้าง แล้วสุดท้าย ถ้าไม่สอบเขียนในห้อง ก็เปน paper ส่งเป้นชิ้นๆไป .........    ผมรู้สึกดีมากกับการสอนแบบนี้นะ  รู้สึกเหมือนว่า เออ เนี่ยแหละ การเรียนที่มันแตกต่างจากมัธยม... ฝึกฝนให้นศ.ได้คิด ในขณะที่ ลองไปเข้าเรียนวิชาของคณะอื่นๆ มันเป็นแนวๆ ท่องๆ อาจารย์ไม่เปิดหนังสือสอน ก็ เอาสไลด์มาชุดนึง... พูดตามสไลด์ให้นักเรียนจด ..... สุดท้ายก็คือ ข้อสอบท่องจำ  - -'' ไม่ต้องคิด ไม่ได้อะไร ไม่ต้องวิเคราะห์ จำให้ได้ก็สอบได้ดี ผมก็ยอมรับนะครับ ผมก็คนนึงที่ไม่ค่อยเข้าเรียน ..... แต่ผมก็เป็นคนเลือกที่จะเรียน เรียนด้วยความชอบ ด้วยความสนใจจริงๆ   หรือ บางทีก็ไม่ได้เข้า เพราะต้องประกอบภารกิจอื่นเพื่อการดำรงชีวิต สุดท้ายบางวิชา ผมคะแนนไม่ดี ... แต่ก็ไม่เคยอ้าง ผมก็ยอมรับโดยดี มันก็เป็นผลกรรมที่ไม่เข้าเรียนเอง จะไปอ้อนวอนอะไร อันนี้ผมเห็นด้วยกับอาจารย์หลายๆท่านครับ ที่ไม่ต้องให้โอกาสเด็กที่มันไม่ใส่ใจ แล้วดันจะเสนอหน้ามาขอเกรด เพราะมันคงจะสร้างพฤติกรรมชิวๆ สบายๆ ไปพัฒนาอนาคตให้ประเทศมันชิวๆ สบายๆ แบบนิสัยมันแน่ๆ อีกอย่างคือนักศึกษานั่งคุยครับ ผมเกลียดมาก ถ้าเราเข้าไปเรียนแล้วจะไปคุย มันรบกวนสมาิธิคนอื่น   ถ้าไม่คิดว่าจะเข้าไป "เรียน" แล้วล่ะก็ ผมว่าโดดไปเลยดีกว่า แบบที่อาจารย์บางท่านไม่เช็คชื่อนศ. ก็พอเข้าใจครับ เพราะเด็กที่มันไม่ใส่ใจ บางคนมันแค่มาเช็คชื่อ เพื่อจะเข้าสอบจริงๆอะ ไม่ได้คิดจะมาเรียนหรอก ให้มันนอนอยู่หอ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นน่าจะดีกว่า ตัวผมมันก็ไม่ใช่เด็กเรียนครับ เกรดห่วยพอสมควรเลย คิอ 2 นิดๆ แต่ก็ยังรู้สึกดีกับอาจารย์หลายๆ่ท่านที่ให้เกรดผมแย่ๆ (เพราะงานบางชิ้นของผมมันแย่จริงๆ) หรืิ้อเรียกผมไปอบรมบ่อยๆ ผมรู้สึกว่าอาจารย์เหล่านี้ใส่ใจกับเด็กจริงๆ มากกว่า กลุ่มที่ ปล่อยๆคะแนนเด็กให้มันผ่านไปเสียอีก จากคุณ : solvonou เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:17:42

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้าฟังอาจารย์แล้วสรุปความได้ ยืนยันเลยว่าจดทันจริงๆ แต่ที่ส่วนใหญ่จดไม่ทันเพราะจะจดตามทุกคำพูดนี่แหละ พอจดไม่ทันสติก็เริ่มหลุด ความหายนะก็เริ่มมาเยือนชีวิต... จากคุณ : _The Enjoy_ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:41:22

ความคิดเห็นที่ 67 แถวบ้านผมเรียก อั้ยตัวดูด ตอนนั่งเล็คเชอร์ มันก็หลับ หรือไม่ก็ทำหน้าง่วงๆมึนๆ อาจารย์บางท่านที่มีมานะ ก็ปลุก หรือให้เพื่อนปลุก แต่ผมคิดว่า การเีรียนเป็นความรับผิดชอบของตัวผู้เรียนเองด้วย จะหลับก็หลับไป (คิดถูกหรือคิดผิดไม่ทราบ) ตอนเล็คเชอร์จบ มันก็ยืนเกาพุงแกรกๆ เอาหน้ายื่นเข้ามาบอกว่า ขอดูดไฟล์หน่อยคับจาน และจากไปโดยไม่มีคำขอบคุณในบางครั้ง --------------------------------------------------------------------------- ผมยินดีให้ ไม่หวงความรู้ ยิ่งเค้ารู้มาก ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเค้าและคนไข้ของเค้า แต่การฟังเล็คเชอร์ น่าจะมีประโยชน์กว่าอ่านไฟล์ powerpoint ที่บางครั้งก็ไม่มีคำอธิบาย มีแต่หัวข้อย่อยขึ้น --------------------------------------------------------------------------- สอนนักศึุกษาแพทย์ บางทีก็ปวดหัวครับ ส่วนใหญ่น้องๆตั้งใจเรียน หลายคนตั้งใจเรียนมากๆๆๆ แต่ทุกรุ่นก็จะมีเด็กประมาณว่า มรึงหลุดเข้ามาเรียนได้ไงฟระ.....แล้วคนไข้ที่มาเจอมรึงจะซวยมั้ย....... ว่าแล้วก็เอาเข้าที่ประชุม ดึงให้มันอยู่อีกปี :) จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:44:25

ความคิดเห็นที่ 68 ยืนยันว่า slide ต่างกับ lecture อย่างสิ้นเชิงในด้านการเก็งข้อสอบครับ เปรียบเทียบมาแล้วจากการใช้งานจริง จากคุณ : nokkrajok online เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:52:09

ความคิดเห็นที่ 69   คุณ เด็กกรุง ตอนท้ายๆของข้อความหัวอกเดียวกับผมเลยครับ ถึงขนาดที่ว่าผมเรียน ปี 1 ปีแรก แล้วไม่ยอมลงซัมเมอร์ของเทอมนั้นเลยครับ คือเดินไปเขียนใบลาออกเลย ไม่เรียนแล้วที่นี่ พวกที่ไม่ค่อยมา รายงานไม่ส่ง พรีหน้าห้องไม่ค่อยได้คะแนน แต่ดันมีคะแนนได้มากกว่าเรา แบบนี้ก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม ทุกวันนี้ผมเลยแอบมาเรียน มหาลัยเล็กๆแห่งหนึ่งแถวๆชานเมืองแทน ก็เป็นผลดีครับ อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องทุเรศๆแบบนั้นแทน อย่างน้อย ตอนนี้ ปี 2 ผมก็ได้คะแนนที่น่าพอใจมาก ดีกว่าเรียนที่นั่นแล้วเจออะไรที่จิตตกไม่รู้จะเรียนไปทำไม จากคุณ : คนไม่ดีในสายตาคนดี เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:06:48 A:161.246.67.152 X:161.246.254.165 TicketID:175311

