ความคิดเห็นที่ 1 บทความคราวนี้เราเรียบเรียงใหม่จากพาวเวอร์พอยนต์สำหรับสอนเด็ก ใครมีอะไรเพิ่มเติมช่วยชี้แนะด้วย อาจจะโพสต์ช้าไปบ้าง ปาดได้ตามสบายค่ะ ----------------------------------------------------------------------- การมีสติ และการหมดสติ เราแบ่งภาวะการมีสติ หรือ “Consciousness” เป็น 3 ช่วง คือ awake, asleep, drowsy โดยดูจาก 2 ทาง คือ ทางพฤติกรรม และ ดูการทำงานของสมอง โดยผ่าน electroencephalogram (EEG) แบ่งยังไงดูตามรูปค่ะ... แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 15:22:36 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:22:10

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วการหลับคืออะไร? Sleep คือ สภาวะการหมดสติ (unconsciousness) สภาวะทางพฤติกรรมซึ่งมีการหลุดพ้นของการรับรู้ และการไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมโดยที่สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ ส่วน Coma เป็นสภาวะการหมดสติ แต่ไม่สามารถปลุกได้ด้วยการกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าต่างๆ การหลับแบ่งเป็น 2 ระดับ 1. Non-REM sleep (หรือ Slow-wave sleep ) แบ่งเป็น stage 1, 2, 3 และ stage 4 2. Rapid eye movement sleep (REM sleep) การนอนในแต่ละคืนจะเกิด REM และ nonREM สลับกันตลอดคืน ส่วน REM sleep จะนานประมาณ 25 % (ในวัยรุ่น) และแบบแผนของวงจรการนอนจะเปลี่ยนไปตามวัยค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 23:01:56 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:28:13

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณสำหรับข้อมูลคับ จากคุณ : LuNpA เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:33:34

ความคิดเห็นที่ 4 จำได้ว่าตอนเรียนนั่งเรื่องนี้ จะเข้า stage ที่ 4 ให้ได้เลยค่ะ ฮ่าๆ แต่ทำแลปEEGก็สนุกดีนะคะ^^ จากคุณ : chromosome_xx เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:41:54

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วเราจะทราบได้อย่างไรล่ะว่าเรานอนอยู่ใน stage ไหนแล้ว? โดยดูจากตัวแปรที่ใช้วัดระยะต่างๆของการนอน - คลื่นไฟฟ้าสมอง Electroencephalogram (EEG) - Electrooculogram (EOG) ดูการการกลอกลูกตา (eye movement) - Electromyogram (EMG) ดูว่ามีการทำงานของกล้ามเนื้อไหม (muscle tone) - ดูสภาวะร่างกายอื่นๆ ; อัตราหัวใจเต้น อัตราการหายใจ อุณหภูมิกาย   ภาพประกอบ EEG จากขั้วบันทึกที่วางบนหนังศีรษะ ใช้แบบเป็นเป็นหมวก ติดอิเลกโทรด ส่วนขมับมีอิเลคโทรดวัด EOG ดูการกลอกลูกตา   สายที่หน้าอกติดกับเครื่อง Plethysmograph วัดอัตราการหายใจ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 23:03:56 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:42:06

ความคิดเห็นที่ 6 อีกรูป.. จริงๆมันไม่ระโยงระยางค์ขนาดนี้หรอก คาดว่าเพื่อการทดลองอะไรซักอย่างค่ะ อิเลคโทรดที่ติดตรงขมับวัดการกลอกของลูกตาะ EOG ส่วนที่คางวัดว่ากล้ามเนื้อมีการตึงตัวไหม (Muscle tone) กล้ามเนื้อคลายตัวหรือยังค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 22:59:04 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:44:51

ความคิดเห็นที่ 7 Non-REM sleep - no eye movement - ชีพจรและการหายใจช้าลงอย่างสม่ำเสมอ อุณหภูมิกายลดลง - กล้ามเนื้อผ่่อนคลาย แรงตึงกล้ามเนื้อลดลง เปลี่ยนท่านอนทุก 20 นาที - growth hormone หลั่งมาก - สามารถยับยั้งการนอนระดับนี้ด้วยด้้วย ยากล่อมประสาท valium (benzodiazepine) - ไม่่ค่อยฝััน แบ่งเป็น 4 stage โดยดูจากคลื่นสมอง Stage 1 - คลื่นสมองเป็นแบบ irregular, theta waves - หายใจช้้าๆ, หลับตื้น ตื่นง่าย, เกิดนาน 2 นาที อาจรู้สึกตัวโดยไม่มีตัวกระตุ้น Stage 2 - มี sleep spindles และ mixed EEG activity - เกิดนาน 20 นาที Stages 3 & 4 - delta waves - ตื่นยาก เกิดนาน 30 นาที ภาพประกอบ stage 5 คือช่วง REM ที่เราจะกล่าวถึงต่อไปค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 15:56:12

ความคิดเห็นที่ 8 Rapid eye movement sleep (REM sleep) - หลับแบบมีการกลอกตาอย่างรวดเร็ว (rapid eye movement) - สมองมีการทำงานมาก brain metabolism อาจเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อวัดด้วย electroencephalogram (EEG) จะแสดง brain waves คล้ายกับขณะตื่น wakefulness จึงเรียกการหลับแบบ REM sleep ได้อีกอย่างหนึ่งว่า Paradoxical sleep - มีการฝัน (dreaming) - ปลุกให้ตื่นยากกว่าช่วง non-REM sleep แต่จะตื่นเองทันทีในตอนเช้า หากช่วงนั้นตรงกับระยะ REM sleep - Heart rate และ respiratory rate ไม่คงที่ในช่วง dream state - Muscle tone ลดลง เพราะมีการยับยั้งการทำงานของ spinal muscle control areas ***** จากการที่กล้ามเนื้อลดการทำงานลง มีแรงตึงลดลง จขกท.เลยสันนิษฐานว่า "อาการผีอำ" เกิดจากการทีคนถูกผีอำตื่นในช่วง REM sleep หรือเปล่า?? ****** - นอกจากนี้ พบการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย และคลิตอริสโดยไม่เกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศด้วย ***** จากกระทูข้างล่างเกี่ยวกับปัญหาการนอนของหมอแมว (X8394225) ได้เช็คภาวะนี้ด้วยหรือเปล่าคะ ****** (//me .... ว่าแล้วก็ก่อศัตรู ) ภาพประกอบวงจรการหลับในแต่ละคืนค่ะ (Sleep cycle) การนอนเริ่มจาก NREM sleep (stage 1-stage 4) ซึ่งใช้เวลาราว 80 นาที แล้วตามมาด้วย REM sleep ราว 10 นาที (วงจรนี้นานราว 90 นาที) วงจร NREM-REM จะปรากฏขึ้นราว 3-6 วงจรในหนึ่งคืน โดยที่ความยาวนานของช่วง NREM sleep จะสั้นลงเรื่อยๆ ในขณะที่ความยาวนานของช่วง REM sleep ยาวขึ้นเรื่อยๆ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 16:12:57 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 16:09:42

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วเกิดอะไรกับสมองของเราบ้างในขณะการนอนหลับ Neuroanatomy of sleep - wakefulness วงจรการนอนหลับและการตื่นขึ้นกับระบบทางประสาทวิทยา 3 อย่างดังนี้ 1 . การตื่นตัว (Awake) ถูกควบคุมโดย Reticular activating system (RAS) ซึ่งส่งกระแสประสาทไปยังสมองส่วนหน้า เมื่อมีการกระตุ้นในระบบนี้จะทำให้ตื่น และถ้าการกระตุ้นลดลงจะทำให้หลับ 2 . การนอนหลับแบบ NREM ถูกควบคุม basal forebrain area , thalamus , hypothalamus , dorsal raphe nucleus และ nucleus tractus solitarius of the medullar 3 . การนอนหลับแบบ REM ถูกควบคุมโดย brainstem และ locus ceruleus ใน pons และ gigantocellular tegmental field (แก้ไข เนื่องจากพบข้อมูลที่อธิบายละเอียดกว่า) แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 16:35:44 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 16:26:07

