ความคิดเห็นที่ 1 เรามาดูกันก่อนว่าจะทำให้คนๆหนึ่งหลับหรือสลบได้อย่างไร ... การออกฤทธิ์ของยานอนหลับหรือยาสลบนั้นออกฤทธิ์ที่สมอง ยาจำพวกยานอนหลับเช่น diazepam, ฝิ่นและอนุพันธุ์ของมันนั้น มีโปรตีนตัวรับของยาอยู่ที่สมอง เมื่อยาไปจับกับโปรตีนตัวรับเหล่านี้จะออกฤทธิ์ระงับความรู้สึก ยาดมสลบนั้นเชื่อกันว่า สามารถทำให้ระดับ GABA (ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสมอง)โดยการเสริมฤทธิ์การทำงานของ GABA recepter นอกจากนี้ยังพบว่ายาดมสลบบางตัวมีผลต่อ  neurotransmiter ทำให้นำกระแสประสาทไม่ดี  นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีอื่นๆ อีกมาก อย่างไรก็ตามโดยสรุปยังไงมันก็ต้องออกฤทธิ์ที่สมองก็แล้วกัน -*- การให้ยาสลบที่ได้ผลรวดเร็วและแน่นอน คือ สลบแน่ๆคือการฉีดเข้าเส้นเลือด  (intravenous anesthesia) ซึ่งตัวที่หลับเร็วที่สุดคือ thiopenthal เมื่อฉีดแล้วใช้เวลาเพียง 1 arm-brain circulation (ประมาณ 10-15 วินาที) คนไข้ก็สลบแล้ว เพราะยาในกระแสเลือดไปออกฤทธิ์ที่สมองโดยตรง แต่ถ้าใช้วิธีอื่น เช่น สูดยาดมสลบ (inhalation anesthesia), ฉีดเข้ากล้าม (intramuscular injection)ก็ใช้เวลานานกว่านี้มาก มักจะทำในกรณีเปิดเส้นน้ำเกลือไม่ได้ ดังนั้นในการดมยาสลบทั่วไปจึงนิยมฉีดเข้าเส้นให้สลบก่อน จึงใช้ยาดมสลบ maintenanceต่อ เพื่อความรวดเร็ว และใช้ยาร่วมกันหลายๆตัว ได้แก่ ยาหย่อนกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน เพื่อบาลานซ์ผลข้างเคียงซึ่งกันและกัน แก้ไข สะกดผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 19:02:31 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:40:02

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าถูกมอมยาโดนการรมผ่านหน้ากากแอร์ จะเป็นไปได้หรือไม่ ? ยาสลบถ้าสูดผ่านจมูกเข้าไป จากนั้นต้องไปที่ปอด  ถูกดูดซึมผ่านเส้นเลือดที่ปอด เส้นเลือดจาดปอดไหลเวียนผ่านไปที่สมอง ยาจึงจะไปออกฤทธิ์ที่สมองได้ ดังนั้นต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียว การจะสลบช้า-เร็วจึงขึ้นกับความเข้มข้นของยาสลบที่ใช้  การละลายได้ดีในไขมัน สมัยก่อนจึงมีการคิดค้นวิธีที่จะทำให้คนไข้หลับเร็วที่สุด ยาสลบตัวแรกๆ ได้แก่ Etherซึ่งจะให้ยาสลบโดย หน้ากาก (mask) ซึ่งมีผ้ากอซ (gauze) หุ้มไว้ประมาณ 4-5 ชั้น และขวดยาอีเธอร์ สำหรับหยดลงบนหน้ากากให้ผู้ป่วย ซึ่งอีเธอร์นี้ใช้เวลาเป็นสิบนาทีกว่าผู้ป่วยจะหลับ และกลิ่นแย่มากๆ กระตุ้นทางเดินหายใจให้หดเกร็งและเสมหะเยอะ เวลาต่อมามีผู้คิดค้น chloroform ซึ่งกลิ่นดีกว่า ใช้ปริมาณน้อยและหลับเร็วกว่าแค่ 2-5 นที แต่ต่อมาพบว่ามันกดหัวใจมากๆ ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้บ่อยๆเลยหยุดใช้ไป รูปการดมยาสลบสมัยก่อน ส่วนคำตอบอยู่ในคห.ถัดไป แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 19:13:51 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:41:11

ความคิดเห็นที่ 3 ปัจจุบันเราใช้เครื่องดมยาสลบ ซึ่งสามารถควบคุมจำนวนออกซิเจนไอระเหย (vapor)ของยาดมสลบได้ในระดับที่จะทำให้ผู้ป่วยหลับตามที่ต้องการ มีท่อยางต่อออกจากเครื่องดมยาสลบนำออกซิเจนและยาดมสลบที่เป็นก๊าซหรือไอระเหยไปสู่คนไข้ ตามรูป ยาดมสลบที่มีในปัจจุบัน  ถึงใช้ตัวที่ทำให้หลับเร็วที่สุด เปิดด้วยความเข้มข้นสูงที่สุดจากเครื่อง ยังใช้เวลาเป็นนาทีกว่าคนไข้จะสลบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่ยาที่บอกว่าพ่นมาจากช่องแอร์แท็กซี่จะทำให้หมดสติได้ (โดยที่คนขับไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน) ^ ^ ^ เพิ่มเติม ข้อความข้างบนนี้หมายถึงดม gas อย่างเดียวนะคะ บางคนเคยดมยาสลบแล้วคิดว่า ดม gas ไม่กี่วินาทีก็หลับ จริงๆแล้วหลับจากยานำสลบที่ฉีดทางสายน้ำเกลือค่ะ gasที่ให้ดมผ่านหน้ากากมักเป็นออกซิเจน ถ้าให้ผู้ใหญ่ดม gas เพียวๆเพื่อให้หลับจะกินเวลานานกว่าเด็กเล็กๆค่ะ แก้คำว่า "หลายนาที" เป็น "นาที" เพราะการเหนี่ยวนำให้สลบโดยใช้ยาดมสลบ โดยเปิดความเข้มข้นสูงให้ผู้ป่วยสูดดม gas ผ่านเครื่องและวงจรให้ยาสลบที่ได้เปิดยาดมสลบไว้ในวงจรไว้แล้วจนเต็ม (Priming)  จะสามารถสลบได้ในเวลาเฉลี่ยเป็นนาทีเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 07:47:55 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:49:16 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:43:49

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วยาป้ายล่ะ มีจริงไหม? ตอบว่า "มีจริงก็ดีสิ" 555 คงทำงานง่ายขึ้นอีกเยอะ  เพราะบ่อยครั้งที่เราพบว่ามีปัญหาในการแทงเส้นเพื่อที่จะให้ยาสลบ เช่น ในคนไข้เด็ก (เราจึงมักให้เขาดมยาให้หลับก่อนแล้วค่อยแทงเส้น) คนไข้ที่อ้วนมากๆ ถ้ามียาแปะให้หลับหรือสลบมาก่อนก็คงจะดี ถ้ามีจริง มันก็ต้องออกฤทธิ์ซึมผ่านผิวหนัง เข้ากระแสเลือด ไปออกฤทธิ์ที่สมอง ถูกไหม? ทุกวันนี้มีการคิดค้นยาที่จะออกฤทธิ์ผ่านทางผิวหนัง ที่เรียกว่า "Transdermal drug delivery system" แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันทำไม่ได้ง่ายๆ จึงมียาที่ใช้ได้ไม่กี่ตัว ความยากมันมีตั้งแต่การซึมผ่านของยาผ่านทางผิวหนัง  การควบคุมยาอย่างไรให้มันออกฤทธิ์ตามที่ต้องการ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:46:22

ความคิดเห็นที่ 5 มาดูผิวหนังของเรากัน ผิวหนังประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ ที่สำคัญ 3 ชั้นได้แก่ epidermis, dermis และ subcutaneous นอกจากนี้ ยังประกอบด้วย ส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น hair follicles, sweat ducts เป็นต้น เนื่องจาก epidermis ประกอบด้วยชั้นของ stratum corneum ซึ่งเป็น barrier หรืออุปสรรคที่สำคัญสำหรับการนำส่งยาสู่ผิวหนัง  ส่วนชั้นของผิวหนังที่ถัดจาก epidermis คือ ชั้น dermis ซึ่งเป็นชั้นที่ประกอบด้วย หลอดเลือด ท่อน้ำเหลือง และระบบประสาท ทำให้ส่วนของ dermis มีความสำคัญต่อการลำเลียงยา หรือสารเข้าสู่หลอดเลือด ดังนั้นยาที่สามารถบริหารได้ด้วยวิธีนี้จะต้องค่อนข้างเป็นยาที่มีความแรง และสามารถซึมผ่านผิวหนังได้ดีเท่านั้นจึงจะเหมาะสม นอกจากนี้ยาต้องใช้เวลาค่อนข้างนานจึงจะออกฤทธิ์ ยกตัวอย่าง ยาชา Xylocain หรือ lidocaine แบบแปะนี้ ยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการออกฤทธิ์ซึมผ่านผิวหนังให้ชาเฉพาะที่ ยาในกลุ่ม nacrotics  คือ อนุพันธ์ของฝิ่นตัวเดียวที่มีใช้ในรูปแบบนี้  คือ  Fentanyl ซึ่งละลายในไขมันได้ดีและแรงกว่ามอร์ฟีนร้อยเท่า ยังใช้เวลาเท่าไหร่รู้ไหมคะ? กว่าจะออกฤทธิ์เต็มที่  = 12-24 ชั่วโมงค่า ...   ดังนั้นการป้ายยาให้คนสลบจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกว่าจะซึมผ่านผิวหนังไปได้ต้องใช้ยาปริมาณมาก(อาบยาเลยดีกว่า-*-) รอระยะเวลานาน อีกทั้งยังควบคุมไม่ได้ด้วย ว่ายาจะออกฤทธิ์แค่ไหน อย่างไร แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 19:05:09 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:47:41

ความคิดเห็นที่ 6 ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาดูกันไอ้ยาแผ่นแปะ ที่มองภายนอกเหมือนทำง่ายๆนั้น ข้างในมันซับซ้อนปานใด ซึ่งโดยทั่วไปการแบ่ง transdermal patch สามารถทำได้ในหลายวิธี  แต่โดยหลักการพื้นฐานที่สุดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ drug in adhesive, drug in matrix และ drug in reservoir ซึ่งแบบแรก ชั้นของ adhesive นอกจากการทำหน้าที่ในการทำให้ patch ยึดตึดกับผิวหนังแล้ว ยังเป็นตัวควบคุมการปลดปล่อยของตัวยาออกจาก patch การ ปลดปล่อยตัวยาจะลดลงเมื่อความเข้มข้นของยาใน adhesive layer ลดลง แบบที่ 2 คือ drug in matrix ยตัวยาจะกระจายตัวอยู่ใน lipophilic matrix หรือ hydrophilic matrix  ดังนั้น ส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับ patch ชนิดนี้ คือ ชั้นของ matrix ที่จะทำหน้าที่ในการควบคุมการ ปลดปล่อยของตัวยาออกจาก patch และการปล่อยยาจะลดลงเมื่อความเข้มข้นของยาใน matrix ลดลงเช่นกัน ชนิดสุดท้าย ได้แก่ drug in reservoir  อัตราการปลดปล่อยตัวยาออกจาก patch จะถูกควบคุมด้วย membrane  ตัวยาสำคัญนั้นจะถูกเก็บอยู่ในส่วนที่เรียกว่า reservoir (ในรูปของ gel หรือ solution) นอกจากนี้  drug in reservoir patch ยังมีข้อดีที่เหนือกว่า patch อีก 2 ชนิดข้างต้นคือ การปลดปล่อยยาจาก reservoir patch จะคงที่เป็น zero order kinetic คิดกันลึกซึ้งขนาดนี้ ยังสู้ยาป้ายไม่ได้นะเนี่ย ดังนั้น  ประกาศไว้เสียตรงนี้ ดังนั้นใครมียาป้ายแล้วหลับเลย มาแสดงตัวเสียดีๆ ไม่ต้องแอบใช้หรอก รับรองได้ทั้งเงินทั้งกล่องเพียบ อย่างน้อยก็ได้หนึ่งล้าน จากอาจารย์แมวเหมียวพุงป่องแน่ๆ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:49:04

