เพราะวิทยาศาสตร์(รวมถึงศาสตร์อื่นใกล้เคียง) แก้ปัญหาชีวิตในปัจจุบันไม่ได้หรือเปล่า? เรตติ้งรายการแบบนี้เลยพุ่งกระฉูด..
|
|
ไสยศาสตร์ ON TV ปรากฏการณ์สั่นไหวของคนไทยจิตอ่อน
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 29 กันยายน 2552 19:55 น.
คนเห็นผี-สแกนกรรม-ระลึกชาติ-ใบ้หวย-เข้าทรง
ที่ไล่เรียงมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สำนักหมอดูทางในที่ไหน หากแต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับแวดวงทีวีไทย เมื่อรายการต่างๆ พร้อมใจกันนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ในเวลาติดๆ กัน คำถามก็คือ เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย? ในขณะที่ประเทศต่างๆ พยายามพัฒนาก้าวไปข้างหน้า แต่วงการโทรทัศน์ไทยกลับก้าวถอยหลังด้วยการนำเสนอเรื่องราวเหนือธรรมชาติแบบประโคมโหมกระหน่ำ ตั้งแต่รายการวาไรตี้ ทอล์คโชว์ ไปจนถึงแม้แต่รายการข่าวก็ยังไม่วายเกาะกระแสไปด้วย หรือว่า ทุกวันนี้ไม่มีข่าวดีๆ ให้เสพ จนคนไทยต้องหันหน้าไปพึ่งเรื่องราวที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้นี้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจแทน
มันมากับความเครียด การหยิบยกเรื่องไสยศาสตร์หรือผีสางเทวดา สำหรับสื่อเมืองไทย ถือเป็นเรื่องปกติมาก และมีนำเสนอเรื่องแบบนี้ มาทุกยุคทุกสมัยแล้ว เพราะสื่อเมืองไทยชอบประเมินคุณค่าข่าว พยายามหยิบคุณสมบัติความน่าสนใจ โดยเฉพาะความแปลก ความไม่ธรรมดา มานำเสนอ เพื่อให้ผู้ชมหันมาดูมากที่สุด อาจารย์มานพ แย้มอุทัย จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงปรากฏการณ์ที่รายการโทรทัศน์มักหยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับไสยศาสตร์มานำเสนอทางหน้าจอ นอกจากนี้ องค์ประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรื่องพวกนี้สามารถเจริญเติบโตได้มากก็คือ สังคมเมืองไทยนั้นส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา และในส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา ก็มีการพูดถึงเดรัจฉานวิชชารวมอยู่ด้วย หลักการของพระพุทธศาสนามีการแบ่งคนออกเป็น 4 ประเภท นั้นก็คือบัวเหนือน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวกลางน้ำ และบัวใต้น้ำ ซึ่งไอ้บัวกลางน้ำ โอกาสที่จะขึ้นมาได้ก็ต้องมีการอธิบาย ซึ่งการอธิบายที่ดีก็ต้องมีกุศโลบาย คล้ายๆ กับการหลอกว่ามีเปรต มีผีอะไร แล้วก็มีการนำเรื่องอภินิหารปาฏิหาริย์เข้ามา เพื่อที่จะทำให้คนพวกนี้มีโอกาสที่พ้นน้ำได้ เพราะอย่างที่ทราบ การอธิบายแบบบโต้งๆ ก็อาจจะยากเกินไปที่ชักจูงพวกเขาเข้าใจหรือสนใจได้ และเมื่อเกิดการสมมติเอาในพระพุทธศาสนา สิ่งที่ตามมาก็คือ การเกิดกลุ่มคนที่ชอบอ้างเอาเรื่องพวกนี้มาหาผลประโยชน์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ชอบ พออกพอใจ เพราะว่าจิตใจของมนุษย์เรามักชอบในเรื่องที่เข้าข้างตัวเองมากกว่าไว้ก่อนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่เจอผีหรือเจออะไร ก็ชอบคิดว่าตัวเองนั้นใช่ ตัวเองถูกต้อง หรือเวลาที่เห็นอภินิหารอะไร ก็เชื่อว่ามันเป็นจริง ทั้งที่ จริงๆ แล้วมันคือจิตไม่ใช่ของจริงซะหน่อย จากตรงนี้เอง สื่อในเมืองไทยก็เลยเอาจุดนี้ไปใช้กับในสังคม แม้ในพระพุทธศาสนาเองก็มีคำสอนอยู่ว่าอย่าไปเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พวกเดรัจฉานวิชาก็ยังพยายามจะใช้ตรงนี้ขึ้นมา ซึ่งมันก็ไปสอดคล้องต้องกันกับสื่อพอดี
จากคุณ |
:
ตะลึงจังงัง
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ย. 52 10:04:41
|
|
|
|