ความคิดเห็นที่ 10 ศูนย์ควบคุมการตื่น  “ Reticular activating system” ประกอบด้วยนิวเคลียสกลุ่มหนึ่งที่หลั่งสารสื่อประสาทหลายชนิดดังนี้ Acetylcholine, Norepinephrine, Serotonin (5-HT), Histamine, Orexin (Hypocretin) ภาพประกอบแสดงการทำงานของสารสื่อประสาทขณะนอนหลับค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 52 11:47:22 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 16:44:58

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วทำไมเราต้องนอนด้วยล่ะ การนอนไม่ใช่การพักการทำงานของสมองทั้งหมด ตามรูปประกอบข้างบนจะเห็นว่าสมองเราไม่ได้หยุดการทำงานเลย งั้น .. ทำไมต้องนอน? คำถามนี้ เหล่านักวิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบค่ะ แต่คาดว่า.. 1. การนอนหลับคือการปรับตัว (Sleep is adaptive) - เพื่อแบ่งปันอาหารให้สัตว์ต่าง species - เพื่อสะสมพลังงาน สัตว์ที่ metabolism สูง--> นอนมาก - หลีกเลี่ยงการถูกล่า ในความมืด - เพื่อช่วยควมคุมอุณหภูมิของร่างกาย (Thermoregulation) การหลับ ช่วยให้ร่่างกายเย็นลง นอกจากนี้ การสลับช่วง REM และ non REM sleep ทำให้ร่างกายเย็นเกิน 2. การนอนหลับคือการฟื้นฟูร่างกาย (Sleep is restorative) เพื่อฟื้นฟูร่างกาย ช่่วยการซ่อมแซมส่วนสึกหรอ - growth hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโต จะหลั่งมากขณะหลับ ดังนั้น น้องๆที่ขายพวงมาลัย ตามสี่แยก ไม่หลับ ไม่นอน จะเห็นว่าตัวแกร็นๆกันทั้งนั้น คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการอดนอนด้วย 3. การนอนหลับช่วยในการเรียนรู้ (Sleep promotes learning) การอดนอนมีผลต่อการเรียนรู้ การอดนอนในช่วง REM ทำให้การ เรียนรู้แ้แย่ลง จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:02:50

ความคิดเห็นที่ 12 เรียนถามคุณ จขกท ครับ ถ้าวัยรุ่นอดนอน นอนน้อยบ่อย 3-4 ชม. และนอนไม่เป็นเวลา ดึกบ้าง นอนกลางวันบ้าง จะเกิดผลต่อสมองและระบบประสาทในระยะยาวอย่างไรหรือไม่ครับ จากคุณ : EvaAngelion เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:03:33

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วสัตว์ล่ะนอนเหมือนคนไหม? ทำไมนกถึงหลับได้ที่ยังเกาะกิ่งไม้อยู่? แล้วปลาหลับอย่างไร? - ปลาโลมา และนก จะหลับโดยใช้สมองเพียงซีกเดียว และพักร่างกายเพียงซีกเดียว สลับกันตลอดรอบการหลับ - นอกจากนี้ Marine mammals ไม่มี REM sleep อาจจะมาจากการที่ไม่สามารถผ่อนกล้ามเนื้อที่ใช่พยุงร่างกายในน้ำได้ จากภาพประกอบ a) คลื่นไฟฟ้าสมองของโลมา เป็นลักษณะของ nonREM sleep โดยเกิดขึ้นในสมองซีกเดียว สลับกับอีกซีกที่สมองยังตื่นอยู่ b) ภาพโลมาขณะหลับ กราฟสีน้ำเงิน และแดง แสดงให้เห็นการทำงานและพักการทำงานของกล้ามเนื้อของร่างกายในแต่ละด้านสลับกัน แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 18:10:08 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:16:32

ความคิดเห็นที่ 14 คำถามที่พบบ่อย... 1. ทำไมคุณ ปู่ คุณ ย่า คุณ ตา คุณยาย...ฯลฯ ถึงนอนไม่ค่อยหลับ คะ/ครับ? จากรูป stage ของการหลับเป็นไปตาม Sleep cycle คคห. ด้านบน จะเกิดกาวเปลี่ยน sleep pattern ไปตามวัยค่ะ  โดย.. ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ตัวอ่อนจะมี sleep time และ REM sleep มากกว่าผู้ใหญ่เสมอ เช่น ในเด็กแรกเกิด จะใช้เวลานอน 16 - 18 ชั่วโมง โดยมี REM sleep ประมาณ 50% - หนุ่มสาวจะใช้เวลานอน 7- 8 ชั่วโมง โดยมี REM ประมาณ 20% non-REM ขั้นที่ 1 เด็กเล็กเกิดเพียง 5% ในขณะที่ ผู้สูงอายุจะมีได้ 15% - non-REM ขั้นที่ 3 และ 4 หลังจากอายุ 20 ปี จะมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงอายุ 60 มีอาจมีน้อยมากหรือหายไป สรุปคือคนอายุมากขึ้น การหลับใน 1 รอบจะมีช่วงหลับตื้นมากและนานขึ้น มีเวลานอนหลับน้อยลงและหลับตื้น ตื่นบ่อยในช่วงกลางคืน รู้สึกสดชื่นหลังตื่นน้อยกว่าคนหนุ่มสาวค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 19:26:34 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:29:28

ความคิดเห็นที่ 15 ทำไมขาของผมถึงกระตุกขณะหลับ? การเดินละเมอ คืออะไร? (ขอเอาบทความจากเว็บหมอชาวบ้านมาตอบเลยนะคะ) อาการที่เกิดร่วมกับการหลับ (parasomnias) คือ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในขณะหลับ อาจจะปกติหรือผิดปกติก็ได้ ถ้าผิดปกติอาจเรียกว่าอาการผิดปกติขณะหลับ (dyssomnias) อาการที่เกิดร่วมกับการหลับมีมากมาย เช่น 1. การกระตุกขณะหลับ (hypnic jerks, periodic movements in sleep, nocturnal myoclonus) คือ การทำงานของกล้ามเนื้อเป็นพักๆ ขณะหลับ เป็นอาการปกติที่พบบ่อยมากร่วมกับการหลับ มักเกิดในผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป และมักจะเป็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น การกระตุกขณะหลับมักจะเป็นมากขึ้นถ้าอดนอน มีเรื่องเครียดก่อนนอน มีโรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดในสมองแตก-ตีบ-ตัน ไตวาย การได้ยาแก้อาการซึมเศร้า การหยุดยานอนหลับ หรืออื่นๆ ที่พบบ่อยมักเป็นที่ขา คนที่ชอบรู้สึกว่ามีอะไรคลานหรือกวนอยู่ในน่องลึกๆ จนต้องขยับขาบ่อยๆ ในยามตื่น (restless leg syndrome) เกือบทั้งหมดจะมีการกระตุกของขาขณะหลับ แต่คนที่ขากระตุกขณะหลับอาจไม่รู้สึกผิดปกติที่น่องในขณะตื่น การกระตุกขณะหลับอาจมีเพียงการกระดกหัวแม่เท้าหรือการกระดกเท้า หรือนิ้วมือเป็นระยะๆ (ทุก 20-40 วินาที) ไปจนถึงการเตะถีบ ฟาดแขนฟาดขา หรือกระตุกทั้งตัว จนตื่นขึ้นเต็มที่ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ตื่น (สมองตื่นเพียงเล็กน้อยแล้วก็หลับต่อแล้วก็ตื่นใหม่ สลับกันไปเช่นนี้ ถ้าเป็นมากจะทำให้นอนไม่พอทั้งที่รู้สึกว่าหลับทั้งคืน ทำให้ง่วงเหงาหาวนอนมากในเวลากลางวัน คนที่เป็นเช่นนั้นมักจะไม่รู้ตัว แต่คนที่นอนด้วยจะสังเกตเห็นการกระตุกเหล่านี้ และทำให้วินิจฉัยโรคนี้ได้) การรักษา : ถ้ามีสาเหตุ ให้รักษาสาเหตุ ถ้าไม่มีสาเหตุชัดเจนหรือกระตุกมากให้กินยาโคลนาซีแพม (clonazepam เม็ดละ 0.5 มิลลิกรัม) 1/2-2 เม็ดก่อนนอน หรือยาเทมาซีแพม (temazepam เม็ดละ 15 หรือ 30 มิลลิกรัม) 1 เม็ดก่อนนอน อาจช่วยให้หลับได้ดีขึ้น และลดการกระตุกขณะหลับได้ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:37:39

