ความคิดเห็นที่ 1 คราวนี้จะว่าเรื่องการขุดหลุมน้ำมันและก๊าซกันล้วนๆ จากนี้ไปจะขอเรียกรวมๆว่า ปิโตรฯนะครับ พิมพ์ง่ายหน่อย ตัดฉับเอาตรงที่มีคน(นักธรณี)ชี้เป้ามาแล้วว่า เจ้าจะต้องทำให้เกิดรูร้อยลงไปให้ผ่านบรรดาเป้าเหล่านี้ รูปทรงเป้าของพระเดชพระคุณท่านนักธรณีก็หลากหลาย กลมมั่ง รีมั่ง รวมไปถึงสารพัดเหลี่ยม บางด้านของรูปทรงพี่ท่านก็หยวนๆให้พวกเราแถหรือแฉลบออกได้บ้าง บางด้าน(ด้วยเหตุผลทางธรณีวิทยาและอีโก้อีไม่โก้)พี่ท่านก็ห้ามแถออกเด็ดขาด  จริงๆที่มาที่ไปของเป้าว่ากว่าจะมาถึงเป็นเป้าให้เราขุดได้นั้น ยุ่งยากและไฮเทคมากครับ ไม่หมู ที่แน่ๆมันเกินกว่าที่สมองวิศวกรโลเทคลูกอีช่างขุดอย่างผมจะไปเข้าใจ เอาเป็นว่าเอาเป้ามา เดี๋ยวป๋าจัด(ทะลวงเป้า)ให้ เอิ๊กๆ อะ อะ เอารูปเป้า มาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:00:24

ความคิดเห็นที่ 2 อะจ๊าก .... ผิดรูปครับ ตะกี้เป้ากุงเกง (ใครก็ไม่รู้) ต้องรูปนี้ครับ ผมทำเป้าสมมติให้ดู 4 เป้า สีแดงๆน่ะครับ อ้าว ... สังเกตุดูดีๆนะครับว่า เป้าของพระคุณท่าน ไม่ได้บอกเลยว่า ตำแหน่งบนผิวดินผิวน้ำนั่นอยู่ตรงไหน เป็นเป้าใต้ดิน(subsurface targets)ล้วนๆ ตำแหน่งที่ตั้งแท่น เป็นเรื่องของเราลูกอีช่างขุดครับ นักธรณีไม่เกี่ยว เอาเป้ามาอย่างเดียวพอ (งานใครงานมัน) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:01:22

ความคิดเห็นที่ 3 พอได้เป้า เราก็มาดูว่าตูจะขุดมันยังไง ตรงนั้นมันบนบก บนภูเขา ทับที่ชาวบ้านชาวช่อง ทับของสงวน เอ๊ยป่าสงวนหรือป่าไม่สงวนของใครหรือเปล่า กฏหมายท้องถิ่นนั้นๆว่าไง จะซื้อที่ตรงนั้นหรือจะเช่า จะหอบผ้าหอบผ่อนขนหอบข้าวหอบของกันไปยังไง ขุดลึกแค่ไหน ขุดแนวไหน ตรงๆลงไปหรือ ยอกย้อนชอนไช ตะแคง จะเอียงขนาดไหน ใช้แท่นขนาดเท่าไร ฯลฯ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:02:07

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนถ้าเป้ามันอยู่ในน้ำ ก็ต้องมาดูว่า น้ำลึกแค่ไหน จะเอาแท่นแบบไหนอะไรเข้าไปเจาะ ถ้าน้ำตื้นแล้วท้องน้ำไม่มีอะไรน่าสงวนนักหนาเช่น ไม่มีปะการัง ก็ลาก jack up เข้าไปปักขาจึ๊กๆ ตั้งแท่นทะลวงเป้าได้เลย แต่ถ้ามีปะการังแล้วรัฐบาลท้องถิ่นเขาหวง ก็ต้องเอาแท่นที่ตั้งอยู่บนแพที่กินน้ำตื้นๆ เข้าไป หรือไม่ก็หาเกาะแก่งแถวๆนั้นแล้วเอาแท่นแบบบนบกไปตั้งเลยจะได้ไหม แล้วขุดเอียงๆทะแยงๆเอา ถ้าไม่มีเกาะธรรมชาติ เราถมดินเป็นเกาะเทียม แบบเสี่ยดูไบถมทะเลสร้างโรงแรม ซะเลยจะได้ไหม ถ้าน้ำลึกขึ้นมาอีก ก็ดูว่าลึกแค่ไหน ลึกเกินขาแท่นแบบ jack up ไหม ถ้าเกินก็ต้องเอาพี่ใหญ่แบบกึ่งลอย (semisubmersible) หรือ แบบเรือ (drill ship) เข้าไปโซ้ยกันเลย ทุกๆการตัดสินใจเลือก มีข้อดีข้อเสียทั้งนั้น (ชีวิตมันก็งี้แหละครับ จ้าวนายยย) สุดท้ายก็ต้องเอา ระยะเวลา จำนวนเงิน ความเสี่ยง(ที่จะแห้วไม่เจออะไร) และเหตุผลทางการเมือง มาชั่งดูว่า จะทำไงกันดี นี่ครับ รูปแท่นแบบต่างๆ แบบแรกที่ขอนำเสนอ คือแท่นบก (land rig) ชิวๆครับแบบนี้ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:02:40

ความคิดเห็นที่ 5 อันนี้แบบน้ำตื้น หรือที่เรียกว่า swamp barge ก็เอาแท่นไปตั้งบนแพเราดีๆนี่เอง พวกนี้จะกินน้ำตื้น นน.เบา เอาไปขุดแถวๆหนองน้ำ อะไรพวกนั้น ลงทะเลก็ได้ แต่ต้องไม่มีคลื่นเยอะ ประมาณน้ำกร่อย หรือ ชายฝัง คงได้ประมาณนี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 19:42:04 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:03:18

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าน้ำลึกหน่อยก็นี่ครับ แบบยกขาตั้ง (jack up rig) มีทั้งแบบ 3 ขา และ 4 ขา มีทั้งแบบมีเครื่องยนต์ และ ไม่มีต้องใช้เรือลากเอา พอเอาขาขึ้นก็ลอยไปลอยมาได้ พอไปถึงที่ก็เอาขาลง ยกตัวแท่นขึ้น พวกนี้เข้าประจำที่เร็ว ขุดเสร็จก็ย้ายออกเร็ว ไม่เสียเวลา เหมาะกับงาน สำรวจ (exploration) เจอก็เก็บข้อมมูลไว้ให้พี่นักธรณีวิเคราะห์ ไม่เจอก็กลบหลุม แล้วย้ายไปสำรวจที่อื่นต่อ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:04:02

ความคิดเห็นที่ 7 อีกรูปครับ แต่เป็นแบบจำลอง จะได้เห็นรูปพรรณ์สัญฐานกันจะๆไปเลย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:04:35

ความคิดเห็นที่ 8 แบบนี้เรียกว่า tender rig (แบบขนแท่นไปบนแพ-ผมแปลเอง ถ้าผิดขออภัย แปลเอาความหมาย) ก็ใช้กับ platform คืองี้ครับ พอรู้แน่ๆว่าตรงไหนมีปิโตรฯก็จะตั้ง platform ขึ้นมาเป็นที่รวบรวมปากหลุมเข้าไว้ด้วยกัน patform หนึ่งจะมีกี่หลุมก็แล้วแต่ความคุ้มทุนในการสร้างกับผลผลิตปิโตรฯ(ที่นั่งเทียนว่าจะได้) แพ tender rig ที่ว่านี่ก็จะขนเอาแท่นกองๆไปบนแพแล้วยกไปตั้งบน platform เหมือน แท่นบนบก อย่างไงอย่างนั้นเลยครับ ข้อเสียคือยุ่งยาก พีธีรีตรองเยอะ กว่าจะประกอบเสร็จ ขุดเสร็จแล้วเก็บของก็ใช้เวลาพอกัน ถ้าไม่มี platform สร้างไว้รอก็ขุดเองไม่ได้ แถม platform ที่สร้างก็ต้องคำนวนเผื่อนน.ของแท่นที่จะไปวางบนนั้นอีกต่างหาก ผลคือ platform ราคาแพง แต่ข้อดีคือ ค่าเช่าถูก ดังนั้นจึงมักให้ขุดไปเลย 15-20 หลุม ต่อ platform พอคำนวนเวลา กับค่าใช้จ่ายต่อหลุมแล้ว ค่อยคุ้มหน่อย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:05:22

ความคิดเห็นที่ 9 มีแถม tender rig ให้อีกรูป จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:05:44

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วถ้าน้ำลึกเกินกว่านั้นล่ะครับ ต้องนี่เลยครับ semisubmersible (กึ่งจม - แปลเองอีก คือมันจมไปครึ่งนึงน่ะ ฮ่าๆ) มันมีขาเบ้อเร่อเฮิ้ม วางบนทุ่นที่จมอยู่ใต้น้ำ มีทั้งแบบที่เครื่องยนต์ไปไหนมาไหนได้เอง กับแบบที่ต้องลากไป น้ำลึกแค่ไหนก็บ่ยั่นครับ ต้องมีคนสงสัยแน่ๆว่ามันจะอยู่กับที่นิ่งๆได้ไง มันมีอุปกรณ์ไฮเทคชิ้นนึ่งครับ เรียกว่า "สมอเรือ" (ฮ่าๆ) จะกี่เส้นก็ว่าไป ขึงมันทุกมุมทุกทาง ใช้ระบบจีพีเอส ปรับดึงหรือหย่อนมอเตอร์สมอ ให้แท่นอยู่กับที่เมื่อเทียบกับพื้นโลก ... ไฮเทคซะไม่มี อ้าวพี่ แล้วแนวดิ่งล่ะ ชิวๆครับ ... มีอุปกรณ์ไฮเทคอีกชิ้น เรียกว่า "โช้ค" แบบที่อยู่ในรถยนต์ท่านๆนั่นแหละครับ แม่นอีหลี เพียงแต่มันมีหลายตัวและตัวมันเท่ากับห้องคอนโดที่ผมผ่อนให้กิ๊กอยู่นั่นแหละครับ (เอ๊ย ความลับแตก ฮ่าๆ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:06:17

