ความคิดเห็นที่ 1 เอ๊ย ไม่ใช่ครับ 1. เนื่องจากต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ ... ไม่ได้ดูถูกภูมิปัญญาทางภาษาของเหล่าเซียนเหล่าเทพห้องนี้นะครับ แต่ผมจะขออนุญาตบรรยาย (แต่ไม่แปลทุกตัวอักษรนะครับ) เนื่องจาก 1. มีศัพท์ทางเทคนิคบางตัวที่เป็นศัพท์เฉพาะ และ 2. มีมุกแสบๆคันๆของผู้เขียน(ไม่ใช่ผม) ที่รู้กันมันส์ขำกลิ้งเฉพาะคนในวงการ ถ้าไม่ขยายความจะไม่เข้าใจว่ามุกมันแสบมันคันมันหยดติ๋งๆติ่งต้อยห้อยโทงเทงอย่างไร 2. เนื่องจากระบบกระทู้จะเอาตัวหนังสือไว้ก่อนรูป ทำให้ดูแล้วไม่ได้อรรถรสสำหรับบางภาพบางตอน ดังนั้นสำหรับบางรูปผมอยากให้ดูรูปก่อน แล้วค่อยอ่านบรรยาย จึงของโพส์ตคำบรรยาย ในความเห็นถัดไปนะครับ ในการนี้อาจจะทำให้บางช่วงต้องเลื่อน (scroll) จอขึ้นลงๆนิดหน่อย (ขึ้นกับการตั้งค่าความละเอียดของจอ) ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ.ที่นี่ ตามเคยนะครับ คร่าวๆมีประมาณกว่า 50 รูป และ ข้อความ ... เน็ทอาจจะเจ๊งกะโบ๊งระหว่างโพสต์ ปาดกันได้ตามสะดวก ชิวๆครับ ไม่ว่ากัน ด้วยคาราวะ อึ่งน้อย(วิศวกรรมลำเค็ญ) ณ. อ่าวไทย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:03:44

ความคิดเห็นที่ 2 หน้าแรกมาก็ต้องให้เกียรติผู้เขียนก่อน ขอขอบคุณ คุณ Allen Johnston ... ผมไม่ได้มีโอกาสไปขออนุญาตหรอกครับ เพราะไม่ทราบว่าจะไปตามหาตัวได้ที่ไหน แต่เนื่องจากเป็น forward mail จึงขออ้างอิงถึงไว้ ณ.ที่นี้ และผมคิดว่าคุณ Allen คงทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทานเหมือนกัน ดังนั้นจุดประสงค์เราตรงกัน เพราะผมเอามาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานเช่นกัน (ตีขลุมเอาดื้อๆงี้แหละ อิอิ) สำหรับผมเอง (ผู้ "จำอวด" ) เป็นใครมาจากไหน ไม่จำเป็นต้องทราบ ส่วนท่านที่พอเดาได้เลาๆ ก็ขอความกรุณาอย่าเฉลยในที่แจ้ง เพราะไม่ใช่รายการซ้อเจ็ด เอ๊ย ไม่ใช่ ... เดี๋ยวตกงาน ลูก5เมีย3กิ๊ก2 แล้วยังมีน้องน.ศ.(ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนกับค่าผ่อนคอนโด)อีก1 ... จะเดือดร้อนกันไปหมด เอิ๊กๆ CEPU เป็นชื่อพื้นที่สัมประทานที่ให้บ.น้ำมันแห่งหนึ่งเข้าไปทำการหาผลประโยชน์ และ Island of Java เป็นเกาะชวาครับ เป็นเกาะใหญ่เกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ที่เหลือเปิดดิกเอาเอง จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:04:08

ความคิดเห็นที่ 3 2 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:04:25

ความคิดเห็นที่ 4 มีคำที่น่าขยายความอยู่ 2 คำครับ 1. National Oil Company - อันว่าบ.น้ำมันแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ บ.น้ำมันแห่งชาติ ที่รัฐบาลของประเทศนั้นๆถือหุ้นใหญ่ (ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม) ไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อหากำไรสูงสุด แต่จุดประสงค์หลักคือ พิทักษ์ปกป้อง และ ถ่วงดุล ผลประโยชน์ทางพลังงานของประเทศนั้นๆ พูดง่ายๆคือ รัฐให้แต้มต่อในการแข่งขันว่างั้นเถอะ บ.เหล่านี้ก็เช่น JPEX ของพี่ยุ่น (Japan Exploration and Production) CNPC (China National Petroleum Company) ของพี่ตี๋ใหญ่ ONGC (Oil and Natural Gas Commission of India) ของน้าบัง Petronas ของพี่เสือเหลือง KNOC (Korea National Oil Company) เป็นต้น และ ของประเทศสารขันณ์ ก็คือบ.ที่คุณก็รู้ว่าใคร (ฮ่า) ผมเคยไปเจรจาต้าอวย(ในส่วนเล็กๆของงานที่รับผิดชอบ) ทำให้เห็นว่าหลายๆบ.แห่งชาติพวกนี้ ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม มีแต่ของประเทศอะไรก็ไม่รู้ เจารจากับใครที่ไรเสียเปรียบเขาทุกที ... พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวจะได้ไปโพสต์ตอนหน้าในคุก ... ส่วนอีกประเภทก็ บ.น้ำมันที่ไม่ใช่แบบแรก น้าน ... กำปั้นทุบดิน(อีกแล้ว) บ.พวกนี้ก็ตามปกติวิสัยบ.เอกชน คือแสวงหากำไรสูงสุด ขุดๆดูดๆแล้วก็จู๊ดๆ(เผ่นกลับบ้านตัวเอง บ้านใครบ้านมัน) นึกๆชื่อกันเอาเองบิ๊กแหนม เอ๊ย บิ๊กเนมกันทั้งนั้น 2. Abandoned well - คือหลุมน้ำมันที่เขากลบด้วยการเอาซีเมนต์ยัดอุดในท่อกรุแล้ว จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:04:51

ความคิดเห็นที่ 5 3 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:05:11

ความคิดเห็นที่ 6 Abandon well with casing still intact - คือหลุมน้ำมันที่เคยผลิตจนผลผลิต (Production rate BPD - Barel per day คูณ ราคาขาย) ไม่คุ้มกับค่าโสหุ้ยในการผลิตณ.เวลานั้นๆ เขาก็จะกลบหลุมทิ้งโดยที่ยังมีท่อกรุ(casing) ค้างอยู่ ต้องดูรูปข้างล่างประกอบครับ เขาจะตัดท่อกรุออกไปให้ได้มากที่สุด เพราะมันเอาไปใช้ใหม่ได้ ประหยัดงบฯการขุดหลุมหน้า ส่วนที่เหลือในหลุมก็คือท่อกรุที่โผล่ขึ้นมาบางส่วน แล้วมีซีเมนต์ยัดอยู่ลึกลงไป ส่วนจะลึกเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับว่ากฏเกณฑ์ของรัฐบาลท้องถิ่นนั้นๆบังคับไว้ คราวนี้หลุมมันเก่าซีเมนต์ที่อุดอยู่ในท่อกรุมันก็เสื่อมสภาพ น้ำมันดิบมันก็ซึมกระปริดกระปอยขึ้นมา แต่มันไม่ได้ขึ้นมาเดี่ยวๆมันมีน้ำขึ้นมาด้วย แล้วน้ำก็ซึมมามากกว่าน้ำมัน จนบางครั้งก็ต้องรอ - ที่เหลือเปิดดิกอ่านเอาเอง (อิอิ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:05:43

