ความคิดเห็นที่ 1 เครื่อจักรไว้ทำอะไรเหรอคับ เมื่อการศึกษาสูงขึ้นคนก็ต้องทำงานได้ดีขึ้น ไม่ใช่หรือ คนเหมาะกะงานขนของหรือคับ?? จากคุณ : maninbox เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:05:14

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ครับ อย่าลืมว่ามันก็จะมีการ shift ไปทางขวาครับ กลุ่มคนที่มีการเข้าถึงการศึกษาดีอยู่แล้ว ก็จะเข้าถึงการศึกษาที่ดีขึ้น ส่วนคนที่ไม่ได้รับการศึกษาก็ shift ไปทางขวาเหมือนกันครับ ดังนั้นกราฟไม่ได้เบ้นะครับ มันทำให้เกิด curve ในลักษณะเดิมอยู่ดี เพียงแต่เลื่อนไปทางขวามากขึ้น ......... ชนชั้นแรงงานก้จะมีการศึกษามากขึ้นเท่านั้นเองครับ อาจทำให้โดนกดขี่ได้น้อยลง แต่สภาวะแวดล้อมของประชากรตามการศึกษาเดี่ยวมันก็ shift มาเหมือนเดิมครับ ตามหลักสมดลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก...(สังเกตไม่ได้ใช้แค่ในกรณีพันธุศาสตร์เพียวๆเท่านั้น) จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:09:50

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนช่วงเปลี่ยนผ่านกราฟอาจจะเปลี่ยนจากแบบเดิมไปบ้าง เพราะคงที่พึ่งได้รับการศึกษาก็จะขยับมาทางขวา ในขณะที่คนที่แก่แล้วก็ไม่ได้ศึกษาเพิ่มก็จะอยู่ที่เดิม ตอนช่วงเปลี่ยนผ่านคงจะมีตรงกลางของกราฟมาก (อาจจะประมาณ 4-5 ปี) แต่ในที่สุดมันก็จะกลับเข้าสู่สมดุลมัน ตรงที่คนการศึกษาสูงก็เป็นยอดปิรามิดเหมือนเดิม เพราะว่าจะมีการอบรม การศึกษาชั้นสูงที่เป็นตัว Additive เพิ่ม Performane ในขณะที่คนที่ได้รับการศึกษาพื้นฐานก็จะเป็นฐานปิรามิดเหมือนเดิม ดังรูป จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:16:09

ความคิดเห็นที่ 4 ความเชื่อที่งมงายจะน้อยลง ปัญหาสังคมก็จะลดลงตาม ส่วนเรื่องใช้แรงงานก็พัฒนาเครื่องจักรให้มากขึ้นเพราะคนมีการศึกษาสูงๆก็น่าจะช่วยกันพัฒนาอะไรดีๆได้มากตามไป อาจผลิตหุ่นยนต์รับใช้หรือพึ่งเทคโนโลยีมากขึ้น จากคุณ : b_b (blacklimpbizkit) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:17:49

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าลืม เรื่องหลักดีมานด์ ซัพพลาย เมื่อขาดแคลนแรงงาน ค่าแรงงานขั้นต่ำ จะสูงขึ้น จนดึงให้คนมาทำงาน ที่ปัจจุบัน ค่าแรงถูก เพราะแรงงานเยอะเกิน อาจจะไหลจากประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อค่าแรงงานขั้นต่ำสูงถึงจุดนึง จะทำให้หลายคนขี้เกียจเรียนก็มีชีวิตสุขสบายได้ระดับนึง อย่างประเทศพัฒนาแล้วเป็นตัวอย่าง กรรมกร มะกันเงินเดือนเกือบแสนได้ และเมื่อค่าแรงสูงขึ้นมาก จนหุ่นยนต์ถูกกว่า ก็จะเป็นยุคต่อไป แต่ปัจจุบัน แรงงานยังล้นอยู่ ค่าแรงเลยต่ำ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:19:34

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในหน้าประวัติศาสตร์ การปฏิวัติ การปรับเปลี่ยนระบบกี่ครั้งกี่ครา มนุษย์ก็จะ reshuffle ตัวเองเป็นสังคมยอดพีระมิดเหมือนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:24:30

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าแรงงานได้รับการศึกษาให้ตระหนักถึงสิทธิ หน้าที่ และบทบาทของตนถ้วนทั่วแล้ว ชนชั้นนายทุนจะถูกทำลายครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:24:35

ความคิดเห็นที่ 8 ชนชั้นแรงงาน เช่น กรรมกร จะมี career path ไงครับ ยิ่งขนของได้น้ำหนักมาก ก็ลดจำนวนเที่ยวการขนได้ ทำให้งานเสร็จไว ทำให้ค่าตัวแพงขึ้น หนทางก้าวหน้า ก็คือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพาะกาย ให้แข็งแรง หากทำดีๆทำถูก ก็จะเปลี่ยนอาชีพเป็นนักเพาะกายได้ จากคุณ : powerconduit เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 13:25:28

ความคิดเห็นที่ 9   ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องปัญหาแรงงานหรอกครับ ดูอย่างประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นตัวอย่างก็ได้ เขาแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled labor) โดยการนำเข้าแรงงานต่างด้าวจากประเทศกำลังพัฒนา แต่ก็มีบางประเทศนำเข้าแรงงานมีฝีมือเข้าไปด้วย แถมบางประเทศก็ไม่ต้องนำ แต่มีคนแห่กันไปโดยสมัครใจ จนเกิดปัญหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างเช่น สหรัฐฯ ยุโรป เป็นต้น จากคุณ : ชายเหงา เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 14:01:58 A:192.168.1.1 X:203.107.154.223 TicketID:230642

ความคิดเห็นที่ 10 #7 ไม่มีทาง ตราบเท่าที่มนุษย์ไม่ใช่พิมพ์เดียวกัน ถ้าต้นทุนการใช้คนสูงมากถึงจุดๆหนึ่ง นายทุนจะใช้หุ่นยนต์และเครื่องจักรครับ อุดมคติหรูๆแบบนั้นเป็นไปไม่ไ่ด้หรอก จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 14:06:37

ความคิดเห็นที่ 11   ถ้าคนไทย มีการศึกษาสูงทุกคน... งานที่ทำเงินดี ฯลฯ..เอาง่ายๆ ไม่มีคนไทย ไปเป็นกรรมกรใช้แรงงาน....ไม่มีคนเป็นชาวนา... ผู้ใช้แรงงาน ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องกลัวว่าจะขาดนะครับ.... บริหารเป็นก็จ้างสิครับ....แรงงานต่างด้าวอะ.... ที่เขาไม่ให้เอาเข้ามามากๆ หรือ ต้องควบคุม เพราะส่วนหนึ่งมากจาก พวกนี้ อึดถึกทน และ แย่งงานคนไทย... ประเทศบางประเทศ ที่ มีรายได้มาก เขาก็จ้าง พวก ฟิลิปิน ไทย ฯลฯ มาเป็นคนไช้... อีกหน่อยเราเป็นเหมือนเขา เขาก็จ้างประเทศที่ ต้องการทำงานประเภทนี้มาสิครับ ^____^ ไม่แน่ในอนาคต ผมอาจจะจ้างแม่บ้าน ชาวญี่ปุ่น ก็ได้นะ หุหุ..... จากคุณ : TonTon1977 เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 14:31:06