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบเรื่องฟอร์เวิร์เมล์ที่มีคนเอามาถามบ่อยๆ   Chloroform Spray เนื้อหาประมาณนี้ ...กลุ่มมิจฉาชีพ แกล้งทำทีมาขาย สเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แต่จริงๆแล้ว สารในสเปรย์กระป๋อง นั้นคือ คลอโรฟอร์ม ที่ทำให้ท่านสลบได้ เหตุการณ์ เริ่มจากเด็กสาววัยรุ่นท่าทางดีมาเคาะกระจกขณะรถจอดหรือรี่เข้ามาขณะท่านกำลังจะเข้ารถบริเวณลานจอดรถ ตามที่สาธารณะทั่วไป... หากท่านไม่ระวังหรือไขกระจกรถเพื่อพูดคุยด้วยสเปรย์จะถูกฉีดเข้าในรถทันที เมื่อท่านสลบ งัวเงีย สลึมสลือไม่ได้สติ ผู้ชายอีก 2-3 ! คนจะเข้ามาปลดทรัพย์ ... ตอบ  เป็นไปไม่ได้ chloroform ไม่ได้เป็นยาสลบที่ทำให้คนสลบง่ายขนาดนั้น ขาดทำแลปหนู ยังเอาใส่ปิดฝาตั้งหลายนาทีกว่าหนูจะสลบอ่ะ อีกอย่างยาสลบที่เป็นแบบ ไอระเหย ใช่ว่าจะเอามาใส่ทำเป็นสเปรย์กันง่ายๆ  vaporizer ทุกตัวต้องมี chamber พิเศษสำหรับมันทั้งนั้น (ไม่ยืนยันนะคะว่าทำสเปรย์ได้หรือเปล่า แต่ลองค้น "Chloroform spray"ไม่มีในหน้าภาษาอังกฤษหรอก...) รูปการดมยาด้วยคลอโรฟอร์มในสมัยก่อย จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:51:02

ความคิดเห็นที่ 8 ยาป้ายที่ทำให้คนไม่รู้สึกตัว มาจากยาสลบที่ใช้ในสัตว์ได้ไหม ตอบ มียาตัวหนึ่งเป็นที่ต้องสงสัย คือ M99 หรือ Etorphine ซึ่งเป็นกลุ่มอนุพันธุ์ของฝิ่น การออกฤทธิ์เช่นเดียวกันกับ morphine  แต่มีความแรงกว่าเป็นพันๆเท่า ใช้ดมยาสลบในช้าง ตัวนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาใช้ในคน แค่โดนนิดหน่อยก็คงตายแล้ว (คนป้าย ตายก่อน ) และจะควบคุมการใช้ได้อย่างไร มีสมาชิกหว้ากอได้ E-mail ไปถามสัตวแพทยสภาก็ได้คำตอบว่าเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกันค่ะ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/07/X6770148/X6770148.html แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 00:00:27 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:51:56

ความคิดเห็นที่ 9 BURUNDANGA บนนามบัตร มันมีจริงๆ !!! FW mail : อย่ารับนามบัตรจากคนแปลกหน้า หญิงคนหนึ่ง ไปเติมแก็สที่ปั้มแก็ส มีชายมาเสนอบริการทาสี โดยยื่นนามบัตรให้ หญิงคนนั้นก็รับ มาอ่าน แล้วถือเข้ามาในรถด้วย สักครู่เมื่อขับรถออกมาจากปั้มแก็ส ก็สังเกตว่าชายคนนั้นขับรถตามมา และเธอก็รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยออก เธอรับเปิดหน้าต่าง และตระหนักว่ากลิ่นนั้นมาจาก มือของเธอเอง ซึ่งเป็นมือข้างที่เธอรับนามบัตรมาจากชายคนนั้น เธอตัดสินใจขับรถและกดแตร ดังไปตลอดทางเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นจึงขับรถหนีไป ยาที่ป้ายบนนามบัตร คือ ยา BURUNDANGA เพิ่อให้เราหมดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วเจ้า ตัวร้ายก็จะขโมยของและหรือข่มขืนเรา โดยยานี้มีประสิทธิภาพแรงกว่ายาที่ใช้ข่มขืนสาวๆ ถึง 4 เท่า... มีคนไปเสิร์ชแล้วเจอว่า Burundanga เป็นชื่อยาจริง และเป็นยาช่วยในการก่ออาชญากรรม รายงานจำนวนมากบอกว่าผู้ใช้ยาสามารถควบคุมเหยื่อได้.   มีการกล่าวว่าเหยื่อยเคราะห์ร้ายบางรายตื่นขึ้นหลายชั่วโมง หรือเป็นวันหลังโดนยา.   Burundanga เป็นสารสกัดได้จากพืชดอกในจีนัส Brugmansia ซึ่งถิ่นต้นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้.  ชื่ออื่นของยา burundanga คือ scopolamine ตอบ   โอเคค่ะ Burundanga หรือ scopolamine มันมีจริง แต่ว่าการสัมผัสนามบัตรน่ะ ไมได้ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้หรอก ถ้ากินผสมน้ำหรืออาหารก็ว่าไปอย่าง อีกอย่างมันไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ที่บอกว่าได้กลินจากนามบัตรน่ะ โม้ทั้งเพ scopolamine นี้มีแบบแปะด้วยค่ะ แก้เมารถเมาเรือ แปะตรงกกหู จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:55:11

ความคิดเห็นที่ 10 ว้าก ขอโทษครับที่ปาด นึกว่าจบแล้ว เอาไปตั้งห้องแป้งด้วยสิครับ เขาจะได้มีข้อมูลไว้พิจารณามากขึ้นว่า สิ่งที่โดนกับตัว มันเป็นไปได้หรือไม่ได้กันแน่ ล่าสุด จขกท ที่ถูกโยงมาก่อนหน้านี้ไม่ยอมจะให้คนเชื่อให้ได้จนตั้งกระทู้ใหม่ขึ้นมาต่อ..... http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q8342362/Q8342362.html แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 19:00:51 จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:56:51

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปที่เขียนขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่า ที่ไม่เชื่อเพราะมันอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้จริงๆ  คิดดูต่อให้เป็นยาตัวไหนที่เราไม่รู้จัก แต่ถ้าอธิบายตามการออกฤทธิ์มัน ยังไงก็ทำไมได้อยู่ดี ยกเว้นเป็นไสยศาสตร์ มนต์ดำเขมร อันนั้นอิชั้นก็จนปัญญา ...แล้วคิดดูถ้ามันมีจริงๆ ทำไมมันมีที่บ้านเราอยู่ที่เดียวล่ะ น่าจะมีข่าวไปทั่วโลก กระทู้หมอแมว น่าจะเป็นเหตุเป็นผลที่ดี... ทำอย่างไรหากขึ้นTAXIแล้วเกิดอาการมึนงง!!! http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/12/X7328809/X7328809.html ใช้ชีวิตด้วยความระแวดระวัง ตระหนักถึงภัยอันตรายที่จะเกิด แต่มิใช่ หวาดระแวงและตื่นตระหนก นะคะ  "สติมา ปัญญาเกิด" ค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:58:49

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าป้ายแล้วสลบง่ายๆ วงการมวยคงปั่นป่วนไปแล้ว เอามาป้ายนวมกันอุตลุต http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8300548/X8300548.html มีข้อสังเกตุหนึ่ง ที่น่าจะยืนยันได้ว่ายาที่แค่ป้ายแล้วสลบไม่มีจริง คือ ไม่เคยมีหลุดมาให้หมอหรือเภสัชพิสูจน์แม้แต่หยดเดียว เพราะถ้าพบกันแพร่หลาย แบบนี้  ต้องมีหลุดมาบ้าง  มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการสะกดจิตมากกว่า แต่การสะกดจิตทำได้เฉพาะคนที่ถูกชักนำได้ง่าย ซึ่งมักจะเป็นเพศหญิง การสะกดจิต  หลักการเดียวกับที่ จิตแพทย์ใช้  คือ เขาจะชักนำจิตเราให้ เข้าภวังศ์    ให้สังเกตุตรงพวกนี้จะใช้เสียงต่ำๆ พูดไปเรื่อยๆ จนเราเข้าสู่ ภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น  และจะพูดกับจิตใต้สำนึกโดยตรง  ซึ่งอาจเป็น จิตวัยเด็กของเรา  ตอนนี้เปรียบเหมือนคุณเป็นเด็ก เพราะจิตสำนึกหลับไปแล้ว ถ้าแม่สั่งว่าถอดสร้อยมาสิ คุณก็จะถอด   ไม่ใช่นิยายนะครับ มีจริงตามหลักชีววิทยาของสมอง และจิตวิทยา ฝากวิธีป้องกันครับ เห็นใครมาพูดพึมพัมๆ กับเรา เอา  MP3  ยัดหูตัวเอง  เปิดเพลง บิ๊กแอส หรือ โปเตโต้ดังๆ รับรอง ทำอะไรเราไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 23:21:03 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 23:04:35 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 22:58:32 จากคุณ : พิซซ่าหน้าปลาเค็ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 18:59:51

ความคิดเห็นที่ 13 โหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ จากคุณ : a6mzero เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:00:15

ความคิดเห็นที่ 14 โหวตตตตต จากคุณ : YOROZUYA เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:04:15

ความคิดเห็นที่ 15 ก็คงยังมีFw mail มาอีกล่ะครับ ว่าโดนวางยา จากคุณ : [Radio Edit] เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:14:44

ความคิดเห็นที่ 16 #10 เป็นเพราะกระทู้นี้แหละค่ะ เลยทำให้ต้องเขียนขึ้นมาบ้าง เธอเชื่อเป็นตุเป็นตะจริงๆ  คนร้ายที่จะก่อเหตุมีการมาเอาเงินค่าโดยสารด้วย #11 ไอเดียดีมากเลยค่ะ 555 #13,14 ขอบคุณค่า ปกติเขียนกระทู้วิชาการให้แต่ห้องชานเรือน นานๆมาเขียนที่นี่ที พิมพ์ผิดเพียบ ^ ^ #15 คงเป็นแบบนั้นแหละค่ะ แม่อิชั้นยังเชื่อเลย พูดยังไงก็ไม่ฟัง ก็ยกไว้คนนึง ^ ^ " รูป Duragesic หรือ Fentanyl patch ซึ่งมักใช้ในผู้ป่วยมะเร็งระยะท้ายๆ ที่กินไม่ได้ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:29:18