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่เรียนมหาวิทยาลัยเด็ดขาดเลย 7 ปี ในคณะวิศวะเป็นความทรงจำอันเลวร้าย . . . . ผมชอบทำงานมากกว่า  ทำงานแล้วสนุกกว่าเรียน 100 เท่า จากคุณ : โต้ บ้านกุดขนวน เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:21:41

ความคิดเห็นที่ 71 เรื่องอาจารย์ไม่ให้สไลด์นี่ มีเยอะครับ ผมเองกก็จดบ้าง ไม่จดบ้าง แต่ถ้ามีมาเสริมก็ดีเยี่ยม ถ้าอาจารย์ไม่ให้ มันมีโปรแกรมดักจับตั้งมากมาย ผมก็เอาไปใส่เครื่องไว้ ก็ได้ของเล่นมาตั้งเยอะ เหอะๆ จากคุณ : SkillFull เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:33:46

ความคิดเห็นที่ 72 อยากเล่าบ้างอะ ตอนเรียนตรีที่ไทยเนี่ย สองปีสุดท้าย ทำทัวร์ตลอด(เป็นไกด์ freelance) เวลาเรียน คือเวลาอ่านนิยาย เงียบมาก ตั้งใจมาก ทั้งชั่วโมงไม่มีอิ๊อ๊ะ   การบ้าน ลอกเพื่อน (ตอนนั้นเรียนคอม) โปรเจ็คจบจ้างเค้าทำ หนังสือเรียน ไม่โดนบังคับไม่ซื้อ Syllabus ไม่เคยมี ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่ต้องซีร็อคแจก  เวลาสอบก็ฝิ่นเข้าไป ฝิ่นจริง ปากกา ดินสอ ยางลบ ขอบเสื้อ ชายกระโปรง ผ้าเช็ดหน้า ตรงไหนที่มันจะได้เนี่ยใส่ไปหมด  16 ชม ก่อนสอบวิชานั้น ๆ เนี่ย prime time มาก ชีทใครว่าดีเอามาท่อง แต่เรียนสาระสนเทศอะ ต้องเขียนโปรแกรมส่ง  เวลาแค่นี้ทำไม่ได้หรอก จำได้เลยว่าวิชาสุดท้ายมีสิทธิ F โทรบอกอาจารย์เลยว่า อาจารย์ขา หนูตกไม่ได้นะคะ หนูกำลังยื่นเรื่องเรียนต่อโท ถ้าหนูตกเนี่ย ความฝัน อนาคตหนู หมดเลยค่ะ(สุดท้ายอาจารย์ ให้ d) พอมาถึงเมกา เกิดเปลี่ยนใจอยากกลับไปเรียนเคมี แอบที่บ้านยื่นเรื่องลงเรียนตรี เคมีอีกรอบ  คราวนี้นรกมีจริงเลย ไม่มีใครช่วยเลย วันแรกเดินเข้าห้อง นักเรียนทุกคน มีทุกอย่าง ตัวเราหนังสือยังไม่ได้ซื้อ เรากะว่าอาจารย์คงแจกชีทเหมือนเมืองไทย หน้ามึนเข้าเรียนอยู่สองอาทิตย์ก็ต้องสั่งหนังสือ เพราะอายเด็ก แต่ โดนอาจารย์เรียกไปพบในอาทิตย์ที่สามว่าจะให้ตก เพราะไม่เคยส่งการบ้าน เราก็งง ไรเนี่ย ไม่พูดไม่บอก ไม่มีอิ๊อ๊ะเลยว่าการบ้านให้ทำอะไรเมื่อไหร่ แล้วเรียกมาทวงการบ้านได้ไงเนี่ย' เราเถียงสุดชีวิต อาจารย์บอก everything follows the syllabus อืมบอกตรง ๆ นะ ในห้องพักอาจารย์เราเนี่ยนกเอี้ยงเกาะเต็มเลย ต้องไปถามอาจารย์ว่ามันคืออะไร ไอ้ syllabus เนี่ย  อาจารย์มองหน้าแบบแล้วจะเรียนรู้เรื่องไหมเนี่ย (วิชาที่ลง biology 101) แรก ๆ ตอนสอบมิดเทอมก็กะจะเอาวิชาเก่าที่หากินกันอย่างคล่องตอนอยู่เมืองไทยมาใช้ แต่เจอเด็กในห้องเงียบมากไม่หันหน้า ไม่ลอก ก้มหน้าก้มตาทำ ตอนนั้นก็ เออพวกนี้เสื้อสุ้มเว้ย  ปกติบ่ายสอง หายไปเตะบอลกันหมดแล้ว(เด็กผู้หญิงทั้งกลุ่ม) ก็เลยไม่กล้าส่องข้าง ๆ ทำด้วยตัวเอง ผลออกมาก็ตกเกือบยกห้องไปตามระเบียบ เราก็เฮ้ย ที่ทำท่าเหมือนทำได้ ตกลงทำไม่ได้หรอกเหรอ พอได้คุยกันถึงได้เข้าใจ ว่าตกด้วยตัวเองเนี่ยดีกว่าลอกเค้านะ เพราะคนที่นี่เค้ารับกันไม่ค่อยได้อะ ถือว่าเป็นพื้นฐานของการ คอรัปชั่นนะ อายมากพอคิดได้ จะสามสิบแล้วพึ่งคิดได้ อ า ย สุ ด ชี วิ ต จำได้เลยว่าตอนหลังเนี่ย ท่องตลอด การบ้านเนี่ยทำทุกวัน หนังสืออ่านทุกคืน เพราะพวกในห้องเนี่ยก็ตลกมาก คิดว่าเด็กเอเชียเก่งรอบตัว เก่งเว่อร์ เผอิญผิดพลาดมาเจอเรา ถามแล้วเราไม่รู้ มันก็ทำหน้างง ๆ หลัง ๆ คิดตลอดว่าเป็นตัวแทนประเทศไทยมาเรียนหนังสืออย่าทำให้ขายหน้า นึกแล้วก็ขำ แต่ก็โอเค ตอนนี้จบแล้ว อ่านเรื่อง จขกทแล้วนึกถึงตัวเองเลยอะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 21:55:40 จากคุณ : Algo Mas เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:57:22

ความคิดเห็นที่ 74 อยากให้ จขกท. เปลี่ยนจากคำว่า เด็กสมัยนี้ เป็น เด็กบางส่วน หรือ เด็กส่วนใหญ่ มากกว่าครับ ไม่อยากให้เหมารวมน่ะ จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:07:20

ความคิดเห็นที่ 75 มาแอบอ่านอาจารย์คุยกัน เลยได้แถมจากลูกศิษย์ทั้งหลายด้วย หมดแล้วหรือคะกำลังอ่านเพลินเลยค่ะ จากคุณ : HeLL_Is_HeRe เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:12:35