ความคิดเห็นที่ 16 2. การละเมอ (sleep talking) คือ การพูดพึมพำหรือการตะโกนโหวกเหวกขณะหลับ อาจจะละเมอเป็นประโยคหรือเป็นคำๆ อาจฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ได้ และเมื่อถูกคู่นอนหรือคนใกล้ชิดถามว่าอะไร เป็นอะไรหรือ เกือบทั้งหมดจะไม่มีการตอบสนอง เพราะผู้ละเมอกำลังหลับอยู่ แต่ในบางกรณีที่พบได้น้อยมาก ผู้ละเมออาจจะตื่นมากกว่าหลับ ทำให้ตอบอือๆอาๆ (แบบฟังไม่รู้เรื่อง) หรือในบางกรณีที่ยิ่งพบน้อยมากยิ่งขึ้น คือ อาจตอบแบบรู้เรื่องได้ แต่ผู้ละเมออาจจะจำอะไรไม่ได้เมื่อตื่นขึ้นเต็มที่ การละเมอพบได้ในทุกอายุ และในหญิงมากกว่าชาย โดยทั่วไปการละเมอมักจะเกิดในระยะที่ 1 และ 2 ของการหลับแบบตาไม่กระตุก (non-REM sleep) แต่ในบางครั้งก็เกิดในการหลับแบบตากระตุกได้ การละเมอโดยทั่วไปถือว่าเป็นสิ่งปกติ ยกเว้นเมื่อการละเมอนั้นรบกวนการหลับนอนของผู้ละเมอหรือคนข้างเคียง จึงจะถือว่าผิดปกติ ในกรณีเช่นนั้น การใช้ยาคลายกังวลหรือยานอนหลับจะช่วยให้อาการละเมอลดลงได้ (ดูเรื่องยาคลายกังวลและยานอนหลับ คอลัมน์มาเป็นหมอกันเถิด ในหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 150-152) 3. การเดินละเมอ (sleep walking, somnambulism) คือ การเดินโดยไม่รู้ตัวที่เกิดขึ้นในขณะหลับ มักจะเกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ของการหลับ โดยเฉพาะในระยะที่ 3-4 ของการหลับแบบตาไม่กระตุกช่วงแรก และมักจะเกิดขึ้นในเด็ก (ตั้งแต่ 2-3 ขวบ จนถึงวัยรุ่น) มากกว่าผู้ใหญ่ ที่พบบ่อยคือ ขณะที่หลับๆอยู่ เขาจะมีการเคลื่อนไหวแขนขาหรือร่างกายแล้วจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง ลืมตาแป๋วเหมือนตาแก้ว (glassy eyes) ที่มองไม่เห็น (ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ต้องการเห็น) แล้วจะลุกขึ้นยืนและเดินไปอย่างไร้จุดหมายด้วยท่าทีที่งุ่มง่ามหรือเหมือนหุ่นยนต์ เข้าห้องนั้นออกห้องนี้ หรือเดินหนีออกไปจากบ้านโดยไม่ชนประตู โต๊ะ เก้าอี้ หรือสิ่งกีดขวาง ขึ้นลงบันไดได้ (ซึ่งแสดงว่าเขามองเห็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น ส่วนสิ่งอื่นที่เขาไม่ต้องการจะเห็น เช่น การโบกไม้โบกมือที่หน้าของเขา เขาจะไม่เห็น ดังนั้น เขาจึงอาจหกล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุอื่นๆ ได้) โดยทั่วไปเขาจะไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก (ซึ่งคงเป็นเพราะเขาไม่ได้ยิน) แต่มักจะยอมให้จูงมือกลับไปนอนใหม่ได้ เมื่อตื่นขึ้นเขาจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ หรือจำได้อย่างรางเลือนคล้ายกับว่าฝันไป นอกจากการเดินละเมอแล้ว เขาอาจจะถอดเสื้อผ้า หรือแต่งตัวใหม่ หรือถ่ายปัสสาวะอุจจาระไม่เป็นที่เป็นทางโดยไม่รู้ตัวได้ หรืออาจเกิดร่วมกับอาการฝันร้ายหรือฝันผวาได้ อาการที่เกิดขึ้นอาจกินเวลาไม่ถึงนาที หรืออาจยาวนานถึงครึ่งชั่วโมงได้ การลุกขึ้นเดินสะเปะสะปะในเวลากลางคืนของผู้สูงอายุ (คนแก่) ไม่ใช่การเดินละเมอ เพราะไม่ได้เกิดขณะหลับ แต่เกิดจากตื่นแล้วหลง (walking disorientation) มักเกิดจากโรคสมองเสื่อม (senile dementia) สาเหตุของการเดินละเมออาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ ปัญหาทางจิตใจ โดยเฉพาะการเก็บกดความไม่พอใจไว้ หรืออื่นๆ การรักษา : 1. หาสาเหตุ ถ้าเกิดจากกรรมพันธุ์ก็ควรใช้การรักษาด้วยยา ถ้าเกิดจากปัญหาทางจิตใจ เช่น เด็กขาดความอบอุ่นในครอบครัว เด็กถูกรังแกข่มเหง เด็กเกิดความอิจฉาริษยาพี่หรือน้อง หรืออื่นๆ จะต้องพยายามแก้ไขสาเหตุ และให้การรักษาในด้านจิตใจ (จิตบำบัด) ด้วย 2. การรักษาด้วยยา ใช้ในระยะที่เป็นมาก โดยให้ยาไดอะซีแพม (diazepam ขนาด 2 หรือ 5 มิลลิกรัม) กิน 1-2 เม็ดก่อนนอน จะช่วยลดอาการเดินละเมอได้ ถ้ามีปัญหาทางจิตใจหรือมีการเก็บกด อาจต้องใช้ยาแก้อาการซึมเศร้าช่วย (ดูเรื่องยาเหล่านี้ในคอลัมน์มาเป็นหมอกันเถิด ในหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 153) อย่างไรก็ตาม การเดินละเมอเป็นอาการปกติที่เกิดร่วมกับการหลับได้ ถ้านานๆจะเป็นสักครั้ง และแต่ละครั้งเป็นชั่วครู่เดียว แล้วก็กลับเข้านอนเองได้โดยไม่มีอุบัติเหตุหรืออันตรายอะไรก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล เพราะจะหายเองได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่อย่าลืมหาสาเหตุทางจิตใจและแก้ไขเสียด้วย มิฉะนั้นคนที่เดินละเมออาจเกิดโรคทางจิต และ/หรือทางกายต่างๆในภายหน้า จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:44:52

ความคิดเห็นที่ 17 ทำไมถึงนอนไม่หลับ? ความผิดปกติในการนอนหลับ 1.Dyssomnia คือการนอนหลับที่ผิดปกติในแง่ของ ปริมาณการนอน คุณภาพการนอน หรือเวลาที่เริ่มง่วงนอน โดยผู้ป่วยอาจนอนหลับยาก นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนมากเกินไป แบ่งออกเป็น 1.1 Insomnia เป็นความผิดปกติของการนอนหลับที่พบบ่อยที่สุด เป็นภาวะที่บุคคลมีความรู้สึกว่านอนไม่เพียงพอ กลางวันง่วงนอนหรือประสิทธิภาพในการทำงานลดลง แบ่งออกเป็น 1) Transient Insomnia หรือ short-term insomnia ได้แก่การนอนไม่หลับเป็นครั้งคราว เป็นไม่เกิน 3 สัปดาห์ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือความกดดันเฉียบพลันหรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น ใกล้สอบ ตกงาน เปลี่ยนที่พัก เป็นต้น นอกจากนี้สารที่กระตุ้นระบบประสาท เช่น กาแฟ นิโคติน หรือยาบางตัวทำให้ไม่หลับเช่นกัน 2) Long-term Insomnia ได้แก่การนอนไม่หลับเรื้อรังนานกว่า 3 สัปดาห์ แล้วจะทำอย่างไรหล่ะ? 1 . เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา 2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน 3. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงเสียงดัง หรืออากาศร้อน 4. ทำจิตใจให้สบายก่อนนอน หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นจิตใจ 4. ไม่ใช้เตียงทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น อ่านหนังสือ รับประทานอาหาร 6. หากนอนไม่หลับนานเกิน 30 นาที ให้ลุกจากเตียง ทำกิจกรรมอื่นจนง่วง แล้วจึงเข้านอนใหม่ 5. งดสุรา กาแฟ ก่อนนอน 6. ดื่มนม กล้วย หรืออาหารอื่นที่มี tryptophan สูง ทำให้หลับได้ดีขึ้น (tryphtophan เป็นสารตั้งต้นของสารซีโรโทนินที่ทำหน้าที่เหนี่วนำให้หลับค่ะ) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 17:56:26

ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อคืนก็หลับนะ ทำไมถึงง่วงนอนตอนกลางวันล่ะ? 1.2 Hypersomnia ภาวะนอนหลับมากเกินปกติ หรือง่วงนอนช่วงกลางวันตลอด แบ่งเป็น 1) Narcolepsy อาการเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป มักเริ่มเป็นก่อนอายุ 15 ปี โดยมี narcolepsy tetrad ได้แก่ - somnolence อาการง่วงในช่วงกลางวัน - cataplexy การมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงกระทันหัน จากการมีสิ่งเร้าด้านอารมณ์สูง (อย่าคิดลึก อย่าคิดลึก ... ) เป็นช่วงสั้น ๆ และหายเอง - sleep paralysis กล้ามเนื้ออ่อนแรงในช่วงเคลิ้มก่อนตื่นนอน - hypnagogic hallucination ประสาทหลอนช่วงเคลิ้มหลับ การรักษา ปฏิบัติตามหลัก sleep hygiene อย่างเคร่งครัด ให้เวลางีบช่วงกลางวัน ให้ยากระตุ้นประสาทรักษาอาการง่วงซึมตอนกลางวัน จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 18:02:16

ความคิดเห็นที่ 19 สงสัยเหมือน #12 ครับ ชีวิตนักเรียนนี่ เวลานอนไม่ค่อยพอ บางครั้งงานเยอะ ก็ต้องอดหลับอดนอน พอช่วงใกล้สอบ กลัวอ่านหนังสือไม่ทัน ก็ต้องอดหลับอดนอน เดี๋ยวนี้ต้องแอคทีฟตลอด 24 ชั่วโมง เลยสงสัยว่าจะมีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้างครับ ถามต่อว่าถ้าเกิดอดนอนนาน ๆ แล้วจากนั้นนอนเป็นเวลานาน ๆ ชดเชยการอดหลับอดนอน อยากทราบว่าจะมีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : Seiki เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 18:15:27

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณ EvaAngelion .... ถ้าวัยรุ่นอดนอน นอนน้อยบ่อย 3-4 ชม. และนอนไม่เป็นเวลา ดึกบ้าง นอนกลางวันบ้าง จะเกิดผลต่อสมองและระบบประสาทในระยะยาวอย่างไรหรือไม่ครับ... หรือ ทำไมเราต้องนอนตอนกลางคืน แล้วตื่นตอนกลางวันด้วย?.. หรือ ทำงานกะดึกจะเสียสุขภาพไหม? เรื่องนี้เกี่ยวกับนาฬิกาชีวภาพค่ะ ร่างกายมนุษย์มีจังหวะการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะแวดล้อม เมื่อร่างกายได้รับปัจจัยภายนอกจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ร่างกายมีการปรับสภาพภายใน จนสามารถ ส่งทอดลักษณะ การทำงานนั้นไปยังลูกหลาน เป็นการถ่ายทอดพันธุกรรม เชื่อว่า ตัวกำหนดนาฬิกาชีวิต น่าจะอยู่ที่ระบบประสาทส่วนกลางคือ สมอง ซึ่งควบคุมนาฬิกาย่อยๆ ในระบบต่างๆ ของร่างกาย ศูนย์ควบคุมนี้อยู่ที่ส่วนไหนของสมอง?   คาดว่า บริเวณ Supraoptic nucleus น่าเป็นจุดศูนย์กลางควบคุมนาฬิกาชีวิตของร่างกาย และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายใน 1 รอบวัน โดยทั่วไปใช้คำว่า Circadian rhythm ซึ่งวงจรการนอน-ตื่นของคนเราจึงจัดอยู่ใน circadian rhythm อย่างหนึ่ง biological clock ซึ่งเปรียบเสมือนนาฬิกาในร่างกาย มนุษย์ที่จะคอยบอกเวลาว่าเมื่อไหร่ควรจะหลับและเมื่อไหร่ถึงเวลาตื่น โดยนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่ suprachiasmatic nucleus (SCN) บริเวณ hypothalamus แสงสว่างจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้เดินได้ 24 ชั่วโมงในหนึ่งรอบ หากนาฬิกาเรือนนี้ทำงานผิดปกติไปหรือมีสถานการณ์ที่ทำให้เปรียบเสมือนนาฬิกาเรือนนี้เดินไม่ปกติ ก็จะเกิดความผิดปกติของ circadian rhythm (circadian rhythm disorders) Circadian rhythm disorders ที่พบได้บ่อย ได้แก่ delayed sleep phase syndrome (DSPS), advanced sleep phase syndrome (ASPS), jet lag, shift work และ การเข้านอน - ตื่นนอนไม่เป็นเวลา (irregular sleep-wake patterns) อาการเหล่านี้ทำให้เกิดการไม่สมดุลระหว่างความต้องการนอนและสถานการณ์แวดล้อม คือง่วงผิดที่ผิดทางนั่นเอง ตัวอย่างเช่น การบินข้าม time zone หลายๆ time zone มีผลต่อความง่วงในเวลากลางวันของเวลาท้องถิ่นนั้น เนื่องจากในขณะนั้นเป็นเวลานอนหลับของคนผู้นั้น หากอยู่ในประเทศเดิมที่จากมา เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 19:25:40 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 18:28:07