ความคิดเห็นที่ 17   ผมว่ามีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการป้ายยาซึ่งจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับยาอะไรเลยก็ได้ คือผมไปยืนอ่านหนังสือของ วิน เอี่ยมอ่อง นักมายาจิต  (แบบว่าชอบอ่านแต่ไม่ค่อยชอบซื้อ) เขาเขียนหนังือเกี่ยวกับเรื่องของเทคนิคทางจิตวิทยาการสะกดจิตให้คนทำในสิ่งงต่างๆ เท่าที่อ่านหลักการดูคล้ายกับวิธีการป้ายยาตามคำบอกเล่าของคนที่เคยๆโดนกัน คือจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาคุยด้วยแล้วอยู่ๆก็จะรู้สึกง่วงนอนหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย หลักการการสะกดจิตที่อยู่ในหนังสือของเขาก็อธิบายไว้ว่า พอได้เป้าหมายที่จะเข้าไปสะกดจิต นัดสะกดจิตก็จะเข้าไปพูดคุยด้วยกับเหยื่อ เช่น ถามว่าห้องน้ำไปทางไหน หรือถามเวลา พอเหยื่อหลงตอบคำถามเค้าก็จะถามคำถามอื่นๆตามมาเป็นพวนตามสคิปที่ได้ท่องไว้ เมื่อเหยื่อเกิดอาการงงๆๆ เขาก็จะจับไปที่มือของเหยื่อแล้วบีบที่มือให้แรงกว่าปกตินิดหน่อย เหยื่อจะตกใจและประสาทสัมผัสจะรู้ช็อค หลังจากนั้นเขาก็จะยกมืออีกข้างขึ้นบังตาเหยื่อ โดยที่มือข้างนั้นจะทานำหอมกลิ่นอ่อนๆเอาไว้ด้วย   สิ่งที่ทำทั้งหมดก็เพื่อทำให้ประสาทสัมผัสส่วนใหญ่ของเหยื่อช็อค และทำการส่งข้อมูลต่างๆเข้าไปยังสมองพร้อมๆกันทำให้สมองมึนงงและเกิดอาการล้า  คิดสับสนอยู่กับการลำดับเหตุการณ์ต่างๆ แล้วทีนี้นักะกดจิตก็จะยื่นข้อเสนอด้ยการบอกให้เหยื่อหลับ ด้วยกลไกลของสมองเมื่อเจอกับสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนมากๆ หากมีทางเลือกใดที่ง่ายที่สุดเข้ามา สมองก็จะเลือกทำตามสิ่งนั้น(หลักการตามที่เขาอธิบายไว้ในหนังสือ) เมื่อเหยื่อหลับ นักสะกดจิคก็จะพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่นปลอดภัย เพื่อโน้มน้าให้เยื่อทำสิ่งต่างๆได้ตามที่ต้องการ พอผมอ่านจบผมเลยคิดว่ามันเหมือนกับเหตุการณ์ของคนที่โดนป้ายยามากเลย จึงคิดสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมที่วิธีการนี้จะเป็นวิธีการของมิจฉาชีพ หาใช่การป้ายยาสลบอย่างที่เราคิดกัน โรยงา มะพราวขูด จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:29:34

ความคิดเห็นที่ 18 อิๆ ช่วยกันยืนยันหลายๆทาง เผื่อคนจะเฉลี่ยวใจกันมั่ง จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:29:55

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนผมรับการผ่าตัด หมอเอา mask มาใส่ผม สูดหายใจทีเดียวหลับเลย ทำไมมันไวกว่าที่ จขกท. บอก มากๆเลยครับ หรือหมอจะฉีดเข้าเส้นก่อน? จากคุณ : Vat_Rin เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:30:25

ความคิดเห็นที่ 20 #17 น่าสนใจมากๆเลยค่ะ แต่คงใช้ได้เป็นบางคนนะคะ คนที่จะเลือกเหยื่อคงต้องดูบุคลิกเอาว่าคนไหนมีแนวโน้มจะโดนสะกดจิตได้ง่ายหรือเปล่าคะ?  ถ้าหน้าโหดๆแบบอิชั้น เขาคงไม่เอาค่ะ #18 พี่หมอคะ คนในวงการบางคนยังเชื่อเลยค่ะ ^ ^ #19 mask นั้น เป็นออกซิเจน 100 % ค่ะ ให้สำรองเผื่อมีภาวะการขาดออกซิเจนช่วงใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ยาฉีดเข้าเส้นค่ะ ปกติจะใช้ IV induction เป็นหลัก ยกเว้นในเด็กที่ไม่อยากให้เขาเจ็บหรือหาเส้นยากถึงใช้ gas induction เอ่อ จะเอากระทู้ไปแปะในห้องแป้งดีไหมคะ กลัวถูกสาวๆรุม เพราะส่วนใหญ่เชื่อกันหมดเลย -*- จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:36:17

ความคิดเห็นที่ 21   น่าจะครับ น่าจะใช้ได้กับคนที่จิตอ่อนคล้อยตาม   ความคิดเห็นคนอื่นได้ง่าย หรือ ไม่ก็คนที่ สมองเหนื่อยล้าจากการทำงาน อะไรประมาณนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นผู้หญิง หรือคนที่พึ่งเลิกงานตอนเย็นๆ  วิธีดูเหยื่อก็คงจะไม่น่ายากสำหรับคนพวกนี้ ถ้าเขาใช้วิธีการตามนี้จริงๆนะครับ โรยงา มะพร้าวขูด จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:42:22

ความคิดเห็นที่ 22   ของจริงมาเองเลย อิอิ จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:53:34

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้ดีๆ ต้องโหวต จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:53:50

ความคิดเห็นที่ 24 โหวตครับผม จากคุณ : อย่าให้ต้องพูดซ้ำอีกนะ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 20:14:28

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาโหวตครับ จากคุณ : Lekfoto เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 20:15:44

ความคิดเห็นที่ 26 "ขอโหวตให้กระทู้ดีๆ ครับ " ทุกวันนี้ ผมเห็นโฆษณา แผ่นยาลดความอ้วน  แบบ ปิดที่สะดือ แล้วนอน  ตื่นมาแล้วผอม  ทางช่อง ทีวี -รับสัญญานผ่านดาวเทียม  โดย อ้างอิงผลรับรองจากสถาบันของประเทศโน่นนี่ อยู่แทบทุกวัน  ระบุ ลดการดูดซึมไขมันที่ผนังลำไส้  แบบนี้  ยังจะเป็นไปได้ ในทางการออกฤทธิ์ทางยา ในปัจจุบัน หรือปล่าวครับ จากคุณ : สารวัตรซัดโป้ง เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 20:23:25

ความคิดเห็นที่ 27 เบื่อแฟนชอบเชื่อ FW mail เหมือนกัน โหวตโลด จากคุณ : LazyEater เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 20:38:17

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเคยผ่านการโดนวางยาให้สลบมาถึง 2 ครั้ง ครับจะเล่าให้ฟังบางคนอาจจะไม่เคยโดนกับตัว ครั้งแรกตอนเกิดอุบัติเหตุทางรถ  แขนขวาหัก3ท่อน ต้องผ่าใส้เหล็กหมดทุกจุด ก่อนเข้าห้องผ่าตัดหมอจะให้ยาเม็ดเล็กๆมากินจำไม่ได้แล้วว่ากี่เม็ดน่าจะประมาณ 1-2 เม็ด พอผมเข้าห้องผ่าตัด หมอก็พูดกับผมว่า เดียวจะวางยาให้หลับโดยการรมยานะครับ แล้วหมอเขาก็เอาหน้ากากมาให้ผมดมแล้วถามผมว่า ได้กลิ่นยาหรือเปล่า ยังที่ผมไม่ทันจะตอบ ผมตื่นมาอีกที่ก็นอนอยู่ตรงที่พักคนไข้ผ่าตัดแล้วเสร็จเรียบร้อย แล้วก็อีกครั้งเกิดอุบัติเหตุทางรถเหมือนกัน แขนซ้ายหัก สะโพกซ้ายหลุด ตอนใส่สะโพกกลับเข้าที่นี้ผมไม่รู้สึกตัวครับเพราะสลบตั้ังแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุ เรื่องมันอยู่ว่า พอผมนอนรักษาได้ไม่ถึงอาทิตย์ผมขอหมอกลับบ้าน กลับมาได้วันเดียว ไม่รู้นึกอะไรดันไปนั้งไขวห้าง สะโพกมันเลยหลุดอีกรอบ ตานี้หลุดแบบสดๆเลยไม่ได้สลบลองนึกดูว่ามันจะเจ็บปวดแค่ใหน ที่บ้านห้ามกันกลับไปส่งโรงบาล 55+  พอเข้าห้องผ่าตัดรอบนี้โดนฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือครับ ตอนเขาฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือผมลองฝืนดูว่าจะหลับหรือไม่ พอฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือ ผมพยายามฝืน สิ่งที่เกิดขึ้นกลับผมคือ หุผมเหมือนได้ยินเสียงคล้ายๆยุงบินข้างหูเสียงดังขึ้นเรื่อยๆเสียงแหลมขึ้นเรื่อยๆแล้วผมก็ไม่รู้ตัวอีกเลย เท่านี้ละครับ จากคุณ : l_and_r1948 เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 20:51:23

ความคิดเห็นที่ 29 ... ยาสลบคางคกภูเขา ที่สางเขียวใช้กับคณะเชษฐา ว่านพระอาทิตย์ ที่แงซายใช้แก้พิษยาสลบคางคกภูเขา จากคุณ : tonjung เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 20:55:20

ความคิดเห็นที่ 30 สอบถามหน่อยนะครับ วิสัญญีแพทย์ใส่ชุดกาวน์สีเดียวกับศัลยแพทย์มั้ยครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:02:55

ความคิดเห็นที่ 31 สาวๆห้องแป้งไม่ค่อยเข้ามาอ่านห้องนี้แน่ๆเลยอ่ะ เป็นตุเป็นตะ..บางคนก็เกินระวังไปเยอะแล้วอ่ะ จากคุณ : ส้มน้อยน่ารักผู้พิทักษ์คุณธรรม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:19:27

ความคิดเห็นที่ 32 โหวตครับ... ส่วนตัวค่อนข้างเชื่อว่าอาจเป็นฤทธิ์ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซต์ จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:20:16

ความคิดเห็นที่ 33   โดน ลอกคราบ   นี่พอเข้าใจ  คือจะ  ...   นกต่อ    นั่นแหละ  เลยโดนมอมให้ดื่มเครื่องดื่มผสม roofies ทั้งหญิงและชาย แต่ไอ้ยาป้ายนี่  ทำไมได้ข่าวแต่ผู้หญิง โดนซะส่วนใหญ่ละ    มันน่าจะมีอะไรเชื่อมโยงกันนะ     ได้ยินมานานแล้วด้วยตั้งแต่เด็กๆ      ไอ้โจรที่ทำมันเคยโดนจับได้บ้างไหมจะได้ขยายผลให้รู้กันไปเลย   ว่าอะไรเป็นอะไร  คนส่วนใหญ่จะได้เลิกเชื่อซะที จากคุณ : เดา ครับ เดาล้วน (Pier Gerlofs Donia) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:21:58

ความคิดเห็นที่ 34 ผมก็ว่ามันเป็นไปไม่ได้เหมือนกันครับ และคิดว่าอาจเป็นการสะกดจิตมากกว่า จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:22:35

ความคิดเห็นที่ 35 #26 แผ่นแปะตัวนี้หรือเปล่าคะ? http://www.herworldclass.com/product.detail_0_th_2303012 ลดได้วันละกิโลเลยโอโห... โม้สุดๆเลยค่ะ ดูส่วนประกอบแต่ละอย่างแล้วไม่น่าซึมเข้าผิวได้เลย ... ยาแบบ patch ที่ยอมรับกันว่าใช้ได้ผลจริง ก็มี nicotine (ใช้อดบุหรี่), Fentanyl ,ฮอร์โมนบางตัว ,Nitroglycerine ที่ใช้รักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ, ยาชา Lidocaine ,ยาแก้ปวดกลุ่ม NSIAD ,ยาลดความดัน Clonidine ,ยาแก้เมา Scopolamine ... อีกอย่างดูส่วนประกอบอันแรก 5-HT 12 mg ก็เชื่อถือไม่ได้แล้วค่ะ 5-HT ที่ใช้ในการรักษาทุกวันนี้ ขนาดกินยังใช้ 100-300 mg ต่อวันเลยค่ะ ไม่รู้ว่าอย.ปล่อยให้ขายได้ไงนะคะ #28 กิน Dormicum หรือเปล่าคะ ^ ^ เลยมีฤทธิ์ amnesia มาก สะโพกหลุด ปวดมากๆเลยค่ะ ตอนนี้หายดีแล้วนะคะ # 30 แล้วแต่สถาบันค่ะ ตอนเรียนอยู่ใส่กาวน์เขียวใส่หมวกสีม่วง แต่ตอนนี้ใส่กาวน์ม่วงแต่ใส่หมวกเขียว(หมอศัลย์ใส่กาวน์เขียว หมวกเขียว)  ^ ^ ไม่รู้ทำไมวิสัญญีชอบสีม่วง ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:27:08

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากครับ พอดีผมเห็นในซีรีย์ เค้าใส่คนละสีกัน ก็เลยสงสัยน่ะครับ พอจะทราบเหตุผลมั้ยครับ ว่าทำไมใส่คนละสีกัน จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 21:39:17

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ ซีรี่นี้หรือเปล่าครับ ขอโทษที่นอกเรื่อง จากคุณ : พิซซ่าหน้าปลาเค็ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:09:00

