ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตปาดค่ะ ตามให้กำลังใจน้องวินอยู่นะคะ (อย่างเงียบๆ) ขอให้ประสบความสำเร็จ ทั้งการสอบและเรื่อง NPFaster นะคะ จากคุณ : ใจกลางทางช้างเผือก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:15:23

ความคิดเห็นที่ 2   ปาดอย่างเคารพ อย่าบอกนะครับ ว่าพี่จะมาเเงะดูดวงอาทิตย์ ล้อเล่นนะครับ บัตรผ่านนี้ เปนกำลังใจให้พี่เสมอนะ จากคุณ : ร่างทรง เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:16:34 A:119.46.58.14 X: TicketID:224847

ความคิดเห็นที่ 3 Big Bang the insult word บทความดาราศาสตร์นับร้อยนับพันต่างบอกให้ท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่าบิ๊กแบงคืออะไร แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะทบทวนความทรงจำกันเสียเล็กน้อย ต้องให้เครดิตกับ Fred Hoyle นักดาราศาสตร์และนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษในฐานะผู้ตั้งชื่อให้กับ "บิ๊กแบง" เขาเรียกมันครั้งแรกว่า "บิ๊กแบง" ในรายการวิทยุของเขาในปี 1949 ซึ่งเขาตั้งใจเรียกเพื่อดูหมิ่นทฤษฎีของเลอร์แมตร์ซึ่งค้นพบโดยฮับเบิลว่าเป็นทฤษฎีทีโง่เง่าและไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากในขะนั้น Fred Hoyle ได้ตั้งทฤษฎีจักรวาลคงตัวเป็นทฤษฎีคู่ขนานกับทฤษฎีบิ๊กแบง ซึ่งจากการค้นพบ CMB หรือ Cosmic Microwave Backgound หรือ อุณหภูมิพื้นหลังเอกภพ ทฤษฎีของ Hoyle ก็ตกไป จากภาพ ::: Fred Hoyle (24 June 1915 - 20 August 2001) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 20:38:02 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 00:26:26 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 00:23:27 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 00:22:47 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:20:23

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณนะครับคุณ ใจกลางทางช้างเผือก กับน้องร่างทรง ^^,, จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:24:23

ความคิดเห็นที่ 5 ปาดครับ ปาดพร้อมกำลังใจ ยกให้ไปเลยครับ 1 เข่งใหญ่ๆ จากคุณ : อย่าให้ต้องพูดซ้ำอีกนะ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:39:50

ความคิดเห็นที่ 6 มีส่วนคล้ายผู้พันแซนเดอร์นะนั่น... จากคุณ : vandalism เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:52:53

ความคิดเห็นที่ 7 ไหนว่าจะไปแข่งรถแล้วไง เอาสาวๆพริตตี้มาฝากพี่มั่งนะ จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:53:04

ความคิดเห็นที่ 8 One for All  :::  Big Bang the first of everything ในสมัยที่เรายังเข้าใจว่า กาแลกซีทางช้างเผือก ยังเป็นกาแลกซีเดียวของจักรวาละสิ่งที่มองเห็นจางๆในกล้องโทรทรรศน์ล้วนเป็นเนบิวลานั้น Vesto Slipher นักดาราศาสตร์สัญชาติอเมริกันได้ทำการวัด redshift (การเลื่อนทางแดงของคลื่นอันเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ถอยห่างของวัตถุออกจากตัวของผู้สังเกต) ของ Spiral Nebula (กาแลกซีแบบกังหัน ที่นักดาราศาสตร์สมัยนั้นเข้าใจว่าเป็นเนบิวลา) เป็นครั้งแรกในปี 1912 ซึ่ง Vesto Slipher พบว่าเนบิวลาเหล่านั้นเกือบทั้งหมดกำลังถอยห่างออกจากโลก สิบปีต่อมา Alexander Friedmann นักจักรวาลวิทยาและนักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซียได้สร้างสมการจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอสไตน์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีเอกภพคงตัวของไอสไตน์เป็นไปไม่ได้ เพราะเอกภพกำลังขยายตัว หลังจากนั้นอีกสองปี Edwin Hubble นักดาราศาสตร์ผู้โด่งดังค้นพบเป็นครั้งแรกว่า สิ่งที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่าเป็นเนบิวลานั้น แท้จริงแล้วเป็นกาแลกซีอื่นเหมือนกาแลกซีทางช้างเผือกของเรา ต่่อมาไม่นานจากการสำรวจอย่างละเอียดละออ Hubble ยังพบอีกว่า ความเร็วถอยห่างของดาราจักรแปรผันตรงกลับระยะห่างของกาแลกซีนั้นๆกับโลก และตั้งขึ้นเป็น Hubble's Law จากทั้งหลายทั้งมวลข้างต้น และจากการศึกษากับสมการของ Friedmann ในที่สุด Georges_Lemaître นกบวชในนิกายคาทอลิกซึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์ชาวเบลเยียมได้เสนอแบบจำลองที่เขาเรียกว่า "สมมติฐานการกำเนิดอะตอม" ขึ้น จากภาพ ::: Monsignor Georges Henri Joseph Edouard Lemaitre (July 17, 1894 - June 20, 1966) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 20:38:34 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 01:11:16 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 01:04:51 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:57:13