ความคิดเห็นที่ 11 อะ semisubmersible อีกรูปนึง จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:06:39

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วถ้าน้ำลึกมากขึ้นไปอีก แถมยังต้องไปไหนมาไหนเองบ่อยๆ ไม่ต้องพึ่งเรือลากจูง (เพราะเรือลากจูงเนี้ยต้องเช่า วันล่ะหลายอัฐอยู่) ก็นี่เลยครับ drill ship อันนี้ภาษาอังกฤษระดับกรรมกรของผมชอบ แปลง่าย แปลว่าเรือขุดครับ วิธีการคงตำแหน่ง (positioning) ก็เหมือนไอ้ลำตะกี้น่ะครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:07:12

ความคิดเห็นที่ 13 รูปนี้เปรียบเทียบระดับความลึกของ Jack up vs. Semisub vs. drill ship จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:07:48

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ รวมมิตร ครับ ... ให้เห็นว่าแต่ล่ะช่วง ใช้แท่นแบบไหน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:08:09

ความคิดเห็นที่ 15 เอาล่ะพอจัดหาประเภทแท่น ตำแหน่งตั้งแท่นเหมาะๆ เซ่นไหว้เจ้าที่ (ไม่ได้พูดเล่นนะครับ ถ้ากลับไปอ่านตอนที่แล้วของผมจะฮา เอ๊ย จะเข้าใจ) แล้ว ต่อไปนี้เราก็มาเริ่มกระบวนการเจาะเปลือกโลกกัน เนื่องจากผมพยายามจะทำให้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด จะขอละรายละเอียดทางเทคนิคออกไปทั้งหมด เพราะเดี๋ยวจะมึนตึ๊บไปตามๆกัน จุดประสงค์ไม่ได้ต้องการให้เป็นวิศวกรขุดเจาะกัน แต่เอามาให้ดูเป็นน้ำจิ้มเฉยๆว่าเราทำอะไรกันยังไง อาจจะมีซิฟิลิส เอ๊ย ฟิสิกส์ แทรกเป็นน้ำจิ้มบ้างพอให้สะใจพระเดชพระคุณ hard core แต่รับรองว่าไม่มาก (เพราะผมเองก็รู้ไม่เยอะ แค่พอหากินไปวันๆ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:08:47

ความคิดเห็นที่ 16 แหม พูดถึงเจ้าที่แล้ว อดไม่ได้ที่จะกลับไปเล่าถึงลูกน้องเก่าคนนึง จำกันได้หรือเปล่าครับ ลูกน้องเก่าผมคนที่ให้ผมไปบอกไอ้ฝรั่งจอร์น(ที่ไปเอาแม่ค้าไก่ต้มน้ำปลาตลาดลานกระบือมาเป็นภรรเมียตอนที่แล้ว) ว่า spirit house ท่านอยากกินแบล๊กเลเบิ้ล (black label) ผมสมมติชื่อมันว่าไอ้ปื้ดก็แล้วกัน (ชื่อนี้กำลังฮิต) โพล้เพล้ๆวันหนึ่งผมกำลังจะเข้าไปหน้างาน รถพวกเราจอดอยู่หน้าแคมป์ทางเข้าแท่น เออ เป็นแท่นบกนะครับ เห็นลูกน้องผม 3-4 คนนั่งสุมหัวกันอยู่บนกระบะท้ายรถ 6 ล้อที่ใช้ขนเครื่องมือจอดอยู่หน้าแคมป์ นำโดยไอ้ปื้ดขาประจำ อ้อ ไอ้ปื้ดนี่มันเป็น crew chief ผมด้วยครับ (คือเป็นหัวหน้าลูกน้องผมทั้งชุด แล้วผมเป็นหัวหน้ามันอีกที) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:09:21

ความคิดเห็นที่ 17 แบบที่เป็นแพน้ำตื้นมีเรือลากด้วย... ดูจากขนาดเรือแล้ว แพนี่คงใหญ่เอาเรื่องเหมือนกันเนอะ จากคุณ : เลดี้ลิลิ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:09:43

ความคิดเห็นที่ 18 ผมจอดปิ๊กอัพประจำ(เก่าๆ)ตำแหน่งห่างออกมาหน่อย พอถึงระยะกะว่าตะโกนได้ยิน ... เฮ๊ย ไอ้ปื้ดx ึงชวนเด็กๆมาทำเx ี้ยอะไรว่ะ พรุ่งนี้ต้อง rig up (เริ่มงาน)นะโว้ย เดี๋ยว tool (อุปกรณ์การทำงาน) หล่นทับตีน พ่อไม่ส่งx ึง กลับนะ ไอ้ปื้ดสวนกลับบอกว่า พวกผมกำลังปลูกอยู่ครับ ... ไอ้xอก ปลูกอะไรของมันว่ะ ผมคิดในใจ แล้วผมก็ปีนขึ้นไปบนกระบะ 6 ล้อ ไม่เห็นพวกx ึงกำลังปลูกต้นอะไร มีแต่เหล้าขาวน้ำแดง ผัดพริกกบ ลาบ กับ ยำหนูนา (ปล. ขออภัยที่ใช้ภาษาไม่สุภาพ เนื่องด้วยต้องการคงอรรถรสดั้งเดิม) แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 19:46:52 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 19:45:14 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:09:53

ความคิดเห็นที่ 19 ไอ้ปื้ดทำเสียงยียวน สวนออกมาว่า โถ chief (พวกเราเรียก engineer กันแบบนี้) ถ้าคืนนี้พวกผมไม่ปลูกแล้ว พรุ่งนี้จะให้พวกผมถอนอะไรล่ะ ... ผมนึกในใจ "อ้ายเวร ดูมันอ้างหาเรื่องแxกเหล้า ได้อย่างด้านที่สุดเท่าที่เคยเจอมา" แต่หูผมได้ยินปากผมพูดออกไปว่า "เอ้า ... เดี๋ยวx ูปลูกด้วยคน ไอ้บังx ึงไม่ดื่มนี่นา เอานี่ไป ไปเอา ... (ยี่ห้อเหล้าท้องถิ่นชื่อนึง) ... มาปลูกอีก 2 กลม เอาปิ๊กอัพไปเลย" แล้วผมก็ควักแบงค์สีม่วงๆให้ไอ้บังไป จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:10:26

ความคิดเห็นที่ 20 ตกลงคืนนั้น ทั้ง engineer, crew cheif และ crew เด็กๆ ปลูกกันหญ่ายๆ ไม่รู้ต้นอะไรกันมั่ง ปลูกกันจนตีหนึ่ง ผมต้องไล่ให้ไปนอน เพราะต้องรับผิดชอบ กะว่าเช้ามาต้องสร่างๆ ขืนโต้รุ่ง ตอนเช้าคงโดนไล่ออกกันมั่ง ไม่ ผมก็มัน ฮ่าๆ ... ที่ไหนได้ เช้ามาเหลือก้นกลมอีกหน่อย แบ่งกันถอนได้ คนล่ะ 2 กรึ๊บ พอดิบพอดี เอิ๊กๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:12:43

ความคิดเห็นที่ 21 จำได้ว่าทำงานตากแดดกันไม่ทันพระฉันเพล สร่างเมากันเลย เหงื่อท่วม เพราะจะไปชี้ให้เขาทำอย่างเดียวมันก็ยังไงๆอยู่ เมื่อคืนก็ปลูกด้วยกัน เมื่อเช้าก็ถอนด้วยกัน แต่พอทำงานจะยืนชี้นิ้ว มันไม่ใช่วิธีที่ถูก(ผมว่านะ) เลยต้องซื้อใจกันหน่อย ลงไปลุยกับพวกมัน ชุดหมีหนาๆเนี้ย เปียกโชก ตอนนั้นยังหนุ่มก็ทำได้ ตอนนี้คงม่ายหวายยยย ... ไม่รู้ว่าสมัยนี้เป็นอย่างไรที่หน้างาน แต่สมัยผมน่ะ ที่หน้างาน "ใจ" ไม่มีขาย  อยากได้ใจก็ต้องเอา "หยาดเหงื่อกับหยดเมรัย" แลก ถ้า "มีใจ" ให้กัน หรือ "ได้ใจ" กันแล้ว ถึงไหนถึงกันครับ กี่วันกี่คืนก็บ่ยั่น แต่นั่นแหละครับ กว่าจะมาถึงตรงนั้นได้ ผมก็โดนไหว้ครู โดนลองของ จนครบหลักสูตร จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:14:43

ความคิดเห็นที่ 22 เอาล่ะครับฝอยเบาสมองมาพอแล้ว จริงจังมั่ง เดี๋ยวพรรคพวก hard core จะโวย ก่อนอื่น ขอแนะนำอุปกรณ์พื้นๆแค่สำมะคัญมั๊กๆ 2 ชิ้นก่อน ชิ้นแรกเราเรียกว่า หัวขุด (drill bit) ที่มี 2 แบบใหญ่ๆ แบบแรกเรียกว่า Roller cone แบบที่สองเรียกว่า Fix cutter หรือ PDC (Polycryterized Diamond Compact - พูดง่ายๆคือเพชรเทียมนั่นแหละครับ) ชื่อก็บอกโต้งๆว่าไอ้ตัวแรกใบมีดตัวเจาะหมุนได้ ตัวที่สองใบมีดหมุนไม่ได้ (จริงๆหน้าตาไม่เหมือนใบมีด แต่ขอแปลอย่างนี้ไปก่อน) ทั้งสองแบบมีที่มาที่ไป ข้อดีข้อด้อย และ การใช้งานที่ต่างกัน ผมจะไม่ลงลึกนะครับ โครงสร้าง (anotomy)หัวขุดคือ ตัวมัน (body) ไม่ทำด้วยเหล็กก็โลหะผสมหล่อ (matrix) ข้างในจะกลวงให้น้ำโคลน (mud) ไหลเข้า แล้วไปออกที่รู(ที่ปรับความกว้างได้)ทางปลายหัว รูที่ว่าดันไปเรียกว่าจมูก(nose) นี่ครับรูปของเจ้าหัวขุดทั้งสองแบบ แบบนี้ roller cone หรือบางที่เรียกว่า Tri-cone เนื่องจากมันมี 3 cone ไอ้ปุ่มๆนั่นทำด้วย Tungsten carbine นะครับ ขนาดและรูปทรงแตกต่างกันตามการใช้งาน พอตัวมันหมุด ไอ้เจ้า 3 cone มันก็หมุนขบกันตามไป ด้วยอัตราส่วนรอบที่ผมขี้เกียจรื้อฟื้น (ลืมไปแล้ว อิอิ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:16:05