ความคิดเห็นที่ 76 ขอสไลด์นี่พอเข้าใจ สมัยผมก็ขี้เกียจจดเหมือนกัน(ตอนนั้นใช้วิธีขอชีทแจก+ลอกเลคเชอร์เพื่อน) ก็เรียนๆลอกๆจนจบมาแบบกระท่อนกระแท่นจนได้ แต่เรื่องไม่เข้าเรียน/กวนteenคนอื่นในเวลาเรียน/ไม่ส่งงาน/โกงสอบ อันนี้ เป็นผมสอน ผมก็ไม่ยอมหรอก โดยเฉพาะเรื่องโกงสอบ รุ่นผมเคยทำอื้อฉาวมาแล้ว วิชาอะไรจำไม่ได้ เล่นพกผิ่นเข้ากันแทบทุกคน ผลก็คือ โดนกวาดจับไปทั้งหมด ถ้าลงโทษตามกฏระเบียบคือ F วิชานั้นเป็นอย่างน้อย (ถ้าจำไม่ผิด มีพักการเรียนด้วย) ต่อรองกันไปกันมา สุดท้ายโดยลดเกรดวิชานั้นกันยกแผง ผมเลยขยาดกับการโกงสอบมาตลอด ปอลอ นี่คือบรรยากาศการเรียนมหาลัยรัฐทางเหนือแห่งหนึ่ง เมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว จากคุณ : ลูกจ้างดีเด่น เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:20:19

ความคิดเห็นที่ 77 กระทู้ชุมนุมอาจารย์ กะคนอยากเป็นอาจารย์ เพราะหูผึ่งว่ามีสาวเยอะ มั้ง จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:21:26

ความคิดเห็นที่ 78 อยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจริ๊งงงงง จากคุณ : สายน้ำตะวันออก เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:28:28

ความคิดเห็นที่ 79   เข้ามาดูอาจารย์คุยกันครับ :> จากคุณ : ภูริ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:36:18 A:218.30.110.178 X: TicketID:215661

ความคิดเห็นที่ 80   ไอ้เรื่องขอสไลด์นี่คงเป็นเรื่องธรรมดาของนักศึกษาสมัยนี้กันไปแล้วกระมังครับ ธรรมดาเหมือนกับที่สมัยผมเรียนแล้วก็ไปขอถ่ายแผ่นใสที่อาจารย์ปิ้งอยู่ตรงหน้าชั้นนั่นแหละ บางท่านก็ให้ บางท่านก็ไม่ให้ ก็แล้วแต่อาจารย์แหละ ที่เอามาก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก ตอนเรียนก็เบิ่งกันจนตาแทบทะลักอย่แล้ว เพียงแต่ว่า "มีแล้วอุ่นใจ" แค่นั้นเอง ห้องที่ผมสอน (ป.โท) ทางคณะจัดห้องแล็บ IT ให้ เนื่องเพราะในบางชั่วโมงต้องมีการสอนการใช้งานโปรแกรม ก็เลยจัดห้องคอมให้ แต่ว่าห้องเนี้ย มันมีอินเตอร์เน็ตด้วย ทีนี้ก็สบายนักศึกษาสิครับ ตอนผมสอนก็เห็นเงียบ ๆ กันดี ก้มหน้าก้มตามองจอไปด้วย ผมก็เข้าใจว่าเค้าไล่ดูสไลด์ (ที่ผมให้ไปก่อนแล้ว) จนวันหนึ่ง ผมอาศัยจังหวะเผลอ ให้ลองเล่นโปรแกรม แล้วเดินดูตามโต๊ะ โอ้แม่เจ้า เม้นไฮไฟว์ไปซักครึ่งห้องได้มั้ง และแทบทุกเครื่องจะ ONline MSN ไว้ เฮ้อ เทอมหน้าสงสัยต้องออฟไลน์สายเน็ตก่อนสอนท่าจะดี คลาสเมื่อปีที่แล้วมีเด็กแฝดมาเรียนด้วย แต่ส่งมาส้ปดาห์ละคน พอตอนสอบมีคนหน้าเหมือนกันสองคนมาเข้าสอบ โอ้ ห้องหนึ่งมีนักศึกษาลงทะเบียนห้าสิบกว่าคน วันเปิดคอร์สมา 36 คน เรียน ๆ ไปเหลือมายี่สิบกว่าคน สงสัยจะผลัดกันมาเรียน การบ้านให้ไปทำก็ส่งมาแบบที่เหมือนกันเป๊ะก็มีนิดหน่อย แบบแอดวานซ์มีการดัดแปลงก็พอมีให้เห็นบ้าง (ยังดีกว่าก๊อปไฟล์มาส่งเฉย ๆ แหละน่า) เพื่อนฝูงในห้องเค้ารักกันดี ถามหางานการบ้านทีไรมีมาส่งครบทุกครั้งแหละ แต่ตอนสอบอาจมีหลายคนแทบคลั่งเพราะผมเอาการบ้านปรับปรุงนิดหน่อยมาเป็นข้อสอบเพราะต้องการเช็คว่ามีใครทำการบ้านเองบ้าง เรื่องมันเยอะครับ ขี้เกียจนึก จากคุณ : ตึกร้อยสี่ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:47:49

ความคิดเห็นที่ 81 นศ.มหาลัยรัฐอันดับหนึ่งของประเทศก็มีไอ้พวกประเภทอย่างนี้ครับ อยากให้อาจารย์ไทยเอา Turnitin ไปใช้เยอะครับ จับไอ้พวกลอกๆตกให้หมดเลย พวกนศ.ขี้ไก่พวกนี้ไม่กี่คนกำลังทำให้ credibility ของการให้คะแนนคุณถอถอย เข้มไว้ครับ อย่าปล่อยเกรด.. ตัดเคิร์ฟไว้ยิ่งดี สงวนเกรดA ไว้สำหรับ top 5 หรือ top 10% เท่านั้น นศ.เป็นอนาคตของชาติครับ แต่อาจารย์ต่างหากที่เป็นผู้วาดอนาคตของชาติ จากคุณ : k3v1n เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:49:13

ความคิดเห็นที่ 82 ที่คณะผมตอนปีหนึ่ง.. วิชาเคมี คนลงทะเบียนเรียน ~400 คน มี A อยู่ 4 คน B 12 คน... ส่วนคนที่ได้ A นั่นก็คงหนีไม่พ้นโอลิมปิกกับเมพจริงๆ อยู่ดี -__- จากคุณ : za-Nuker เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:12:20

ความคิดเห็นที่ 83 เดี๋ยวนี้เขาเป็นเด็กทัมบ์ไปแล้ว สมัยผมเป็นเด็กซีร็อก ซีมันอย่างเดียว เพื่อนจดผิดจดถูกก็ไม่รู้ละ แต่จะซีไว้ก่อน จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:30:28

ความคิดเห็นที่ 84 คณะเราเอาขึ้น e-learning เหมือนกันเน้อ ... ทั้ง สไลด์ ทั้ง วิดีโอ E-learning ไม่ทำให้คุณผิดหวังจริงๆ ( ม รัฐ ค่ะ ) จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:38:42

ความคิดเห็นที่ 85   ตอนที่ เด็กปี 1 เข้ามาใหม่ๆ ผมว่า เค้าคงยังไม่เป็นทัมป์ละมั้ง  ลองไปหาต้นตอใหม่สิครับว่า  ใครเริ่มก่อน วิธีการสอน รึว่า วิธีการเรียน แล้ว เค้าทัมป์ เค้าสอบได้เปล่า อันที่จริง ที่ ออสเตรเลีย เด็กอายุ 10-12 นี่แบก notebook ไปโรงเรียนแล้วนะ อ่านไปอ่านมา มีทั้งยั่วสวาท ยั่วยุ ออกแนว ครูGTO ไม่ก็ มาเอดะ   ผมคิดว่า  การศึกษาของคนไทยบ้านเรา ...... เสื่อมครับ ถึงจุดเสื่อมอย่างแรง อาจาร์ยอคติกับนักศึกษา จากคุณ : CitizenShip เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:45:09

