ความคิดเห็นที่ 1 ถูกบางส่วน เบรคเกอร์นอกจากใช้เปิดปิดไฟ แล้ว ไฟเกิน ไฟลัดวงจรมันก็ตัด (ในบางครั้ง) แต่ว่าระดับความไว ในการตัดของมันนั้น ค่อนข้างช้า ก่อนมันจะตัด คนที่โดนช้อต อาจจะตายไปแล้ว ดังนั้น พวกอุปกรณ์ ป้องกันไฟฟ้า ลัดวงจร อย่างพวก Safe T Cut ที่ตั้งความไวในการตัดได้ จึงปลอดภัยกว่า แต่บางคนที่บ้านไฟรั่ว บางจุด ทำให้มันตัดบ่อย ก็ดันไปตั้ง ซะให้มันทนได้สูง กว่าจะตัดไฟไหม้ หรือตายกันพอดี อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 11:45:52

ความคิดเห็นที่ 2 เบรคเกอร์หลักแล้วจะตัดวงจรได้มี 2 กรณี 1.   over load กระแสผ่านตัวมันเกินกว่าที่ ตัวเลขกำหนดในรูปคือ 30 A 2.   ไฟฟ้าลัดวงจร(สายไฟLและ N ถูก กัน)       ส่วนความเร็วนั้นอยู่ที่กลไกการตัดวงจร       คราวๆก็คือ       แบบความร้อนถ้ากระแสไหนเกิน 30 A จะเกินคสามร้อนขึ้นทำให้เบรคเกอร์ตัดวงจร ประมาณนั้น ในรูปเบรคเกอร์จะตัดไฟเมื่อเกิน 30A(มากไปหรือเปล่าสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น  ) แต่ไม่ตัดไฟรั่ว ส่วนใหญ่เครื่องทำน้ำอุ่นจะมี ELCB(Earth leak circuit breaker) ติดมาอยู่แล้วแค่ทดสอบว่ายังทำงานปกติหรือไม่ก็พอครับ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 12:00:33 จากคุณ : ข้าคือคนไทย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 11:59:33

ความคิดเห็นที่ 3 เคยเอาค้อนทุบดูลักษณะภายในเบรกเกอร์ยี่ห้อหนึ่ง รู้สึกว่าด้านที่ให้ต่อสาย N จะเป็นกลไกของการโยกแล้ว contact ตามธรรมดา  แต่ด้านที่ให้ต่อกับสาย L จะมีส่วนที่คิดว่าหดตัวได้เมื่อเกิดความร้อนสูงและช่วยดึงกลไกของสปริงให้โยกตัดการ contact ได้ทันที   เบรกเกอร์น่าจะช่วยตัดวงจรได้แบบคร่าวๆหยาบๆตามระดับกระแสสูงสุดที่กำหนดไว้ เพราะไม่มีกลไกการตัดระดับกระแสที่ละเอียดเท่าอุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติยี่ห้อต่างๆที่เรารู้จักกันดี  และควรต่อสาย L หรือ N กับเบรกเกอร์ให้ถูกต้องด้วย จากคุณ : ผู้ศึกษา เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 12:23:39

ความคิดเห็นที่ 4   CB หน้าที่โดยทั่วไป คือ เป็นตัวป้องกันสายไฟ ในกรณีที่กระแสไฟเกินพิกัดของสายเพื่อป้องกันเพลิงไหม้อันเนื่องมาจากสายไฟไหม้ เราจึงต้องรู้ว่าสายทนได้สูงสุดเท่าไรจึงหา CB ที่มีพิกัดเหมาะสมกับสายไฟนั้น เพื่อที่จะตัดวงจรก่อนเกิดเหตุ ELCB จะติดตั้งมาภายในเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นส่วนใหญ่ตามข้างบนครับ แนะนำให้ติดตั้งระบบกราวด์ให้ถูกต้องจะช่วยได้มากในกรณีไฟรั่ว จากคุณ : PmV เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 13:30:05 A:190.11.12.100 X:118.173.248.61 TicketID:232243

ความคิดเห็นที่ 5 CB ใช้กันไฟฟ้าช็อตหรือการใช้กระแสเกินพิกัด (เลข 30 บนคันโยก แปลว่า มันยอมให้กระแสไฟผ่านตัวมันไม่เกิน 30 แอมป์ หรือใช้กับเครื่องไฟฟ้าได้สูงสุด = 220V x 30 A = 6600 วัตต์ โดยประมาณ ถ้ากระแสเกินเช่นเกิดไฟช็อต หรือเราต่อพว่งกับอุปกรณืไฟฟ้าที่ใช้ไฟสูงมากๆ มันจะทำงาน) ELCB ใช้กันไฟรั่ว หรือไฟดูด เล็กๆ จี๊ดๆ (กระแสไฟเล็กๆระดับมิลิแอมป์) ELCB ทำงานไวกว่า CB เพราะกระแสรั่วนิดเดียวมันก็ตัดแล้ว เหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราต้องยุ่งเกี่ยวบ่อยๆโดยตรงเช่น ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 14:14:49