ความคิดเห็นที่ 23 เอาล่ะครับฝอยเบาสมองมาพอแล้ว จริงจังมั่ง เดี๋ยวพรรคพวก hard core จะโวย ก่อนอื่น ขอแนะนำอุปกรณ์พื้นๆแค่สำมะคัญมั๊กๆ 2 ชิ้นก่อน ชิ้นแรกเราเรียกว่า หัวขุด (drill bit) ที่มี 2 แบบใหญ่ๆ แบบแรกเรียกว่า Roller cone แบบที่สองเรียกว่า Fix cutter หรือ PDC (Polycryterized Diamond Compact - พูดง่ายๆคือเพชรเทียมนั่นแหละครับ) ชื่อก็บอกโต้งๆว่าไอ้ตัวแรกใบมีดตัวเจาะหมุนได้ ตัวที่สองใบมีดหมุนไม่ได้ (จริงๆหน้าตาไม่เหมือนใบมีด แต่ขอแปลอย่างนี้ไปก่อน) ทั้งสองแบบมีที่มาที่ไป ข้อดีข้อด้อย และ การใช้งานที่ต่างกัน ผมจะไม่ลงลึกนะครับ โครงสร้าง (anotomy)หัวขุดคือ ตัวมัน (body) ไม่ทำด้วยเหล็กก็โลหะผสมหล่อ (matrix) ข้างในจะกลวงให้น้ำโคลน (mud) ไหลเข้า แล้วไปออกที่รู(ที่ปรับความกว้างได้)ทางปลายหัว รูที่ว่าดันไปเรียกว่าจมูก(nose) นี่ครับรูปของเจ้าหัวขุดทั้งสองแบบ แบบนี้ roller cone หรือบางที่เรียกว่า Tri-cone เนื่องจากมันมี 3 cone ไอ้ปุ่มๆนั่นทำด้วย Tungsten carbine นะครับ ขนาดและรูปทรงแตกต่างกันตามการใช้งาน พอตัวมันหมุด ไอ้เจ้า 3 cone มันก็หมุนขบกันตามไป ด้วยอัตราส่วนรอบที่ผมขี้เกียจรื้อฟื้น (ลืมไปแล้ว อิอิ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:16:26

ความคิดเห็นที่ 24 และนี้ครับ แบบ Fix cutter หรือ PDC (Polycryterized Diamond Compact) หน้าตาคล้ายๆมะเฟืองเนอะ ผมเรียกมันว่าไอ้หัวมะเฟือง จำนวนกลีบ (blade) และ ใบมีด (cutter) ก็ว่ากันตามการใช้งานนะครับ พอแค่นี้ก็แล้วกันสำหรับไอ้นี่ ผมอยู่กับมันมาเป็นสิบปี ผมยังรู้จักมันไม่หมดเลย ฮ่าๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:17:41

ความคิดเห็นที่ 25 อุปกรณ์ไฮเทคชิ้นต่อมาเรียกว่าท่อขุด หรือ ก้านขุด (drill pipe) มันก็คือท่อเหล็กดีๆนี่เอง ด้านหนึ่งเป็นตัวผู้ อีกด้านหนึ่งเป็นตัวเมีย ขนาดท่อก็แตกต่างกันไปตามการใช้งาน ส่วนใหญ่ก็ 3.5" - 4" - 5" ท่อนละประมาณ 10 ม. 1 ท่อ เรียกว่า  1 ซิ้งเกิ้ล (Single - ปล. ไม่ใช่ที่แปลว่าแผ่นเสียงนะ อิอิ) จับ 3 ท่อ ขันเกลียวตัวผู้เข้ากับตัวเมีย (เอาด้านตัวผู้ปักหัวลง เอาด้านตัวเมียหงายขึ้น - เปล่าเอ๊กซ์นะครับ อธิบายแบบนี้เห็นภาพดีออก) เรียก 3 ท่อที่ต่อกันเรียบร้อยแล้วว่า 1 แสตน (Stand) จับตั้งขึ้น เอาด้านตัวผู้ทิ่มลงบนพื้นแล้วพิงไว้กับปั่นจั่น นี่ไงครับ รูปท่อขุด หรือ ก้านขุด (ผมขอเรียกว่าก้านเจาะ จากนี้ไปนะครับ) ไฮเทคไหมครับ ฮ่าๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:19:29

ความคิดเห็นที่ 26 นี่ครับ จับต่อเป็นสแตนแล้วตั้งพิงแบบนี้ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:20:25

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วเวลาจะเอามันยัดลงหลุมก็ต่อกันแบบนี้ (คลิปประมาณ 3 นาทีเศษ) ที่ผมชอบตอบในบล๊อกว่า ไปหาประสบการณ์โดยเริ่มจากศูนย์ ก็งานประเภทนี้แหละครับ จริงๆนี่ยังไม่ศูนย์เท่าไร เพราะหลายปีอยู่ กว่าเขาจะให้มาต่อท่อแบบที่เห็นในคลิป ก่อนหน้านั้นเป็นลูกมือ จัดของ ล้างแท่น ซ่อมปั๊ม อะไรไปโน่นก่อน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:21:30

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นหัวขุดแล้วนึกถึง Armageddon จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:22:02

ความคิดเห็นที่ 29 เสร็จแล้วเราก็เอาหัวขุดมาต่อกับก้านขุด เราเรียกชุดที่ต่อแล้วว่า drill string (แปลเป็นไทยให้สื่อความหมายไม่ได้จริงๆครับ จะแปลว่า "เส้นขุด" ก็จั๊กกะจี้) ปั๊มน้ำโคลนลงไปผ่านทางก้านขุดไปออกทางรูจมูก (nose) ของหัวขุด ปั่นหมุนก้านขุดที่ปลายด้านบนแท่น เอามาต่อกันที่ละแสตน บรรจงหย่อนมันลงไปบนขุดชั้นหิน น้ำหนักที่กดลงบนหัวเจาะ (WOB - weight on bit) = น้ำหนักในน้ำโคลนของ drill string "ก่อน" หัวเจาะแตะชั้นหิน - น้ำหนักในน้ำโคลนของ drill string "ขณะ" หัวเจาะแตะชั้นหิน สมการไฮเทคมากเลยใช่ไหมครับ :) อะ ดูรูป ไม่ต้องสนใจในรูปตรงที่เขียนว่า drill collar นะครับ คิดซะว่ามันเป็น drill pipe ส่วนปลายสุดเป็น หัวเจาะครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 19:48:39 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:24:21

ความคิดเห็นที่ 30 ดูรูปนี้จะชัดขึ้นครับว่าตรงปลายสุดมันเป็นยังไง จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:24:52

ความคิดเห็นที่ 31 พลังงานที่เราใช้ขุดเนื้อหิน = [แรงบิด (Torque) x ความเร็วรอบของก้านเจาะ (RPM) ทั้งสองอย่างวัดที่บนแท่นนะครับ ไม่ได้วัดที่หัวเจาะ] - ความสูญเสียเชิงกลทั้งหมดในระบบ แล้วเราควบคุมอะไรได้บ้างล่ะเนี่ย อย่างแรกล่ะ RPM ปั่นก้านขุดเร็ว RPM ก็มาก อย่างต่อมา เราจะควบคุมแรงบิดได้ไง เราทำโดยตรงไม่ได้ครับ ทำได้ทางอ้อม (ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา ฮ่าๆ) ทางอ้อมที่ว่าคือ WOB (น.น.บนหัวเจาะ) ครับ ก็ง่ายๆ หย่อนลงไปมาก WOB ก็มาก แรงบิดก็สูง แต่หย่อนมากไป ก้านขุดก็งอพับไปพับมา (buckle) ขุดไม่ได้อีก อัตราการไหลของน้ำโคลน (flow rate) จะมากจะน้อยเท่าไร ขึ้นกับหลายปัจจัยมากๆ ส่วนความดัน (pressure) เป็นผลของอัตราการไหล กับ ความต้านทานการไหลในระบบ ตกลงที่เราบังคับควบคุมได้มี 3 อย่าง WOB, RPM, Flow rate WOB + RPM ทำให้เกิด Torque Flow rate + ความต้านทานการไหลในระบบ (บางอย่าเราคุมได้ บางอย่างคุมไม่ได้) ทำให้เกิด ความดันที่ก้านขุดด้านบน (Surface stand pipe pressure) ด้วย WOB เท่ากัน บนชั้นหินเหมือนกัน หัวเจาะแต่ละประเภท (roller cone หรือ PDC) ก็ให้แรงบิดที่แตกต่างกันขึ้นกับการออกแบบและธรรมชาติของหัวเจาะแต่ล่ะประเภท ซึ่งผมไม่ขอลงลึก เดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 19:49:58 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:25:41

ความคิดเห็นที่ 32 เหนื่อยหรือยังครับ เจอสมการสุดยอดเข้าไป รับรอง ไม่มีสมการอะไรอีกแล้วครับ อันนี้ยุ่งยากที่สุดแล้ว อุอุ มา มะ ... พักสายตาหน่อย ... อะจึ๊ยยยยย (ก็ผมชอบคนนี้ มีอะไรป่ะ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:26:11