ความคิดเห็นที่ 38 หลายเรื่องเลยครับที่เกี่ยวกับหมอดูหมด Grey's Anatomy ก็เพิ่งดูจบไปวันก่อน :D ดูแล้วอยากเป็นหมอเลย แต่ว่า ชีวิตจริงมั้นไม่ใช่อย่างที่ฝัน จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:26:46

ความคิดเห็นที่ 39 สมัยก่อนจะมีคนขับรถม้าพูดยังงี้บ้างเปล่านะ เครื่องบิน เครื่องร่อน อะไรมันจะง่ายปานนั้น ...ผมขับรถให้คนอื่นนั่งอยู่ทุกวันยังบินไม่ได้เลย จากคุณ : เร่ร่อน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:30:26

ความคิดเห็นที่ 40 เราก็เข้าห้องแป้งเป็นประจำค่ะ เข้าห้องนี้เหมือนกันเพราะได้ความรู้เยอะดี นี่ก็ตามมาจากห้องแป้งอ่ะค่ะ เราได้รับ Fwd mail ทีไรนะกด delete ทันที ยกเว้นจะเป็นเมลล์เรื่องขำๆ ถึงจะอ่าน จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:35:16

ความคิดเห็นที่ 41 นอกเรื่อง แต่รบกวนถามเจ้าของกระทู้นะครับ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า มีญาติผู้ใหญ่คนนึง โดนหมอให้ยาสลบเกินขนาด ปัจจุบันเป็นเหมือนเจ้าชายนิทรา นอนในห้องพิเศษ ของ รพ นั้นๆ ฟรี มาเป็นปีๆ ละ ไม่มีวี่แววว่าจะหาย มันไม่มีทางแก้ไขเลยหรือครับ จากคุณ : Forest Frog เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:35:52

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้ดีมีสาระ ต้องโหวตครับ จากคุณ : CozyMKIV เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:47:09

ความคิดเห็นที่ 43 สมัยก่อนจะมีคนขับรถม้าพูดยังงี้บ้างเปล่านะ เครื่องบิน เครื่องร่อน อะไรมันจะง่ายปานนั้น ...ผมขับรถให้คนอื่นนั่งอยู่ทุกวันยังบินไม่ได้เลย จากคุณ : เร่ร่อน [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:30:26 จขกททำงานด้านวิสัญญี ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับยาสลบ ... เหมือนกับที่ผ่านๆมา ตำรวจ เภสัชกร หมอ พยาบาล ต่างบอกคล้ายๆกันว่าไม่เคยเห็นหรือเจอคนที่มาด้วยเรื่องนี้เลย คนไข้บางคนที่รักษา บางคนยังไม่ได้กินยา แค่ได้ยากลับไปบ้านเฉยๆแล้วมีผื่นขึ้น เค้ายังฝังใจขนาดเชื่อว่าแพ้ยาที่ได้จากหมอเลย แล้วนับอะไรกับคนที่ขึ้นแท็กซี่แล้วมึนงง ... จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:58:00

ความคิดเห็นที่ 44 ความจริงวันนี้ - -* ให้โหวต และกิ๊ฟแล้วค่ะ จากคุณ : ป่านฉะนี้เธออยู่ดีไฉน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:02:57

ความคิดเห็นที่ 45 ขอเอาไปทำ Fw mail นะครับ จากคุณ : neopeax เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:04:21

ความคิดเห็นที่ 46 ตาสว่าง...  ในบันดล จากคุณ : Regulas เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:05:18

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนเด็ก (5-6 ขวบ) ผมเคยผ่าตัดไส้เลื่อน (ไม่ใช่ผ่าเพราะอุบัติเหตุ  ก่อนผ่ามีสติครบถ้วน ไม่ได้เจ็บปวด) พยาบาลบอกเดี๋ยวเอาลมหอมๆให้ดม พอเขาเอาอะไรให้ดมซักพัก ตัวผมเองรู้สึกว่ายังนอนไม่เข้าที่ เบี้ยวๆ พยายามขยับตัวให้นอนดีๆ ก็ขยับไม่ได้ ตาเบลอโฟกัสไม่ชัดอยู่สักพัก แล้วก็หลับไป ตามความรู้สึก มันเหมือนไม่กี่วินาทีเอง เขาใช้วิธีอะไรวางยาผมครับ? (ตอนนั้นประมาณปี 21 - 22  ผ่าที่ศิริราช) จำไม่ได้ว่าได้กินยาอะไรหรือไม่ จากคุณ : อากง เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:07:24

ความคิดเห็นที่ 48 มาโหวตค่ะ ^^" จากคุณ : ลีลิน~* (LeeLin Actually~*) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:11:09

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 39   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]   สมัยก่อนจะมีคนขับรถม้าพูดยังงี้บ้างเปล่านะ เครื่องบิน เครื่องร่อน อะไรมันจะง่ายปานนั้น ...ผมขับรถให้คนอื่นนั่งอยู่ทุกวันยังบินไม่ได้เลย จากคุณ : เร่ร่อน [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:30:26 [แก้ไข] ผมว่าเทียบไม่ถูกครับ ต้องเทียบว่า NP Faster อะไรมันจะทำให้รถเบาขึ้นได้ง่ายปานนั้น .... ผมทำงานวิศวกรเครื่องกล ออกแบบรถยนต์อยู่ทุกวัน แบบนี้จะตรงตามตรรกะประเด็นนี้ครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:20:28

ความคิดเห็นที่ 50 คำอธิบายแบบมีสาระ มีเนื้อหายาวเกินไปครับ คำว่า "ผมโดนมากับตัวจริงๆ นะ ทั้งๆที่ผมเป็นคนมีสติสมบูรณ์ทุกอย่าง" มันได้ใจความชัดเจนกว่าครับ. FWM ต้าน FWM จึงแทบไม่เคยจะได้ผลครับ. ขนาดผมส่ง เรื่องคนขอความช่วยเหลือ ตายไป 4 ปีแล้วคืนกลับไป ยังไม่อ่านกันเลย ยังมี ฉบับๆ เดิมจากคนเดิมส่งมาให้ผมเรื่อยๆ เลย แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:31:11 จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:30:43

ความคิดเห็นที่ 51 ส่วนเรื่องยาสลบที่โรงพยาบาลให้ดมก่อนผ่าตัด ปกติจะให้ดมพร้อมกับการฉีดยา ดังนั้นจังหวะที่เริ่มได้กลิ่นจางๆ ที่จริงตอนนั้นโดนฉีดยาไปแล้ว แต่คนที่โดนวางยาสลบไม่เห็นการฉีด ก็เข้าใจไปว่าโดนดมอย่างเดียว จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:39:07

ความคิดเห็นที่ 52 ขอตอบแต่คำถามนะคะ ง่วงนอนแล้ว คิดไว้เหมือนกันว่าถ้าตั้งกระทู้เรื่องยาสลบคงมีคำถามเยอะ เพราะวิสัญญีดูลึกลับยังไงก็ไม่รู้ 555   พรุ่งนี้ต้องทำงานแล้ว ถ้ามีคำถามอาจจะต้องแปะไว้ก่อนนะคะ #36 ใส่คนละสีเพราะจะได้แยกง่ายน่ะค่ะ ว่าใครเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร เพราะอยู่ในห้องผ่าตัดก็ใส่หมวก ใส่ mask เหมือนกันหมด ชอบดู Grey's Anatomy เหมือนกันค่ะ แต่ชีวิตหมอจริงๆบางทีก็ไม่สนุกเหมือนซีรีส์หรอกนะคะ #41 ไม่ทราบจริงๆว่าสาเหตุตอนนั้นเกิดจากอะไรนะคะ แต่สภาวะเจ้าชายนิทราที่เป็นมากกว่า 1ปี จะเรียกว่า Persistent vegetative state ซึ่งระดับความรู้สึกตัวมักไม่ดีกว่านี้แล้วค่ะ เพราะนั่นหมายถึงว่าเกิดจากความเสียหายอย่างถาวรที่สมองแล้ว การดมยาสลบในคนไข้ที่แข็งแรงดีนั้น โอกาสเสียชีวิตจากยาสลบจริงๆน้อยมาก หรือประมาณ 4-5 รายในทุกๆการผ่าตัดหรือการให้ยาระงับความรู้สึก 1,000,000 ครั้ง ความเสี่ยงดังกล่าวน้อยกว่าการอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการเดินข้ามถนนอยู่ 25 เท่า และไม่มีใครอยากให้เกิดด้วยค่ะ #47  ถ้ามีน้ำเกลือแล้ว คงฉีด thiopenthal ค่ะ(มีใช้มาหลายสิบปีแล้ว) ที่ให้ดมคือออกซิเจน  แต่ถ้ายังไม่มีน้ำเกลือ gas ที่ให้ดมจนสลบน่าจะเป็น Halothane ค่ะ ซึ่งมีกลิ่นที่ดีทีเดียว(คิดว่าหอมกว่ายาดมสลบทุกตัวที่มี)  แต่ปัจจุบันไม่มีใช้แล้วค่ะ เนื่องจากมี metabolite ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะทำให้เกิดตับวายได้ (ความรู้สึกว่าเหมือนไม่กี่วินาที แต่จริงๆแล้วนานเหมือนกัน แต่อาจจะจำไม่ได้ค่ะ ) แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:52:21 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:45:08

ความคิดเห็นที่ 53 สงสัยต้องถามคนนี้ นับถึง เจ็ด คนไข้ก็หลับทุกราย อิอิ ว่าไง 67 กิโล จากคุณ : นายทองเติม เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:25:16

ความคิดเห็นที่ 54 แจ่มแจ้งเลยค่ะกระทู้นี้ เราเคยเอาไปบอกเพื่อนตั้งแต่กระทู้แรกๆ ที่บอกว่าน่าจะมาจากคาร์บอนมอนออกไซด์แล้ว แต่...เพื่อนเราที่มันบอกว่าเคยเจอมาสองสามที เพื่อนบอก แกไม่เจอแกไม่รู้หรอก มันมีจริงๆนะเว้ย คนในพันทิปมันไม่รุ้ไปทุกอย่างหรอก เราก็แบบ...เอ่อ ไม่รู้จะพูดยังไง แบบนี้เราควรปล่อให้เพื่อนเชื่อต่อไปดีเปล่าคะ จากคุณ : Jubnosuke เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:33:11

ความคิดเห็นที่ 55 แล้วที่ผู้หญิงเขาใช้ทาหัวนม   แล้วผู้ชายก็หลับโดนลอกคราบไปเลยละครับ มันเป็นยาอะไร  อ่า... อันนี้อ่านจากข่าวครับ แหะๆ ไม่ได้โดนกะตัวนะ จากคุณ : popcop765 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:40:20

ความคิดเห็นที่ 56 #53 ต้องเจอกันคนนี้ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:41:28

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามายืนยันว่ามีจริงๆ ครับ แผ่นแปะแล้วสลบ พิสูจน์ได้จากหนัง Mission Impossible ภาค 3 แฟนพระเอกจะถูกลักพาตัวในโรงพยาบาล โดนแปะแผ่นเล็กๆ กลมๆ ไม่ถึงนาที ล้มเลยครับ เป็นอุปกรณ์ัลับจากหน่วย M I :6 วะ ฮ่ะ ฮ่า ฟิ้ว จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:44:16

ความคิดเห็นที่ 58 กว่าจะสลบทั้งทีมันลำบายขนาดนี้เลยหรอเนี้ย ขอถามอีกนิดนึงครับ ปกติการป้ายยาจุดประสงค์คือ ให้ เหยื่อเพลอเอามือหรือส่วนที่โดยป้ายยาสลบ..เช็ดหน้าเช็ดตาโดยบังเอิญ แล้วเพลอสูดไอยาสลบจนสลบไปเองไม่ใช้หรอครับ แล้วก็ ถ้าจำไม่ผิด มีหมอท่านนึงที่มีเชื่อเสียงในบ้านเรา บอกว่ามียาสลบชนิดที่ สูดไปเฮือกเดียวก็สลบเหมือดไปทันที แบบว่าตอนสูดยืนเก๊กท่าไหนก็จะสลบโดยยืนหลับในท่านั้นเลย ฮันนี้เป็นเรื่องจริงหรือโม้ครับ จากคุณ : AjuntaPall เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:59:00

