ความคิดเห็นที่ 1 เอ้า ลืมรูปซะงั้น =__="a จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:34:56

ความคิดเห็นที่ 2 เกริ่นนำ ชีวิต คือสิ่งที่มนุษย์รู้จักและติดตัวมาตั้งแต่ยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ ชีวิตมีตั้งแต่องค์ประกอบขนาดจิ๋วอย่างแบคทีเรียหรือกระทั่งไวรัสที่ยังเป็นที่ถกเถียงว่ามันนับเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ จนไปถึง 'ปลาวาฬสีน้ำเงิน' สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกกลมแป้นใบนี้ ชีวิตแต่ชีวิตย่อมมีวัฏจักร การดำรงอยู่และสูญสลาย เกิดขึ้น แก่เฒ่า และล้มหาย เกิดขึ้นใหม่ ชราลง และตายจาก หมุนเวียนวนไม่มีที่สินสุด แม้แต่สิ่งที่เรียกตนเองอย่างภาคภูมิว่า 'สิ่งมีชีวิตทรงปัญญา' ยังมิอาจเอาชนะซาตานที่มีชื่อว่าความตายได้ อย่าว่าถึงกระนั้นเลย ความภาคภูมิอันสุดแสนจะจิ๋วหลิวของมนุษย์นั้นความจริงไม่อาจนำมาเปรียบกับสัจจะนิรันดิ์เช่นนี้ได้แม้เพียงเสี้ยว ในสายตาของผู้อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเราจ้อยเสียยิ่งกว่าเศษเสี้ยวผงธุลีผ่าสิบหก การคงอยู่นับร้อยช่วงชีวิต มีค่าเพียงเสี้ยววินาทีของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ผู้ยิ่งใหญ่ที่ส่องประกายแห่งอำนาจเจิดจรัสไปทั่วจักรวาลอันเวิ้งว้าง ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า "ดาวฤกษ์" จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:35:47

ความคิดเห็นที่ 3 Big Bang the insult word บทความดาราศาสตร์นับร้อยนับพันต่างบอกให้ท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่าบิ๊กแบงคืออะไร แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะทบทวนความทรงจำกันเสียเล็กน้อย ต้องให้เครดิตกับ Fred Hoyle นักดาราศาสตร์และนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษในฐานะผู้ตั้งชื่อให้กับ "บิ๊กแบง" เขาเรียกมันครั้งแรกว่า "บิ๊กแบง" ในรายการวิทยุของเขาในปี 1949 ซึ่งเขาตั้งใจเรียกเพื่อดูหมิ่นทฤษฎีของเลอร์แมตร์ซึ่งค้นพบโดยฮับเบิลว่าเป็นทฤษฎีทีโง่เง่าและไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากในขะนั้น Fred Hoyle ได้ตั้งทฤษฎีจักรวาลคงตัวเป็นทฤษฎีคู่ขนานกับทฤษฎีบิ๊กแบง ซึ่งจากการค้นพบ CMB หรือ Cosmic Microwave Backgound หรือ อุณหภูมิพื้นหลังเอกภพ ทฤษฎีของ Hoyle ก็ตกไป จากภาพ ::: Fred Hoyle (24 June 1915 - 20 August 2001) จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:38:19

ความคิดเห็นที่ 4 One for All  :::  Big Bang the first of everything ในสมัยที่เรายังเข้าใจว่า กาแลกซีทางช้างเผือก ยังเป็นกาแลกซีเดียวของจักรวาละสิ่งที่มองเห็นจางๆในกล้องโทรทรรศน์ล้วนเป็นเนบิวลานั้น Vesto Slipher นักดาราศาสตร์สัญชาติอเมริกันได้ทำการวัด redshift (การเลื่อนทางแดงของคลื่นอันเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ถอยห่างของวัตถุออกจากตัวของผู้สังเกต) ของ Spiral Nebula (กาแลกซีแบบกังหัน ที่นักดาราศาสตร์สมัยนั้นเข้าใจว่าเป็นเนบิวลา) เป็นครั้งแรกในปี 1912 ซึ่ง Vesto Slipher พบว่าเนบิวลาเหล่านั้นเกือบทั้งหมดกำลังถอยห่างออกจากโลก สิบปีต่อมา Alexander Friedmann นักจักรวาลวิทยาและนักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซียได้สร้างสมการจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอสไตน์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีเอกภพคงตัวของไอสไตน์เป็นไปไม่ได้ เพราะเอกภพกำลังขยายตัว หลังจากนั้นอีกสองปี Edwin Hubble นักดาราศาสตร์ผู้โด่งดังค้นพบเป็นครั้งแรกว่า สิ่งที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่าเป็นเนบิวลานั้น แท้จริงแล้วเป็นกาแลกซีอื่นเหมือนกาแลกซีทางช้างเผือกของเรา ต่่อมาไม่นานจากการสำรวจอย่างละเอียดละออ Hubble ยังพบอีกว่า ความเร็วถอยห่างของดาราจักรแปรผันตรงกลับระยะห่างของกาแลกซีนั้นๆกับโลก และตั้งขึ้นเป็น Hubble's Law จากทั้งหลายทั้งมวลข้างต้น และจากการศึกษากับสมการของ Friedmann ในที่สุด Georges Lemaitre นกบวชในนิกายคาทอลิกซึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์ชาวเบลเยียมได้เสนอแบบจำลองที่เขาเรียกว่า "สมมติฐานการกำเนิดอะตอม" ขึ้น จากภาพ ::: Monsignor Georges Henri Joseph Edouard Lemaitre (July 17, 1894 - June 20, 1966) แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 20:39:39 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:38:57