ความคิดเห็นที่ 86 ผมมีเพื่อนเป็นอาจารย์มหาลัยหลายคนครับ เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่เรียกนักเรียนว่า "ลูกศิษย์"แล้ว เขาเรียก "ลูกค้า" 555 จากคุณ : modzzz072 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:45:10

ความคิดเห็นที่ 87 ... เจอเหมือนกันครับ แสบกว่านั้นคือ  เอา thumb drive มาวางให้บนโต๊ะแล้วขอให้อาจารย์ก๊อปปี้ลงให้หน่อย กรูเป็นอาจารย์  ไม่ใช่เพื่อนเมิงเว้ย!!!!! -*- จากคุณ : ดาราวิปลาส เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:46:41

ความคิดเห็นที่ 88 อ่านความเห็นนักศึกษาบางคนในนี้แล้วอนาถใจจริง ๆ เรียนระดับมหาวิทยาลัยกันแล้ว แต่ััยังทำตัวเป็นเด็กอยู่เลย แค่แลคเชอร์ยังทำกันไม่ได้ มันเป็นการฝึกการคิด วิเคราะห์ จับประเด็นเบื้องต้นเลย เวลาจดแลคเชอร์ไม่จำเป็นต้องจดทุกคำพูดของอาจารย์นี่ หรือสมองไม่มีความสามารถพอวิเคราะห์ว่าอะไรควรจด อะไรไม่ควรจด เพราะชินแต่ขอก็อบไฟล์อย่างเดียว จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:50:59

ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อเดือนก่อนผมเข้าไปที่ม. ไปเยี่ยมอาจาร์ยมาแกก็บ่นให้ฟังแนวๆนี้เลย ว่ารับมือกับนักศึกาาไม่ไหว ไม่เรียน ไม่ฟัง ไม่ทำงาน ก้าวร้าว พวกที่รู้มากก็จะหยิ่งไม่สนใจเรียน พวกไม่รู้ก็ไม่สนใจ แถมแกยังยังมาแย๊บๆอีกว่าไม่สนใจจะมาสอนแทนครูเหรอ = =" ไม่รู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ๆเกิดอะไรขึ้นถึงได้มีพวกขี้ไก่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีจุดในในระบบการศึกษาไทยที่ผิดพลาดไปหรือเปล่า จากคุณ : Desolation Angel เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:54:28

ความคิดเห็นที่ 90 ผมนี่ก็คนนึงละครับที่ยอมรับว่าทำอย่างนั้นจริงๆ เข้าห้องเรียนไปเ่รียนไม่รู้เรื่องก็หลับ ฝากเพื่อน zerox ชีทกองพะเนิน ก่อนสอบก็นั่งยัดความรู้เข้าไป มีอยู่ครั้งนึงเอาไฟล์เสียงมาฟังเตรียมสอบวันรุ่งขึ้น แต่ไฟล์เสียงมันยาว 32 ชั่วโมง เล่นเอาหน้ามืดไปเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ถ้าตอบแบบเข้าข้างคนเรียนก็คือ ถ้าคนเรียนยอมรับผลของการกระทำที่ก่อไว้ได้ ก็คงจะบังคับอะไรไม่ได้หรอกครับ ถึงให้เข้ามาเรียนก็พาลจะรบกวนคนที่ตั้งใจปล่าวๆ ยกเว้นจริงๆก็คือทำ quiz ในห้องทุกคาบกันไปเลย (แต่ก็ลอกกันอยู่ดีมั้ง) ปัญหาที่ไม่เล็กอีกเรื่องนะครับ ถ้าคนที่เข้ามาเรียนไม่ได้อยากเรียนน่ะครับ พ่อแม่อยากให้เรียนสายนี้ เข้ามาเรียนคณะนี้แล้วไม่ชอบ ผมคนนึงละที่เข้าไปเรียนแบบซังกะตาย พยายามเรียนให้จบให้พ่อแม่สบายใจ สุดท้ายพอจบออกมาก็ิดิ้นรนไปทำงานสายอื่น ปล. แต่ผมไม่ได้เรียน ม. เอกชนดังกล่าวนะครับ จากคุณ : สุรารำพัน เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:54:45

ความคิดเห็นที่ 91   เรียนจบโท ม. รัฐเปิด แห่งนึง (มีแห่งเดียวแหละมั้ง) มีทั้งหมดที่พูด ๆ กันมาเลยค่ะ มีอันนึงเด็ดมาก ๆ ทั้งอาจารย์ ทั้ง นศ. อาจารย์ให้ทำรายงาน + พรีเซ็นต์ ให้คะแนนเป็นรายบุคคลที่พรีเซ็นต์ค่ะ นศ. สาวสวยคนหนึ่ง (ขอนินทาหน่อยเถอะ) สวยจริง ๆ ค่ะ น่ารักมีแต่คนมารุมจีบ ที่สำคัญอยู่กลุ่มเดียวกัน she ไม่เคยมีส่วนร่วมในการทำอะไรทั้งสิ้น เพราะมีเพื่อนสนิทอยู่ในกลุ่ม เพื่อนสนิทคนนี้จะรับงานไป และทำให้ตลอดเลย (เขามาเล่าให้ฟังที่หลังนะคะ) พอถึงวันพรีเซ็นต์ she พาเพื่อนมาด้วยคนนึง เราก็งง ๆ ว่าใครเนี่ย เขาห้ามเข้าห้อง แต่เธอพามาด้วยความสนิทใจ อาจารย์ไม่ทราบหรอกค่ะว่าใครเป็น นศ บ้าง เพราะเรียนกัน 100 กว่าชีวิตในห้อง เธอก็มาเอาเอกสารที่จะพรีเซ็นต์ที่เรา เราก็ให้ไป แล้วเธอก็เอาไปให้เพื่อนเธออ่าน สรุปแล้ว เธอให้เพื่อนเธอมาพรีเซ็นต์แทน ตอนขึ้นไป ต้องบอกชื่อ+นามสกุลก่อน เพื่อนเธอก็แนะนำตัว เป็นเธอเรียบร้อย ทุกคนในห้องมองหน้ากันไปมา งง ๆ แต่ไม่มีใครบอกอาจารย์ เพราะบางคนก็ไม่รู้ว่า เพื่อนคนนี้ชื่ออะไร เราเองงงมาก พูดอะไรไม่ออก จะบอกอาจารย์ก็ใช่ที่ ก็เลยปล่อยไป เพื่อนเธอเป็นพริตตี้ มีความสามารถในการพรีเซ็นต์มาก ๆ สรุปได้คะแนนเต็มไปเลย เวรกรรมจริง ๆ พอหลังจากวันนั้น เราพยายามสังเกตุพฤติกรรมเธอมาตลอด มาสาย อ่านนิตยสารเวลาเรียน ออกไปแต่งหน้า เข้าห้องน้ำเป็น ชม. แต่เธอจะมีหนุ่ม ๆ เก่ง ๆ มาช่วยเธอทำรายงาน การบ้าน ติวให้เสมอ โดยเฉพาะตอนสอบ สุดท้ายจบไปด้วยเกรด 3.85 โอ้แม่เจ้า.... ความสวยช่วยได้จริง ๆ นี่ มีใครเคยเจอเพื่อนแบบนี้บ้างไหมคะ หรืออาจารย์เคยเจอลูกศิษย์แบบนี้บ้างไหมคะ จากคุณ : LoveInTheMoon เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:58:23

