ความคิดเห็นที่ 1 สารกัมมันตรังสีในเหรียญที่ทำจากวัสดุหินลาวา     ตามที่มีการโฆษณาเกี่ยวกับการเหรียญที่อ้างว่าผลิตมาจากลาวาของภูเขาไฟที่เกิดขึ้นในธรรมชาติและอ้างถึงสรรพคุณพิเศษที่เป็นสื่อกลางในการกับเก็บพลังงานสเคล่าอยู่ภายในโครงสร้างระดับโมเลกุลที่เกาะกันจะช่วยให้ฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนแอให้เกิดความสมดุลแข็งแรง และนอกจากนี้ยังมีการนำเข้ามาในรูปของผงที่บดจากหินลาวา โดยนำมาผสมกับวัตถุดิบชนิดอื่นและเผาเพื่อขึ้นรูป และมีผู้ใช้อย่างแพร่หลายนั้น     สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติขอเผยแพร่ความรู้ในเรื่องนี้ ดังนี้     โดยทั่วไป สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา มีสารกัมมันตรังสีปะปนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหารที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน ฝุ่นละอองในอากาศที่เราหายใจเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น แต่โดยที่สารกัมมันตรังสีในสิ่งแวดล้อมปกติมีอยู่ในปริมาณที่น้อย และประกอบกับร่างกายของคนเราได้ปรับตัวให้คุ้นเคยกับปริมาณรังสีที่ได้รับในระดับนี้อยู่แล้ว ร่างกายของคนเราจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้ว่าแหล่งกำเนิดของสารรังสีส่วนใหญ่ก็มาจากพื้นโลก แต่ในระดับใต้พื้นดินลงไปลึกๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณของสารกัมมันตรังสีสูงกว่าในระดับพื้นดินที่มีความลึกไม่มาก ดังนั้นการนำหินหรือแร่ที่อยู่ใต้ดินมาใช้ประโยชน์นั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงอันตรายที่อาจจะได้รับการสารกัมมันตรังสีที่สูงกว่าที่ร่างกายได้รับโดยทั่วไปด้วย โดยเฉพาะหินหรือแร่ที่อยู่ใต้ดินลึกๆ มักจะมีไอโซโทปรังสีในอนุกรมของยูเรเนียม 238 และทอเรียม 232 อยู่ในปริมาณที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน และจากการที่ได้ตรวจสอบหินหรือสินแร่เหล่านี้ พบว่ามีปริมาณวัสดุกัมมันตรังสีสูงกว่าดินที่ผิวพื้นประมาณร้อยเท่า     สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เคยออก Fact sheet เครื่องมือแพทย์ ฉบับที่ 13 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2551 ว่าไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่เชื่อถือได้มารับรองว่าเหรียญนี้สามารถใช้งานได้ผลจริง รวมถึงการที่ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้วิเคราะห์ไอโซโทปรังสีในตัวอย่างเหรียญ และพบว่ามีปริมาณทอเรียม 232 และยูเรเนียม 238 ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีในระดับที่มากว่าในหินถึง 250 และ 24 เท่า ตามลำดับนั้น ซึ่งผลการตรวจวัดดังกล่าวสอดคล้องกับที่สำนักงานได้ดำเนินการตรวจสอบ จึงเป็นข้อมูลอย่างดี สำหรับประชาชนทั่วไปในการใช้พิจารณาข้อดีข้อเสียก่อนที่จะตกลงใจเชื่อตามสรรพคุณที่โฆษณา     นอกจากนี้ ตามในหลักการทำงานเกี่ยวกับรังสีและการได้รับรังสีนั้น จะต้องยึดหลัก ALARA (As Low As Reasonably Achievable) ซึ่งจะพยายามให้ผู้ปฏิบัติงานทางรังสีและประชาชนทั่วไปได้รับรังสีให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่ควรได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น เอกสารอ้างอิง 1. Fact sheet เครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาฉบับที่ 13 วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 2. ผลวิเคราะห์ไอโ.ซโทปกัมมันตรังสีที่อยู่ในเหรียญพลังงานควอนตัม, รศ.ดร.ไตรภพ ผ่องสุวรรณ, ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 13 พฤษภาคม 2552 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 20:44:01

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อไปเป็น Fact sheet เครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาฉบับที่ 13 วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 20:46:51

ความคิดเห็นที่ 3 Fact sheet หมวดเครื่องมือแพทย์ กองควบคุมเครื่องมือแพทย์  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาฉบับที่ 13 วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 เหรียญควอนตัม     ปัจจุบันได้มีการเปิดสัมมนาตามจังหวัดต่างๆ และเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปมาฟังการบรรยาย เรื่อง เหรียญควอนตั้ม พลังสเคล่า พลังชีวิตบำบัดแห่งโลกอนาคต โดยในการบรรยายได้กล่าวไว้ว่า เหรียญควอนตั้ม พลังสเคล่า เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น ผลิตขึ้นจากลาวาที่เย็นตัวลงหลังจากการระเบิดของภูเขาไฟ มีคุณสมบัติพิเศษเป็นสื่อกลางในการกักเก็บพลังงานที่ดูดซับมาจากแร่ธาตุภูเขาไฟเหล่านั้นไว้ โดยการแปรรูปพลังงานความร้อนเป็นพลังงานชีวภาพที่มีคลื่นพลังสเคล่าในระดับที่เหมาะสมกับร่างกาย ดังนั้น จึงสามารถเปลี่ยนโมเลกุลน้ำในร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้และยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับกระบวนการเผาผลาญต่างๆ ในร่างกาย     นอกจากนี้ยังได้มีการกล่าวอ้างถึงประโยชน์ของเหรียญควอนตั้ม พลังสเคล่า • เพิ่มออกซิเจนในกระแสเลือด ทำให้กระบวนการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น • ป้องกันการแข็งตัวและการเกิดลิ่มในกระแสเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคเส้นเลือดตีบ ซงนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคอัมพฤกษ์และโรคอัมพาต • ช่วยขจัดเซลส์ไขมัน โปรตีนส่วนเกินและสารตกค้างอื่นๆ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ • ช่วยลดอาการซึมเศร้าและเพิ่มความกระฉับกระเฉง • ต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดรอยแห่งวัย • ช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุจากโทรศัพท์มือถือ • ช่วยเพิ่มพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญและการทำงานของเซลล์ในร่างกายให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น • ช่วยให้ DNA แข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางพันธุกรรม • ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้นและช่วยสร้างสมดุลสมองทั้งสองซีก สามารถวัดได้ด้วยวิธีการวัดคลื่นไฟฟ้าของสมอง ( Electroencephalogram:EEG ) • ทำให้น้ำมีโมเลกุลเล็กลง ร่างกายจึงสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่ง • สามารถรักษาแผลเรื้อรังในโรคเบาหวาน โดยการสวมใส่ ดื่ม ทาน และชำระล้างบาดแผล    นอกจากนี้ ยังมีการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมธุรกิจโดยเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยและโซนอาเซียนอีกด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีผลการวิจัย ทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์ ที่จะยืนยันได้ว่าเหรียญดังกล่าวใช้ได้ผลจริง และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกายและจิตใจ ในระยะยาวหรือไม่     อย่างไรก็ตามการที่ระบุคุณสมบัติหรือข้อบ่งใช้ต่างๆ ของเหรียญควอนตั้ม ดังที่ได้กล่าวอ้างมาข้างต้นนั้นทำให้เหรียญควอนตั้ม พลังสเคล่าดังกล่าวเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ทันที โดยบริษัทจะต้องทำการขออนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ และในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบริษัทจะต้องขออนุญาตจากกองควบคุมเครื่องมือแพทย์ก่อนทำการโฆษณา โดยกองควบคุมเครื่องมือแพทย์จะต้องพิจารณาในรายละเอียดที่ขอโฆษณาว่าเหมาะสมและเป็นจริงหรือไม่ โดยจะต้องมีเอกสารทางวิชาการที่น่าเชื่อถือสนับสนุนข้อกล่าวอ้างดังกล่าว     เหรียญควอนตั้มโฆษณาอวดอ้างดังกับเป็นเหรียญวิเศษ การนำไปใช้จะได้ผลตามที่อวดอ้างหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่น่าเชื่อถือได้มารองรับแต่อย่างใด จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 20:51:02

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับ  ผลวิเคราะห์ไอโ.ซโทปกัมมันตรังสีที่อยู่ในเหรียญพลังงานควอนตัม ของ รศ.ดร.ไตรภพ ผ่องสุวรรณ ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สามารถอ่านได้จาก www.sc.psu.ac.th/TH/Articles/Ar520003.pdf ครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 20:54:50

ความคิดเห็นที่ 5   ยังไม่ได้มีหน่วยไหนรับรองคุณภาพตามนั้น แล้วทำไม จึงมีโฆษณาออกมาได้  ?  งานนี้ ใครผิดเต็มๆ เนี่ย ? จากคุณ : SuperMox เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:05:50