ความคิดเห็นที่ 5 One for All  :::  Big Bang the first of everything[2] บทความนี้จะไม่กล่าวถึงช่วงเวลาก่อนเกิดบิ๊กแบงที่เรียกว่า cosmogony เนื่องจากยังเป็นที่คลุมเครือและมีทฤษฎีกล่าวถึงอยู่หลายทฤษฎี ซึ่งแต่ละทฤษฎีก็ไม่อาจพิสูจน์ชัดลงได้ สภาวะก่อนหน้าจะเกิดบิ๊กแบง รวมถึงจุดที่เกิดบิ๊กแบงนี้ถือเป็น singularity ที่เหนือความรู้และจินตภาพของมนุษย์ในปัจจุบันขึ้นไป บิ๊กแบงพิจารณาง่ายๆจากสมการของไอสไตน์อันเลื่องชื่อ E=mc2 ซึ่งกล่าวว่า "มวลที่หายไปคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสองจะมีผลลัพธ์เท่ากับพลังงาน" ลองพิจารณากลับกัน ในเมื่อพลังงานสามารถสร้างขึ้นได้จากสสาร แล้วทำไมสสารจะสร้างขึ้นจากพลังงานไม่ได้ ดังนั้นแล้ว จุดกำเนิดบิ๊กแบงคือกลุ่มกอนขนาดจิ๋วที่จุอัดพลังงานมหาศาลไว้ข้างใน 10-43วินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เรียกว่า ยุคแพลงค์ ถ้าทฤษฎีซูซี่ (SUSY : SUperSYmmetry) ถูกต้อง แรงทั้งสี่อันประกอบด้วย แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียแบบเข้มและอ่อน จะรวมเป็นหนึ่งเดียว การอธิบายปรากฏการณ์ในช่วงยุคนี้จะใช้ทฤษฎีสัมพัธภาพในนการอธิบายโดยที่ทฤษฎีทางควันตัมยังไม่มีบทบาทและอธิบายไม่ได้ ปัจจุบันเรามีความรู้เกี่ยวกับยุคนี้น้อยมาก โดยนักวิทยาาสตร์หวังว่าทฤษฎีที่อยู่ในระหว่างการศึกษาอย่างทฤษฎีแรงโน้มถ่วงควอนตัมจะทำให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ในยุคนี้ดีขึ้น 10-43วินาที - 10-36หลังเกิดบิ๊กแบง ช่วงเวลานี้เอกภพจะขยายตัวอย่างกระทันหัน ผลจากพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดทำให้อุณหูมิของเอกภพลดลงอย่างฮวบฮาบเช่นกัน ในช่วงนี้แรงโน้มถ่วงจะเริ่มแตกออกจากแรงหลักที่เหลือ 10-36วินาที - 10-12หลังเกิดบิ๊กแบง ช่วงเวลานี้เอกภพยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว อุณหภูิลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเมื่ออุณหภูมิของเอกภพต่ำกว่า 1028K ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ต่ำพอที่แรงนิวเคลียแบบเข้มและอ่อนจะแยกจากกันได้ ในที่สุดอนุภาคมูลฐานทั้งหมดก็ถือกำเนิดขึ้น รวมถึง W,Z Bosons และ Higg Bosons ด้วย และนี่เองที่เป็นกำเนิดของอนุภาคทั้งหมดในจักรวาล จากภาพ : ทฤษฎีบิ๊กแบง การขยายตัวและเคลื่อนที่ห่างออกของกาแลกซี จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:40:31