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นโครงปั่นจั่น (derrick) ที่ทำด้วยไม้ไหมครับ จริงๆมันต้องเป็นอะไรราวๆรูปนี้ ... จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:06:36

ความคิดเห็นที่ 8 ดีนะเนี้ย แท่นนี้ยังมีเครื่องยนต์รถอีแต๋นเก่าๆมาใช้เป็นตัวขับกว้านดึงรอก ผู้เขียนเลยแซวว่า high end คือ แท่นชั้นดี :) เพราะเดี๋ยวสักพักจะมีรูปแท่นแบบแรงคนขับ (ฮ่าๆ) เอามาให้ดูเปรียบเทียบ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 10:57:10 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:07:10

ความคิดเห็นที่ 9 รูปนี้มีศัพท์เทคนิคหลายคำแต่ติดไว้ก่อน ประเด็นหลักคือผู้เขียนเล่นกับคำว่า Rig Supervisor ซึ่งปกติคำนี้ใช้เรียกคนที่มีอำนาจสูงสุดบนแท่น สั่งซ้ายหันขวาหันได้ แต่ก็รับผิดชอบสูงสุดด้วย เทียบได้ประมาณกัปตันเรือหรือเครื่องบินนั่นแหละครับ แต่ในกรณีนี้ Rig Supervisor ทำเองคนเดียว (ฮ่า) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:08:23

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีอะไร แปลเองได้นะครับ คนนึงคุมเครื่องรถอีแต๋น อีกคนนึงขับกว้าน สูบบุหรี่ฉุยในแอ่งน้ำมัน ซึ่งในการทำงานมาตราฐานปกติจะห้ามเด็ดขาด จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:08:49

ความคิดเห็นที่ 11 9 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:09:21

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นกระบอกเหล็กผูกเชือกห้อยไหมครับ ชิวๆครับ เหมือนผูกเชือกหูหิ้วถังน้ำแล้วหย่อนลงไปในบ่อน้ำนั่นแหละครับ เขย่าหน่อยถังน้ำก็ตะแคง น้ำก็เข้าปากถัง แล้วก็สาวขึ้นมา แต่ท่อกรุมันเล็กกว่ามาก ถังที่หย่อนลงไปจึงต้องมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก ขนาดกระบอกก็พอๆกับขนาดของท่อกรุ ถามว่าแล้วมันตักน้ำมันได้ไง กระบอกมันมันไม่ลอยอยู่บนน้ำมันหรือไง หุๆ วิศวกรอย่างผมคิดให้หัวแตกก็คิดไม่ออก เพราะจะเอาเชือกอีกเส้นผูกก้นกระบอกยกก้นขึ้นเหมือนผูกยกก้นกระป๋องตักน้ำในบ่อน้ำก็ทำไม่ได้ เพราะที่กรณีนี้มันแคบ (สำหรับบ่อน้ำ ตัวบ่อใหญ่กว่าตัวถังตักน้ำเยอะ มันเลยมีที่พอให้ถังมันตะแคงเอาปากถังนอนให้น้ำไหลเข้าได้ แต่กรณีนี้กระบอกตักน้ำมันขนาดมันเกือบเท่ากับขนาดของท่อกรุ มันเลยตะแคงไม่ได้) ภูมิปัญญาชาวบ้านครับ ก็ทำให้กระบอกเหล็กมันหนักซิครับ มันก็จมลงไปน้ำมันที่อยู่ในท่อกรุเองนั่นแหละ ชิวๆ แต่อีตอนสาวกระบอกขึ้น มันก็หนักหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็ช่างมันปะไร พอสาวกระบอกขึ้นมาถึงปากหลุมตามที่เห็นในภาพ ท่าน Rig Supervisor ก็เอาเหล็กยาวๆเกี่ยวก้นกระบอก หย่อนรอกห้อยปากกระบอกลง ตัวกระบอกก็ตะแคง น้ำมันปนน้ำก็ไหลออกจากปากกระบอกลงรางที่อยู่บนดิน ไหลลงไปที่ "หม้อแยก" (Separator - อธิบายตอนต่อไปครับ) ปล. ด้วยเหตุผลส่วนตัว ผมชอบ "หม้อ" มากกว่า "ถัง" จึงเป็น หม้อแยก ไม่ใช่ ถังแยก (หุ หุ) ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นบ่อน้ำที่เอ่ยถึง นำมาให้ดูเปรียบเทียบว่าขนาดบ่อกับขนาดถังน้ำที่หย่อนลงไปตัก ขนาดมันต่างกันเยอะ จึงไม่ต้องใช้ภูมิปัญญาเท่าไรในการออกแบบถังจ้วงตัก ใช้ถังอะไรก็ตักขึ้น (ขออย่าให้รั่วเป็นพอ) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 11:00:50 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:10:28

ความคิดเห็นที่ 13 10 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:10:49

ความคิดเห็นที่ 14 ว่าเรื่องหน่วยก่อน ... 8 แกลอน ก็ราวๆ 30 ลิตรครับ มาว่าเรื่อง separator (หม้อแยก - ผมแปลเอง) จริงๆที่เราใช้อยู่หน้าตามันเป็นอย่างนี้ครับ (ดูรูปข้างล่าง) หลักการมันก็ชิวๆ เอาของเหลวที่ต้องการแยกมาใส่ถัง ให้ความร้อนมันหน่อยมันจะได้ไม่เหนียว แล้วนั่งรอ สักพัก ประมาณปิ้งไข่ ย่างข้าวจี่ สุก แล้วกฏข้อสองของเทอร์โมไดนามิคว่าด้วยเอนโทรปี้ก็ทำงาน ก๊าซมันก็ลอยขึ้นข้างบน น้ำมันก็อยู่ตรงกลาง น้ำก็นอนก้น ชิวๆ ปล. ใครคิดไม่ออกว่าไอ้กฏข้อสองว่าด้วยเอ็นโทรปี้มันคืออะไร ไอ้กระพ้มก็ไม่ได้จบเครื่องกล อธิบายแบบหางอึ่งของผมก็แล้วกันครับ คือว่าทำไข่ดาวให้เป็นไข่เจียวจะง่ายกว่าทำใข่เจียวให้กลับมาเป็นไข่ดาว (ฮ่าๆ) หรือ ห้องมีแนวโน้มว่าจะรก ของรักและแฟนมีแนวโน้วว่าจะหาย สภามีแนวโน้มว่าโดนยุบ อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าจะย้อนกลับขบวนการที่ว่า เช่น จ้างคนมาจัดห้องให้ ง้อแฟนกลับมาเหมือนเดิม ค้นหาของที่หายให้เจอ หรือ เลือกตั้งท่านสส.เข้ามาใหม่ เราก็ต้องใช้พลังงาน หรือ ไอ้เจ้า เอนโทรปี้ จากแหล่งอื่นเข้ามาเพิ่มเติมทำให้เกิดความวุ่นวายยุ่งเหยิงโกลาหลโดนรวมเพิ่มมากขึ้นเสมอ หมดภูมิเท่านี้แหละครับ ที่เหลือไป google เอาเอง(นะจ๊ะ) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 11:02:24 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:11:25