ความคิดเห็นที่ 33 แน่ะ ... เพลินเลยนะ สนใจกระทู้ผมหน่อย ... เอาล่ะ รู้จักหัวขุด ก้านขุด และ กลไกการขุดขั้นพื้นฐานแล้ว ต่อไปเรามาดูการขุดจริงๆว่า สถาปัตยกกรรมของหลุม (well architecture) เป็นอย่างไร สถาปัตยกกรรมของหลุมมีได้หลายแบบมากๆ เหมือนใครสักคนจะบอกว่าสถาปัตยกรรมของบ้านเป็นอย่างไร มันยกที่จะพูดให้คลุมให้หมดจด เพราะบ้านมันมีหลายแบบ ตั้งแต่ บ้านเดี่ยวไม่มีเล่าเต๊ง (ชั้นเดียว ฮ่า) ไปยัน ทาว์นเฮาส์  โฮมออฟฟิต ดอนโด คอนโด่ และ คอนไม่โด่ ผมคงอธิบาย สถาปัตยกกรรมของหลุม ได้ไม่ครบถ้วนหมดจดเช่นกัน แต่จะยกตัวอย่างแค่แบบเดียว พอให้เห็นภาพคร่าวๆพอ (เหมือนกับบอกว่า บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหน้าตาเป็นไง ยังงั้นล่ะครับ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:26:49

ความคิดเห็นที่ 34 ขนาดของหลุม = ขนาดของหัวขุด (จะบอกทำไมฟ่ะ ใครๆก็รู้) ขนาดของหัวขุดมาตราฐานโดยทั่วไปมีตั้งแต่ 5 7/8" - 6 1/8" - 8 1/2" - 12 1/4" - 17 1/2" - 26" ขนาดอื่นก็มีนะครับ ไม่ใช่มีแค่นี้ เราจะขุดด้วยขนาดใหญ่ก่อน แล้วค่อยๆลดขนาดลง ส่วนจะเริ่มที่ขนาดไหน ไปจบลงที่ขนาดไหน เป็นทั้งศาสตร์ ศิลป์ ประสบการณ์ และ กึ๋น โดยทั่วไปเราจะเริ่มที่ขนาดที่เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไปจบที่ขนาดที่ใหญ่ที่สุดเท่านี่เป็นไปได้ งงล่ะซิ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:27:27

ความคิดเห็นที่ 35 เหตุผลง่ายๆคือ หลุมยิ่งใหญ่ ค่าใช้จ่ายในการขุดต่อหนึ่งหน่วยความยาวหลุมยิ่งมาก ($/m)  แต่ที่ตอนจบต้องการใหญ่ที่สุด นั่นเป็นเพราะ ยิ่งใหญ่ ยิ่งดี มีทางให้ปิโตรฯไหลได้เยอะ และยิ่งใหญ่ ขนาดความหลากหลายเครื่องไม้เครื่องมือที่จะหย่อนลงไปทำงาน(ในหลุมช่วงสุดท้าย)ก็มากขึ้น และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ถ้าหลุมมันป่วยมันเสีย ไม่ผลิต หรือผลิตน้อยลงกว่าที่คาดไว้ เราสามารถที่จะเจาะต่อไป (extend) หรือเจาะแถ (side track) จากช่วงนั้นได้เลย ในขณะที่ถ้าหลุมช่วงสุดท้ายเล็กเกินไปเราทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องทิ้งหลุม ไปหาที่เจาะใหม่ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 19:52:19 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 18:28:13 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:27:55

ความคิดเห็นที่ 36 การเจาะอะไร นั้นต้องรู้เขารู้เรา จึงจะเจาะได้ เจาะเซฟก็ต้องรู้จักเซฟ เจาะใจ(สาวสาย)ก็ต้องรู้จักใจและรู้จักเครื่องมือ(ข้อดี)ที่เรามี ฉันใดก็ฉันเพล เอ๊ย ฉันนั้นแล จะเจาะหินก็ต้องรู้จักหิน ไม่ใช่ว่าหินอะไรก็จะตะบี้ตะบันเจาะด้วยเครื่องมือที่มีเสมอไป ชั้นหินส่วนบนๆมักจะเป็นชั้นหินใหม่ เกิดขึ้นยุคหลังๆ จะเม็ดหิน (rock grain) เกาะเชื่อม (cemented) กันหลวมๆ เอาหัว 17 1/2" เจาะ อาจจะได้หลุม 19"-20" ก็เป็นไปได้ อย่าลืมว่าน้ำโคลนไหลผ่านผนังหลุมด้วยความเร็วสูงก็ย่อมกร่อนผนังหลุมไปในตัว (wash) ดังนั้น อันตราการไหล (flow rate) ก็ต้องจัดให้พอดี น้อยไปก็เอาเศษหินที่ขุดขึ้นมาไม่ได้ มากไปก็กัดเซาะผนังหลุมอีก จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:28:49

ความคิดเห็นที่ 37 หินบางช่วงประกอบไปด้วยเกลือ (salt) ขุดไปเกลือมันก็ละลายออกมาในน้ำโคลน ทำให้ชั้นหินกร่อนลงและถล่มลงมาทับก้านเจาะ และ หัวเจาะ เกิดอาการ จะดึงก้านก็ดึงไม่ขึ้น ดันก้านลงดันไม่ลง (เปล่าติดเรทเอ๊กซ์นะ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ) ทำให้นึกถึงเพลงที่ร้องในช่วงเรียนวิศวะวัยคะนองหลังน้องแม่โขงกลมแรกหมดไป ที่ขึ้นต้นว่า "โอ้สวรรค์ ...." (อยากรู้ท่อนต่อไป หลังไมค์ อิอิ เอ๊กซ์มั๊กๆ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:29:17

ความคิดเห็นที่ 38 เราเรียกอาการอย่างนั้นว่า ก้านติด หรือ pipe stuck วิธีกันและแก้มีหลายวิธีมากๆ เอามาเล่าแค่ 2 วิธี ก็คือ เอาเกลือใส่น้ำโคลนซะ ให้น้ำโคลนมันอิ่มไปด้วยเกลือชนิดนั้น (salt saturated) เกลือในชั้นหินมันก็จะไม่ละลายอีกต่อไป จะ KCL NaCL CaCL อะไรก็ว่าไป และจะรู้ได้ไงล่ะว่าเกลืออะไร แหม ... เพื่อนซี้เราไง นักธรณีไงครับ เขาจะบอกเอง (จะโดยการนั่งเทียนหรือผ่านกระบวนการไฮเทคยังไงเราไม่สน เราต้องเชื่อใจกันและทำงานกันเป็นทีม แต่พอหลุมพัง เราก็จะโบ้ยกัน เอ๊ย รับผิดชอบร่วมกัน ฮ่า) อีกวิธีก็เปลี่ยนจากใช้น้ำโคลน (water base mud) ไปใช้ น้ำมันโคลน (oil or synthetic base mud) แทนก็สิ้นเรื่อง เกลือไม่ละลายในน้ำมันอยู่แล้นนน เห็นป่ะ ไฮเทคซะไม่มี อิอิ เหมือนกับการตัดสินใจส่วนใหญ่ทางวิศวกรรมน่ะครับ ได้อย่างเสียอย่าง ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสีย ส่วนจะเลือกวิธีไหนก็ชั่งน้ำหนักกันเอาเอง คนชั่งก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ ก็คนที่นั่งจิ้มๆพิมพ์ให้พวกเราอ่านอยู่นี่แหละครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:29:47

ความคิดเห็นที่ 39 หินบางช่วงก็เป็นหินตะกอน (Sedimentary rock) ที่มีองค์ประกอบเป็นโคลน (Clay - Shale) หินประเภทนี้โดนน้ำแล้วมันดูดน้ำทำให้บวมสะเด็ดพระเดชพระคุณเลยครับ (swelling) สมมติว่าใช้หัวเจาะขนาด 8 1/2" ติดกับก้านขนาด 5" ขุดผ่านไปแล้ว สักพัก ผนังหลุมดันบวม เหลือหลุมขนาด 7"-8" อีนี่บังจาถอนก้านขึ้นได้ไง หัวเจาะขนาด 8 1/2" ก็คับติดอยู่ตรงที่มันบวมนะซิพระคุณเจ้า จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:30:36

ความคิดเห็นที่ 40 ก็ต้องร้องเพลง "โอ้สวรรค์ ...." อีก ... ฮ่าๆ อีตอนจะถอนก้านขึ้นมาก็ร้องอี๊ดๆซี๊ดๆ ไปตามๆกัน เปล่าๆ ไม่ได้เอ๊กซ์ ที่ร้องอิ๊ดๆนะกว้านปั่นจั่น (drawwork) ครับมันจะทำงานหนักจนจะเกินพิกัด (overload) ระบบเกียร์ระบบเบรคมันจะร้องอิ๊ดๆ (แฮ่ๆ รอดตัวไป) ส่วนที่ร้องซี๊ดน่ะคนบังคับกว้านปั้นจั่น (driller) นะครับ ไม่ให้ร้องซี๊ดได้ไงครับ มันหนักหนาสาหัสสากรรจ์ประมานส.ส.โดนขู่ยุบสภาหรือนายกฯโดนขู่อภิปรายไม่ไว้วางใจเลยนะครับ เพราะ driller อาจจะตกงานไปคุมวินแมงกะไซค์ได้เลยทีเดียวถ้าทำก้านเจาะขาด นั่นหมายความว่าทั้งหัวเจาะ และเครื่องเคราอันมีค่า (BHA - bottom hole assembly ที่ผมล่ะไว้ไม่ได้อธิบาย) ต้องค้างอยู่ก้นหลุม ต้องเสียเงินอีกมหาศาลในการกู้ (fishing) เอาขึ้นมา หรือ ถ้าเอาขึ้นมาไม่ได้ก็ต้อง เจาะแถออกไป ไม่ก็ย้ายไปเจาะที่ใหม่เลย ... ยังงี้จะไม่ให้พี่ driller ร้องซี๊ดยังไงไหว ... (รอดข้อหาเอ๊กซ์ไปได้อีกช๊อต) แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 18:07:43 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:31:11

ความคิดเห็นที่ 41 อ้าว ... เฮ้ย ไอ้สองตัวข้างบนน่ะ เจือกมัวแต่ส่องหลุมหาพระแสงด้ามสั้นอะไร driiler ตัวจริงอยู่นี่ ตูนี่แหละ จะไปขายตั๊กแตนทอด ... รอด้วยๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:32:01