ความคิดเห็นที่ 12 #10 ชนชั้นนายทุนจะถูกทำลายโดยตัวเองครับ แล้วทุกคนจะไม่มีใครเป็น นายทุน หรือกรรมาชีพ อีก นั่นคือ "สังคมคอมมิวนิสต์" แล้ว (แถลงการพรรคคอมมิวนิสต์ บทที่ 2 ในเรื่อง ภายหลังจากสังคมนิยมเปลี่ยนสู่คอมมิวนิสต์) การคิดฝันที่ว่า ทุกคนเป็นนายทุนหมด แบบทุนนิยม จะหมดไป เมื่อสังคมของนายทุนพัฒนาไปถึงจุดหนึ่งจะเกิดวิกฤตการณ์ของทุนเกิดขึ้น ถี่ขึ้น และกระชั้นขึ้น สังคมเมื่อต้องพบกับวิกฤตบ่อยเข้าจะแปรตัวเองให้เป็นสภาพของสังคมนิยมกลายๆ และเมื่อกลายเป็นสังคมนิยมกลายๆ แล้ว ก็จะมีพัฒนาการของความเข้มข้นของสังคมนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับ ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เอกชนจะหมดไป เพราะรัฐจะเริ่มเก็บภาษีอย่างหนักมากขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งประชาชนในรัฐสังคมนิยมนั้นจะล้มล้างการปกครองของชนชั้นปกครองลงไป แล้วจัดสร้างเป็นองค์การเพื่อควบคุมสังคมแทน สังคมจะพัฒนากลายเป็น "สังคมคอมมิวนิสต์" ครับ คุณอย่าบอกนะว่า ถ้าไม่มีชนชั้นนายทุนแล้ว มันจะเรียกว่า "ทุนนิยม" ! สังคมคอมมิวนิสต์อย่างแท้ คือ สังคมที่ไร้รัฐ ไร้ชนชั้นปกครอง ไร้นายทุน ไร้กรรมาชีพ นะครับ (แถลงการพรรคคอมมิวนิสต์ บทที่ 2 ในเรื่อง ภายหลังจากสังคมนิยมเปลี่ยนสู้คอมมิวนิสต์) คนไทย โดนส่งข้อมูลฝังหัวไปแล้วว่า "คอมมิวนิสต์" มันเลว มันชั่ว เลยเกลียดคำว่า "คอมมิวนิสต์" ผมก็เข้าใจอยู่ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 15:30:07 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:29:11

ความคิดเห็นที่ 13   ผมว่าสำหรับประเทศไทยยังอีกนานครับเรื่องของการพัฒนาคน (การให้การศึกษา) ผมมองว่า ถ้าชนชั้นแรงงานพัฒนาเพิ่มขึ้นจะกลายเป็นว่าชนชั้นแรงงานจะรู้สิทธิ์ของตัวเองและปกป้องสิทธ์ตัวเองมากขึ้นนั้น สามารถส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผลิตภัณฑ์นั้นๆได้ จะไปหวังให้เรามีสังคมเหมือนกับประเทศที่พัฒนาอยู่แล้วมันไม่ได้หรอกครับ ชนชั้นแรงงานในประเทศที่พัฒนาแล้วเค้าคำนึงถึงตัวเองและองค์กรที่เลี้ยงเค้า ดูอย่างสหภาพแรงงานของเราเป็นตัวอย่าง องค์กรที่มีสหภาพได้นั้นย่อมหมายถึงชนชั้นแรงงานนั้นได้รับการศึกษาที่ดีมาในระดับหนึ่ง แล้วตอนนี้ป็นไงมั่งครับ เอะอะไรก็ตัดน้ำตัดไฟ ปิดสนามบิน การศึกษาสอนให้คนรู้จักกับคำว่ากติกาแต่สำหรับประเทศไทยผมมองว่าการศึกษาสอนให้คนเลี่ยงกติกามากกว่า(สำหรับมุมมองผมนะ) ----------------------------------------------------------------------------- ผมเห็นด้วยนะกับการพัฒนาคน(ทางการศึกษา) เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าประเทศไทยรู้สึกจะเน้นพัฒนาทางการเมืองมากไปหน่อย มากกว่าพัฒนาทางการศึกษามากๆ จากคุณ : ชื่อไม่เคยซ้ำ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:31:23 A:222.123.152.60 X: TicketID:214950

ความคิดเห็นที่ 14 จีนพลาด เพราะสังคมไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น รัสเชียพลาด เพราะสังคมไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น Karl Marx ทำนายพลาด เพราะไม่นึกว่าการสื่อสารสมัยใหม่จะต่ออายุทุนนิยมได้ขนาดนี้ ผมยังคงเชื่อในสังคมคอมมิวนิสต์ว่า "มีอยู่จริง" แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น ผมไม่อาจบอกได้ เพราะนี่เป็น "ประวัติศาสตร์สังคมเศรษฐกิจ" ความผันผวนจะเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่มีใครคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ แม้แต่เจ้าของทฤษฎีเองก็ตาม จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:33:33

ความคิดเห็นที่ 15 สิ่งที่จขกทกังวลไม่มีทางเกิดขึ้นได้ครับ จากคุณ : Cigarette Smoking Man เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:40:22

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าชนชั้นแรงงานก็มีเหมือนเดิมแหละครับ ซึ่งถ้าถึงในจุดนั้นจริงๆ ระดับ ปวส. หรือ ปริญญาตรี ก็พร้อมจะเป็นชนชั้นแรงงานได้ครับ เพราะเรื่องโครงสร้างฐานเงินค่าแรงต่างๆก็ต้องปรับตัวไปตามสภาพเป็นจริงในสังคมอยู่แล้ว เหมือนในต่างประเทศ พวกงานก่อสร้างนี่ รวยมากเลยนะครับ เพราะสังคมที่เจริญแล้วจริงๆย่อมจะเข้าใจกับคำว่าสิทธิของความเป็นคนมากขึ้นเองครับ จากคุณ : heavykung เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:52:31

ความคิดเห็นที่ 17   หลายๆท่านพูดไปแล้วอย่างที่ผมคิด ผมไม่ข้อพูดซ้ำ แต่จะพูดเรื่องอื่นที่ไม่ซ้ำ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เรื่องแรงงาน และจริงๆแล้วการศึกษา ไม่ได้มีเป้าหมายเดียวเพื่อให้งานลุล่วง แต่การศึกษาสามารถเต็มเติมบุคคลได้ ถึงเขาจะเป็นกรรมกร(ที่มีเงินเดือนเยอะ) แต่เปรียบกับคนอื่นอาจต่ำ แต่เป็นความต่ำที่ไม่ต้องอดตาย และมีความรู้ ความรู้จะทำให้เขาต่อสู้กับความคิดที่ผิดได้ รู้ว่าไม่ต้องถูกเอาเปรียบ มีความคิดต่อชีวิต บลาๆๆๆๆ คนบนโลกต้องการการบรรลุ จริงอยู่ที่ธรรมชาติของมนุษย์มีการคัดเลือก เรามักเป็นพีระมิดหัวตั้ง เหมือนที่คห.6 ว่า แต่เท่าที่ผมศึกาษามาโลกนี้ ยังมีบางประเทศที่สามารถทำโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่เป็นแบบนั้น เช่น สแกนดิเนเวีย หรือญี่ปุ่น เคยอ่านบทความหนึ่ง เกี่ยวกับสาเหตุที่ยุ่นฆ่าตัวตายเยอะ ....ส่วนหนึ่งมาจากวัฒนธรรมที่ฝังราก อีกส่วน เขาบอกว่า คนญี่ปุ่น มักจะไม่สามารถข่มกันด้านฐานะทางเศรษฐกิจ เพราะจะคล้ายๆกันหมด คนจะหันไปพึ่งศักดิ์ศรี ปัญญา และอื่นๆแทน การศึกษาไม่ใช่แค่ให้ได้งาน มันเต็มเติมจิตใจได้ด้วย คนที่อยู่ล่าง และไร้การศึกษา อาจทรมาน กว่าคนที่อยู่ล่าง และมีการศึกษา แน่นอนสังคมแบบนี้มักไม่อดตาย เพราะพัฒนาแล้ว ผู้คนก็มีภูมิกว่า มีบางประเทศแม้แต่คนติดยาไร้งานทำ แต่รัฐก็ยังจัดยาให้ตาปริมาณ และเลี้ยงดูให้ จากคุณ : i.everyday เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:56:32