ความคิดเห็นที่ 15 อะอีกรูป  นี่ถังแยกฉบับก้นครัว มันก็ถังดักไขมันดีนี่เอง ไขมันเบากว่าน้ำมันก็ลอย แล้วเราขันก็จ้วงเอาไขมันไปทิ้ง แต่ในกรณีนี้เราจ้วงเอาน้ำมันไปใช้ แล้วทิ้งน้ำไป ... ใครดูรูปนี้แล้วยังนึกการทำงานของไอ้ถังแยก (separator) ไม่ออก ขอเชิญไปกอดคอตีไข่ เอ๊ย ตีเข่า ปลุกปล้ำคลุกวงในกับผมที่หลังไมค์ก็แล้วกัน จะติวให้เป็นพิเศษ เอิ๊กๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:12:00

ความคิดเห็นที่ 16 เหนื่อยหรือยังครับ พักสายตากันก่อนดีไหม (จากกระทู้ก่อนมีเพื่อนๆเรียกร้องกันมาว่าเนื้อหาหนักมั๊กๆ น่าจะมีจุดพักสายตาเยอะๆหน่อย ฮ่า) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:12:21

ความคิดเห็นที่ 17 น้ำที่แถมมากับน้ำมันเขาก็ทิ้งกันดื้อๆตรงนั้นแหละ แล้วก็คงไม่มีใครไม่รู้จักน้าอัลกอร์ (Al Gore) นะครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:12:39

ความคิดเห็นที่ 18 15 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:12:53

ความคิดเห็นที่ 19 รูปนี้ผู้เขียน(ย้ำอีกทีว่าไม่ใช่ป้ม)ออกแนว เสียดสี เพราะท่อส่งจากปากหลุมไปโรงกลั่นมันต้องหน้าตาแบบนี้ครับ (ดูรูป) คือปกติแล้ว ถ้าคิดว่าหลุมต่างๆสามารถผลิตระยะยาวได้ในปริมาณที่คุ้มกับการวางท่อ (pipe line) เราก็จะวางท่อกัน เพราะลงทุนเบื้องต้นสูงแต่ระยะยาวแล้วต้นทุนขนส่งจะถูก (เหมือนขนส่งระบบรางกับขับรถส่วนตัวน่ะ) มีแต่ประเทศอะไรหว่าที่ยอมให้บ.น้ำมันขนใส่รถแล้วเอาไปขึ้นรถไฟส่งโรงกลั่นอยู่ตั้ง 20 กว่าปี บ.น้ำมันมันก็บวกค่ารถลงไปในราคาขาย(ซิว่ะ) แล้วใครล่ะซื้อน้ำมันกลั่นแล้วราคาแพง พอดีก่า ... เมียยังสาว(สวย)ลูกยังเล็ก กิ๊กยังต้องส่งค่าคอนโดฯ ไม่อยากต้องเลือกระหว่าง ลาดยาวกับบางขวาง ...ฮ่าๆ ปล. ลืมรูป pipeline แต่ไม่เป็นไรครับ นึกถึงภาพหลอดดูดโอเลี้ยงใหญ่ๆยาวๆ (20นิ้ว ยาวสัก 100 กิโลเมตร) ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 11:06:36 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:13:24

ความคิดเห็นที่ 20 16 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:13:40

ความคิดเห็นที่ 21 รูปนี้ไม่ต้องอธิบายเลยครับ Top Drive Unit (TDU) หน้าตาจริงๆมันเป็นแบบนี้ครับ (ดูรูป) ส่วน Javanese 12 leg TDU นั่นตะแกตั้งชื่อเรียกเองตลกๆ Top Drive คือ มอเตอร์ไฟฟ้าตัวบักเอ็บใหญ่ปานควายประกอบกับระบบเกียร์ที่ก็ปานควายพอกัน เอาไว้ปั่นก้านเจาะและตัวมันก็โดนก้านเจาะทั้งยวงแขวนรับน้ำหนักไว้ทั้งหมดได้ในขณะเดียวกัน พูดง่ายๆคือต้องขับทั้งแรงบิดและ(หิ้ว)รับน้ำหนักก้านเจาะได้พร้อมๆกันในชุดเดียว ซึ่งในระบบดังเดิมนั้น ตัวปั่นก้าน กับตัวหิ้วก้าน เป็นคนล่ะระบบแยกต่างหากกัน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:13:58

ความคิดเห็นที่ 22 18 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:14:15

ความคิดเห็นที่ 23 มุกของรูปนี้อยู่ที่ว่า แต่ล่ะหลุมมีโรงกลั่นเป็นของตัวเอง คือว่าจะสร้างโรงกลั่นสักโรงเนี่ยมันต้องคิดเยอะ เช่น จะเอาน้ำมันดิบที่ไหนส่งเข้าประตูหลัง (คือประตูหน้าโรงกลั่นก็ส่งน้ำมันสำเร็จรูปออกไปไงครับ อิอิ) หลุมบ้านตัวเองมีพอไหม แล้วมันต้องอย่างน้อยกี่หลุม หลุมล่ะเท่าไร ดูดขึ้นมาได้นานแค่ไหน ถ้าไม่พอแล้วกำลังการกลั่นเหลือล่ะ จะไปซื้อท่อน้ำมันดิบที่ไหนยังไง เอ ... หรือว่าสร้างโรงกลั่นสะด๊วบค่าคอมฯไปก่อน เลือกตั้งใหม่ค่อยว่ากัน เอ๊ย แล้วไปหาน้ำมันดิบป้อนเอาดาบหน้า ... ก็เลยเป็นที่มาว่าหลุมใครหลุมมันมีโรงกลั่นเป็นของตัวเองก็น่าจะเป็นโลกแห่งอุดมคติ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:14:32

ความคิดเห็นที่ 24 19 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:14:55

ความคิดเห็นที่ 25 พี่เล่นเอาใส่ถังฝังดินต้มเอาเลย แถมพี่เล่นมาขุดดินฝังถัง นั่งยองๆจุดไฟต้ม พันฟืนกันพรึบพรับๆกันข้างๆท่อส่งน้ำมันดิบเลยนะ ... เอ็งแน่มาก ขอบอก นี่ครับหอกลั่นจริงๆมันต้องเป็นแบบนี้ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:15:12