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณครับ กีบเหลือน้อย ไม่งั้นจะกดให้ทุก คคห เลย จากคุณ : JohnnieWalker เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 01:37:14

ความคิดเห็นที่ 60 ผมเห็นสับคอ ทุบหลัง ตุ้ยท้อง สลบทุกรายเลยอ่ะ ไม่เห็นต้องโปะยา... จากคุณ : KamenRider_V1 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 01:46:18

ความคิดเห็นที่ 61 ^ ^ ต่อยคางหรือต่อยแก้มทีเดียวก็สลบได้ครับ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 02:00:22

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าคิดแต่ในกรอบของคำว่า "ยา" ก็แน่นอนว่า ยาแบบที่ว่าน่ะมันไม่มี (เพราะในตำราเภสัชฯ ยังไม่มี) แต่ถ้าจะลองคิดว่า "ในโลกนี้มันยังมีอะไรอีกมากมายที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้" ล่ะก็.. เรื่องยาป้ายแล้วคนโดนป้ายยอมทำตาม.. อะไรพวกนี้ มันมีศาสตร์อื่นๆ ที่พออธิบายได้ (ห้องลึกลับ) แต่เมื่อมันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ พิสูจน์ให้เห็นจะจะไม่ได้ ทำการทดลองเพื่อหาผลที่ซ้ำๆ ไม่ได้ ฯลฯ ก็ยากที่จะเอามาพูดให้คนฟังได้ (โดยเฉพาะห้องนี้) ไม่ต่างอะไรกับที่จะมาเล่าว่า "เมื่อคืนฉันเห็นผี" คำอธิบายเรื่องยาป้าย ยามอมหญิง ฯลฯ พวกนี้ ผมไม่ได้เชื่อนะ เพราะไม่เคยทดลองด้วยตัวเอง แต่ก็รับฟังเอาไว้ เผื่อสักวันจะมีคนพิสูจน์ได้ขึ้นมา อย่างน้อยแปลว่า ผมก็รู้มาก่อนใครๆ ตั้งนาน จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 02:01:11

ความคิดเห็นที่ 63 ส่วนตัวก็ไม่เชื่อ เข้าใจว่า ถูกตกทอง แต่ด้วยความอายก็เลยบอกว่าถูกป้ายยา เหมือนเคยอ่านข่าวเจอหนหนึ่ง คนที่เคยอ้างว่าถูกป้ายยา สุดท้ายสารภาพว่าถูกตกทอง แต่ไม่กล้าบอกคอนแรก เพราะอาย เลยโกหกว่าถูกป้ายยา จากคุณ : Mimi Mice เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 02:05:38

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลความรู้ทั้งหมด ส่วนไอ้เรื่องใน taxi ไม่เคยแคร์มันเลยให้ตายเถอะ จากคุณ : monixe เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 03:59:32

ความคิดเห็นที่ 65   เห็นเจ้าของกระทู้นั้นเอาข่าวแท็กซี่ข่มขืนมาให้อ่าน เลยขอบอกว่า อันนั้นก็หลอกครับ โอละพ่อ! สาวโดนแท็กซี่ข่มขืน เป็นแค่การกุเรื่อง โอละพ่อ สาวโดนแท็กซี่ข่มขืน เป็นแค่การกุเรื่อง สาว ฮิ กุคดีแท็กซี่ข่มขืน (เดลินิวส์)          สาว เมืองฮิทำตำรวจวุ่น กุเรื่องว่าเลิกกับผัวนั่งรถเมล์มาจากระยองมาลงหมอชิตใหม่แล้วเรียกแท็กซี่ ไปบ้านเพื่อน ถูกโชเฟอร์รมยาสลบพาเข้าโรงแรมม่านรูดย่านสายไหมข่มขืนแล้วชิงทรัพย์ไปหมด ตัว ออกมายังเจอเฒ่าหัวงูจะลวนลามอีก ต้องเผ่นขึ้นรถเมล์ฟรีไปลงบางชันแล้วแจ้งความ แต่อยากกลับบ้านไม่มีเงิน ตำรวจ พาไปพักศูนย์ประชาบดี เจ้าหน้าที่ศูนย์เห็นหน้าเรื่องถึงแดง ที่แท้ "โดเมอึ" หญิงสาวเคยมาขอค่ารถกลับบ้านจากศูนย์ 2 ครั้งแล้ว เลยกุเรื่องขึ้นมาเพื่อขอเงินค่ารถอีกเช่นเคย          เรื่องราวของโชเฟอร์แท็กซี่ที่เป็นภัยสังคมรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม น.ส.อุ้ยอ้าย (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วิทยา เรืององอาจ พงส.สบ 3 สน.บางชัน ว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาตนนั่งรถโดยสารจาก จ.ระยอง มาลงที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ เมื่อเวลา 20.00 น. แล้วนั่งรถแท็กซี่จากสถานีขนส่งหมอชิตไปยังบ้านเพื่อนย่านบางกะปิ แต่ระหว่างทางเกิดหลับไม่รู้ตัวจนกระทั่งมาตื่นรู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตน เองอยู่ในโรงแรมม่านรูด ย่านสายไหม ร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไร้อาภรณ์และรู้สึกแสบที่ในช่องคลอดพบว่ามีน้ำ อสุจิอยู่ภายใน และทรัพย์สินเงินจำนวนหนึ่งที่ติดตัวมากับโทรศัพท์มือถือหายเกลี้ยง ตนเชื่อว่าถูกคนขับรถแท็กซี่วางยาสลบแล้วพาเข้าโรงแรมข่มขืนก่อนขโมย ทรัพย์สินไป          สาวเมืองฮิผู้เคราะห์ร้าย ให้การต่อว่า เมื่อตั้งสติได้ตนรีบหาเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้กับพื้นมาใส่เผ่นออกจาก โรงแรมอย่างหวาดกลัว กระทั่งไปพบชายสูงอายุคนหนึ่งจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนกับหนีเสือมาปะจระเข้ ชายอายุมากคนนี้คาดว่าจะเมาสุราเกิดอาการหื่นตีขึ้นมือไขว้เป็นหนวดปลาหมึก พยายามแตะเนื้อต้องตัวจะลวนลามตน ตนจึงตัดสินใจวิ่งหนีไปขึ้นรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชนที่ผ่านมาพอดีนั่งรถมาลงใน พื้นที่ สน.บางชัน ได้พบหญิงคนหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนให้ฟัง หญิงคนดังกล่าวจึงแนะนำให้มาแจ้งความไว้ที่ สน.บางชัน          น.ส.อุ้ยอ้าย กล่าวอีกว่า สำหรับรถแท็กซี่ของคนร้ายตนจำได้แค่เป็นรถแท็กซี่สีฟ้า ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ส่วนคนร้ายมีรูปพรรณสัณฐานที่จำได้คือที่ใบหน้ามีไฝเม็ดใหญ่ ซึ่งที่ตนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะเพิ่งเลิกกับสามีแล้วจะมาหาเพื่อนในกรุงเทพฯตั้งใจจะหางานทำแต่ตอนนี้ ยังติดต่อเพื่อนไม่ได้ เพราะโทรศัพท์มือถือถูกคนร้ายขโมยไปแล้ว          ด้าน พ.ต.ท.วิทยา เปิดเผยว่า น.ส.อุ้ยอ้าย ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความในเวลาดึกมาก และอยู่ในสภาพที่อิดโรย เมื่อสอบถามทราบว่ายังไม่มีที่พัก และต้องการจะกลับบ้านที่ จ.ระยอง ทันที แต่ไม่มีเงินค่ารถ ตำรวจจึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน.สายไหม ท้องที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งส่งตัวผู้เสียหายไปพักที่ศูนย์ประชาบดีชั่วคราว          แต่ น.ส.อุ้ยอ้าย ได้หนีออกจากศูนย์ประชาบดีไปแล้วไม่ได้เข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีแจ้งว่า น.ส.อุ้ยอ้าย เป็นคนต่างจังหวัดเคยเข้ามาขอความช่วยเหลือขอเงินเป็นค่ารถเดินทางกลับบ้าน ที่ศูนย์ฯ 2 ครั้งแล้ว โดย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ส่วนเรื่องที่ น.ส.อุ้ยอ้าย แจ้งตำรวจ สน.บางชัน ว่า ถูกคนขับแท็กซี่รมยาสลบนำตัวไปข่มขืนในโรงแรมม่านรูดนั้น อาจจะเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อขอเงินค่ารถกลับบ้านเช่นเดิม ไม่น่าจะมีเหตุจริงแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 04:08:53 จากคุณ : หล่อเลิศ ฉลาดล้ำ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 04:02:22

ความคิดเห็นที่ 66   ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=11885 ใครช่วยไปบอกใน http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q8342362/Q8342362.html ทีว่า เจ๊น่ะ โดนหลอกอีกแล้ว สาว'ฮิ'กุคดีแท็กซี่ข่มขืน วันจันทร์ ที่ 03 สิงหาคม 2552 เวลา 7:13 น ลวงลากเข้าม่านรูดสืบย้อนประวัติพบอาชีพชอบร้องทูกข์               สาวเมืองฮิทำตำรวจวุ่น กุเรื่องว่าเลิกกับผัวนั่งรถเมล์มาจากระยองมาลงหมอชิตใหม่แล้วเรียกแท็กซี่ ไปบ้านเพื่อน ถูกโชเฟอร์รมยาสลบพาเข้าโรงแรมม่านรูดย่านสายไหมข่มขืนแล้วชิงทรัพย์ไปหมด ตัว ออกมายังเจอเฒ่าหัวงูจะลวนลามอีก ต้องเผ่นขึ้นรถเมล์ฟรีไปลงบางชันแล้วแจ้งความ แต่อยากกลับบ้านไม่มีเงิน ตร.พาไปพักศูนย์ประชาบดี เจ้าหน้าที่ศูนย์เห็นหน้าเรื่องถึงแดง ที่แท้ “โดเมอึ” หญิงสาวเคยมาขอค่ารถกลับบ้านจากศูนย์ 2 ครั้งแล้ว เลยกุเรื่องขึ้นมาเพื่อขอเงินค่ารถอีกเช่นเคย   เรื่องราวของโชเฟอร์แท็กซี่ที่เป็นภัยสังคมรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 2 ส.ค. น.ส.อุ้ยอ้าย (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วิทยา เรืององอาจ พงส.สบ 3 สน.บางชัน ว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาตนนั่งรถโดยสารจาก จ.ระยอง มาลงที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ เมื่อเวลา 20.00 น. แล้วนั่งรถแท็กซี่จากสถานีขนส่งหมอชิตไปยังบ้านเพื่อนย่านบางกะปิ แต่ระหว่างทางเกิดหลับไม่รู้ตัวจนกระทั่งมาตื่นรู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตน เองอยู่ในโรงแรมม่านรูด ย่านสายไหม ร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไร้อาภรณ์และรู้สึกแสบที่ในช่องคลอดพบว่ามีน้ำ อสุจิอยู่ภายใน และทรัพย์สินเงินจำนวนหนึ่งที่ติดตัวมากับโทรศัพท์มือถือหายเกลี้ยง ตนเชื่อว่าถูกคนขับรถแท็กซี่วางยาสลบแล้วพาเข้าโรงแรมข่มขืนก่อนขโมย ทรัพย์สินไป   สาวเมืองฮิผู้เคราะห์ร้าย ให้การต่อว่า เมื่อตั้งสติได้ตนรีบหาเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้กับพื้นมาใส่เผ่นออกจาก โรงแรมอย่างหวาดกลัว กระทั่งไปพบชายสูงอายุคนหนึ่งจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนกับหนีเสือมาปะจระเข้ ชายอายุมากคนนี้คาดว่าจะเมาสุราเกิดอาการหื่นตีขึ้นมือไขว้เป็นหนวดปลาหมึก พยายามแตะเนื้อต้องตัวจะลวนลามตน ตนจึงตัดสินใจวิ่งหนีไปขึ้นรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชนที่ผ่านมาพอดีนั่งรถมาลงใน พื้นที่ สน.บางชัน ได้พบหญิงคนหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนให้ฟัง หญิงคนดังกล่าวจึงแนะนำให้มาแจ้งความไว้ที่ สน.บางชัน       น.ส.อุ้ยอ้าย กล่าวอีกว่า สำหรับรถแท็กซี่ของคนร้ายตนจำได้แค่เป็นรถแท็กซี่สีฟ้า ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ส่วนคนร้ายมีรูปพรรณสัณฐานที่จำได้คือที่ใบหน้ามีไฝเม็ดใหญ่ ซึ่งที่ตนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะเพิ่งเลิกกับสามีแล้วจะมาหาเพื่อนในกรุงเทพฯตั้งใจจะหางานทำแต่ตอนนี้ ยังติดต่อเพื่อนไม่ได้ เพราะโทรศัพท์มือถือถูกคนร้ายขโมยไปแล้ว   ด้าน พ.ต.ท.วิทยา เปิดเผยว่า น.ส.อุ้ยอ้าย ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความในเวลาดึกมาก และอยู่ในสภาพที่อิดโรย เมื่อสอบถามทราบว่ายังไม่มีที่พัก และต้องการจะกลับบ้านที่ จ.ระยอง ทันที แต่ไม่มีเงินค่ารถ ตำรวจจึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน.สายไหม ท้องที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งส่งตัวผู้เสียหายไปพักที่ศูนย์ประชาบดีชั่วคราว   แต่ น.ส.อุ้ยอ้าย ได้หนีออกจากศูนย์ประชาบดีไปแล้วไม่ได้เข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม แต่อย่างใด โดยเจ้า   หน้าที่ศูนย์ประชาบดีแจ้งว่า น.ส.อุ้ยอ้าย เป็นคนต่างจังหวัดเคยเข้ามาขอความช่วยเหลือขอเงินเป็นค่ารถเดินทางกลับบ้าน ที่ศูนย์ฯ 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ส่วนเรื่องที่ น.ส.อุ้ยอ้าย แจ้งตำรวจ สน.บางชัน ว่า ถูกคนขับแท็กซี่รมยาสลบนำตัวไปข่มขืนในโรงแรมม่านรูดนั้น อาจจะเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อขอเงินค่ารถกลับบ้านเช่นเดิม ไม่น่าจะมีเหตุจริงแต่อย่างใด. แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 04:06:12 จากคุณ : หล่อเลิศ ฉลาดล้ำ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 04:05:20

