ความคิดเห็นที่ 1 บรรเทาอาการปวดป่าวครับ เดานะ จากคุณ : ล่องเล่นร่อนลม เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 11:49:29

ความคิดเห็นที่ 2 อุปกรณ์ทำคลอดของหมอตำแยไม่มีอะไรยุ่งยาก มีสมุนไพร กรรไกรตัดสะดือ ผ้าขาวม้า น้ำร้อนก็จะสั่งให้เจ้าบ้านต้มรอไว้ให้เรียบร้อย เพื่อฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการในการทำคลอด (เช่น กรรไกรตัดสายสะดือ) ถามว่าคนโบราณมีความรู้เรื่องจุลชีววิทยาหรือไม่ ก็เปล่าหรอก เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมา ความที่ว่า หมอตำแย มีแต่ผู้หญิงก็มีเหตุมีผลเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 11:55:22 จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 11:54:07

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยก่อนไม่มีกรรไกรครับเพราะเสียงต่อบาดทะยักมากๆ   เค้าใช้ไม่ไผ่ฝานให้คมแล้วตัดครับ จากคุณ : foduck เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 12:18:17

ความคิดเห็นที่ 5 พ่อเด็กจะได้ไม่ประสาทแดรกมั้ง จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:03:28

ความคิดเห็นที่ 6   สมัยก่อนไม่มีน้ำแข็งไม่มีตู้เย็น 555555 เข้าเรื่องๆ เอาน้ำอุ่นอาบตัวเด็กแรกเกิด เพราะตอนคลอดมีเลือดติดตามร่างกายเด็ก ล้างเลือดทำความสะอาด เหมือนเราป่วยก็ไม่ควรอาบน้ำเย็นนะ จากคุณ : PRATHONGZA เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:08:39

ความคิดเห็นที่ 7   ทำความสะอาดเครื่องมือ ทำความสะอาดเด็กและแม่ (น้ำอุ่นนะ ไม่ใช่น้ำร้อนเดือด ปุดๆ) สองข้อแรกถามแม่มา ชงโอเลี้ยง เพราะต้องเฝ้ายามไม่ให้ผีกระสือมากินรกเด็ก จากคุณ : richly @ money เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:14:36

ความคิดเห็นที่ 8 อาบน้ำร้อนมาก่อน... จากคุณ : i_teep เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:21:39

ความคิดเห็นที่ 9 เขาให้ต้มเอาไว้ เพราะพอแม่คลอดลูก ไม่ทราบว่าทำหลังคลอดเลยหรือเปล่า คือจะเอาผ้าหน้าๆ มาผูดเอาไว้ด้านบน ทำเป็นเหมือนซุ้ม คลุมตัวแม่เอาไว้ แล้วเอาหม้อที่มีน้ำร้อนๆ ใส่เข้าไปกับคนเป็นแม่ หมอตำแยจะอยู่ข้างนอก ค่อยเอาไม่เรียวตี ไม่ให้ออกมา ตอนแรกเขาจะค่อยๆ ให้อุ่นๆ พอร้อนมากๆ คนคลอดจะหาทางออก หมอตำแยก็จะไม่ยอมให้ออก และจะเอาหมอที่มีไอนำร้อนๆ ไปใกล้ๆ แต่ไม่โดนตัวนะ ใช้ไอมัน ไม่ทราบว่าทำนานเท่าไหร่ หมอตำแยบ้างคนก็ให้ไปอยู่ซุ้มไก่เลยแล้วเอาผ้าหลายๆ ชั้นคุ้มเอาไว้ เรื่องนี้รู้มาเพราะว่ายายคลอดแบบโบราณ ไม่ได้ล้างตัวเด็กหรืออะไรทั้งเลย และไอ้น้ำร้อนที่ต้มก็จะใส่สมุนไพรค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 13:47:52 จากคุณ : ~kutsuku~ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:47:09

ความคิดเห็นที่ 10   พ่อเด็กมักตื่นเต้นถามโน่นถามนี่ เลยหาเรื่องไล่ให้ไปต้มน้ำ จะได้ไม่มาอยู่กวนใจหมอตำแย ได้ยินมาอย่างนี้นะ จากคณะตลก O_o จากคุณ : Mr. k เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 13:52:25 A:58.9.228.98 X: TicketID:115608

ความคิดเห็นที่ 11 อาบเด็ก เพราะเด็กตัวเปียกไปด้วยร้ำคร่ำและเลือดแม่ จากคุณ : doctormankung เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 14:04:12