ความคิดเห็นที่ 6 คนผิดมีอยู่ตามหน่วยงานการแพทย์ และการสื่อสาร คนเสียหาย เสียตัง คือคนที่จ่ายเงินไปแล้ว และยังไม่ได้เป็นสมาชิกขายทำกำไร คนสบายคือคนที่ขายไปเยอะแล้ว งานนี้จบลงระยะแรกที่ห้ามโฆษณา  แต่การหลอกลวงยังดำเนินต่อไปอีกนับปี จากนั้นพวกที่ขายได้ตังระดับหนึ่งแล้ว คงขายของสารพัดสรรพคุณตัวต่อไป จากคุณ : IRQ5 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:11:24

ความคิดเห็นที่ 7 บทความต้นฉบับจาก สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:11:58

ความคิดเห็นที่ 8 Fact sheet เครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาฉบับที่ 13 วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 หน้าที่ 1 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:15:05

ความคิดเห็นที่ 9 Fact sheet เครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาฉบับที่ 13 วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 หน้าที่ 2 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:17:36

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นวัฏจักรแชร์ลูกโซ่ต่อไป...... คนเสียหายคือปลายโซ่ที่เพิ่งสมัครยังไม่ทันได้เงินปันผล ส่วนหัวโซ่กับกลางโซ่ รวยยยยยยย จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:21:39

ความคิดเห็นที่ 11 ผลวิเคราะห์ไอโซโทปกัมมันตรังสีที่อยู่ในเหรียญพลังงานควอนตัม ของ รศ.ดร.ไตรภพ ผ่องสุวรรณ ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:27:11

ความคิดเห็นที่ 12 หน้า 2 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:27:47

ความคิดเห็นที่ 13 หน้า 3 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:29:32

ความคิดเห็นที่ 14 หน้า 4 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:29:48

ความคิดเห็นที่ 15 เหอๆๆ คุณน้าเราก็ซื้อมาให้คุณตาห้อยอะ เราพูดอะไรก็ไม่ได้นะ  เค้ามีเงินพอที่จะจ่าย และคนเป็นลูกก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดในความคิดเค้าให้กับพ่ออะ   เหมือนกับเราก็รู้นะว่ารังนกมันไม่ได้มีคุณค่าทางอาหารอะไรมากมาย  แต่ก็ยังซื้อให้ผู้ใหญ่ที่เราเคารพอะ พูดยากแฮะ เหอๆ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:31:06

ความคิดเห็นที่ 16 หน้า 5 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:32:04

ความคิดเห็นที่ 17 หน้า 6 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:32:28

ความคิดเห็นที่ 18 หน้า 7 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 21:33:24

ความคิดเห็นที่ 19   เหรียญแปลงร่าง จากคนเป็นควาย จากคุณ : คลามิเซีย เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 22:18:33 A:192.168.1.76 X:119.42.110.47 TicketID:123589

ความคิดเห็นที่ 20 WTF... ประเทศชาติ... จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 22:50:52

ความคิดเห็นที่ 21   โดนรังสีนานๆจะไม่แก่ตายนะสิ จะตายเพราะมะเร็งและโรคอื่นๆ ทรมานก่อนตายแท้ๆ จากคุณ : DEVIL PHOENIX เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 23:18:12

ความคิดเห็นที่ 22   เอาไว้ในบ้าน เด็กเล็กๆโตขึ้นจะพิการนะครับ - ร้ายยิ่งกว่าเป็นควายอีก จากคุณ : วมแย์ราจาอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 23:31:55 A:125.27.38.129 X: TicketID:199878

ความคิดเห็นที่ 23 ตกใจที่แม่ไปร่วมสัมนาด้วย แต่ก็ดีใจที่แม่เป็นคนงกมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว จากคุณ : Bassism เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 00:36:36

ความคิดเห็นที่ 24 คนหลอกลวง  สบาย เพราะ หน่วยงานของรัฐ  ไม่กล้าฟันธง ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง คนเก่งๆ ของรัฐ  ไม่มีบ้างเลยหรือ ? ไม่สงสารชาวบ้าน ที่ถูกหลอกบ้างหรือ ? จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 02:24:33

ความคิดเห็นที่ 25 โหวตให้รู้กันโดยทั่วกัน ด่วน ขอเอาไป FW เมลด้วยนะครับ จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 13:35:11

ความคิดเห็นที่ 26 กลายเป็นเอารังสีเข้าตัวซะงั้น จะได้ตายเร็วขึ้นอ่ะสิไม่ว่า จากคุณ : Bluedonut เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:59:58

ความคิดเห็นที่ 27 มันอาจจะใช้ได้นะ แต่ คงแค่ช่วยกระตุ้นอะไรสักอย่างในร่างกาย เพราะถูกรบกวน ร่างกายเลยตอบสนองอะไรออกมา แต่ถ้าใส่นานๆ ท่าจะไม่พ้นมะเร็งแหงๆ อยากซื้อมาเ่ล่นอะ เคยคิดจะซื้อแร่รังสีมาทดลองนานแล้วว  แบบว่าทำไกเกอร์เคาน์เตอร์ใช้เอง ทดลองเล่นๆ โดยเอาแร่รังสีมาเป็นตัวเทียบ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:02:28

ความคิดเห็นที่ 28 ตราบใดที่ความหวังยังขายได้อยู่ ก็จะมีของแบบนี้ออกมาอยู่เรื่อยน่ะ ชาวบ้านไม่ได้ต้องการ เหตุ และ ผล ไม่ได้ต้องการงานวิจัยหรือบทความทางวิชาการ แต่เขาต้องการความหวัง และกลุ่มผู้หาผลประโยชน์ก็รู้ดีจากข้อนี้ ใช้จิตวิทยาเขียนอะไรให้มันดูน่าเชื่อถือ ตะล่อมให้ดูเหมือนใช้ได้จริง สร้างความหวังขึ้นมาซักนิด  แค่นั้นก็พอแล้วที่จะตกเหยื่อ มีคำกล่าวว่า ถ้าโกหกเรื่องที่ใหญ่ โกหกให้บ่อย โกหกหลายๆคน เรื่องนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริง(ในความรู้สึกของมนุษย์) หลายปากหลายเสียงบอกต่อกันว่าเชื่อได้ ของเขาดี หวังได้ว่ามันจะนำประโยชน์มาให้ แม้จะมีบทความมาค้าน มันก็ไม่ได้ทำให้ธุรกิจแบบนี้หายไปหรอก เพราะความเชื่อมันอยู่เหนือเหตุผลในคนหมู่มาก จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 21:06:12

ความคิดเห็นที่ 29 ใส่ครั้งแรกๆ รู้สึกดีอยู่แล้ว เหมือนการฉายรังสีปริมาณต่ำๆรักษาโรค แต่ใส่เป็นประจำนานๆ มะเร็งในอนาคตค่อนข้างแน่นอน นึกถึงพวกหินวิเศษรักษาโรคในตำนานสมัยโบราณ ก็ึคล้ายๆกันนี่แหละ แต่ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ดีเสมอไปหรอกนะ อย่าคิดว่าจะโชคดีใส่ครั้งแรกๆแล้วจะดีเสมอไป จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 21:08:55

ความคิดเห็นที่ 30 เหอๆ พ่อซื้อกระติกมาใส่น้ำกินล่ะ ไอ้เรื่องนี้ก็เยอะนะ น้ำโมเลกุล 6 เหลี่ยมอ่ะ เรื่องกระติกรังสีนี่ เดี๋ยวไปอธิบายพ่อให้แจ่มแจ้งจะได้เลิกใช้ แต่น้ำโมเลกุล 6 เหลี่ยม ใครก็ได้ ช่วยหาผลสรุป หรือบทความ หรืออะไรก็ได้ มาอ่านกันหน่อยสิ จะได้รู้เรื่องกันซักที ขอร้อง  ฮือๆๆๆ พ่อกินน้ำผสมแกมม่า ง่ะ มิน่ากระติกคุ้นๆ เหอๆ พ่อฉ้านนนน จากคุณ : ธารวรี เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 21:17:19

ความคิดเห็นที่ 31 เปลี่ยนจากซื้อเหรียญ  เป็นเช่าพระมาห้อยคอดีกว่า จากคุณ : next80 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 22:17:59

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่ามันมีส่วนที่ต่างจากแท่งประหยัดนะครับ เพราะอย่างน้อยๆมันก็คือหินลาวาจริงๆ ไม่ใช่เอาก้อนดินมาปั้นขาย จากคุณ : ~Lonely_Fox~ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 22:27:35

ความคิดเห็นที่ 33 เดี๋ยวจะเอาบทความเกียวกับ Thorium กับ Uranium มาลงให้นะครับ เพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น (ขอเวลาแปลสักครู่) จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 22:40:49

ความคิดเห็นที่ 34 .. อันตรายอะเนี้ย จากคุณ : sos_num เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 22:45:29

ความคิดเห็นที่ 35   *คห.15 ถ้าจะต้องเลือกระหว่างรังนกกับหินนี้ เอารังนกดีกว่าเยอะเลยครับ อย่างน้อยก็มีพลังงานให้คุณค่าทางสารอาหาร แต่เจ้าหินนี้ ดูแล้วน่าจะเป็นอันตรายมากกว่านะ จากคุณ : wadara_kmkzfc เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:03:30