ความคิดเห็นที่ 67 เผื่อสักวันจะมีคนพิสูจน์ได้ขึ้นมา อย่างน้อยแปลว่า ผมก็รู้มาก่อนใครๆ ตั้งนาน จากคุณ : Piggie MM     เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 02:01:11     ยินดีด้วยครับที่คุณจะรู้ก่อนใครมาตั้งนาน น๊าน นาน จากคุณ : จ๊าก เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 06:50:21

ความคิดเห็นที่ 68 สี่สาวเมาท์กระจายแห่งวิกพระราม 4 เขารู้ข้อเท็จจริงจากกระทู้นี้รึยังนะ ตอนอ่านข่าวยาป้ายนี่คุยเป็นเรื่องเป็นราวเชียว หึหึ จากคุณ : s m l xl เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 07:10:16

ความคิดเห็นที่ 69 เข้ามาอ่านเป็นความรู้ค่ะ แม่พี่ก็เหมือนกัน เชื่อมากมาก ถึงไปบอกแบบนี้ แม่คงไม่ยอมฟังแหง ๆ เราก็ได้แต่พยักหน้า แล้วบอกแม่ว่าจะระวังตัว แม่พี่เคยเล่าว่าเด็กแถวบ้านแม่ โดนป้ายจนมึนกดเอทีเอ็มเอาเงินให้เขาไปหมดบัญชีเป็นแสน ๆ เลย ทำได้ไงนะ จากคุณ : แม่น้องเอเอ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 07:16:43

ความคิดเห็นที่ 70 ขี้โม้ เพื่อให้ตัวเองน่าเชื่อถือไปเท่านั้นแหละครับ จากคุณ : StoneHoof เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 07:31:55

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อคืนเพื่อนหลังไมค์มาบอกว่าอ่านไม่รู้เรื่องค่ะ เยิ่นเย้อเกินไป -*- ก็ตั้งในห้องวิทยาศาสตร์นี่คะ กลัวดูไม่น่าเชื่อถือ ... เอาเป็นว่าใครขี้เกียจอ่าน สรุปสั้นๆแบบนี้ค่ะ 1. ยาพ่นให้สลบจากหน้ากากแอร์ ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากกว่าที่คนเราจะสลบด้วยวิธีนี้ได้ ต้องใช้เวลา เพราะว่าการสูดยาสลบเข้าไป จะต้องมีการดูดซึมของยาจากปอดไปสู่เส้นเลือดปอดหมุนเวียนไปที่สมอง และยาสลบจึงออกฤทธิ์ที่สมองได้ ในทางปฏิบัติทุกวัน ถ้าสูดดมยาสลบที่ความเข้มข้นสูงๆโดยตรงจากเครื่องดมยาสลบ ยังต้องใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะหลับหรือสลบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่ยาที่บอกว่าพ่นมาจากช่องแอร์แท็กซี่จะทำให้หมดสติได้ (โดยที่คนขับไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน) 2. ยาป้าย ถ้าออกฤทธิ์ผ่านผิวหนังทำให้สลบก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากผิวหนังมีชั้นของผิวหนังที่ทำหน้าที่เป็นปราการกั้นยาตามธรรมชาติ  ยาที่จะซึมผ่านไปได้นั้น ต้องมีความแรงมาก ใช้เวลานาน ในทางปฏิบัติต้องใช้แผ่นแปะยาแบบพิเศษ กว่ายาจะออกฤทธิ์ก็เป็นชั่วโมง  การป้ายยาให้คนสลบจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกว่าจะซึมผ่านผิวหนังไปได้ต้องใช้ยาปริมาณมาก รอระยะเวลานาน อีกทั้งยังควบคุมไม่ได้ด้วย ว่ายาจะออกฤทธิ์แค่ไหน อย่างไร ส่วยถ้าคิดว่ายาป้าย ออกฤทธิ์โดยผู้ถูกป้ายสูดเข้าไปอีกที ก็เป็นไปไม่ได้ตามข้อ 1. ค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 07:36:24

ความคิดเห็นที่ 72 ตอบคำถามค่า.... #54 ปล่อยเขาเชื่อไปเถอะค่ะ เพื่อนอาจจะเจอสิ่งที่คนในพันทิปไม่รู้จริงๆก็ได้ ^ ^ #55 ตามข่าวที่ว่า ฝรั่งคนนั้นเมา แล้วเอาหน้าซุกอกผู้หญิงไม่ใช่เหรอคะ ? เขาอาจจะไม่ได้สลบจากยาที่หัวนมก็ได้นะคะ ยาอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มหรือเปล่า ถ้าทาหัวนมละก้อ อืม... ยังนึกไม่ออกแฮะ #56 ปกติการป้ายยาจุดประสงค์คือ ให้ เหยื่อเพลอเอามือหรือส่วนที่โดยป้ายยาสลบ..เช็ดหน้าเช็ดตาโดยบังเอิญ แล้วเพลอสูดไอยาสลบจนสลบไปเองไม่ใช้หรอครับ -ถ้าเป็นตามนั้น ก็อธิบายตามคห.2และ3 ค่ะ ยาที่จะสูดให้สลบ ตอ้งใชเวลาและปริมารมากเช่นกันและยังไม่มียาดมสลบตัวไหนที่จะไม่มีกลิ่นนะคะ แล้วก็ ถ้าจำไม่ผิด มีหมอท่านนึงที่มีเชื่อเสียงในบ้านเรา บอกว่ามียาสลบชนิดที่ สูดไปเฮือกเดียวก็สลบเหมือดไปทันที แบบว่าตอนสูดยืนเก๊กท่าไหนก็จะสลบโดยยืนหลับในท่านั้นเลย - อืม... ถ้าดมยาเฮือกเดียวหลับ มีวิธีการเรียกว่า single breath induction anethesia ค่ะ (แต่ไม่เคยทำสำเร็จสักที แหะ แหะ ) แต่ต้องใช้เครื่องและวงจรให้ยาสลบที่ได้เปิดยาดมสลบไว้ในวงจรไว้แล้วจนเต็มนะคะ (Priming) วิธีก็คือผู้ป่วยสูดก๊าซที่มียาดมสลบความเข้มข้นสูง (priming) โดยก่อนสูดให้ผู้ป่วยหายใจออกจนสุดแล้วกลั้นไว้เพื่อทำให้มีอากาศค้างภายในปอดอยู่น้อยที่สุดเพื่อให้ยาดมสลบที่สูดเข้าไปไม่ถูกเจือจาง จากนั้นให้ผู้ป่วยสูดก๊าซโดยการหายใจเข้าจนสุดแรงแล้วกลั้นไว้ให้นานเท่าที่ทำได้ (vital capacity) ถ้าไม่หลับในครั้งแรกให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าออกสุดซ้ำต่อไป การใช้วิธีนี้ร่วมกับยา sevoflurane 8 เปอร์เซ็นต์จะใช้เวลาประมาณ 45-90 วินาทีจึงสลบ (loss of eyelash reflex) ส่วนการใส่ท่อช่วยหายใจจะใช้เวลา 150-240 วินาที ถ้าเอามาให้ดมหรือดมเอง เฮือกเดียวอาจจะมึนๆค่ะ ไม่ขนาดสลบเหมือด ^ ^ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 07:38:07

ความคิดเห็นที่ 73   ที่ผมปวดใจมากก็คือ เพื่อนผมเป็นผู้ชายแล้วมันไปเที่ยวห้าง อยู่ดีๆมันก็มึนๆขึ้นมาซะเฉยๆ จากนั้นมันก็มาบอกผมว่ามันโดนยาป้าย ผมก็บอกไปว่าไม่มีจริงหรอก ตามหลักวิทยาศาสตร์บลาๆๆ ก็อธิบายไป มันไม่เชื่อ มันไปถามเพื่อนอีกคนที่เป็นหมอ เพื่อนคนที่เป็นหมอก็ดันบอกว่ามีจริงๆนะ -*- น่าเวทนาทั้งคู่เลย เฮ้ออ จากคุณ : Sleeper MoNKeY เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 07:53:21

ความคิดเห็นที่ 74 อืม.. เรื่องนี้อีกแล้ว ผมก็ไม่ค่อยอยากเชื่อหรอกนะ และก็เห็นด้วยว่าเป็นไปได้ยาก แต่ผมเคยโดนยาป้ายมาทีนึง ดีที่เสียเงินไม่เยอะ(เพราะไม่ค่อยมีอยู่แล้ว) คงไม่เล่าซ้ำเพราะเล่าหลายรอบแล้ว(ในหว้ากอนี่แหละ) แต่ขอบอกว่าที่โดนกับตัวเองไม่ใช่การป้ายให้เอามาดม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำได้ยังไงเหมือนกัน ปล.ไม่มีเงินแต่ไม่โลภ สุขภาพแข็งแรง จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 08:00:24

ความคิดเห็นที่ 75 ความรู้ที่ถูกต้อง ต้องช่วยกันเผยแพร่ค่ะ...มาโหวตให้ค่ะ.. จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 08:12:35

ความคิดเห็นที่ 76 ขอถามเพิ่มเติมนะครับ "ยาสลบ"กับ"ยานอนหลับ" เหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : Thermodynamics เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 08:44:31

