ความคิดเห็นที่ 1 ยาแก้ปวด ที่นิยมใช้ทั่วไปมี 2 กลุ่มคือ พาราเซตามอล และ ยากลุ่ม NSAIDs (อันที่จริงมีตัวอื่นนอกเหนือจากนี้ด้วยนะคะ แต่ไม่ขออธิบาย เพราะคุณๆคงไม่ไปหาซื้อกินกันเอง และบางตัวก็มีใช้แต่ในสถานพยาบาลเท่านั้น/ควรใช้ในการควบคุมและดูแลของแพทย์) ยากลุ่ม NSAIDs มีฤทธิ์ในการระงับปวด ลดไข้ และต้านการอักเสบ ยากลุ่มนี้ที่รู้จักกันดีคือ แอสไพริน แต่แอสไพรินมีข้อเสียคือ ระคายกระเพาะอาหารค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นจึงมีการคิดค้นพัฒนายาใหม่ออกมาอีกหลายตัว ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่า ยกตัวอย่าง *ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) 400 mg เม็ดสีชมพูเข้ม นิยมใช้แก้ปวดฟัน ปวดศีรษะ * เมทฟีนามิค แอซิด (Mefenamic acid) แคปซูลสีเหลืองฟ้า (250 มก.) หรือเม็ดรีสีเหลืองอ่อน (500 มก.) ตัวนี้คนนิยมใช้แก้ปวดประจำเดือน รู้จักกันในชื่อ พอนสแตน (Ponstan®) *ไดโคลฟีแนค (Diclofenac) 25 หรือ 50 มก. เม็ดกลมสีเหลือง แก้ปวดกล้ามเนื้อ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:32:15

ความคิดเห็นที่ 2 อันที่จริง ยาแก้ปวดนั้นไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าตัวไหนใช้สำหรับแก้ปวดอะไรหรอกค่ะ ทุกตัวสามารถใช้แก้ปวดศีรษะ ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน ปวดแผลได้ทั้งนั้น ส่วนที่แตกต่างกันคือ ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ และผลข้างเคียง และราคา รวมถึงการตอบสนองของผู้ป่วย *แต่ก็มียาบางตัว ที่จำเพาะกับอาการปวด "เนื่องจากกลไกของยา" เช่น เรานิยมเลือกใช้ mefenamic acid หรือ Ibuprofen ในอาการปวดประจำเดือน หรือการเลือกใช้ยาในผู้ป่วยไมเกรน (อ่านแล้วเหมือนขัดแย้งกับข้างบนใช่ไหมเอ่ย) ถูกต้อง!! มันซับซ้อนมากค่ะ แค่ยาแก้ปวดก็ชวนปวดหัวแล้ว... จึงได้หมายเหตุเอาไว้ว่า เป็นบทความที่เขียนไว้ให้สำหรับประชาชนทั่วไปอ่าน... และมีรายละเอียดปลีกย่อยนอกเหนือจากนี้มากนัก เพราะบางครั้งแพทย์ก็มีเหตุผลในการจ่ายยาที่คุณไม่ทราบเช่นกัน... (และอธิบายได้ยากมากด้วย) มิฉะนั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:37:51

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้เขียนเคยพบลูกค้าซื้อยารับประทานเองจากหลายๆแห่ง บางตัวได้จากคลินิก บางตัวซื้อเพิ่มจากร้านยา ยาเม็ดแรก แก้ปวดศีรษะ เม็ดที่ 2 แก้ปวดเมื่อย เม็ดที่ 3 แก้ปวดเข่า เมื่อ ดูแล้ว พบว่ายาทั้งหมดนั้นเป็นยากลุ่มเดียวกัน กลไกการออกฤทธิ์เหมือนกัน กรณีนี้ถือว่าเป็นการได้รับยาซ้ำซ้อน และเสี่ยงต่อการเป็นโรคแผลในทางเดินอาหารมาก ข้อควรระวัง ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออก และต้องระมัดระวังในผู้ป่วยที่เป็นโรคแผลในทางเดินอาหาร (หรือภาษาพูดก็คือโรคกระเพาะอาหารนั่นเองค่ะ) ควรรับประทานหลังอาหารทันที แล้วดื่มน้ำตามมากๆ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:38:24

ความคิดเห็นที่ 4 เหตุผลของการให้กินยาหลังอาหาร มีอยู่หลายข้อ เช่น 1. ยาบางตัว ไม่ว่าจะกินก่อนหรือหลังอาหาร ประสิทธิภาพของยาก็ไม่แตกต่างกัน แต่ที่แพทย์และเภสัชกรจ่ายให้กินหลังอาหาร เพราะคนมักจะลืมกินยาก่อนอาหาร 2. เพื่อลดผลข้างเคียงของยา ยาตัวนั้นอาจระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร จึงให้กินหลังอาหารทันที แล้วดื่มน้ำตามมากๆ 3. เพื่อประสิทธิภาพและการดูดซึมของยา ยาบางตัวแตกตัวและดูดซึมได้ดีในสภาวะเป็นกรด บางตัวดูดซึมได้ดีพร้อมไขมันในอาหาร นอกจากนี้ยังมีเหตุผลของเรื่อง อันตรกิริยาระหว่างยา(drug interaction) หรือที่เรียกว่ายาตีกัน เนื่องจากยาบางตัวไม่สามารถให้พร้อมกันได้ จึงแยกให้กินคนละเวลา ตัวหนึ่งก่อนอาหาร อีกตัวหนึ่งหลังอาหาร กินยาแก้ปวดบ่อยๆแล้วจะดื้อยา? มีคนจำนวนไม่น้อยที่ปวดประจำเดือนมาก แต่ไม่อยากกินยา เพราะกลัวว่าหากกินยาแก้ปวดทุกเดือนแล้วจะดื้อยา เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ยาแก้ปวดกลุ่มนี้มีให้เลือกมากมายหลายชนิด ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีการตอบสนองยาแตกต่างกันไป บางคนตอบสนองต่อยา A ดี บางคนตอบสนองต่อยา B ดี ถ้าหากคุณใช้ยา A ไม่ได้ผล ก็เปลี่ยนไปใช้ยา B ไม่ต้องกลัวอาการดื้อยา เรื่อง ที่ควรระวังคือ การใช้ยาแก้ปวดติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะแอสไพรินแบบซอง ซึ่งกลุ่มผู้ใช้แรงงาน นิยมนำยาไปผสมในเครื่องดื่มชูกำลัง คาเฟอีนในเครื่องดื่มจะไปเสริมการออกฤทธิ์ของยา ทำให้แก้ปวดได้ไวและดีขึ้น บางคนกินติดต่อกันทุกวันเป็นปีๆ เหมือนกับเครื่องดื่มชูกำลัง จนกระทั่งกระเพาะอาหารทะลุก็มี เรียกว่ากว่าจะถึงมือแพทย์ ก็สายไปเสียแล้ว ****** แต่มีการใช้ยาบางกรณี ค่อนข้างซับซ้อนกว่านี้ แม้จะบอกว่ายาเป็นกลุ่ม  NSAIDs เหมือนกัน แต่ในกลุ่มนี้ยังแบ่งย่อยตามสูตรโครงสร้างอีก หากเป็นการจ่ายยาโดยแพทย์/เภสัชกร อาจจ่ายยาเพื่อหวังผลบางอย่าง เช่น จ่ายยาประเภทออกฤทธิ์สั้น คู่กับตัวที่ออกฤทธิ์ยาว << กรณีนี้ไม่ถือว่าผิดหรือจ่ายยาซ้ำซ้อน จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:39:08