ความคิดเห็นที่ 18 #12 ผมเข้าใจปรัชญาคอมมิวนิสต์ดีครับ ต่างตรงผมไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ตราบเท่าที่คอมมิวนิสต์ยังไม่สามารถล้มกฏพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ อย่างดีมานด์ กับซัพพลายได้ ข้อแรก โครงสร้างการเก็บภาษีอย่างหนักจนถึงขั้นเท่าเทียมเป็นไปได้ยากมาก ทันทีที่ประเทศใดประเทศหนึ่งมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เราจะพบการไหลออกของทุน ซึ่งทำให้พัฒนาการด้านต่างๆชะงักทันที ตัวอย่างใกล้ตัวคือ อังกฤษขึ้นภาษีบุคคลธรรมดาปุ๊ป นักบอลซูเปอร์สตาร์ย้ายออกทันที สโมสรเริ่มออกมาบ่นว่ารั้งนักเตะไม่ได้ ถ้าภาวะนี้เกิดในอุตสาหกรรมอื่น แล้วเริ่มรุนแรงขึ้น ประเทศจะสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน รัฐบาลจะเกิดแรงจูงใจให้ลดภาษี ก่อนจะโดนชนชั้นแรงงาน(ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ตกงาน) เหยียบ ชนชั้นแรงงานในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นกรรมกร ใครก็ได้ที่ทำงานกินเงินเดือนก็อยู่ในข่ายนี้หมด คิดว่าชนชั้นนายทุนกระเทือนมั้ยครับ? ไม่มีทาง พวกนั้นขนเงินไปธนาคารสวิส หรือ เคย์แมน เรียบร้อยแล้ว จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:56:44

ความคิดเห็นที่ 19 ฝ่ายบุคคลก็จะรับกรรมกรที่มีวุฒิขั้นต่ำ ม.6 แทน แต่การทำงานจริง ความสามารถส่วนตัว ทำให้โดดเด่นมากกว่าวุฒิการศึกษานะครับ (นอกจากตอนสมัครงาน ที่เค้ายังไม่รู้จักเรา) แต่ยังไงถ้าการศึกษากระจายทั่วถึงนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ ถ้าทุกคนนำความรู้กลับมาใช้พัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง จากคุณ : CySpk เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:59:04

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องคอมมิวนิสค์ ถ้าจะเป็นไปได้จริง คนทั้งโลกประเทษต้องมีการศึกษา คุณภาพชีวิต ที่ดีในระดับนึงก่อน สร้างจิตสำนึกให้มาก ไม่งั้น คอมมิวนิส จะขาดแรงจูงใจ ทำให้คนขี้เกียจ ตอนนี้ ผมมองว่ายุโรปตะวันตกบางประเทศ ภาษีหนักมาก นั่นก็คอมมิวนิสกลายๆแล้ว คนทั่วไปก็มีจิตสำนึกดีกันมากโดยเฉลี่ย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 15:59:09

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านข่าวนี้สิครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นในฝรั่งเศส ? w w w . w a s h i n g t o n p o s t . c o m /wp-dyn/content/article/2006/07/15/AR2006071501010_pf.html และอะไรเป็นเหตุให้อัตราว่างงานในฝรั่งเศสสูงกว่าประเทศข้างเคียงที่เก็บภาษีน้อยกว่า? ถ้าไม่ใช่เพราะนายทุนหายหัวเพราะภาษีมันแพง ข้อถัดมา คือความได้เปรียบของนายทุนเอง นายทุนอยู่ใกล้อำนาจ และมีกำลังมากกว่าในการบิดให้กฏเกณฑ์ไปในทางที่ตัวเองต้องการ โอกาสที่สังคมจะเปลี่ยนไปในทางที่นายทุนติดลบมีอยู่น้อย ถ้าปฏิวัติ เราจะพบว่าความโลภในคณะปฏิวัติเองเป็นตัวต่อต้านไม่ให้สังคมไปถึงจุดที่เป็นคอมมิวนิสต์สมบูรณ์ ดูเองเถิด มีใครในอดีตที่อ้างคำๆนี้เพื่อครองอำนาจแล้วไม่อยู่ดีกินดี? ถึงท่านไม่อยู่ดีกินดี ลูกน้องท่านก็กินอยู่ดี ลงท้ายสังคมก็ไม่ไปไหน จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 16:04:03

ความคิดเห็นที่ 22 #20 ผมเชื่อว่าโลกไม่มีวันไปถึุงคอมมิวนิสต์ เป็นไปได้มากที่สุด คือทุนนิยมสวัสดิการ(แต่ละคนมีไม่เท่ากัน แต่ทุกคนมีพอที่จะไม่อดตาย) จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 16:05:12

ความคิดเห็นที่ 23 ตามที่คุณ house (panote_saechiew) กล่าวมานั้น ทุนนิยมจะขับเคลื่อนไปตามทุน แหล่งที่ก่อให้เกิดมูลค่า และความต้องการของมนุษย์ ทุนและนายทุนจะหมุนเคลื่อนไปเรื่อยๆ ตามกระแสของแหล่งดึงดูดทุน คล้ายกับฝูงตั๊กแตน ที่ลงทุ่งนา สวาปามจนเรียบและย้ายแหล่งไปเรื่อยๆ แต่ทุนนิยมจะถึงทางตัน เมื่อมันไม่สามารถตอบสนองปากท้อง ของชนชั้นแรงงาน ซึ่งเป็นผู้ครอบครองกำลังการผลิตอันแท้จริงได้ และเมื่อทรัีพยากรที่นำมาซึ่งทุนเริ่มลดน้อยถอยลง ถึงยามนั้นชนชั้นแรงงานทั้งผองจะรวมตัวกันต่อต้านทุน ต่อต้านชนชั้นนายทุน ยึดอำนาจรัฐของนายทุนมา ก่อตั้งรัฐเผด็จการโดยชนชั้นกรรมชีพขึ้น ต่อต้านการครอบครองเอกสิทธิ์ ต่อต้านกิจการโดยเอกชน ต่อต้านการผูกขาดโดยเอกชน เมื่อเหล่ากรรมชีพทั้งผอง มอบแรงกายแรงใจ ในการผลิตเพื่อตอบสนองต่อรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของพวกเขาอย่างแท้จริง ก็จะไม่มีที่ให้นายทุึนยืนอยู่อีกครับ ชนชั้นนายทุนจะสลายไป (ด้วยความละโมบของพวกเขาเอง) ถ้าเปรียบเทียบทุึนนิยมเป็นระิเบิด มันก็สว่างวาบในคราวเดียว รุนแรง รวดเร็ว แต่ไม่ยั่งยืน แต่สังคมนิยมเปรียบเสมือนไฟที่ลุกโชนได้ตลอดกาลนาน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 16:20:16

ความคิดเห็นที่ 24 ญี่ปุ่นอัตรารู้หนังสือเยอะกว่าไทย แต่ก็ยังมีกรรมกรครับ เแรงงานของเขาเป็นแรงงานช่างมีฝีมือ ได้เงินเยอะกว่าไทยเยอะ จากคุณ : GSP1 เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 16:54:03