ความคิดเห็นที่ 6 Born of Hydrogen : The origin of everything หลังจากช่วงเวลา 10-12 วินาทีหลังเกิดบิ๊กแบงจนถึงช่วง 10 วินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง เป็นช่วงที่เกิดอันตรกริยาระหว่างอนุภาคทั้งสิ้น อนุภาคต่างๆเกิดขึนและดับสูญในช่วงเวลานี้ หลังจากกำเนิดของอนุภาคต่างๆ อุณหภูมิที่กล่าวว่าลดลงแล้วของเอกภพยังคงสูงมาก ดังนั้นอนุภาคต่างๆจะมีความเร็วที่ค่อนข้างสูง อนุภาคต่างๆยังมีการชนกันตลอดเวลา สสารและปฏิสสารมีการทำลายล้างกันตลอดเวลา ยังคงเป็นปริศนาว่าเหตุใดจำนวนอนุภาคบาร์ยอน (สสาร) จึงมีมากกว่าจำนวน antibaryon (ปฏิสสาร) แต่น้่นถือเป็นข้อดีที่ทำให้เอกภพเต็มไปด้วยสสารอย่างในปัจจุบัน ช่วงเวลานี้อนุภาคหลายชนิด อาทิ ฮาดรอน เลปตอน ควาร์ก กลูออน รวมถึงโปรตรอน นิวตรอนและอิเล๊คตรอนจึงเริ่มถือกำเนิดขึ้น หลังจากอัตรกริยาจำนวนมากของอนุภาคและสสาร พลังงานในเอกภพหลังจากนั้นจะอยู่ในรูปของโฟตอนแทบทั้งสิ้น หลังจากนี้ราวสามแสนปี ธาตุที่ฟอร์มตัวง่ายที่สุดในจักรวาลอย่างไฮโดรเจนปรากฏในเอกภพเป็นครั้งแรก เป็นสัญญานว่าดาวฤกษ์กำลังจะถือกำเนิดขึ้นแล้ว จากภาพ : ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของอนุภาคพื้นฐานใน Standard model จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:41:19

ความคิดเห็นที่ 7 มาลงชื่อรออ่านค่า...... ^^~ จากคุณ : fongtopaz เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:01:49

ความคิดเห็นที่ 8 Nebula ::: The Lagoon of life ภายหลังชัยชนะครั้งมโหราฬของสสารต่อปฏิสสาร ธาตุเบามากมายอันประกอบด้วย ไฮโดรเจน ฮีเลียม และลิเทียม ก่อตัวขึ้นเต็มเอกภพ สสารที่รวมตัวกันหนาแน่นกว่าบริเวณโดยรอบก่อค่อยๆรวมกลุ่มกัน ขยายพลังโน้มถ่วงของมันทีละเล็กละน้อย จากขนาดไม่กี่พันกิโลเมตร เป็นขนาดนับร้อยปีแสง ธาตุเบาเหล่านั้นค่อยๆหมุนวนเข้าสู่ศูนย์กลาง ซึ่งจะก่อตัวขึ้นเป็นดาวฤกษ์ในภายหลัง เนบิวลาเกิดจากกลุ่มก๊าซที่รวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นซึ่งเป็นวัตถุดิบชั้นดีของการก่อร่างสร้างตัวของดาวฤกษ์ ถือเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง เนบิวลาจึงเปรียบได้กับ nursery ของจักรวาล จากภาพ ::: Lagoon Nebula รายละเอียด ดาว แก๊ส และฝุ่นผงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในเนบิวลาลากูน (The Lagoon Nebula) ผู้ทีได้รับชัยชนะคือนักถ่ายภาพดาว เนบิวลาลากูนรู้จักกันในรหัส M8 มันอาศัยอยู่ในกลุ่มดาวคนยิงธนู หรือ กาน้ำ (Sagittarius) และสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า พลังงานจากดาวฉากหลัง ไม่เพียงแต่รังสรรค์สีสันสวยสดงดงามอย่างที่เราเห็นในภาพเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ตามติดมาด้วยคือความวุ่นวาย ก๊าซสีแดงที่ฟุ้งอยู่ทั่วเป็นสีเอกลักษณ์ของไฮโดรเจนที่ได้รับพลังงานสูงจากดาวฉากหลัง เส้นเนบิวลามืดที่ปรากฏอยู่ภายใน M8 เป็นฝุ่นผงที่เกิดจากแถบบรรยากาศที่เย็นตัวของดาวยักษ์ และซากจากการระเบิดของซูปเปอร์โนวา เนบิวลานี้อยู่ห่างจากโลกราว 5000 ปีแสง (เป็นข้อมูลที่ผมแปลไว้ใน astroschool.in.th ครับ) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 03:19:46 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 21:20:57 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:17:36