ความคิดเห็นที่ 12   ต้มน้ำร้อน ล้างเครื่องมือ ฆ่าเชื้อโรคครับ อาจจะเก็บไฟเอาไว้อยู่ไฟด้วยมั้ง คนสมัยก่อนอดทนมากเลยนะ มีลูกกันหลายคน คลอดธรรมชาติทั้งนั้น แม่เล่าให้ฟังว่า หลังคลอดลูกต้องอยู่ไฟ ถ้าไม่ทำตัวจะสั่นหนาว เอาแค่ตัวผมผ่าตัดออกมา มีแผลเจ็บ ต้องดูแลตัวเองยังแทบแย่ แต่คนเป็นแม่ไหนจะดูแลแผลตัวเองยังไม่พอ ยังต้องดูแลลูกอีก ยอมรับจริง ๆ ครับ ความเป็นแม่นี่สุดยอด จากคุณ : กระเพาะปลาผัดแห้ง เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 14:51:38

ความคิดเห็นที่ 13 สงสัยอีกอย่าง ดูเรื่องนากนาก มีการเอาเม็ดเกลือ(มั้ง)กรีดฝีเย็บ เลยสงสัยว่า แล้วพวกที่คลอดเองไม่มีหมอตำแย หรือสมัยนี้ที่คลอดในแท็กซี่ เด็กออกมาได้ยังไง แล้วสมัยนั้นเอาอะไรเย็บกลับ หรือว่าไม่ต้องเย็บ มันสมานตัวเอง จากคุณ : แมวบอส เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 15:47:35

ความคิดเห็นที่ 14 หมอตำแย ชอบกินกาแฟมั้ง.... จากคุณ : asawavet เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 16:43:40

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ละหัวข้อ จะบ้าตาย จากคุณ : เบรานิ่ง เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 18:13:34

ความคิดเห็นที่ 16 #5 กับ 10 คิดเหมือนผมเลย หาเรื่องให้พ่อเด็กมีอะไรทำ เพราะพอคลอดแล้วไม่เห็นมันจะยกน้ำเข้าไปให้เลย จากคุณ : ความจำสั้นสันหลังยาว เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:12:36

ความคิดเห็นที่ 17   สมาชิกที่ตอบว่า ต้มน้ำร้อนเพื่อ ล้างเครื่องมือ ฆ่าเชื้อโรค อาบน้ำเด็ก มีแหล่งอ้างอิงคำตอบหรือไม่ว่าคำตอบมาจากไหน?? เพราะมันขัดแย้งกับ คห9 ที่บอกว่าไว้ต้มสมุนไพร จากคุณ : หลับตา เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:30:22 A:58.64.63.10 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 18   การกรีดปาดช่องคลอดต้องกรีดตอนหัวเด็กออกมาตุ่ย ๆ นะครับ รอยแผลจะได้ตรงเรียบสวย ถ้าตัดก่อนหรือให้หัวเด็กดันออกมาเองรับรองว่ารุ่งริ่งแน่ การคลอดธรรมชาติร่างกายจะฟื้นเร็วกว่าผ่าคลอด และต้องเอาไฟคอยปิ้งแผลปากช่องคลอดเช้าเย็นด้วย แผลจะได้แห้งเร็ว (สมัยใหม่ใช้โคมไฟส่องรอบละสิบนาที สมัยก่อนใช้ถ่านติดไฟใส่กระโถนแล้วให้คนคลอดนั่งคร่อมกระโถน) จากคุณ : ตึกร้อยสี่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:31:25

ความคิดเห็นที่ 19 ขำ  8 จากคุณ : teresa_roj เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:16:55

ความคิดเห็นที่ 20 ให้มันต้มๆไปงั้นแหละ มันได้มีไรทำ ไม่งั้นมันตะโกน   กวนอยุ่นั่นแหละ จากคุณ : i-sho :-)ำแต (i-sho) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:40:39

ความคิดเห็นที่ 21 ...อืม แต่มันเป็น ฉาก คราสสิกเลยนะ ผู้ชายต้องไปจุดไฟต้มน้ำ พอต้มน้ำเสร็จ ก็ลูกคลอดพอดี  พ่อยกน้ำมา สะดุด ราดตัวเด็กเลยเรียกอาบน้ำร้อนมาก่อน  กำ  ช่วงหลังนี้ต่อเอง ความจิงเอาน้ำไปทำอะไร บอกทีครับ หรือก็แต่เอาไปทำความสะดาด จากคุณ : JupiterX เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 22:55:10

