 |
ความคิดเห็นที่ 22 |
ผมคิดว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ส่วนหนึ่งเพราะ 100% ของสังคมมนุษย์ ก็คงจะมีคนที่มีความสามรถ มีความรู้ และมีพรสวรรค์หรือทัศนคติที่ "พิเศษ" พอจะทำให้เกิดปรากฏการณ์หรือสร้างความเปลี่ยนแปลงได้นั้น
มีน้อย
อาจจะแค่ 10%, 5% หรืออาจจะแค่ 1%
ทำไม?
เพราะไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่เก่ง แต่ก็ทำนองเดียวกับ ถ้าไม่มีเลว ก็ไม่มีดี ถ้าไม่มีขาว ก็ไม่มีดำ
คนอื่นๆ นั่นก็ดี ก็เก่ง แต่ถ้าคนเป็นเหมือน 5% ที่เป็นนักคิดต่างกันหมด มันก็จะกลายเป็นการ "เหมือนกันหมด" อยู่ดี
ดังนั้น จะ 10%, 5% หรือ 1% ก็คือ "Top of the Top" แล้วนั่นแหละ
ว่าแล้วก็ตลก คนส่วนน้อยในสมัยก่อน ริเริ่มหลักการ "คนหมู่มาก" หรือ "ประชาธิปไตย" ขึ้น
ฟังดูขัดแย้งกันเองสิ้นดี
ทุกวัน มันก็เลยยาก ที่ถ้ามีคนหมู่น้อยที่เป็น "นักคิด", "นักสร้าง", "พรสวรรค์" ฯลฯ ขึ้นมา แล้วสร้างความแตกต่างในสังคม สังคมก็จะ..
"ทำโพล"
เพื่อเอามาบอกว่า คนส่วนมากน่ะถูก คนส่วนน้อยน่ะผิด
มันเลยเถิดของความสำคัญที่เนื้อหาไปแล้ว กลายเป็นว่า "พวกมากลากไป" ยิ่งในสังคมไทยยิ่งชัด
คนตะวันตก 100 คน คิดเรื่องเดียวกัน 1 เรื่อง จะได้ผลจากการวิเคราะห์ 100 ครั้ง หรือ 100 มุมมอง (แม้วาอาจจะมีบ้างที่คล้ายกัน)
แต่ คนไทย 100 คน คิดเรื่องเดียวกัน 1 เรื่อง จะได้ผลจากการวิเคราะห์ไม่เกิน 50 ครั้ง (เผลอๆ จะแค่ 10 ครั้ง) เพราะที่เหลือก็จะถามกันต่อไปว่า..
"แล้วเมิงว่าไง"
อีกพวกก็..
จะ "อยู่เงียบๆ รอยกมือตามคนอื่นที่เค้ายกๆ กัน"
หรือไม่ก็..
"ว่าไงก็ว่างั้น"
"ผู้นำ" มีขึ้นเพื่อขจัดปัญหาที่คนจำนวนมาก (หรือ ในที่นี้คือ ผู้ตาม) จะถกเถียงกันในเรื่องต่างๆ โดย "ผู้นำ" จะเป็นคนตัดสิน
แต่บางสังคม "ผู้นำ" หมายถึง คนที่ขึ้นมาเพื่อให้ "ผู้ตาม" ออกมาเรียกร้องขออะไรก็ได้ตามใจ และพร้อมจะโยนขี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมให้โดยไม่เคยคิดถึงตัวเอง
และเมื่อ "ผู้นำ" ไม่ทำตามใจ ก็จะกลายเป็นว่า "ผู้นำ" ไม่ยอมทำตามประชาชน ผู้นำเห็นแก่ตัว ฯลฯ
ประเทศนี้ ถ้ายังไม่มีใครคิดจะเป็น "ผู้ตาม" ที่ดีได้ ก็อย่าหวังจะได้เห็น "ผู้นำ" ที่สมบูรณ์แบบเลย
จากคุณ |
:
art_sarawut
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 52 01:24:36
|
|
|
|
 |