ความคิดเห็นที่ 92 ... ตอนนี้เรียนโทอยู่.. ไว้จบเมื่อไหร่จะไปเ็ป็นอาจารย์หนุ่ม!!! จากคุณ : สถานีต่อไปโคชิเอ็ง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:06:11

ความคิดเห็นที่ 93 ผมขอให้ความเห็นในฐานะ นักศึกษา นะครับ ผมเองก็เป็นคนที่ขออาจารย์ copy ไฟล์ เนื้อหาที่อาจารย์สอนไปแจกเพื่อนๆทั้งห้องเอง โดยส่งผ่านเมลกระจายไป อยากรุ้มันผิดมากเหรอครับ กับการที่เราขอไฟล์อาจารย์ มาอ่านเพื่อทบทวนอีกรอบหนึ่ง  ซึ่งตอนอาจารย์สอน ถ้ามัวแต่จด ก็ไม่ต้องทำอะไรกันอะ สู้เราตั้งใจฟัง แล้วมาทบทวนอีกรอบด้วยสไลด์เดิมๆที่อาจารย์คยสอนจะเข้าใจกว่า ส่วนตัวเป็นคนจดแล้วมาอ่านอีกทีไม่ค่อยรู้เรื่อง และเรื่องเวลาเรียน ผมก็เข้าเรียนตรงเวลา เข้าทุกคาบ   ไม่อยากให้เหมารวมว่า คนที่ ใช้ Thumb Drive เป็นคนที่ขี้เกียจเสมอไป แต่ถ้ามองอีกมุม คือคนที่สนใจ ที่ยังเอาเนื้อหาของอาจารย์มาทบทวนอีกรอบ ผิดกะคนที่ไม่เอา คือคนที่ไม่ยอมทบทวน หรือ อาจเป็นคนที่ตั้งใจจดจนเข้าใจดีแล้วก็ได้  แต่ส่วนตัวชอบเอาของอาจารย์มาทบทวน เข้าใจดีกว่า ผมมองว่าการจะเรียนหนังสือ ไม่จำเป็นต้องจดทุกตัวที่ขึ้นกระดาน แต่ขอแค่เราเข้าใจ ก็น่าจะดีแล้วนิครับ จากคุณ : TreeAmath เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:10:45

ความคิดเห็นที่ 94   มาดูนักศึกษา อาจารย์ เขาคุยกันฮาดี แต่สรุปได้ข้อหนึ่งคือ การที่นักศึกษาไม่ชอบเลคเชอร์ ทำให้การเขียนภาษาไทยไม่ถูกต้อง สังเกตุหลายๆความเห็นเขียนภาษาไทยไม่ค่อยถูก ทั้งๆที่ส่วนมากที่อยู่ในห้องนี้ปัญญาชนทั้งนั้นมีบ้างที่พิมพ์ผิดเพราะสัมผัสใกล้กัน จากคุณ : UBL เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:14:26

ความคิดเห็นที่ 95 โชคดีจัง คณะเราให้สไลด์ แต่ไม่ได้แจกนะ จะอัพขึ้นเวบแล้วให้ไปปริ้นเอาเอง ยอมรับว่าเวลามีสไลด์มันทำให้เรียนง่ายขึ้น(เฉพาะเราหรือปล่าว อิอิ) วันไหนลืมปริ้นมามันลนๆไงไม่รู้ อาจารย์ไม่ได้พูดตามสไลด์หรอก แต่สไลด์มันเป็นไกด์ได้ เวลาปริ้นก็จัดหน้าเว้นที่ไว้จด พออาจารย์พูดที่ไม่มีในสไลด์ก็จดเอา เวลาอ่านมันดูเชื่อมต่อกันดี บางทีเราจดอย่างเดียวใส่กระดาษ(วันที่ลืมเอาสไลด์ไป)มันก็อาจหล่นๆไปบ้าง คงไม่มีใครมีสมาธิร้อยเปอร์เซ็นตลอดเวลาคาบเรียน ยิ่งเราเรียนสามชั่วโมงก็หลุดบ่อยพอสมควร บางทีมีแผนภาพประกอบขึ้นจอบางทีก็๋มองไม่ค่อยเห็นต้องก้มดูในสไลด์เอา บางทีมี code จะต้องนั่งลอกดค้ดโปรแกรมเป็นสิบบรรทัดเรอะแล้วจะได้ฟังอธิบายมั๊ยนั่น เวลาเรียนก็ไม่ต้องแบก text เล่มยักษ์มา ค่อยกลับไปอ่านเน้นตามสไลด์กับที่จดมา บางทีอาจารย์อยากให้เด็กสนใจก็ทำสไลด์แบบเว้นไว้ให้เติมบ้าง(เหมือนเติมคำ) เราว่าดีกว่าที่จะไม่มีสไลด์เลย แต่ถ้าคิดว่าพูดรู้เรื่อง สอนดี ดึงเด็กได้ตลอดก็ไม่ต้องมีก็ได้ อาจารย์แบบนี้เราก็เคยเจอสอนดีมากๆๆๆ อธิบายได้เห็นภาพ เข้าใจ ดึงเด็กได้ตลอด(แต่ อ.แบบนี้หายากมากก)  แต่บางคนนี่แบบว่าพูดอะไรไม่รู้งงๆวกไปวนมา เหอๆ อ่าน text ยังรู้เรื่องกว่า ก็กรุณาบริจาคสไลด์มาเถอะจะได้รู้ว่าคุณต้องการจะสื่ออะไร เรื่องมาสายนี่ไม่เถียงเกิดจากความไม่ได้เรื่องของนักศึกษาเอง แต่เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่ามีคาบนึง อาจารย์เค้าใช้วิธีใครมาสายต้องเต้นหน้าห้อง เห็นบอกว่าได้ผลมากมากันพร้อมเพรียง ขนาดไ อ้คนที่มาสายเป็นนิสัยยังมาตรงเวลาเลย ฮะๆ ถ้าจะทำก็ทำได้นี่หน่า แต่เพื่อนเราก็มิวายพลาดไปครั้งนึงโดนเต้น wonder girls ฮะๆๆ แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบระบบที่ว่าขาดมากกว่าสามครั้งหมดสิทธิ์สอบเลย เราเชื่อว่ามีคนที่สามารถสอบผ่านได้คะแนนดีโดยไม่ต้องเข้าเรียนได้ ยิ่งวิชาอาจารย์สอยห่วยๆนะ ทรมานมากต้องมานั่งฟังอะไรเนี่ยเสียเวลาอ่าน text ชะมัด เรื่องลอกเนี่ยทุเรศมาก สมควรโดนไล่ออกไปเลย แล้วคณะเราถือเป้นเรื่องน่าอายจะ โดนพักการเรียนเพราะทุจริตนี่ ไม่กล้ามาเจอหน้าเพื่อนกันเลยทีเดียว จากคุณ : Nameless Monster เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:40:15