ความคิดเห็นที่ 36 ทอเรียม (Thorium) •สัญลักษณ์ทางเคมีคือ  Th •เป็นธาตุโลหะกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ •พบได้ในปริมาณต่ำในน้ำ, ดินและหิน •มีไอโซโทปหลายไอโซโทป  ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและสร้างขึ้นโดยมนุษย์  ซึ่งไอโซโทปทั้งหมดล้วนเป็นสารกัมมันตรังสี   •ทอเรียม-232  เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุด  และพบได้ในธรรมชาติโดยทั่วไป ภาพประกอบจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Thorium จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:11:42

ความคิดเห็นที่ 37 ทอเรียมมาจากไหน     เกือบทั้งหมดของทอเรียมสามารถพบได้ตามธรรมชาติ  แต่มีไอโซโทปของทอเรียมบางส่วนที่สามารถสร้างขึ้นได้  ทอเรียมที่เกิดตามธรรมชาติพบได้ในระดับต่ำตามหิน, ดินและน้ำ  ดังนั้นจึงสามารถพบทอเรียมได้ในพืชและสัตว์เช่นเดียวกัน         แร่ธาตุเช่น  Monazite, Thorite  และ  Thorianite  ล้วนแต่เป็นแร่ที่มีทอเรียมอยู่เป็นปริมาณมาก         ไอโซโทปของทอเรียมที่สังเคราะห์ขึ้นได้มาจากการสลายตัวของนิวไคลด์กัมมันตรังสีที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์  หรือมาจากการดูดกลืนในปฎิกิริยานิวเคลียร์   ภาพแร่โมนไซต์จาก http://en.wikipedia.org/wiki/File:MonaziteUSGOV.jpg แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 01:16:21 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:15:20

ความคิดเห็นที่ 38 คุณสมบัติของทอเรียม •ทอเรียมมีลักษณะเบา  เป็นโลหะที่มีสีเทาเข้ม   •ทอเรียมบริสุทธิ์จะยังเปล่งประกายในอากาศได้เป็นเดือน  แต่ถ้าทอเรียมไม่บริสุทธิ์หรือมีองค์ประกอบอื่นเจือปน  มันจะสูญเสียความแวววาวไปและกลายเป็นสีดำเหมือนโดนอากาศ •เมื่อได้รับความร้อน  ทอเรียมออกไซด์จะให้แสงสีขาว  ด้วยคุณสมบัตินี้  ทอเรียมจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการทำไส้ตะเกียง •ทอเรียมละลายได้ช้าในน้ำ •ทอเรียม-232  มีค่าครึ่งชีวิตเท่ากับ  14,000  ล้านปี  และสลายตัวโดยให้รังสีแอลฟ่าออกมาพร้อมๆ กับรังสีแกมม่า •ทอเรียม-232  เป็นตัวเริ่มต้นในอนุกรมที่สลายตัวให้นิวไคลด์กัมมันตรังสี  เช่น  เรเดียม-228  ซึ่งสลายตัวจากทอเรียม-232  โดยตรง  นอกจานี้ยังมี  เรดอน-220  อยู่ในอนุกรมของทอเรียม-232  อีกด้วย •ไอโซโทปของทอเรียมอีกสองไอโซโทปที่มีความสำคัญในสิ่งแวดล้อม  คือ  ทอเรียม-230  และทอเรียม-228  ทั้งสองไอโซโทปมีอนุกรมในการสลายตัวคนละอนุกรมกัน  แต่ยังคงให้รังสีแอลฟ่าควบคู่ไปกับรังสีแกมม่าเหมือนกัน  และมีค่าครึ่งชีวิตเท่ากับ  75,400  ปีและ  1.9  ปีตามลำดับ     อนุกรมของ ทอเรียม-232 จาก http://wpcontent.answers.com/wikipedia/commons/thumb/1/1c/Decay_chain(4n,Thorium_series).PNG/350px-Decay_chain(4n,Thorium_series).PNG แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 09:28:37 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:22:35

ความคิดเห็นที่ 39 การนำทอเรียมไปใช้ประโยชน์ •ด้วยคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของทอเรียม  ทำให้ทอเรียมถูกนำไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการเคลือบเซรามิก •ทอเรียมถูกใช้อย่างกว้างขวางในการทำไส้ตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง  และทอเรียมยังถูกนำไปใช้เป็นแท่งเชื่อม  เนื่องจากทอเรียมมีการเผาไหม้ที่ดีกว่า  แม้จะใส่ทอเรียมเข้าไปในปริมาณเพียงเล็กน้อย •ทอเรียมยังช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของ  Ophthalmic lenses  ให้ดีขึ้น •ทอเรียมถูกใช้เป็นโลหะผสมในโลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ •ทอเรียมออกไซด์ถูกใช้มามากกว่า  30  ปีในโรงพยาบาล  เพื่อผลิตเป็นภาพถ่ายสำหรับการวินิจฉัยทางรังสี  แต่ก็เลิกใช้ไปในที่สุด   ไส้ตะเกียงที่ทำจากทอเรียม จากเวบ http://theodoregray.com/periodictable/Samples/090.1/s7s.JPG จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:47:17

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพตะเกียงเจ้าพายุที่ใช้ไส้ที่ทำจากทอเรียม ภาพจากเวบ http://www.chemistryexplained.com/elements/T-Z/Thorium.html จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:49:10

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่า ..... มันเป็นเรื่องของ Placebo เต็มๆ เลย จากคุณ : ตัวตลกจมูกแดง เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 01:54:29

ความคิดเห็นที่ 42 ทอเรียมแพร่เข้าสู่สิ่งแวดล้อมได้อย่างไร     ทอเรียมที่มีอยู่ตามธรรมชาติจะพบได้ในปริมาณที่น้อยมากทั้งในหิน, ดิน, น้ำ, พืชและสัตว์  แต่ในบริเวณที่มีความเข้มข้นของทอเรียมในระดับสูง  เช่น  ในหิน  ซึ่งทอเรียมอาจถูกขุดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์  ทำให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิตยกตัวอย่างเช่น  หางแร่ทอเรียม  ถ้าการควบคุมเป็นไปอย่างไม่เหมาะสม  ลมและน้ำก็จะนำพาหางแร่ทอเรียมออกไปสู่สิ่งแวดล้อมเป็นบริเวณกว้าง     นอกจากนี้  โรงงานทั้งของเอกชนและของรัฐบาลที่มีกระบวนการแปรสภาพทอเรียมก็อาจมีการปล่อยทอเรียมออกสู่อากาศ, น้ำ  หรือดินได้อีกด้วย       สำหรับทอเรียมที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์โดยมากจะพบได้ยาก  และส่วนใหญ่จะไม่แพร่เข้าไปสู่สิ่งแวดล้อม Thorium cooling tower จากเวบ http://www.thorium.tv/images/thorium_cooling_towers.jpg จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 02:08:25

ความคิดเห็นที่ 43 พรุ่งนี้ค่อยมาต่อครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 02:15:11

ความคิดเห็นที่ 44 บทความดี ขอบคุณครับ จากคุณ : Iron-Spider เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 06:02:48

ความคิดเห็นที่ 45 ขยะนิวเคลียร์หรือเปล่าครับ จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 08:43:03

ความคิดเห็นที่ 46 มีประโยชน์มากๆค่ะ จากคุณ : lalinphat เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 09:06:21

ความคิดเห็นที่ 47 มีปะโยชน์ดีครับ เรื่องพวกนี้ มีเงินอุดปากอยุ๋มั่งครับ เลยไม่กล้าฟันธง ว่า มันหลอกลวง จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 09:14:56

ความคิดเห็นที่ 48 มันคือเหรียญที่แผ่รังสี แกมม่า.. ที่มีส่วนผสมของ ยูเรเนียม... นี้ถ้ามีเยอะแล้วเอาไปหลอมแยกยูเรเนียม...ทำระเบิดปรมณูเล่น จากคุณ : Night Claw เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 09:22:29

ความคิดเห็นที่ 49 ทอเรียมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร     เมื่อ  ทอเรียม-232  เกิดการสลายตัว  มันจะสลายตัวให้อนุภาคแอลฟ่าออกมา  พร้อมกับให้รังสีแกมม่า  หลังจากนั้นจะกลายเป็น  เรเดียม-228  กระบวนการที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มีการปลดปล่อยรังสี  และเกิดนิวไคลด์รังสีตัวใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ  จนกว่าจะสลายตัวเป็น  ตะกั่ว-208  ที่อยู่สถานะเสถียร  ค่าครึ่งชีวิตสำหรับทอเรียม-232  อยู่ที่ประมาณ  14,000  ล้านปี     ไอโซโทปของทอเรียมอีกสองไอโซโทปที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม  คือ  ทอเรียม-230  และทอเรียม-228  ซึ่งทั้งสองไอโซโทปต่างก็สลายตัวให้รังสีแอลฟ่าตามด้วยรังสีแกมม่าเหมือนกัน  โดยมีค่าครึ่งชีวิตเท่ากับ  75,400  ปีและ  1.9  ปีตามลำดับ แหล่งที่มาของรังสีที่มนุษย์ได้รับ จาก http://www.who.int/water_sanitation_health/dwq/gdwq3rev/en/index.html แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 09:44:04 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 09:42:16