ความคิดเห็นที่ 5 กินก่อนอาหาร คือ กินก่อนรับประทานอาหาร ครึ่งชั่วโมง-1 ชั่วโมง ความหมายที่แท้จริงคือ ให้กินยาขณะท้องว่างนั่นเอง เพราะยาจะดูดซึมได้ดีในขณะท้องว่าง กินหลังอาหาร คือ กินหลังรับประทานอาหารประมาณ 30 นาที กินหลังอาหารทันที คือ กินยาทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ กินพร้อมอาหาร คือ จะกินพร้อมอาหารคำแรก หรือกินยาก่อนรับประทานอาหารทันที หรือกินยาหลังรับประทานอาหารทันทีก็ได้ กินเมื่อมีอาการ คือ กินเฉพาะเมื่อมีอาการ หากไม่มีอาการก็ไม่จำเป็นต้องกินยา เช่น ยาพาราเซตามอลแก้ปวด กินทุก...(ชั่วโมง) คือ ไม่จำเป็นต้องสนใจว่ารับประทานอาหารแล้วหรือยัง แต่ให้ใช้ยาตามเวลาที่ระบุไว้ เช่น การใช้ยารักษาโรคงูสวัดหรือเริม ให้กินยาวันละ 5 ครั้ง ทุก 4-6 ชั่วโมง อาจประมาณเวลาคร่าวๆ ดังนี้ กินเม็ดแรกตอน 6.00 น. กินอีกครั้งตอน 10.30 น. และ 15.00 น ครั้งที่สี่กินตอน 20.00 น. ครั้งสุดท้ายกินตอน 24.00 น. ตามเวลาที่สะดวก แต่ควรใช้ยาให้ได้จำนวน 5 ครั้งในหนึ่งวัน จบแล้วค่า แถมการ์ตูนไร้สาระ ส่วนเรื่องยาหมดอายุจากประเทศพัฒนา จะถูกโละมายังประเทศกำลังพัฒนา << ไม่จริง โปรดติดตามตอนต่อไป อีกกี่เดือนก็ไม่รู้ รอว่างก่อนนะคะ (ถ้ามีคนอ่านน่ะนะ) จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:42:46

ความคิดเห็นที่ 6 ...เข้ามาอ่าน การ์ตูนน่ารักดีครับ ^^ จากคุณ : ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:50:00

ความคิดเห็นที่ 7 โหวด จึ๊กๆ~ จากคุณ : ปลาหมึกรสเลม่อน เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:50:27

ความคิดเห็นที่ 8 ขอถามหน่อยครับ สงสัยมานานแล้ว Diclofenac ต่างกับ Piroxicam ยังไงครับ จากคุณ : กฤตยฎีกา เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 19:50:59

ความคิดเห็นที่ 9   ปกติก็กินแต่ พารา อย่างเดียว ตลอด แต่เคยได้ยินหมอบอกว่า พารา หรือ ยาแก้ปวด สามารถทำให้ท้องผูกได้ด้วย ไม่แน่ใจว่า แก้ปวดนี่ รวมถึง ปวดท้องอึ ด้วยมั้ง เลยทำให้ท้องผูก(อันนี้ มั่วเองนะครับ) จากคุณ : a1255 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:00:55

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ต้องการคำตอบแง่ไหนคะ? เป็นยากลุ่ม NSAIDs เหมือนกัน สูตรโครงสร้างเคมีต่างกัน ระยะเวลาออกฤทธิ์ต่างกัน piroxicam อยู่ในกระแสเลือดนานกว่า รวมถึงมีผลต่อระบบทางเดินอาหารต่างกัน pirox ใช้ขนาด 10-20 มก. ส่วน diclofenac ใช้ 25-50 มก. แต่ก็ปรับตามขนาดยาตามน้ำหนักตัว จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:02:44

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนจุดประสงค์การตั้งกระทู้ เพื่อปั่นกระทู้เอาเลขสวย เอ๊ย! ม่ายช่ายค่าาา แค่อยากจะบอกว่า ข้อมูลทางสุขภาพบางอย่างไม่มีคำตอบตายตัวว่า "จริง" หรือ "เท็จ" "ถูกต้อง" หรือ "ผิด" เสมอไป เพราะฉะนั้นเวลาอ่านข้อมูลต่างๆ ต้องมีวิจารณญาณด้วยค่ะ เนื่องจากงานของเราคือการรับมือกับคนที่ได้รับความเชื่อผิดๆในเรื่องสุขภาพ ทั้งจาก fw mail หรือสื่อบางชนิด + โฆษณา เป็นอย่างมาก และร้อยละ 50% มักฝังใจในความรู้ที่ตนเองได้รับมาจากสื่อเสียด้วยสิ... TT จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:06:00

ความคิดเห็นที่ 12 ...เข้ามาดูลูกเป็ดขี้เกียจ ^ ^ จากคุณ : แฟนกันวันศุกร์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:07:26

ความคิดเห็นที่ 13 แม่ผมเป็นคนชอบกินยามาก กินทุกวัน เป็นอะไรก็กินไว้ก่อน ตอนนี้กินพาราแทบทุกวัน กินมาเป็นปีแล้วมั้ง อธิบายกลไกการรักษาตัวเอง ผลการทำงานของพารา ว่ามันไม่ได้ไปฆ่าเชื้อโรคนะ ก็ไม่สนใจจะจำ ความเชื่อของแ่ม่คือ ไม่กินยา จะหายได้อย่างไร ซึ่งผมก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่กินยาแม้แต่เม็ดเดียวมาเป็นปีแล้ว หายได้ทุกครั้ง (เว้นตอนไข้หวัดใหญ่เมื่อสักไม่กี่เดือนก่อน) คุณลูกเป็ดขี้เกียจ ช่วยบอกผลเสียของการกินยาเป็นว่าเล่นทีครับ เอาแบบหมอพูดน่ะครับ แกจะฟังหมอ ผมจะปริ้นเนื้อหากระทู้ คห ดีๆ ไปให้อ่าน หุหุ ปล แม่อายุ 70กว่าแล้ว แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 20:10:48 จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:10:00

ความคิดเห็นที่ 14   ปวดหัวเครียด ปวดท้องกินพาราไม่หาย ไปคลีนิค หมอจ่ายยา Ponstan มา อ่านคู่มือยา อืม ใช้สำหรับผู้หญิงปวดประจำเดือน!!! อีกเรื่องนึง เวลาภูมิแพ้เราอาการกำเริบ เราจะชอบไปขอยาจากชาวบ้านตอนอาการมันกำเริบฉุกเฉินจริงๆ มักได้ telfast มากิน (เพื่อนพี่น้อง ส่วนใหญ่ที่เป็นภูมิแพ้มักได้ยาจำพวก CPM/ Fexofenadine) รู้สึกว่ามันไม่มีผลอะไรต่อร่างกายเลย แปลกดีอ่ะ คนอื่นเค้ากินกัน เราคนเดียวกินแล้วไม่หายคัดจมูก / จาม / นํ้ามูก ตอนนี้ก็กิน  Clarinase (loratadine + pseudoephedrine) + กับตอนนี้  Methylphenidate   ประมาณว่าถ้าเจอตำรวจขอตรวจปัสสาวะ คงได้ไปนอนคุกแหงเลย ยาตัวนึงก็คุณสมบัติยาบ้า ยาอีกตัวก็ยาเสพติดใช้แก้ภูมิแพ้ -0- แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 20:21:08 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 20:16:57 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:16:24