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบคคห. 12 และ 19 เรื่องผลกระทบของการอดนอน (Sleep deprivation) ต่อสุขภาพ ขอยกคำตอบจาก อ.ดร.นพ.สรชัย ศรีสุมะ. แห่งภาคสรีรวิทยา ศิริราชมาตอบนะคะ นศ.ถามว่า.. ... พอดีจะทำงานวิจัยเกี่ยวกับการอดนอนกับแพทย์ เลยอยากทราบว่านิยามของ sleep deprivation คืออะไร และสามารถวัดได้เป็นรูปธรรมหรือไม่ ... อาจารย์ สรชัย ตอบว่า.. ... ภาวะ sleep deprivation คือการนอนหลับไม่พอ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากขึ้น และมีเรื้อรังในสังคมปัจจุบัน เวลานอนในแต่ละวันที่แนะนำโดย National Sleep Foundation (www.sleepfoundation.org) คือไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องรวดเดียวก็ได้ (eight straight hours) สาเหตุที่พบมากขึ้น ได้แก่ ชั่วโมงทำงานเพิ่มมากขึ้น หรือมีการทำงานกะกลางคืน ใช้เวลาดูโทรทัศน์หรือเล่นอินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีภาระของครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีตัวชี้วัดเป็นรูปธรรมที่แน่นอนนะครับ ส่วนใหญ่ sleep deprivation ทำให้มีอาการง่วงนอนมากในเวลากลางวัน และมี neurocognitive function ถดถอยลง ในการศึกษาแบบระยะสั้น พบว่า sleep deprivation สัมพันธ์กับภาวะต่อไปนี้ - ความทนน้ำตาล (Glucose tolerance) แย่ลง (จขกท: เรื้อรังแล้วเป็นเบาหวานค่ะ) - ความดันเลือดสูงขึ้น - ระบบประสาท sympathetic ถูกกระตุ้นมากเกินไป (จขกท: sympathetic nervous system เป็นระบบประสาทอัตโมติ ที่สั่งให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้น หากถูกกระตุ้นนานแบบเรื้อรังแล้วจะมีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง ฯลฯค่ะ) - ระดับฮอร์โมน leptin ลดลง (ทำให้ความอยากอาหาร (appetite) สูงขึ้น) (จขกท:--> อ้วนๆ) - ระดับ cortisol สูงขึ้นในเวลากลางคืน (ปกติจะสูงตอนเช้า) (จขกท: cortisol เป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด ส่งผลเสียแก่ร่างกายถ้าหลั่งนานแบบเรื้อรัง เช่น ลดภูมิคุ้มกัน ค่ะ) - Inflammatory marker มีระดับสูงขึ้น เร็วๆนี้ มีงานวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาผลของการอยู่เวรของแพทย์ประจำบ้านเป็นกะยาวๆ ที่มีต่อความผิดพลาดในการรักษา รวมทั้งอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น พบว่าปัจจุบันแพทย์ประจำบ้านในบางสาขาต้องทำงานกะหนึ่งไม่เกิน 30 ชั่วโมงรวด(thirty straight hours) และรวมเวลาทำงานทั้งหมดไม่เกิน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งพบว่ายังมากเกินไป และถือว่าเป็นระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อทั้งแพทย์และผู้ป่วยด้วย ปัจจุบันแพทย์ประจำบ้านของประเทศในยุโรปปฏิบัติงานไม่เกิน 56 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะมีกฎออกใหม่เริ่มใช้เดือนสิงหาคม ปี 2551 คือลดเวลาลงให้แพทย์ประจำบ้านในยุโรปทำงานไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ครับ ผู้เชี่ยวชาญทาง sleep medicine ที่ Brigham and Women’s Hospital, Harvard Medical School, Boston เผยว่า คนเราสามารถทำงานต่อเนื่องกันได้ไม่เกิน 16-18 ชั่วโมง ปัจจัยการกำหนดชั่วโมงในการทำงานนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้ประเมิน residency training program เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญมาประเมินคุณภาพหลักสูตรการอบรมแพทย์ประจำบ้านด้วยครับในประเทศสหรัฐอเมริกา (เหมือนประเมิน hospital accreditation) ทำให้มีการปรับลดชั่วโมงการทำงานลง แต่ก็ยังสูงอยู่ดีดังกล่าวแล้วครับ http://www.ps.si.mahidol.ac.th/PSBoard/psboard_Question.asp?GID=1117 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 18:50:31 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 18:49:30

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพประกอบ.. จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 18:54:46

ความคิดเห็นที่ 23 จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม ใครมีข้อมูล หรือข้อชี้แนะมาแจมกันได้นะคะ ที่มา 1. INTERESTING TOPIC SLEEP AND DEPRESSION: http://www.ramamental.com/topics/sleep%20depression.pdf 2. การตรวจรักษาอาการ “หลับไม่ปกติ” (ตอนที่ 10) : http://www.doctor.or.th/node/3132 3. Sleep Disorders : http://ecurriculum.mv.ac.th/health/m.5/lesson4/mahidol21/c18.htm 4. ภาวะง่วงง่ายผิดปกติ : http://www.vichaiyut.co.th/jul/28_02-2547/28_02-2547_P70-76.pdf 5. Sleep in different animal species : http://www.scienzagiovane.unibo.it/English/sleep/3-sleep-animals.html 6. Vander's Human Physiology (10th edition ) 7. Guyton Medical Physiology Textbook (11th edition) -------------------------------------------------------------- ฝันดี มีสุขค่า.... จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 19:06:47

ความคิดเห็นที่ 24 .. เข้ามากล่อม ... (ดักๆ     ) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 19:11:30

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามานอน เอ้ย เข้ามาโหวต จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 19:30:18

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาอ่าน แล้วแจกกิ๊ฟ จากคุณ : หนุกหนาน (เชอร์ปา) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 20:41:03

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : Steyr Commando เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 22:31:46

ความคิดเห็นที่ 28 เจ๋งมาก โหวตๆๆ ความรู้พรึบ จากคุณ : Mr.Phenomenon. เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 22:36:00

ความคิดเห็นที่ 29   ได้เวลานอนแล้วซินะครับ แต่ขอไปอ่านหนังสื่อก่อนพรุ้งนี้สอบ จากคุณ : เสอุ้ย เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 22:38:29

ความคิดเห็นที่ 30 งั้นต้องรีบนอนแล้วสินะ Z z z . . จากคุณ : proativ-FC เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 23:01:20

ความคิดเห็นที่ 31 ผมจะนอนละนะ บายๆ จุ๊บๆ จขกท จากคุณ : danya เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 23:24:04

ความคิดเห็นที่ 32 เจอ #1 เข้าไป หลับตั้งแต่แถวที่ 3 แล้ว จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 00:18:40

ความคิดเห็นที่ 33 เรานอนไม่หลับหรือไม่ได้นอนมา2วันแล้ว ทำไงดี ตาค้าง เมื่อวานงีบไป 2ชมได้ มีปัญหามากเลยเรื่องนอน จากคุณ : เป็ดน้อยสีขาว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 06:14:13

ความคิดเห็นที่ 34 ผมทานยาในกลุ่ม benzodiazepine มาแล้วหลายปี มิน่าถึงได้รู้สึกว่านอนหลับลึกไม่ค่อยได้ กลางวันง่วงตลอด จากคุณ : [Zero] เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 08:38:03

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วการนอนในที่ที่มีเสียงดังล่ะครับ นานๆไปถึงแมัจะชินแล้ว แต่จะมีผลต่อร่างกายมั้ยครับ แบบว่า เหมือนกับมันหลับไม่สนิทอยู่ดีง่ะ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 10:34:15

ความคิดเห็นที่ 36 อยากรู้เรื่องการนอนมานานแล้วครับ มีหลายเรื่องที่แต่ก่อนผมเข้าใจผิดมา พอได้อ่านกระทู้นี้ก็ทำให้กระจ่างขึ้นเยอะ แต่ก่อนเข้าใจว่าคนเรามีช่วงเวลาหลับตื้นกับหลับลึกสลับกันประมาณ ชั่วโมงครึ่งไปเรื่อยๆ แต่พอมาอ่านดูจริงๆแล้วไม่ใช่แหะ โหวตให้แล้วนะครับ :) จากคุณ : Ys_LiliaChan เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 11:27:55

ความคิดเห็นที่ 37 รบกวนถามหน่อยครับ นอนปิดไฟ กะ ไม่ปิดไฟ มีผลต่างกันในเรื่อง hormone effect ไม๊ครับ นอนตอน 6 โมงเช้า แล้วฝัน แล้วโดนปลุกตี่นด้วยมือถือ ตอน 6.30 นี่เป็นไปได้ไม๊ครับ ??? จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 11:41:30

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับ ตอนเรียนรู้สึกว่าเรื่อง RAS อะไรพวกนี้มันยากมาก จากคุณ : ตัวตุ่นตามัว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 11:46:19

ความคิดเห็นที่ 39 ของผมนอนไม่ฝันเลย นานทีจะฝัน ผิดปกติหรือเปล่าครับ จากคุณ : G.ShamanCrazy เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 12:15:42

ความคิดเห็นที่ 40 ^ ^ ฝันแต่ตื่นมาจำไม่ได้รึป่าวครับ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:48:02

ความคิดเห็นที่ 41 ของผม ฝันทุกครั้งเลยครับ นานๆ จะไม่ฝันซะที จากคุณ : sos_num เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:35:15

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนนี้กิน cheese ก่อนนอนตามที่เคยมีคนตั้งกระทู้ ผลก็หลับดีขึ้นนะครับ มีใครลองเเบบผมไหม จากคุณ : Gundam ELPIS เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:43:13

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วอาการ วูบๆ รู้สึกเหมือนตกเหวก่อนนอนละครับ จากคุณ : moshita เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:54:57