ความคิดเห็นที่ 42 จะแก้ไขยังไงดีล่ะ มีหลายวิธี เอาไปเป็นน้ำจิ้มแค่สองพอ หินมันดูดน้ำ เพราะหลักการออสโมซิสไงครับ น้ำในน้ำโคลนมันมากกว่าน้ำในหิน ก็เอาเกลือใส่น้ำโคลนซิครับ ให้มันมีความเข้มข้นพอๆกับความเข้มข้นของน้ำเกลือในหิน กรณีนี้ไม่ต้องแคร์ชนิดของเกลือเหมือนกรณีที่แล้ว เราดูที่ความเข้มข้น(ปริมาณน้ำ)มากกว่า แล้วความเข้มข้นของเกลือในน้ำในหินมันเท่าไรล่ะ อิอิ คิดไม่ออกถามเพื่อนรักคู่หูคู่กัดตลอดกาลของเราซิครับ พี่นักธรณีไง เดี๋ยวเขาก็นั่งเทียนตัวเลขมาให้เอง (ปล. เรารักกันดีมั๊กๆ) แต่อย่าใส่มากไปนะ ถ้าใส่มากไปเดี๋ยวน้ำในชั้นหินมันก็ซึมออกมาในน้ำโคลนแล้วทำให้ชั้นหิน "แห้ง" (britle) คราวนี้มันจะรักษาความแข็งแรงทางกลไม่อยู่ (mechanical self support) ก็ร่วงถล่มลงมาทับก้านขุดทับหัวขุด ให้อี๊ด ให้ซี๊ด กันอีก ... ฮ่วย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:32:48

ความคิดเห็นที่ 43 อีกวิธีก็ลูกไม้เดิม คือใช้น้ำมันโคลนซะเลย แถมอีกหนึ่งวิธีก็ได้ ใช้น้ำโคลนเหมือนอย่างตอนแรกนั่นแหละ แต่เดิมสาร polymer ลงไป สารนี้มันจะไปเคลือบเม็ดหินเอาไว้ กันน้ำออกน้ำเข้า ปัญหาก็หมดไป ฟังง่ายเนอะ แต่โทษที ยากชมัด เรื่องน้ำโคลนเนี่ย ใช้นักเคมีระดับ PhD อยู่เบื้องหลังเยอะมาก เป็นทั้งศาสตร์ ทั้งศิลป์ ทั้งโหง้วเฮ้ง และ ฮวงจุ้ย (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่) ส่วนเบื้องหน้าก็ใช้วิศวกรรมกร(อย่างตู)ถูลู่ถูกังไปพลางๆก่อน (ฮ่า) ส่วนตัวกะผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องน้ำโคลน น้ำมันเท่าไร แต่ถ้าน้ำมันพราย ค่าครูหลอดล่ะ 199 ถามไถ่กันได้หลังไมค์ ป้ายทีเดียว รับรองจั๊งหนับบุเรงนอง สิบจะเด็ดเจ็ดขุนแผนชิดซ้าย อิอิ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:33:20

ความคิดเห็นที่ 44 โอ๊ย ... เหนื่อยๆ พักสายตากันหน่อย ... จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:33:52

ความคิดเห็นที่ 45 พอๆ พอแล้วครับ พักพอแล้ว สนใจผมมั่งฮี่ ที่ผ่านมาพูดเรื่องน้ำโคลนซะมาก มาดูเรื่องหัวเจาะมั่ง หินแต่ล่ะประเภทมีกลไกการทำให้แตกออกมาเป็นชิ้นๆ (rock failure mechanism) นั้นแตกต่างกันครับ หินบางชนิดทุบ หรือบด (hammering / crunching) แล้วแตกง่าย บางชนิดเฉือนหรือปาด แบบเอามีดปาดเนย (shearing) จะออกได้ง่ายกว่า มีความจริงทางฟิสิกส์อีกข้อคือ ถ้าต้องการปริมาณเศษหินที่หลุดออกมา (cutting) เท่ากันแล้วพลังงานที่ใช้ในการปาดจะน้อยกว่าการทุบ นั่นแปลว่าการปาด (shear) มีประสิทธิภาพเชิงกลมากกว่าการทุบ (hamer) แต่โชคไม่ดีที่หินบางชนิดปาดไม่ออกต้องทุบสถานเดียว แต่ถ้าปาดก็ได้ทุบก็ได้ งั้นเลือกปาดดีกว่า ใช้พลังงานน้อย ปาดออกได้มาก ที่ร่ายมายาวเนี่ยจะบอกว่า หัวเจาะแบบ roller cone นั้นทำให้หินแตก (fail rock) โดยการทุบ หรือ บด จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:34:27

ความคิดเห็นที่ 46 แต่ หัวเจาะแบบ PDC ทำให้หินแตก (fail rock) โดยการเฉือน ดูรูปประกอบจะถึงบางอ้อ ส่วนหินอะไรชอบแตกแบบไหน (หินแตกนะครับ อย่าคิดเป็นอื่น รู้นะคิดอะไรอยู่ ฮั่นแน่) อันนี้เอาไว้ก่อน มันจะมากไปสำหรับตอนนี้ครับ เดี๋ยวจะอ้วก วิชาการกันไปเสียก่อน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:35:00

ความคิดเห็นที่ 47 ผลของการเฉือนคือแรงบิดในก้านเจาะที่เพิ่มขึ้นและแรงสั่นสะเทือนในแนวเส้นรอบวงของท่อและหัวเจาะ (torsional vibration) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:35:41

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนผลการการทุบคือ WOB นน.บนหัวเจาะที่มากขึ้น กับแรงสั่นสะเทือนในแนวเดียวกับแกนของหัวเจาะและแกนก้านเจาะ (axial vibration) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:36:08

ความคิดเห็นที่ 49 โอ้ย ม่ายหวายๆ กันแล้วใช่ไหมครับ ชักเครียดเนื้อหากันแล้ว มาพักสายตากันหน่อย ... เนื่องจากงานของเราต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ของพระแม่ธรณี อยู่เรื่อยๆ คุณสมบัติข้อหนึ่งของคนที่เรามองหาคือคนที่มองโลกในแง่ดี (positive thinking - ผมไม่อยากแปลว่าคิดบวก ฟังแล้วจั๊กกะเดี๊ยมจริตตัวเองยังไงก็ไม่รู้) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:36:52

ความคิดเห็นที่ 50 มาต่อกันดีกว่า ... ตอนนี้เรามีหลุมแล้วใช่ป่ะ ผนังหลุมก็เป็นหินที่พร้อมจะถล่มลงมาทับโครมๆได้ทุกเมื่อ ทำไงดีล่ะทีนี้ เราต้องเราท่อกรุ (casing) ที่ทำด้วยเหล็กยัดลงไป ท่อกรุที่ว่านี้ก็มีหลายขนาด (OD/ID) ให้เลือกใช้ เช่น 20" - 13 3/8" - 9 5/8" - 7" - 5" ฯลฯ ไม่ต้องถามผมนะว่าทำไมขนาดหัวเจาะกับขนาดท่อกรุมันแปลกๆ มันไม่ลงตัวถ้วนๆเนอะ ผมก็ไม่ทราบจริงๆครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:37:22

ความคิดเห็นที่ 51 นี่ครับ รูปร่างหน้าตาจริงๆของมัน นอนกองกอดกันอาบแดดกันอย่างน่ารักจริงเจียว (ถ้าเพ้อเห็นท่อเหล็กได้แบบนี้ แปลว่าอาการหนัก เอามันกลับฝั่งด่วน ฮ่าๆ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:37:48

ความคิดเห็นที่ 52 วิธีต่อท่อกรุก็ทำแบบนี้ครับ ราวๆ 5 นาทีนะครับ ถ้าเน็ทช้าก็ แหม เซียนๆทั้งนั้นคงไม่ต้องบอกเคล็ดลับการดูคลิปออนไลน์ เดี๋ยวจะเอามะพร้าวมาขายสวน ... จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:38:23

ความคิดเห็นที่ 53 ... เป็นไงครับ ดูแล้วคิดว่า ตูทำไอ้ที่ตูทำอยู่น่ะดีแล้วใช่ไหมครับ พอยัดท่อลงหลุมแล้ว ส่วนที่ว่างระหว่างผนังหลุมกับท่อกรุจะทิ้งไว้งั้นเหรอ มันก็หลวมโพรกๆ นะซิ เราต้องปั๊มซีเมนต์ลงไป ยึดให้ท่อกรุมันติดกับผนังหลุม จะว่าไปซีเมนต์มีหลายหน้าที่นะครับ เอาเป็นน้ำจิ้มนิดนึงก่อนว่ามันทำอะไรบ้าง อันแรกก็ยึดท่อกรุกับผนังหลุม (anchoring) อย่างที่ว่าไปแล้ว อีกอย่างก็กั้นของเหลวจากชั้นหินไหลย้อนขึ้นไปข้างบน หรือ ย้อนไปมาระหว่างชั้นหิน (zone isolation) อีกนิดนึงก็คือช่วยกันท่อกรุเป็นสนิมหลักการก็เหมือนเหล็กเส้นที่ไม่เป็นสนิมในคอนกรีตเสริมเหล็กนั่นแหละครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:39:18

ความคิดเห็นที่ 54 ส่วนเรายัดซีเมนต์ลงไปยังไงมันมีหลายเทคนิค แต่เอาแบบชิวๆพื้นๆ cementing 101 เลยก็ปั๊มใส่ในท่อกรุนั่นแหละครับ ปลายท่อกรุด้านก้นหลุมมันเปิดอยู่ใช่ปะ ปั๊มซีเมนต์ลงไปตามปริมาตรเท่าที่ต้องการ เสร็จแล้วก็ปั๊มน้ำโคลนหรือของเหลวอะไรก็ได้ดันตามหลังซีเมนต์ลงไป (displacing) ซีเมนต์มันก็จะโดนดันออกไปนอกท่อกรุไปตามช่องว่างระหว่างท่อกรุกับผนังหินตามปริมาตรที่ต้องการ พอจบพีธีในท่อกรุก็จะมีของเหลวที่เราปั๊มตามหลังซีเมนต์ (displacement fluid) นอกท่อกรุก็มีซีเมนต์ไล่ขึ้นไปจนถึงจุดที่เราต้องการ เอาแบบเบบี้ๆนะ ก็ประมาณนี้แหละครับ ดูรูปประกอบนะครับ ที่เห็นสีดำๆขั้นระหว่าง displacement fluid กับ cement น่ะ ไม่ต้องไปสนใจนะครับ ลูกยางน่ะครับ เอาไว้กัน cement กับ displacement fluid ผสมกัน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:39:54

