ความคิดเห็นที่ 1 โลกมันกลมนะ ไม่ได้แบน เราคงเคยได้เรียนกันตั้งแต่วิชา สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต หรือ สปช. มาตั้งแต่เด็กแล้วว่า สมัยก่อนคริสตกาล นักปราชญ์ชาวกรีกนั้นเชื่อว่าโลกแบน ในขนาดที่ว่ากลัวการเดินทางไปยังทีไกลๆ เพราะกลัวจะตกจากขอบโลก เปรียบคนได้เหมือนมดตัวเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางของจานแบนๆ เมื่อเดินทางออกจากจุดศูนย์กลางโดยไม่หยุด ไม่นานนักก็จะตกจากขอบจาน ฉะนั้นแล จนกระทั่ง อริสโตเติ้ลแย้งว่าโลกนั้นกลม ด้วยเหตุผล 2 ข้อคือ เหตุผลข้อแรกตั้งอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจของเขาที่ว่า จันทรคราสเกิดจากโลกบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องไปยังดวงจันทร์ทำให้เกิดเงา ดำขึ้นบนดวงจันทร์และด้วยเหตุที่ว่าเงาดำบนดวงจันทร์เป็นรูปวงกลม รูปร่างของโลกจึงน่าจะเป็นทรงกลม ซึ่งถ้าหากโลกมีรูปร่างเป็นแผ่นกลมแบนแล้ว เงาบนดวงจันทร์ก็ควรจะเป็นรูปวงรี ยกเว้นในกรณีพิเศษที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตั้งฉากพอดีกับระนาบของแผ่นโลก เท่านั้น เหตุผลข้อสองที่อริสโตเติลนำมาใช้สนับสนุนเรื่องทฤษฎีโลกกลมของเขาได้มาจาก การที่ชาวกรีกสมัยนั้นรู้กันมานานแล้วว่า ตำแหน่งของดาวเหนือในท้องฟ้าถ้าดูจากเขตแดนทางภาคใต้จะเห็นต่ำกว่าเมื่อดู จากดินแดนทางภาคเหนือ ทั้งนี้ก็เพราะว่าดาวเหนืออยู่ในทิศทางที่ชี้โดยขั้วโลกเหนือ ถ้าเราดูดาวเหนือที่ขั้นโลกเหนือจะเห็นว่าดาวเหนืออยู่เหนือศีรษะเราพอดี แต่ถ้าเรามองดาวเหนือจากแถบเส้นศูนย์สูตร ก็จะเห็นว่าดาวเหนืออยู่เกือบจะติดพื้นดินด้านทิศเหนือทีเดียว แต่นั่นก็ยังไม่ถูกต้องที่สุดอยู่ดี อ้างอิงบางส่วนจาก http://www.doodaw.com/article4/index.php?topic=BriefHistoryofTime13 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:55:44 จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:55:24

ความคิดเห็นที่ 2 Principia สุดยอดหนังสือความรู้ หนังสือเล่มนี้ชื่อเต็มว่า Philosophiae Naturalis Principia Mathematica ซึ่งถูกเขียนโดย Sir. Isaac Newton และตีพิมพ์ออกมา 3 เวอร์ชั่น  คือเวอร์ชั่นแรก ถูกตีพิมพ์วันที 5 ก.ค 1678 เวอร์ชั่นสองในปี 1713 และเวอร์ชั่นสุดท้ายปี 1726 ภายในหนังสือเป็นภาษาลาติน บรรจุแน่นด้วยความรู้ทางธรรมชาติที่อ่านแล้วเข้าใจยากที่สุดเล่มหนึ่งที่มนุษย์เคยเขียนมา ว่าด้วยเรื่องของการวงโคจรของดวงดาว กฏการเคลื่อนที่ กลศาสตร์ดั้งเดิม(Classical mechanics) ทั้งนี้กฎพวกนี้ถูกอธิบายโดยสุดยอดเครื่องมือคณิตศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ นั่นก็คือ แคลคูลัส (Calculus) แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับกระทู้นี้ เพราะในบทความนี้จะพูดถึงหัวข้อหนึ่ง ซึ่งถูกถกเถียงกันเกือบจะเริ่มตั้งแต่หนังสือเล่มนี้ถูกเผยแพร่ ใจความหลักๆก็คือ นิวตันเสนอว่า โลกของเรานั้นไม่ได้กลมเกลี้ยงอย่างที่คิด !!! จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:56:07