ความคิดเห็นที่ 25 #23 แต่กองทัพใดๆย่อมเดินได้ด้วยท้องคับ... เพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนั้น กองทัพนายทุนจึงจะต้องยึดพื้นที่ทำกินของชนชั้นแรงงานทั้งหมด ต้องบีบให้พื้นที่ทำกินของชนชั้นกรรมาชีพจำกัดอยู่แล้วก็ปั่นค่าที่ดินขึ้นให้แพงๆจนซื้อไม่ได้ ทำให้ชนชั้นแรงงานสามารถหาสเบียงอยู่ทางเดียวคือผ่านชนชั้นนายทุน เมื่อนายทุนกำทุนและกำแหล่งผลิตทุนไปเรียบร้อยแล้วสงครามระหว่างนายทุนและชนชั้นแรงงานก็จะไม่เกิด ถึงเกิดก็จะเป็นความล่มสลายของชนชั้นแรงงานคับ (รึจะค้ายา5555 -"-)... จากคุณ : Catwater (Catwater) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:17:52

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าการศึกษาที่ว่ามันมีคุณภาพจริง มันคงออกมาแนวเดียวกับหลายประเทศในยุโรป  อย่างเกษตรกรอังกฤษนี่มีเพาเวอร์ในสังคมมากนะครับเพราะเขามีความรู้และเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ของตนเองในสังคม เกษตรกรมีความรู้แล้วไม่ต้องไปเป็นkeeข้าตามบริษัทก็ได้นี่ครับ ก็เอาความรู้กลับไปพัฒนาอาชีพเดิมของตัวเองก็ได้ ดูอย่างลุงทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ชาวนาดีเด่น ลูกแกจบ ป.โท ก็ทำนาอยู่กับแก ลุงแกพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆขึ้นมาเยอะเลย น่าทึ่งมาก หรืออย่างพ่อใหญ่มา มาร์ติน วีลเลอร์นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ เป็นคนที่เข้าถึงปรัชญาการดำเนินชีวิตจริงๆ h t t p :// t v.m t h a i.c o m/tv-archive/prach-dern-din/4514.html จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:27:22

ความคิดเห็นที่ 27 #23 แลกเปลี่ยนกันนะครับ ประเด็นแรก เรื่องล้มทับตัวเอง ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ที่ทุนนิยมจะล้มทับตัวเอง(ซัพไพรม์นี่ก็สดๆร้อนๆ) แต่ไม่เชื่อว่าจะล้มไม่ลุกครับ แรกสุด โลกทุนนิยมมันไปไกลกว่าสมัยมาร์ก เยอะ วันนี้สวัสดิการของคนทำงานในอเมริกามันอยู่บนราคาหุ้นของบริษัทในตลาด ผลประโยชน์ของกรรมาชีพวันนี้ มันมัดติดกับทุนนิยม ถ้าทุนนิยมล้ม ตัวเองก็ล้มก่อน ถัดมา เป็นสมมุติฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ผมเชื่อว่ามนุษย์เราไม่ต้องการความเสมอภาคครับ แต่ต้องการสิ่งที่ดีขึ้นให้ตัวเอง คนที่พูดถึงความเสมอภาค ก็เพราะตัวเองอยู่ต่ำกว่าเส้นเฉลี่ย คนไม่ต้องการความเสมอภาค ก็เพราะตนเองอยู่สูงกว่าเส้นเฉลี่ย ดังนั้นแม้สังคมกรรมาชีพเกิดขึ้นได้จริง สังคมนี้จะล้มลง เพราะในระยะยาวทุกคนต้องการเอกสิทธิ์ เฉพาะตน และหากสังคมนี้เกิดขึ้นได้จริง มีแนวโน้มสูงเหมือนที่ประวัติศาสตร์เคยเป็นมาในอดีตคือผลิตภาพตกต่ำ ** คำถามพิเศษ : คนที่ขยันมากกว่าคนอื่นแต่ได้เท่าคนอื่น มันยุติธรรมตรงไหนครับ? ** ** แล้วคนที่ฉลาด ควรจะขยันหรืออู้ดีครับ? เมื่อได้เท่ากัน? ** แล้วคนอู้ กับคนดี(ทำเต็มที่แต่ไม่ได้อะไรเพิ่ม) อันไหนมากกว่ากัน ? และประเทศชาติจะเจริญได้อย่างไร? ** และถ้าคนขยันได้มากกว่า ส่วนที่มากกว่า ก็ต้องเป็นสมบัติส่วนตัว ก็ขัดกับที่ตั้งไว้ตอนแรกอีก ประเด็นถัดมา เรื่องปัจจัยการผลิต ผมมองคล้าย มาร์ก คือนายทุนจะลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มเรื่อยๆ = ปลดคนออก ในแง่นี้การบริหารปัจจัยการผลิตจะยากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมไม่เชื่อว่าชนชั้นกรรมาชีพปฏิวัติสำเร็จแล้วจะบริหารงานได้ จริงๆมันก็วนกลับมาที่คนอีกนั่นแหละ ว่าสังคมที่กรรมาชีพทุกคน ทำเต็มที่เพื่อรัฐ มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เอาแค่เด็กทำงานกลุ่มโดยไม่ให้กินแรงกันยังยากเลย นับประสาอะไรกับสังคมขนาดใหญ่ (ครูไสวประกาศหน้าห้อง: นักเรียนทุกคนต้องตั้งใจเรียนให้ดีนะคะ แต่พวกคุณทุกคนจะได้เกรดเท่ากันหมด คือ 3.0 ในที่นี้ ประสิทธิภาพการผลิตคือคะแนนสอบ ผลตอบแทนที่ได้คือเกรด คำถามว่าเด็กออกจากโรงเรียนนี้ไปสอบแข่งขัน จะมีความรู้ในหัวเท่าไหร่?) ประเด็นสุดท้าย เรื่องความยืนยาว ทุนนิยมหกล้มหกลุก หัวทิ่มหัวตำมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 16(ถ้านับจากอดัมสมิท ก็ศตวรรษที่ 18) ล้มเหลวก็มาก สำเร็จก็ไม่น้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความก้าวหน้าในปัจจุบันก็มาจากมันทั้งสิ้น อังกฤษขึ้นเป็นมหาอำนาจจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และ อุตสาหกรรมไอที(+สงครามโลก) ก็ลากอเมริกาขึ้นมาอยู่หัวแถว และวันนี้ จีนในฐานะ ทุนนิยมใหม่ ก็กำลังผงาดเป็นมหาอำนาจรายต่อไป แต่คอมมิวนิสต์ไม่ประสบความสำเร็จในประเทศใดเลย ในยุคที่การสื่อสารไม่ก้าวหน้า เงินตราไหลไม่สะดวก และอำนาจรัฐอยู่ในมือกลุ่มโปรคอมมิวนิสต์ ยังผลักดันสังคมไปสู่จุดนั้นไม่สำเร็จ ก็คิดเป็นอื่นไม่ได้ว่า คอมมิวนิสต์นั้นยากมาก ในการพัฒนาขึ้นมาใช้ได้จริง กรณีบอลเชวิคของรัสเซียนั้นใกล้ตัวทฤษฏีที่สุดแล้วยังไม่รอด กรณีจำเพาะกว่านี้คงยาก จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:48:19

ความคิดเห็นที่ 28 คอมมิวนิสต์มันฝืนธรรมชาติของมนุษย์อ่ะค่ะ การจะสร้างสังคมคอมมิวนิสต์ ก็แปลว่าทุกคนต้องคิดถึงส่วนรวม ต้องละความเห็นแก่ตัว ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไร ไม่มีใครกักตุนอะไรไว้เพื่อตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ เราไม่ได้บอกว่าคนประเภทนั้นไม่มีอยู่นะคะ เราแค่บอกว่ามนุษย์ทุกคนไม่เหมือนกัน และในเมื่อคอมมิวนิสต์มันไม่ตรงกับธรรมชาติของมนุษย์ คอมมิวนิสต์จึงกลายเป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่มได้โดยง่าย ซึ่งถึงตรงนี้มันก็ถูกเปลี่ยนรูปจากคอมมิวนิสต์เป็น"เผด็จการ"แล้วค่ะ จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:54:46