ความคิดเห็นที่ 22 ชงกาแฟ จากคุณ : xevi เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 00:15:57

ความคิดเห็นที่ 23 โอ..เนาะ..!!! ความเห็นแต่ละคน....    ผมคนนึงละครับที่คลอดโดยหมอตำแย..อาม่าผมเอง... แม่ผมเล่าให้ฟังบ่อยๆ  เวลาที่คุยเกี่ยวกับเรื่องคลอดของพี่น้องแต่ละคน พี่ๆผมเป็นยุคไม้ไผ่คมตัดสายสะดือครับ  แต่มาถึงพี่คนก่อนผมคนนึง จนถึงผมและน้องเป็นกรรไกรแล้วครับ..   น้ำร้อนที่ต้ม  ใช้ลวกกรรไกร  ต้มผ้าที่เอาไว้เช็ดทำความสะอาด  (ตอนนั้น ใช้เสื้อเก่าของพ่อ(ที่ซักไว้แล้ว)เพราะจะได้นุ่มนิ่มหน่อย)   หลังจากนั้นเจือจางน้ำให้อุ่นลงไว้อาบน้ำเด็ก  และล้าง...ของแม่ แม่ผมไม่เคยได้เล่าถึงการใช้สมุนไพรใดๆ แต่อย่างใด... จากคุณ : tongboy เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 02:24:49

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วคิดถึงแม่ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 02:31:14

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่มเติมครับ....   พ่อผมลงมาพอดีถามว่าผมทำอะไรอยู่   เล่าให้ท่านฟัง ท่านเลยเล่าเพิ่มเติมว่า ตอนที่ผมคลอดนั้น..ตรงตามที่ผมเล่ามา  แล้วเพิ่มเติมว่า  กรรไกรที่ใช้ เป็นกรรไกรขาเดียว   แบบที่เป็นสัญลักษณ์อั้งยี่น่ะครับ  อาม่าผมไล่ท่านไปต้มน้ำร้อน เพื่อมาแช่กรรไกรนี้  ไว้ตัดสายสะดือของผมโดยใช้วิธีพับสายสะดือแล้วสอด ขาของกรรไกรไว้ตรงกลางแล้วเฉือนขึ้น  ท่านถามอาม่าว่าทำไมไม่ใช้กรรไกรสองขา จะได้ง่ายขึ้น  อาม่าตอบพ่อผมว่าโบราณเขาถือ แตไม่บอกเหตุผล จะเซ้าซี้ก็โดนด่า   พอพ่อผมจะมาถามตอนหลังก็ลืมๆไป  พอผมคลอดออกมาแล้ว   ก่อนจะอาบน้ำ  อาม่าใช้กระดาษฟางเช็ดคราบเลือดก่อน  แล้วค่อยอาบน้ำ (ตอนโน้นยังไม่มีกระดาษชำระ มีแต่กระดาษฟาง) ถามพ่อผมถึงสมุนไพร...ท่านตอบว่า..ไมมีสมุนไพรอะไรเลย... จากคุณ : tongboy เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 03:00:29

ความคิดเห็นที่ 26 ขอซีเรียสหน่อยนะ ไม่ทราบว่าไปให้ gift คห4 ได้อย่างไรครับ เพราะมันเป็นเรื่องเท็จ ทั้งๆ ที่เรื่องจริงก็คือน้ำร้อนใช้ disinfectant อุปกรณ์ทำคลอดตะหาก ปล. ผมคลอดด้วยหมอตำแยครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 12:42:04