ความคิดเห็นที่ 26 มาถึงตรงนี้จะไม่บรรยายเรื่องการกลั่นสักหน่อยก็จะเหมือนร่ำสุราไร้นารี ... การ "กลั่น" ไม่เหมือนกับการ "คั้น" แม้ว่าจะออกเสียงคล้ายๆกัน (แบบฝรั่งพูดไทยไม่ชัด) การกลั่นเป็นการแยกสสารออกจากกันโดยใช้หลักการที่ว่าสสารแต่ล่ะชนิดใช้พลังงานความร้อนในการทำให้โมโห เอ๊ย เดือด (กลายเป็นไอ) ไม่เท่ากัน ... ไงครับ ชิวๆเนอะ ส่วนการคั้นเป็นการแยกสสารเหมือนกัน แต่เป็นการแยกของเหลวที่ผสมอยู่กับของแข็งออกมาจากของแข็งนั้นๆ และ(โดยมาก)ระบบของของแข็งที่โดนคั้นของเหลวออกไปแล้วนั้นจะไม่แข็ง(อ่อนลง)เท่าเดิม ส่วนพลังงานที่ใช้นั้นคือ "พลังงานกล" ... น้าน ขำอะไรกัน ไม่ได้ทะลึ่งนา ผมกำลังหมายถึง คั้นน้ำมะเน็ด(*) เอ๊ย คั้นน้ำส้ม หรือ บีบฟองน้ำ ฮั่นแน่ คิดอะไรอยู่รู้ทันนะ ในอีกความหมาย "คั้น" จะหมายถึง ปรักปรำใส่ร้าย โดยเฉพาะเมื่อใช้คู่กับคำว่า "คาด" เช่น "ไอ้แก่ เมื่อคืนไปไหนมา ชั้นโทรไปที่ที่ทำงานแก เลขาแกบอกว่าแกกลับตั้งแต่หัวค่ำ หน้อยยย ไปหาอีนังนั่นมาใช่ไหม บอกมาซะดีๆ" แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:21:40 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:15:37

ความคิดเห็นที่ 27 เนื้อหาชักจะยาวไปแล้ว ... พักสายตาอีกรอบก่อน .... (*) จากความเห็นที่แล้ว - ปล. น้ำมะเน็ด คือน้ำมะนาวโซดาครับ คนไทยสมัยก่อนไม่สามารถออกเสียง น้ำ lamonade ได้ชัด จึงเอาง่ายเข้าไว้ กลายเป็นน้ำมะเน็ด ซึ่งภายหลังคำนี้ถูกนำมาใช้ในเชิงออกทะลึ่งๆที่หมายความว่า "..." (บางเรื่องเอามาไขที่แจ้งไม่ได้จริงๆครับ ท่านที่ทราบคงกำลังนั่งอมยิ้ม ส่วนท่านที่ไม่ทราบและอยากทราบก็หลังไมค์ล่ะกันนะครับ - ตอบให้เฉพาะเพศชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น ... ฮ่า ... อะนะ ล้อเล่นๆ สาวๆถามมาก็ได้ แต่ห้ามหน้าแดงตอนอ่านคำตอบนะจ๊ะ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:15:57

ความคิดเห็นที่ 28 พักพอแล้วครับ ... เดี๋ยวจะกระทู้ออกทะเล จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:16:17

ความคิดเห็นที่ 29 ไงครับ วิศวกรโรงกลั่น (Refining engineer) เท่ห์ซะไม่มี ภาษาเทคนิควันล่ะ 2 ครับ  คำแรก "Heat exchanger" คำที่ 2 "cooling tower" คำแรก "Heat exchanger" แปลตรงตัวแล้วงงเช็ดเม็ด(ศัพท์วัยนมแตกพานเมื่อ 30 ปีที่แล้ว)เลยครับ เอาแปลแบบวิศวกรรมกรๆโลเทคอย่างผมก็แล้วครับ ผมแปลไอ้ตัวที่ว่านี่ได้ 2 อย่าง 1. เครื่องทำของเย็นให้ร้อน แบบนี้ครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:16:38

ความคิดเห็นที่ 30 2. เครื่องทำของร้อนให้เย็น แบบนี้ครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:17:29

ความคิดเห็นที่ 31 งั้นมาทำแบบฝึกหัดทดสอบความเข้าใจกันหน่อย ... รูปข้างล่างนี้เป็น heat exchanger แบบไหน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:17:48

ความคิดเห็นที่ 32 ถูกต้องคร๊าบบบ รูปข้างบนเป็นแบบที่ 2 คือ ทำของร้อนให้เย็น ผมไม่ชัวร์ว่าพวกเราเข้าใจจริงหรือเปล่า เอาอีกข้อ ... รูปข้างล่างนี้ล่ะ เป็น heat exchanger แบบไหน จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:18:13

ความคิดเห็นที่ 33 แหม ... จ้อง เอ๊ย คิดนานจัง ตอบเร็วๆครับ ... ถูกต้องคร๊าบบบ เป็นแบบแรก คือ ทำของเย็นให้ร้อน ส่วนจะ ร้อนรุ่ม หรือ ร้อนเร้าๆกำเดาหยดติ๋งๆ นี่ก็ไม่ทราบได้นะครับ (ส่วนท่านที่ตอบว่า เป็นเครื่องทำของเหลวให้แข็งนั้น ครูอึ่งน้อยไม่ให้คะแนนนะครับ ... ฮ่า) อะนะ ให้คนจบไฟฟ้ากำลังมาอธิบาน เอ๊ย อธิบาย heat exchanger ได้แค่นี้ก็บุญแล้วววววว จะแตกแถววิชากามวิชาการ ไปบ้างก็ขออภัย จากตัวอย่างที่ว่า ใครยังไม่เข้าใจ ไอ้ heat exchanger ยกมือขึ้น เชิญหลังไมค์ครับ จะขอคลุกวงในตีไข่ เอ๊ย ตีเข่า เขย่าdอ เอ๊ย เขย่าคอ ติวแบบตัวตัว ... เอิ๊กๆ ... ส่วน cooling tower นั่น ชั่งหัวมันครับ อึ่งน้อยจนปัญญา ถ้าให้เดาก็ประมาณนี้ล่ะมัง จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:18:34

ความคิดเห็นที่ 34 พอแล้วครับ นอกเรื่องอยู่เรื่อย ... ผมก็ยังงี้แหละครับ ทนๆเอาหน่อย อย่าถือสาเลยครับ .... มา ม่ะ มาต่อกัน รูปต่อมา ... ยอดมากครับ ภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ ใช้โคลนผสมน้ำ หล่อเป็นฝาถังกลั่น และ หล่อเป็นท่อส่งไอระเหยที่ได้จากการต้มน้ำมันดิบในถังที่ฝังดินในรูปก่อนหน้า เข้าท่อเหล็กที่แช่น้ำอยู่ (อีก 3-4 รูปถัดไปครับ) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:19:00

ความคิดเห็นที่ 35 จะเห็นว่าการผสมโคลนกับน้ำน่าจะ(ผมเดา)มีสูตรพิเศษในการนี้ ไม่ใช่สักแต่จะผสม จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:19:22

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ต้องบรรยายมากรูปข้างบนนี้ - Picture speaks 1000 words จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:19:53

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นไอของดีไหมครับ ขาวๆน่ะ ถ้าเป็นโรงกลั่นจริงๆเขาไม่ปล่อยทิ้งแบบนี้หรอกครับ เงินทองท้างน้าน เห็นแล้วนึกถึงสุรากลั่นพื้นบ้านสมัยนู้นนนน (เหล้าเถื่อนนั่นแหละครับ) ใสเป็นตาตั๊กแตน แค่ถ้วยน้อยๆก็ทำเอาคอแป็บ(อย่างผม)ถึงสวรรค์ได้ในเวลาชั่วแมลงวันกระพือปีก (คอแป็บนี่คือ แป็บเดียวเมาอ้วกนะครับ ไม่ใช่คอแข็งปานแป็บน้ำ ... ฮ่า) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:20:13