ความคิดเห็นที่ 50 ปาด... เหรียญควอนตัม ใส่แล้วจะมี พลัง "ควอนตัม เทเลวิชั่น" ที่โฆษณาอยู่ช่วงกลางคืนด้วยรึเปล่าเนี้ยครับ ผมว่า ดูโฆษณาของ จอส์ส กับ ซาล่า ยังหนุกกว่าอีกเลย "อยู่กับความหวัง อยู่กับสิ่งงมงาย อยู่บนการโกหก หลอกลวง" จรรยาบรรณของคน จะลดลง เรื่อยๆ เมื่อปล่อยให้วัตถุ ครอบงำจิตใจ คนขายก็เหมือนกัน  ปล่อยให้เงินที่จะขายของให้ได้ราคาแพงๆ ครอบงำจิตใจ ก็เลยไ่ม่มีจรรยาบรรณในการเลือกของมาขาย อันนี้ก็ต้องทนกันต่อไป ... .. . จากคุณ : แง่มๆ น้องหมา 2 ปี เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:18:28

ความคิดเห็นที่ 51 มนุษย์ได้รับรังสีจากทอเรียมได้อย่างไร     เนื่องจากมีทอเรียมอยู่โดยทั่วไปในสิ่งแวดล้อม  ดังนั้นมนุษย์เราจึงได้รับรังสีจากทอเรียมทางอากาศ, อาหาร  และน้ำอยู่ตลอดเวลา  แต่ปริมาณที่ได้รับอยู่ในระดับที่น้อยมาก  และเป็นอันตรายต่อสุขภาพเพียงเล็กน้อย     นอกจากนี้ทอเรียมยังปรากฎอยู่ในผลิตภัณฑ์หลาย ๆ  อย่างเช่น  เซรามิก, ไส้ตะเกียง  และแท่งเชื่อม  ดังนั้นการใช้งานผลิตภัณฑ์เหล่านี้  ก็จะมีส่วนทำให้ได้รับรังสีจากทอเรียมเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ  เช่นเดียวกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับบริเวณที่มีการขุดเจาะหรือบดทอเรียม  หรือมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีทอเรียมเป็นองค์ประกอบ  รวมทั้งคนที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทอเรียม ภาพเซรามิกที่เคลือบด้วยทอเรียม  จากเวบ  http://taxdollars.freedomblogging.com/files/2009/09/ceramic-tiles.jpg จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:27:37

ความคิดเห็นที่ 52 ทอเรียมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร     มนุษย์เราสามารถได้รับทอเรียมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการหายใจเอาฝุ่นละอองที่มีการปนเปื้อนทอเรียมเข้าไป  หรืออาจได้รับผ่านทางการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีทอเรียม  นอกจากนี้  การอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของทอเรียม  หรือทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการนำทอเรียมมาใช้  จะทำให้มีโอกาสได้รับรังสีจากทอเรียมเพิ่มมากขึ้น เส้นทางที่สารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย  จากเวบ  http://www.des.umd.edu/rs/material/tmsg/rs6.html จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:32:59

ความคิดเห็นที่ 53   ตอนเด็กๆอ่าน Dr. K มีอยู่ตอนที่ผู้ร้ายเอาสารกำมันตรังสีมาใส่นาฬิกาข้อมือ ทำให้หมอที่ใส่เป็นมะเร็งที่ข้อมือ เมื่อไม่นานมานี้ก็ดู Dr. House มีเคสที่พ่อให้พวงกุญแจที่ปนเปื้อนสารกำมันตรังสีเป็นของขวัญเรียนจบให้กับลูก ทำให้ลูกป่วยเป็นโรคประหลาด เคสนี้จบโดยแม้แต่หมอเฮาส์ก็รักษาให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนเรานี่ก็แปลก กับเรื่องโทรศัพท์มือถือปล่อยคลื่นความถี่ ก็พากันเชื่อไปว่าทำให้เกิดมะเร็ง ทั้งที่ไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้ว่าคลื่นโทรศัพท์ทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่ทีกับเรื่องสารกำมันตรังสี ที่ใครๆก็รู้ว่าทำให้เกิดมะเร็งได้ กลับกล้าเอามาห้อยคอ เชื่อเขาเลย จากคุณ : ari เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:39:43 A:125.24.142.223 X: TicketID:102543

ความคิดเห็นที่ 54 ขออนุญาตอธิบายแผนภาพข้างบนเพิ่มเติมนะครับ สารกัมมันตรังสีสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทางหลักคือ 1.ทางการหายใจ (Inhalation) 2.ทางการกินหรือดื่ม (Ingestion) 3.ทางการสัมผัสหรือผ่านทางบาดแผล (Absorption, Wound, Skin cuts) และสารกัมมันตรังสีถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ 3 ทางหลักเช่นเดียวกันคือ 1.ทางอุจจาระ (Faeces) 2.ทางปัสสาวะ (Urine) 3.ทางการหายใจ (Exhalation) เส้นทางที่สารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย  จากเวบ  http://www.ionactive.co.uk/glossaryimages/017InternalHazard_900by600.jpg จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:44:41

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อทอเรียมเข้าไปในร่างกายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น     ถ้าหายใจเอาฝุ่นที่มีทอเรียมปนเปื้อนอยู่  บางส่วนของทอเรียมก็จะยังคงหลงเหลืออยู่ภายในปอดเป็นระยะเวลานาน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางเคมีของทอเรียมที่หายใจเข้าไป     ถ้ารับประทานทอเรียมเข้าไป  โดยทั่วไปร่างกายจะขับทอเรียมออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระและปัสสาวะภายในระยะเวลาไม่กี่วัน  แต่ยังคงมีทอเรียมปริมาณเล็กน้อยที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างกาย  และจะเข้าสู่กระแสเลือดแล้วไปเกาะติดกับกระดูก  ที่ซึ่งทอเรียมจะคงอยู่เป็นระยะเวลาหลายปี       การดูดซึมทอเรียมผ่านทางผิวหนังไม่ใช่เส้นทางหลักที่ทอเรียมเข้าสู่ร่างกาย  แต่มีหลักฐานยืนยันว่าสามารถเกิดขึ้นได้ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:07:16

ความคิดเห็นที่ 56 ผลกระทบของทอเรียมต่อสุขภาพมนุษย์     การได้รับรังสีชนิดก่อไอออน (Ionizing  radiation)  ในระดับปริมาณต่ำไปจนถึงปานกลางจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคมะเร็ง  ซึ่งมีการศึกษาหลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่า  การหายใจเอาฝุ่นละอองที่มีทอเรียมเข้าไป  จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอด  และโรคมะเร็งตับอ่อน  นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งกระดูกอีกด้วย  เนื่องจากทอเรียมที่ได้รับเข้าไป  จะไปสะสมอยู่ที่กระดูกนั่นเอง มะเร็งปอด จากเวบ http://www.wilson_ko.yourmd.com/ypol/common/commonPrinterFriendly.asp?cid=ZZZNEDWE38C จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:29:09

ความคิดเห็นที่ 57 การทดสอบเพื่อหาปริมาณทอเรียมที่ได้รับเข้าไป     การทดสอบเพื่อหาปริมาณทอเรียมที่ได้รับเข้าไปจะทำการวัดจากปัสสาวะ, อุจจาระ  รวมทั้งอากาศที่หายใจออกมา  ซึ่งการทดสอบเหล่านี้จะได้ผลดีที่สุด  เมื่อทำการทดสอบไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ภายหลังจากได้รับทอเรียมเข้าไป  อย่างไรก็ตามเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจหาทอเรียมมักจะไปพบตามคลินิกหรือโรงพยาบาลทั่วไป  จึงจำเป็นต้องไปตรวจวัดที่หน่วยงานราชการ  หรือห้องปฏิบัติการเฉพาะที่มีเครื่องมือ Whole body counter  จากเวบ  http://www.stuk.fi/sateilytietoa/ulkoisen_sateilyn_valvonta/en_GB/human/_files/12222632510009717/default/mittaus.jpg จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:45:58

ความคิดเห็นที่ 58 การป้องกันประชาชนทั่วไปจากทอเรียม •ประชาชนทั่วไปจะรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ใกล้ทอเรียม     การสำรวจทอเรียมจำเป็นต้องใช้เครื่องมือจำเพาะ  และต้องผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะ  ดังนั้นประขาขนทั่วไปจึงไม่สามารถวัดทอเรียมได้เอง  การวัดทอเรียมจะทำโดย  Health  physicists  หรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสีที่ผ่านการอบรมการวัดทอเรียมมาแล้ว   •ประชาชนทั่วไปสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อป้องกันตนเองและครอบครัวจากทอเรียม     ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับทอเรียมในระดับที่ไม่เป็นอันตรายอยู่แล้ว  อย่างไรก็ตามยังมีประชาชนบางส่วนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเหมืองแร่ทอเรียม  หรือหน่วยงานของรัฐบาล  หรือภาคอุตสาหกรรมที่มีการใฃ้ทอเรียม  ก็จะมีโอกาสได้รับรังสีจากทอเรียมเพิ่มมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใฃ้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจากบ่อน้ำ  ดังนั้นจึงควรมีการนำน้ำจากบ่อน้ำไปผ่านกระบวนการวิเคราะห์ในห้องทดลองเพื่อหาองค์ประกอบของทอเรียมที่อยู่ในน้ำ     บางครั้งเครื่องใช้ภายในบ้านอาจพบว่ามีทอเรียมปะปนอยู่  ยกตัวอย่างเช่น  เครื่องใช้เซรามิกยุคเก่าที่ซึ่งยูเรเนียมถูกใช้ในการเคลือบ  หรืออาจพบได้ในไส้ตะเกียงก๊าซ  โดยทั่วไปแล้วเครื่องใช้เหล่านี้ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมากนัก  อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยทางรังสี  จึงควรนำเครื่องใช้เหล่านั้นออกจากบ้าน   สัญลักษณ์ป้ายเตือนทางรังสีรูปแบบใหม่ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 11:58:52 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:51:26