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคคห. 35 และ 37 และคำถามเกี่ยวกับผลเสียของการนอนดึก ตื่นเที่ยงค่ะ อิทธิพลของแสงมีผลต่อการหลั่งของฮอร์โมนเมล่าโทนิน (Melatonin นะ ไม่ใช่เมลามีน) จากต่อมไพเนียลในสมองค่ะ ต่อมไพเนียลทำหน้าที่เหมือนตัวกลางที่จะรับรู้ความยาวของกลางวันและกลางคืนและส่งสัญญาณในรูปของฮอร์โมนเมลาโทนินไปยังระบบต่างๆ   ขอเรียบเรียงข้อมูลจากบทความ "กับดักสุขภาพ 10 ประการที่คนไทยใหลหลง" ของ นายแพทย์ บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล มาตอบนะคะ ฮอร์โมนจากต่อมไพเนียล (pineal gland) ต่อมไพเนียลอยู่ บริเวณกึ่งกลางของสมองส่วนซีรีบรัมซ้ายและขวา ฮอร์โมนที่สร้างจาากต่อมนี้ คือ เมลาโทนิน ซึ่งแสงจะยับยั้งการทำงานของต่อมไพเนียล ทำให้เมลาโทนินถูกสร้างในตอนกลางวัน น้อยกว่าตอนกลางคืนค่ะ ... ถ้าต่อมไพเนียลไม่สามารถสร้างเมลาโทนินได้ จะทำให้เป็นหนุ่มเร็วกว่าปกติ .. แต่ถ้าสร้างมากเกินไปจะทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวช้ากว่าปกติ (ทำไมแสงเกี่ยวกับกลไกการสร้างเมลาโทนิน อธิบายอยู่ด้านล่างค่ะ) นอนดึกตื่นสาย .... คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า การนอนแม้จะจำเป็น แต่ดึก ๆ มักมีเรื่องน่าดูในจอ โทรทัศน์ หรือไม่ก็บนจอ คอมพิวเตอร์  เลยตากสายตา ดูโทรทัศน์ดึกๆ วัยรุ่นเล่น คอมฯ กันจนเพลิน นอนสองยาม กะว่าจะตื่นเอาสาย ๆ ก็ทดแทนจำนวนชั่วโมงการนอนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวัยรุ่นที่ต้องรีบไปเรียนหนังสือแต่เช้า หรือวัยทำงานที่ต้องแข่งขันเบียดแทรกตัวเองไปทำงานแต่เช้ามืด ด้วยเหตุนี้คนที่นอนดึกตื่นเช้า จำนวนชั่วโมงการนอนก็ไม่ เพีงพออยู่แล้ว สุขภาพย่อม เสียด้วย ส่วนคนนอนดึกตื่น สาย ก็ใช่ว่าสุขภาพจะดีขึ้น นาน ๆ เข้าสุขภาพก็เสื่อม อีกเหมือนกัน แท้ที่จริงสัตว์ต่าง ๆ ล้วนมีโครงสร้างของสรีระร่างกายที่กำหนดว่า สัตว์นั้นเป็นสัตว์กลางวันหรือสัตว์กลางคืน อย่างค้างคาว นกฮุก แมว ต้องถือว่าเป็นสัตว์กลางคืน เพราะมีเรดาร์มีตาโตเอาไว้ใช้งานตอนกลางคืน แต่คนเราเป็นสัตว์กลางวัน เดิมทีสัตว์มีกระสูกสันหลัง ชนิดแรกของโลกคือตัว ซาลามันเดอร์ มีตาอยู่ 3 ดวง ดวงตาที่ 3 เป็นเกล็ดอยู่ ตรงกลางหน้าผากคอยทำหน้าที่รับแสงตะวัน เวลา กลางวันและสร้างฮอร์โมนซี โรโตนิน ทำให้มันแจ่มใส ออกมาหากิน ส่วนเวลา กลางคืนนั้นจะสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ทำให้มันง่วง นอน ครั้นวิวัฒนาการจนมา เป็นคน เกล็ดนี้จมลึกเข้าไป ในหน้าผาก กลายเป็นต่อม เหนือสมอง หรือ ต่อมไพเนียล ยังคงสร้างอร์โมน สองชนิดนี้อยู่สลับกันทุกวัน หรือเรียกอีกอย่างว่า ต่อมนาฬิกาขีวภาพ ที่ปลุกให้เรา ตื่นในตอนเช้า และกล่อมให้ เราหลับในกลางคืนโดย อัตโนมัติ การตากแสงไฟดึก ๆ จึงเป็นการรบกวนต่อมไพนียล ซึ่งเป็นนายเหนือต่อมฮอร์โมนทั่วร่างกาย มันส่งคำสั่งไปยังต่อมใต้สมองไป ไทรอยด์ ต่อมหมวกไต รังไข่ และอัณฑะ ถ้าต่อมไพเนียลทำงานผิดเพี้ยนไป ฮอร์โมนทั่วร่างกายก็ผิดเพี้ยนไปด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่งของหมอลลิตา สมัยเป็นนึกศึกษาแพทย์ ซึ่งอาจารย์ร็อกกี้ เฟลเลอร์ จูงใจให้ทำ ทดลองส่องไฟ ใหนหนูทดลองตลอดคืน ทำ อยู่เช่นนั้นหลายวัน ปรากฏ ว่าหนูทดลองถึงกับแท้งลูก นี่ แสดงถึงความสำคัญของต่อม ไพเนียลถึงกับสร้างความ แปรปรวนของระบบฮอร์โมน ในร่างกาย เพียงเพราะว่า แสงไฟที่สอดส่องให้อย่างไม่ เป็นเวลา งานวิจัยอีกชิ้นในสหรัฐฯ ทดลองในพยาบาลเวรดึก กลุ่มหนึ่งให้ออกเวรแล้วเดินผ่านอุโมงค์มืด ๆ ไปเข้านอน อีกกลุ่มให้เดินผ่านแสงตะวันยามเช้า ไปนอน เมื่อเจาะเลือดเปรียบเทียบระดับฮอร์โมนของร่างกาย พบว่า พยาบาลกลุ่มหลังฮอร์โมนแปรปรวนไปหมด ขณะที่กลุ่มแรกฮอร์โมนยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ นี่ก็อิทธิพลของแสงตะวันที่เจ้าตัวรับเข้าไปผิดเวลา แท้จริงแล้วคนเราจึงควรนอนหัวค่ำ ตื่นเช้า แทนที่จะตากแสงไฟอยู่จนดึก การค้นพบเมลาโทนิน ผู้ค้นพบเมลาโทนินคนแรกคืออาร์รอน เลอร์เนอร์ (Aaron Lerner) ในปีค.ศ. 1958 เมื่อก่อนนี้มีผู้นำสารจากต่อมไพเนียลที่สกัดแล้วทาบนผิวหนังของสัตว์ครึ่ง บกครึ่งน้ำ พบว่าทำให้ผิวหนังจางลง แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไร จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์ชื่อเลอร์เนอร์( Lerner) นำสารจากต่อมไพเนียลจากวัวหลายพันต่อมมาสกัดให้บริสุทธิ์ พบว่าช่วยฟอกสีเมลานินที่อยู่ที่ผิวหนังให้จางลง สารนี้มีสูตรโครงสร้างคล้ายซีโรโทนิน (serotonin) จึงเรียกสารนี้ว่าเมลาโทนิน (melatonin) ที่มา http://www.bknowledge.org/pum/object/page/access/health/files/12.html มีอีกบทความที่กล่วถึงการนอนแบบไม่เป็นเวลา ไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ อธิบายง่ายดี http://health.buddythai.com/archives/tag/%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99 จากภาพประกอบ (สำหรับคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับชีววิทยาบ้างแล้วค่ะ) .... ตอนกลางวัน เมื่อแสงสว่างผ่านเลนส์แก้วตาไปตกกระทบกับจอรับภาพบริเวณส่วนหลังสุดของลูกตาที่เรตินา (retina) ที่มีใยประสาทมาเลี้ยง จะส่งกระแสประสาทไปที่ ศูนย์รวมเส้นประสาทที่อยู่เหนือใยประสาทที่ไคว้กันเหนือสมองหรือ นิวเคลียสซูพราไคแอสมาติก(Suprachiasmatic nuclei) ผ่านเส้นประสาทซิมพาเทติกจนถึงที่ปมประสาทซูพีเรีย เซอร์วิคัล (superior cervical ganglion) แล้วส่งต่อไปลดการสร้างเมลาโทนินจากต่อมไพเนียล.. ..... ตรงข้ามกับตอนกลางคืนที่ต่อมไพเนียลจะสร้างเมลาโทนินมากขึ้น... แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 18:07:34 แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 17:21:54 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:10:11