ความคิดเห็นที่ 38 32 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:20:36

ความคิดเห็นที่ 39 ชิวๆไหมครับ เบสิกมากๆ เอาไอน้ำมันดิบใส่ท่อที่แช่เอียงๆเอาไว้ในน้ำ ปลายด้านล่างก็คงมีก๊อกเปิดปุ๊บน้ำมันดีเซลก็ไหลลงถังปั๊บ ... สุดยอดๆ ดูเหมือนง่าย แต่ผมว่ากว่าจะได้ออกมาแบบนี้ ชาวบ้านต้องผ่านการลองผิดลองถูก สั่งสมประสบการณ์ โดยเฉพาะ ระยะเวลา และ ระดับความร้อนในการต้มน้ำมันดิบ ขนาดของถัง คุณสมบัติของโคลนที่ใช้ปิดปากถัง และไอที่ได้ออกมาจากการต้มช่วงไหนจะเมื่อส่งเข้าท่อที่แช่น้ำแล้ว จึงจะได้น้ำมันดีเซลคุณภาพดีที่สุด เครื่องเครา(รถ)อีแต๋นคงพังไปหลายเครื่อง (ฮ่า) แล้วไหนยังจะอุณหภูมิของน้ำในรางที่แช่ท่อ มีเทอร์โมมิเตอร์หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรืออาจจะเอานิ้วจิ้มๆวัดอุณหภูมิเอาแบบแม่ครัวสมัยโบราณก็เป็นได้ ไหนจะความยาวและมุมเอียงของท่อที่อยู่ในน้ำ อีกล่ะ .... อึ่งน้อยของคาราวะภูมิปัญญาชาวชวาด้วยใจจริงครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:21:06

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วก็นี่ครับ ส่งตรงจากหน้าโรงกลั่นถึงโรงรถท่านด้วยระบบโฮมดิริเวอรี่ :) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:21:29

ความคิดเห็นที่ 41 ท่านนี้น่าจะเป็น Refinery technical manager ... ชิวๆ บ๊าย บาย จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:21:51

ความคิดเห็นที่ 42 ก่อนจากกัน อยากจะบอกว่า แม้กระทู้นี้จะดูเหมือน "ล้อเลียน" หรือ "ดูถูก" เพื่อนบ้านของเรา แต่อยากบอกว่าหามีเจตนานั้นไม่ เป็นเพียงแต่ท่วงทำนอง "ยั่วล้อ" และ ตรงกันข้ามครับ อยากจะยกเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีต่างหาก ในการนำภูมิปัญญาแบบบ้านๆมาใช้กับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเอามาใช้ทำอะไรได้ ทำให้ผมนึกไปถึงสมัยนึงที่กุลีแบกกระสอบข้าวตามท่าเรือ ต้องเก็บ "เศษ" เมล็ดข้าวที่ตกหล่นจากกระสอบที่เขาแบกลงเรือไปให้ "คนอื่น" ... แล้วเอาเศษเม็ดข้าวมากินเพื่อต่อชีวิต(เพื่อให้ได้แบกกระสอบข้าวให้ "คนอื่นกิน" ต่อไป) ... เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นเมล็ดข้าวที่ได้มาจากความอุดมสมบูรณ์ที่ "แผ่นดินแม่" ใช้เวลาหลายพันปีกักเก็บไว้ให้พวกเขาเอามาใช้เพาะปลูกและดื่มกินกันอย่าง(ที่ควรจะ)เท่าเทียมกัน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 11:20:21 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:22:15

ความคิดเห็นที่ 43 ท้ายที่สุด ... อย่างน้อยเรื่องนี้ก็กระตุกต่อม "สำนึก" (ที่หยาบๆ) ของผมได้ว่า 1. อย่าดูถูกเทคโนโลยีแบบบ้านๆ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:22:31

ความคิดเห็นที่ 44 2. ประสิทธิผลมาก่อนประสิทธิภาพเสมอ ประสิทธิภาพที่ปราศจากประสิทธิผล ก็เหมือนกับการที่ใครคนหนึ่งปีนบันได(ที่พาดฝากำแพง)ไปจนสุด แล้วเพิ่งจะรู้ว่า ... "นี่ไม่ใช่กำแพงที่ตูจะปีนนี่หว่า" หรือยิ่งไปกว่านั้น "ตูปีนขึ้นมาทำไมว่ะ" โดยที่กองเชียร์ที่อยู่ข้างล่างปรบมือให้ว่า "คุณปีนได้เร็วจัง" และที่น่าเศร้าที่สุดเมื่อคุณพบว่า "ตูปีนลงไปเริ่มต้นใหม่ไม่ได้แล้ว" (ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม) จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:22:50

ความคิดเห็นที่ 45 3. อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ เพราะเราไม่มีเทคโนโลยีที่ดีพอ เราไม่มีทุนพอ เราขาดไอ้นั่น เราไม่มีไอ้นี่ ... เพราะบางที ... จริงๆแล้วที่เราไม่มีนั่นคือ "ความคิด" (และ กลัวมือเปื้อน) ต่างหาก จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:23:30

ความคิดเห็นที่ 46 4. แม้ว่าจะถูกกอบโกย ดูดดื่ม (อย่างทิ้งขว้าง) โดย "คนอื่น" แต่แม่(ธรณี) ไม่เคยทิ้งขว้างลูกๆของเธอ เธอยังคงมีน้ำนม(น้ำมันดิบ - และทรัพย์ในดินอื่นๆ) เหลือเฟือเพื่ออุ้มชูลูกๆของเธอเสมอ ขอเพียงแต่ลูกๆ ไม่ตามก้น "คนอื่น" รู้จักใช้ภูมิปัญญาและแรงกายเคี่ยวคั้นและดูดกินน้ำนมของแม่ด้วยวิถีที่ "พอเพียง" ด้วยคาราวะ (อีกครั้ง) อึ่งน้อย(วิศวกรรมกร) ณ.อ่าวไทย --- จบบริบูรณ์ --- จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:24:23