ความคิดเห็นที่ 55 ผมเคยมานั่งคิดนอนคิดดูว่า วิชาความรู้ที่ใช้ทำมาหากินตอนนี้นั้น เอามาจากการเรียนในช่วงไหนบ้าง คำตอบที่น่าประหลาดใจมากๆคืออะไรรู้ไหมครับ ทางวิทย์และวิศวกรรมนั้นแยกได้ประมาณๆนี้ครับ 90% เป็นฟิสิกส์ ม.4 - ม.6 10% เป็นฟิสิกส์วิศวกรรมศาสตร์ปี 1 (พื้นฐานกลศาสตร์ของไหล ฟิสิกส์ที่ต้องใช้ differential equation พื้นๆบางส่วน) ส่วนเลขนั้นเป็น + - x / ยกกำลัง  2  กับ 3, ถอดรากที่ 2, สถิติ ม. 6, ตรีโกณมิติเยอะพอควร แล้วก็ log แต่ พวก calculas ไม่ใช้เลยครับป้ม อิอิ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:40:25

ความคิดเห็นที่ 56 การทำงานมันจริงๆไม่ซับซ้อน แต่ที่มาที่ไปของการคำนวนมันซับซ้อนมากครับ แต่พอมาถึงวิศวกรระดับทำงานเขาก็ทำให้มันง่ายเข้า ถึงกระนั้นวิศวกรระดับทำงานก็ต้องเข้าใจที่มาที่ไปของสูตรต่างๆที่เอามาใช้พอสมควร แต่ไม่จำเป็นต้องสามารถวิเคราห์สูตรได้ รู้เหตุรู้ผลแล้วเอาไปใช้เลยครับ แต่ที่เน้นมากๆคือกฏพื้นฐานทางฟิสิกส์และเคมีเนี้ยต้องแน่นมากๆครับ ไม่งั้นออกแบบหลุมออกมาแล้วหลุมพังเอาง่ายๆ กฏพระเอกของผมก็คือ กฏ 3 ข้อของนิวตัน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:41:25

ความคิดเห็นที่ 57 กับ กฏเกี่ยวกับความดันของของเหลวของคุณพี่ปาสคาล กฏของ 2 ท่านนี้ใช้บ่อย ผมคงไม่ต้องเล่านะครับว่า 2 กฏนี้มีเนื้อหาอย่างไร ห้องนี้เซียนกันทั้งน้าน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:42:57

ความคิดเห็นที่ 58 นอกเรื่องอีกแล้ว ... มาต่อๆ ตอนนี้เรามีหลุมแล้ว มีท่อกรุยัดลงไปแล้ว มีซีเมนต์ยัดลงไปด้วยอีก ชิวๆ ต่อไปเราก็ขุดส่วนต่อไปด้วยหัวเจาะขนาดที่เล็กลง แล้วก็ใส่ท่อกรุที่ขนาดเล็กลง ซีเมนต์อีกอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนถึงช่วงสุดท้ายที่เราต้องการ หน้าตาหลุมมันก็จะออกมาราวๆนี้ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:43:26

ความคิดเห็นที่ 59 แล้วเราก็ส่งต่อหลุมให้กับเพื่อนเราอีกแผนกนึงที่ชื่อว่า well service เพื่อนเราคนนี้จะทำหน้าที่ ติดตั้งอุปกรณ์การผลิตลงในหลุม (completion) ผลิตมันขึ้นมา (produce) ดูแลทะนุบำรุง (maintenance) ฟื้นฟู (intervane) ไปจนหมดอายุไขของหลุม (ไม่ได้หลุมอมตะซะหน่อย) ส่วน well service นี้ผมก็ทราบแบบ snakeๆ fishๆ น่ะครับ ไม่อยากโชว์หางอึ่งน่ะ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:43:48

ความคิดเห็นที่ 60 เทียบให้เห็นภาพง่ายๆคือ drilling คล้ายๆคนสร้างบ้านน่ะครับ สำรวจสถานที่ ลงเสา หล่อตอม่อ เสา คาน ก่อผนัง มุงหลังคา ทาสีรองพื้น เก็บฉากจบเป็นอันเสร็จพิธี ย้ายก้นไปขุดไปสร้างที่อื่นต่อ well service ก็จะมาทำบ้านให้เข้าอยู่ได้จริง เช่นทาสี เดินน้ำ เดินไฟ สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ เสร็จแล้วก็ บำรุงรักษา กวาดหยากไย่ ต่อเติมโรงรถ กันสาด ทำสวน โน้นนี่ ไปจนกว่าบ้านจะพัง นั่นแหละครับ มีคนชอบถามว่า แล้วใครสำคัญกว่าใคร ดูจากตัวอย่างเรื่องบ้านแล้ว คงพอได้คำตอบนะครับว่า ไม่มีใครสำคัญกว่าใครหรอกครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:44:28

ความคิดเห็นที่ 61 คุยเรื่องขุดเจาะแล้ว ถ้าไม่พูดถึงการขุดแบบมีทิศทาง (directional drilling) ก็เหมือนกินส้มตำไม่ใส่ปูปลาร้า ... เคยสงสัยไหมว่าจะขุดให้มันขึ้นลงโยกซ้ายย้ายขวาเป็นสะโพกระบำฮาวายลงไปใต้ดิน 3-4 กิโลเมตร หรือกระทั่งขุดให้หลุมมันนอนไปตามแนวขนานกับพื้นโลก พวกเราเนรมิตมันขึ้นมาได้ยังไง มาดูเฉลยกันกันดีไหม รับรองไม่ไฮเทค ชิวๆ อ้าปากค้างว่าทำไมมันง่ายอย่างงี้ เอาแบบเบสิกๆก่อนล่ะกัน แค่เอาสิ่งที่เรียกว่า stabilizer หรือตัวกันไม่ให้ก้านเจาะสั่นติดเข้าไปตามจุดต่างๆของก้านเจาะเท่านั้นก็หมดเรื่อง ฟังแล้วงงเนอะ แต่ถ้าดูรูปแล้วจะร้องอ๋อ stabilizer หน้าตามันเป็นอย่างงี้ครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:45:03

ความคิดเห็นที่ 62 หลักการมันก็ง่ายๆแบบฟิสิกส์เด็กม.4 แหละครับ 1. ถ้าอยากให้หัวเจาะมันกดลงก็ใส่ stabilizer ให้มันสูงๆ ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกมันจะดึงให้หัวเจาะเข้ามาอยู่ในแนวดิ่งโดยธรรมชาติ อย่างนี้ภาษาเราเรียก drop (angle) assembly จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:45:36

ความคิดเห็นที่ 63 2. ถ้าอยากให้หัวเจาะมันงัดขึ้นก็ใส่ stabilizer อีกตัว แล้วให้ก้านเจาะระหว่าง stabilizer สองตัวนั้นมันห้อยท้องช้างเพราะแรงโน้มถ่วง พอก้านเจาะตรงกลางมันห้อย ปลายด้านหัวเจาะก็กระดกงัดขึ้น อย่างนี้เราเรียกว่า build (angle) assembly ก่อนไปดู เอาตัวอย่างสัญญลักษณ์มาให้ดูก่อนจะได้ไม่งง แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 18:46:51 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:46:12

ความคิดเห็นที่ 64 อะ นี่ไงครับ รูปแบบต่างๆ ดูซิครับ ไฮเทคซะไม่มีล่ะ อิอิ ... เอามาให้ดูเป็นออเดิร์ฟนิดๆหน่อยๆครับ จะเลือกแบบไหน เป็นทั้งศาสตร์ ศิลป์ ประสบกามประสบการณ์ และ ฮวงจุ้ย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:47:20

ความคิดเห็นที่ 65 เอ้า ... มันก็แค่งัดหัว(เจาะ)ขึ้นกดหัวลง แล้วจะแยงเฉียงซ้ายเฉียงขวาได้ยังไง มาม่ะ ตามมา ป๋าจะพาไปดู งานนี้ต้องมีตัวช่วยครับ เรามีของวิเศษชิ้นนึงเรียกว่า mud motor พูดง่ายๆคือมันคือ ไฮโดรลิกมอเตอร์ที่ใช้น้ำโคลนเป็นตัวขับ ข้างในทำงานยังไงผมล่ะไว้ไม่อธิบายนะครับ เดี๋ยวจะปวดหัวกันเปล่าๆ แต่บอกใบ้ให้ว่า ใช้หลักการของกังหันทดน้ำแบบเกลียวสกรูของท่านปู่อาร์คีมีดิส หรือ ท่านน้าดาร์วินชี (จำไม่ได้จริงๆว่าใครเป็นคนคิด โทษทีครับ)นั่นแหละครับ ตะแกหมุนเกลียวแล้วทดน้ำ แต่ถ้าทำกลับกันปั๊มให้น้ำไหล คราวนี้ไอ้ตัวที่หมุนก็แกนเกลียวสกรูนั่นไงครับ ชิวๆ motor ตัวนี้จะติดอยู่ที่ปลายก้านเจาะ โดยมีหัวเจาะติดอยู่ที่ปลายมอเตอร์อีกที เหนือมอเตอร์ที่ว่านี้เราก็มีก้านเจาะที่เราจงใจทำให้มันงอนิดๆอยู่ก้านหนึ่งที่เราเรียกว่า bend sub งงเช็ดเม็ดเลยไหมครับ ผมแกล้งพูดกลับไปกลับมาซะงั้น ทำให้ดูขลังไง เดี๋ยวดูถูกเราว่าโลเทค ...  อิอิ คืองี้ มันก็มีก้านเจาะ - bend sub - มอเตอร์ - หัวเจาะ ดูรูปแล้วจะถึงบางอ้อครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:47:53