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ปกติค่ะ จขกท. ก็นิยม Telfast  (เทลฟาสเป็นชื่อการค้า generic name คือ fexofenadine) พวกแอนตี้ฮิสกลุ่มไม่ง่วงนี่กิน local ไม่อยู่ (กระแดะมาก) กินได้แต่ original เปลืองเงิน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่น้ำมูกมันไม่หยุดไหลจริงๆนะ - -" *เอ่อ จขกท. ไม่ได้เป็นดีเทล Telfast จ้ะ...... *13 มันเหมือนดาบสองคมค่ะ บอกสั้นๆแค่ว่า ยามีผลข้างเคียง ใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าใช้ถูกวิธี ไม่มีปัญหาค่ะ ปัญหาในประเทศของเราทุกวันนี้ คือคนใช้ยาไม่เหมาะสมค่ะ (ทั้งจากตัวผู้ป่วยเอง หรือจากบุคลกรการแพทย์) ขอตัวไปทำงานนะคะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:31:40

ความคิดเห็นที่ 16 บางครั้งยาโลคอลกับออริจินอล อาจแตกต่างบ้างในสัดส่วนของไอโซเมอร์ฟอร์มของสารออกฤทธฺ์ซึ่งมีผลต่อการออกฤทธิว่ามั้ย ลูกเป็ด...เจ้ไปดูละครแระ จากคุณ : GaBa เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:36:34

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ช่าย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ไปดูดราม่าเหรอคะ งั้นเค้าไปทำงานบ้างดีกว่า มีคำอธิบายเรื่อง Antihis ว่า... เป็นเพราะ receptor แต่ละคนต่างกันมาก เพราะฉะนั้นกรณียาแก้แพ้จึงคล้ายกับยาแก้ปวด กล่าวคือผู้ป่วยแต่ละคนตอบสนองต่อยาไม่เท่ากัน สรุปว่าเลือกกินตัวไหนก็ได้ที่ได้ผล... ส่วนเรื่องยา original กับ local คงต้องยกไปคุยในหัวข้ออื่น ปล. กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อ... แซวกระทู้ด้านบนเล่นเท่านั้นเองค่ะ XD บทความเป็นบทความเก่า เขียนเก็บไว้ครึ่งปีแล้ว นำมาตัดแปะๆให้อ่านเล่นๆ ถ้าพบข้อผิดพลาดตรงไหนรบกวนแจ้งด้วยนะคะ จะได้แก้ไข แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 23:09:05 จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:43:24

ความคิดเห็นที่ 18 กระทู้นี้มีแต่เภสัชมาอ่านแน่เลย 555 จากคุณ : ความจำสั้นสันหลังยาว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:47:34

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่า..... ตอนนี้เป็นภูมิแพ้แบบหาสาเหตุไม่ได้ ต้องทานยาทุก ๆ สี่ถึงห้าวัน ทาน atarax น่ะค่ะ...ไม่ทราบว่าจะมีผลระยะยาวรึเปล่าคะ ...กลัวก็กลัว แต่มันคันอ้ะ จากคุณ : fongtopaz เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 20:54:58

ความคิดเห็นที่ 20 ผมหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดทุกตัวมากว่า25ปีแล้วครับพักผ่อนให้พอสำคัญที่สุด จากคุณ : กังฟู43 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 21:17:12

ความคิดเห็นที่ 21   ^ ^ ^ + กับตอนนี้  Methylphenidate เร่งเขียนงานวิจัยหรือครับเนี้ย โด้ปสะ มีใบสั่งจ่ายยาหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีมันก็ผิดกฏหมายอยู่น่า จากคุณ : bhattee เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 21:18:35

ความคิดเห็นที่ 22   ขอบคุณครับ จากคุณ : หลับตา เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 21:31:35 A:58.64.64.135 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 23   นี่ขนาดลูกเป็ดขี้เกียจนะเนี่ย ... ยังเขียนยาวขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกเป็ดขยัน ... ไม่เขียน encyclopedia เลยเหรอเนี่ย ... จากคุณ : เศียรนาคา ... (Eumentis) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 22:09:03

ความคิดเห็นที่ 24 กระทู้นี้คุณ ลูกเป็ดฯ  ใช้ "คะ"  หรอครับ  ^ ^ คุณ ลูกเป็ดฯ ตั้งทีไร ขึ้นหัวตลอด   แถมเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องเจอกันเกือบทุกวันด้วย โหวต ๆ จากคุณ : siLvan เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 22:28:04

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วนึกถึงตอนเรียน กว่าจะจ่าย NSAIDs เป็น เรียนกันเป็นเทอม เรียนกันตั้งแต่กลไกการอักเสบยังโครงสร้างทางเคมีของยา ...จนทุกวันนี้ยังเข้าใจไม่ถ่องแท้เลย เพราะความรู้มันอัพเดททุกวัน บางทีการต่ออธิบายคนไข้ให้ได้คำตอบที่"พอใจ" ก็ยากเอาการ โหวดด้วยคนครับ ...คุณลูกเป็ดขยัน จากคุณ : Derrida29 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 23:19:55