ความคิดเห็นที่ 47 ที่ตรงนี้กั๊กเอาไว้ตอบคำถามครับ .... ตอนนี้เงินเดือนหลักที่ 6 นี่คือเลขอะไรครับ - ผมไม่คุ้นว่าเอ่ยถึงเงินดาว์นเงินเดือนตรงไหนในกระทู้ ก็เลยไม่รู้ว่าถามในบริบทไหนหรือของใคร เอาว่าถ้าพูดถึง x หลัก โดยทั่วไปหลักที่ x ก็จะหมายถึง 2.5 - 5 ครับ (แต่ถ้าของอึ่งน้อย คงบอกไม่ได้ เจ้าหนี้เยอะ ไหนจะกรมถอนขนห่านอีกล่ะ ... ฮ่าๆ) ปั๊มหัวม้า sucker rod - ตอบในความเห็นที่ 52 นะครับ มันยาว ข้อแนะนำความเห็น#59 - อึ่งน้อยน้อมรับด้วยความยินดีเพื่อปรับปรุงในครั้งต่อไปครับป้ม ข้อแนะนำความเห็น#66 - ขออภัยจริงๆ (พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย) ตัดออกทั้งยวงเลยครับ ขอโทษครับผม ขอบคุณที่ทักท้วงมาครับ แล้วน้ำมันตรงนั้นเยอะไหม เผื่อไทยจะเอามันมาใช้แบบจิงๆจังๆ - มันคงไม่เยอะอะไรมากมายหรอกครับ ออกแนวเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านมากกว่าครับ บ้านเราเท่าที่ทราบ ไม่เคยเห็นแบบนี้ครับ เรากลบสนิทไม่มีซึมหรอกครับ แต่ถ้าจะซึมคงไม่ซึมเป็นของเหลวแบบนี้ จะซึมเป็นของแข็งเป็นแผ่นๆสีม่วงๆบ้าง สีเทาๆบ้าง ซึมไปเข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ ... เฉียดบางขวางอีกแล้วตู #37 ตกลงสีขาวคืออะไร เอาไปทำอะไรได้ - ผมไม่ทราบแน่ชัด แต่ถ้าให้เดาก็เห็นด้วยกับคุณความเห็นที่ #97 ครับ ขอกระทู้พักสายตาเพียวๆซักอันได้ไหมครับ - google "ศรีริต้า" + "พอลล่า" + "พีค" + "บี" + "แพนเค้ก" ดูให้ตาแฉะไปเลย อ้อ ...เจอเด็ดๆแล้วส่งมาให้อึ่งน้อยมั่งนะครับ อิอิ อยากรู้ น้ำมะเน็ด - ขออภัย หลังไมค์สถานเดียวครับ ขืนตอบในนี้ โดนแจ้งลบทั้งกระทู้แน่ๆ เอิ๊กๆ อาจจะมีแถมโดนยึด login name เป็นของแถมจากพี่เว็บมาสสะเตอร์ ความเห็นที่ #93 - ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็นเสริมดีๆครับ เห็นด้วยนะครับ ถ้าจะถกกันจริงๆคงแตกประเด็นได้ยาวเป็นหางว่าวเลยล่ะครับ แสดงว่าการกลั่น ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสูงๆ ก็ทำได้ ใช่ไหมครับ - ถ้าเน้นประสิทธิผลก็ ถูกต้องครับ แต่ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพด้วย ก็ต้องใส่เทคโนโลยีกับทุนลงไปด้วยครับ เห็นบางคน เขาบอกว่าใช้เทคนิคสูงมาก ๆ ค่ากลั่นก็เลยแพง ลดให้ไม่ได้ - ตอบไปเดี๋ยวติดคุก ไม่ตอบดีก่า ... (ฮ่าๆ) แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 52 08:29:58 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 52 16:24:09 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 09:34:38 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 09:29:10 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 09:25:54 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 09:07:17 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 10:33:10 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:23:33 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 13:51:53 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 10:37:58 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 10:09:56 จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:24:51

ความคิดเห็นที่ 48 ตอนนี้เงินเดือนหลักที่ 6 นี่คือเลขอะไรครับ ? จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 09:40:42

ความคิดเห็นที่ 49 อยากทำบ้างที่ดินแปลงติดกับของผมก็มีบ่อน้ำมันอยู่ เป็นบ่อเซียร่าอย่างดี(เหอๆไม่เรียกถูกหรือปล่าว) ดีกว่าในรูปอีก แต่ตอนนี้ต้นไม้ขึ้นรก และขยะก็ลอยอยู่เต็มบ่อ บางที นก ไก่ก็ลงไปตาย เขาไม่มาสูบนานแล้ว เจ้าของที่ก็อยากขาย ซื้อไว้ดีมั้ง จะได้เป็นอีแอบบ้าง และขอ จขกท. ช่วยอธิบายการทำงานของปั๊มหัวม้าด้วยครับ และที่มันต้องใช้มอเตอร์ตัวใหญ่ๆขับ น้ำมันดิบที่สูบขึ้นมาได้มันคุ้มกับค่าไฟแค่ไหนครับ จากคุณ : rdo เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:03:59

ความคิดเห็นที่ 50 โหวต ๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tummeng_in เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:25:13

ความคิดเห็นที่ 51 โหวต! จากคุณ : s m l xl เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:31:10

ความคิดเห็นที่ 52 ตอบความเห็นที่ 49 เกี่ยวกับ sucker rod นะครับ ปั๊มห้วม้า ภาษาทางเราเรียก Sucker rod pump เป็นปั๊มที่โลเทคมาก ข้อจำกัดหลายอย่างแต่ราคาถูก ติดตั้งง่าย อึด ทน การบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก พวกเราใช้มากันมาตั้งแต่ยุคแรกๆและตอนนี้ก็ยังใช้อยู่ ผมไม่ค่อยรู้การทำงานการติดตั้งข้อดีข้อเสียและการบำรุงรักษาโดยละเอียด รู้แค่คร่าวๆครับ ผมเป็นแผนกเจาะหลุมครับ อีกแผนกนึง (well service) จะมาบริหารจัดการหลุมอีกทีครับ หลักการมันก็เปลี่ยนไฟฟ้าเป็นแรงงานกลโดยมอเตอร์ มีชุดเฟืองทด(เกียร์บ๊อก) ทดรอบให้พอเหมาะ ส่งรอบหมุนไปที่คานก้าน เปลี่ยนแรงกลเชิงมุม (rotation) เป็น แรงกลเชิงเส้น (linear) แล้วก็เอาแรงกลเชิงเส้นไปชักก้านขึ้นๆลงๆ ตัวปั๊มก็สุดเบสิก มีลูกบอลเหล็ก 2 ลูก สิ่งขึ้นวิ่งลง ดูรูปประกอบแล้วจะอ๋อ ... ส่วนประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ (มอเตอร์ x เกียร์ x pump) นั้น ผมคิดว่าไม่สูงมาก และ ความคุ้มค่าไฟ นั้นผมว่าขึ้นกับ 1. ราคาน้ำมันที่คุณได้ ขึ้นกับคุณภาพของน้ำมันที่ได้อีกต่างหาก 2. ค่าไฟที่คุณจ่าย 3. ต้นทุนคงที่ที่คงลงหนแรก (ค่าเช่า/ซื้อที่ + ค่าวัสดุอุปกรณ์ติดตั้ง) 4. ค่าโสหุ้ยแปรผันอื่นๆ เช่น ค่าขนส่ง ค่ายามเฝ้า ค่าไฟค่าน้ำตู้ยาม ฯลฯ แต่โดยรวมแล้วผมว่าเป็นระบบที่คุ้มทุนที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับระบบอื่นๆสำหรับการผลิตแบบน้อยๆ(Low production rate) ผมดูจากภาพรวมครับ เพราะในอเมริกา ถ้าเจ้าของที่ดินเล็กๆ ทำแบบครัวเรือน ก็มักใช้วิธีนี้ และ ปั๊มก็ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับแบบอื่น และปั๊มแบบนี้ก็ยังมีขาย แปลว่าระบบมันต้องเป็นไปได้ทางเทคนิดและผลตอบแทนเป็นตัวเงินครับ จากคุณ : Nong Fern Daddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:33:41