ความคิดเห็นที่ 3 เอาแล้วไง ถ้าโลกไม่ได้กลมจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร ? ตามทฤษฎีที่นิวตันเสนอ สรุปเป็นภาษาเข้าใจง่ายๆว่า โลกเรานั้นหมุนตามแนวเส้นศูนย์สูตร กระนั้นแล้วขั้วโลกนั้นน่าจะแบนเล็กน้อย และแนวเส้นศูนย์สูตรน่าจะป่องเล็กน้อย ส่วนอัตราเร็วของการหมุนของโลกนั้นขึ้นกับสถานที่ มีตั้งแต่ 0 ถึง 1700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งต่ำสุดคือแกนหมุนซึ่งอยู่กับที่ หมายถึงขั้วโลก และสูงสุดคือแนวเส้นศูนย์สูตรนั่นเอง จากข้อเท็จจริงนี้ว่าโลกไม่ได้กลมเกลี้ยง นับว่าเป็นฝัน(ร้าย) โครต โครต ของนักภูมิศาสตร์สมัยก่อนหน้านี้ ซึ่งได้วัดขนาดของโลกโดยมีสมมติฐานว่า โลกเรานั้นเป็นทรงกลมสมบูรณ์แบบ จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:56:29

ความคิดเห็นที่ 4 ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้อีกนิดนึงนะ ก่อนหน้าที่เซอร์ไอแซค นิวตันจะตีพิมพ์หนังสือออกมา การวัดขนาดโลกมีมาตั้งนานแล้ว โดยหลักๆ จะใช้วิธีที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า วิธีไตรแองกูเลชัน (Triangulation) ซึ่งหลักการคือ " ถ้าคุณรู้ความยาวด้านหนึ่งของสามเหลี่ยมและองศาของมุมที่ปลายทั้งสอง คุณจะคำนวณหารูปร่างของสามเหลี่ยมได้ " โดยวิธีที่ว่านี้สมัยก่อนใช้ในการวัดขนาดของโลก และระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ วิธีการวัดระยะจากโลกถึงดวงจันทร์โดยคุณ กับเพื่อนของคุณ (โดยใช้วิธีแบบสมัยโบราณ) 1. สมมติว่าคุณอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อนคุณอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วรู้ระยะระหว่างคุณกับเพื่อน โดยเป็นระยะทาง การกระจัด (ระยะเป็นเส้นตรงจากคุณไปหาเพื่อน) 2. เอาหล่ะคราวนี้ คุณโทรหาเพื่อนตอนกลางคืน บอกให้มองดูพระจันทร์พร้อมกัน 3. หามุมที่คุณและเพื่อนแหงนมองพระจันทร์พร้อมกัน ก็จะรู้มุมทั้ง 3 จากคุณสมบัติของสามเหลี่ยมคือ มุมรวมเท่ากับ 180 องศา สุดท้ายวาดออกมาเป็น 3 เหลี่ยมจะได้แบบภาพด้านล่าง (ภาพไม่สวยนิดหน่อยนะครับ 555+) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:59:12 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 14:58:56 จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:56:49

ความคิดเห็นที่ 5 มาวัดระยะโลกกันต่อเถอะ ก่อนจะเริ่มต้นวัดระยะโลก เรามารู้จักกับ " เมอริเดียน " กันก่อน เมอริเดียนคือเส้นแนวเหนือ-ใต้ที่ลากจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้ โดยเส้นที่ลากผ่านเมืองกรีนิชในประเทศอังกฤษ จะเป็นเส้นลองจิจูด 0 องศา และตะวันออก ตะวันตกจากเมืองนี้ ก็จะถูกระบุว่าห่างออกไปกี่องศา เสริมนิดหน่อยว่า เมืองกรีนิชนี่เองที่ถูกนับเป็นมาตรฐานเวลาโลก ที่เราเห็น GMT(Greenwich Mean Time) ในสถานที่ต่างๆ เช่น บ้านเราจะเป็น GMT +07.00 ก็จะเป็นเวลาสัมพัทธ์ซึ่งเร็วกว่าเมืองกรีนิชไป 7 ชั่วโมง ( + คือเร็วกว่า และ - คือช้ากว่า) ซึ่งอันที่จริงแล้วยังมีเรื่องของ DST หรือ Daylight Saving Time มาเกี่ยวด้วย แต่จะไม่พูดถึงในที่นี้นะครับ ยังไงลองค้นดูนะ มาต่อที่เรื่องเดิมกันเลย นักภูมิศาสตร์สมัยก่อนจะวัดระยะทางโดยใช้วิธีไตรแองกูเลชั่น เพื่อหาว่าหนึ่งเส้นเมอริเดียนนั้นยาวเท่าไหร่ หรือลองจิจูดโลกนั้นยาวเท่าไหร่ แล้วเอาค่านั้นมาคำนวนหาขนาดโลกนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 23:10:22 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 23:09:24 จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:57:07