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากค่ะ ขยันสมชื่อจริงๆ ... การ์ตูนน่ารักเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิมเลยนะคะ ^ ^ ตัวพี่เองกิน NSAIDS ไมได้เลยค่ะ ท้องไส้ปั่นป่วนทุกที แต่เจ้าหน้าที่สิคะ บางทีมาขอตุนเป็นเดือนเลย  แล้วบอกว่า COX-2 กินไม่ดีด้วยนะ จะเอาแบบกัดกระเพาะ เฮ้อ...ขนาด COX-2 เดี๋ยวนี้ยังแนะนำให้ GI prophylacxis ในคนที่มีความเสี่ยงเลยค่ะ เพราะมีรายงานออกมาแล้วว่าเพิ่มความเสี่ยงของเลือดออกในทางเดินอาหารเหมือนกัน อีกตัวที่ใช้กันบ่อย คือ Aspirin ค่ะ บางคนซื้อมากินเอง เพราะอยากจะป้องกันเรื่องเส้นเลือดหัวใจ  ...เคยเจอคนไข้มาผ่าตัดต่อมลูกหมากแบบส่องกล้องค่ะ อายุ 60 ปี แข็งแรงทุกอย่าง หลังผ่าตัดพบว่าเลือดไหลไม่หยุด ต้องมาผ่าตัดซ้ำหลายรอบ ให้เลือดไปมหาศาล รอดไปได้แต่อยู่ไอซียูหลายวันเลยค่ะ  คนไข้กิน baby aspirin เองมานานแล้วค่ะทำให้เกร็ดเลือดทำงานได้ไม่ดี แต่ไม่มีในประวัติ ตอนซักประวัติยาที่ใช้ประจำแกก็ไม่ได้บอก วันก่อนนอนอยู่บ้านดีๆ ก็ถูกตามไปช่วย CPR คนไข้ที่ตึกพิเศษ พยาบาลบอกว่าอาเจียนเป็นเลือด จนหัวใจหยุดเต้นค่ะ โชคดีปั๊มขึ้นเลยเอาไปเปิดผ่าตัดฉุกเฉิน พบว่าจริงๆแล้วเลือดออกจากปอด คือไอเป็นเลือดนั่นเองค่ะ สาเหตุจาก Baby Aspirin ทำให้เกิด platelet dysfunction เช่นกัน ดังนั้นจะกินยาอะไรเอง คงต้องหาข้อมูลให้ดีค่ะ ชั่งผลดีผลเสีย  และอย่าลืมบอกหมอเมื่อต้องไปเป็นคนไข้ด้วย   Note ***COX-2 คือ NSAIDS รุ่นใหม่ๆที่จะกัดกระเพาะน้อยกว่า (เอนไซม์ Cyclooxygenase(COX) ทำงานโดยย่อย Arachidonic acid ของเยื่อหุ้มเซลล์ให้เป็น prostaglandin ที่จะก่อให้เกิดอาการอักเสบ  ซึ่ง NSAIDS และ  ASA ออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งการทำงานของ COX ทำให้ Prostaglndin ลดลง การอักเสบจึงลดลงนั่นเอง COX มีอยู่ 2 isoform คือ COX-1 กับ COX-2 โดย COX-2 สร้าง PG ในกระบวนการอักเสบขณะที่ COX-1 ซึ่งพบมากที่กระเพาะอาหารกลับสร้าง PG ออกมาป้องกันเยื่อบุของตัวเองจากกรดในกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงเกิดการผลิต NSAIDs ให้ยับยั้งเฉพาะ COX-2 เรียกว่า COX-2 Inhibitor(COXIB) เพื่อลดผลข้างเคียงในการเกิดแผลในกระเพาะ ตัวอย่างยาได้แก่ Celecoxib, Rofecoxib(Vioxx) เป็นต้น) ***GI prophylaxis คือ การให้ยาต่างๆเพื่อป้องกันแผลในระบบทางเดินอาหารในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง เช่น มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร อายุมาก ใช้สเตียรอยด์หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดร่วมด้วย แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 23:27:20 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 23:24:48 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 23:23:25

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณค่ะคุณลูกเป็ด  การ์ตูนน่ารักเหมือนเดิมเลย วันนี้มาโหมดผู้หญิงนะคะเนี่ย หุหุ ^^ จากคุณ : หม้อแกงเมืองเพชร เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 01:46:37

ความคิดเห็นที่ 28 ... เรียกให้มาอ่านตอนตีสองกว่าๆ ชิชิ นึกว่าจะมีภาพปลอบใจแก้ง่วง จากคุณ : monixe เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 04:13:46

ความคิดเห็นที่ 29 ชอบภาพการ์ตูนจังค่ะ จากคุณ : THe Capital Monkey เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 04:23:22

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ มาขอรับความรู้ครับ จากคุณ : noon9999 (คนชอบเต่า) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 07:31:25

ความคิดเห็นที่ 31 มาโหวตให้ค่ะ... การให้ข้อมูลที่ถูกต้องถือเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญเช่นกันนะคะ.. จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 07:37:13

ความคิดเห็นที่ 32   ขอบคุณครับ การ์ตูนยังน่ารักเหมือนเฉกเช่นวันวาน ^^ จากคุณ : Sleeper MoNKeY เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 08:10:02

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ เคยรับยาจากโรงพยาบาลเป็น ไอบูโปรเฟน และ ไดโคลฟีแนค แล้วเกิดอาการข้างเคียงคือ ขอบตาตรงที่เป็น Soft Tissue บวมมากๆ บวมขนาดว่าตาปิดเลย หมอไม่แน่ใจว่าแพ้ยาตัวไหน เลยออกบัตรผู้แพ้ยาให้เป็นยากลุ่ม NSAIDs ทั้งหมดเลย เลยเป็นอะไรที่เภสัชกรลำบากใจมาก เวลาผมเปวดอะไรขึ้นมาแล้วไปหาหมอ เพราะยากลุ่มนี้ให้ผลในการระงับปวด แก้ปวดกล้ามเนื้อได้ดี แต่ผมไม่รู้ว่าแพ้ตัวไหนกันแน่ สุดท้ายได้มาแต่พาราเซตามอลทุกที... จากคุณ : smashing_punch เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 08:43:49

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณเหล่าคุณหมอที่มาให้ความรู้ ในภาษาง่ายๆ ที่ชาวบ้านๆ (อย่างเรา) เข้าใจค่ะ จากคุณ : kee20th เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 08:51:30

ความคิดเห็นที่ 35 /me เอาปืนจี้ลูกเป็ด ส่งตอนต่อไปมาซะดีๆ !!! จากคุณ : Gunn_Sap เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 08:51:38

ความคิดเห็นที่ 36   ได้วามรู้เรื่องยาดี พอดีกำลังกินพารา รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ยังไม่มีไข้กินแล้วง่วงพารากินแล้วทำไมง่วงอ่ะ...... จากคุณ : UBL เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 09:15:53

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาดูแต่ไม่ช่วยตอบนะจ๊ะ เค้าจะทำหน้าที่เภสัชกรนอกเว็บบอร์ดเท่านั้น อิอิ จากคุณ : เภสัชกร (Cryptomnesia) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 09:16:39

ความคิดเห็นที่ 38 โหวตครับ จากคุณ : Phoenix032 เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:00:45

ความคิดเห็นที่ 39 แพ้พาราอ่ะครับ ทานแต่ Ibuprofen เลยต้องพยายามรักษาตัวเองไม่ให้เป็นโรคง่าย จากคุณ : Turandot เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:08:27

ความคิดเห็นที่ 40 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : chapa66 เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:11:30

ความคิดเห็นที่ 41 ..เข้ามาดูลูกเป็ดขยัน... จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:13:43

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปัน ป.ล. การ์ตูนน่ารักดีครับ จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:14:32

ความคิดเห็นที่ 43 ว่าแต่กระทู้นี้ไม่สวนลุมไปหน่อยเหรอ จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:24:30

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะ... เนื้อหาดี มีประโยชน์ อ่านง่าย การ์ตูนน่ารักเหมือนเดิม เมื่อก่อนพอปวดประจำเดือน ก็กินพอนสแตน หายปวดประจำเดือนเป็นปลิดทิ้ง แต่ปวดกระเพาะมาก... ตอนนี้ไม่ต้องกินแล้ว เพราะออกกำลังกายประจำ อาการปวดประจำเดือนก็หายไปด้วยค่ะ จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 10:43:59