ความคิดเห็นที่ 96 ตอนเรียน(ม.รัฐ) อาจารย์แก้การมาสายของนศ.ด้วยการทำควิสเล็กๆ ต้นชั่วโมง(บางวิชาระบุเลยว่าขาดควิสเกิน...ครั้งไม่มีสิทธ์สอบ)   บางวิชาเริ่มเรียนไปแล้วเกิน30นาที อาจารย์เดินมาล็อกประตู บางวิชาให้คะเนนเช็คชื่อประมาณการให้ความร่วมมือในชั้นเรียน สายเกิน...ครั้ง...นาทีต่อครั้ง หัก...คะแนน มีบอกในแผนการสอนวันแรกเสร็จ แก้การไม่ตั้งใจเรียน ไม่เลคเชอร์ ด้วยข้อสอบแบบหฤโหด และรอยยิ้มใสๆ ตอนอธิบายข้อสอบต้นชั่วโมงสอบ จากคุณ : หนูโอ่ง (หนูโอ่ง) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:43:54

ความคิดเห็นที่ 97 ยังเป็น นศ อยู่ครับ ปีสุดท้าย แต่เห็นอย่างนึงว่า การเรียน (ขอย้ำว่าการเรียน ไม่ใช่การศึกษา) สมัยนี้.. คือการเรียนเพื่อไปสอบจริงๆเลย  สัก 7% ของ นศ ที่ลงทะเบียน คือเรียนเพื่อรู้ และเอาไปใช้จริง รู้สึกน้อยใจที่ หลายคนอยากจะเป็นอาจารย์ เพียงเพราะ คาดหวัง นศ กระดุมหลุดมาอ้อนเกรด .. ..ผมนี่ แค่โต๊ะเล็คเชอร์ยังเป็นแบบทุกวันนี้ ก็อยากจะเป็นอาจารย์ ยืนหน้าห้องเต็มที่แล้ว! -,.- (เฮ้ย!?) จากคุณ : เครื่องทำน้ำขุ่น เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:45:51

ความคิดเห็นที่ 98 ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้แฮะ มาอ่านเรื่องของนักศึกษาแล้วก็แปลกดี...เด็กสมัยนี้ จากคุณ : เคลิ้มสมาคม เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:53:38

ความคิดเห็นที่ 99 คห.93 ถูกต้องครับ น้องคิดถูกแล้ว คนเรียนดี + ตั้งใจเรียน ไม่ว่าจะจดหรือไม่จด จะทำยังไงไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่ที่คุยๆกันนี่คือกรณีที่ไม่ตั้งใจเรียนแล้วสุกเอาเผากินครับ จากคุณ : modzzz072 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:55:59

ความคิดเห็นที่ 100 เคยแต่เจอถามว่า จารย์จะจดไรนักหนา จดจ๊างงง ผมก็เลยจัดให้ ไม่จดก็ได้ ใช้พูดไปเรื่อยๆ พอใกล้จบคลาสให้ลองทำดู มันนั่งยิ้มแหยๆ บอกจำไม่ได้ "จำดีกว่าจด จำไม่หมด จดดีกว่า" จากคุณ : Eakiji Onisuka เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:57:01

ความคิดเห็นที่ 101 โอ้ววววว ตอนนี้เรียนโทอยู่ยัง งง เลยว่ามาเรียนทำไม พออ่านกระทู้นี้แล้ว พบเป้าหมายแล้วครับว่ากระผมจะไปเป็นอาจารย์พิเศษคร้าบบบบบ อยากขึ้นหน้า 1 อิอิอิอิ จากคุณ : ไม่หมูนะครับ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 12:08:28

ความคิดเห็นที่ 102 ก็อปไฟล์อาจารย์ ถ่านเอกสารเพื่อน หรือดาวน์โหลดผ่านเน็ท ส่งเมลแจกกัน ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ปัญหาอยู่ที่ เวลานั่งเรียนในห้อง กรุณาตั้งใจฟัง เพราะว่า หากมัวแต่นั่งจด จะไม่ได้ตั้งใจฟัง ครูหลายคนคิดว่าเด็กที่จดน่าจะเรียนเก่ง  แต่ เปล่าครับ สมัยผมเรียนวิศวะ พวกสวะโดนไทร์หมดไปตั้งแต่ปีสอง จากสี่สิบคนเหลือแค่ เจ็ดแปดคน ก็เลยต้องรวมหัวกัน แบ่งงานครับ คนนึงจดไว ลายมือสวย จดไปเลย  ใครจำดี อธิบายเก่ง ฟังอย่างเดียว ใครต่อมเอ๊ะเยอะ คอยถามครูตลอด หน้าที่ก็วนๆ กันไปตามถนัด แล้วเอามาแบ่งกันครับ เอาเลกเชอร์มาแจก คนที่ฟัง เอามาสอนต่อ สอนกันไปกันมา มันก็ผ่านทั้งห้อง ครูบางคนสอนไม่เอาอ่าวจริงๆ นักเรียนไม่เข้าสักคน ไปหมกอยู่ห้องสมุด หาตำราเล่มที่จารย์กำลังสอน คนที่เจอคือผม แต่ผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่า เล่มนี้อ่านเ้ข้าใจง่ายดี ไม่มีสูตรสักตัว มีแต่ นิยาม ซึ่งตีความออกมาเป็นวิธีการคำนวณได้  ปรากฏว่า เล่มนี้ออกสอบตรึม ฟลุกสาดๆๆๆ การก็อบปีชีทจากอาจารย์ ก็เป็นวิธีที่พอใช้ได้ แต่อาจารย์ก็เอามาจากเท็กซ์บุคอยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดคือการตามไปอ่านหนังสือเ่ล่มที่อาจารย์นำเนื้อหามาสอน หนังสือตำราภาษาอังกฤษ อ่านง่ายกว่าภาษาไทยเยอะ เพราะว่าเขาเขียนอย่างดี ภาษาไม่ดิ้น ส่วนตำราไทย หรืออาจารย์แปลเองก็เหอะ มักจะห่วย เพราะว่าวิชาภาษาไทยไม่แข็งแรง แปลมา ภาษาดิ้นเป็นปลาไหล ใครจะไปอ่านรู้เรื่อง สรุปนะครับ  นักศึกษาที่เรียนๆ กันอยู่ทุกวันนี้ ให้นั่งฟังอย่างเดียว ไม่ต้องจด  ติดตรงไหนให้ถามตรงนั้นเลย ห้ามเกรงใจเพื่อน หรือครู เด็ดขาด หนังสือ เน้นตำราที่อาจารย์นำมาถ่ายทอด ไม่ใช่ก็อบสไลด์อาจารย์ การอ่านตำรา เน้นอ่านนิยามให้เข้าใจ อ่านมันไปถึงราก ที่มาของมันว่ามายังไง ไม่ใช่ไปท่องตรงปลายยอดโน่น มันถูกคำนวณ วิเคราะห์มาจนเหลือแต่สูตร ยุ่บยั่บไปหมด ถ้าจะจำก็ต้องท่องสถานเดียว โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันคิดมาได้อย่างไร และใช้อย่างไร ไอ้วิชาที่เคยเรียนๆ มาสมัยมัธยม ถ้าไม่เข้าใน กรุณากลับไปอ่านให้รู้เรื่อง ถ้าเสาเข็มตึกยังไม่มี จะไปสร้างตึกใหญ่ๆ ได้ไงกัน เวลาว่างๆน่ะ เอาหนังสือมาอ่านซะมั่ง และกรุณาหาหนังสือ ตำรา ที่มันมีตัวอักษรพรืดๆ เต็มหน้า มีรูปประกอบบ้าง แต่ไม่ค่อยมีสูตร จะดีมาก เพราะเขาอธิบายเป็นคำพูด มันเข้าใจง่ายกว่าสมการพันกันนุงนังๆ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 12:17:22