ความคิดเห็นที่ 29 #23เพรราะมันจะไม่มาถึงไงครับ นับวันทรัพยากรยิ่งถูกทดแทน ด้วยมูลค่าที่มากขึ้น ยุคต่อไปคนจะคุณภาพชีวิตดีขึ้นจากอัตราการกำเนิดประชากรที่ลดลง เห็นด้วยกับทุนนิยมสวัสดิการ เป็นได้แค่นั้นแหล่ะ นี่ไม่ใช่ยุคโบราณ ที่คนเราต้องกินเพื่อปากท้องแล้ว ยุคนี้ในไทยคนอดตายจะมีแค่ไหน ความไม่เท่าเทียมในยุคนี้คือการศึกษา สารธรณูปโภค จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:59:04

ความคิดเห็นที่ 30 ปล. คอมมิวนิสต์นั้นเกิดจากความตั้งใจดีของคนดี แต่ถูกคนเลวนำไปใช้เป็นเครื่องมือค่ะ จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:59:36

ความคิดเห็นที่ 31 อ้อพึ่งนึกได้อีกเคสหนึ่ง ราวๆ 1-2 เดือนก่อน สหภาพ GM ลงนามรับหุ้น GM 17% + หุ้นบุริมสิทธิ์ มูลค่า เก้าพันล้านไปแล้วครับ การจัดการสวัสดิการทั้งหมด จะมาจากหุ้นก้อนนี้ ถ้า GM ล้ม หรือ ทุนนิยมล้ม สหภาำพไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าทุนนิยมรุ่ง สหภาพได้ส่วนแบ่งผลกำไร 17% เชียวนะ โดยไม่ต้องแบกรับความเ้สี่ยงที่นายทุนแบกอยู่ด้วย ผู้บริหารของ GM เชื่อว่า โอกาสที่สหภาพจะประท้วง/ขอขึ้นค่าแรง จะน้อยลงอย่างมีนัยสำ้ัคัญ และถ้าได้ผลจริง บริษัทอื่นๆก็คงใช้วิธีเดียวกันกับสหภาพของตน เส้นแบ่งกรรมาชีพ กับ นายทุนมันเบลอขึ้นเรื่อยๆครับ การปฏิวัติคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 18:16:34

ความคิดเห็นที่ 32 สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ พัฒนาเทคโนโลยี สร้างเครื่องจักรขึ้นมาทำงานที่ไม่มีใครอยากทำ เท่านั้นเองครับ จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 18:30:41

ความคิดเห็นที่ 33 แก้ไขด้วยค่าจ้างครับ ญี่ปุ่นก็แก้ปัญหาด้วยการให้ค่าจ้างที่สูง(ค่อนข้างมากเลย)การให้ค่าจ้างที่สูงขึ้นจะทำให้แรงงานไหลตามค่าจ้างอยู่แล้ว จขกท ไม่ต้องห่วงว่าชนชั้นแรงงานจะขาดแคลนเลยครับ อะไรที่ขาดแคลน อะไรที่เป็นที่ต้องการ และมีจำกัด ย่อมมีราคา(ค่าจ้าง)สูงขึ้นเป็นธรรมดา แก้ไขคำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 18:37:54 จากคุณ : poobas เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 18:36:16

ความคิดเห็นที่ 34 จะมีใครกรุณาช่วยเล่าและเปรียบเทียบระหว่างประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์หน่อยได้มั้ยครับ ผมเรียนมาตั้งแต่ใหนแต่ไรแล้วว่า คอมมิวนิสต์ไม่ดี ใครมีความคิดเป็นคอมมิวนิสต์ต้องโดนกำจัด ท้งๆที่ผมก็แค่คิดว่า คอมมิวนิสต์ก็คือรูปแบบการปกครองประเทศรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่ที่มันดูไม่ดี ดูแย่ ดูเลว ก็เพราะมีประเทศที่เป็นต้นกำเนิดประชาธิปไตยเป่าหูประเทศเล็ก ประเทศน้อยให้มันเป็นอย่างนั้น และก็ยุแหย่ให้มาฆ่ากันเอง เพื่อผลประโยชน์ของตน ตามความคิดผม(ไม่รู้จะมีใครคิดกำจัดผมหรือเปล่า)คอมมิวนิสต์ก็น่าจะดีนะ เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน ถูกมั้ยครับ ได้รับสวัสดิการเหมือนกันทั้งคนรวย คนจน ไม่มีชนชั้น ผมคิดอะไรผิดหรือเปล่าครับ จากคุณ : imong (imong) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 18:44:19

ความคิดเห็นที่ 35 คอมมิวนิสต์ในอุดมคติคือ คห 12 ครับ ส่วนสิ่งที่ทำให้คอมมิวนิสต์พัง หรือโดนต่อต้านจากค่ายประชาธิปไตย(หรืออื่นๆทั้งหมดที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์) คือ คห 23 ซึ่งเป็นแนวคิดของมาร์ก คาร์ล มาร์กเชื่อว่า เพื่อให้สังคมในโลกเป็นสังคมอุดมคติ(คือคอมมิวนิสต์) ชนชั้นกรรมาชีพ ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติ แล้วประเทศไหนในโลกมันจะนั่งรอให้มาโดนปฏิวัติล่ะครับ ก็กินโต๊ะคอมมิวนิสต์ก่อนสิ มันจะดีจริง หรือไม่ดี ก็ว่ากันทีหลัง เก้าอี้ตัวเองมาก่อน จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 19:22:41

ความคิดเห็นที่ 36   ถ้าสามารถตัดต่อยีนส์ให้ทุกคนเลิศ(แต่ก็ต้องมีความต่าง) อาจเบาเทาผลเสียคอมมิวนิสต์ ฝันไกลๆๆ จากคุณ : i.everyday เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 19:24:47

ความคิดเห็นที่ 37   ผมว่าที่แสดง คคห. กันนี่  ไม่ค่อยมีใครเป็นเถ้าแก่เหมือนผมซักเท่าไหร่ เพราะผมต้องการคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาเป็นแรงงานครับ ไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องกดขี่คนอื่นนะครับ  แต่งานหลาย ๆ อย่าง  คนเรียนหนังสือมันไม่ยอมทำจริง ๆ ครับ  ถึงทำก็ทำเืมื่อจำเป็นจริง ๆ พอมันเจอโอกาสเมื่อไหร่  มันก็ออก คนเรียนมหาลัยดี ๆ ก็พูดได้สิครับ   แต่ในโลกของผู้ประกอบกิจการจริง ๆ นี่  แรงงานที่ถึก ๆ อดทน ๆ ทำงานเหนื่อยยาก  สกปรก  ต้องเป็นคนไม่เรียนหนังสือเท่านั้นครับ ปัจจุบัน ในประเทศไทย  แรงงานกลุ่มนี้ ก็มีแต่พม่าทั้งนั้นครับ จากคุณ : ตีสี่ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:02:17

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่ต้องกลัวขาดหรอกครับ ถ้าเราพัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมๆกัน สังคมในประเทศที่เจริญแล้ว เขาก็ไม่มีชนชั้นล่าง มีแต่ชนชั้นกลางขึ้นไป ซึ่งชนชั้นกลางก็รวมไปถึงงานแบบใช้แรงงานด้วยนั่นเอง ค่าแรงงานใช้แรงก็แพง แต่ทดแทนด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้ประสิทธิภาพมากขึ้น คือยกระดับชนชั้นไปพร้อมๆกันทุกระดับ บ้านเรา คนจน ขาดปัจจัึย4 แทบอดตาย เจ็บป่วยมานี่ไม่ต้องลุ้นเลยไหว้ผีอย่างเดียว แต่ฝรั่งคนที่จนที่สุดก็ยังมีปัจจัย4พร้อม มีสิ่งจำเป็นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตพร้อม คืออย่างน้อยที่สุดคนในสังคมที่จนที่สุดก็ยังมีคุณภาพชีวิตขั้นต่ำที่ดีพอ ส่วนอยากฟุ่มเฟือยหรูหรากว่านั้นก็ต้องขยันเพิ่มขึ้นกว่าปกติ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:16:09