ความคิดเห็นที่ 9 Nebula ::: the Lagoon of life [2] Population III Stars : The Oldest of Universe นั่นเป็นยุคเริ่มแรกในจักรวาล ที่ยังมีเพียงจักรวาลอันเวิ้งว้าง ดาวฤกษ์ในยุคแรกจะเป็นดาวฤกษ์ที่เรียกว่า ประชากรช่วงชั้นที่สาม (population III) ทั้งๆที่มันเป็นดาวฤกษ์พวกแรกๆที่ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งดาวฤกษ์ population III นี้จะประกอบด้วย H , He , Li เป็นส่วนใหญ่ โดยแทบไม่มีโลหะเป็นองค์ประกอบอยู่เลย โลหะที่ประกอบอยู่เป็นจำนวนใกล้เคียงศูนย์นั้นจะเป็นธาตุที่เกิดขึ้นจากหลังการเกิดบิ๊กแบงเท่านั้นเช่นธาตุ Li-7 ดาวฤกษ์ประชากรรุ่นนี้จะมีมวลมหาศาลเนื่องจากมันประกวบด้วยธาตุเบาล้วนๆ มวลดดยปกติของดาวฤกษ์ประเภทนี้จะมีมวลมากถึง 100 เท่าของดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ population III ยังเป็นดาวฤกษ์ในทฤษฎีเท่านั้น ยังไม่มีการค้นพบโดยตรง มีการค้นพบโดยอ้อม โดยนักดาราศาสตร์พบ gravitationally lens galaxy[1] ในระยะที่ห่างจากโลกมากๆ จากการคำนวนมวลของกาแลกซี ทำให้นักดาราศาสตร์ กาแลกซีนี้ต้องประกอบด้วยดาวฤกษ์ที่มวลมหาศาลมากๆเท่านั้น ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1 - Gravitation Lens หรือเลนส์โน้มถ่วง คือวัตถุที่มีมวลมหาศาลในห้วงอวกาศที่ทำหน้าที่คล้ายเลนส์นูนทำให้แสงเบื้องหลังที่เดินทางมายังผู้สังเกตบิดเบี้ยวไป จากภาพ : เป็นภาพถ่ายจาก Spitzer Space Telescope แสดงให้เห็นการแผ่ความร้อนซึ่งนักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการแผ่รังสีของดาวฤกษ์ population III แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 21:42:00 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 21:36:07 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 21:35:23 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 21:34:53 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:34:35

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมาจากที่ไกลมาก ๆ เอ้าปาดก็ปาด จากคุณ : รักคนที่ชอบแมว เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:42:52

ความคิดเห็นที่ 11 ไหน ขอปาดมั่ง จากคุณ : ทุตซี&ลุงเฟเทอร์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:43:20

ความคิดเห็นที่ 12 มาแล้วค่ะ^^ จากคุณ : *คุณวรมัน* เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:44:48

ความคิดเห็นที่ 13   เอ้า....  ปาดกันใหญ่... งั้นขอปาดด้วยคนเด้อ.... จากคุณ : อิ่มบุญครับ (กัปตันสมหมาย) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:57:02

ความคิดเห็นที่ 14   จากคุณ : jakkrissana เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:15:17

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมาปาดโดยเฉพาะ จากคุณ : handghost เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:00:22

ความคิดเห็นที่ 16 เค้าตามคนข้างบนมาแบ๊วง่ะ ปาดก็ปาด >,< จากคุณ : ฟินจัง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:47:42

ความคิดเห็นที่ 17 ต่ออีกนิด มะกี้หนีไปเล่น AA3 มา =w=,, เดี๋ยวขอหนีไปเล่นต่อ ต่ออีกนิดก่อน >w<,, จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 00:16:50