ความคิดเห็นที่ 6 วัดระยะโลกตอนสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด (จบภาค 1) ในปี 1633 (ตอนนี้หนังสือ Principia ของนิวตันยังไม่ออกนะ) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษนาม ริชาร์ด นอร์วูด (Richard Norwood) เริ่มต้นการวัดขนาดโลกด้วยวิธีที่ต้องบอกว่า เถือกสุดๆ ! นอร์วูดนั้นใช้วิธีการคือ เอาโซ่เหล็กที่ยาวพอสมควรเริ่มต้นจากเอาหลังพิงหอคอยแห่งลอนดอน จากนั้นใช้เวลากว่า 2 ปี เดินเท้าลากโซ่ ไปยังเมืองยอร์ก ซึ่งห่างออกไป 208 ไมล์ ทั้งนี้ นอร์วูดได้ทำการวัดความยาวโซ่ไปเรื่อยๆ บวกลบ ความยาวโซ่ที่บางครั้งต้องขึ้นที่สูง ลงที่ต่ำ ทางโค้ง จนกระทั่งถึงเมืองยอร์ก ขั้นสุดท้ายเขาวัดมุมดวงอาทิตย์ในเมืองยอร์ก ซึ่งเป็นวันเดียว เวลาเดียวกับการวัดมุมที่เมืองลอนดอน สุดท้ายได้ระยะทางแม่นยำ ซึ่งตอนนี้ก็พอรู้แล้วว่า เส้นลองจิจูด ละจิจูด ของโลก แต่ละองศา นั้นมันมีระยะเท่าไหร่ จากสมมติฐานว่าโลกกลมเกลี้ยง เป็นทรงกลมมีทั้งสิ้น 360 องศา ถ้าหากว่ารู้ขนาดของหนึ่งองศาแล้ว ก็ไม่ยากที่จะคำนวนขนาดของโลกออกมาได้ แต่ทว่าน่าสงสารนอร์วูด ที่ Principia หนังสือยอดพระเอกมาบอกว่าโลกนั้นไม่ได้กลมเกลี้ยง โดยอนุมานต่อได้ว่าหากเราออกจากขั้วโลกมากเท่าไหร่ เส้นเมอริเดียนแต่ละองศาก็จะสั้นลงเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าสมมติฐานว่าโลกกลมเกลี้ยงนั้น นำมาใช้วัดระยะของโลกไม่ได้ ทำให้ต้องเริ่มคำนวณหาขนาดของโลกกันใหม่ จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:57:17

ความคิดเห็นที่ 7 วัดระยะของโลก ภาค 2 หลังจากที่เราทราบว่าโลกไม่ได้กลมเกลี้ยง( ซึ่งมาจากหนังสือ Principia นั่นแล ) นักภูมิศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอีกหลายๆ ศาสตร์ที่อาจไม่เกี่ยวข้องแต่ก็อยากจะร่วมงานด้วย โดยงานนี้มีการวัดระยะเส้นรอบวงของโลก มีผู้ต้องการยุติคำถามเรื่องขนาดเส้นรอบวงของโลกหลายคณะด้วยกัน โดยที่สุดยอดคณะที่ลำบากและไม่น่าจดจำ คงจะเป็นของคณะชาวฝรั่งเศส นำโดย ปิแอร์ โบกูร์(Pierre Bouguer) และ ชาร์ลส์ มารี เดอ ลา กองดามายน์ (Charles Marie de La Condamine) โดยคณะนี้มีภารกิจวัดขนาดเมอริเดียน โดยการวัดระยะเทือกเขาแอนดีส ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ !! แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 23:12:23 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 23:08:17 จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:57:35