ความคิดเห็นที่ 103   เคยเป็นอาจารย์สอน คณิตศาตร์ มาก่อนครับ ผมจะใช้วิธีการให้เกรดคือ พอปลายเทอมก่อนสอบ ผมจะถามเด็กทีละคนว่าอยากได้เกรดอะไรในห้องเรียน เด็กก็จะตอบมา, แล้วผมก็จะถามเหตุผลว่าทำไม (ถ้าคนที่เก่งเขาจะมั่นใจว่าเขาทำเกรดตามนั้นได้) เชื่อไหมครับเด็กเขาประเมินตัวเองในการขอเกรดได้เองไม่มีใครขอเกิน c สักคน แต่ยังครับ หลังจากสอบเสร็จผมก็จะดูคะแนนของเด็ก และเทียบกับเกรดที่เขาขอ มันจะออกมาพอดีกันหรือห่างกันก็ไม่มาก การออกข้อสอบผมออกแค่ 5 ข้อ แต่เป็นวิธีทำหมด (solution problem) โดยการ ทำคำตอบข้อ 1 ให้ถูก แล้วนำคำตอบในข้อ 1 มาแทนค่าในข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนครบ 5 ข้อ เรียกว่าถ้าโยนคำตอบให้กันภายในห้องสอบแต่ไม่มีวิธีทำว่ามาอย่างไรผมก็ให้ตกครับถือว่าลอกมาแน่ๆ ผมจะให้คะแนนมาเรียน 5 คะแนน คะแนนจดลงสมุด  5 คะแนน สอบกลางภาค 40 คะแนน สอบปลายภาค 50 คะแนน วิธีแก้เด็กคุยกันในห้องเรียนผมทำโดย ถ้าคุยกันผมจะสอนเสียงเบาๆ ยิ่งคุยดังมากผมยิ่งเสียงเบาลงๆ จนเด็กต้องเตือนกันเอง เพราะผมถือว่า(เด็ก)เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว จากคุณ : นกวัด เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 12:36:24

ความคิดเห็นที่ 104 กระทู้นี้ฮาอย่างแรง ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ตั้งใจเรียนอะไรมากนัก ทั้งยังชอบเล่นเกม หนังสือก็อ่านแต่ช่วงใกล้สอบ แต่พอเห็นกระทู้นี้แล้ว รู้สึกตัวเองกลายเป็นนักเรียนดีเด่นขึ้นมายังไงยังงั้นเลย (อย่างน้อยๆก็ไม่เคยโดดเรียนฟะ) จากคุณ : unholy เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 12:42:58

ความคิดเห็นที่ 105 โหวตใ้ห้เลย ^^ จากคุณ : zoopod เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 12:58:42

ความคิดเห็นที่ 106 ตอนสอนก็มีสไลด์ให้ดูนะแต่ก็มีแต่หัวข้อ ไม่ได้ใส่เนื้อหาไว้ให้ แต่เนี้อหาก็จะอยู่ใน Text ที่หลักสูตรแนะนำให้นักศึกษาซื้ออยู่แล้ว แล้วก็อธิบาย ให้เข้าใจ ตามหัวข้อสำคัญ ไม่ได้ให้จดอะไร เพราะมันก็อยู่ใน Text อยู่แล้ว แต่จะบอกว่าให้เน้นเนื้อหาตรงไหน แล้วก็ เนื้อหาตรงไหนควรต้องจำ ตรงไหนควรเข้าใจ จะให้นักศึกษาฟังให้เข้าใจก่อน ไม่ใช่มัวแต่จด แล้วก็ไม่ได้ฟังที่อธิบาย จดไปก็อ่านไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าไม่ฟังอธิบาย แต่ถ้าฟังเข้าใจแล้ว บางทีก็ไม่ต้องจำอะไรมากมาย เพราะเข้าใจแล้ว มันอยู่ในใจในสมองอยู่แล้ว จึงเอาออกมาใช้ได้ทุกเวลา จากคุณ : IntracX เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:01:16

ความคิดเห็นที่ 107 เข้ามาฟังอาจารย์นินทานักเรียน จากคุณ : เจ้าแฺฮมตัวน้อยๆ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:02:21

ความคิดเห็นที่ 108 เคยเจอมาเหมือนเพื่อนๆ หลายคนที่ได้แสดงความคิดเห็น ทั้งลูกอ้อน ลูกขู่ พูดถึงเด็กทัมป์ นึกถึงนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ได้เจอมา ทั้ง 3 สาวสวย มีชื่อเดียวกันทั้งสามคน การสะกดชื่อก็เหมือนกันอีก ที่ไม่เหมือนคือนามสกุลกับรหัสนักศึกษา ในชั้นเรียนมักจะให้นักศึกษาทำงานและให้เขียนด้วยลายมือของตนเองเพื่อให้นักศึกษาได้อ่านและจำในสิ่งที่ตนเองเขียน แต่ภาคเรียนนั้นจำเป็นต้องเดินทางไปราชการ เลยให้นักศึกษาส่งงานทางจดหมายอิเลกทรอนิกส์ หรือ อีเมล สิ่งที่เจอคือ สามสาวส่งงานทุกคนแต่ทุกคำทุกประโยคของงานเหมือนกัน เว้นวรรคที่เดียวกัน แม้แต่คำผิดก็ผิดเหมือนกัน อิอิ แต่ที่ไม่เหมือนกันก็มีอยู่บ้างคะ ทุกคนคงเดาออก ก็คือ นามสกุลกับรหัสนักศึกษา คนเป็นครูอึ้งไปเลย สงสัยคิดว่าครูคงอ่านไม่ทันหรือจำไม่ได้แน่ๆ นอกจากเด็กทัมป์แล้ว ตัวเองจะเจอเด็กเกิ้ลด้วยค่ะ อะไรก็ตามน้องเกิ้ลช่วยได้เสมอ แม้แต่การแปลบทความภาษาอังกฤษ เด็กเกิ้ลกลุ่มนี้ ส่งงานมาทีไรตัวเองจะปวดหัวทุกครั้ง นักศึกษาจะให้น้องเกิ้ลช่วยทำงาน เอามาทุกอย่างที่น้องเกิ้ลผู้ใจดีให้มาเอามาหมด คงคิดว่างานยิ่งเยอะคะแนนก็จะเยอะตามไปด้วย.. ครูนะจ๊ะ ไม่ใช่นักยกน้ำหนักที่จะสามารถหอบงานอันหนักของเด็กๆ มิน่าแขนของครูเลยมีกล้ามมัดใหญ่ (กล้ามนะค่ะ ไม่ใช่ไขมัน) ยิ่งตอนนี้อาทิตย์สุดท้ายของการเรียนของภาคเรียนที่หนึ่ง แทบจะนั่งห้องทำงานไม่ได้ ทุกคนคงทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กๆเดินสวนสนามจนเวียนหัว ล่าสุดแทบจะต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเด็กๆคงคิดว่าครูของตัวเองไม่หลับไม่นอน โทรขายลูกอ้อนทุกเวลา แล้วจะกลับมาเล่าต่อนะคะ จากคุณ : The Old Woman เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:02:41