ความคิดเห็นที่ 18 Nebula ::: the Lagoon of life [3] To be Nebula เนบิวลาถูกจำแนกไว้ทั้งสิ้น 4 ประเภท จำแนกตามการเกิด ยกเว้นชนิดสุดท้ายที่มีการเกิดแบบเดียวกับประเภทแรกครับ ประเภทแรกเรียกว่า H II region H II region เป็นสภาวะการที่เนบิวลามีการเทมวลไปยังจุดใดจุดหนึ่งมากกว่าปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการรวมตัวของตัวมันเองหรือการเกิดคลื่นช๊อคจากบริเวณใกล้เคียง การที่มวลสารในเนบิวลาเทไป ณ จุดหนึ่งจุดใน จะทให้บริเวณนั้นมีความหนาแน่นสูงกว่าบริเวณโดยรอบ และเริ่มยุบตัวลง ก่อตัวเป็นกลุ่มก๊าซหนาแน่น เนบิวลาที่เกิดจาก H II region นี้ มีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ คือ เนบิวลาสว่าง (Emission Nebula) เกิดจากการที่กลุ่มก๊าซในเนบิวลาร้อนขึ้น เนื่องจากได้รับพลังงานจำนวนมากจากดาวฤกษ์ฉากหลัง หรือดาวฤกษ์ที่ก่อกำเนิดขึ้นจากตัวของมันเอง ซึ่งเมื่อกลุ่มก๊าซเหล่านี้ได้รับพลังงานก็จะร้อนขึ้น และทำให้อิเล๊คตรอนมีการเปลี่ยนระดับพลังงาน เมื่อตัวของมันคายพลังงานออกมาเพื่อให้อิเล๊คตรอนกลัสูสภาพเดิม มันจะแผ่รังสีมีความยาวคลื่นเฉพาะตัวตามแต่ธาตุไป ดังนั้นเนบิวลาชนิดนี้ สีของมันจะบอกธาตุได้ เช่นไฮโดรเจนจะมีสีเฉพาะเป็นสีแดง ออกซิเจนจะมีสีออกเขียว ตัวอย่างเนบิวลาชนิดนี้ได้แก่สิ่งที่นักดูดาวสมัครเล่นมักจะเรียกกันว่า "ของดีนายพราน" หรือ Orion Nebula นั่นเอง เนบิวลาสะท้อนแสง (Reflection Nebula) เนบิวลาสะท้อนแสง เป็นเนบิวลาที่คล้ายกับเนบิวลาสว่าง เพียงแต่ว่ามันได้รับพลังงานไม่มากพอที่จะเปลี่ยนระดับชั้นของอิเล๊คตรอน จึงทำได้เพียงกระเจิงแสงของดาวฤกษ์เหล่านั้น คล้ายกับการกระเจิงแสงในชั้นบรรยากาศของเรา ดังนั้นเนบิวลาประเภทนี้จึงมักมีสีโทนฟ้าไปจนถึงม่วงอ่อนๆ ตัวอย่างเนบิวลาประเภทนี้ที่มีความสวยงามได้แก่ เนบิวลาหัวแม่มด IC1118 เนบิวลามืด ยกไปอธิบายในเนบิวลาประเภทสุดท้าย จากภาพ ::: Orion Nebula เนบิวลาสว่างรูปแบบหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 00:57:58 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 00:57:21

ความคิดเห็นที่ 19 North America Nebula เนบิวลาสว่างเช่นกัน จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 01:01:10

ความคิดเห็นที่ 20 เนบิวลาสว่างอีกหนึ่งเนบิวลาที่สวยมาก :: เนบิวลาดอกกุหลาบ แต่นักถ่ายภาพดาวเมืองไทยจะชอบเรียกชื่อภาษาอังกฤษกันมากกว่าว่า Roses Nebula (ฟังครั้งแรก รู้จักครั้งแรกก็งงๆ เนบิวลาอะไรหว่า โลเสด โลเสด) จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 01:04:17

ความคิดเห็นที่ 21 รูปนี้เป็น orion nebula (M42) ซึ่งเป็นเนบิวลาสว่าง แต่ด้านล่างของภาพเป็ฯน Running Man Nebula (M43) เป็นเนบิวลาสะท้อนแสงครับ จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 01:50:37

ความคิดเห็นที่ 22 Witch Head Nebula ::: เนบิวลาสะท้อนแสงเช่นกัน จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 02:10:42

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาอ่านค่ะ... จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 02:16:37

ความคิดเห็นที่ 24 Nebula ::: the Lagoon of life [4] To be Nebula ประเภทที่สอง : เนบิวลาดาวฤกษ์ เนบิวลาประเภทนี้เป็นเหมือนอนุสรณ์สถานของดาวฤกษ์มวลมากที่ตลอดทั้งชีวิตใช้ชีวิตอย่างเจิดจรัส เกิดอย่างตระกาล อยู่อย่างเจิดจ้า และจากลาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยซุปเปอร์โนวา[1] การระเบิดของมันจะทิ้งร่องรอยธาตุจำนวนมากที่มันสร้างขึ้นตลอดทั้งชีวิต โดยเฉพาะธาตุหนักหลายชนิดที่มิอาจสร้างได้โดยดาวฤกษ์มวลน้อยหรือปานกลาง ร่องรอยการระเบิดจะกระจายก๊าซธาตุออกไปนับร้อยปีแสง ธาตุเหล่านี้นี่เองที่ประกอบขึ้นเป็นธาตุหนักอย่างโลหะในโลกของเรา เนบิวลาประเภทนี้มีร่องรอยการบันทึกตั้งแต่สมัย คศ.1100 ว่ามีดาวประหลาดสว่างขึ้นเห็นได้แม้ในเวลากลางวันเป็นเวลานานกว่ายี่สิบวันก่อนค่อยๆจางหายไป การระเบิดซุปเปอร์โนวาเปล่งพลังงานออกมามากแต่เพียงชั่วพริบตา แสงสว่างที่เห็นต่อมานั้นคือแสงจากก๊าซที่ร้อนยิ่งยวดจนเปล่งแสงสว่างจำนวนมหาศาลออกมาเป็นเวลาหลายวัน เมื่อนักดาราศาสตร์ตรวจสอบในตำแหน่งตามบันทึก นักดาราศาสตร์ก็พบซากเนบิวลาหนึ่งอยู่ตรงนั้น นั่นคือ M1 crab nebula เนบิวลาที่ประหลาดที่สุดเนบิวลาหนึ่งในความคิดของผม เพราะมันเป็นเนบิวลาปู ที่อยู่ในกลุ่มดาววัว ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- [1]ซุปเปอร์โนวา เป็นการระเบิดครั้งมโหราฬของดาวฤกษ์มวลมาก เนื่องจากดาวฤกษ์มวลมากเกิดการเสียสมดุลระหว่างแรงดันกับแรงโน้มถ่วง จึงเกิดระเบิดอย่างรุนแรง สิ่งที่เหลือจากการระเบิดเช่นนี้ ไม่เป็นหลุมดำก็ดาวนิวตรอน จากภาพ : M1 crab nebula แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 03:17:50 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 03:17:16 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 03:16:30