ความคิดเห็นที่ 77 ที่จริงแล้วถึงจะอธิบายไปก็คงไม่ได้ผลเท่าไหร่มังครับ เพราะมักจะมีคนเข้ามาบอกว่า "ถึงยังไงก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน" ซึ่งมันก็ใช่ แต่เห็นเตือนภัยแท็กซี่ทีไร บอกว่าโดนยาป้ายเกือบทุกที แสดงว่าไม่ใช่ระวังตัวไว้ก่อนอย่างเดียวหรอกครับ แต่ที่อธิบายไปมันไม่เข้าหัว PS ข้อแก้ต่างที่ตามมาก็คือ เค้ามีอาการจริงๆ ซึ่งมันก็ใช่อีก อาการน่ะจริง แต่สาเหตุมันไม่จริง จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 08:45:47

ความคิดเห็นที่ 78 คนเชื่อก็เชื่อซะ แทบจะเรียกได้ว่างมงายเลยละมั้งนี่ จากคุณ : Thadias เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:09:19

ความคิดเห็นที่ 79 ผมว่าเป็นการออกมาอธิบายครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง แต่อย่างว่า คนมันจะเชื่อ ไม่ว่าจะใคร จะชำนาญหรือรู้ดีแค่ไหน ยังไงก็ไม่เชื่อ (และคนไทยส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคเชื่อแค่ที่อยากจะเชื่อเสียด้วย) ใครไม่อยากเชื่อ ก็ปล่อยเขางมงายต่อไปดีกว่า เรื่องแบบนี้ มันยากเกินแก้ไข นอกจากล้างสมองด้วยข้อเท็จจริง แทนที่ fwd mail (ซึ่งทำได้ยากยิ่ง) จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:18:49

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าวิตกจริตจนกระโดจากรถลงไปจริงๆ แล้วโดนรถทับตายขึ้นมาก็ดีสิ ผมจะส่งเข้าชิงรางวัล Darwin Awards ให้เลย รับรองว่าได้ดังแน่ จากคุณ : The Absurdist เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:20:39

ความคิดเห็นที่ 81 โดนใจ จัดไป ครับ ว่าแต่ เรื่องแท๊กซี่ รมยา เคยมีคนบอกว่า ไม่ได้รมยา แต่เป็น ควันจากท่อไอเสียมันซึมเข้ารถ(ส่วนมาเป็นรถรเก่าๆ) ทำให้มีอาการ มึนๆเบลอๆ แต่ พี่คนขับไม่เป้นไร เพราะ แกอยุ๋มานานจนชิน ...... เพิ่งรุ้ว่า คนนั่งดม CO2 ได้ทุกวันจนชิน ไม่ตาย...ซะก่อนได้ด้วย .... แต่จะว่าไป ทุกวันนี้ แท๊กซี่ใหม่ๆ อันติ๊ด ลิโม่ ทั้งนั้น .... เก่าๆ เกิน 10-15 ปี  นับคันได้ แถมคนนั่ง ส่วนมากไม่ขึ้นรถเก่าๆ ซะด้วย .................. จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:25:03

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับผม จากคุณ : ไม้ไผ่โย่ง เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:30:16

ความคิดเห็นที่ 83 โหวต จากคุณ : เฒ่าเจ้าอุบาย เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:39:49

ความคิดเห็นที่ 84 ผมขอท้วงคนที่เชื่อสักหน่อยเถอะ คนที่ไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อว่ายาแบบนี้มีจริง จึงไม่คิดว่าจะมีการวางยาผู้โดยสารแท็กซี่แบบนี้ได้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเฮ้ย คุณโม้ มาแต่งเรื่องหลอกชาวบ้าน นะครับ เห็นชอบแย้งกันจังเลยว่า ก็ฉันโดนมาเองนี่ไง  <--- คำตอบนี้มันแย้งคำกล่าวที่ว่า เฮ้ยคุณโม้ ซะมากกว่า จากคุณ : อากง เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:41:37

ความคิดเห็นที่ 85   อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจไม่ได้อ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์ใดๆทั้งสิ้น ด้วยมุมมองของ หมอ กับ โจร นั่น มองกันคนละมุม หมอ ทำอย่างไรก็ได้ ให้คนคนไข้ปลอดภัย ต่อให้เป็นการวางยาสลบ ก็ต้องปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง โจร ทำอย่างไรก็ได้ ให้เหยื่อไม่รู้สึกตัว จะเป็นจะตายยังไง มันไม่สน มันสนแต่จะข่มขืน จะปล้นทรัพย์ จะพรากเอาสิ่งที่เหยื่อมี โจรเลวๆมันก็คิดกันแค่นี้เองครับ ยาอันตราย ยาต้องห้าม ยาเสพติด ยาที่ใช้กับสัตว์ ยาผิดกฏหมาย มันก็แค่ อาวุธ ที่เอาไว้ใช้กับเหยื่อ แค่นั้นเองครับ ถ้าเปรียบกับโลกไซเบอร์ หมอวางยาก็คล้ายๆกับ Hacker ส่วนโจรก็คือ Cracker ทำงานคล้ายๆกัน แต่เป้าหมายต่างกัน นั่นเพราะ ยืนอยู่กันคนละด้านนั่นเอง นั่นอาจทำให้ การใช้ยามองกันคนละด้านด้วย ยาบางตัวที่หมอไม่เคยสนใจ หรือ อาจถูกลืมไปนานแล้ว ด้วยเพราะมันอันตรายเกินไปเอามาใช้กับมนุษย์ไม่ได้ แต่สำหรับโจร แค่ทำให้เหยื่อต่อสู้ไม่ได้ แค่นั้นก็พอแล้ว และยาที่หมอวางยาไม่ใช้ นั่นก็อาจกลายเป็น อาวุธชั้นดี คนมันคิดจะทำชั่ว อะไรชั่วๆมันทำได้หมดล่ะครับ มันไม่เคยย้อนกลับมาคิดหรอกว่า คนที่โดนกระทำ จะพิการ จะเสียสติ  จะเป็นอะไรต่อมิอะไร ซึ่งต่างกับ หมอ โดยสิ้นเชิง และจริงอยู่ที่คนโดนยาอาจใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะหมดสติ แต่ตอนตื่นอาจมีแค่ไม่กี่คนที่จดจำเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะหมดสติได้ หรือในความเป็นจริง อาจไม่ได้หมดสติไปจริงๆ อาจแค่เบลอๆ หรือ เมายา จึงอาจรู้สึกเหมือน ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที ก็หมดสติแล้ว ด้วยเพราะฤทธิยา หรือเพราะ สมองอาจได้รับผลกระทบที่รุนแรงของยาที่อันตราย ย้ำอีกครั้งว่า อันนี้แค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้มีความรู้เรื่องยาสลบ หรือ ความรู้ทางด้านการแพทย์อะไรทั้งนั้น แค่คิดตามความน่าจะเป็น ในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เท่านั้นเอง จากคุณ : a1255 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 09:53:58

ความคิดเห็นที่ 86 พี่หมอสำแดงเดชให้ประจักษ์ หนึ่งในใต้หล้าจริงๆ ขอบคุณมากคะ จากคุณ : คุณกุ๋ย เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:02:27

ความคิดเห็นที่ 87 มาอ่าน สรุป ที่ *71 เข้าใจเลยครับ เเต่ คห. ก่อนหน้านั้น ก็น่าสนใจ อ่านเเล้วได้ความรู้มากมาย โหวตๆ ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : woowoowoo13 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:10:56

ความคิดเห็นที่ 88 T_T" กระโดดออกมาจากรถทำไม ?? กลัวโดนมอมยา แต่ไม่กลัวรถทับตาย ที่ห้องแป้งยังมีคนเชื่อยู่จริงๆ ค่ะ ล้นหลามเลยทีเดียว จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:14:18

ความคิดเห็นที่ 89 แล้วไอ้พวกยาป้าย ที่มันตั้งแผงขายตามสยามนั่นหล่ะคะ แผงเดียวกับพวกบุหรีนำเข้า บุหรีกลิ่นชอคโกแลต บุหรี่แปลกๆ อะคะ เคยเห็นมีทีวีไปแอบถ่ายอยู่ โดยมันจะขายบุหรี่บังหน้า จากคุณ : มาลัยดำ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:15:16

ความคิดเห็นที่ 90   เราไม่เคยเชื่ออะค่ะเรื่องยาป้าย ยาดมแล้วสลบเนี่ย แต่กระทู้ทำนองโดนรมยาในรถแท็กซี่ยังมีอยู่เรื่อยๆ และเป็นกระทู้แนะนำซะด้วย -_-" จากคุณ : BRANDLOVER เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:20:59

ความคิดเห็นที่ 91 โครตจะปลื้ม จขกท.. เลยอ่ะ จากคุณ : ด้านมืดในใจคุณ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:21:34

ความคิดเห็นที่ 92 chloroform อ่ะ ทำให้สลบ กลิ่นน่าดม แต่ให้ดมกันเป็นลิตรยังไม่สลบง่ายๆเลย ทำแลปไปดมไปยังไม่เคยเห็นใครสลบเลย ไอ้แบบไหนหนังประเภทเอาชุปผ้าแล้วโปะหน้า สามสิบสลบ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน มันเอาอะไรให้ดมกัน เฮ้อ ตรรกวิบัติกันหมดแล้ว ถ้ายาแบบนี้มันมีจริง ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ต้องมาหลอกเอาเงินทีละไม่กี่หมื่น ไม่ไปป้ายคนรวยๆ แล้วเอาทีเป็นล้านๆ หรือเอายาไปขายบริษัทยาก็ได้ ขายลิขสิทธิ์ก็รวยเป็นร้อยล้านแล้ว มานั่งป้ายได้ทีละไม่กี่หมื่นเสียเวลา จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:33:26

ความคิดเห็นที่ 93 จะเล่าให้ฟัง ผมโดนมาแล้ว...และเคยเล่าในนี้แล้วด้วย ผมไปงานแต่งเพื่อนที่อยุธยา โรงแรมที่จัดงานแต่งอยู่ริมแม่น้ำใกล้ๆ สะพานทางออกไป กทม. ผมไปถึงอยุธยาประมาณเที่ยงจุดประสงค์คืออยากไปเที่ยวบึงพระราม ขับรถกระบะไปคนเดียว วิ่งวนหาสถานที่เหมาะๆ ร่มรื่น ลมพัดเย็นๆ เจอแล้ว คนไม่เยอะ รถจอดน้อย เงียบดี ถอยรถจอดได้ที่ก็เปิดประตูรถด้านคนขับ เปิดฝาท้ายกระบะ งัดข้าวเหนียวหมูย่าง นั่งกินแกว่งขาอย่างสบายใจ ฟังเพลงเพราะๆ เบาๆ จากรถตัวเองเพลิน มีคนญี่ปุ่นสี่ห้าคนเดินมาขึ้นรถตู้ท่องเที่ยว ก่อนขึ้นมีผู้ชายเดินมาเสนอขายสินค้า แต่นักท่องเที่ยวไม่สนใจขึ้นรถตู้แล้วก็ไป เหลือผมคนเดียวอยู่แถวนั้น ชายผู้นั้นมองเห็นผมและเดินมาหา การแต่งตัวคือ จะเหมือนคนบ้ามีเครื่องลางของขลังเต็มตัว สะพายย่าม เดินมาเสนอขายผ้ายันต์สีแดง ผมไม่สนใจ เขาก็จะบอกหวยผม ดึงมือผมไปเขียนเลขลงมือ ปากก็พูดพล่ามไปเรื่อย รู้จักนักการเมืองดังๆ เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ฯลฯ พูดๆๆๆๆๆ เกี่ยวกับการเมือง แนวโน้มต่างๆ ผมวางมือจากหมูปิ้งและข้าวเหนียวอันอร่อยไว้ก่อน สังเกตว่าในขณะที่เขาพูดเขาพยายามที่จะเสนอผ้ายันต์บ่อยมากโดยการนำมันมายื่นใกล้ๆ หน้าผม รวมทั้งจับมือผมยกขึ้นใกล้หน้าบ่อยๆ และเขาจะยืนเหนือลม ผมลุกยืนขึ้น มองหน้าเขาและก็คิดว่าถ้าผมจะอัดไอ้หมอนี่จะมีความผิดอะไรบ้าง ..... คงจะเป็นข้อหาทำร้ายร่างกายคนบ้า ประมาณนั้น แล้วผมก็เดินไปยืนเหนือลมแทน ปฏิเสธและไล่ไป เขาก็พูดว่า คุณแน่มาก เยี่ยม ยกนิ้วให้ผม คุณเยี่ยมมาก เขาเดินไปแล้ว ยังย้อนมาอีก มาขอข้าวหมูปิ้งผมกิน ผมก็ยกให้ทั้งข้าวเหนียว หมูปิ้งและน้ำเปล่าด้วย (ไม่ได้โดนสะกดจิตนะ ที่ให้เพราะว่าทำบุญ) ขอเล่าอาการที่เกิดคือ พอประมาณสามนาทีจะมีอาการปวดหัว และมึนๆ เล็กน้อย เห็นท่าจะไม่ไหวโทรศัพท์หาเพื่อนขอไปนอนพักหน่อย ขับรถไปบ้านเพื่อนซึ๋งอยู่ไม่ใกลแถวๆ หมู่บ้านญี่ปุ่น ถึงบ้านเพื่อนจอดรถ เดินขึ้นบ้านเพื่อน คว้าหมอนได้ นอนทันทีบอกเพื่อนว่าถูกมอมยามา ขอหลับหน่อย หลับยาวเลยครับ จนเพื่อนปลุกไปงานแต่งเพื่อนอีกคน ตอนหกโมงเย็น ผมไม่ทราบว่ายาที่โดนเป็นประเภทไหน มันปวดหัวมากเหมือนมีเครื่องบีบหัวเลย มึนด้วย วันนั้นเซ็งมากเพราะซัดเบียร์กะเพื่อนไม่ได้เพราะไอ้ยาคนบ้านี่แหละ ใครไปเที่ยวแถวนั้นระวังด้วย เหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วครับ จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 10:43:47