ความคิดเห็นที่ 45 มี ผู้ช่วยพยาบาลมาขอให้สั่งยาไปให้พ่อกิน บอกว่าพ่อกินประจำ ป๋ม ..  เอาอะไรอะครับ ผู้ช่วยพยาบาล .. จดชื่อยาใส่กระดาษมา อ่านได้ว่า diclofenac กับpiroxicam ป๋ม ..  (............กะลังงง.......นึกในใจ ก็ เลือกมาซักตัวสิ(ฟะ))         ปกติกินยังไงนิ ผู้ช่วยพยาบาล .. ก็กินทั้งสองตัว กินเกือบทุกวัน ป๋ม ..  เหวออออ  ใครสั่งให้กินทั้งสองตัว ผู้ช่วยพยาบาล .. ก็ไปคลินิคหมอแล้วหมอก็สั่งให้กิน ป๋ม ..  สั่งทีเดียวสองตัวนี่เลยเหรอ (หมอที่ไหนฟะ) ผู้ช่วยพยาบาล .. ป่าว คนละ คลีนิค (ให้มาคนละตัว ก็กินมันทั้งสองตัวพร้อมกันนี่เลย) อาเมนนนนนน  ขนาดเป็นบุคลากรทางการแพทย์นะเนี่ย ไม่มิรุ้อีกหรือว่าคือยากลุ่มเดียวกัน แถมเอาให้พ่อตัวเองกินอีกต่างหาก กระเพาะคงทะลุเข้าซักวันเวงกรรมมมม แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 12:33:18 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 12:31:32 จากคุณ : เคยรู้อะไรกะเค้ามั่งมั๊ยเนี่ย เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:22:53

ความคิดเห็นที่ 46 การ์ตูนน่ารัก ความรู้แน่นคร๊าบ จากคุณ : Gazz เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:31:12

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ ลูกเป็ดขี้เกียจ .... ทุกวันนี้ผมต้องใช้ยา Tramadol มาระงับอาการปวดบ่อยมาก ไม่ทราบว่าจะเป็นอันตราย หรือไม่ครับ ??? ...... ที่ต้องใช้ยาตัวนี้ครั้งแรก ก็เป็นเพราะแพทย์ที่โรงพยาบาล แนะนำให้ใช้ แต่ผมกลัวว่าใช้ไปนานๆ แล้วจะเป็นอันตรายสะสมแก่ร่างกายน่ะครับ                                                                                                   > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:32:23

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ ^ ที่ต้องใช้ยาตัวนี้ครั้งแรก ก็เป็นเพราะแพทย์ที่โรงพยาบาล แนะนำให้ใช้ แต่ผมกลัวว่าใช้ไปนานๆ แล้วจะเป็นอันตรายสะสมแก่ร่างกายน่ะครับ _____________________________________ เป็นอีกหนึ่งคำถามที่คนไข้ถามกันบ่อยเหมือนกัน กินไปนานๆแล้วมันจะสะสมมั๊ยหมอ?? คำตอบคือ....... รบกวนเภสัชมาตอบหน่อยครับ  แป่ววววว จากคุณ : เคยรู้อะไรกะเค้ามั่งมั๊ยเนี่ย เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:36:29

ความคิดเห็นที่ 49 ปวดใจใช้ยาอะไรคั๊บ อิอิ ล้อเล่น  โหวตๆ จากคุณ : moshita เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:50:41

ความคิดเห็นที่ 50 diclofenac 25 mg. นี่กินประจำเลยอ่ะ เพราะชอบนอนท่าเดียว ไม่ขยับเลย เช้ามา ไม่ปวดแขน ก็ขา จากคุณ : styx เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:36:12

ความคิดเห็นที่ 51 อย่างนี้สิหว้ากอ ขอบคุณลูกป็ดฯ มากค่ะ ที่แบ่งปัน ปล. น้องหนูลงชื่อไว้ก่อนแล้วจะเข้ามาอ่านค่ะ . จากคุณ : suttimon เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:00:36

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าทำงานเครียด ปวดหัวเนี่ย ใช้ยาไรดี (หรือต้องไปปรึกษาหมอ, ปรึกษาเภสัชแทนได้มะครับ) จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:06:49

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นหลาย คห. แล้ว เวลามีอาการอะไรเนี่ย อย่าถามในกระทู้เลยค่ะ รบกวนไปหาหมอหรืออย่างน้อยก็เภสัชกรเถอะ อย่าหวงเงินกับเรื่องสุขภาพของตัวเองเลย กรณีสงสัยยาของหมอ ก็สามารถโทรศัพท์สอบถามหมอเองได้ หมอก็คนนะคะ ท่านไม่กัดหรอก จากคุณ : ปลายลมหนาว เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:46:06

ความคิดเห็นที่ 54 ของผมนี่ Zyrtec เท่านั้น เม็ดละสิบบาทแก้ภูมิแพ้ชงัด เวรจริงทำไมต้องถูกโรคกะของแพงด้วยนะ ตอนนี้กินยาลดไขมันกะลดความดันอยู่ ยาสองเดือนกินวันละเม็ด ค่ายาสามพันกว่า ขึ้เกียจคำนวนว่าเม็ดละเท่าไหร่ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:01:45

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : JohnnieWalker เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:19:50

ความคิดเห็นที่ 56 สำหรับคำถามต่างๆ... แนะนำให้ปรึกษาแพทย์/เภสัชกรนอกเว็บบอร์ดค่ะ คุยกันเป็นรายบุคคลไป เพราะไม่ชอบการให้คำตอบแบบฟันธง... อ้อ... ถูกพาดพุงว่าไม่สวนลุมไปหน่อยหรือ พอดีตั้งกระทู้ตามกระแส ยา! ข้อเท็จจริงที่คุณควรรู้น่ะจ้ะ.. จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:47:02

ความคิดเห็นที่ 57 จขกท  น่ารักจัง จากคุณ : แม่ปัณณ์ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:50:32

ความคิดเห็นที่ 58 ตามมาจากสวนลุม .... อ่านง่ายได้ความรู้ แถมการ์ตูนน่ารัก เช่นเคย .... ผมขอแจมด้วย นะครับ ... เขียนเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน ... ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ( เอนเสด ) ... ไม่ใช่ขนมนะครับ จะได้กินกันไปเรื่อย ... http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=08-08-2008&group=4&gblog=54 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:57:22

ความคิดเห็นที่ 59 มาอ่านไปยิ้มไป กะ กระทู้นี้ของคุณลูกเป็ด จากคุณ : woowoowoo13 เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:59:57

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากๆ จากคุณ : sos_num เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 16:20:37

ความคิดเห็นที่ 61 ยา กินมากก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ ขนาดยาคูลท์กินมากยังไม่ดีเลย... ท้องเสีย หุหุ จากคุณ : The Hellish เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 16:31:43

ความคิดเห็นที่ 62 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:26:37

ความคิดเห็นที่ 63 #54# ใช้ยาเทียบเท่าสิครับ เหลือแผงนึงสิบกว่าบาท ถูกไปจม ยาตัวนี้ผมก็ต้องกินอยู่ตลอด ขาดไปสัก 2 วัน ผื่นขึ้นเต็มตัวเลย เซ็ง จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:32:34

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามาให้กิ๊ฟครับ ^^ ชอบลายเส้นการ์ตูนของ จขกท จริงๆ จากคุณ : Nanohana เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:00:07