ความคิดเห็นที่ 39 #37 ก็สาเหตุเพราะอะไรละคะ? เพราะค่าตอบแทนจากการใช้แรงงานมันน้อยไงล่ะ ในเมื่อคนมีการศึกษามีทางเลือกที่ดีกว่า ได้เงินมากกว่า สบายมากกว่า ทำไมจะไม่ไปล่ะ แต่ถ้าเป็นอย่างอเมริกาหรือออสเตรเลียล่ะ? labour ได้ค่าตอบแทนสูงจนพอใจ labour ก็มีทางเลือกว่าไม่ต้องทำงานใช้หัวคิดมากมายก็สามารถอยู่สบายๆได้ไม่เดือดร้อน ดังนั้นมีคนเลือกเป็น labour เยอะค่ะ แถม labour บ้านเขาไม่โดนเหยียดมากในเรื่องความเป็น labour อีกต่างหาก (แต่อเมริกันไปเหยียดกันเรื่องอื่นแทน = =") จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 20:46:05

ความคิดเห็นที่ 40 แรงงานราคาแพงก็Out sourse ไปที่ถูกกว่าสิครับไม่เห็นยาก เราทำแต่ของที่กำไรสูง แต่ปัญหาคือเมื่อคนมีการศึกษาสูง อัตราการตกงาน หรือไม่มีงานทำก็จะสูงไปด้วย เพราะงานมีน้อยลง การแก้ปัญหาคือเราต้องExportแรงงานทักษะสูงแต่เป็นส่วนเกิน ไปต่างประเทศ เหมือนญี่ปุ่นเกาหลีส่งคนมาคุมงานในเมืองไทย เป็นหัวหน้าแผนกต่างๆ จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 22:24:14

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่หรอกครับ ถ้าการศึกษาทั่วถึงมากๆ ก็จะทำให้แรงงานทำงานดีขึ้น สู้กับนายจ้างได้เฉียบคมขึ้น นายจ้างระวังตัวมากขึ้น และผลิตผลดีขึ้น .. แต่ก็อีกน่ะแหละ ถ้าหากแรงงานฉลาดขึ้น นายจ้างก็ย่อมค้นหาแรงงานที่ฉลาดน้อยกว่าอยู่เสมอ เพื่อกดขี่แรงงานและกดราคาค่าจ้างให้ต่ำที่สุดตามปรัชญาทุนนิยม คือ "ทุนต่ำกำไรสูง" แรงงานที่ฉลาดกว่า เฉียบคมกว่า ก็จะถูกทำให้ตกงานทางอ้อมไป และมีแรงงานราคาถูกกว่า ฉลาดน้อยกว่าเข้ามาแทนที่ .. ยกเว้นว่า แรงงานคนนั้นหรือกลุ่มนั้น สามารถทำกำไรให้แก่นายจ้างได้มากกว่าเงินเดือนของแรงงาน 5-10 เท่าตัวต่อระยะเวลาหนึ่งๆ การจ้างก็จะดำเนินต่อไป การใช้แรงงานเพื่อสะสมกำไรให้แก่นายจ้างถึง 5-10 เท่าตัวจากเงินเดือนที่จ้าง  ศัพท์มาร์กซิสเรียกสิ่งนี้ว่า "ขูดรีด" ขอรับ ... แล้วก็มีแนวคิดว่าด้วย Alienation ในแรงงานของตนเองด้วยนะ แต่ผมว่าเอาเท่านี้ก่อนละกัน .. จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 23:03:39

ความคิดเห็นที่ 42 ^- อธิบาย Alienation  หน่อยสิครับ เรื่องขูดรีดค่าจ้างโดยปลดคนเก่งนี่ผมคาใจนะ ดูตามชั้นหนังสือ จะพบพวก "จ้างอย่างไรให้ได้คนเก่ง" เยอะแยะ แต่ประเภท "จ้างอย่างไรให้ถูกที่สุด" นี่ไม่ยักเจอ ไม่นับว่า บริษัทใหญ่ๆที่ประสบความสำเร็จ โดยมากจ้างแพง และจ้างคนเก่งกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งแสดงว่า "ทุนต่ำกำไรสูง" จะได้มาก็ต่อเมื่อจ้างคนเก่งให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ Martin Fowler กูรูด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ถึงขนาดเคยเขียนบทความชื่อ Hire Talent is cheaper เชียว ผมว่าสมมติฐานข้อนี้ผิด เพราะหา่กสมมติฐานข้อนี้ถูกแล้ว เราควรเลิกบ้าปริญญา เลิกเรียนสูงๆกันเสียให้หมด เพราะถ้าฉลาดมากไปจะเสี่ยงตกงาน แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันตรงข้ามกับสมมุติฐานนี้ทุกอย่าง จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 23:48:48

ความคิดเห็นที่ 43 ผมที่ว่าปลดคนเก่งออกเห็นจะไม่จริง ที่ปลดน่าจะเป็นพวกไม่เก่งจริงมากกว่าครับ คนเก่งจริงน่าจะให้ผลตอบแทนกับบริษัทสูงอยู่แล้ว อ้อ! ผมนึกออกแล้ว คห.41คงหมายถึงแรงงานที่ทดแทนได้(Nonskill Labour) คนกลุ่มนี้เก่งยังไง ก็ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงจนมีนัยสำคัญให้บริษัทได้ คนกลุ่มนี้หากมีรายได้สูงเกินไป ก็สามารถหาคนมาทดแทนได้เพื่อให้ต้นทุนต่ำลง ของคห.42คงเป็นSkill Labour คนกลุ่มนี้มีทักษะค่อนข้างเฉพาะเจาะจงมาก เป็นที่ต้องการของบริษัท เพราะเป็นทรัพยากรที่ไม่สามารถทดแทนได้ง่าย ต้นทุนในการผลิตคนกลุ่มนี้สูงและใช้เวลานาน ความสามารถในการทำกำไรให้บริษัทสูงมาก จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:40:41