ความคิดเห็นที่ 25 Nebula ::: the Lagoon of life [5] To be Nebula ประเภทที่สาม : เนบิวลาดาวเคราะห์ เนบิวลาดาวเคราะห์มีความคล้ายคลึงกับเนบิวลาดาวฤกษ์ตรงที่มันเกิดมาจากดาวฤกษ์เหมือนกัน แต่ดันมีขื่อเรียกว่าเนบิวลาดาวเคราะห์ เนบิวลาดาวเคราะห์ต่างจากเนบิวลาดาวฤกษ์ตรงที่ เนบิวลาดาวเคราะห์เกิดมาจากดาวฤกษ์มวลไม่มากนักซึ่งเมื่อมันกำลังจะหมดอายุขัยจากดาวยักษ์แดงกลายเป็นดาวแคระขาว ผิวดาวของมันจะหลุดออกมาและฟุ้งกระจายไปในอวกาศ ก๊าซเหล่านี้จะได้รับพลังงานจากดาวแคระขาวซึ่งสร้างมันขึ้นมาและอยู่ณจุดศูนย์กลางของเนบิวลาทำให้พวกมันสว่างขึ้น สาเหตุที่เนบิวลาชนิดนี้ถูกเรียกว่าเนบิวลาดาวเคราะห์เป็นเพราะว่า นักดาราศาสตร์คนแรกที่ค้นพบเนบิวลาดาวเคราะห์ คิดว่าเนบิวลาดาวเคราะห์ เป็นแผ่นจานที่วนรอบดาวฤก์ซึ่งจะสร้างให้เกิดดาวเคราะห์ขึ้นมาครับ ประเภทที่สี่ : เนบิวลามืด เนบิวลามืดเป็นเนบิวลาในกลุ่ม H II Region เป็นกลุ่มฝุ่นละอองและกลุ่มก๊าซที่รวมตัวกันหนาแน่นมาก และแสงจากดาวฤกษ์เบื้องหัลงไม่มากพอที่แม้แต่จะกระเจิงแสงของมันในกลุ่มฝุ่นเหล่านี้ได้ จึงเห็นเป็นกลุ่มหมอกมืดเบื้องหน้ากลุ่มเนบิวลาสว่างอีกที ตัวอย่างเนบิวลาประเภทนี้เช่น เนบิวลาหัวม้าในกลุ่มดาวนายพรานครับ จากภาพ : Ring Nebula เนบิวลาดาวเคระห์ จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:45:43

ความคิดเห็นที่ 26 Cat's Eye Nebula : อีกหนึ่งเนบิวลาดาวเคราะห์ สังเกตุว่า ที่ตรงกลางเนบิวลาดาวเคราะห์จะสว่างกว่าส่วนอื่น จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:47:06

ความคิดเห็นที่ 27 Ant Nebula : เนบิวลาดาวเคราะห์ จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:49:36

ความคิดเห็นที่ 28 ลืมรูปเลย -  -"a จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:50:09

ความคิดเห็นที่ 29 Horse Head Nebula : เนบิวลาหัวม้า เนบิวลามืด แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 07:54:19 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:53:27

ความคิดเห็นที่ 30 กรรม เพิ่งเห็นว่าซ้ำ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 15:31:28 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:53:51

ความคิดเห็นที่ 31 Hrose Head Nebula : เนบิวลาหัวม้า เนบิวลามืด จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:56:34

ความคิดเห็นที่ 32 ปาดมั่ง เราจะสำรวจอวกาศได้ง่ายๆ ถ้าใช้ NPSlower จ๊ะ อิอิ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:58:36