ความคิดเห็นที่ 59 ก็จบในส่วนของ ทอเรียม (Thorium) แล้วนะครับ ข้อมูลอ้างอิงจาก U.S Environmental Protection Agency สามารถอ่านลิงค์ต้นฉบับได้จาก http://www.epa.gov/rpdweb00/radionuclides/thorium.html ในส่วนของ ยูเรเนียม ขอแปะไว้ก่อนนะครับ ถ้ามีเวลาจะมานั่งแปลให้ได้อ่านกันอีกครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:55:27

ความคิดเห็นที่ 60 มีรังสีจริงๆ ด้วย จากคุณ : Blackion เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:32:03

ความคิดเห็นที่ 61 ผมกำลังสงสัยว่า ในระยะสั้นๆ ความเข้มข้นต่ำๆ รังสีต่างๆ มันมีผลอะไรต่อร่างกายมนุษย์บ้าง ไม่ได้หมายถึงรับเอาผงอนูสารรังสี เข้าไปนะครับ หมายถึง รับเอาตัว อนุภาคเบต้า แกมมา ฯลฯ  หรือตัวรังสี นั้น เข้าไปในร่างกาย มีใครเคยอ่านมาบ้างป่ะ? เห็นมันมีเรื่องพวกนี้มานานตั้งแต่สมัยร้อยปีก่อนโน่นแล้ว นะ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:46:16

ความคิดเห็นที่ 62 คห.61 อ่านแล้วแอบงงครับ คือ หมายความว่าไม่ได้เอาแหล่งกำเนิดรังสีเข้าไปในร่างกาย แต่แหล่งกำเนิดอยู่ข้างนอกแล้วแผ่รังสีมาหาตัวเราเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 13:09:38 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 13:05:39 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 13:04:45

ความคิดเห็นที่ 63 ญาติทางแม่ส่งมาให้แม่ผมหนึ่งอัน ผมเตือนแม่ยังไงแม่ก็ไม่เชื่อ แม่บอกไม่ได้ซื้อมา ลองใส่หน่อยจะเป็นอะไร ปล.ญาติทางแม่ขายจนได้ไปเีที่ยวต่างประเทศแล้ว จากคุณ : เบื่อโลกจัง เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 14:17:55

ความคิดเห็นที่ 64 วันนี้บอกพ่อไปแล้วค่ะ เรื่องกระติกน้ำ พ่อบอกว่าตอนซื้อไม่คิดหรอกว่ามีรังสี แค่ช่วยๆ เขาไป ซื้อมากิน เอาว่ะ ดีก็ดี -*- เลยบอกไปแล้วว่ามันมีรังสีนะ กินเข้าไปเดี๋ยวเป็นมะเร็งพอดี บอกพ่อไปโยนทิ้งไกลๆ บ้านเลยนะ หุหุ รอดูอาการสัก 2 - 3 วัน ถ้ายังไม่เอาไปทิ้ง จะอาละวาดอีกรอบ ทำไรไม่เข้าเรื่อง หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ กินน้ำผสมกัมมันตรังสี เหอๆ ขอบคุณที่หาเรื่องแร่ธาตุมาเพิ่มค่ะ จะเอาไปบอกพ่อ ว่าถ้ากินไม่เลิกนะ เวลาตายจะไม่ไปลอยอังคาร กลัวกัมมันรังสี ติดกระดูก เอิ้กๆๆๆ เข้าขั้นโหดไหม๊นี่ จากคุณ : ธารวรี เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 14:32:54

ความคิดเห็นที่ 65 มันได้ผล เพราะมันเป็นสูตรลับ...อยู่ในสมองคนไทย จากคุณ : หนุ่มปากเกร็ด เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 15:07:27

ความคิดเห็นที่ 66 คห.64 กระติกน้ำเป็นยังไงเหรอครับ ผมเคยเห็นแต่แบบที่เป็นเหรียญ เลยนึกภาพไม่ออก คือเขาเอามาทำเป็นกระติกน้ำเลย หรือว่าเอาเหรียญไปจุ่มๆ ในน้ำครับ ปล.จะได้ช่วยขู่ให้ครับ 555 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 15:12:40

ความคิดเห็นที่ 67 เห็นโฆษณาตามเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม  เปิดกันเป็นรายการสุขภาพ ฯลฯ กันเป็นชั่วโมงๆ เลยครับ... พวกนี้จะทำอย่างไรกันดี   ปล. ตอนหลังๆ มานี้สังเกตเห็นเริ่มมีข้อความปรากฏ ...โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม.. เพิ่มขึ้นมา... จากคุณ : ปัจจุบันคนหลังเขา (อดีตเป็น) (คนไทยในลอนดอน) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 17:18:03

ความคิดเห็นที่ 68 คำโฆษณา กระติกน้ำควอนตั้ม Quantum Flask ทำจากไททาเนียม และเต็มไปด้วยพลังงานสเคล่าจาก การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าพลังงานจากกระติกน้ำควอนตั้ม สามารถที่จะปรับโครงสร้างของโมเลกุลน้ำให้แยกตัวเป็น โมเลกุลเล็ก ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มชีวปริมาณของน้ำในร่างกาย ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนการทำงานของร่างกาย โม้สุดยอด เจ้าของเดียวกะเหรียญอ่ะค่ะ เพิ่งไปเห็นพ่อใช้เมื่อ 2-3 วันก่อน ตอนจะไปตีกอล์ฟ เห็นชื่อยี่ห้อปะไว้ ก็ว่าคุ้นๆ เหมือนเพิ่งเคยอ่านในหว้ากอ เมื่อวานเปิดเข้ามาดู เจอจะจะเลย วันนี้เลย อาละวาด -*-(อธิบาย ด้วยการใช้เหตุผล เหอๆ) ไปแล้วตอนเช้า พ่อทำท่าเหมือนจะเชื่อล่ะ จากคุณ : ธารวรี เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 17:47:26

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้ารักษาโลกได้จริง คนญี่ปุ่นคงบินได้ทั้งเมือง จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 23:51:43

ความคิดเห็นที่ 70 อ้าว...งานเข้าแล้วเรา มีใครพอจะรู้บ้างมั๊ยคะ ถ้าที่บ้านมีคนใส่เหรียญนี้อยู่(คนแก่เชื่อแบบงมงายมาก ใส่แล้วไม่ยอมถอดเลย ใครเตือนก็ไม่ฟัง) จะต้องทำยังไงดีคะ ต้องอยู่ห่างจากเหรียญแค่ไหน ถึงจะไม่ได้รับรังสีไปด้วย แล้วต้องเก็บยังไงรังสีถึงจะไม่แผ่ออกมา ปล.จะมีใครตอบเราได้มั๊ยเนี่ยT_T จากคุณ : annie_gnd เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 00:37:44

ความคิดเห็นที่ 71 ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรังสีนะครับ คาดว่าจะเป็นประโขชน์ในการนำไปใช้อธิบายให้กับคนทั่วไป สำหรับบทความเกี่ยวกับยูเรเนียม ขออนุญาตดองเอาไว้ก่อนนะครับ แหะ แหะ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 01:58:59 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 01:57:40

ความคิดเห็นที่ 72 รังสี (Radiation)     คือพลังงานที่แผ่ออกมาจากต้นกำเนิดในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือในลักษณะของอนุภาค 1) รังสีในลักษณะของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(Electromagnetic Radiation)  ประกอบด้วยคลื่นวิทยุ(เสียง), ไมโครเวฟ, อินฟาเรด, แสงสว่าง, อัลตราไวโอเลต, รังสีเอกซ์, รังสีแกมมา และรังสีคอสมิค 2) รังสีที่เป็นกระแสของอนุภาคความเร็วสูง (Sub-atomic Particle Radiation)  ประกอบด้วยแอลฟา, เบตา และนิวตรอน สเปคตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากเวบ http://www.fluxnet-canada.ca/pages/pics/Electromagnetic_spectrum.png แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 02:18:08 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 02:05:08 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:02:50

ความคิดเห็นที่ 73 สเปคตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากเวบ http://mynasadata.larc.nasa.gov/images/EM_Spectrum3-new.jpg จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:04:34