ความคิดเห็นที่ 53 ดูและอ่านอย่างเมามัน ............ จากคุณ : จอบบ้อน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:33:49

ความคิดเห็นที่ 54   เรื่องราวดีๆหาดูยากๆแบบนี้ชอบมากเลยครับ โดยเฉพาะ 4 ข้อกระตุกต่อมสำนึก ผมจะนำไปคิดและประยุกต์ใช้ในการทำงานครับ จากคุณ : เนเน่87 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:35:23 A:10.20.36.121 X:203.146.104.32 TicketID:202165

ความคิดเห็นที่ 55 ล้อเลียน แซวเล่น ขำๆ แต่ไม่รู้สึุกว่าเป็นการดูถูกเลยซักนิด อ่านแล้วรู้สึกว่าชาวบ้านพวกนี้ เท่โคตรๆ ขอคารวะ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:56:21

ความคิดเห็นที่ 56 -  - เพื่อนผมเรียนปิโตรมา 4 ปี จบมา บริษัทส่งไปเรียนต่อโทอีก 1 ปี ไว้ว่างๆผมจะลองส่ง link ไปให้มันอ่านดู 55+ จากคุณ : ToOkToNg NaKrAb เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:16:07

ความคิดเห็นที่ 57   โดยสภาพความเป็นจริงที่ไปประสพมาในประเทศนั้น... เห็นหลุมโกโรโกโสอย่างนั้น ชาวบ้านที่มาขุดขกลั่นกันวันๆได้ค่าแรงนิดเดียว ทั้งหมดจะตกเป็นของนายทุน+อิทธิพลท้องถิ่น ผลตอบแทนที่ตกแก่คนลงมือทำ ไม่พอ ค่าอาหารสามมื้อในหนึ่งวันครับ ประเทศนี้ช่องว่างคนรวยกับคนจนยังถ่างห่างกันเยอะ เนื่องมาจากปัญหาคอรัปชั่น จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:33:16

ความคิดเห็นที่ 58 ชาวบ้านเหล่านั้นควรได้ปริญญาเอกเลยครับ แต่ปริญญาคงไม่มีความสำคัญอะไร สุดยอดครับ จากคุณ : Ronachai (amscmu) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:46:13

ความคิดเห็นที่ 59 ผมแนะนำครับ เรียบเรียงให้ดี เขียนให้เป็นข้อความที่ไม่มั้วสะหน่อย โพสรูปให้ตรงๆกัน ไม่เอารูปมั้วๆมาแทรกก่อนจะจบ จะเยี่ยมไปเลยครับ เพราะผมอ่านแล้ว ง๊งงง - -" ขออภัยนะครับ ท่าไม่พอใจ แต่ผมชอบตัวเนื้อหาบทความนะ จากคุณ : AIScript เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:45:34

ความคิดเห็นที่ 60 #57 เอ๊ะ...กำลังพูดถึงประเทศไหนอยู่นะครับ??? จากคุณ : The Absurdist เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:45:45

ความคิดเห็นที่ 61 แจ่มมาก สมองใส จากคุณ : ภูมิปัญญาล้ำเหลือ (SAYPHON) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:01:18

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านแบบนี้ ผมว่า อยู่บ้านเรา มีที่ที่น้ำดีๆสักสิบไร่ ปลกสวนปาล์มน้ำมัน แล้วลงทุนอีกสักแสนสองแสน ไปซื้อเครื่องกลั่นไบโอดีเซลมาใช้ คุณภาพของน้ำมัน น่าเชื่อถือกว่าที่เห็นในภาพเยอะเลยครับ ใครทำได้ เหมือนมีบ่อน้ำมันส่วนตัวเลยนะครับ (ผมฝันจะไปทำแบบนี้ของผมอยู่ละครับ หาที่หาเงินทุนอยู่ เบื่อน้ำมันแพง กลั่นเองมันซะเลย) จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:11:29

ความคิดเห็นที่ 63   สุดยอดครับ ภูมิปัญญาชาวบ้านของจริง จากคุณ : เที่ยวตามใจ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:33:31

ความคิดเห็นที่ 64 ผมว่า โคะ รต ป. เอกเลยครับ บูชา จริงๆ - - * จากคุณ : ห้องนี้มียุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:33:36

ความคิดเห็นที่ 65 เอ้อเหอ....   แจ๋วเลย จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:57:53

ความคิดเห็นที่ 66 +++ เป็นกระทู้ที่ดีมากครับ   ผมโหวต   แต่ว่ากีฟหมดแล้ว               แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:57:10 จากคุณ : ตาเป๋า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:05:05

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่ชอบใจอะไรหรอก ชอบใจไอตรงภาพแทรกบางภาพนี่ล่ะ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:13:59

ความคิดเห็นที่ 68 สุดยอดเลยจริงๆ ครับ ... ชอบคำนี้จังครับ "3. อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ เพราะเราไม่มีเทคโนโลยีที่ดีพอ เราไม่มีทุนพอ เราขาดไอ้นั่น เราไม่มีไอ้นี่ ... เพราะบางที ... จริงๆแล้วที่เราไม่มีนั่นคือ "ความคิด" (และ กลัวมือเปื้อน) ต่างหาก " จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:18:59

ความคิดเห็นที่ 69 พระเจ้า...นึกว่าล้อเล่น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:21:02

ความคิดเห็นที่ 70 ทำงานอยู่โรงกลั่น เห็นแล้วฮามากขออนุญาตเอาไปให้เพื่อนดูค่ะ จากคุณ : H2S เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:21:26

ความคิดเห็นที่ 71 ทึ่งจริงๆ ครับ กดโหวตไปเลยครับ ขอบคุณสาระความรู้รอบตัวครับ จากคุณ : สะตอคุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:33:34

ความคิดเห็นที่ 72 OMG... Vote ! ! ! Thanks for sharing. จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:37:18

ความคิดเห็นที่ 73 เข้ามาดูรูปพักสายตาครับ  ชอบรูปที่32มากครับ อิอิ จากคุณ : หมาเห่าดาวเทียม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:35:04

ความคิดเห็นที่ 74   สุดยอดเลย... คิดได้ไงหว่า แล้วน้ำมันตรงนั้นเยอะไหม เผื่อไทยจะเอามันมาใช้แบบจิงๆจังๆ จากคุณ : LILBAZZO เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:51:52

ความคิดเห็นที่ 75 วิธีแทรกมุขในสาระทำได้เยี่ยมครับ เรื่องราวก็น่าสนใจมากๆ ขอคารวะต้นฉบับ และ ผู้เรียบเรียงเป็นภาคภาษาไทยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ทอภู่เท่า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:52:35

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ได้ความรู้มาอีกหนึ่งอย่าง จากคุณ : ป่านฉะนี้เธออยู่ดีไฉน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 18:49:19

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบ่นว่า รูปพักสายตา น้อยไปนิดนึง 5 5 5  5 55 5 5  55 5 5 5 ทำให้ปวดตา เวลาดูภาพพักสายตา 555555555555 จากคุณ : จ๊าก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:09:27