ความคิดเห็นที่ 65 เห็นแล้วเหนื่อยแทน จขกท. ยาแก้ปวด ตอนนี้มีหลายตระกูลมาก ล่าสุด ประชุมเรื่อง pain symposium ที่พัทยา ผมนับไม่ถ้วนแล้ว มีทั้งยาแก้ปวดโดยตรง และยาเสริมฤทธิยาแก้ปวด พวกแรกคือ o paracet .. ยาสามัญประจำบ้าน o NSAIDS ... สองสายพันธ์คือพวกยับยั้งทั้ง cox-1 และ cox-2 พอๆกัน (aspirin, NSAIDS รุ่นแรก กับ พวกยับยั้ง cox-2 มากกว่า cox-1 (NSAID รุ่น 2)  ตอนนี้ มีรายงานว่าพวกสายพันธ์แรก ทำให้เกิดเลือดออก ทั้งในกระเพาะอาหาร (upper GI bleed, 10-15%) และ ในลำไส้ส่วนปลาย (lower GI bleed, 3-5%)  รุ่นแรกคือ diclofenac, piroxicam, naproxen, mefenamic, ibuprofen  ต้นตระกูลคือ aspirin  พวกสายพันธ์สองคือ ตระกูล coxib  ตัวหลักๆคือ celecoxib, eterocoxib และ moxicoxib  น่าเสียดายมากคือ vioxx  ของ MSD .. ถูกถอนออกไปจากตลาดแล้ว ทั้งที่แก้ปวดดีที่สุด แต่ทำให้หัวใจวายตายได้มากสุดเหมือนกัน  ก่อนจะกลัวพวกสายพันธ์แรกมาก จนไม่กล้าใช้ .. ขอบอกว่า โรคหลายๆโรค ยาสายพันธ์แรก แก้ปวดดีกว่าสายพันธ์ที่สอง o อนุพันธ์ฝิ่น (มีหลายตัว) o ยาต่อต้านโรคจิตซึมเศร้า o ยากันชัก สองตระกูลหลังเนี่ย สร้างปัญหาปวดหัวให้หมออย่างมาก เพราะคนไข้ชอบค้านว่า .. ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะโว้ย (และหมอตอบ ...ในใจ.. ตอนไม่เถีบง มรึงไม่เป็น ), ฉันไม่ได้เป็นโรคลมชัก (แต่อยากชัก .. ดาบ) สรุป : กินๆมันเข้าไปเหอะ กินตามสั่ง อย่าเถียง เดี๋ยวพั่ด! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:43:41

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ แง๊ แอบดุ น่ากลัว... *เสียดาย vioxx เหมือนกันค่ะ *ชอบจ่าย non selective + H2 blocker/หรือ omeprazole ควบค่ะ ถูกกว่ากินกลุ่มหลัง 555 แต่เท่าที่พบ คนซื้อยาตามร้านยาแบบหัวดื้อๆ เค้าเก่งนะคะ วินิจฉัยเองได้ จัดยากินเองได้ บางคนกิน NSAIDs ควบหลายๆตัว ไม่กลัวตายค่ะ บางเคสกิน pirox 3 ยี่ห้อก็มีค่ะ ปาไป 60 มก. - -" เสริมด้วยแอสไพรินผง+คาราบาวแดงตามซ้ำ แหม่ กลัวแอสไพรินออกฤทธิ์ช้า พอเราอธิบาย กลับชอบเถียงแพทย์/เภสัช... บอกว่าไม่กล้ากินยาไปเรื่อย - -" กลัวสารพัดอย่าง มึนส์ จัดให้ไม่ถูก สรุปกลัวหรือไม่กลัวตายล่ะนี่... *ที่ร้านก็มีคนชอบเอายามาถาม fluoxetine/amitrip บ้างก็ได้ zolam บ้างก็กันชัก บอกว่าเนี่ย เค้าว่าเป็นยานอนหลับ/คลายเครียด ยาโรคจิต ทำไมหมอจ่ายให้ผมล่ะ ผมแค่ปวดหลังนะ - -" *หลังๆถ้าเจอคนวิตกจริตมากเลยบอกว่า หากสงสัยมากๆให้คุณกลับไปถามแพทย์ประจำตัวคุณเลยค่ะ ไม่ต้องถามคนข้างบ้่าน คนข้างบ้านไม่ใช่หมอออออออออออ นินทามากไป พอละๆ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 20:30:41

ความคิดเห็นที่ 67 ไอ่เราก็สงสัยมานานล่ะ.. ว่า ทำไมยาพาราเซตามอล   มีสรรพคุณว่า " บรรเทาปวด และ ลดไข้ "   เอ่อ.. พอเข้าใจนะ ที่คุณหมอสั่งยาพาราเซตามอล  ให้กับผู้ป่วยโรคที่พบได้ทั่วไป อย่างเช่น ไข้หวัด เจ็บกล้ามเนื้อ เป็นต้น แต่ที่อยากรู้คือ  ยาพาราเซตามอล  มันมีกลไกทำงาน ระงับความปวดได้อย่างไร ?  ไม่เอา สูตรเคมีนะ  (ไม่ไ้ด้จบสายวิทย์ จบสายศิลป์) เท่าที่สังเกตมานานแล้ว   หนึ่งในยาที่ได้รับจากหมอมากที่สุด  ก็คือ  ยาพาราเซตามอล  ดันเขียนหน้าซองว่า "ยาแก้ปวด"  เอ่อ พอเข้าใจนะ  แต่อยากรู้ลึกกว่านี้หน่อย ว่า  มันทำงานยังไง เมื่อยาลงไปในท้องแล้วนั้น ?? ขอรบกวนผู้รู้หน่อยนะ    จะขอขอบคุณมากเลย จากคุณ : KJ_FBI เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 21:11:48

ความคิดเห็นที่ 68 ข้องใจเหมือนกัน เรื่อง พาราเซตามอล เพราะเคยอ่านเจอว่า ห้ามคนที่เป็นโรคตับอับเสบ หรือพวกกลุ่มพาหะ กินยาชนิดนี้ เพราะมันจะไปส่งผลต่อตับ จริงหรือเปล่าคะ จากคุณ : Alex/miko เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 23:23:20

ความคิดเห็นที่ 69   # 68 น่าจะจริงนะ เพราะเรียนมานิดนึงว่า พารา ฯ ไม่ควรกินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลกับตับ แต่คนเป็นโรคตับอักสับจะกินได้มั้ย สงสัยต้องให้คุณเภสัชมาตอบแล้วล่ะ จากคุณ : เบื่ออาหารปลา (ปลากัดขาว) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:22:26

ความคิดเห็นที่ 70 เหมือนอ่านเรื่อง NSAIDs มากกว่ายาแก้ปวดนะ เพราะยาแก้ปวดมีอีกหลายกลุ่มเลย หุหุหุ เอาให้ครบเลยน้อง... จากคุณ : Wizard. เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 01:56:00

ความคิดเห็นที่ 71 diclofenac กินสองเม็ดรวมเป็นห้าสิบเยอะไปไหมครับ จากคุณ : สมสนุก เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:36:04