ความคิดเห็นที่ 44 รายได้ จะปรับตามอุปสงค์ อุปทาน เรื่องทุนอาจจะหายไปได้ เมื่อทุกคน มีทุนที่เท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้น นายทุนหรือแรงงาน มีแต่การแลกเปลี่ยน ความสามารถ และผลตอบแทน กัน เรื่องแรงงานภายยนอก จะเข้ามา ก็เป็นเรื่องถูกต้องตาม หลักเสรี คุณตีสี่ พูดถึงว่า ถ้าทุกคนเรียนเยอะ แล้วจะไม่มีใครทำงานอย่างนั้น คือ มองได้ว่า ราคามันสูงขึ้น ถ้ามูลค่าน้อยกว่าราคา สินค้านั้นก็จะสูญไป แต่ถ้ายังมีความต้องการมากพอ ก็จะยังมีราคา ด้วยราคาต้นทุนที่สูงขึ้น นายทุนก็จะกำไรน้อยลง เท่านั้นเอง แต่จริงๆถ้าอยู่ดีๆทุกคนจะเรียนสูงขึ้นได้ มันก็ต้องมาจากการแบ่ง ทรัพยากรจากนายทุนไป หรือ การขยายเศรษฐกิจ ที่แท้จริง จะต้องมาจาก การใช้ เทคโนโลยี เข้าถึงทรัพยากรได้มากขึ้น เช่น ลงทุนใช้ ทรัพยากรโลก ครึ่งหนึ่ง ไปหาโลกใหม่มาได้อีกดวงนึง โดยเฉลี่ย ทุกคนก็จะได้กำไรขึ้น อีก 50% เอาเข้าตามความเป็นจริง ส่วนบริหาร ด้วยการเมืองที่เป็นอย่างนี้ ด้วยสภาวะชาวบ้านที่เป็นอย่างนี้ เรื่องที่คุณกังวล มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในไทย สำหรับไทยจะเป็นไง ผมว่ามีหลายๆประเทศ น่าจะเป็นตัวอย่างได้ ฝากผู้รู้ประวัติศาสตร์ ช่วยมาทำนายอนาคตให้ด้วย จะตามรับชมต่อไปครับ ตอบ คท34 ลองอ่าน คท27ดู ทุนนิยมอยู่ได้ เพราะความต้องการของคน ไม่จำกัด ทุนนิยมลากไปได้ ไม่รู้จบ การที่ประชาธิปไตย จะมาบอกว่า ทุกคน  มี1เสียงเท่ากัน นั้น ผมว่า นั่นต่างหาก ที่เป็นสังคมนิยม จะนิยมสิทธิ ก็ต้องยอมรับ สิทธิในการ จะแลกเปลี่ยน หรือ ไม่แลกเปลี่ยน พูดถึงสิทธิในความเป็นเจ้าของแล้ว เค้าก็มีอำนาจต่อรอง ตามแบบทุนนิยม การมี1เสียงเท่ากัน นั้น เป็นสังคมนิยม จะนิยมสิทธิ ต้องมองทุกฝ่ายเป็นเอกชน ไม่มีรัฐ ผมว่า จึงจะชอบธรรม ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุนนิยม ต้องไม่ผูกขาด ต้องมีการคานอำนาจ ต้องสมดุลย์ จึงจะมั่นคงอยู่ได้ ตามหลักทุนนิยม ฝ่ายที่อ่อน ควรจะหาด้านที่แข็งขึ้น ถ้ายังอ่อนจริงๆ ก็รับผลตอบแทนไปแบบอ่อน อ่อนมาก ก็ถึงตายได้ การช่วย ไม่ใช่ ช่วยคนอ่อน แต่ต้องทำให้แข็งแรงขึ้น ถ้ามองเป็น การแข่งขันและสิ้นเปลือง ก็จะเป็นลบ แต่ถ้ามองเป็น การแบ่ง หน้าที่ ตามความถนัด ก็จะเป็นบวกได้ ลองๆมองทางเลือกอื่น จากผู้เชี่ยวชาญดู กระทู้ก่อนที่ผมพูด หมายถึงว่า ถ้าลองรู้จัก แตกความสัมพันธ์ออก แล้วจะได้รู้จริงๆว่า ที่แท้จริง ความสัมพันธ์นี่ มีอะไรเป็นตัวเชื่อม เมื่อเข้าใจแล้ว ก็ควรจะปฎิบัติต่อกัน ให้ถูกต้อง สุดท้าย ผมว่า การเมืองใหม่ ก็ทะ:-)ๆแล้ว สถาปนารัฐใหม่ นี่ยังไง ใครช่วย อธิบาย คำว่า กบฎ ให้ผมฟังหน่อย ไม่ได้เรียนภาษาไทยมานานแล้ว จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 01:12:21

ความคิดเห็นที่ 45 #43 การสนับสนุนให้ประชาชนมีการศึกษาก็จะสามารถตัดความต้องการ Skill Labor ออกไปได้คับ... เมื่อคนมีความรู้มีจำนวนล้นตลาด Skill Labor ก็กลายเป็น Non Skill Labor ได้คับ -"- แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 02:53:05 จากคุณ : Catwater (Catwater) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 02:52:09

ความคิดเห็นที่ 46 1. หลักการสำคัญของคอมมิวนิสต์ไม่ใช่ "ความเท่าเทียมกัน" แต่หลักการสำคัญของพรรมคอมมิวนิสต์เพียงพูดได้ประโยคเดียวว่า----การกำจัดกรรมสิทธิ์เอกชน 2. ชนชั้นแรงงานไม่ล้มลงแน่นอน เพราะชนชั้นนายทุนต้องการชนชั้นแรงงานเสมอ ถ้าชนชั้นแรงงานล้มลง เมื่อนั้นชนชั้นนายทุนนั่นล่ะที่จะอยู่ไม่ได้ตามมา รวมทั้งชนชั้นแรงงานก็ยังถูกผลัดเปลี่ยนให้เข้าสู่วงจรต่อไปเรื่อยๆ และสร้างขึ้นมาใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ชนชั้นแรงงานมีความสามารถที่เพิ่มมากขึ้น พรรคแรงงานได้ถูกจัดตั้งขึ้นเกือบทุกประเทศในโลก และมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในประเทศอังกฤษเองก็ตาม 3. โลกเป็นระบบปิด หากไม่พบดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้แหล่งใหม่ ทรัพยากรทั้งหมดจะถูกเผาพลาญลงไปจนใกล้หมดสิ้น และเมื่อเป็นเช่นนั้น จะเกิดสภาพที่เป็นวิกฤตการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และเกิดการแทรกแซงของรัฐ บรรษัทในชาติและข้ามชาติทั้งหลายในพิภพ ก็จะถูกเปลี่ยนให้เป็นรัฐวิสาหกิจโดยรัฐจะเป็นผู้ควบคุม 4. สังคมนิยม เป็นเพียงมูลฐานขั้นแรกก่อนเปลี่ยนไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ หากศึกษางานของมาร์กซิส สังคมนิยมไม่ใช่สิ่งเดียวกับคอมมิวนิสต์ สังคมคอมมิวนิสต์ที่หลายคนมองว่าเพ้อฝัน เพราะสังคมคอมมิวนิสต์ คือ สังคมที่ไร้รัฐ ไร้ชนชั้นปกครอง ไร้ชนชั้นนายทุน ไร้ชนชั้นกรรมาชีพ ตามที่อธิบายไปแล้วตั้งแต่ต้น 5. Demand และ Supply คอมมิวนิสต์ไม่ได้ทำลายมันลงไป แต่เป็นทุนนิยมต่างหากที่จะทำลายตัวของมันเอง เมื่อใดที่ทรัพยากรใกล้หมดลง นายทุนจะเริ่มหาทรัพยากรใหม่มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตไม่ได้ และเมื่อนั้นจะเกิดการแย่งทรัพยากร เกิดเป็นวิกฤตการณ์ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ตามที่ได้อธิบายไปในข้อ 3 6. สิ่งที่ชนชั้นแรงงานมี แต่ชนชั้นนายทุนไม่มี คือ ความไม่มี แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 04:30:53 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 04:29:57 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 04:29:31

ความคิดเห็นที่ 47 #25 ชนชั้นนายทุนกุมอำนาจของแหล่งทุนไว้จริงอยู่ แต่ทราบหรือไม่ว่า กฎหมายแรงงานเกิดจากการผลักดันของชนชั้นแรงงาน เพราะชนชั้นนายทุนต้านทานอำนาจของชนชั้นแรงงานไม่ไหว จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 04:36:34