ความคิดเห็นที่ 33 Pillar of creature ใน eagle nebula : เนบิวลามืดอีกเนบิวลาหนึ่ง สังเกตุว่าแสงของเนบิวลามืดในภาพนี้ เริ่มมีสีสัน นั่นเป็นเพราะภายในมีการกำเนิดของดาวเกิดใหม่อยู่ จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 07:59:26

ความคิดเห็นที่ 34 ลาจากด้วยภาพสวยๆ กับความง่วงนอนของจขกท. วันนี้ขอจบ Life and Universe ในเรื่องราวของ Nebula the Lagoon of Life ไว้เท่านี้ก่อน คราวหน้าจะเป็นเรื่องของ Nebula the Nursery เรื่องราวเกี่ยวกับดาวฤกษ์ทารกกับเนบิวลาครับ กระทู้อาจห้วนสั้นไปนิด จขกท.ยังล้าๆ + ขี้เกียจอยู่มากครับ บางท่อนบางอันไม่ได้กลับไปตรวจทานเลยครับ ถ้าไม่น่าอ่านอย่างไรขออภัยไว้ณตรงนี้ด้วยครับ >__<,, ขอบคุณทุกท่านที่รับชมครับ สำหรับวันนี้ อรุณสวัสดิ์ครับ กลับบ้านนอนแร้ววว ~* จากภาพ Frame Nebula ในช่วงคลื่น Infrared แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 08:08:47 จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 08:07:02

ความคิดเห็นที่ 35 ตามมาอ่านจ้ะ ชอบดูรูปแนวๆนี้ สวยจัง จากคุณ : HeLL_Is_HeRe เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:59:10

ความคิดเห็นที่ 36 เนบิวลาสวยงามจัง รายละเอียดกระทู้ยังไม่ได้อ่าน จากคุณ : Cryptomnesia เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 10:08:14

ความคิดเห็นที่ 37 โหววววววววววววว เห็นภาพแรกแล้วอยาก เหอๆ   (เกี่ยวมั๊ยเนี่ย 55+) จากคุณ : ใต้เงาพระจันทร์แรม เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 11:45:32

ความคิดเห็นที่ 38   ราบ ๑๑ ใช่มั้ยครับ อิอิ วันที่อาทิตย์ใช่ป่าวหว่า ผมก็ไปเล่นสนามป่า กับ CQB         มิอาจหาญกล้า จะเผชิญ MIL SIM อย่างท่านๆได้หรอกครับ ปล. คุณ nOnG_WinZ ใช่ที่ถือ 416 ทางด้านขวาของภาพหรือเปล่าครับผม แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 21:15:42 จากคุณ : สุกี้๒จาน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 12:10:35

ความคิดเห็นที่ 39 โหวตด่วน >.< ชอบเรื่องดาราศาสตร์อ่ะค่ะ แต่สติปัญญาไม่ดีพอที่จะเรียนสายวิทย์ แหะๆ... เนบิวลา ให้กำเนิดดวงดาว และสิ่งมีชีวต ชอบ Roses Nebula จัง จากคุณ : เลดี้ลิลิ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 12:11:02

ความคิดเห็นที่ 40 เนบิวลา สวยจัง ทั้งสวย ทั้งลึกลับ จากคุณ : Pooklook ~ all my heart เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 14:54:52

ความคิดเห็นที่ 41   ขอบคุณมาก... จากคุณ : chirabit (chirabit) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 15:11:02

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณทุกท่านครับ ^^,, ตอนแรกนึกว่ากระทู้จะหายไปเงียบๆซะอีก เพราะคราวนี้เขียนแบบเมาๆ #38 ช่ายแล้วครับ ถูกต้องทุกกระบวนความ ไว้มาเล่นกันครับ สนุกนา Mil Sim อ่ะ เล่นตั้งแต่ครั้งแรกยันครั้งนี้เลย แถมมีเสี้ยนอยากเล่นจัด ทีมม DST เลยจัด Mil Sim เชิญเพื่อนๆ ทีมที่สนิทกันมาเล่นกันเองเลย ว่าแต่ทำไมถึงรู้ล่ะครับ ว่าคนนั้นเป็นผม จากคุณ : nOnG_WinZ (nOnG_WinZ) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 15:30:11

ความคิดเห็นที่ 43 ตามมาอ่านเรื่องที่ชอบค่ะ จากคุณ : ->บังเอิญไหมที่เราได้พบกัน<- เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:01:37

ความคิดเห็นที่ 44 ตื่นตาตื่นใจทุกครั้งกับความสวยงามและยิ่งใหญ่ของจักรวาลครับ จากคุณ : knine2five เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:22:40

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณครับ ชอบเรื่องดาราศาสตร์ครับ แต่โง่เลขไปหน่อย เลยไม่ได้เรียนสายวิทย์ จากคุณ : La O'Clordor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 18:57:22