ความคิดเห็นที่ 72 #68# เอาอย่างง่ายนะ อย่างยากไว้ให้พวกผมหากินเถอะ (จริงๆมันยุ่งวุ่นวาย อธิบายยากตะหาก) พารามันออกฤทธิ์โดยการไปตัดวงจรการสร้างสาร Prostaglandin ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด และไข้ พอไม่มีเจ้า PG วงจรก้ไม่สมบูรณ์ ไข้ก็ลด ปวดก็บรรเทา ตัวพาราถูกทำลายโดยตับ ทำลายได้หลายวิธี แต่มีวิธีนึงที่ตับจะเปลี่ยนพาราให้เป็นสารอีกตัว ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่มีพิษทำลายตับ พอเปลี่ยนเป็นตัวที่สองปุ๊บ ตับก็จะรีบจับไปแปะกับ glutathione เพื่อให้ไม่เป็นพิษ และละลายน้ำได้ดี จะได้ถูกไตขับทิ้งออกไปได้ง่ายๆ ปัญหาก็คือ สต๊อก glutathione ในตับมันมีจำกัด ถ้าใช้หมดแล้ว ทีนี้ก็ยุ่งครับ ถ้ายังมีพาราเหลืออยู่ในกระแสเลือด ครึ่งแรกที่เปลี่ยนพาราเป็นตัวที่สองมันก็ยังเกิดขึ้น แต่ครึ่งหลังมันไม่มี glutathione ให้ใช้แล้ว เจ้าตัวที่สองนี่ก็เลยตกค้างอยู่ ทำตับเจ๊ง แต่ถ้าใช้ในขนาดปกติ ตับจะมี glutathione พอที่จะใช้ในกระบวนการขับพาราเซตามอลออกได้สบายๆ แต่ถ้าใช้ในขนาดมากเกิน เช่นกินทีเดียว 20 เม็ด ตับเจ๊งได้ครับ หรือตับเจ๊งอยู่แล้ว ถึงมี glutathione อยู่ พาราก็พาให้ตับเจ๊งมากขึ้นได้ครับ จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 10:12:06

ความคิดเห็นที่ 73   ที่จริงอยากทราบเรื่องการกินยา พร้อมกับ ดื่มนม นมถั่วเหลือง ยาตัวไหนบ้างที่ประสิทธิภาพลดลง แล้วเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น จากคุณ : หลับตา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 18:08:18 A:58.64.63.242 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 74   เสริมนิดส์นึงนะครับ t-NSAIDs + PPI [Omeprazole] เค้าว่าช่วยได้แต่ Upper GI hemorrhage แต่ไม่ได้ prevent whole GI tract ดังนั้นจึงมี risk ต่อ lower GI bleed อยู่ new trend เค้าบอกว่าให้ ... 1. ใช้ NSAIDs Selective COX 2 ไปเลย หรือ ... 2. t-NSAIDs + Rebamipide (แทน PPI) ps1. ส่วน RCT ระหว่าง Misoprotal กับ PPI ในการลด Peptic ulcer รู้สึกว่าจะยังไม่มีนะคับ ps2. ใครมีอะไรอัพเดตหรือข้อมูลอะไรที่ผิดพลาด รบกวนชี้แนะแถลงไขด้วยคับ จากคุณ : foscarnet เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:43:19

ความคิดเห็นที่ 75 อี๊ยยย ฟามาโคเทอราปี่ มีอาร์ซีทง อาร์ซีทีด้วย อ่านแล้วคันแฮะ อิอิ ความรู้ท่วมกระทู้กันเลยทีเดียว (^^)/ จากคุณ : LittleCancer เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 12:04:08

ความคิดเห็นที่ 76 เออ ถามผู้รู้นิดครับ ผมอ่านคห74หลายรอบแล้ว ผมไม้เข้าใจเลย ผมปกติใช้ไหมครับ จากคุณ : หมาสายตาสั้น เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 14:59:27

ความคิดเห็นที่ 77 กระทู้นี้ก็อก ช่วงนี้เป็นอะไรกัน ทั้งพี่แมว ทังเป็ดเลย ขยันกันซะ เรื่อง PPI เทียบกับ Misoprostol ถ้าจำไม่ผิด Misoprostol จะมีผลดีกว่าครับ เคยอ่าน trial แวบๆ นานแล้ว จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 15:12:19

ความคิดเห็นที่ 78 76# ปกติค่ะ - -" หมายถึงถ้ากินยาแก้ปวดกลุ่มแรก+ยากลุ่ม PPI ป้องกันการเกิดแผลทางเดินอาหารได้เฉพาะทางเดินอาหารส่วนบน สรุปคือยังไงก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลทางเดินอาหารอยู่ จึงมีทางเลือกใหม่แนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดกลุ่มหลังไปเลย หรือใช้ยากลุ่มแรก+ Rebamipide ซึ่งก็มาจากงานวิจัยน่ะค่ะ 77 คนอ้วนๆข้างบน ่ก็อกแปลว่าอะไร?????????? ปล.ฉันตั้งกระทู้เพราะต้องการเลียนแบบกระทู้หนึ่งน่ะ.... แต่กระทู้นั้นถูกลบไปแล้ว เอางานเก่าตัวเองมาตั้งกระทู้ด้วย ไม่ได้เขียนใหม่ พักนี้ไม่ว่าง มีอะไรช่วยตอบแทนเค้าด้วยนะ เค้าขี้เกียจ... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 16:23:25

ความคิดเห็นที่ 79 ใครช่วยอธิบายให้หน่อยสิครับ ยาแก้อักเสบ antibiotic ตัวไหนใช้ได้ดีกับอะไรบ้าง ตอนนี้ผมเจ็บคออยู่เนี่ย  น่าจะเกิดจากอาการคันหู กิน diclocil ไม่หายเสียที ปกติ กิน amoxy แต่มันหมด ขอถามอีกข้อครับ   สมมติเรากินdiclocilอยู่ สามารถเปลี่ยนไปกิน amoxy ได้ ทันทีเลยรึเปล่าครับ จากคุณ : Prince Baro5 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 18:14:34

ความคิดเห็นที่ 80 เอ่อ  แล้ว พาราฯ นี่กินตอนก่อนหรือหลังอาหารดีครับ เข้าใจว่าเป็นหลังอาหาร แต่เวลาปวดห้ัวทีไรกินข้าวไม่ลง  ก็เลยกินยาไม่ได้สักที จากคุณ : ต้อมMRP เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:43:14

ความคิดเห็นที่ 81 มาให้กิฟท์ ขอบคุณสำหรับเนื้อหาสาระดีๆ ที่แบ่งปัน ลป. ชอบการ์ตูนของคุณลูกเป็ดมากกกกค่า จากคุณ : ใจกลางทางช้างเผือก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 22:45:34

ความคิดเห็นที่ 82 คคห79: การเลือก antibiotic (ขอย่อว่า ATB)  ขึ้นอยู่กับเชื้อที่สงสัยครับ เช่นกรณีคุณเจ็บคอ ถ้าสงสัยคออักเสบ เชื่อที่พบบ่อยจะเป็นเชื้อ Streptococcus หรือไวรัส ถ้าจะให้ ATB ก็จะเลือกเป็น Amoxycillin Diclocil (ชื่อการค้า) เน Dicloxacillin เอาไว้จัดการตัวเด่นๆ คือ Staphylococcus ที่มักอยู่ตามผิวหนัง เพราะฉะนั้น เจ็บคอ กิน Dicloxacillin ไม่ช่วยให้หายเร็วขึ้นครับ จากคุณ : - WelL - เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 09:04:34