ความคิดเห็นที่ 74 นอกจากนี้ยังสามารถจำแนกรังสี ตามความสามารถในการเกิดอันตรกิริยาต่าง ๆ  กับสสารออกเป็น 2 ปะเภท คือ 1) รังสีที่ไม่ก่อให้เกิดไอออน (Non-Ionizing Radiation) เช่น คลื่นวิทยุ (เสียง), ไมโครเวฟ, อินฟาเรด, แสงสว่าง และอัลตราไวโอเลต 2) รังสีที่ก่อให้เกิดไอออน (Ionizing Radiation) เช่น รังสีเอกซ์, รังสีแกมมา, รังสีคอสมิค, แอลฟา, เบตา และนิวตรอน เป็นต้น Ionizing radiation และ Non-ionizing radiation จาก http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/3/33/EM-spectrum.png แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 02:19:21 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:09:01

ความคิดเห็นที่ 75 ซึ่งโดยปกติแล้ว เราจะไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับ Non-ionizing radiation เท่าไหร่นัก เนื่องจากมันมีพลังงานอยู่ในระดับต่ำ และเป็นอันตรายน้อยกว่า Ionizing radiation สำหรับรังสีที่ก่อให้เกิดไอออน จะเกิดได้ 4 กรณี คือ 1) เกิดจากสารกัมมันตรังสีสลายตัว (ได้แก่ รังสีแกมมา, เบตา, แอลฟา และรังสีเอกซ์) 2) เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ (ได้แก่ รังสีแกมมา, เบตา, แอลฟาและนิวตรอน) 3) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงวงโคจรอิเล็กตรอนของนิวเคลียส (ได้แก่ รังสีเอกซ์) 4) เกิดจากต้นกำเนิดรังสีนอกโลก (ได้แก่ รังสีคอสมิก) การสลายตัวของสารกัมมันตรังสีให้รังสีและอนุภาคออกมา ภาพจากเวบ http://www.nrc.gov/reading-rm/basic-ref/glossary/radioactivity.html แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 02:17:11 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:16:38

ความคิดเห็นที่ 76 ประเภทของการได้รับรังสี มนุษย์มีโอกาสได้รับรังสีทั้งจากธรรมชาติ และจากรังสีที่ผลิตขึ้นโดยมนุษย์ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของการได้รับรังสีออกเป็น 2 ประเภทคือ 1) External exposure 2) Internal exposure แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 02:22:11 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:21:26

ความคิดเห็นที่ 77 External Exposure     เป็นการได้รับรังสีเมื่อแหล่งกำเนิดรังสีอยู่ภายนอกร่างกาย เช่น การได้รับรังสีจากการเอกซเรย์, การรักษามะเร็งด้วยเครื่อง Co–60 เป็นต้น     เทคนิคพื้นฐานของการควบคุมอันตรายจากรังสี เมื่อต้นกำเนิดรังสีอยู่ภายนอกร่างกายมีด้วยกัน 3 วิธีคือ เวลา, ระยะทาง และเครื่องกำบังรังสี ปล. การที่เราแขวนวัตถุที่มีรังสีไว้กับตัว ก็เปรียบเสมือนกับการมีต้นกำเนิดรังสีอยู่ภายนอกร่างกาย แล้วแผ่รังสีมายังเรานั่นเอง หรือเรียกว่า External Exposure แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 02:33:28 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:28:45

ความคิดเห็นที่ 78 1) เวลา     การควบคุมเวลาในการปฏิบัติงานกับรังสีเป็นวิธีการสำคัญในการลดปริมาณรังสีที่จะได้รับ การลดเวลาในการทำงานกับรังสี หรือสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับรังสีน้อยลง    สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับรังสี ควรจะใช้เวลาอยู่กับสารกัมมันตรังสีให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:32:43

ความคิดเห็นที่ 79 2) ระยะทาง     การควบคุมระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับสารรังสีเป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดอันตรายจากรังสีที่อยู่ภายนอกร่างกาย หากผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานให้ห่างจากต้นกำเนิดรังสีให้มากที่สุด ผู้ปฏิบัติงานก็จะได้รับรังสีน้อยลงตามไปด้วย โดยปริมาณรังสีที่ได้รับจะลดลง     ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการได้รับรังสีกับระยะห่างจากต้นกำเนิดรังสีเป็นไปตามกฎกำลังสองผกผัน (Inverse square law) ดังนั้นประชาชนทั่วไปควรจะอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดรังสีให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:39:09

ความคิดเห็นที่ 80 อยากเอาไปให้ญาติเราอ่านจริงๆ แต่แกคงไม่รู้เรื่องและไม่เชื่อเเหงๆ พี่เรากลับบ้านที่ ตจวไป ตกใจอาม่าห้อยเหรียญควอนตัม - -" ได้ความว่าญาติซื้อมาให้ใส่ เจ๊จะบ้าตาย อาม่าเรายิ่งอาการไม่ค่อยดีอยู่ ตอนนี้ก็นอนโรงพยายามบาล ไม่รู้ยังห้อยเหรียญมหัศจรรย์นี้อยู่รึเปล่า จากคุณ : เจ๊เฟย์ กะ คุโรปู้ ==> Mz เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:43:08

ความคิดเห็นที่ 81 3) เครื่องกำบังรังสี     ในกรณีที่ไม่สามารถลดเวลาการทำงานลงได้ และจำเป็นต้องทำงานอยู่ใกล้ต้นกำเนิดรังสี ผู้ปฏิบัติงานสามารถลดการได้รับรังสีลงได้โดยใช้วัสดุบางชนิดที่เหมาะสมมาทำเป็นเครื่องกำบังรังสี (Shielding) ดังนั้นเครื่องกำบังรังสีจึงมีความสำคัญมากเมื่อปฏิบัติงานกับสารรังสี     ชนิดของรังสีและพลังงานที่แตกต่างกันไป จะมีอำนาจทะลุทะลวงแตกต่างกัน และต้องการเครื่องกำบังรังสีต่างชนิดกันด้วย สำหรับวัสดุที่จะนำมาใช้ทำเครื่องกำบังรังสีแต่ละชนิดนั้นขึ้นอยู่กับสมบัติเฉพาะตัวของรังสีด้วย ยกตัวอย่างเช่น     รังสีเบต้า สามารถใช้แผ่นพลาสติก แผ่นกระดาษแข็งมาทำเป็นฉากกำบังรังสี     รังสีเอกซ์และรังสีแกมม่า มีอำนาจทะลุทะลวงสูง จึงต้องใช้วัสดุที่มีความหนาแน่นสูง เช่น ตะกั่ว, เหล็ก, คอนกรีตหนา เป็นต้น     รังสีแอลฟ่า เดินทางในอากาศได้ระยะทางที่สั้นมาก การใช้กระดาษมากำบังรังสี ก็สามารถกันรังสีแอลฟ่าได้ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 02:44:08

ความคิดเห็นที่ 82 พรุ่งนี้ค่อยมาต่อละกันครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 03:05:18

ความคิดเห็นที่ 83 อีกสิบปี เป็นมะเร็งปอดกันถ้วนหน้า โดนหลอกให้ซื้อกากกัมมันตภาพรังสีเอามาห้อยคอ มีคนบอก ก็ยังไม่เชื่อ โง่ซ้ำ โง่ซ้อน จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 08:11:23

ความคิดเห็นที่ 84 อย่างเครื่องดีท็อกซ์เท้า เห็นข่าวว่าเจ้าหน้าที่ อ.ย. นำตำรวจเข้าจับกุมหลายรายแล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะเข้าข่ายความรับผิดชอบของ อ.ย. ด้วยเหมือนกัน ถ้ามีการดำเนินการเรื่องนี้ คุณได้เครดิตไปเต็มๆ ส่วน สคบ. ผมไม่หวังอะไรจากองค์กรนี้ จากคุณ : ikkyu เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 09:07:29

ความคิดเห็นที่ 85 ตอบ #61 นะครับ   ถ้ามีต้นกำเินิดอยู่ภายนอกร่างกายแล้ว รังสีแอลฟ่า และ รังสีเบต้าจะไม่มีทางเข้าสู่ร่างกายได้ครับ เนื่องจากมีอำนาจทะลุทะลวงต่ำมาก แค่ผิวหนังมนุษย์ก็ไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปได้แล้ว แต่ถ้าได้รับต้นกำเนิดเข้าไปในร่างกายจะมีอันตรายสูง เพราะเนื่องจากที่มันมีอำนาจทะลุทะลวงต่ำนั้นหมายความว่า มันมีความสามารถที่จะให้พลังงาน(ทำให้อากาศแตกตัวเป็นไอออน)กับตัวกลางได้สูง ตัวกลางที่ว่านั่นก็คือเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆครับ ซึ่งเราใช้วิธีนี้ในการรักษาโรคบางโรคเช่นมะเร็งครับ จากคุณ : nohqaq เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 10:04:17

ความคิดเห็นที่ 86   ขอโทษนะคะ พอดีมีพี่ที่ทำงานเค้าซื้อมาใช้ค่ะ ปรากฎว่าแพ้เป็นผื่นแดง ตอนนี้รู้แล้วว่าอันตราย อยากจะทิ้ง เก็บไว้ในบ้านเฉยๆก็คงจะไม่ดี เพราะกลัวรังสีจะแผ่ออกมาตลอดอ่ะค่ะ แต่ไม่ทราบว่าต้องกำจัดทิ้งยังไง ถึงจะไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมคะ รบกวนด้วยค่ะ จากคุณ : กังวลค่ะ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 14:03:06 A:203.160.6.2 X: TicketID:001154