ความคิดเห็นที่ 8 ทำไม คนอยู่ฝรั่งเศส ถึงกระเสือกกระสน บุกน้ำลุยไฟมาวัดระยะถึงอเมริกาใต้หล่ะ ? จากที่นิวตันกล่าวว่า โลกในแนวเส้นศูนย์สูตรนั้นป่อง ฉะนั้นก็จำเป็นที่จะต้องมาวัดระยะที่ๆใกล้เส้นศูนย์สูตรมากที่สุด  โดยเริ่มวัดจากเมือง ยารูกิซึ่งอยู่ใกล้กับกวิโต(Quito) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเอกวาดอ ลากผ่านเทือกเขาเป็นระยะประมาณ 200 ไมล์ โดยเชื่อว่าหากรู้ค่าระยะนี้ก็จะหาค่าอื่นๆ ได้ทุกอย่าง แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหน่ะสิ พอเดินทางมาถึง คนพื้นเมืองพากันโมโห เอาก้อนหินไล่ขว้างปาอย่างสาหัส เข้าใจผิดอีกหลายประการ ก็ใครจะไปเชื่อหล่ะว่าสมัยนั้น มีใครเดินทางเป็นครึ่งโลก มาแค่วัดขนาดของโลก การวัดระยะนี้กินเวลาเกือบสิบปี ผ่านอุปสรรคมามากมาย ทั้งเรื่องเดินขึ้นเขา เสบียง สภาพอากาศ ทั้งนี้เส้นทางก็เหมือนจะไร้การสำรวจ ไม่มีแผนที่ ต้องถางหญ้า ถางป่าเป็นทางเดิน ข้ามทะเลทราย ข้ามภูเขา โอ้ย สุดจะบรรยาย และตอนท้ายก็ได้ระยะทางที่ต้องการ ซึ่งก่อนจะปิดโครงการ ซึ่งมีคณะชาวฝรั่งเศสอีกชุด ไปวัดระยะที่แถบสแกนดิเนเวียตอนเหนือ เมื่อนำมาเทียบกันดูก็พบว่า นิวตัน พูดถูก !! โลกไม่ได้กลม โดยขนาดเส้นศูนย์สูตร ยาวกว่าเส้นรอบวงที่ผ่านขั้วโลกประมาณ 27 ไมล์ *****ก็ขอจบภาค 1 ไว้เพียงเท่านี้ เพราะช่วงนี้ผมสอบอยู่ ไว้เสร็จแล้วจะรีบมาต่อภาค 2 นะครับ ผิดถูกก็แย้งได้ ติชมได้ตามสะดวกครับ ขอบคุณครับ***** แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 23:13:03 จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:57:57

ความคิดเห็นที่ 9 คุ้นๆ เหมือนมาจากหนังสือ A Short History of Nearly Everything จากคุณ : Guyver หมายเลข 3 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:05:01

ความคิดเห็นที่ 10 คห 9 คุ้นๆ เหมือนมาจากหนังสือ A Short History of Nearly Everything ก็ผมอ้างอิงจากหนังสือนี้ และหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ครับในบางส่วน จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:17:27

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน ปล. เทือกเขาแอนดีส อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ครับ  ไม่ใช่แอฟริกา จากคุณ : CLK BRABUS เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:37:31

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณสำหรับความรู้ แม้ผมจะอ่านผ่านๆครับเพราะมันเยอะ จากคุณ : ลูกเจ้ามือหวย เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:53:59

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ เคยมี joke เกี่ยวกับน้ำหนักโลก นักเรียน ครูครับโลกเราหนักเท่าไรครับ ครู : xxxxxxxxxxxxxxx kg นักเรียน : ครูรวมน้ำหนักคนหรือเปล่าครับ ครู : !!!!! จากคุณ : JohnnieWalker เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:58:15

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาลงชื่อใว้ก่อน อิอิ จากคุณ : Reduce เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:00:53

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะ...ชอบบทความแบบนี้อะ อ่านเพลินดี ^^~ จากคุณ : fongtopaz เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:21:07

ความคิดเห็นที่ 16 #5 เมืองกรีนิช Longitude ที่ 0 องศา ไม่ใช่เหรอ จากคุณ : TrojanTHM เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:25:43

ความคิดเห็นที่ 17 ขอให้กำลังใจกระทู้ดีๆครับ จากคุณ : NHN เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:31:25

ความคิดเห็นที่ 18 วิธีในความเห็นที่ 4 ถ้าเอาไปวัดรัศมีโลกละพอกล้อมแกล้มได้อยู่นะครับ อีราสโตเนียสก็ใช้วิธีนี้ใช้ไหมหว่า จากคุณ : Tasurahings เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:44:33