ความคิดเห็นที่ 109 ถ้าจดไปด้วย ต้องก้มๆเงยๆจดสไลด์ ผมจะเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ อะไรที่อาจารย์สอนก็ฟังเข้าหัวบ้าง ไม่เข้าบ้าง เพราะสำหรับผม การจด กับ การฟัง มันขัดกันครับ ถ้าต้องทำพร้อมๆกัน ผมแยกประสาทไม่ได้คร้าบบบบ จากคุณ : NotEnter เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:05:16

ความคิดเห็นที่ 110 มายกมือในฐานะ (อดีต)นักศึกษา ป.ตรีค่ะ สมัยเรียนอาจารย์จะแจกชีทที่เป็นหัวข้อสไลด์ ใช้ร่วมกับหนังสือเรียน หรือบางคนก็แจกชีทเนื้อหาเป็นบทๆไป ค่อนข้างพอใจกับระบบนี้ค่ะ เพราะเรามีไกด์ไลน์หัวข้อแล้ว จดแลคเชอร์เพิ่มตรงที่ไม่เข้าใจนิดหน่อยก็อ่านรวมกับหนังสือได้ จะมีอาจารย์บางท่าน จะแจ้งให้นักศึกษาทราบค่ะว่า ให้ไปเอาสไลด์อาจารย์มาแจกจ่ายในห้องก่อนเรียนครั้งต่อไป บางท่านก็จัดการมาให้เสร็จสรรพ พร้อมจะป้อนถึงปาก(ที่บางคนมันไม่ยอมอ้า - -) เช็คชื่อตอนเข้าเรียน ชอบค่ะ มีอาจารย์ท่านหนึ่ง จะมาสอนก่อนเวลา 10 นาที นักศึกษาทุกคนจะออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินเข้ามาให้อาจารย์เช็คชื่อทีละคน ตัดปัญหาเช็คชื่อแทนกัน ครบหมดทุกคนอาจารย์ก็จะนั่งรอ 5 นาที เผื่อคุณมาสาย หลังจากปิดแฟ้มแล้ว คุณคือผู้มาสายค่ะ แต่ฟ้ายังปราณีค่ะ หากคุณเข้าเรียนสาย ตอนเลิกเรียนคุณสามารถมาเช็คชื่อด้วยปากกาแดงได้ค่ะ เพราะอย่างน้อยคุณก็ยังมาเรียน ถึงจะสายแต่ก็ยังมาแหละน่า ^^ ที่บอกว่าชอบเพราะสุดท้ายแล้ว หากคุณไม่รู้เรื่องจริงๆ อ่อนวิชานั้นจริงๆ ตรงนี้คือจิตพิสัยล้วนๆค่ะ ใช่ค่ะ จิตพิสัย คำโบราณๆเนี่ยแหละค่ะ คือตัวตัดสินที่ดียิ่ง เพราะระหว่างเด็กที่เข้าสาย ไม่เรียน งานไม่ส่ง จะถูกไทร์มาขอเกรด กับเด็กเข้าเรียนตรงเวลา ส่งงาน ไม่คุย ไม่เล่นในห้อง แต่ไม่รู้เรื่องจริงๆ บางครั้งไม่ต้องมาขอเกรด อาจารย์ยังให้ผ่านเลยนะคะ แต่ที่เจ็บใจที่สุดคือมีอาจารย์สอนวิชาหนึ่งตอนสมัยเรียนปี 1 เทอม 2 กล่าวไว้ว่า วิชานี้สบายๆ หากใครมีแววว่าเทอมนี้เกรดจะไม่ถึง จะถูกไทร์ ให้มาคุยกันได้ อาจารย์จะช่วย ไอ้เราก็ไม่ได้เดือดร้อน เทอมแรกผ่านมาด้วย 3.14 จะไปขอทำไม โดนไทร์มันต้องต่ำกว่า 1.6 (ปี 1 ของม.เราน่ะนะ) ก็เลยสอบไปตามปรกติผลสอบปลายเทอมก็ปรากฎให้พวกเรา (ที่ไม่เข้าไปขอเกรด)ตกใจ!!! เพราะคนที่ขอเกรดสิบกว่าคนนั้นได้ A คนที่ไม่ขอก็ได้เกรดตามความเหมาะสม เกรดที่ขอได้เนี่ยให้กันถึง A เลยเหรอคะอาจารย์ คะแนนความเมตตาสูงจังค่ะ ส่วนแม่คนซื่อ ว่ากันไปตามตรงไม่เข้าไปขอร้องเพราะไม่อยากรบกวนและไม่เดือดร้อน กลับคาบแหง่วอยู่ที่ C อาจารย์ขา หนูรู้แล้วค่ะว่าวิชา "ความจริงของชีวิต" ที่อาจารย์สอน มันคืออะไร T__T จากคุณ : PatoyaoW เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:21:58

ความคิดเห็นที่ 111 ^ ^ ^ คห. 109 คะ เคยอ่านผลการศึกษาจากที่ไหนจำไม่ได้แล้วค่ะ บอกไว้ว่า ผู้ชายนั้นแยกประสาทสัมผัสได้น้อยกว่าผู้หญิงค่ะ เช่นผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถที่จะ แชท พร้อมคุยโทรศัพท์ ทั้งยังดูโทรทัศน์ได้ แถมรู้เรื่องด้วยนะคะ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่มักทำไม่ได้ค่ะ เพราะงั้นเมื่อผู้ชายตั้งใจปักหลักเชียร์บอลแล้วล่ะก็ อย่าเรียกซะให้ยากเลยค่ะ เล่าอะไรให้เค้าฟังไป ร้อยละ 90 ไม่เข้าหัวหรอกค่ะ ^^ จากคุณ : PatoyaoW เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:27:01

ความคิดเห็นที่ 112 ไม่ได้เป็นครูแต่ผมชอบเจอแ่ต่อาจารย์ชอบมาสาย จนหลังๆเพื่อนๆบางคนก็เริ่มมาช้าบ้างหรือไม่ก็รออาจารย์มาแล้วมันถึงจะขึ้นห้อง แต่อาจารย์ไม่ได้หวงวิชาเลยแม้ว่าเด็กบางคน(ส่วนน้อยมาก)จะไ่ม่ตั้งใจเรียน จากคุณ : Hello_The_Rain เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:40:40

ความคิดเห็นที่ 113 ไม่แสดงความเห็น เป็นทั้งระบบ ไม่ใช่แค่เด็ก แต่อาจารย์เอง ก็ปลูกฝังเด็กให้เป็นแบบนั้น ตั้งแต่ระดับประถม โตไปจะเหลืออะไร ไม่เชื่อลองไปติดตามดู ครูที่กำลังทำผลงานสิ ว่าเขาปลูกฝังอะไรไว้ในตัวเด็ก จากคุณ : สีน้ำน้อย (sugarhut) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:49:52

ความคิดเห็นที่ 114 คห.111 แต่ผมทำได้ครับ อาจเพราะฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ จำได้ว่าสมัยนั้น นอนอ่านการ์ตูน เปิดโทรทัศน์ มือหยิบขนมกิน แถมเปิดเพลงฟังด้วย รู้เรื่องหมดทุกอย่าง เวลาพ่อเรียกยังรู้เลย ดังนั้นเวลาเรียน แค่ตาดูสไลด์ หูฟังอาจารย์ มือเลคเชอร์ ปากคุยกับเพื่อน โดยที่รู้เรื่องหมดทุกอย่าง เป็นเรื่องหมูมากๆ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 13:52:05 จากคุณ : unholy เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:50:22