ความคิดเห็นที่ 45 เรานอนไม่หลับหรือไม่ได้นอนมา2วันแล้ว ทำไงดี ตาค้าง เมื่อวานงีบไป 2ชมได้ มีปัญหามากเลยเรื่องนอน จากคุณ : เป็ดน้อยสีขาว ^ ^ ^ ถ้าอยากนอนหลับ กรุณาอ่านบทความนี้อีกรอบ แล้วคุณจะถูกเหนี่ยวนำให้หลับเองค่ะ     ------------------------------------------------------------------ แล้วอาการ วูบๆ รู้สึกเหมือนตกเหวก่อนนอนละครับ จากคุณ : moshita ^ ^ ^ ไม่ทราบค่ะ แหะๆๆ ------------------------------------------------------------------ คาดว่าบทความนี้คนที่ไม่ได้ทำงานหรือเรียนมาสายวิทยาศาสตร์หรือชีววิทยา เข้ามาอ่านแล้วจะทำความเข้าใจได้ง่ายนัก (เหมือนที่ดิฉันอ่านเรื่องเครื่องกล วงจรไฟฟ้า ฟิสกส์ อินทิเกรต ฯลฯ ไม่เข้าใจ เช่นกัน) แต่ที่เอามาโพสต์เพราะหวังว่านักศึกษาหรือบุคลากรที่ทำงานด้านวิทยาศาสตร์จะเข้ามาอ่านทบทวนเพื่อใช้ตอบคำถามที่มักพบบ่อยๆค่ะ ยังไงก็ขอคำชี้แนะ มาร่วมถาม/ตอบปัญหา และรบกวนคลิกเก็บเข้าคลังกระทู้เพื่อให้เป็นข้อมูลในการตอบคำถามในคราวต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ ปล. เพลงนี้ไม่ได้บ่งบอกวัยจขกท.นะคะ ชื่อเพลงมันตรงกับเนื้อหา เลยเอามาให้ฟังเฉยๆ (จริง จริ๊งงง... ) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:37:08

ความคิดเห็นที่ 46 เพิ่งเห็นคำถาม.. 1. ... นอนตอน 6 โมงเช้า แล้วฝัน แล้วโดนปลุกตี่นด้วยมือถือ ตอน 6.30 นี่เป็นไปได้ไม๊ครับ ??? เป็นไปได้ค่ะ เพราะดิฉันเป็นบ่อย 2. ตอบคำถามเรื่องผีอำด้วยค่ะ น่าจะเกิดจากการเข้านอนปุ๊บ แล้วเข้าสู่ช่วง REM ปั๊บค่ะ อันเป็นผลจากการอดนอนสะสม (ปรกติจะ nonREM 1-2-3-4 แล้ว REM) เอามาจากบทความเรื่อง ภาวะง่วงง่ายผิดปกติ (Excessive Daytime Sleepiness) ของ ผศ.นายแพทย์จักรกฤษณ์ สุขยิ่ง สนใจไปอ่านเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ http://www.vichaiyut.co.th/jul/28_02-2547/28_02-2547_P70-76.pdf .. Neurological disorders rapid eye movement sleep - related disorders เป็นความผิดปกติอีกกลุ่มหนึ่งที่ลักษณะอาการแสดงคือความง่วงง่าย โดยทั่วไปแล้วลักษณะอาการของกลุ่ม rapid eye movement sleep-related disorders นั้นจะประกอบด้วย 1. การเปลี่ยนแปลงในการนอน - กลางคืน อาจมีปัญหานอนไม่หลับ - กลางวันหลับง่ายมากไม่สามารถต้านทานได้ บางครั้งเป็นในลักษณะ sleep attack 2. การฝัน จะเกิดการฝันที่มีเนื้อหาชัดเจน เกิดขึ้นบ่อยในขณะเริ่มหลับ, เคลิ้มหลับ, ตื่นจากหลับ หรือในบางครั้งเป็นในขณะตื่น 3. Motor control ภาวะ muscle atonia (จขกท: กล้ามเนื้อไม่มีแรงตึงตัว) ซึ่งโดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นในขณะวงจร REM แต่มาเกิดขึ้นในขณะตื่น ทำให้เกิดภาวะ cataplexy เกิดแขนขาอ่อนแรงในขณะที่รู้สึกตัวดี มักถูกกระตุ้นโดยภาวะทางอารมณ์ หรือ ภาวะการตื่นเกิดขึ้นในขณะกำลังเกิดวงจร REM ซึ่งเป็นช่วงที่มี muscle atonia ทำให้เกิดภาวะ sleep paralysis หรือที่เรียกว่าผีอำได้ ---------------------------------------------------------------------- แล้วการนอนในที่ที่มีเสียงดังล่ะครับ นานๆไปถึงแมัจะชินแล้ว แต่จะมีผลต่อร่างกายมั้ยครับ แบบว่า เหมือนกับมันหลับไม่สนิทอยู่ดีง่ะ จากคุณ : Culture Sleep fragmentation การขาดความต่อเนื่องของการหลับหรือการหลับถูกรบกวนอยู่เป็นระยะๆ ไม่ต่อเนื่องราบรื่นตลอดช่วง ส่งผลทำให้อ่อนเพลียง่วงนอนในตอนกลางวันเหมือนหลับได้ไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าระยะเวลาที่ใช้นอนอยู่บนเตียงหรือความรู้สึกของผู้นั้นว่าหลับได้ตลอดคืนก็ตาม สาเหตุที่ทำให้เกิด sleep fragmentation ที่พบบ่อยได้แก่ 1. ปัจจัยภายนอก เช่น เสียงที่ดังรบกวน แสงไฟที่สว่าง อุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป หรือแม้แต่เตียงนอนที่ทำให้หลับไม่สบาย เป็นต้น 2. ภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นในขณะหลับ ที่พบบ่อยและมีความสำคัญได้แก่ obstructive sleep apnea (OSA) และ periodic limb movements in sleep (PLMS) .... ตามไปอ่านบทความจากลิงค์ที่ให้ได้เลยค่ะ.. จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:02:21

ความคิดเห็นที่ 47   ขอบคุณค่ะ อ่านเพลินดีจัง ^^ จากคุณ : ขี้อิจฉา กับ ขี้โมโห เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:10:05

ความคิดเห็นที่ 48 เราเรียนสถาปัตฯ หลีกเลี้ยงการอดนอน ไม่ได้นอนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันไม่ได้เลยคะ คือมันมีงานต้องส่งแทบทุกวัน งานก็เป็นงานที่ทำเป็นชิ้นเป็นอัน เวลาที่จะใช้นอนก็แทบจะไม่มีบางทีไม่ได้นอนเลยสักนิดติดต่อกันสองวัน ทรมาณมาก ไปเรียนก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว พอเป็นแบบนี้บ่อยๆเข้า เรารู้สึกว่าเริ่มติดนิสัย เริ่มนอนกลางคืนไม่ค่อยหลับ จนเช้าถึงจะหลับ ไปเรียนก็ง่วง รู้สึกสมองช้าลง บางทีก็คิดว่าตัวเองโง่ลงกว่าสมัย ม.ปลาย คือเราเป็นคนนองไม่เป็นเวลามาแต่เด็กแล้ว คือแม่ไม่นอนเราไม่นอน จนเราติดนิสัยอนตึกมากๆ แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองรู้สึกโง่ขนาดนี้มาก่อน สมองเมหือนมันตื้อๆ แต่จะให้นอนเร็วๆก็ไม่หลับอีก ยิ่งเดี๋ยวนี้นอบตีสามยังเร็วไปเลย แทบจะนอนเช้าทุกวัน เเล้วก็ตื่นไปเรียนตอน 9โมงเช้า ไม่ก็เที่ยงแล้วแต่วัน อยากแก้ไขตัวเอง แต่ถ้าเป็นช่วงส่งงาน ซึ่งกินเวลาแทบทั้งเทอม ก็จะไม่ค่อยได้หลับนอนเท่าไรห่นัก เป็นสิ่งที่หลีกเลี้ยงไม่ค่อยได้เลย ก็เลยพาลสงสัยว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะตายเร็วไหม กังวลนะคะ ที่บ้านก็อยากให้ไปเรียนคณะอื่น เพราะเป็นห่วงสุขภาพ จากคุณ : เจ๊เฟย์ กะ คุโรปู้ ==> Mz เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:42:22