ความคิดเห็นที่ 66 เวลาจะเลี้ยวซ้ายขวากี่องศา ก็ขยับหมุนก้านให้ไปหยุดในตำแหน่งที่ bend sub ชี้ให้มอเตอร์และหัวเจาะไปทางทิศนั้น แล้วหยุดหมุนก้านเจาะจากข้างบน แล้วค่อยๆหย่อนก้านเจาะลงให้หัวเจาะสัมผัสพื้นหลุม เพื่อให้ได้ นน.บนหัวเจาะ (WOB) แล้วก็ปั๊มน้ำโคลนอย่างเดียว เพื่อให้มอเตอร์หมุนปั่นหัวเจาะ หัวเจาะก็หมุนด้วย RPM ของมอเตอร์ ... หมูๆเนอะ พอได้ทิศทางที่ต้องการ ก็จะไปตรงๆล่ะคราวนี้ คราวนี้ก็หมุนก้านเจาะจากข้างบน (RPM) พร้อมปั๊มน้ำโคลน หัวเจาะก็หมุนด้วย RPM ของมอเตอร์ แต่หินจะเห็นว่าหัวเจาะหมุนด้วย RPM ก้านเจาะ + RPM มอเตอร์ เหมือนคุณวิ่งบนรถไฟนั่นแหละครับ คนบนชานชลาก็เห็นคุณวิ่งด้วยความเร็วของคุณ(เทียบกับรถไฟ) + ความเร็วรถไฟ(เทียบกับชานชลา) คงไม่ต้องอธิบายกันมากกว่านี้ ที่นี่ขั้นเทพขั้นเซียนกันทุกท่าน เป็นไงครับ ไฮเทคสุดๆ ... :P จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:48:18

ความคิดเห็นที่ 67 อยากรู้ว่าหัวเจาะเนี่ย หัวนึงเท่าไหร่หรอครับ? จากคุณ : Shineokung เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:48:41

ความคิดเห็นที่ 68 ดูเหมือนจะสะดวกโยธิน ยังครับ ยังก่อน ใช้มอเตอร์น้ำโคลนน่ะมีข้อจำกัดเยอะ เอาง่ายๆคือตอนจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเนี่ย ต้องหยุดหมุนก้านเจาะ นี่แหละมันเสี่ยงตรงนี้ เพราะถ้าหยุดหมุนก้านเจาะนานๆ ก้านจะโดนดูดติดกับชั้นหินเนื่องจากความดันน้ำโคลน (เนื่องจากนน. หรือ ความหนาแน่นของน้ำโคลน Pressure =Rho x g x h) ในหลุมมากกว่าความดันของของเหลวในชั้นหิน (เราต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นก็ของเหลวในชั้นหินก็พุ่งพรวดขึ้นมาเป็น blow job เอ๊ย blow out นะซิครับ) แล้ว blow out เนี่ยมันเป็นไงเหรอ ... นี่ครับ มันเป็นจั๊งซี่ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:48:52

ความคิดเห็นที่ 69 แล้วก็จั๊งซี่ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:49:22

ความคิดเห็นที่ 70 แล้วก็จั๊งซี่ ... สาละวันเตี้ยลง จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:50:35

ความคิดเห็นที่ 71 เตี้ยลง สาละวัน เตี้ยลง (ไผเป่าแคนเป็นบ่ มาแจมหน้อย) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:51:04

ความคิดเห็นที่ 72 เตี้ยลงหน้อย สาละวัน เอ๊ยยยยย ... โครม !!! บึ้มมมมม จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:51:30

ความคิดเห็นที่ 73 อะ อะ อีกข้อจำกัดก็ได้ เนื่องจากมันมี bend sub ติดอยู่ด้วย ลองนึกภาพตอนหมุนก้านเจาะจากข้างบนซิครับ ปลายก้านก็แกว่ง สั่นพั่บๆ พนังหลุมก็โดนคว้านหลวมโพรกๆ หัวเจาะก็โดนฟาดกระแทกขอบผนังหลุมที่เป็นหิน พังกระจุยหมด อายุการใช้งานมันก็สั้น ทำให้ต้องสาวก้านขึ้นมาเปลี่ยนหัวเจาะ เสียเวล่ำเวลา และ เวลาเป็นเงินเป็นทอง เนื่องจากค่าเช่าแท่นแพงหูฉี่ นี่แบบน้ำจิ้มๆนะ ยังมีข้อจำกัดอีกเยอะ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:52:05

ความคิดเห็นที่ 74 ทำไงที่จะหมุนก้านไปด้วย เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวางัดหัวขึ้นกดหัวลงไปด้วย ไม่ต้องพึ่ง bend sub ไม่ต้องพึ่งมอเตอร์ ... มาแล้วๆ พระเอกเรามาแล้ว เราเรียกว่า RSS หรือ Rotary Steerable System เพิ่งพัฒนามาได้สิบขวบเศษๆ สมัยผมเข้าทำงานใหม่ๆเมื่อ 20 กว่าปีก่อน มันยังเพิ่งปฏิสนธิ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:53:38

ความคิดเห็นที่ 75 RSS มี 2 ระบบ คือ push the bit กับ point the bit ... ตรงนี้อธิบายยากนิดนึงว่ามันทำงานอย่างไร เอาว่าแบบ push the bit มันมีกลไกเป็นแป้นเหล็กยื่นออกมาจากก้านขุดตรงส่วนที่ใกล้ๆหัวเจาะ แล้วผลักด้านข้างของหัวเจาะให้ไปทางทิศใดทิศหนึ่งตลอดเวลาโดยที่ก้านเจาะยังหมุนอยู่ คือมันมีหลายแป้น จะผลัดกันผลักแล้วหดลง ผลักแล้วหด สลับๆกันไป หัวเจาะมันจึงแถออกไปตามทิศที่ถูกผลักตลอดเวลา จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:54:16

ความคิดเห็นที่ 76 ส่วน point the bit ก็มีกลไกในการบังคับให้โคนหัวเจาะเบี่ยงเบนงอไปทางที่ต้องการ (ลองกำมือแล้วงอบิดข้อมือไปมา โดยนึกว่า กำปั้นเป็นหัวเจาะ และ แขนเป็นก้านเจาะ) นึกถึงข้อเหวี่ยงลูกเบี้ยวในเครื่องยนต์ก็ได้ครับ อะไรประมาณนั้น จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:54:46

ความคิดเห็นที่ 77 ปาดด..... จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:55:18

ความคิดเห็นที่ 78 คงพอแค่นี้ดีกว่าครับ น่าจะพอเห็นกันคร่าวๆแล้วว่าเราขุดเปลือกโลกกันยังไง เป็นไงครับ เหมือนหนังเรื่องอามาเกดอนไหมครับ ส่วนเรื่อง BHA (bottom hole assembly) แบบต่างๆ LWD (loggiing wire drilling), MWD (measuring while drilling), PWD (pressure while drilling), pore pressure, formation evaluation, Geo steering และ ฯลฯ ผมว่าออกจากเกินจากจุดประสงค์ของกระทู้นี้ไปหน่อย ไม่ใช่เพราะยาก แต่มันซับซ้อนไปนิด ใครอยากรู้อะไรเพิ่มก็ไปที่ห้องสมุดเล็กๆในบล๊อกผม หรือ หลังไมค์ก็ได้ครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:55:30

ความคิดเห็นที่ 79 อะ แถมส่งท้าย ดูว่าแท่นบกเขาขุดยังไง มีแอนิเมชั่นเล็กๆมาฝาก ประมาณ 5 นาทีนิดๆนะครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:56:00

ความคิดเห็นที่ 80 หางอึ่ง(ของผม)ก็ยังคงเป็นหางอึ่ง ที่สั้นกระจิ๊ดริด แต่ผมก็เต็มใจเอามาแบ่งปันกันนะ เผื่อมันจะเป็นหางอึ่งที่มีค่าขึ้นมั่ง ความชื่นชม(หากจะมี) ... มอบแด่ครูบาอาจารย์ของผม (รวมถึงหลายๆท่านที่ผมแอบลักจำ) ส่วนที่ปล่อยไก่ หรือ ข้อมูลผิดพลาดประการใด .... อึ่งน้อย(พ่วงพี)ขอน้อมรับไว้แต่ผู้เดียว ... .... จบบริบูรณ์ ... จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:57:05