ความคิดเห็นที่ 83 #14 ทาน  Methylphenidate ถ้าจะเลี่ยง ลองถามคุณหมอให้เปลี่ยนเป็นAtomoxetineนะคะ ใช้บรรเทาอาการเดียวกัน แต่ไม่ได้มีอนุพันธุ์ของแอมเฟตามีน เราทานตัวนี้อยู่ค่ะ จากคุณ : scarlett เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 10:13:51

ความคิดเห็นที่ 84 ปวดที่หัวใจครับ ตอนนี้ใช้ยาเสพติดอยู่ จากคุณ : Bassism เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 11:41:11

ความคิดเห็นที่ 85 - - โห อ่านไม่ทันเลยอ่ะมีแต่หมอมีแต่เภสัช อิอิ จากคุณ : สายลับ>>>มีด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 15:23:30

ความคิดเห็นที่ 86 ตอนนี้ปวดใจอย่างแรง กินยาอะไรดีครับ T_T จากคุณ : heynong1 เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 00:38:55

ความคิดเห็นที่ 87 โหวตค่า.. จากคุณ : reonce เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 02:02:49

ความคิดเห็นที่ 88 พารา แต่ละยี่ห้อเหมือนกันไหมครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่า แพ้ พาราธรรมดาตามโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นทารินอลไม่แพ้   หรือบางคนบอกกิน ทารินอลแล้วแพ้ แต่ อย่างอื่นไม่เป็นไร จากคุณ : Bigkub เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 10:24:42

ความคิดเห็นที่ 89   ขออนุญาตตอบ #88 พารา แต่ละยี่ห้อเหมือนกันไหมครับ - ถ้าเหมือนก็เหมือนตรงที่มีตัวยา พาราเซตามอล (paracetamol) หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) เหมือนกัน ใช้บรรเทาปวด ลดไข้ ทั่วไปแต่ไม่สามารถลดการอักเสบ เกร็ง บวมแดง ของกล้ามเนื้อ/ข้อ ได้ด้วยองค์เอง - ถ้าไม่เหมือนก็ตรงที่ - - - - - ขนาดยาอาจไม่เท่ากัน เม็ดสำหรับเด็กส่วนใหญ่จะมีขนาด 325 มิลลิกรัม (mg) ของผู้ใหญ่ 500 mg ยาน้ำเชื่อม 120 mg/1 ช้อนชา (5 ซีซี) - - - - - อาจมีตัวยาอย่างอื่นผสมด้วย เช่น ยาแก้แพ้ แก้หวัด คัดจมูก แก้ไอ ยาคลายกล้ามเนื้อเกร็ง ยาแก้ปวดในระดับปานกลางหรือรุนแรงตัวอื่น วัตถุประสงค์ก็ตามนั้น และเพื่อความสะดวกในการใช้ยา - - - - - อาจมีการออกแบบยาให้แตกต่างกัน บางยี่ห้อเป็นเม็ดเปลือยถ้าอมไว้จะขม (ไม่ต้องลองอม มันขมจริงๆ) บางยี่ห้อจะเคลือบฟิล์มไว้เพื่อปิดบังรสขม หรือทำเป็นเม็ดรูปแบบพิเศษ (Caplet) เพื่อให้ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น เช่น ไทลีนอล 8 hr (<--ยกตัวอย่าง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย) เคยได้ยินบางคนบอกว่า แพ้ พาราธรรมดาตามโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นทารินอลไม่แพ้ หรือบางคนบอกกิน ทารินอลแล้วแพ้ แต่ อย่างอื่นไม่เป็นไร - - - - - การแพ้ เป็นกลไกธรรมชาติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่จะหน้าที่ต่อต้านสิ่งที่เป็นภัย สารพิษ สิ่งแปลกปลอม โดยหลั่งสารหลายชนิดในร่ายกายเพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดกระบวนการกำจัดสิ่งอันตรายนั้นออกไป - - - - - ในบางคน หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ (ไม่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง) แม้ได้รับสิ่งปกติ เช่น อาหารทะเล ถั่ว เกสรดอกไม้ แบงค์พัน (T#T) ก็เกิดการแพ้ได้ หรือที่เรียกว่า ภูมิแพ้ หลักการนี้ใช้อธิบายการแพ้ยาด้วย - - - - - (ตอบคำถามซะที) การแพ้ยี่ห้อ อาจไม่ได้เกิดจากการแพ้ตัวยาพาราเซตามอล แต่เป็นการแพ้ส่วนประกอบอื่นๆ ในเม็ดยา เช่น ตัวยาอื่น แป้ง สารช่วยอัดเม็ด ฟิล์ม ปลอกแคปซูล สี หรือสุดท้ายอาจแพ้ได้กระทั่ง ราคายา . . . . พึ่งเคยมา เห็นคำถามน่าตอบก็ลองดู ผิดถูกกรุณาแนะนำ (เค้าขอ Login กันตรงไหน???) จากคุณ : iamithanksforeverything เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 11:58:52 A:118.173.224.79 X:

ความคิดเห็นที่ 90   ขออนุญาตต่ออีกนิดนึง เพื่งนึกขึ้นได้ พาราเซตามอล เป็นยาสำหรับ "คน" เท่านั้น!!! http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=nekopoy&date=13-11-2007&group=1&gblog=1 http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2006/05/J4391405/J4391405.html (แอบขี้เกียจพิมพ์ Search...แปะ...Search...แปะ...) (หากผิดกติกา กรุณาตักเตือน) จากคุณ : iamithanksforeverything เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 12:25:04 A:118.173.224.79 X:

ความคิดเห็นที่ 91 ตอบ ปัญหาการแพ้ยาที่เกิดจากการเปลี่ยนยี่ห้อนั้น "เป็นไปได้" แต่พบน้อยมาก นั่นหมายถึงว่าผู้ป่วยแพ้ส่วนประกอบที่ใช้ในยา เพราะในยานั้นจะมีส่วนประกอบนอกเหนือจากยา เช่น สารเพิ่มปริมาณ สารที่ทำให้เม็ดยาเกาะกัน และอื่นๆอีกมากมาย ... ่ส่วนใหญ่มักพบว่าคนแพ้ "ราคา" + "สี" "รูปแบบ" + "ยี่ห้อ" ยาที่ไม่เหมือนเดิม.. ฮา... คือเปลี่ยนยี่ห้อปุ๊บ ฉันแพ้ยาเลย... ต้องเหมือนเดิมเท่านั้น และถ้านำพาราให้น้องแมวกิน น้องแมวอาจสิ้นชีพได้ เพราะตับแมวไม่มีเอนไซม์จัดการกับยาจ้ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 16:11:40

ความคิดเห็นที่ 92 มารับความรู้ครับ :) จากคุณ : TonMai2K เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 10:52:37

ความคิดเห็นที่ 93 กระทู้ยอดเยี่ยม เก็บเข้าคลังทันที จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 52 20:17:31