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าหากจะถามเอาคำตอบที่เหมือนกัน ผมมั่นใจว่าไม่มีทางได้ข้อยุติครับ ต่อให้คนที่ตอบเป็นหมอตำแยตัวจริงมานั่งตอบ ตอบ 5 คน ก็อาจจะได้คำตอบที่ไม่ตรงกัน แล้วตอบไม่ตรงแปลว่าโกหกหรือไม่ ก็ไม่ใช่ เพราะว่าการแพทย์แผนไทยในโบราณ มีการเรียนการสอนไม่เหมือนกัน มีระบบการเรียนการสอนที่ขึ้นกับอาจารย์แต่ละท่าน แพทย์แผนไทยแต่โบราณ ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในแบบลองผิดลองถูก จากนั้นก็พัฒนาระบบถ่ายทอดกันมาเป็นสำนัก ถ่ายทอดวิธีการที่อาจารย์ทำแล้วได้ผลให้แก่ศิษย์ วิธีใดไม่ได้ผลก็บอกเตือนว่าไม่ได้ผล อย่าทำ เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบบหนึ่ง ปัญหาก็คือว่า แพทย์แผนไทยในสมัยที่การแพทย์แผนตะวันตกเริ่มเข้ามา มีจุดอ่อนที่การเผยแพร่ความรู้ยังไม่แพร่หลาย ในสมัยที่มีการก่อตั้งโรงพยาบาลในประเทศไทย และก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ในไทยใหม่ๆ มีการก่อตั้งแผนกทั้งการสอนการแพทย์แผนตะวันตก และการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนตะวันตกในสมัยนั้น ครูบาอาจารย์จากทางนั้นมาสอนแบบสอนหมดเปลือก สอนเป็นระบบ และมีความช่วยเหลือเกื้อกูลทางวิชาการ ... เรื่องการหวงวิชาที่จะเป็นปัญหาก็มีไม่มาก เพราะว่าครูบาอาจารย์ที่มาสอนหลายท่านละทิ้งแม้แต่บ้านเกิดของตนมา แต่ในขณะที่การแพทย์แผนไทยที่เปิดสอนในโรงเรียนแพทย์สมัยนั้นควบคู่กันดันเกิดปัญหาว่าอาจารย์ที่ต่างสำนักกันมาสอน ก็สอนในแบบของตน ไม่สอนหมดเปลือก เป็นปัญหาขนาดที่ว่ามีบันทึกไว้ถึงปัญหานี้ที่ทำให้การเรียนการสอนแพทย์แผนไทยตามระบบที่ราชการพยายามสร้างขึ้น เป็นอันต้องพังพาบไป .... ดังนั้น ตอบได้หลายคำตอบ หมอตำแยแต่ละท่านมีครูบาอาจารย์ไม่เหมือนกัน เอาละ มา จะพาเข้าเรื่อง จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 20:42:49

ความคิดเห็นที่ 28 คำตอบที่เคยได้ยินได้ฟังมาเหล่านี้ มาจากเมื่อตอนที่ไปทำงานชดใช้ทุน และบางส่วนมาหาเพิ่มเติมหลังจากกลับมา เมื่อพิจารณาแล้ว เชื่อด้วยตนเองว่าเป็นไปได้ทุกแบบทั้งสิ้น 1. ใช้เพื่อล้างเครื่องมือ คำตอบนี้เป็นคำตอบที่เห็นได้ชัดหากมองในมุมมองของคนปัจจุบัน เพราะว่าเรารู้กันดีว่าเชื้อโรคมีมากมาย โดยเฉพาะเชื้อบาดทะยักที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของเด็กทารกแรกเกิดในสมัยก่อน ดังนั้นจะพบได้ว่าคนเฒ่าคนแก่หรือหมอตำแยสมับปัจจุบันหลายคน จะทำการต้มน้ำร้อนเพื่อลวกล้างเครื่องมือที่ใช้ในการตัดสายสะดือ ดังนั้นก็ยังเจอได้เสมอสำหรับหมอตำแยตัวจริงในปัจจุบันที่ใช้มีดไปต้มน้ำร้อนด้วยเหตุผลว่า"ฆ่าเชื้อโรค" ปัญหาที่เป็นข้อโต้แย้งคือ 1.คนสมัยก่อนไม่มีความรู้เรื่องเชื้อโรค ... ดังนั้นหมอตำแยสมัยโบราณก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าเชื้อโรคคือสาเหตุของการตาย ... จะมาลวกเครื่องมือให้ยุ่งยากทำไม 2. เครื่องมือโลหะในสมัยโบราณไม่ได้หาง่ายๆ คนโบราณไม่ได้ใช้มีดในการตัดสายสะดือเด็กเสมอไป ... เขาใช้ไม้ไผ่ต่างหาก หลักในการใช้ไม้ไผ่ในการตัดสายสะดือคือนำไม้ไผ่มาผ่าออก จากนั้นลอกเปลือกด้านนอกออกก่อน ลอกจนกระทั่งถึงตรงกลางแล้วลอกเป็นแผ่นบางๆ เมื่อได้ไม้ไผ่บางๆเป็นแผ่นพอเหมาะ ก็ใช้ความคมของไผ่นั้นไปตัดสายสะดือ คมไหม ... ตอบได้ว่าคม เคยเจอบาดมาแล้วตอนกินข้าวหลาม สะอาดไหม ... ตอบได้ว่าสะอาดในระดับนึง เพราะอย่างน้อยที่สุดไม่มีทางมีเชื้อบาดทะยักแน่นอน ... ส่วนเชื้ออื่นจะมีหรือไม่ก็ว่ากันอีกที แต่ไม่ใช่สาระสำคัญ สำหรับบางพื้นที่ จะใช้กรรไกรขาเดียว และไม่มีการใช้กรรไกรสองขาในการตัดสายสะดือ ก็เพราะว่า "มีความเสี่ยงในการตัดนิ้วเด็กทารกขาด" สูงมากหากใช้กรรไกร ในการทำคลอด สายสะดือจะไม่ได้ยาวมากมาย พื้นที่ในการตัดสายสะดือเป็นพื้นที่เล็กๆและเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ดังนั้นหากใช้กรรไกรไปตัด ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะตัดโดนนิ้วของเด็กขาด (ขาดง่ายกว่าสายสะดือแล้วกัน เพราะว่าสายสะดือใหญ่กว่านิ้วเด็กสักสามเท่า) ดังนั้นในการทำคลอดและใช้กรรไกร ต้องมีการฝึกมา ไม่งั้นก็มีโอกาสตัดพลาดง่ายๆ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 20:59:05