ความคิดเห็นที่ 19 ที่เข้าหวากอทุกวัน  ก็เพื่อจะพบบทความอ่านง่ายๆ  สนุกๆ  ประเภทนี้ล่ะ  โหวตให้แล้วล่ะ (ไม่ได้โหวตให้ใครมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว) จากคุณ : fenics128 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:54:47

ความคิดเห็นที่ 20 แปะโป้งไว่ก่อนค่ะ ยังอ่านไม่จบเลย^__^ จากคุณ : neumai เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:03:13

ความคิดเห็นที่ 21 หาแนวคิดอย่างนี้มานานครับ... มาลงไว้ก่อน.. จากคุณ : nai_tin เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:23:39

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านหมดแล้วครับ มาต่อ ภาค 2 เร็วๆนะครับ รออยู่ จากคุณ : akekop เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:30:55

ความคิดเห็นที่ 23 มาลงชื่อครับ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ จากคุณ : Retrojazz60s เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:36:36

ความคิดเห็นที่ 24 คห 11 ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน ปล. เทือกเขาแอนดีส อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ครับ  ไม่ใช่แอฟริกา ANS - แก้ไขแล้วครับผม ขอบคุณมากครับ คห 6 #5 เมืองกรีนิช Longitude ที่ 0 องศา ไม่ใช่เหรอ ปล แก้ไขเรียบร้อยครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:11:35

ความคิดเห็นที่ 25 สำหรับการวัดระยะโลกไปดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์นั้น วัดกันตั้งแต่สมัยโบราณ โดยนักปราชญ์ชาวกรีก (อีกเช่นเคย) นาม ฮิปปาคุส (Hipparchus or Hipparch) และก็เป็นฮิปปาคุสนี่เอง ที่ทำให้เรามี 360 องศา(degree) สำหรับวงกลม ลองเข้าไปหาอ่านได้ครับที่ประวัติของฮิปปาคุส และผลงานที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Hipparchus จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:18:45

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาเพิ่มเติมให้อีกว่า นิวตันบอกว่าโลกป่องเล็กน้อยที่เส้นศูนย์สูตร แต่ Cassini บอกว่าโลกป่องออกที่ขั้ว เลยมีการถกเถียงกันว่าใครกันแน่เป็นฝ่ายถูก ก็เลยต้องมีการวัดอย่างที่จขกท.เล่ามา ในการทดลองครั้งนี้นอกจากจะพิสูจน์ว่าใครเป็นฝ่ายถูกแล้วยังเป็นการเปิดโลกของยางอีกด้วย โดยกงดามีนไปเจอยางพาราก็เลยเอาไปที่ยุโรป พร้อมตั้งชื่อว่า caoutchouc แปลว่าต้นไม้ร้องไห้ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:19:59

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ครับ จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:47:11

ความคิดเห็นที่ 28 รอภาคต่อไป จากคุณ : babypinkypooh เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 00:11:48

ความคิดเห็นที่ 29   ดีเลยคับได้ความรู้มาก จากคุณ : tunnie555 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 03:18:05

ความคิดเห็นที่ 30 สุดยอด จากคุณ : Esprite เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 06:42:38

ความคิดเห็นที่ 31 ถึกจริงๆ จากคุณ : โต้ บ้านกุดขนวน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 08:32:48

ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อคืนก็นั่งอ่านหนังสือเ่ล่มนี้แหละค่ะ เพิ่งอ่านคำนำจบก็หลับแล้ว ตามมานั่งฟังในกระทู้นี้ดีกว่า จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 08:52:48

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : *คุณวรมัน* เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:08:10

ความคิดเห็นที่ 34 เอากิฟให้ คนใน คห.6 ครับ นาย ริชาร์ด นอร์วูด ให้กับความ(บ้า)ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ สุดยอด ขอคารวะ จากคุณ : รถม้า-ปาแอ่ว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:26:39

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าเป้นบางประเทศในสมัยก่อน .....จะวัดขนาดของโลก ... บ้าไปแล้ว น่ะสิ เหอๆ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:27:01

ความคิดเห็นที่ 36   ใครยังไม่เคยวัดเส้นรอบวงโลก  ก็ลองใช้ Google Earth วัดดูได้นะครับ สนุกดี !! จากคุณ : SuperMox เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:29:02

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนนี้ขอวัดเส้นรอบวงเอว ของภรรเมีย ก่อนดีกว่า เพราะมันป่องตรงกลางและขยายเรื่อยๆ จากคุณ : rustyblade เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 10:33:32