ความคิดเห็นที่ 81 พื้นที่ตรงนี้ผมกั๊กไว้ตอบคำถามก็แล้วกันครับ ... --- สำหรับเพื่อนๆที่ดูแล้วเดาออกว่าอึ่งน้อง(พ่วงพี)เป็นใครทำมาหารัปทานอยู่ที่ไหน รบกวนช่วยกันทำมาหากินหน่อยครับ โดยการอุ๊บไว้ ไม่เฉลย เพราะไม่ใช่คอลัมน์ซ้อเจ็ด ฮ่าๆ ... เอ๊ย เพราะเดี๋ยวโดนต้นสังกัดแบน อิอิ ... หัวเจาะราคาเท่าไร - ขึ้นกับว่าขนาดไหน แบบไหน ทำด้วยอะไร ตอบยากครับ เล็กๆ พันสองพันเหรียญก็มี ใหญ่ๆดีๆ ซื้อบีเอ็มซี่รี่5 สักคันก็ยังไหว หัวเจาะทังสเตนนี่แกร่งสุดแล้วรึครับ - ยังครับ PDC (เพชรเทียม) แข็งกว่าครับ แต่ลักษณะการใช้งานต่างกัน แข็งกว่าใช่ว่าดีกว่า แล้วจะเจาะได้หมดทุกอย่างนะครับ ส่วนที่ใช้เจาะเกระรถถัง แฮ่ๆ ผมไม่ทราบจริงๆครับ ขอผู้รู้ในนี้ช่วยก็แล้วกันครับ เราเจาะโลกได้ลึกสุดที่ความลึกเท่าไหร่ครับ แล้วยังเจาะเข้าอีกไหม - เท่าที่ผมทราบคอนนี้ที่ขุดกันได้ในแนวดิ่งตั้งฉากกับพื้นโลก ลึกสุดราวๆ 8-9 กิโลเมตร ข้อจำกัดอย่างหนึ่ง(ในหลายๆอย่าง) คือความกดดันของชั้นหิน และความร้อนที่สูงมากๆ จนเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถข้ามไปได้ครับ เรื่องเชลล์เจาะเปลือกโลก - ทุกวันนี้ก็ยังตะบี้ตะบันเจาะกันอยู่อย่างหนุกหนาน ก็ด้วยหัวเจาะทั้งสองแบบที่ผมฝอยไว้นั่นแหละครับ หัวเจาะที่เรานิยมใช้มากที่สุดคือ Silicone Carbine ไม่ทราบว่าจริงรึเปล่าครับ? - หัวเจาะมี 2 แบบใหญ่ๆที่ฝอยไว้น่ะครับ แต่ที่ในอ่าวไทยเราใช้นั้น เกือบ 100% เป็น PDC หรือ แบบเพชรเทียมน่ะครับ (fix cutter) แล้วความแข็งมันเทียบได้ 10 เท่ากับเพชรรึไม่ - อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆครับ คงต้องให้ผู้รู้ด้านวัสดุศาสตร์มาตอบ เรื่องรูปพักสายตาน่ะ อยากเยอะเหมือนกัน แต่กลัวกระทู้ออกทะเลน่ะครับ :) เป็น company man ของ บริษัทน้ำมัน - แฮ่ๆ บอกก็รู้ซิครับ เดี๋ยวเจ้าหนี้ตามทวง ...อิอิ อ้อ ขอบคุณคุณ Fiarrytan  ที่ช่วยเสริมครับ ผิดพลาดตรงไหน ขออภัยอีกทีครับ แล้วหลุมที่เจาะๆกันไป ไม่ใช้แล้ว กลบกันยังไงครับ - กลบง่ายๆครับ คือ เอาซีเมนต์ยัดลงหลุมไปเลย จะกี่ช่วง ช่วงล่ะกี่ 100 เมตร ก็ว่ากันไปตามข้อกำหนดของรัฐบาลท้องถิ่นนั้นๆครับ แล้วก็ตัดท่อกรุในส่วนที่ขึ้นมาจากท้องน้ำ เก็บมาใช้ต่อได้ครับ หลุมใต้น้ำตอนที่เจาะถึงชั้นน้ำมัน มีน้ำมันไหลแล้ว จะต่อหลุมหลายๆหลุมเข้ากับสายที่พาดจากใต้น้ำขึ้นมายังไง - รบกวนดูรูปใน คห.34 ครับ น้ำมันจะเข้าไปที่ ท่อกรุชั้นในสุด (production casing) แล้ว ท่อกรุเนี้ยมันจะต่อยาวขึ้นมาถึงผิวน้ำเลยครับ บางทีมันก็ต่อโดดขึ้นมาเดี่ยวๆแล้วมารวมกับท่อกรุอื่นๆที่ platform บนผิวน้ำ หรือบางทีก็ไปรวมกับท่ออื่นๆที่อยู่พื้นทะเลก่อน แล้วค่อยรวมขึ้นมาทีเดียว ขึ้นกับหลายๆปัจจัยครับว่าจะทำแบบไหน ไม่ว่าอย่างไรแบบไหน น้ำมันไม่มีทางออกจากท่อมาได้หรอกครับ พวกที่ทำงาน เกี่ยวกับแท่นขุดเจาะ ส่วนใหญ่จบ วิศวฯ สาขาอะไร ลูกชาย กำลังเรียน ปี1  วิศวฯ สาขาวัดคุม อยู่ มีโอกาส ทำงานเกี่ยวกับงานพวกนี้หรือไม่? - ส่วนใหญ่จะผสมๆกันนะครับ ทุกสาขาเลยครับ แต่ที่ตรงจริงๆคือ เครื่องกล ครับ แต่ก็มีหลายงานหลายหน้าที่ สาขาวัดคุมก็ทำได้ครับ ขอให้เกรดดีๆ ภาษาอังกฤษดีๆ ดีแค่ไหน อะไรยังไง คงเอามาเล่าให้ฟังที่นี่ มันจะผิดกาละเทศะ รบกวนไปที่บล๊อกนะครับ มี FAQ 1-10 (Frequent Asked Question) มีห้องสมุดปิโตรฯเล็กๆ มีวิธีเขียน CV มีการจัดกลุ่มบ.ในวงการฯ มีปูพื้นฐานคร่าวๆเกี่ยวกับอุตสาหกรรมปิโตรฯในไทย มี check list คุณสมบัติคนทำงาน offshore ... และ ฯลฯ ให้น้อง(ลูกชาย) เข้าไปอ่านดูก่อนว่าชอบไหม ยังไงก็ชีวิตเขาครับ เราเป็นพ่อเป็นแม่ก็ได้แต่ช่วยแนะนำหาข้อมูลให้ ที่เหลือต้องให้เขาเลือกเอง แล้วถ้าขุดในทะเล น้ำโคลนจะขึ้นมาหมุนเวียนในแท่นขุดเจาะยังไงครับ หรือต่อท่อกรุขึ้นมาถึง แท่นขุดเจาะเลย - ถูกต้องครับ ต่อท่อกรุขึ้นมาถึงแท่นเลยครับ แต่ว่าในช่วงการเจาะแรก โดยมากใช้น้ำทะเลเจาะ ช่วงนั้นไม่ต้องการการหมุนเวียนของน้ำโคลนครับ เศษหินที่ได้จากการขุดก็กองทิ้งไว้ปากหลุมที่พื้นทะเลนั่นแหละครับ เสร็จแล้วเอาท่อกรุช่วงแรกยัดลงหลุมโดยต่อยาวขึ้นมาถึงแท่น ดังนั้น การขุดช่วงถัดๆไปก็จะหมุนเวียนในระบบ (closed system) ไม่ลงทะเลอีกต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 11:53:41 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 11:51:50 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 08:59:49 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 17:50:45 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 13:48:23 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 08:02:55 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 21:21:11 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:59:03

ความคิดเห็นที่ 82 รูปในความเห็น 18-20 นี่ น่าจะเป็น S1 Project ที่ลานกระบือ จากคุณ : ปลัดหน่อง เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:07:01

ความคิดเห็นที่ 83 แง้ว  จบซะแระ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:09:49

ความคิดเห็นที่ 84 โหวตครับ จากคุณ : Zew เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:02:24

ความคิดเห็นที่ 85 เข้ามาดูแทนเฮียฟิว จากคุณ : Ronachai (amscmu) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:02:55

ความคิดเห็นที่ 86 ได้เวลารวยแล้ว เย้ เย้ จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:07:35

ความคิดเห็นที่ 87   โอ้ว ตื่นเต้นครับ ถามหน่อยครับ หัวเจาะทังสเตนนี่แกร่งสุดแล้วรึครับ จำได้ว่ามันวัสดุเดียวกับ กระสุนเจาะเกราะของปืนใหญ่รถรถังเลย สมัยมากกว่า20ปี อ.ผมเคยเล่าในชั่นเรียน ว่า บ.เชลล์เคยลงทุนเจาะเปลือกโลก ด้วย หัวเจาะที่แกร่งเท่าเพชร (ไม่รู้ท่านโม้ไมหนะ แต่ผมจำได้) แต่ยังไงก็เจาะไม่เข้าตรงที่.....บลาๆๆๆ เราเจาะโลกได้ลึกสุดที่ความลึกเท่าไหร่ครับ แล้วยังเจาะเข้าอีกไหม จากคุณ : ความสงสัยในวัยเยาว์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:49:34 A:118.173.66.41 X: TicketID:216827

ความคิดเห็นที่ 88 ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆแล้วค่ะ อ่านเพลิน สนุก ได้ความรู้ ขอบคุณค่า จากคุณ : zonier เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 21:10:48

ความคิดเห็นที่ 89 หายไปนานเลยนะคะ มาทักทายเป็นกำลังใจไว้ก่อน เดี๋ยวขึ้นไปอ่าน จากคุณ : แมวบอส เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 21:37:25

ความคิดเห็นที่ 90   กระทู้ สร้างสรร มีความรู้ ขอบคุนมากค่ะ จากคุณ : noon เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 22:03:39 A:110.164.159.52 X:

ความคิดเห็นที่ 91 จขกท เป็น company man ของ บริษัทน้ำมัน ชื่อตังของไทยปะ ครับ อิอิ ผมเคยไป Coring ที่ ริกตัวเล็กที่เป็น Land Rig ของบริษัทนั้นเมือไม่นานมานี้เอง แหะๆ จริงๆ แล้ว Push และ Point เอาง่ายๆ ต่างกันที่ความยาวครับ ความยาวจากจุดมุมไปถึงปลาย ที่ต้องการชี้ไป (ในที่นี้ก็คือหัวเจาะ หรือ Drill Bit) ส่วนเรื่องการที่เบนปลายไปในทิศทางที่เราจะไป ก็ขึ้นกับตัวอุปกรณ์ ซึ่งของแต่ละ บริษัทก็มีวิธีที่ต่างกันไป แต่หลักการไม่ต่างกันเท่าไร เรื่องหัวเจาะ จริงๆแล้วทั้ง 2 แบบมีทั้ง Shearing action และ Impacting action หรือ การเฉือน และ การกระแทก ซึ่งบางที่จะใช่คำอื่นแต่แปลเป็นไทยแล้วใหญ่ๆ ก็คือ เฉือนแล้ว กระแทก แต่ Roller Cone จะมี การกระแทกให้หินแตกมากว่า เฉือน ตามจริงแล้ว มันกระแทกให้แตกก่อนแล้วค่อยเฉือนออกไป ส่วน Fixed cutter Bit (หรือในวงการรู้กันว่า PDC bit) จะมีการเฉือนมากกว่า กระแทก ในขณะที่ หัวเจาะหมุน ตัว Cutter (ที่เห็นเป็นกลมๆ ดำใน หค24 ของ จขกท) จะเฉือนให้หินแตกหรือขาดออก และในขณะเดียวกันนั้น ก็ทำให้หินแตก จากแรงกระแทก จริงๆ มันคือแรงกด ของ น้ำหนักของอุปกรณ์ต่างๆรวมถึงก้าน เจาะที่อยู่ข้างบนหัวเจาะหรือ ที่รู้จักกันว่า WOB = Weight on Bit ^^ จากคุณ : Fiarrytan (Fiarrytan) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 22:34:24