ความคิดเห็นที่ 87 ต่อจากเมื่อคืนนะครับ เมื่อคืนเรื่อง External exposure ก็จบไปแล้วแบบคร่าวๆ ต่อไปก็จะเป็น Internal exposure ครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 14:58:54

ความคิดเห็นที่ 88 Internal Exposure     เป็นการได้รับรังสีจากการที่แหล่งกำเนิดรังสีเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการรับประทาน, การหายใจ หรือการสัมผัส     สารรังสีที่เข้าสู่ร่างกายแล้วทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายและอวัยวะภายในร่างกายมากที่สุดคือ สารรังสีที่ให้รังสีแอลฟาและเบต้า เนื่องจากเมื่อผ่านตัวกลางแล้วจะสูญเสียพลังงานส่วนใหญ่ในการทำให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนจำเพาะสูง     สารกัมมันตรังสีสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางด้วยกัน ที่สำคัญได้แก่การหายใจ ทางการกิน ทางการซึมผ่านผิวหนัง และทางบาดแผล การป้องกันอันตรายจากสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกายทำได้โดย 1) ควบคุมการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีเข้าสู่อากาศ 2) ติดสัญลักษณ์ทางรังสีที่ภาชนะบรรจุสารกัมมันตรังสี 3) ไม่ดื่ม กิน สูบบุหรี่ หรือใช้เครื่องสำอาง ขณะอยู่ในบริเวณรังสี 4) ตรวจสอบการเปรอะเปื้อนที่มือ เท้า และเสื้อรวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ ที่นำเข้าไปใช้ ก่อนจะออกจากบริเวณปฏิบัติงานทางรังสี 5) ถ้าพบการเปรอะเปื้อนต้องชำระล้างให้หมดก่อน จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 15:03:24

ความคิดเห็นที่ 89 ผลของรังสีต่อสิ่งมีชีวิต     เนื่องจากรังสีเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นเมื่อกระทบวัสดุต่างๆ และสิ่งที่มีชีวิตก็ย่อมเกิดผลกระทบขึ้นได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของรังสี พลังงานของรังสี ปริมาณของรังสี และชนิดของอวัยวะที่รังสีตกกระทบ     รังสีที่ไม่ก่อให้เกิดไอออน ส่วนใหญ่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในรูปของความร้อน (Thermal Effects) ในขณะที่รังสีที่ก่อให้เกิดไอออนมีผลต่อสิ่งมีชีวิต โดยทำให้อะตอม/โมเลกุลของเซลล์มีการแตกตัวเป็นไอออนและทำให้มีการเกิดปฏิกิริยาเคมีต่อเนื่องกันไป จนกระทั่งโครงสร้างของเซลล์มีการแตกตัวเป็นไอออน และทำให้มีการเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องกันไป จนกระทั่งโครงสร้างของเซลล์และระบบการทำงานของเซลล์เปลี่ยนแปลงไปด้วย และเกิดอาการผิดปกติในร่างกายขึ้น           รังสีแต่ละชนิดนั้นก่อผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตไม่เหมือนกัน ซึ่งในทางวิชาการได้มีการศึกษาถึงความรุนแรงของผลกระทบดังกล่าว สรุปได้ดังตาราง จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 15:13:48

ความคิดเห็นที่ 90 จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่า อนุภาคแอลฟ่ามีความอันตรายสูดสุด เนื่องจากอนุภาคแอลฟ่ามีมวลเยอะ และมีประจุบวก การเคลื่อนที่ในอากาศ จึงเคลื่อนที่ได้ระยะทางสั่นๆ แล้วถ่ายเทพลังงานทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนจำนวนมากตลอดระยะทางที่มันเคลื่อนที่ผ่าน ดังนั้นค่าความอันตรายของรังสีจึงสูง ในทางตรงกันข้ามรังสีแกมม่า ซึ่งมีมวลน้อยและไม่มีประจุ เมื่อเคลื่อนที่ผ่านตัวกลาง จะมีการถ่ายเทพลังานให้กับตัวกลางน้อย (เกิดการแตกตัวเป็นประจุน้อย) จึงมีระยะทางในการเคลื่อนที่ไกล ดังนั้นค่าความอันตรายของรังสีจึงต่ำ นอกจากนี้ ยังสามารถสังเกตได้จากตารางว่า รังสีที่มีประจุจะมีค่าความอันตรายของรังสีสูงกว่าพวกที่ไม่มีประจุ รังสีที่มีมวลเยอะจะมีค่าความอันตรายของรังสีสูงกว่าพวกที่มีมวลน้อย จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 15:23:57

ความคิดเห็นที่ 91 เดี๋ยวตอนเย็นจะมาตอนเรื่องขีดจำกัดการได้รับรังสีนะครับ ตอนนี้ขอตัวไปทำธุระก่อนครับ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 15:28:29

ความคิดเห็นที่ 92 ตอบคนอยากทิ้ง... ขอให้ติดต่อนักข่าว ตั้งกระทู้ทิ้งไว้ห้องเฉลิมไทยก็ได้ แล้วไปทิ้งที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แถลงข่าวว่าซื้อมาใช้แล้วแพ้ พอไปหาบทความอ่านดูปรากฏว่าเป็นวัตถุปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี เกิดความกังวล จึงเอามาฝากทำลาย ทำแบบนี้จะช่วยชีวิตคนได้มากครับ คนแก่ๆไม่ค่อยห่วง เพราะไม่กี่ปีก็ลงโลงแล้ว สงสารเด็กๆ สูดฝุ่นกัมมันตรังสี โตมาถ้าไม่เป็นมะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด ก็จะกลายเป็นเอกซ์เมนกันหมด (แต่โอกาสเป็นมะเร็งน่าจะสูงกว่าหลายล้านเท่า) จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 18:29:57

ความคิดเห็นที่ 93 ขีดจำกัดการได้รับรังสี (Dose limit)       ขีดจำกัดการได้รับรังสีจะแบ่งออกเป็น ขีดจำกัดสำหรับผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับรังสี และขีดจำกัดสำหรับประชาชนทั่วไป ส่วนผู้ป่วยที่มารับการรักษาทางการแพทย์จะไม่มีขีดจำกัดทางรังสี ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะขีดจำกัดการได้รับรังสีของประชาชนทั่วไปเท่านั่น     จากกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข วิธีการขอรับใบอนุญาต และการดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุต้นกำลัง วัสดุพลอยได้ หรือพลังงานปรมาณู พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๓๑ ผู้รับใบอนุญาตต้องระมัดระวังมิให้ประชาชนทั่วไป เว้นแต่ผู้ที่มารับบริการทางการแพทย์ได้รับรังสีเกินปริมาณที่กำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) ปริมาณรังสียังผล (effective dose) ๑ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี (๒) ปริมาณรังสีสมมูล (equivalent dose) ๑๕ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี สำหรับเลนซ์ของดวงตา (๓) ปริมาณรังสีสมมูล (equivalent dose) ๕๐ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี สำหรับส่วนที่เป็นผิวหนัง จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 18:59:42

ความคิดเห็นที่ 94 ข้อมูลต่อไปนี้อ้างอิงจาก ศัพทานุกรมนิวเคลียร์ ปริมาณรังสีสมมูล (Equivalent dose, HT)     ผลรวมของปริมาณรังสีดูดกลืนในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใดๆ ของมนุษย์ หลังจากปรับเทียบการก่ออันตรายของรังสีทุกชนิดที่อวัยวะนั้นได้รับ โดยเทียบกับการก่ออันตรายของรังสีแกมม่า มีหน่วยเป็น ซีเวิร์ต ดังสมการต่อไปนี้          HT = ๅ(DT,R x WR)     โดย HT คือ ปริมาณรังสีสมมูลของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใดๆ            DT,R คือ ปริมาณรังสีดูดกลืนของรังสีแต่ละชนิดในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใดๆ            WR คือ ค่าปรับเทียบตามชนิดรังสี (ตารางใน คห.89) ปริมาณรังสียังผล (Effective dose, E)     ผลรวมของปริมาณรังสีสมมูลหลังจากปรับเทียบสภาพไวต่อรังสีของแต่ละเนื้อเยื่อหรืออวัยวทั่วร่างกาย มีหน่วยเป็น ซีเวิร์ต ดังสมการต่อไปนี้          E = ๅ(HT x WT     โดย E คือ ปริมาณรังสียังผล            HT คือ ปริมาณรังสีสมมูลของแต่ละเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ            WT คือ ค่าปรับเทียบตามชนิดเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ (ตารางด้านล่าง) แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 19:17:11 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 19:16:44 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 19:16:02

ความคิดเห็นที่ 95 คือ สงสัยว่า รังสีได้รับในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่นาน มันก่อผลต่อร่างกายอะไรมั๊ย ก็คิดอยู่ว่า คนที่ใส่ เกิดได้ผลดีขึ้นมาจริงๆ จะอธิบายว่าไง มันคงไม่ใช่ผลเหมือนยาหลอกซะทั้งหมดละมั้ง การรับรังสีทะลุทะลวงเข้าไปในร่างกาย ในช่วงสั้นๆ มันช่วยกระตุ้นระบบอะไรต่อมิอะไรในร่างกาย หรือไม่ ?? เช่น มันอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้นในช่วงสั้นๆ แบบว่า มันคงงง ว่า เฮ้ยเกิดไรขึ้นเนี่ย WTF #*&%_#*(&%*&*!)!*@#  เลยทำงานดีชั่วระยะเวลานึง เป็นต้น แต่ที่รู้ๆ คือ มันอันตรายแหงๆๆ  อันนี้แน่นอน แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 19:26:30 จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 19:24:46