ความคิดเห็นที่ 38 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:08:26

ความคิดเห็นที่ 39 A Short History of Nearly Everything อ่านสนุกมากครับ ตอนนี้อ่านเกือบจบละ จากคุณ : .. (GreenEyes) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:18:47

ความคิดเห็นที่ 40 ^ ^ ไปกินอะไรมาล่ะ #37 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 14:32:36 จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:32:12

ความคิดเห็นที่ 41 โหวตๆๆๆ จากคุณ : สระนาฬิเกร์ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:40:17

ความคิดเห็นที่ 42 ชอบอ่านเรื่องแบบนี้ ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ค่ะ จากคุณ : Pooklook ~ all my heart เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 15:03:18

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านเพลินดีค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : HeLL_Is_HeRe เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 20:25:11

ความคิดเห็นที่ 44 ขออ่านก่อนนะคะ ^^ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 22:46:24

ความคิดเห็นที่ 45 ...ขอบคุณคับ.... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 23:16:24

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับ เอาหนังสือเทพมาแจก เผื่อทีใครสนใจ ฮ่าๆ Philosophiae Naturalis Principia Mathematica http://www.gutenberg.org/etext/28233 จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 00:07:29

ความคิดเห็นที่ 47 อริสโตเติลบอกว่าโลกแบนไม่ใช่เหรอ จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 02:51:39

ความคิดเห็นที่ 48 ชอบ ชอบ อย่างนี้จัดไป 3X ขอบคุณ จขกท. จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 08:39:07

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 37 แสดงว่าเมียคุณกลมล่ะสิ แต่ว่า...เมียผมแบนอ่ะ ปล.และมีแนวโน้มจะกลมขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : ปิติกับเจ้าแก่ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:59:24

ความคิดเห็นที่ 50 ความบ้าของคนเรา อุตส่าห์ไปตรากตรำลำบากนอนกลางดินกินกลางทรายเป็นสิบปี เพียงเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง! ปล. บ้าอย่างนี้สิสร้างสรรค์ บ้าอย่างนี้สิน่ายกย่อง บ้าอย่างนี้แหละพัฒนาโลก! จากคุณ : Ponyo เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 14:14:24

ความคิดเห็นที่ 51 เป็นการให้ความรู้และมีสาระที่สนุกสุดๆ ไปเลยค่ะ อ่านแบบไม่เซ็งเลย ขอบคุณมากค่ะ รอภาคต่ออยู่นะคะ จากคุณ : รองเท้ากับนาฬิกา เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 19:01:28

ความคิดเห็นที่ 52 ความรู้มีให้ค้นหาอยู่เสมอคับ ขอบคุงมากๆ จากคุณ : คุณชายตี๋น้อย เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 20:27:01

ความคิดเห็นที่ 53 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 21:30:35

ความคิดเห็นที่ 54 .. จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 23:58:54

ความคิดเห็นที่ 55 เข้าใจโลกมากขึ้นละ จากคุณ : moshita เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 17:25:55

ความคิดเห็นที่ 56   โลกเป็น วงรี... จากคุณ : LILBAZZO เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 17:49:33

ความคิดเห็นที่ 57 ปูเสื่อ จากคุณ : pheebar เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 03:34:07

ความคิดเห็นที่ 58   นั่งเสื่อด้วยคนนะจ๊ะ (ไม่มีเสื่อมา อิอิ) จากคุณ : เกรอะกรัง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 07:17:01

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ค่ะ ^^ จะติดตามเรื่อย ๆ นะคะ เอามาลงบ่อย ๆ นะ จากคุณ : นางร้ายหน้าหวาน เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 21:28:58

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับ จากคุณ : PPJNY เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 23:18:21

ความคิดเห็นที่ 61   ถ้าดูรูปเปล่าๆ ไม่บอกว่าไม่เท่ากัน โลกก็กลมอยู่นะครับ ระยะทางต่างกันคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วน้อยนิด ลองหยิบลูกปิงปองขึ้นมาดูสิ กลมๆอย่างนั้นอาจจะเบี้ยวกว่าโลกซะอีก จากคุณ : หล่อเลิศ ฉลาดล้ำ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 10:30:57

ความคิดเห็นที่ 62 * ทำ ลิงก์ตอนต่อไป + ลิงก์สำรองเพื่อเก็บคลัง ให้ ตอน 1 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8371582/X8371582.html http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/10/X8371582/X8371582.html ตอน 2 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8396205/X8396205.html http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/10/X8396205/X8396205.html * จากคุณ : Prof.Sirius เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 15:21:18