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาดู ^^ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 22:44:10

ความคิดเห็นที่ 47   เข้ามาเซพภาพสวยๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : คนเสพมาม่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 00:04:03 A:112.142.115.74 X: TicketID:235666

ความคิดเห็นที่ 48 เนบิวล่านี่ ให้ความรู้สึกเหมือนสวรรค์เลยเนอะ จากคุณ : Jubnosuke เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 01:25:24

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านเพลินดี ..ขอบคุณครับ จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 08:45:59

ความคิดเห็นที่ 50 nOnG_WinZ คราวนี้ผ่าจักรวาลเลย ระวังโดนผู้ผลิตฟ้องอีกนะครับ (ล้อเล่น) จากคุณ : Verm เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:03:59

ความคิดเห็นที่ 51 แค่เห็นชื่อ จขกท ก็ช่วยโหวตแล้วครับ จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:45:40

ความคิดเห็นที่ 52 แค่เห็นชื่อ จขกท ก็ช่วยโหวต+กิ๊ฟแล้วคร้าบ จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 11:46:54

ความคิดเห็นที่ 53 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 17:57:48

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับทุกท่าน ^^,, #50 แล้วจะผ่ามาแฉกันอีกบ่อยๆครับ =w=,, #51 #52 ขอบคุณนะครับ ^^ แต่อ่านเนื้อความก่อนค่อยโหวตดีกว่าครับ ^^,, จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:06:53

ความคิดเห็นที่ 55 น้องวิ๊นซ์แจ๋วมากอะ เขียนตำราใด้เลย ถ้าไม่ติดเกมซะก่อน จากคุณ : jesdath เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 00:46:38

ความคิดเห็นที่ 56 ได้ความรู้มากมายเลยครับ สงสัยมานานแล้วว่า บิ๊กแบง เนบิวลา ซูเปอร์โนวา หมายความว่าอย่างไร อยากทราบเรื่องดาวนิวตรอนเพิ่ม ถ้าเป็นไปได้ครับ จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 11:06:45

ความคิดเห็นที่ 57 จักรวาล น่าทึ่งจริง ๆ จากคุณ : iamnid เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 13:12:44

ความคิดเห็นที่ 58 #55  -  -* จะตั้งใจเรียนแล้วครับ #56 ได้เลยครับ ซีรีย์ชุดนี้ยังอีกยาวครับ ^^,, #57 ใช่แล้วน่าทึ่งชิมิล่า :D~* จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 16:42:38

ความคิดเห็นที่ 59 มาปักหมุดไว้ก่อน เดี๋ยวว่างจริงๆ มีเวลาจริงๆจะมาตามอ่านนะคะ วันนี้เรื่องไม่ยาวเลย ไม่จุใจ อิอิ จากคุณ : pongpei เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 18:14:49

ความคิดเห็นที่ 60 จากคุณ : TrainnerGoki เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 20:47:50

ความคิดเห็นที่ 61 ดีครับได้ความรู้มาก จากคุณ : juice&boy เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 20:48:13

ความคิดเห็นที่ 62   พี่วิน เจ๋งมากเล้ยยย ^^ จากคุณ : K.Gera (horologium) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 23:22:21

ความคิดเห็นที่ 63 เป็นตำราอ้างอิงได้เลยนะเนี่ย จากคุณ : ป่านฉะนี้เธออยู่ดีไฉน เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 07:05:31

ความคิดเห็นที่ 64 อ่านได้ครึ่งหนึ่งก็เริ่มเปิดผ่านๆละ   เนื่องจาก......โง่!!! จากคุณ : pantaye เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 11:35:40

ความคิดเห็นที่ 65 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 23:37:15

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นเรื่องที่ชอบแล้วก็สนใจอยู่แล้วอ่ะ พอน้องวินเอามาลงก็เลยตามมาอ่าน มีประโยชน์มาก + ได้เห็นภาพสวยๆ อย่างงี้ ยิ่งทำให้ให้ชอบและหลงใหลใน เนบิงล่า มากขึ้นนะเนี่ย เอามาลงอีกนะคะ จากคุณ : หนีตามกาลิเลโอ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 09:12:24

ความคิดเห็นที่ 67   ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จากคุณ : กุ๊กไก่ไม่ขันมาหาฉันจะกระต๊าก เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 01:24:31 A:114.128.195.26 X: TicketID:191399

ความคิดเห็นที่ 68 น้อง วินอยู่ Alpha เหรอครับเนี่ย จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 23:32:52

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณครับทุกท่าน ^^,, #64 ไม่หรอกครับ >  < ผมจะพยายามเขียนให้อ่านง่ายกว่านี้นะครับ #68 ใช่แล้วครับ จากคุณ : nOnG_WinZ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 00:04:40