ความคิดเห็นที่ 9 #5 - ขอบคุณครับ ^^,, #6 - ผมว่าเหมือนป๋าเฟอร์กี้ -  - #7 - แข่งรถที่ไหนง่ะ -0-,, แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 01:07:00 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:59:53

ความคิดเห็นที่ 10 ปาด ก่อนไปนอน จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 01:08:01

ความคิดเห็นที่ 11 สู้ๆจ้าวิน จากคุณ : ทุตซี&ลุงเฟเทอร์ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 01:29:18

ความคิดเห็นที่ 12 One for All  :::  Big Bang the first of everything[2] บทความนี้จะไม่กล่าวถึงช่วงเวลาก่อนเกิดบิ๊กแบงที่เรียกว่า cosmogony เนื่องจากยังเป็นที่คลุมเครือและมีทฤษฎีกล่าวถึงอยู่หลายทฤษฎี ซึ่งแต่ละทฤษฎีก็ไม่อาจพิสูจน์ชัดลงได้ สภาวะก่อนหน้าจะเกิดบิ๊กแบง รวมถึงจุดที่เกิดบิ๊กแบงนี้ถือเป็น singularity ที่เหนือความรู้และจินตภาพของมนุษย์ในปัจจุบันขึ้นไป บิ๊กแบงพิจารณาง่ายๆจากสมการของไอสไตน์อันเลื่องชื่อ E=mc2 ซึ่งกล่าวว่า "มวลที่หายไปคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสองจะมีผลลัพธ์เท่ากับพลังงาน" ลองพิจารณากลับกัน ในเมื่อพลังงานสามารถสร้างขึ้นได้จากสสาร แล้วทำไมสสารจะสร้างขึ้นจากพลังงานไม่ได้ ดังนั้นแล้ว จุดกำเนิดบิ๊กแบงคือกลุ่มกอนขนาดจิ๋วที่จุอัดพลังงานมหาศาลไว้ข้างใน 10-43วินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เรียกว่า ยุคแพลงค์ ถ้าทฤษฎีซูซี่ (SUSY : SUperSYmmetry) ถูกต้อง แรงทั้งสี่อันประกอบด้วย แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียแบบเข้มและอ่อน จะรวมเป็นหนึ่งเดียว การอธิบายปรากฏการณ์ในช่วงยุคนี้จะใช้ทฤษฎีสัมพัธภาพในนการอธิบายโดยที่ทฤษฎีทางควันตัมยังไม่มีบทบาทและอธิบายไม่ได้ ปัจจุบันเรามีความรู้เกี่ยวกับยุคนี้น้อยมาก โดยนักวิทยาาสตร์หวังว่าทฤษฎีที่อยู่ในระหว่างการศึกษาอย่างทฤษฎีแรงโน้มถ่วงควอนตัมจะทำให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ในยุคนี้ดีขึ้น 10-43วินาที - 10-36หลังเกิดบิ๊กแบง ช่วงเวลานี้เอกภพจะขยายตัวอย่างกระทันหัน ผลจากพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดทำให้อุณหูมิของเอกภพลดลงอย่างฮวบฮาบเช่นกัน ในช่วงนี้แรงโน้มถ่วงจะเริ่มแตกออกจากแรงหลักที่เหลือ 10-36วินาที - 10-12หลังเกิดบิ๊กแบง ช่วงเวลานี้เอกภพยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว อุณหภูิลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเมื่ออุณหภูมิของเอกภพต่ำกว่า 1028K ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ต่ำพอที่แรงนิวเคลียแบบเข้มและอ่อนจะแยกจากกันได้ ในที่สุดอนุภาคมูลฐานทั้งหมดก็ถือกำเนิดขึ้น รวมถึง W,Z Bosons และ Higg Bosons ด้วย และนี่เองที่เป็นกำเนิดของอนุภาคทั้งหมดในจักรวาล จากภาพ : ทฤษฎีบิ๊กแบง การขยายตัวและเคลื่อนที่ห่างออกของกาแลกซี แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 20:40:13 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 04:34:31 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 02:44:33