ความคิดเห็นที่ 6 ตามความเข้าใจของผมนะคับ เป็นช่างไฟจำ็เป็นอยู่บ่อยๆ CB  คือสะพานไฟ แล้วก็คอยตัดไฟเมื่อไฟเกินคับ แต่ว่ามีระยะเวลาในการตัดนาน ซึ่งไม่เหมาะแก่การป้องกันอันตรายกับตัวบุคคล elcb หรือ เซฟทีคัต ก็เป็น cb ชนิดหนึ่ง ที่เพิ่มระบบตรวจจับด้วยอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปด้วย มันจึงตัดการทำงานได้เร็วกว่า แล้วยังสามารถตรวจจับไฟรั่วและตัดวงจรเมื่อมีไฟรั่วได้ จึงเหมาะแก่การป้องกันอันตรายกับคน แต่ว่ามันก็มีราคาแพงครับ จึงมักถูกติดตั้งไว้ที่ตู้เมนเพียงที่เดียว แต่สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นส่วนมากจะเสริม elcb เข้าไปเพราะว่ามันเสี่ยงคับ ก็เรียกว่า ดับเบิลเช็ค เพิ่มความปลอดภัย (ไม่ก็เพราะว่าบางบ้านไม่มีเซฟทีคัต) ดังนั้น การใช้งานจะใช้ cb เพื่อแยกวงจร ระบบแสงสว่าง ปลั๊ก ของแต่ละชั้นแต่ละห้องครับ แล้วก็จะใช้เป็นสะพานไฟ สำหรับอุปรณ์ที่ใช้ไฟเยอะ เช่น ปั๊มน้ำ แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ทั้งหลายทั้งปวง เพื่อความเป็นระเบียบ ปลอกภัย ง่ายต่อการดูแลรักษาคับ ส่วน เซฟทีคัตนั้นมีราคาแพง เหมาะแก่บ้านที่มีเด็ก และคนชราคับ แล้วก็ติดที่ตู้เมนเป็นส่วนมาก ส่วนเรื่องสายดิน ก็ควรมีครับ มันมีหน้าที่ป้องกันตัวเราจากไฟรั่ว ครับ คือให้ไฟมันลงดิน แทนที่จะลงดินผ่านตัวเรางัยคับ ถามว่าถ้ามีเซฟทีคัตแล้วจำเป็นหรือปล่าว ก็ยังจำเป็นอยู่ครับ เพราะว่าบางจุดมันรั่วอยู่ แต่ยังไม่ลงดิน มันก็ไม่ตัดครับ แล้วพอคนไปจับ มันก็ไหลลงดิน มันเลยตัด ผู้ใหญ่ยังพอทนได้คับ แต่เด็กกะคนแก่ไม่แน่ เพราะว่ามันก็ใช้เวลาเหมือนกันกว่าจะตัด แล้วก็บ้านหนึ่งหลังควรมีแท่งสายดินเพียงจุดเดียวนะครับ ถ้าเป็นไปได้ (และถูกต้อง) ต้องลากไปที่ตู้เมนครับ แล้วค่อยต่อไปเครื่องทำน้ำอุ่น เวลามีอุปกรณ์อื่นๆที่ต้องการสายดิน ก็จะได้ลากไปที่ตู้เมนครับ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 14:27:29 จากคุณ : debud เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 14:23:31

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่รู้จัก CB สองแบบ แบบหนึ่งใช้หลักแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อกระแสไหลในตัวนำทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อกระแสถึงค่าหนึ่งก็จะมีแรงมากพอที่จะดูดให้หน้า contact หลุดเพื่อตัดวงจร ส่วนอีกแบบหนึ่งใช้หลักอุณหภูมิเมื่อกระแสไหลในผ่านตัวต้านทานก็จะมีความร้อน เมื่อกระแสไหลเกินค่าหนึ่ง ความร้อนมากเกินทำให้โลหะขยายตัวดึงให้หน้า contact หลุด จากคุณ : ชินโนะสึเกะคุง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 14:36:56

ความคิดเห็นที่ 8 ลองดูหน้า Earth Leakage Circuit breaker โดยมากแล้ว Earth Leakage Circuit breaker จะมีปุ่มกดทดสอบ จากคุณ : อิทธิพงษ์ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 18:45:32