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณ จขกท.และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ถึงจะมาช้าก็ยังดีกว่า่าไม่มา จากคุณ : ร้อยแปดพันมังกร เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 19:35:11

ความคิดเห็นที่ 97 ที่นี้เราลองมาคำนวณปริมาณรังสีที่จะได้รับจากการห้อยเหรียญนี้กันดีกว่าครับ อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นนะครับ ถ้าใครเห็น ช่วยทักท้วงด้วยนะครับ ข้อมูลแรกที่เราได้มา มาจาก ผลวิเคราะห์ไอโซโทปกัมมันตรังสีที่อยู่ในเหรียญพลังงานควอนตัม ของ รศ.ดร.ไตรภพ ผ่องสุวรรณ ใน คห.18 ได้ค่าความแรงรังสีของ ทอเรียม-232 เท่ากับ 693 Bq ที่นี้เราก็จะมาหาความแรงรังสีของ ทอเรียม-232 ในหน่วย Curie กัน โดย 1 Ci = 3.7 x 1010 Bq ดังนั้น ทอเรียม-232 ความแรงรังสี 693 Bq คิดเป็นความแรงรังสีในหน่วย Ci     = 693/(3.7 x 1010)     = 187.297297 x 10-10     = 1.87297297 x 10-8 Ci แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 20:10:49 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 20:08:36

ความคิดเห็นที่ 98 ข้อมูลต่อไปที่จำเป้นต้องใช้ แต่หาได้ยากมาก คือ Specific gamma ray constant ของ ทอเรียม-232 พอดีไปเจอของ http://www.iem-inc.com/toolgam.html ซึ่งดูแล้วไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือรึเปล่า แต่ลองดูหลายๆ ธาตุก็ค่อนข้างตรงกันกับตำราที่ผมมี ตอนนี้เลยยอมเชื่อไปก่อน ค่า Specific gamma ray constant ของ ทอเรียม-232 มีค่าเท่ากับ 0.068376 R/hr ที่ระยะ 1 ม. จากต้นกำเนิดรังสีความแรง 1 Ci เหรียญควอนตัมมีทอเรียม-232 1.87297297 x 10-8 Ci ดังนั้นที่ระยะ 1 ม. ทอเรียม-232 จะให้ปริมาณรังสี     = 0.068376 x 1.87297297 x 10-8     = 0.128066 x 10-8     = 1.28066 x 10-9 R/hr     = 1.28066 x 10-6 mR/hr แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 20:39:11 จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 20:38:05

ความคิดเห็นที่ 99   ขอบคุณค่า จากคุณ : Giftpun เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 20:44:54

ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อเหรียญควอนตัมถูกวางห่างออกไป 1 ม. ปริมาณรังสีที่มาถึงเรา มีค่าเท่ากับ 1.28066 x 10-6 mR/hr แต่ถ้าเราแขวนไว้ที่คอ (สมมติให้มีระยะห่างประมาณ 1 ซม. หรือ 0.01 ม.) จากกฎกำลังสองผกผัน ปริมาณรังสีที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นเป็น     = 1.28066 x 10-6 / 0.012     = 1.28066 x 10-6 / 10-4     = 1.28066 x 10-2 mR/hr จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 20:49:27

ความคิดเห็นที่ 101 เนื่องจากรังสีที่กำลังพิจารณาเป็นรังสีแกมม่า และสนใจปริมาณรังสีที่ได้รับทั่วร่างกาย ดังนั้น Radiation weighting factor และ Tissue weighting factor จึงมีค่าเท่ากับ 1 ทำให้สามารถเทียบหน่วย mR เป็น mSv ได้เลย โดยใช้ความสัมพันธ์     1 mR = 10 mSv ดังนั้น เมื่อเราเอาเหรียญควอนตัมมาห้อยคอที่ระยะห่าง 1 ซม ปริมาณรังสียังผลที่ได้รับจะมีค่า     = 1.28066 x 10-2 x 10     = 1.28066 x 10-1     = 0.128066 mSv/hr จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 20:58:42

ความคิดเห็นที่ 102 จากขีดจำกัดการได้รับรังสีของประชาชนทั่วไป กำหนดให้ใน 1 ปี ประชาชนทั่วไปต้องได้รับปริมาณรังสียังผลไม่เกิน 1 mSv ในกรณีที่ห้อยเหรียญทุกวันตลอดทั้งปี ไม่มีถอดออกเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว ใน 1 ปีจะห้อยเหรียญเป็นระยะเวลาคิดเป็นชั่วโมงเท่ากับ     = 365 x 24     = 8760 ชั่วโมง ที่นี้เราก็มาถึงจุดสุดท้ายของการคำนวณอันยาวยืดนี้แล้ว คำตอบที่ทุกคนสงสัยว่าการห้อยเหรียญจะทำให้เราได้รับรังสีแกมม่าเกินขีดจำกัดการได้รับรังสีของประชาชนทั่วไปหรือไม่ จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 21:03:44

ความคิดเห็นที่ 103 คำตอบอยู่ตรงหน้าแล้วครับ แค่เอาปริมาณรังสียังผลที่มีหน่วยเป็น mSv/hr มาคูณกับจำนวนชั่วโมงต่อปี ก็จะได้ปริมาณรังสียังผลที่จะได้รับต่อปีแล้วครับ คำตอบ     = 0.128066 mSv/hr x 8760 hr/y     = 1121.85816 mSv/y     = 1.12185816 mSv/y ผะผ่างงงงงงง ปริมาณรังสียังผลที่ได้รับต่อปี เกินขีดจำกัดที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 1 mSv ต่อปีครับ เมื่อเราแขวนเหรียญห่างจากลำตัว 1 ซม.ตลอดระยะเวลา 1 ปี ถ้าเราแขวนเหรียญใกล้กว่า 1 ซม. ก็จะได้รับรังสีมากกว่านี้ ในทางกลับกันถ้าระยะเวลาที่เราแขวนเหรียญน้อยลง ปริมาณรังสีที่จะได้รับก็น้อยลงไปด้วย จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 21:10:27

ความคิดเห็นที่ 104 ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ และมีผลต่อการคำนวณนี้ คือ 1) ค่า Specific gamma ray constant ของ ทอเรียม-232 อาจไม่ใช่ค่าที่ใช้ในการคำนวณนี้ 2) ระยะห่างจากต้นกำเนิดรังสีถึงตัวผู้ใส่ 3) ระยะเวลาที่อยู่กับเหรียญ บางคนอาจไม่เท่ากัน ดังนั้น คนที่กังวลว่าบุคคลในครอบครัวกำลังห้อยเหรียญที่ว่าอยู่ จะเป็นอันตรายหรือไม่ ให้คุณลองคำนวณว่าใน 1 ปี เขาเหล่านั้นห้อยเหรียญเป็นระยะเวลากี่ชั่วโมง แล้วเอาจำนวนชั่วโมงที่ได้ไปคูณกับผลลัพธ์ใน คห.101 หลังจากนั้นดูว่าค่าที่เกิดน 1 mSv/y หรือไม่ (ระวังเรื่องการเปลี่ยนหน่วย mSv เป็น mSv ด้วยนะครับ) จากคุณ : Fumine เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 21:17:04

ความคิดเห็นที่ 105 ใส่แล้วจะฉลาดครับ จะพยายามขายให้คนต่อๆไป ความโง่จะหายไปจากเรา ส่วนคนซื้อจากเราเขาจะฉลาดต่อไปหรือไม่ก็เรื่องของเขาครับ อิอิ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 21:45:15

ความคิดเห็นที่ 106 แวะมาอ่านอีกรอบ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆเลยค่ะ สำหรับบทความดีๆแบบนี้ เป็นประโยชน์สำหรับเรามากมาย วันนี้เราเอาเรื่องในกระทู้นี้ ไปเล่าให้ญาติๆที่เค้าห้อยเหรียญอยู่ฟัง ผลปรากฎว่าหน้าแตกยับเลยค่ะ ไม่มีใครเชื่อเราเลยT_T แถมยังมาโม้อีกว่าห้อยแล้ว ดีอย่างงู้นอย่างงี้ มียุให้เราไปหามาใส่อีกแน่ะ(อยากจะย้อนกลับไปจริงๆเลยว่าคนห้อยเหรียญนี้ มีเงินอย่างเดียวไม่ได้นะต้อง........) อืม..ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังก็ตัวใครตัวมันละกัน อีกไม่นานมะเร็งคงถามหา ส่วนเราทำอะไรมากไม่ได้ ก็คงต้องอยู่ห่างๆคนที่ห้อยเหรียญนี้ให้มากที่สุด ไม่อยากเป็นมะเร็งตายก่อนวัยอันควร จากคุณ : annie_gnd เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 02:11:57