ความคิดเห็นที่ 13   ปูด..ป้าดด..!! จากคุณ : พลังคลื่นเต่าเป่ากระบังลม เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 03:00:00 A:124.120.149.136 X: TicketID:233244

ความคิดเห็นที่ 14 จะแปดโมงเช้าแล้ว... - -" พี่ก็มีสอบแปดโมงเช้าเหมือนกันครับ จากคุณ : Seiki เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 04:04:40

ความคิดเห็นที่ 15 Born of Hydrogen : The origin of everything หลังจากช่วงเวลา 10-12 วินาทีหลังเกิดบิ๊กแบงจนถึงช่วง 10 วินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง เป็นช่วงที่เกิดอันตรกริยาระหว่างอนุภาคทั้งสิ้น อนุภาคต่างๆเกิดขึนและดับสูญในช่วงเวลานี้ หลังจากกำเนิดของอนุภาคต่างๆ อุณหภูมิที่กล่าวว่าลดลงแล้วของเอกภพยังคงสูงมาก ดังนั้นอนุภาคต่างๆจะมีความเร็วที่ค่อนข้างสูง อนุภาคต่างๆยังมีการชนกันตลอดเวลา สสารและปฏิสสารมีการทำลายล้างกันตลอดเวลา ยังคงเป็นปริศนาว่าเหตุใดจำนวนอนุภาคบาร์ยอน (สสาร) จึงมีมากกว่าจำนวน antibaryon (ปฏิสสาร) แต่น้่นถือเป็นข้อดีที่ทำให้เอกภพเต็มไปด้วยสสารอย่างในปัจจุบัน ช่วงเวลานี้อนุภาคหลายชนิด อาทิ ฮาดรอน เลปตอน ควาร์ก กลูออน รวมถึงโปรตรอน นิวตรอนและอิเล๊คตรอนจึงเริ่มถือกำเนิดขึ้น หลังจากอัตรกริยาจำนวนมากของอนุภาคและสสาร พลังงานในเอกภพหลังจากนั้นจะอยู่ในรูปของโฟตอนแทบทั้งสิ้น หลังจากนี้ราวสามแสนปี ธาตุที่ฟอร์มตัวง่ายที่สุดในจักรวาลอย่างไฮโดรเจนปรากฏในเอกภพเป็นครั้งแรก เป็นสัญญานว่าดาวฤกษ์กำลังจะถือกำเนิดขึ้นแล้ว จากภาพ : ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของอนุภาคพื้นฐานใน Standard model แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 20:41:02 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 05:23:00 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 05:22:25

ความคิดเห็นที่ 16 นอนก่อนจะสอบแล้ว เดี๋ยวสอบเสร็จมาต่อครับ =__="a นี่ก็เขียนไปหลับไปหลายรอบแล้ว จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 05:23:47

ความคิดเห็นที่ 17   ผมไม่คิดว่า สสารมีจำนวนมากกว่าปฎิสสารนะ เพียงแต่ในกาแลคซี่ของเรา (หรือกาแลคซี่เพื่อนบ้านด้วย) มีระบบที่คงเหลือด้วยปฎิสสารมากกว่า ในจำนวนหลาย ล้านๆๆ กาแลคซี่ ก็ึคงมีระบบที่เป็นปฏิสสารล้วนเหมือนกัน จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 07:12:16 A:116.14.95.5 X:220.255.7.181 TicketID:228896