ความคิดเห็นที่ 29 2.ใช้เพื่อให้ความอบอุ่นเด็ก เด็กทารกที่เกิดใหม่ มีพื้นที่ผิวมาก เมื่อเทียบกับขนาดตัว ดังนั้นจะสูญเสียความร้อนไปได้มาก การเสียความร้อนจากร่างกายของเด็ก หรือ Hypothermia เป็นสาเหตุการตายที่สำคัญในช่วงวันสองวันแรกของเด็ก ... แม้มาเจอในปัจจุบัน ก็ยังถือเป็นสิ่งที่น่ากลัว และไม่รู้ว่าคนโบราณสังเกตอย่างไร ... อาจจะจากการที่สังเกตว่าเด็กที่แย่ๆส่วนใหญ่จะตัวเย็นชืดหรือเหมือนหนาวตายก็ได้ แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีการต้มน้ำเพื่อให้เด็กอาบ"น้ำร้อน"(ไม่ใช่น้ำอุ่นนิดๆ แต่ต้องร้อนพอประมาณ) เพื่อล้างคราบเลือดให้สะอาด เป็นที่มาของคำสุภาษิตว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน คำอธิบายนี้เป็นคำอธิบายที่มีปรากฎชัดเจนเป็นหลักฐานมากที่สุดและเข้าได้กับสิ่งที่พบเจอมากที่สุด ทั้งนี้บางตำรับอาจจะมีการวางซุ้มสมุนไพร น้ำสมุนไพร ใช้แต่ไอน้ำอย่างเดียวก็มี ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร ขึ้นกับสำนักแต่ละแห่ง แต่ผลออกมาเหมือนกันคือให้เด็กตัวอุ่น ... อย่าลืมว่าการคงอยู่ของตำรับเหล่านี้มาจากการที่ทำคลอดแล้วมีเด็กรอดเยอะ แม้นว่าจะทำเรื่องยุ่งยากเป็นพิธีการ แต่ถ้าปรากฎว่าเด็กรอดมากก็ย่อมมีลูกศิษย์ลูกหา มีการสืบทอดต่อมาได้ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 21:12:12 จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 21:08:12

ความคิดเห็นที่ 30 *นอกเรื่องนะ มีใครเกิดแบบออกมาเองง่ายๆบ้างไหมครับ แม่ผมเล่าให้ฟังว่า ตอนผมคลอด ไม่เจ็บไม่ปวด นอนๆอยู่ พรวดออกมา ร้องแว้ขึ้นมาเลย ตอนตี5 พ่อเป็นคนปลุกแม่ แม่ก็งัวเงียๆ งงๆ ตกใจอีกตะหาก ตอนอนุบาลเขาให้แม่เขียนว่าเกิดที่โรงพยาบาลไหน แม่ตอบไปว่า เกิดที่บ้าน คุณครูอนุบาลหัวเราะใหญ่เลย หาว่าบ้านนอก ใช้หมอตำแย แม่สวนไปเลยว่า หมอตำแยก็ไม่ใช้ มันออกมาเอง ตอนฉันหลับ - - จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 21:22:39

