 |
ความคิดเห็นที่ 42 |
|
สวัสดีค่ะ ขอเล่าจากประสบการณ์ตัวเองเอาไว้เปรีบยเทียบนะค่ะ, เราเป็นสาวประเภทสอง ณ ปัจจุบัน แต่สมัยก่อนตอนเรียน มัธยม เรียกง่ายๆก็คือ กระเทย เราคิดว่าเรา เป็น เด็กวัยรุ่นทั่วไป ตั้งใจเรียน อาจมี ขี้เกียจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน และ ไม่เคยเอาปัญหามาให้ที่บ้าน เรามีพี่น้อง สาม คน เราเป็นคนโตและน้องทั้งสอง เป็น น้องคนละพ่อ เราต้องอาศัยอยู่กับ แม่ และ พ่อเลี้ยง กับ น้อง เรา ถูก กดขี่ ข่มเหง มาโดยตลอด ทั้งจากแม่แท้ๆของเราเอง เราต้องทำงานบ้านทั้งหมด เอาง่ายๆ ไม่ต่างจากคนใช้ ซึ่ง ทั้งๆที่บ้านเราก็มีคนใช้อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำงานบ้านและเลี้ยงน้อง ตลอด ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง การเรียนเสีย ร้องไห้ทุกวัน ( หนึ่งข้อคิด คือ แม่เราหลงพ่อเลี้ยงจนโงหัวไม่ขึ้น ) เวลาเราทำอะไรไม่ถูกใจแม่ เราจะโดนด่าและตีอย่างเจ็บปวด เครียดมากจนเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่เราก็ไม่ทำ เท่านี้ยังไม่พอ มีอยู่มาวันนึง เราได้นั่งเลี้ยงน้องอยู่ที่บ้านตามปกติ หลังจากเราได้ยินเสียงรถของพ่อเลี้ยงและแม่กลับมาที่บ้าน นับตั้งแต่วันนั้นเราต้องมาประสบปัญหาอันแสนเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม สิบ เท่า เพราะอยู่ดีๆ แม่เราก็มาด่าเราว่าเรา เป็นตัวกาลากิณีของบ้านทำให้ขัดโชคลาภ ซื้อหวยก็ไม่ถูก อะไรอีกสารพัด แล้วไอ้พ่อเลี้ยง ก็ทำหน้าไม่พอใจอย่างแรง แม่เราจึงได้บอกกับเราว่า พวกเค้าไปหาร่างทรงมาและเค้าบอกว่า เราคือตัวซวยของบ้าน เรางงมาก พวกเค้าแอนตี้เรามากๆ พวกเค้าได้กลับไปหาร่างทรงคนนั้น เพื่อถามว่าแล้วจะทำอย่างไรกับเราดีเพราะจะไล่ เราออกจากบ้านก็ไม่ได้ ร่างทรงนั้นก็จึงบอกว่า กลับไปบอก อีกระเทยนั้น ว่า ห้ามทำสิ่งต่อไปนี้ 1. ห้ามพาเพื่อนที่เป็นกระเทย หรือจะไม่ใช่ก็ตามเข้าไปในบ้านหรือ แม้แต่บริเวณหน้าบ้าน 2. ห้ามมันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนภายในบ้าน 3. เขียนป้ายติดหน้าบ้านกันพวกกระเทยทั้งหลายไม่ให้มาย่างกรายใกล้บ้าน แล้วพ่อเลี้ยงเลยเขียนป้ายติดไว้ว่า " ห้าม! กระเทยมาเดินบริเวณนี้ไม่เช่นนั้นจะถูกกระทืบไม่รู้ตัว " แถมด้วยวาดรูปหัวกระโหลกไขว้ลงท้าย หลังจากมีกฎนี้อยู่ในบ้านเราทำอะไรก้ผิดไปหมด แล้วไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านก็จะเอะอะกันว่ามันเป็นอย่างนี้เพราะเรา หรือ เหมือนที่ร่างทรงว่าไว้เลย มิหนำซ้ำไอ้ร่างทรงบ้านั่นมันหาว่าเราพาเพื่อนที่เป็นผู้ชายหรือกระเทนมาที่บ้านแล้วมา having se... กัน ก็เลยทำให้ที่บ้านนั้นซวยกันทั้งบ้าน โอ้ยตอนนั้นอยากจะด่าสวน แหมคิดจะมาหลอกแม่เราทำไมไม่ทายให้มันแม่นกว่านี้ แต่เราก็หัวเดียวกระเทียมลีบ ก็เลยทำไรไม่ได้ จนกระทั่งแม่เราได้พาเราไปปะจันหน้ากับร่างทรงนั้น ตามหลักเราจะต้องถวายหมากพลูกับบุหรี่,เบียร์,ค่าครูก่อน