ความคิดเห็นที่ 48 #46 รู้สึกคุยกันถึงวันสิ้นโลกแหะ อีกไม่เกิน 50 ปี เมื่อน้ำมันหมดโลกลง สมมุติฐานข้อหนึ่งคือการขาดแคลนทรัพยากรจะได้รับการทดสอบครับ ทุนนิยมทำนายว่า น้ำมันจะแพงขึ้น(มาก) และเกิดพลังงานทดแทน เศรษฐกิจอาจตกต่ำชั่วขณะ แต่ถ้าหมายถึงทรัพยากรทุกชนิดในโลก เวลานั้นคงยาวมาก เกินอายุของเรา ตอนนั้นจะทุนนิยมหรือคอมมิวนิสต์ก็ไม่ต่างแล้ว เพราะระบอบการปกครองเสกให้สิ่งที่ไม่มีให้กลับมาไม่ได้ มาตรฐานการดำรงชีพจะตกต่ำ สงครามชิงทรัพยากรจะเกิดขึ้นทั่วโลก มนุษย์แก้ปัญหาขาดแคลนทรัพยากรด้วยสงครามตลอดมา มนุษย์ไม่เคยแก้ปัญหานี้ด้วยการยกเลิกกรรมสิทธิ์เอกชนเลย ผมเชื่อว่า คนจะลดลงจนทรัพยากรกลับมาเพียงพอเลี้ยงคนเหล่านั้นอีกครั้ง คอมมิวนิสต์อาจครองอำนาจได้ในหลายส่วนของโลก แต่ไม่ยั่งยืน เพราะคนลดลง กฏของ ดีมานด์ ซัพพลายจะกลับมาอีกครั้ง ภาคที่ใช้เศรษฐกิจแบบตลาด ศักยภาพจะสูงกว่า ทุนจะค่อยๆถูกสะสมจนกลับมาเป็นทุนนิยมอีกครั้ง กรณีนี้จะเกิดได้ เราต้องไร้ศักยภาพจะหาดาวทดแทนด้วย ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์ ทุนนิยมจะมีแรงกระตุ้นในการหาทรัำพยากรใหม่มหาศาล และน่าจะทุ่มงบไม่อั้นเพื่อแหล่งทรัพยากรนั้น #25 ก็เศษเค้กเพื่อลดแรงต้านน่ะครับ จะมีมาเรื่อยๆ และอีกยาวนาน จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 07:55:23

ความคิดเห็นที่ 49 ปัีญหาใหญ่ของคอมมิวนิสต์ไม่ใช่อะไรเลย นอกจากความยา่กลำบากในการใช้ และพัฒนามันขึ้นมา เมื่อมันได้รับโอกาสให้ทดลองใช้ในจีนและรัสเซีย มันก็ไม่สามารถพัฒนาตัวมันไปถึงจุดที่มันควรจะเป็นในทางทฤษฏีได้ และพ่ายแพ้ต่อศักยภาพของตลาดเสรีอย่างราบคาบ การคาดหวังว่าระบบหนึ่งๆที่เอาตัวรอดไม่ได้ในภาวะทั่วไป จะเกิดซ้ำอีกครั้งในภาวะวิกฤติเพราะระบอบอื่นจะอยู่ไม่ได้นั้นเลื่อนลอยมากๆ โดยเฉพาะเมื่อมองย้อนไปในประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว การที่คอมมิวนิสต์ตอบสนองต่อ ดีมานด์และซัพพลาย สู้ระบบตลาดไม่ได้ มันสะท้อนอีกข้อหนึ่ง คือ มันตอบสนองต่อความต้องการของคนในสังคมสู้ระบอบตลาดไม่ได้ด้วย อันเนื่องมาจากการขาดประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร ผมยังคิดไม่ได้ว่า เพราะเหตุใดมันจึงจะทำงานได้ดีกว่าขึ้นมาดื้อๆ ในยามที่ทรัพยากรขาดแคลน? จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 08:04:11

ความคิดเห็นที่ 50 ในก่อนปี2020 จะมีการทดลองพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันแบบจริงจังแล้ว ผมว่าแนงคิดเรื่องทรัพยากรหมด เป็นเรื่องไกลตัวที่เพ้อฝัน เพราะเทคโนโลยีจะตามไปทัน ด้วยมูลค่ามหาศาลเป็นแรงจูงใจ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 11:27:16

ความคิดเห็นที่ 51 เป็นการถกกันของทุนนิยม และสังคมนิยมที่ดี ผมเชื่อว่ากลุ่มแรงงานไม่สามารถถูกกำจัดได้หมดสิ้น แต่จะถูกจำกัดบทบาทลงในระบบทุนนิยม ทุนนิยมมองว่ากฎหมายแรงงาน และสหภาพแรงงานเป็นปัญหา ทำให้การเคลื่อนย้ายทุนลำบาก ต้องมีค่าชดเชยยุ่งยาก หากค่าแรงมนุษย์สูงมาก และเทคโนโยลีชั้นสูงมีต้นทุนต่ำลง ผมเชื่อว่าแรงงานมนุษย์จะถูกลดบทบาทลง และงานของคนจะถูกเครื่องจักรเข้ามาแทนที่ ปัญหาก็จะวกเข้ามาที่การว่างงาน เศรษฐกิจไม่เติบโต ทุนนิยมก็จะทำลายตัวเอง หากไม่มีการกำจัดแรงงานส่วนเกินออกไป คนในสังคมก็จะเรียกร้องระบบสังคมนิยม แต่ตัวระบบจะมีปัญหา คือไปได้ดีช่วงแรก ต่อมาจะเริ่มทำลายตัวเองเหมือนรัสเซีย ในช่วงหลัง ทุนนิยมก็จะกลับมา ผมว่ามันจะเป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 11:31:46

ความคิดเห็นที่ 52 ชอบมาก กท.นี้ อ่านๆไปได้เปิดสมองและทัศนคติ มากทีเดีย แว๊บแรก คิดแบบ จขกท เลย อ่านๆไปเออ เรานี่กบในกะละมากๆ แสดงว่าจริงๆแล้ว การได้รับการศึกษา ที่ดี ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเลิกการประกอบ กรรมาชีพ แต่เราจะไม่ถูกกดขี่ ค่าแรงและสิทธิ ที่พึงจะไดรับ ทำให้การดำรงชีพ ดีขึ้น เผลอๆได้ค่าแรงมากด้วยตามความเป็นจริง ผมเข้าใจแบบนี้ ถูกไหมอะ จากคุณ : อาท (chan ty) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 15:31:21

ความคิดเห็นที่ 53 ปัญหาจะแก้ด้วยทุนนิยมสวัสดิการไงครับ สวัสดิการแรงงาน เพิ่มต้นทุนให้การเคลื่อนย้านทุน มันก็กึ่งสังคมนิยมแล้ว ผมว่าแบบผสมนี่แหล่ะดีที่สุด มีสวัสดิการ พฐ ที่ดี โดยการศึกษาที่ดี จะจำกัดจำนวนประชากร สมัยก่อน เหมาเจ๋อตง จีนปิดประเทศ ทุกคนในประเทศจนหมด อดตายไปเป็นสิบล้าน ตอนเติ้งเปิดประเทศมา แม้รายได้จะกระจายกันมาก แต่คนก็อดตายน้อยลงมากเช่นกัน เรียกว่าทำให้ทุกคนรวยขึ้น แม้จะเพิ่มความไม่เท่าเทียมก็ตาม จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 16:48:07

ความคิดเห็นที่ 54   การศึกษา แต่อย่าลืม คนขี้เกียจก็มี คนที่จบ ปตรีเหมือนกัน ทำได้ไม่เท่ากัน เพราะฉนั้น คนที่ด่อยกว่าก็ทำงานที่ ยากน้อยกว่า เป็นปกติ ไม่หนีไปจากปัจจุบันครับ จากคุณ : ู^Ai^ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:43:36 A:110.164.7.237 X: TicketID:235035

ความคิดเห็นที่ 55   เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 5 ครับ จากคุณ : Moo_Classic (Moo_Classic) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 19:52:48

ความคิดเห็นที่ 56 เคยคิดตอนอยู่ม.ต้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้หน้าที่เราคือ "เรียน" ค่ะ จากคุณ : ตุ๊กตาหลังรถ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:55:10

ความคิดเห็นที่ 57 คนที่คิดแบบนี้เห็นแก่ตัวครับ จากคุณ : promlikit เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 14:14:55