ความคิดเห็นที่ 18 #17 คำว่าสสารกับปฏิสสารเป็นคำที่ถูกเรียกขึ้นมาแทนชื่อเท่านั้นครับ ถ้าหากว่าสิ่งที่เหลือรอดอยู่ในปัจจุบันคือสิ่งที่เรียกว่าปฏิสารแล้วล่ะก็ มันจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสสารทันทีครับ เปรียบเทียบได้กับการก่อกบฏ คำว่าทรราชกับวีรบุรุษ มันก็แค่ชื่อแทนคำเรียกเท่านั้นครับ ผู้แพ้ก็เป็นทรราช ผู้ชนะก็เป็นวีรบุรุษ ส่วนเรื่องระบบที่เป็นปฏิสสารนั้นมันมีทฤฎีที่เรียกว่า ทฤษฎีสมมาตรอยู่ครับ โดยทฤษฎีนี้กล่าวว่า เอกภพจะมีความสมมาตร เหมือน และเท่ากันในทุกทิศทาง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แนวคิดที่ว่าจะมีระบบปฏิสสารที่ถูกแยกอย่างโดดเดี่ยวอยู่นั้นก็มีอยู่ครับ อย่างพวก dark energy หรือ dark matter เหล่านั้นเอง จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 10:05:58

ความคิดเห็นที่ 19 น้องวินสู้ๆ ๆ ๆ จากคุณ : @Server ! maN@ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 10:35:32

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นดังที่ #18 อธิบาย การที่สสารและปฏิสสารไม่ได้เท่าเทียมตั้งแต่กำเนิดจักรวาลเป็นผลให้เรามีชีวิตอยู่ได้ เพราะถ้ามันมีจำนวนเท่าเทียมกัน มันก็คงทำลายล้างซึ่งกันและกันจนหมดสิ้น ดาราจักร กาแล็กซี่ต่างก็จะไม่เกิดขึ้น หาอ่านเพิ่มเติมได้ใน "ความสมมาตรที่ถูกทำลาย" ซึ่งคุณศลแปลไว้ได้ดีในบล็อกของเขา จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 10:54:00

ความคิดเห็นที่ 21   ปูเสื่อรอครับ ^^ น้องวินรีบมาต่อไวไวนะ ปล.เพิ่งรู้ว่าน้องวินก็เล่นบีบีกันกับเขาด้วยเหรอเนี่ย - -* ว่างๆก็ไปยิงปืนลมที่อยู่ข้างๆสนามกลางได้นะ 55+ เผื่อจะเจอกันบ้าง หุหุ จากคุณ : แมวโหดกระโดดกัด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 12:42:40

ความคิดเห็นที่ 22 ตามมาชมผลงานของท่านน้อง เจ๋งเหมือนกันเดิมนะ (นี่ขนาดอยู่ในช่วงสอบนะนี่) จากคุณ : Due_n เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:42:51

ความคิดเห็นที่ 23 ปาดทันใช่มั้ย ...อืม ถึงว่า เสียงง่วงมาเชียว จากคุณ : pongpei เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 16:51:01

ความคิดเห็นที่ 24 นอนน้อยจัง จะสอบรู้เรื่องมั้ยเนี่ย พักผ่อนเยอะๆเน่อ จากคุณ : HeLL_Is_HeRe เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:41:39

ความคิดเห็นที่ 25 อืมมม สอบก็ยังมานะนะครับ ภาพสวยครับ (^-^) จากคุณ : ใต้เงาพระจันทร์แรม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:53:45

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณพี่ดิวพี่ขลิบ พี่ๆท่านอื่นๆทุกท่านมากๆครับ ^^,, เพิ่งฟื้นตัวจากไปเล่น Mil Sim เดี๋ยวคืนนี้ทำต่อครับ เดี๋ยวจะบกไปกระทู้ใหม่   จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 18:54:55

ความคิดเห็นที่ 27 มาเป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : prasong9 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:17:58