หลังจากท่านประทับร่างแล้ว เราก็ได้ทำตามที่เค้าทำกัน แต่หลังจากที่เราถวายแล้วเราก็ได้ก้มลงกราบตามที่แม่บอกและคนอื่นทำกัน ทันใดนั้นเอง ร่างทรงนั้นมันเอาถาดที่เราถวายของฟาดลงที่ท้ายทอยเราตอนเรากำลังก้มกราบมัน แล้วมันก็พูดว่าไอ้เนี่ยมันดื้อ เราแค้นมันจนถึงทุกวันนี้ และมันก็ด่าเราสารพัดว่า เลว นิสัยไม่ดี ตัวซวย เล่นยาบ้า ไม่มีอะไรดีเลย แม่เรากับไอ้พ่อเลี้ยงก็เชื่อมันดี๊ดี มีอยู่วันนึง น้องชายเราท้องเสีย พวกเค้าก็ไปถามร่างทรงว่าทำไมท้องเสีย มันก็บอกว่าเราไปตีน้องข้างหลังอย่างแรง อะไรวะ เราไม่ได้ทำสักหน่อย ไอ้พ่อเลี้ยงมันโมโหมากจนกระทั่ง มาตีเราคืน และเอาน้ำมนต์ มาให้น้องเรากิน ไอ้น้องเราก็เสือกดันหายวันนั้นพอดี แม่กับพ่อเลี้ยงเราโดนหลอกสารพัด ทุกวันแม่เรากับพ่อเลี้ยงต้องไปกราบมันและ อาบน้ำทิพย์ ดื่มน้ำทิพย์ เพื่อที่ว่าจะได้ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ หนึ่ง ปี เคยถูกหวยใต้ดินเลขท้าย สองตัว ได้ประมาณ สามพันดีใจกันยกใหญ่ เลี้ยงฉลอง ให้กับร่างทรงในวันสงกราณ อย่างหรู โอ้ยมีอีกเยอะ ที่เราโดนรังแก สรุปดดนหลอกไปเป็นแสน ถึงค่อยๆมารู้ตัวและทุกคนก็ไม่กล่าว ถึงร่างทรงคนนี้อีกเลย ทั้งหมดที่เล่าให้ฟังนี้ คือประสบการณ์ของเรา ซึ่งเราคิดว่า อาม่า คงหลงในคำพูด ของ พระ นั้นมากกว่าเหมือนกับแม่ของเราที่หลงเชื่อว่าจะถูกหวยรางวัลที่หนึ่งกับไอ้ร่างทรงบ้านั่น อาม่าอาจจะคุยกับพระนั้นแล้วสบายใจ คุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนแม่เราคุยกับไอ้ร่างทรงนั่นทุกเรื่อง ลองสังเกตหรือแอบฟังท่านอาม่าดูว่เวลาท่านคุยกับพระนั้น อาม่าพูดในน้ำเสียงอย่างไร ไพเราะมั้ย ท่านยิ้มแบบดีใจมั้ย เวลาท่านได้คุยกับพระนั้น เพราะเราคอยสังเกตแม่เราตลอดเวลา ซึ่งแม่เราเป็น อย่างนี้ จะว่าไปแล้วมันคล้ายๆกับว่า ร่างทรงนั้น เป็นเหมือน จิตแพทย์ส่วนตัวไวคอยปรับทุกข์ แก้เหงา แล้วก็เหมือนพระนั่น เช่นกัน ทางที่ดีเราควรตัดไฟแต่ต้นลม เช่น แอบขโมยโทรศัพท์ของอาม่า แล้ว ปิดเครื่องซ่อนเอาไว้ จะได้ไม่มีการติดต่อเกิดขึ้น ( แต่กรณีนี้ต้องทำในตอนที่เราไม่รู้จะช่วยท่านยังไงแล้ว จะดีกว่า ) หรือ ทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้อาม่ากับพระนั้น ขาดการติดต่อกัน โดยที่ท่านไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นฝีมือเรา ถ้ากลัวว่าท่านจะเสียใจ ก็ลองปล่อยๆดู และสังเกตการณ์ห่างๆ เพราะบางครั้งการที่เราไปห้ามใครไม่ให้ทำอะไร มันจะเป็นเหมือนการไปยุยง ให้เค้าอยากทำมากขึ้น ควรคิดและไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งไหนทำไปแล้วคุ้มค่ากว่ากัน ทุกอย่างมีทางแก้ วางแผนให้ดี เพื่อช่วยคนที่เรารัก จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ |
:
plastic flower
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ย. 52 12:51:19
A:125.24.193.7 X: TicketID:139872
|
|
|
|
 |