ความคิดเห็นที่ 49 สงสัยมาตลอดเลยค่ะว่า เรมสลีพที่บอกว่าเป็นช่วงที่หลับลึกที่สุด ทำไมถึงมีการกลอกลูกตาเกิดขึ้นได้ เพราะตามเซ้นส์แล้วมันน่าจะเป็นช่วงที่ร่างกายหยุดนิ่งต้องการการพักผ่อนมากที่สุด จากคุณ : Bluedonut เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:03:42

ความคิดเห็นที่ 50 อืม... ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากมาย อิอิ ขอบอกว่า ไอ้การทำ EEG เนี่ย ผมเคยทำมานะ ขอบอกว่า รำคาญพวกสายไฟมาก 555+ แถมนอนไม่ค่อยถนัดด้วย แถมแปะสายไฟเต็มหัว เต็มหน้าอกเรย แหะๆ (ตอนนั้นทำที่ รพ. เด็ก แต่ไปเทสที่ ราชวิถีอะครับ) ตอนนั้นเป็น Obstructive sleep apnea อะครับ ต้องตัดต่อมอนิดอยด์ กับ ทอลซิล ออกไป ==a ก็หายจากอาการข้างต้นเรย เหอๆ เอ่อ... มีอีกคำุถามนึงจะถามอ่ะครับ ไอ้อาการ ลักหลับ เนี่ย ทำกันตอนช่วงหลับแบบไหนหรอครับ เพราะถูกกระทำจนขั้นไม่รู้สึกตัวเลยนี่ ก็แปลกๆอยู่ จริงไม๊ครับ ==a ไม่ได้ลามกนะครับ แต่อยากรู้ไว้ประดับสมองอะครับ แหะๆ จากคุณ : Nanoดะ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 23:05:02

ความคิดเห็นที่ 51 ลักหลับ ทำตอนเหยื่อเมาครับ เพราะจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก เดาอ่ะนะ เพราะ ตอนผมหลับก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 08:13:02 จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 08:10:55

ความคิดเห็นที่ 52 ต้องรีบนอนแล้วสิ  - -" ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : A MeloDy เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 09:16:52

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:35:57

ความคิดเห็นที่ 54 เหมือนเคยได้ยินมาว่า ถ้ากระซิบข้างๆหู คนที่นอนหลับอยู่ จิตใต้สำนึกเค้าจะรับรู้ได้ว่า เราพูดอะไรอ่ะค่ะ เช่น ถ้าบอกว่าพรุ่งนี้ เธอจะต้องไปหาคนๆนี้ เพื่อทำภารกิจนี้ พอรุ่งเช้ามา เค้าก็อาจจะรู้สึกว่าต้องไปหาจริงๆ อะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ เป็นไปได้ หรือไม่ อย่างไรอ่ะคะ? หรือเราดูหนังมากไป? 555 จากคุณ : A MeloDy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 00:16:58

ความคิดเห็นที่ 55 สงสัยจากในคห.44ค่ะ "เดิมทีสัตว์มีกระดูกสันหลัง ชนิดแรกของโลกคือตัว ซาลามันเดอร์ มีตาอยู่ 3 ดวง ดวงตาที่ 3 เป็นเกล็ดอยู่ ตรงกลางหน้าผากคอยทำหน้าที่รับแสงตะวัน เวลา กลางวันและสร้างฮอร์โมนซี โรโตนิน ทำให้มันแจ่มใส ออกมาหากิน " แล้วจากคห.10ที่บอกว่า "Serotonin เป็นสารที่เหนี่ยวนำให้เกิดการหลับ (sleep induction) เกี่ยวกับการนอนหลับแบบ NREM" ตกลงว่า serotonin ทำให้หลับหรือทำให้แจ่มใสคะ รบกวนอธิบายให้ทีนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ZeYaah! เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 15:33:38

ความคิดเห็นที่ 56 ก็อยากจะนอนแต่หัวค่ำตื่นเช้าอะนะแต่มันทำไม่ได้ด้วยข้อจำกัดของอาชีพนะครับ t-t   เลยอยากถามว่ามีทางบรรเทาลงได้มั่งไหมครับ  ปกติตื่น 10.30 นอน ตี 3 อีกข้อนึงมีวิธีปลุกให้ตัวเองตื่นโดนไม่ง่วงต่อไหมครับคือเวลาผมตื่นมาเนี่ยมันจะง่วงมากๆๆๆๆๆ(เป็นทุกวัน)ทั้งที่ถ้านับเวลานอนแล้วก็เกือบ 9 ชม ทีเดียว จากคุณ : LigerZero เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 22:11:36

ความคิดเห็นที่ 57 ขอเวลาเรียบเรียงข้อมูลก่อนนะคะ เจ้าของกระทู้ติดธุระ เดี๋ยวจะกลับมาตอบค่ะ.. ^^ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 01:25:48

ความคิดเห็นที่ 58 เคยไปเป็น participant ของ Sleep lab ด้วยครับ ใช่เวลา 4 วัน มีสายนู่น สายนี่ โยงไป มา เต็มไปหมด เลย สองวันแรกก็หลับสบายดี แต่วันที่ 3 กับ 4 หลับเมื่อไรปลุกตลอดเวลา จนถึงเช้าเลย ทรมานเป็นที่สุดจริงๆ หลับก็ หลับไม่ได้ วันที่ห้า กลับบ้าน เราสลบเลย เพราะเหนื่อยมาก กลางวันระหว่า วันที่ 3 กับ 4 เขาไม่ให้ผมนอนด้วยนะคับ ได้มา 480$ คุ้มเปล่าไม่รู้ จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 01:25:50

ความคิดเห็นที่ 59 อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกง่วงขึ้นมาติดหมัด 555+ ไปนอนดีกว่า... จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 00:47:18

ความคิดเห็นที่ 60 ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ จากคุณ : BlinkyStardust เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 23:57:16

ความคิดเห็นที่ 61 ต่อไปต้องใส่ใจการนอนให้มากขึ้นแล้วครับ เพราะมีผลต่อความสดชื่น กะปรี้กะเปร่า เนาะ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 52 07:23:17

ความคิดเห็นที่ 62   ผมชอบนอน แล้วขยับตัวไม่ได้ แต่ว่ายังมีความรุ้สึกนึกคิดอยุ่ครับ เป็นบ่อยมาก ตั้งแต่เด็กแล้ว โดยเฉพาะเวลา เล่นกีฬามาเหนือยๆ ไม่รุ้จะรักษายังไงดีครับ กลัวว่าจะเป็นอันตราย เพระพอเป็นแบบนี้ที่ไร มันจะปวดหัวมากๆเลยครับ... จนตอนนี้ชอบกินยาพารา ก่อนนอน.. เพระกินแล้วมันจะหลับสนิดเลยอะครับ - -' ถ้าไม่กิน มันชอบหลับเป้นอาการแบบนี้ จากคุณ : Obi เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 52 13:02:38 A:125.24.238.6 X:

ความคิดเห็นที่ 63 ไปตอบคำถามในกระทู้ใหม่นะคะ... (^^)/ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 06:41:13

ความคิดเห็นที่ 64 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 52 13:22:47

ความคิดเห็นที่ 65 ... เข้ามาดูด้วย จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 17:23:47