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณจ้า สู้กับ fwm บางเรื่องนี่ทำไมมันยากเย็นจังเนอะ เชื่อแล้วเชื่อเลยอ้ะไม่สนอะไรทั้งนั้น จากคุณ : HeLL_Is_HeRe เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:19:33

ความคิดเห็นที่ 95 เข้ามาโหวตให้ครับ รำคาญ FW Mail จริงๆ บางคนก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ไม่ได้หาข้อมูลกันก่อนเลย จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 11:24:47

ความคิดเห็นที่ 96 โหวตให้ค่ะ ปล. เชื่อว่า ยา หรือ "อะไร" ที่ใช้เพื่อการนี้อ่ะ มีอยู่จริง แต่ไม่เชื่อว่าจะง่ายขนาด ใครๆก็ใช้ได้ จากคุณ : เลดี้ลิลิ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:04:09

ความคิดเห็นที่ 97 เป็นคนไข้ที่โดนโปะยาสลบก่อนขึ้นเขียงมาหลายครั้งแล้ว เพิ่งถึง "บางอ้อ" วันนี้เอง ว่าหมอฉีดยาให้ก่อน ... เราก็สงสัยมาตลอด ... เอาอะไรมาครอบปากครอบจมูกเราแป๊บเดียว (ไม่ใช่ตะกร้อนะ ป๋มไม่เห่า ไม่กัด) หลับไม่รู้เรื่องละ .... จริง ๆ ไม่มีความรู้เรื่อง "ป้ายยา" เลย ... เห็นคนเค้าพูด ๆ กัน ก็ฟังมาเรื่อย ๆ เพิ่ง "รู้จริง" ก็วันนี้แหละคร้าบบบบบบบบบ ขอบคุณฮับ จากคุณ : น้องบั๊ฟ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:10:06

ความคิดเห็นที่ 98 เอากีบมาเป็นกำลังใจให้พี่หมอค่ะ ^^ จากคุณ : Assasin Lady เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:11:16

ความคิดเห็นที่ 99 สอบถามครับ ถ้าเป็นยาที่หมอใช้นั้น ก็จะต้องไม่มีอันตรายต่อผู้ป่วยถึงใช้ยานั้นได้ นั่นคือยาที่ใช้ทั่วไป ที่ถ้าสิ่งที่มิจฉาชีพมันใช้ ซึ่งมันไม่สนใจถึงคนที่โดน สิ่งที่ใช้อาจจะไม่ใช่ยาหรือเปล่า ผมคิดว่ามันคือสารพิษ ที่ทำอันตรายต่อคนที่โดน อาจจะเป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ เร็วเมื่อโดน และอาจจทำให้หมดสติได้   และสารพิษที่ทำอันตรายต่อเหยื่อ นั้นมีมากกว่า ยา มากนักหรือเปล่าครับ จากคุณ : UNSOURCE เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:30:23

ความคิดเห็นที่ 100 เราไม่ได้มีความรู้เรื่องยา สารเคมีอะไรมากมาย แต่อ่านเรื่องมอมยา ป้ายยา แล้วไม่เคยอินเลย เพราะนึกถึงหลักความจริงมันไม่น่า ง่ายขนาดนั้น ขอบคุณคุณหมูเหมียวมากค่ะ ที่ทำให้สิ่งที่เราคิดชัดเจนขึ้น จากคุณ : @คนบ้านไหน@ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:37:29

ความคิดเห็นที่ 101 http://www.yas.ob.tc/ เอามาฝากค่ะ จากคุณ : สิริกันต์ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:45:09

ความคิดเห็นที่ 102   บางทีผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ไอ้ที่มีหลักวิชาการ ทฤษฎี อะไรต่างๆนานามายืนยัน กลับไม่ยอมเชื่อ กลับไปเชื่อแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง เชื่อไอ้ที่ตัวเองเคยโดนมากับตัว อย่าลืมว่าไอ้ที่เห็นๆมากับตา เจอมากับตัวน่ะ มันก็โดนอะไรหลายๆอย่างหลอกได้เหมือนกันแหละ ไม่งั้นจะมีอาชีพนักมายากลเรอะ ตอนนี้ผมเริ่มท้อในการตอบโต้กับ FW mail ของเพื่อนผมแล้วครับ นอกจากจะเยอะแล้ว การปรับความเข้าใจของคนนี่มันก็ช่างยากเย็นยิ่งนัก จากคุณ : Sleeper MoNKeY เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:46:32

ความคิดเห็นที่ 103 โอ้ ดีจังค่ะกระทู้นี้ ชอบมีเพื่อนถามถึงเรื่องยาพ่นยาป้ายพวกนี้ตลอด เราก็บอกว่าเราเรียนมามันไม่มีๆ มันก็ไม่เคยเชื่อ เดี๋ยวส่งลิ้งค์คุณหมูเหมียวไปให้อ่านกัน จะได้รู้ซะที ปล.ถ้ามีจิงๆนี่คนคิดได้คงดังมากๆไปละ ป้ายแป๊ปเดียว เอาไปขึ้นเตียงผ่าได้แระ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย จากคุณ : say2su เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 12:53:34

ความคิดเห็นที่ 104 คห.101 คุณเชื่อที่เขาอ้างตามนั้นเหรอครับ ลองสั่งมาทดลองใช้ดีไหม จะได้เห็นกัน จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 13:04:05

ความคิดเห็นที่ 105 ขอเข้ามา"เชื่อ" ว่าสิ่งที่ทำให้สลบหรือทำร้ายคนได้มีจริง (อาจจะใช้ได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของโจรหรอกค่ะ) และ สิ่งนั้น ก็ไม่ได้ถูกเรียกว่า"ยา"เพราะมันไม่มีความปลอดภัยต่อชีวิตคนที่โดนแน่ๆ และคงไม่ต่างจากมีดหรือปืน ซี่งเป็นอาวุธสำหรับทำร้ายเราได้ ส่วนตัว"ไม่เคยโดน" และ "ไม่อยากโดน" แต่ "ไม่วิกลจริต" เซฟตัวเองโดยการ ไม่นั่งแท็กซี่(คนเดียว) และระวังตัวเองทุกครั้งแม้อยู่ในที่ชุมชนคนมากก็ตาม เพราะสิ่งที่โดน หากไม่ใช่"มัน"เป็น"มีด" หรือ "อาวุธ" เราก็กลัวทั้งนั้นค่ะ "จบ" จากคุณ : ยู (#Lucky_nooyu#) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 13:11:37

ความคิดเห็นที่ 106 หวัดดีครับพี่หนึ่ง :) พักนี้มาห้องหว้ากอบ่อยจังครับ สงสัยติดใจห้องนี้แล้ว ส่วนผมไม่ค่อยไปห้องนู้นเลย ^^ จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 13:18:33

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณนะคะ สำหรับความรู้ดีๆ #101 นิยมเข้าเว็บอย่างนี้เหรอคะ ถ้าเชือตามเว็บก็เอาเถอะค่ะ ระอาใจ... จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 13:22:51

ความคิดเห็นที่ 108 คห. 99 งั้นผมถามหน่อย  ยาเสพย์ติดทุกชนิดเลยเป็นพิษต่อร่างกาย แต่ทำไม ทำไม ทำไม ทางการแพทย์ถึงรู้โคตรละเอียดกับ อาการ/สาร ของมันครับ... แถมมีเครื่องตรวจจับร้อยแปดพันเก้าให้ใช้ สารเคมีในห้องแลปที่เคยใช้ทุกตัวรู้หมดว่าโดนแล้วจะเป้นอะไร  มันไม่ใช่ยาแถมบางอันเป็นสารพิษด้วยซ้ำ. แต่ว่าพอจะรู้ว่าถ้าดมแล้ว โดนตัวแล้วจะเป็นยังไง.. ทำไมรุ้ล่ะ ไม่ใช่ยาด้วย ? แล้วถามอีกอย่าง ทำไม ทำไม ทำไม...  โจรกระจอกถึงรู้ได้ว่าต้องใช้สาร/ยาตัวนี้จากสาร/ยาเป็นพันๆหมื่นๆตัว ?  บังเอิญ ?  แถมแต่ละตัวใช่ว่าหาง่ายราคาถูกทุกตัว. ไอ้ยาป้ายนี่.... ช่างมันเถอะ  ผมว่ายาป้ายเหมือน ufo ครับ ทุกคนบอกว่าเคยเห็น แต่พอจะพิสูจน์หายหัวทุกที จากคุณ : Munch เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 13:27:11

ความคิดเห็นที่ 109 #85 ตามคุณว่าครับ โจรมันไม่สนหรอกว่าคนโดนยานั้นจะเป็น หรือจะตาย แต่ประเด็นหลัก ๆ ที่สงสัยกันอยู่ ก็คือ ทำไมแท็กซี่ไม่โดนด้วย และถ้าเป็นตามอย่างที่บอก ๆ กันมาว่า มียาแก้แล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นนวัตกรรมทางยาได้เลยนะครับ หอบสูตรเอาไปขายบริษัทยา แม้ว่าขายขาดก็น่าจะได้หลายสิบล้านอยู่ ประเทศไทย ระบบเศรษฐกิจเป็นทุนนิยมนะครับ กลไกตลาดเป็นตัวขับเคลื่อน ผมก็เลยไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้ผลิตยา เขาไม่ขายสูตรให้บริษัทยา ซึ่งหากมียาตัวนี้จริง ในทางการแพทย์จะมีอุปสงค์ของยา สูงกว่า ในตลาดของแท็กซี่ขี้มอมน่าจะเป็นสัดส่วนประมาณ 20,000% (200 เท่า)ขึ้นไปครับ #99 ยาก็คือเคมี สารพิษก็คือเคมี แพทย์แผนไทย สารพิษบางตัวถูกใช้เป็นยา ยาบางตัว มีข้อห้ามในการใช้ นั่นหมายถึงว่า ยากับการพิษมันก็คือกัน ต่างกันที่ปริมาณที่จะใช้ เช่น สเตียรอยด์ มันคือยา ใช้ในระดับที่เหมาะสม มันช่วยลดอาการอักเสบ แต่ ถ้าใช้มากไป นานไป ทำให้ผิวหนังบาง และถ้าไปปะเข้ากับเชื่อบางตัว หรือเงื่อนไขของผิวหนังบางแบบ มันก็จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี นั่นคือมันก็กลายเป็นพิษไป แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 14:14:35 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 14:12:51 จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 13:55:16