ความคิดเห็นที่ 31 3. ให้พ่อเด็กไม่เข้ามายุ่ง คนไม่เคยทำคลอดให้คนอื่นคงไม่รู้ว่า คนที่จะทำให้การคลอดมีปัญหาได้มากที่สุดกลุ่มหนึ่งก็คือบรรดาญาติ ในการทำคลอด มีกระบวนการหลายอย่างที่คนที่ไม่สัมผัสจะไม่รู้ไม่เข้าใจ - ในการคลอดต้องรอจังหวะที่ปากมดลูกเปิดครบ 10 ซม. ซึ่งแต่ละรายไม่เท่ากัน ... บางรายรอนานหลายชั่วโมงกว่าจะเปิด แม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด ญาติบางคนหมออธิบายจนปากจะฉีกถึงรูหูก็ไม่เข้าใจ จะต่อยหมอฐานไม่ยอมทำคลอดสักที (ถ้าวันนั้นโดน คงโดนขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์จังหวัดว่าโดนต่อยไม่อธิบายสักคำ) - ในการคลอดต้องตรวจภายในว่าปากมดลูกเปิดเต็มที่หรือยัง ถุงน้ำทูนหัวแตกหรือยัง ฯลฯ ต้องตรวจผ่านทางช่องคลอด สามีบางคนไม่เข้าใจถึงความจำเป็นนั้น เปิดม่านเข้าไปเจอหมอตรวจภายในก็ด่าหมอว่าวิตถาร - ในการคลอดต้องมีการกรีดเปิดที่ปากช่องคลอดให้ช่องทางขยายออก เพราะถ้าให้เด็กออกมาเองโดยไม่เปิดนำ อาจจะเกิดการฉีกขาดไปที่รูทวารหนักได้ (จะเกิดผลข้างเคียงกับแม่ได้ในอนาคต) สามีบางคนไม่เข้าใจ พอทำคลอดเสร็จแฟนบอกว่าหมอกรีดที่ช่องคลอด ก็ผลักอกหมอที่ทำคลอดให้ลูกเมียตนเองแล้วขู่จะเอาเรื่อง - ในการทำคลอด โดยเฉพาะช่วงที่เด็กออกมา เป็นช่วงที่ต้องใช้สมาธิและต้องตรวจหลายอย่างมากมาย ญาติบางคนพอได้ยินเสียงเด็กก็เฮโลจะเข้ามาดูให้ได้ จะเอาเด็กไปชื่นชมกัน ... ส่วนหมอก็จะเอาเด็กไปเข้าตู้อบ เพราะตัวเย็นเจี๊ยบ บางคนเข้ามาถึงเจอเลือดก็จะเป็นลม ... เดือดร้อนพยาบาลที่ทำคลอดต้องช่วยหามออกไปนอนอีก คาดว่าหมอตำแยโบราณจะมีกึ๋นทางด้านนี้มากกว่าหมอจบใหม่มากมายนัก จึง - ไล่ให้ไปต้มน้ำร้อน - ไล่ให้ไปหาหม้อมาใส่สายสะดือและรก กันผีมากิน - ไล่ให้ไปตัดไม้หนามมาสะไว้กันผี ให้เฝ้ายามกันผี ... เพราะพวกผู้ชายนี้แหละ ตัวดีที่จะตื่นเต้นและลงไม้ลงมือกับหมอตำแย ไปเฝ้ายามรอบบ้านและเชื่อว่ากำลังปกป้องคนคลอดจากผีนี่แหละดี ประมาณนั้นกระมังครับ จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 21:40:49

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบคห.ที่30 เราเป็นคนนึงที่คลอดแบบไม่ให้แม่ต้องเจ็บปวด เราคลอดง่ายมาก ถึงแม่จะมีปวดท้องบ้าง แต่หมอและพยาบาลยังเตรียมเครื่องมือไม่เสร็จ เราก็ไหลพรวดออกมาเลยค่ะ แม่บอกไม่ต้องเบ่งเลย ปวดท้องนิดเดียวก็พรวดออกมาบนเตียงเลยค่ะ เราก็นึกว่ามีแต่เรานะเนี่ยที่คลอดง่าย ที่สำคัญเราเป็นลูกคนแรกด้วย น่าอัศจรรย์จริงๆ จากคุณ : Bubblesoda เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:08:25

ความคิดเห็นที่ 33 wow rep 30, 32 very interesting.... จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:48:39