ความคิดเห็นที่ 78 ข้อมูลภาพและการเขียนบรรยาย ชอบมากครับ จากคุณ : เชนชัย เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:36:30

ความคิดเห็นที่ 79 นี่สินะ ความคิดรึเริ่มคือพลังสรรค์สร้างทุกสิ่ง จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:05:20

ความคิดเห็นที่ 80 อ่านแล้วเบื่อคอรัปชั่น จากคุณ : ความจำผมมันสั้น เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:28:36

ความคิดเห็นที่ 81 อ่านเพลินเลย จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:04:21

ความคิดเห็นที่ 82 ดีครับ จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:17:01

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ นี่ซิ DIY ขนานแท้ ฮ่าๆ ไว้ขุดเจอหลังบ้านเมื่อไหร่จะเอาไปใช้ครับ อิอิ จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:57:25

ความคิดเห็นที่ 84 ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย จากคุณ : โปรแตสเซียม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:07:59

ความคิดเห็นที่ 85   ยกนิ้วให้เลยครับ  กระทู้แบบนี้แหล่ะสมควรอยู่ในหว้ากอจริงๆ ps. ช่วยพักสายตา กุ้ง... เป็นอาหาร ต้มยำกุ้ง เป็นอาหารไทยชื่อกระฉ่อนโลก จากคุณ : แฟนน้องกุ๊ก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:24:06

ความคิดเห็นที่ 86   อะรั้ยยย!!!!! ........... นินี่มัน.......... ยอดเยี่ยมมม จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 03:16:55

ความคิดเห็นที่ 87   ทำให้ผมนึกไปถึงสมัยนึงที่กุลีแบกกระสอบข้าวตามท่าเรือ ต้องเก็บ "เศษ" เมล็ดข้าวที่ตกหล่นจากกระสอบที่เขาแบกลงเรือไปให้ "คนอื่น" ... แล้วเอาเศษเม็ดข้าวมากินเพื่อต่อชีวิต(เพื่อให้ได้แบกกระสอบให้ "คนอื่น" ต่อไป) ... เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นเมล็ดข้าวที่ได้มาจากความอุดมสมบูรณ์ที่ "แผ่นดินแม่" ใช้เวลาหลายพันปีกักเก็บไว้ให้พวกเขาเอามาใช้เพาะปลูกและดื่มกินกันอย่าง(ที่ควรจะ)เท่าเทียมกัน ชอบจังประโยคนี้ เหมือนเคยได้ยิน ตามมาจาก Expetroleumhatyai อีกครั้ง สนใจมาเผยแผ่ความรู้ป่าวครับ ผมหาสถานที่เหมาะสมและผู้สนใจให้ได้ เป็นวิทยาทาน จากคุณ : ปาร์บ#8 Expetroleum เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 03:32:05 A:58.137.157.146 X:

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณครับ เป็นความรู้่แปลกใหม่ และกระตุกต่อมได้ทีเดียว ส่วนรูปพักสายตา ชอบครับชอบ :D จากคุณ : monixe เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 06:26:30

ความคิดเห็นที่ 89 ว๊าว เจอคนเงินเดือน 6 หลักเหมือนผมเลย x,000.00 6 หลักต้องรวมทศนิยมด้วยนะครับ จากคุณ : Special Force เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:08:01

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณสำหรับความรู้ และข้อคิด จากคุณ : 237_m เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:15:12

ความคิดเห็นที่ 91 เยี่ยมครับ จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:02:47

ความคิดเห็นที่ 92 กิป หมด งะ โหวตให้ น้า จากคุณ : สระนาฬิเกร์ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:37:12

ความคิดเห็นที่ 93 ได้ความรู้ดีครับ น่าสนใจมาก สิ่งที่ได้มานับว่าใช้ประโยชน์ได้มากมาย แต่ที่ชาวบ้านจะประสพต่อไปหรือประสพแล้วนี่สิน่าเป็นห่วง เท่าที่ดูคิดว่าชาวบ้านไม่ได้สนใจว่า ของเหลือทิ้งที่เป็นน้ำมันจะส่งผลอะไรกับเขา ผู้ที่อยู่สายสิ่งแวดล้อมคงพอนึกออกว่า ผลกระทบต่อผู้ทำจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง - มองในมุมสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ... ระบบนิเวศจะเสียหายแค่ไหน คงรู้กันว่าคราบน้ำมันมันส่งผลเยอะมาก - มองในมุมเกษตรกร ... การเกษตรจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ผมว่ามันหนักหนามากทีเดียว เลี้ยงปลาคงไม่ได้แล้ว พืชเกษตรผมไม่แต่ใจว่าดินเปื้อนน้ำมันจะปลูกได้ไหม - มองในเรื่องน้ำ ... สารพิษแบบ non-point source , น้ำผิวดินปนเปื้อนด้วยน้ำมัน (ฝนชะลงไปตามผิวดินจบที่แม่น้ำ) ... น้ำเน่าเสีย ... น้ำใต้ดินก็ปนเปื้อนด้วยคราบน้ำมันอย่างมากแน่ๆ  ... มะเร็งทั้งนั้น น่าเป็นห่วงคน (และสรรพชีวิต) ในพื้นที่นะครับ จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:45:12

ความคิดเห็นที่ 94 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 15:58:14

ความคิดเห็นที่ 95 #37 ตกลงสีขาวคืออะไร เอาไปทำอะไรได้ จากคุณ : น้ำเค็ม เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:30:27

ความคิดเห็นที่ 96 ขอกระทู้พักสายตาเพียวๆซักอันได้ไหมครับ อิอิอิ ขอบคุณใหญ่ๆเลยครับสำหรับความรู้ใหม่ๆ จากคุณ : Seabuff (seabuff the pearl) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 20:10:57

ความคิดเห็นที่ 97 #95 ถ้าให้ผมเดา ควันสีขาวนั่นน่าจะเป็นพวก เบนซินอ่ะครับ เพราะจุดเดือดน้ำมันเบนซินจะต่ำกว่าน้ำมันดีเซล จึงระเหยขึ้นมาก่อน ถ้าเราไปดักกลั่น ควันขาวๆ ตรงนั้นได้ ก็น่าจะได้น้ำมันเบนซินออกมาน่ะครับ จากคุณ : Devil (daemonview) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 20:30:08

ความคิดเห็นที่ 98 แจ๋วมากครับ ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ จากคุณ : HiComrade เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 21:01:49

ความคิดเห็นที่ 99 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 22:05:13

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณสำครับความรู้ดีๆ แต่อยากรู้ น้ำมะเน็ด ^^ จากคุณ : หยดฟ้า เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 23:00:48

ความคิดเห็นที่ 101 .....แจ่มคับ..... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 23:10:29

ความคิดเห็นที่ 102 oนายแน่มากo จากคุณ : Boom NaJa เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 14:30:36

ความคิดเห็นที่ 103 กระทู้พักสายตายอดเยี่ยม ;-) จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:30:14

ความคิดเห็นที่ 104 ตามมาอ่าน.. มีการพักสายตาเป็นช่วงๆ - -a ขอความกรุณาเป็นหูเป็นตาสอดส่องแมวตัวนี้ด้วยนะคะ จากคุณ : สาวชาววัง เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 10:39:39